Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เทคโนโลยีสารสนเทศ

เทคโนโลยีสารสนเทศ

Published by James Thanapisit, 2020-10-18 14:16:50

Description: เทคโนโลยีสารสนเทศ

Search

Read the Text Version

เทคโนโลยสี ารสนเทศ 1. ความหมายเทคโนโลยี เทคโนโลยี หมายถึง ส่ิงท่ีมนุษย์พัฒนาขึ้น เพื่อช่วยในการทางานหรือแก้ปัญหาต่าง ๆ เข่น อุปกรณ,์ เครอื่ งมอื , เครอื่ งจกั ร, วัสดุ หรอื แม้กระทงั่ ทไ่ี มไ่ ดเ้ ป็นส่ิงของที่จบั ต้องได้ เชน่ กระบวนการตา่ ง ๆ เทคโนโลยี เป็นการประยุกต์ นาเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ และก่อให้เกิดประโยชน์ ในทางปฏิบัติ แก่มวลมนุษย์กล่าวคือเทคโนโลยีเป็นการนาเอาความรู้ ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในการประดิษฐ์สิ่งของต่าง ๆให้เกิด ประโยชน์สูงสุด ส่วนท่ีเป็นข้อแตกต่างอย่างหนึ่งของเทคโนโลยี กับวิทยาศาสตร์ คือเทคโนโลยีจะขึ้นอยู่กับปัจจัย ทางเศรษฐกิจเป็นสินค้ามีการซ้ือขาย ส่วนความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เป็นสมบัติส่วนรวมของ ชาวโลกมีการเผยแพร่ โดยไม่มีการซื้อขายแต่อย่างใดกล่าวโดยสรุปคือ เทคโนโลยีสมัยใหม่เกิดขึ้นโดยมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เป็นฐานรองรบั ภาพท่ี 1 เทคโนโลยโี ทรศัพท์มือถือ ท่มี า : https://pixabay.com/th/photos/มาร์ทโฟน-เทคโนโลย-ี mockup-ปพลเิ คชัน-1283938/ 2. เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) หรือ IT คือ การประยุกต์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มา ใช้ในระบบสารสนเทศ ต้ังแต่กระบวนการจัดเก็บ ประมวลผล และการเผยแพร่สารสนเทศ เพ่ือช่วยให้ได้ สารสนเทศทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพและรวดเร็วทนั ต่อเหตกุ ารณ์ โดยเทคโนโลยีสารสนเทศ อาจประกอบดว้ ย 1) เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เคร่ืองคอมพิวเตอร์ เคร่ืองใช้ สานักงาน อุปกรณ์ส่ือสาร โทรคมนาคมต่างๆ รวมทั้งซอฟท์แวร์ทั้งแบบสาเร็จรูปและแบบพัฒนาข้ึนเพื่อใช้ในงานเฉพาะด้าน ซ่ึงเครอ่ื งมือเหลา่ นีจ้ ัดเป็นเคร่อื งมอื ทันสมัย และใชเ้ ทคโนโลยีระดับสูง (High Technology)

2) กระบวนการในการนาอปุ กรณ์เครื่องมอื ต่างๆ ข้างต้นมาใชง้ าน เพอื่ รวบรวม จดั เกบ็ ประมวลผล และ แสดงผลลัพธ์เป็นสารสนเทศในรูปแบบต่างๆ ท่ีสามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้ต่อไป เช่น การจัดเก็บ ขอ้ มูลในลักษณะของฐานขอ้ มูล เปน็ ต้น 3. ลักษณะของเทคโนโลยี สามารถจาแนกออกไดเ้ ป็น 3 ลักษณะ คอื (Heinich , Molenda and Russell. 1993 : 449) 1) เทคโนโลยีในลักษณะของกระบวนการ ( process) เป็นการใช้อย่างเป็นระบบของวิธีการทาง วิทยาศาสตร์หรือความรตู้ า่ งๆท่ไี ดร้ วบรวมไว้ เพอื่ นาไปสูผ่ ลในทางปฏิบัติ โดยเชื่อว่าเป็นกระบวนการ ทเ่ี ชอื่ ถอื ได้และนาไปสกู่ ารแก้ปญั หาต่าง ๆ 2) เทคโนโลยีในลักษณะของผลผลิต (product) หมายถึง วัสดุและอุปกรณ์ท่ีเป็นผลมาจากการใช้ กระบวนการทางเทคโนโลยี 3) เทคโนโลยีในลักษณะผสมของกระบวนการและผลผลิต (process and product) เช่น ระบบ คอมพวิ เตอรซ์ ่งึ มกี ารทางานเป็นปฏิสมั พันธร์ ะหว่างตัวเคร่ืองกบั โปรแกรม 4. ความหมายสารสนเทศ สารสนเทศ (Information) หมายถึง ข้อมูลต่างๆ ที่ได้ผ่านการเปล่ียนแปลงหรือมี การประมวลหรือ วิเคราะห์ผลสรุปด้วยวิธีการต่างๆ ให้อยู่ในรูปแบบที่มีความสัมพันธ์กัน มีความหมาย มีคุณค่าเพิ่มข้ึนและ มีวัตถุประสงค์ในการใช้งาน สามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น การเก็บข้อมูล การขายรายวันแล้ว นาการประมวลผล เพ่ือหาว่าสินค้าใดมียอดขายสูงที่สุด เพ่ือจัดทาแผนการขายในเดือนต่อไป เป็นต้น ซ่ึงสารสนเทศมีประโยชน์ คือ 1) ใหค้ วามรู้ 2) ทาให้เกดิ ความคิดและความเข้าใจ 3) ทาใหเ้ หน็ สภาพปัญหา สภาพการเปลย่ี นแปลงวา่ ก้าวหนา้ หรือตกตา่ 4) สามารถประเมนิ ค่าได้ แหลง่ ทีม่ าของขอ้ มลู สารสนเทศ ข้อมูลภายใน หมายถึง ข้อมูลที่เกิดขึ้นภายในองค์กรนั้น ได้แก่ ข้อมูล การปฏิบัติงาน ที่เกี่ยวข้อง เช่น ขอ้ มลู งานบุคลากร ขอ้ มลู งานกจิ การนกั เรียน ขอ้ มลู ภายนอก หมายถึง ขอ้ มูลทเ่ี กิดขนึ้ นอกองคก์ ร ข้อมลู หนว่ ยงานอ่นื ๆ ประโยชนข์ องสารสนเทศ 1) ให้ความรู้ทาให้เกิดความคดิ และความเข้าใจ 2) ใช้ในการวางแผนการบรหิ ารงาน

3) ใชป้ ระกอบการตัดสินใจ 4) ใช้ในการควบคุมสถานการณ์ หรือเหตุการณ์ที่จะเกดิ ขน้ึ 5) เพ่อื ให้การบริหารงานมรี ะบบ ลดความซา้ ซอ้ น แนวทางในการจัดทาระบบสารสนเทศ 1) การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 2) การตรวจสอบข้อมูล 3) การประมวลผล 4) การจัดเกบ็ ขอ้ มูล 5) การวิเคราะห์ 6) การนาไปใช้ 5. การรูส้ ารสนเทศ การรู้สารสนเทศ หมายถึง ความรู้ ทักษะ ความสามารถของบุคคลในการตระหนักถึงความต้องการ สารสนเทศ การเข้าถึงสารสนเทศและแหล่งสารสนเทศ การประเมินสารสนเทศ และนาสารสนเทศไปใช้ให้เกิด ประโยชนแ์ ก่ตนเองและส่วนร่วม ในยุคสมยั ท่ีทกุ คนสามารถเข้าถึงสารสนเทศได้อย่างไร้ขีดจากัด การรู้สารสนเทศในแต่ละคนแต่ละพ้ืนที่จึง เป็นสิง่ จาเป็น และยิง่ มคี วามสาคัญมากยงิ่ ขึ้น กับการเปลี่ยนของเทคโนโลยีในสังคมสารสนเทศ ได้มีนักสารสนเทศ ศึกษาและเลง็ เหน็ ความสาคัญของการรู้สารสนเทศ โดยสรุปถงึ ความสาคัญของการรู้สารสนเทศในแง่มุมท่ีน่าสนใจ ดังน้ี 1) เป็นการแสวงหาสารสนเทศตามความตอ้ งการไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ 2) ไดร้ ับรโู้ อกาสในการเลือกใช้แหลง่ สารสนเทศและแยกแยะแหล่งสารสนเทศได้ 3) ได้วิเคราะห์และเลือกใช้สารสนเทศจากเครื่องมือสืบค้นสารสนเทศ เช่น จากคอมพิวเตอร์ และจากเทคโนโลยสี ารสนเทศประเภทอืน่ ๆ 4) มคี วามสะดวกตอ่ การใช้มวลชนทหี่ ลากหลายทีเ่ หมาะสมท่สี ุด 5) มีความระมัดระวังต่อการใช้สารสนเทศท้ังท่ีเชื่อถือได้และเช่ือถือไมไ่ ด้ 6) สามารถถ่ายทอดสารสนเทศท่รี ู้ให้ผู้อน่ื ทราบได้ การรู้สารสนเทศมีบทบาทและความสาคัญต่อการ ศึกษาทุกระดับ ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา และระดับอุดมศึกษา เน่ืองจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ต่างตระหนักถึงความสาคัญของการรู้ สารสนเทศ ว่าเป็นพืน้ ฐานท่นี าไปสกู่ ารเรียนรดู้ ว้ ยตนเองและการเรยี นรูต้ ลอดชวี ติ ซึ่งสอดคล้องกับพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 เพราะการรู้สารสนเทศทาให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตซึ่งเป็นกลไกนาพา ให้บุคคลมีการพัฒนาคุณภาพของตนอยู่เสมอ และหากประเทศ ใดประชาชนมีการเรียนรู้ตลอดชีวิต

ถือว่าทรัพยากรมนุษย์ของประเทศน้ันย่อมมีคุณภาพดีกว่าประเทศอื่นๆ และการรู้สารสนเทศยังเป็นวิธีแห่ง การมอี านาจของบุคคลในสังคมสารสนเทศอีกด้วย ดงั นัน้ ประชากรที่เป็นผรู้ ู้สารสนเทศจงึ ถอื ได้ว่าเป็นทรัพยากรท่ีมี คุณค่ามากท่ีสดุ ของประเทศในยุคนี้ การรู้สารสนเทศมีความสาคัญต่อการสร้างสังคมสารสนเทศและสังคมความรู้ เป็นทักษะชีวิตท่ีจาเป็นใน สังคมแห่งการเรียนรู้ ซึ่งองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้กาหนด เปา้ หมายการเรยี นรขู้ องมนษุ ยเ์ อาไว้ 4 ประการ คือ 1. Learn to know เรียนเพ่ือให้มีความรู้และมีวิธีการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนาความรู้ วธิ กี ารเรยี นร้ทู ีไ่ ด้มาไปตอ่ ยอด แสวงหาหรือผลติสรา้ งความรู้ใหม่เพิม่ ขึน้ ไดเ้ รอ่ื ยๆ 2. Learn to do เรยี นเพ่อื ทจี่ ะทาเปน็ หรอื ใชค้ วามรู้ไปประกอบอาชีพและสร้างประโยชน์แก่สงั คม 3. Learn to live with the others เรียนเพื่อดารงชีวิตอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ ในสังคมอย่างมีความสุข และสร้างสรรค์ 4. Learn to be เรียนเพ่ือท่ีจะเป็นผู้ท่ีรู้จักตนเองอย่างถ่องแท้ สามารถพัฒนาตนได้เต็มตามศักยภาพ หรือพัฒนาตนให้เป็นมนุษยท์ ีส่ มบรู ณ์ จะเหน็ ไดว้ า่ 2 ใน 4 เป็นเป้าหมายการเรียนรทู้ ี่เชื่อมโยงไปถึงการพัฒนาลักษณะนิสัยทางจริยธรรม แบบที่ 3 และ4 เป็นการเรียนรู้เพื่อการมีจริยธรรมในการอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนและในการพัฒนาตนเองให้เป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ และหัวใจสาคัญของการเรียนรู้เพื่อสร้างลักษณะนิสัยทางจริยธรรมเพ่ือคว ามเป็นสมาชิกที่มีคุณค่าของสังคม คอื การสรา้ งกระบวนการเรยี นรู้ 6. ผลกระทบของเทคโนโลยี การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ จนสามารถนามาใช้ประโยชน์ได้อย่างมากมาย นับได้ว่าเป็นยุคของ เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือยุคข้อมูลข่าวสาร ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษย์อย่าง มหาศาล ยังผลทาให้เกิด การเปล่ียนแปลง การเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตามย่อมมีผลกระทบต่อบุคคล องค์กร หรือสังคม เราสามารถจาแนก ผลกระทบของเทคโนโลยสี ารสนเทศ ออกเป็นสองดา้ นคอื ผลกระทบดา้ นบวกและผลกระทบดา้ นลบ ดงั น้ี ผลกระทบดา้ นบวก  เพ่ิมความสะดวกสบายในการส่ือสาร การบริการและการผลิต ชีวิตคนในสังคมได้รับความ สะดวกสบาย เช่น การติดต่อผ่านธนาคารด้วยระบบธนาคารที่บ้าน (Home Banking) การทางานที่บ้าน ติดต่อสื่อสารด้วยระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การบันเทิงพักผ่อนด้วยระบบ มลั ตมิ ีเดยี เปน็ ต้น  เป็นสังคมโลกแห่งการส่ือสารเกิดขึ้น โดยสามารถเอาชนะเรื่องระยะทาง เวลา และสถานที่ได้ ด้วยความเร็วในการติดต่อส่ือสารที่เป็นเครือข่ายความเร็วสูง และที่เป็นเครือข่าย แบบไร้สาย ทาใหม้ นุษย์สามารถติดต่อถึงกนั อย่างรวดเร็ว

 มีระบบผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ในฐานข้อมูลความรู้ เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านที่เก่ียวกับ สาธารณสุขและการแพทย์ แพทย์ท่ีอยู่ในชนบทก็สามารถวินิจฉัยโรคจากฐานข้อมูลความรู้ของ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางการแพทย์ ในสถาบันการแพทย์ท่ีมีช่ือเสียงได้ท่ัวโลก หรือใช้วิธีปรึกษา แพทยผ์ ูเ้ ชี่ยวชาญในระบบทางไกลได้ดว้ ย  เทคโนโลยีสารสนเทศสร้างโอกาสให้คนพิการ หรือผู้ด้อยโอกาสจากการพิการทางร่างกาย เกิดการสร้างผลิตภัณฑ์ช่วยเหลือคนพิการ ให้สามารถพัฒนาทักษะและความรู้ได้ เพ่ือให้คน พกิ ารเหลา่ น้นั สามารถชว่ ยเหลือตนเองได้ ผูพ้ ิการจงึ ไม่ถูกทอดทง้ิ ใหเ้ ป็นภาระของสังคม ผลกระทบดา้ นลบ  ก่อใหเ้ กดิ ความเครียดในสังคมมากข้ึน เนื่องจากมนุษย์ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง เคยทาอะไรแบบ ใดมักจะชอบทาอย่างนั้นไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง แต่เทคโนโลยีสารสนเทศเข้าไปเปลี่ยนแปลง บุคคลที่รับต่อการเปลี่ยนแปลงไม่ได้จึงเกิดความวิตกกังกล จนกลายเป็นความเครียด กลัวว่า คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศจะทาให้ คนตกงาน เพราะส่ิงเหล่านี้จะเข้ามา ทดแทนมนษุ ย์  ก่อให้เกิดการรับวัฒนธรรม หรือแลกเปล่ียนวัฒนธรรมของคนในสังคมโลกทาให้ พฤติกรรมที่ แสดงออก ด้านการแต่งกาย และการบริโภคเปลี่ยนแปลงไป การมอมเมาเยาวชน ในรูปของเกม อเิ ล็กทรอนกิ ส์ ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาอารมณ์และจิตใจของเยาวชน เกิดการกลืนวัฒนธรรม ดั้งเดิมซ่งึ แสดงถงึ เอกลกั ษณข์ องสังคมน้ันๆ  ก่อให้เกิดผลด้านศีลธรรม การติดต่อส่ือสารท่ีรวดเร็วในระบบเครือข่ายมีผลก่อให้เกิดโลกไร้ พรมแดน แต่เม่ือพิจารณาศีลธรรมของแต่ละประเทศพบว่ามีความแตกต่างกัน ประเทศต่างๆ ผู้คนอยู่ร่วมกันได้ด้วยจารีตประเพณี และศีลธรรมดีงามของประเทศนั้นๆ การแพร่ภาพหรือ ขอ้ มูลข่าวสารทไ่ี ม่ดไี ปยังประเทศตา่ งๆ มีผลกระทบตอ่ ความรสู้ ึกของคนในประเทศนั้นๆ ท่ีนับถือ ศาสนาแตกตา่ งกนั  การมีส่วนร่วมของคนในสังคมลดน้อยลง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ทาให้เกิดความสะดวก รวดเรว็ ในการส่อื สาร และการทางาน แตใ่ นอีกดา้ นหน่งึ การมีส่วนร่วมของกิจกรรมทาง สังคมท่ีมี การพบปะสงั สรรค์กนั จะมนี ้อยลง ผูค้ นมกั อยู่แต่ทบี่ า้ นหรอื ท่ที างานของตนเองมากข้ึน  การละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลโดยการเผยแพร่ข้อมูลหรือรูปภาพต่อสาธารณชน ซ่ึงข้อมูล บางอย่างอาจไม่เป็นจริงหรือยังไม่ได้พิสูจน์ความถูกต้องออกสู่สาธารณชน ก่อให้เกิดความ เสียหายต่อบุคคลโดยไม่สามารถป้องกันตนเองได้ การละเมิดสิทธิส่วน บุคคล เช่นน้ี ต้องมีกฎหมายออกมาให้ความคมุ้ ครองเพื่อใหน้ าข้อมลู ต่างๆ มาใชใ้ นทางทีถ่ ูกต้อง

 เกดิ ช่องวา่ งทางสงั คม การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศจะเก่ียวข้องกับการลงทุน ผู้ใช้จึงเป็นชนช้ันใน อีกระดับหน่ึงของสังคม ในขณะท่ีชนช้ันระดับรองลงมามีอยู่จานวนมากกลับไม่มี โอกาสใช้ และผู้ท่ยี ากจนกไ็ มม่ โี อกาสรู้จักกบั เทคโนโลยสี ารสนเทศ  อาชญากรรมบนเครือข่าย ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศก่อให้เกิดปัญหาใหม่ๆ ขึ้น เชน่ ปญั หาอาชญากรรม ตัวอยา่ งเช่น อาชญากรรมในรปู ของการขโมยความลับ การขโมย ข้อมูล สารสนเทศ การใหบ้ ริการ สารสนเทศที่มกี ารหลอกลวง รวมถึงการบอ่ นทาลายข้อมูลและไวรัส  ก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ นับต้ังแต่คอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในการทางาน การศึกษา บนั เทงิ ฯลฯ การจอ้ งมองคอมพวิ เตอร์เป็นเวลานานๆ มีผลเสียต่อสายตาซ่ึงทาให้สายตา ผิดปกติ มีอาการแสบตา เวยี นศีรษะ นอกจากนน้ั ยงั มผี ลตอ่ สขุ ภาพจติ เกิดโรคทางจติ ประสาท ภาพที่ 2 ปญั หาดา้ นสขุ ภาพจากการใช้งานคอมพวิ เตอร์ ทม่ี า : https://tech.co/news/negative-effects-of-technology-bodies-2019-07


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook