บทเรียนโมดูล ช่อื มอดลู การวเิ คราะห์สภาพแวดล้อมทางการตลาดและระบบตลาด ชื่อวิชาหลกั การตลาด ผู้จดั ทา นางสาวบญุ ญาพร กาแพงโสภา นางสาวบญุ ญาพร กาแพงโสภา
คานา บทเรยี นโมดูลชุดท่ี 1 เรอื่ งการวเิ คราะห์สภาพแวดล้อมทางการตลาดและระบบตลาด ฉบับน้ี ข้าพเจ้า เรียบเรียงขึ้น เพื่อใช้ประกอบการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้หลักการตลาด รหัสวิชา 3200 – 1003 ระดับช้ัน ประกาศนียบตั รวิชาชพี ชน้ั สงู ปวส. (ทวภิ าค)ี โดยพยายามเขยี นใหน้ ักศกึ ษาเขา้ ใจไดง้ า่ ย นกั เรยี นสามารถศึกษาได้ ด้วยตนเอง เพอื่ ใหม้ ีความรพู้ ้ืนฐานกอ่ นท่จี ะศึกษาเนอื้ หาน้นั จรงิ ๆ และยังได้เพิม่ เติมเนื้อหาบางตอนเพ่ือช่วยเสริม ความรู้ความเขา้ ใจแก่นกั ศึกษา นอกจากนย้ี ังได้เพ่มิ ใบกิจกรรมเสรมิ ให้นกั ศกึ ษามปี ระสบการณ์กวา้ งขวางยงิ่ ขน้ึ บทเรียนโมดูลชุดน้ีมีจุดประสงค์เพื่อให้นักศึกษาศึกษาเก่ียวกับความหมาย และส่วนประกอบของ บรรยากาศ ความสาคญั ของบรรยากาศ ภายในบทเรยี นโมดูลเล่มนี้ประกอบด้วย คาแนะนาการใช้บทเรียนโมดูล จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ แบบทดสอบภาคความรู้ก่อนเรียน เน้ือหาใบกิจกรรม แบบทดสอบภาคความรู้หลังเรียน รวมทั้งเฉลยใบกิจกรรมและแบบทดสอบ บทเรยี นโมดูลนีน้ กั ศกึ ษาสามารถศึกษาคน้ คว้าด้วยตนเองและเรียนรู้กัน เปน็ กลุ่มเลก็ ๆ ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทเรียนโมดูลชุดน้ีจะช่วยให้นักศึกษาได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ การ วเิ คราะหส์ ภาพแวดลอ้ มทางการตลาดและระบบตลาดมากย่ิงขึ้นและสง่ ผลให้ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นของนกั ศกึ ษา สูงขึ้นอย่างไรก็ตามในบทเรียนโมดูลเล่มน้ีอาจมีบางจุดท่ีมีข้อบกพร่องผิดพลาด ขอให้ท่านผู้อ่านโปรดแจ้งให้ ข้าพเจ้าทราบด้วยจะขอบพระคุณเป็นอย่างย่ิง ข้าพเจ้ายินดีรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากท่าน และ พรอ้ มทีจ่ ะนามาแก้ไขปรบั ปรุงบทเรยี นโมดูลเล่มนใี้ หม้ ีความสมบรู ณแ์ ละถกู ตอ้ ง บญุ ญาพร กาแพงโสภา
สารบัญ หนา้ คานา ก สารบญั ข คาแนะนาการใชบ้ ทเรียนโมดลู 5 ชั้นตอนในการใชบ้ ทเรียนโมดลู 6 หลักการและเหตุผล 7 จุดประสงค์การเรยี น 8 การประเมินผลหลงั เรยี น 9 การสอนซ่อมเสริม 9 ขอบข่ายเนื้อหา 9 สาระสาคัญ 10 แบบทดสอบภาคความรกู้ อ่ นเรียน 11 เนอื้ หา 15 ความหมายของสภาพแวดลอ้ มทางการตลาด 15 ความสาคญั ของสภาพแวดลอ้ มทางการตลาด 16 องคป์ ระกอบของสภาพแวดล้อมทางการตลาด 16 ปัจจัยภายนอกหรอื ปจั จยั ท่ีควบคมุ ไม่ได้ External or Uncontrollable Factors 21 ปจั จยั ภายในหรอื ปัจจยั ทคี่ วบคุมได้ Internal or Controllable Factors 23 ใบความรู้ กจิ กรรม(ยอ่ ย)ระหวา่ งเนอ้ื หา 25 งานที่ตอ้ งปฏิบัติ การใชส้ ่ือออนไลน์ประกอบการสอน 26 เน้อื หา (ต่อ) 30 ใบความรู้ กิจกรรม(ย่อย)ระหว่างเนือ้ หา 31 แบบทดสอบภาคความรหู้ ลงั เรยี น 33 เฉลยแบบทดสอบภาคความรูก้ ่อนเรยี น แนวทางการในการวัดผล และประเมินผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ แบบประเมินการจัดการเรยี มรู้ เกณฑก์ ารประเมนิ บรรณานุกรม
คาแนะนา การใช้บทเรียนโมดูล สาหรบั นักศึกษา การใช้บทเรยี นโมดลู ให้เกดิ ประสทิ ธิภาพต่อการจัดกิจกรรการเรียนการสอนไดอ้ ยา่ งสงู สตุ นักศกึ ษาควรปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี 1. การเตรียมตัวของนักเรยี น 1.1 ศึกษาบทเรียนโมดูลล่วงหน้าก่อนที่จะทาการทดลอง หรือปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ เพ่ือให้ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับจุดประสงค์ และความสาคัญของสภาพแวดล้อมทางการตลาด ระบบ การตลาด และการวิเคราะห์โอกาสการตลาด ตามรายละเอียดท่ีปรากฏอยู่ในส่วนของเน้ือหาสาระของ แผนการสอน ขณะสอน จะนาข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในเรื่องต่างๆ ตามสถานการณ์จริง ที่มี ผลกระทบตอ่ การดาเนนิ งานทางการตลาดมาให้ผู้เรียนร่วมกันวิเคราะห์หาโอกาสการตลาดและกาหนด กจิ กรรมการตลาดให้สอดคล้องอยา่ งเปน็ ระบบ 1.2 วางแผน และจดั หาขอ้ มูลท่ใี ช้ประกอบการเรียนรู้ของตนเองหรือของกลุ่มให้พร้อมสาหรับ การปฏิบัตกิ จิ กรรมท่ีไดร้ ับมอบหมาย 2. ดาเนินการจัดกจิ กรรมในแต่ละครง้ั นักศกึ ษาควรปฏิบตั ิ ดังน้ี 2.1 ศึกษาแนวทางในการปฏิบัติกิจกรรมให้มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ หากพบปัญหาหรือไม่ เขา้ ใจให้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากครู 2.2 ปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ๆ ตามลาดับขั้นตอนท่ีกาหนด ดังนี้ 2.2.1 นกั ศกึ ษาทาแบบทดสอบความรู้กอ่ นเรียน 2.2.2 นกั ศึกษาศึกษาและปฏิบัตกิ ิจกรรมต่างๆ ตามแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ตามลาดับข้ันตอนทกี่ าหนด 2.2.3 นักศึกษาส่งผลงานหรือชินงานในการปฏิบัติกิจกรรม มีส่วนร่วมในการนาเสนอ ผลงานหรอื ภปิ รายความรู้ 2.2.4 นกั ศึกษาทาแบบทดสอบภาคความรูห้ ลงั เรียน
ขนั้ ตอนในการใชบ้ ทเรยี นโมดลู 1. ครูแนะนานกั ศึกษาเกีย่ วกบั องคป์ ระกอบของบทเรยี นโมดลู ชุดท่ี 1 เร่อื งการวเิ คราะห์ สภาพแวดลอ้ มทางการตลาดและระบบตลาด 2. นักศึกษา ตรวจสอบองคป์ ระกอบของบทเรียนโมดลู ชุดท่ี 1 ว่าครบถ้วนหรอื ไม่ 3. นกั ศึกษา ปฏิบัตกิ จิ กรรม ตามลาดบั ดงั นี้ 3.1 นักศกึ ษาทาแบบทดสอบภาคความรู้กอ่ นเรยี น 3.2 นกั ศกึ ษา คน้ คว้าจากใบความรู้ ดงั นี้ - ความหมายของระบบการตลาด - เข้าใจกลไกการทางานของระบบการตลาด - มที ักษะในการวเิ คราะห์ข้อมูลเก่ยี วกบั สภาพแวดลอ้ มทางการตลาดเพือ่ คน้ หาโอกาส ทางการตลาดตามแนวทางของSWOT - เขา้ ใจหลกั การทางานเปน็ ทมี 3.3 นักศกึ ษาปฏิบัติกิจกรรมตามใบกจิ กรรม ดังน้ี - ใบกิจกรรมท่ี 1 - ใบกิจกรรมที่ 2 - ใบกิจกรรมที่ 3 4. ในระหว่างการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมในใบกจิ กรรมท่ี 1 – 3 ถ้าหากนักศกึ ษา มีขอ้ สงสัยสามารถซักถาม เพอ่ื ใหส้ ามารถปฏิบตั ิไดถ้ กู ต้องได้ 5. เมอ่ื ปฏบิ ัติกจิ กรรมในแตล่ ะชัว่ โมง ครแู ละนกั ศึกษารว่ มกนั อภปิ รายความรู้ และเฉลย คาตอบของการ ปฏิบตั ิกจิ กรรม 6. นกั ศึกษาร่วมกนั ซักถาม และอภปิ รายความรู้เกยี่ วกบั การวิเคราะหส์ ภาพแวดล้อมทางการตลาดและ ระบบตลาด 7. นักศกึ ษาทาแบบทดสอบภาคความรหู้ ลงั เรียน
หลักการและเหตผุ ล สภาพแวดลอ้ มทางการตลาด (Marketing Environment) คอื ปจั จยั ต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการ ดาเนินงานทางการตลาดของธุรกิจเป็นอย่างมาก เน่ืองจากภารกิจหลักของการตลาดเป็นภารกิจในการ ตอบสนองความตอ้ งการของผู้บริโภคหรือผู้ใช้และกลุ่มเป้าหมาย ซ่ึงมีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งจากตัว ผู้บรโิ ภคหรือผใู้ ช้และกลมุ่ เป้าหมายเอง และจากปจั จยั อนื่ ๆ ทีเ่ ข้ามาทาใหเ้ กดิ การเปล่ียนแปลง โดยเฉพาะปจั จัยที่ ไม่สามารถควบคุมได้ เรียกว่า ปัจจัยภายนอก (External Factors) ได้แก่ วฒั นธรรมสงั คม การเมือง เศรษฐกิจ ค่แู ขง่ ขนั เทคโนโลยี กฎหมาย เป็นต้น นักการตลาดต้องทาการศึกษา ค้นหาติดตาม และวิเคราะห์เก่ียวกับปัจจัย ภายนอก เพอื่ ติดตามข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ได้ทนั สถานการณ์ จึงจะมีโอกาสคน้ หาตลาดใหม่ ๆ แล้วนาผลที่ได้มาใช้ ประกอบการตัดสินใจ เพื่อกาหนดแนวทางในการปรับสภาพ แวดล้อมภายใน (Internal Factors) ซึ่งเป็นปัจจัยท่ี สามารถควบคุมได้ เพราะเป็นทรพั ยากรต่างๆ ที่มีอยู่ในกิจการนั่นเอง ได้แก่ นโยบายของกิจการ ฐานะทางการเงิน การบรหิ ารจัดการ และทส่ี าคญั คอื ส่วนประสม ทางการตลาด (Marketing Mix) ต้องพัฒนาให้สอดคล้องกับทิศ ทางการเปลยี่ นแปลงของปัจจัยภายนอก จึงจะส่งผลให้การดาเนินงานทางการตลาดเกิดประสิทธิภาพ และเกิด ประสทิ ธิผล โดยการกระทาดงั กลา่ วจะต้องดาเนนิ การเป็นขน้ั ตอนอย่างตอ่ เนอื่ ง เพ่ือใหเ้ กดิ การเคล่ือนยา้ ยสินค้า หรือบริการ จากผ้ผู ลิตไปสูผ่ บู้ รโิ ภคหรือผใู้ ช้ และกล่มุ เป้าหมายอย่างต่อเนอ่ื งและมีประสิทธิภาพ เรียกว่า ระบบ การตลาด (Marketing Systems) คือ การกระทาเพอื่ ใหเ้ กดิ การรวมตวั กนั ของกจิ กรรมย่อยๆ ทางการตลาดเพอื่ ให้ การทางานประสานสอดคล้องกันท้ังในด้านข่าวสารทางการตลาดและกิจกรรมในการจาหน่ายจ่ายแจก เพ่ือให้ กิจกรรมย่อยๆ ทางการตลาดได้ดาเนินการไปในทิศทางเดียวกันอย่างต่อเน่ือง บรรลุวัตถุประสงค์ ที่กาหนดไว้ ภายใตส้ ถานการณ์ทางการตลาดในขณะน้นั ซึง่ กิจกรรมย่อยๆ ดงั กลา่ วจะอยรู่ ะหว่างองค์การทางการตลาดกับตลาด เป้าหมาย
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1 จุดประสงค์ทว่ั ไป 1.1 รคู้ วามหมายของสภาพแวดล้อมทางการตลาด 1.2 เขา้ ใจองค์ประกอบของสภาพแวดล้อมทางการตลาด 1.3 ความหมายของระบบการตลาด 1.4 เข้าใจกลไกการทางานของระบบการตลาด 1.5 รูแ้ ละเขา้ ใจหลักการในการวเิ คราะหโ์ อกาสทางการตลาด 1.6 มที ักษะในการวเิ คราะห์ข้อมูลเกี่ยวกบั สภาพแวดลอ้ มทางการตลาดเพ่อื ค้นหาโอกาส ทางการตลาดตามแนวทางของSWOT 1.7 เข้าใจหลกั การทางานเป็นทมี 2 จดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม 2.1 บอกความหมายของสภาพแวดล้อมทางการตลาดได้ 2.2 อธิบายความสาคัญของสภาพแวดล้อมทางการตลาดได้ 2.3 จาแนกองค์ประกอบของสภาพแวดลอ้ มทางการตลาดไดถ้ ูกต้องครบถ้วน 2.4 อธิบายพรอ้ มยกตัวอย่างสภาพแวดล้อมทางการตลาดแตล่ ะชนดิ ทม่ี ผี ลกระทบต่อการ ดาเนินงานทางการตลาดในแต่ละด้านได้ 2.5 บอกความหมายของระบบการตลาดได้ 2.6 อธิบายกลไกการทางานของระบบการตลาดได้
การประเมินผลหลงั เรียน นกั เรยี นผ่านเกณฑ์การประเมินผลผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ 70 สามารถเรยี นบทเรียนโมดลู ตอ่ ไปได้แต่ ไม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ร้อยละ 70 นกั ศึกษาต้องเรียนซ่อมเสริม การเรยี นซอ่ มเสริม ถา้ นกั เรยี นไมผ่ ่านเกณฑท์ ร่ี ะบุไว้ ให้นกั ศึกษาไดศ้ กึ ษาตามจดุ ประสงค์ทีไ่ มผ่ ่านแลว้ ทา แบบทดสอบภาคความรหู้ ลักเรยี นใหผ้ า่ นเกณฑท์ ่ีกาหนดไว้ การเรยี นซ่อมเสรมิ ใหน้ กั ศึกษาปฏบิ ัติ ดังนี้ 1. ใช้เวลามากกวา่ เดิม 2. ใหเ้ พอ่ื นชว่ ยเหลือ 3. ครูอธิบายเพมิ่ เติม ขอบข่ายเน้ือหา - ความหมายของระบบการตลาด - เขา้ ใจกลไกการทางานของระบบการตลาด - มีทักษะในการวเิ คราะห์ขอ้ มลู เก่ยี วกบั สภาพแวดลอ้ มทางการตลาดเพ่ือคน้ หาโอกาส ทางการตลาดตามแนวทางของSWOT - เข้าใจหลักการทางานเป็นทมี
สาระสาคัญ สภาพแวดลอ้ มทางการตลาด (Marketing Environment) คอื ปจั จยั ตา่ งๆ ทสี่ ง่ ผลกระทบต่อการ ดาเนินงานทางการตลาดของธุรกิจเป็นอย่างมาก เน่ืองจากภารกิจหลักของการตลาดเป็นภารกิจในการ ตอบสนองความตอ้ งการของผู้บริโภคหรือผู้ใช้และกลุ่มเป้าหมาย ซ่ึงมีความเปล่ียนแปลงตลอดเวลา ทั้งจากตัว ผู้บรโิ ภคหรือผูใ้ ชแ้ ละกลุ่มเป้าหมายเอง และจากปจั จยั อ่ืน ๆ ทเ่ี ข้ามาทาให้เกิดการเปล่ยี นแปลง โดยเฉพาะปจั จัย ท่ีไม่สามารถควบคุมได้ เรียกว่า ปัจจัยภายนอก (External Factors) ได้แก่ วัฒนธรรมสังคม การเมือง เศรษฐกิจ คูแ่ ขง่ ขัน เทคโนโลยี กฎหมาย ระบบการตลาด (Marketing Systems) คอื การกระทาเพอ่ื ให้เกิดการรวมตัวกนั ของกจิ กรรม ยอ่ ยๆ ทางการตลาดเพือ่ ให้ การทางานประสานสอดคล้องกนั ทง้ั ในดา้ นข่าวสารทางการตลาดและกจิ กรรมในการ จาหน่ายจา่ ยแจก เพอื่ ใหก้ จิ กรรมยอ่ ยๆ ทางการตลาดได้ดาเนินการไปในทศิ ทางเดยี วกนั อย่างตอ่ เนื่อง บรรลุ วัตถปุ ระสงค์ ที่กาหนดไว้
แบบทดสอบก่อนเรยี น 1. การตลาดเรม่ิ ตน้ พฒั นาการจากข้อใด ก. ระบบคนกลาง ข. ระบบแลกเปลีย่ น ค. ระบบตลาด ง. ระบบการตลาด 2. แนวความคิดทางการตลาดทเี่ น้นดา้ นการขายตง้ั อยบู่ นพนื้ ฐานความเช่อื ทวี่ า่ ก. สินคา้ ทผ่ี บู้ รโิ ภคต้องการเท่านน้ั จงึ จะขายได้ ข. สินค้าทกุ อยา่ งขายได้หากมคี ุณภาพดกี วา่ คู่แขง่ ขนั ค. กิจกรรมหรอื เครอ่ื งมอื ตา่ ง ๆ เกี่ยวกบั การขายสามารถกระตุ้นหรอื จูงใจใหผ้ ้บู ริโภคซอื้ สินคา้ ได้ ง. สนิ คา้ ที่ไม่เป็นทีต่ อ้ งการตอ้ งอาศัยการขายจึงจะขายได้ 3. การผลติ รถยนตเ์ พยี ง 10 คัน จาหนา่ ยท่วั โลก จัดเป็นแนวความคดิ ทางการตลาดข้อใด ก. แนวความคิดทางการตลาดทเี่ น้นหนกั ดา้ นการผลติ ข. แนวความคดิ ทางการตลาดทีเ่ นน้ หนกั ด้านผลติ ภัณฑ์ ค. แนวความคดิ ทางการตลาดท่เี น้นหนักด้านการขาย ง. แนวความคดิ ทางการตลาดทีเ่ น้นหนกั ด้านการตลาด 4. แนวความคดิ ทางการตลาดคือขอ้ ใด ก. แนวทางในการจัดสรรทรัพยากรท้งั หมดขององค์การเพ่ือนามาสรา้ งสรรค์กิจกรรมตา่ ง ๆ เพอ่ื กระตุน้ ให้ผบู้ รโิ ภคเกดิ ความพึงพอใจ ข. แนวทางในการจดั กจิ กรรมเพอ่ื ทาใหส้ นิ คา้ เกดิ การเคลอ่ื นย้ายจากผผู้ ลติ ไปสู่ผบู้ รโิ ภค ค. แนวทางในการทาใหผ้ ลติ ภณั ฑ์มีความแตกตา่ งไปจากผลติ ภัณฑ์ของคู่แข่งขัน ง. แนวทางในการปฏบิ ัติงานทางการตลาดทกี่ าหนดใหเ้ ข้ากับ 5. ขอเชิญผใู้ ชร้ ถยนต์โตโยต้าทกุ ทา่ นเขา้ รว่ มแรลลก่ี ารกศุ ลได้ในวนั ที่ 10 กนั ยายน 2564 เพอื่ ชว่ ยเหลือ ผู้ประสบอทุ กภัย จดั เปน็ แนวความคิดทางการตลาดในขอ้ ใด ก. แนวความคิดทางการตลาดที่เน้นหนักดา้ นการตลาด ข. แนวความคดิ ทางการตลาดทเี่ น้นหนกั ด้านการตลาดเพอ่ื สงั คม ค. แนวความคิดทางการตลาดทเี่ นน้ ความสาคญั ทผ่ี บู้ ริโภค ง. แนวความคิดทางการตลาดทเ่ี นน้ หนกั ดา้ นผลิตภณั ฑ์ 6. ทกุ 1 บาทของกระเบอื้ งทกุ แผ่นทซ่ี อื้ จากรา้ น ใจดี วสั ดกุ ่อสร้าง นาไปสมทบทุนเด็กดอ้ ยโอกาส จดั เป็นแนวความคิดทางการตลาดในข้อใด ก. แนวความคดิ ทางการตลาดทเี่ นน้ หนกั ดา้ นการตลาด ข. แนวความคิดทางการตลาดทเี่ นน้ หนกั ด้านการตลาดเพือ่ สงั คม ค. แนวความคิดทางการตลาดทเ่ี นน้ ความสาคญั ที่ผบู้ รโิ ภค ง. แนวความคดิ ทางการตลาดทเี่ นน้ หนักด้านผลติ ภัณฑ์
7. ขอ้ ใดคอื หนา้ ทที่ างการตลาดด้านอานวยความสะดวกและสนับสนุนการตลาด ก. การซอ้ื และการขาย ข. การวางแผนและพฒั นาผลติ ภณั ฑ์ ค. การขนสง่ และการเก็บรักษา ง. การสง่ เสรมิ การตลาด 8. การเปลีย่ นแปลงรสนิยมและคา่ นยิ มทางสงั คม เป็นความเสีย่ งภยั ท่เี กดิ จากขอ้ ใด ก. การเปลยี่ นกรรมสิทธค์ิ วามเปน็ เจา้ ของ ข. การกระจายผลิตภณั ฑ์ ค. การเปลีย่ นแปลงความต้องการของตลาด ง. การให้ขอ้ มลู ข่าวสารการตลาด 9. การเปลย่ี นแปลงรสนยิ มของผบู้ รโิ ภคเปน็ ปจั จัยสาคญั ตอ่ การปรบั ปรงุ เรอ่ื งใด ก. สนิ ค้าหรือบรกิ าร ข. การกาหนดราคา ค. การจัดจาหน่าย ง. การสง่ เสรมิ ทางการตลาด 10. แชมพซู นั ซลิ รปู แบบใหม่ถอดรหสั จากธรรมชาตเิ ป็นการปรับเปล่ยี นผลิตภัณฑ์เนอื่ งจากผลกระทบ จากข้อใด ก. คแู่ ข่งขัน ข. ปจั จัยภายนอก ค. การเปล่ยี นแปลงรสนิยม ง. ปจั จยั ภายใน
เฉลย 1. การตลาดเริ่มตน้ พฒั นาการจากข้อใด ก. ระบบคนกลาง ข. ระบบแลกเปลยี่ น ค. ระบบตลาด ง. ระบบการตลาด 2. แนวความคดิ ทางการตลาดทเ่ี น้นดา้ นการขายตง้ั อยู่บนพ้นื ฐานความเชอ่ื ทวี่ ่า ก. สินคา้ ท่ีผบู้ รโิ ภคตอ้ งการเท่าน้ันจงึ จะขายได้ ข. สนิ คา้ ทุกอย่างขายไดห้ ากมีคุณภาพดกี ว่าคู่แข่งขัน ค. กิจกรรมหรอื เครอ่ื งมอื ตา่ ง ๆ เกี่ยวกบั การขายสามารถกระต้นุ หรอื จูงใจใหผ้ บู้ รโิ ภคซอ้ื สินคา้ ได้ ง. สินค้าทีไ่ ม่เปน็ ทีต่ ้องการตอ้ งอาศยั การขายจึงจะขายได้ 3. การผลิตรถยนตเ์ พียง 10 คัน จาหน่ายท่ัวโลก จดั เป็นแนวความคิดทางการตลาดขอ้ ใด ก. แนวความคิดทางการตลาดทเี่ น้นหนกั ด้านการผลติ ข. แนวความคิดทางการตลาดทเี่ น้นหนักด้านผลิตภณั ฑ์ ค. แนวความคดิ ทางการตลาดทเ่ี น้นหนกั ดา้ นการขาย ง. แนวความคิดทางการตลาดทีเ่ นน้ หนกั ด้านการตลาด 4. แนวความคิดทางการตลาดคอื ข้อใด ก. แนวทางในการจดั สรรทรพั ยากรทั้งหมดขององคก์ ารเพ่ือนามาสร้างสรรค์กจิ กรรมต่าง ๆ เพอ่ื กระตุ้นใหผ้ บู้ ริโภคเกิดความพึงพอใจ ข. แนวทางในการจัดกจิ กรรมเพอื่ ทาใหส้ นิ ค้าเกดิ การเคล่อื นย้ายจากผผู้ ลติ ไปสู่ผบู้ รโิ ภค ค. แนวทางในการทาใหผ้ ลติ ภัณฑม์ ีความแตกตา่ งไปจากผลติ ภณั ฑข์ องคู่แข่งขัน ง. แนวทางในการปฏบิ ตั งิ านทางการตลาดทกี่ าหนดใหเ้ ข้ากับ 5. ขอเชิญผใู้ ชร้ ถยนต์โตโยตา้ ทุกท่านเขา้ ร่วมแรลล่กี ารกุศลไดใ้ นวนั ที่ 10 กันยายน 2564 เพื่อช่วยเหลือ ผปู้ ระสบอุทกภยั จัดเปน็ แนวความคิดทางการตลาดในขอ้ ใด ก. แนวความคิดทางการตลาดทีเ่ นน้ หนกั ดา้ นการตลาด ข. แนวความคดิ ทางการตลาดทเ่ี น้นหนกั ด้านการตลาดเพือ่ สงั คม ค. แนวความคดิ ทางการตลาดทเี่ นน้ ความสาคญั ทผ่ี บู้ รโิ ภค ง. แนวความคดิ ทางการตลาดทเ่ี นน้ หนกั ดา้ นผลิตภัณฑ์ 6. ทกุ 1 บาทของกระเบอื้ งทกุ แผน่ ท่ซี ้ือจากรา้ น ใจดี วัสดุกอ่ สรา้ ง นาไปสมทบทุนเด็กด้อยโอกาส จดั เปน็ แนวความคิดทางการตลาดในข้อใด ก. แนวความคิดทางการตลาดทเ่ี น้นหนักดา้ นการตลาด ข. แนวความคิดทางการตลาดทเ่ี นน้ หนกั ดา้ นการตลาดเพอ่ื สงั คม
ค. แนวความคดิ ทางการตลาดทเ่ี น้นความสาคัญทผ่ี บู้ รโิ ภค ง. แนวความคิดทางการตลาดทเี่ นน้ หนักด้านผลติ ภัณฑ์ 7. ขอ้ ใดคือหนา้ ทที่ างการตลาดด้านอานวยความสะดวกและสนบั สนุนการตลาด ก. การซื้อและการขาย ข. การวางแผนและพฒั นาผลติ ภัณฑ์ ค. การขนส่งและการเกบ็ รักษา ง. การสง่ เสรมิ การตลาด 8. การเปลย่ี นแปลงรสนิยมและค่านิยมทางสงั คม เปน็ ความเสยี่ งภัยทีเ่ กิดจากข้อใด ก. การเปลยี่ นกรรมสิทธค์ิ วามเป็นเจ้าของ ข. การกระจายผลิตภณั ฑ์ ค. การเปล่ียนแปลงความตอ้ งการของตลาด ง. การให้ข้อมลู ขา่ วสารการตลาด 9. การเปลย่ี นแปลงรสนิยมของผบู้ รโิ ภคเป็นปจั จยั สาคญั ตอ่ การปรับปรงุ เรือ่ งใด ก. สนิ คา้ หรอื บรกิ าร ข. การกาหนดราคา ค. การจดั จาหน่าย ง. การสง่ เสริมทางการตลาด 10. แชมพซู นั ซลิ รปู แบบใหม่ถอดรหสั จากธรรมชาตเิ ปน็ การปรบั เปล่ียนผลติ ภณั ฑเ์ นอื่ งจากผลกระทบ จากขอ้ ใด ก. คู่แข่งขัน ข. ปจั จยั ภายนอก ค. การเปลยี่ นแปลงรสนิยม ง. ปจั จัยภายใน
เนื้อหา เนือ้ หา จากแนวความคิดทางการตลาดและหน้าท่ีทางการตลาด ที่ทาให้ความสาคัญต่อการตอบสนองความ ตอ้ งการของลูกคา้ ไปพรอ้ มๆ กบั การบรรลุวัตถุประสงค์ของธุรกิจซ่ึงกิจการต้องดาเนินการอย่างเป็นระบบใช้กล ยทุ ธก์ ารตลาดเกยี่ วกบั การประสมทางการตลาด ได้แกผ่ ลิตภณั ฑร์ าคาช่องทางการจัดจาหน่ายการ ส่งเสริมทาง การตลาดให้เกิดความเหมาะสม กับสภาพแวดล้อมทางการตลาดในขณะน้ันสภาพแวดล้อมภ ายนอก สภาพแวดลอ้ มภายในดว้ ยกระบวนการบรหิ ารทางการตลาดท่ีมีประสิทธิภาพ ความหมายของสภาพแวดล้อมทางการตลาด สภาพแวดลอ้ มทางการตลาด หมายถงึ สิ่งแวดลอ้ มภายนอกและส่ิงแวดล้อมภายในที่มีผลต่อโปรแกรมทาง การตลาดของบริษทั ซึ่งสิ่งแวดล้อมภายนอกธรุ กจิ เป็นส่ิงแวดล้อมทม่ี ีธุรกจิ ควบคุมไม่ได้แต่ส่งิ แวดลอ้ มภายในธุรกิจ เปน็ สิ่งแวดล้อมที่ธรุ กจิ ควบคมุ ได้ ส่ิงแวดลอ้ มทางการตลาด หมายถงึ ปัจจัยทุกชนิดทมี่ ผี ลกระทบต่อการดาเนนิ งานด้านการตลาดและด้าน อนื่ ๆของธรุ กจิ ปจั จัยท่สี ่งผลกระทบมีไดห้ ลายปจั จัยและปัจจยั จะส่งผลในเวลาเดียวกนั หรือต่างเวลากนั ก็ไดท้ าให้มี การพิจารณาในลักษณะของผลรวม ส่ิงแวดล้อมทางการตลาด หมายถึง ขายนอกต่างๆทีน่ ักการตลาดไมส่ ามารถควบคุมได้หรืออาจควบคุมได้ เพยี งบางส่วนอกี ครง้ั จะมีการเปล่ียนแปลงได้ตลอดเวลา ท่ีสาคัญคือปัจจัยการต่างเหล่านั้นสามารถสร้างโอกาส หรอื ก่อให้เกดิ อุปสรรคทางการตลาดให้มีการดาเนนิ กจิ กรรมทางการตลาดไม่เป็นไปตามแผนงานท่ีกาหนดไว้จึงมี ความสาคัญต่อการตดั สินใจทางการตลาดอย่างมาก สรปุ ไดว้ ่าสภาพแวดล้อมทางการตลาด หมายถึง ปจั จยั ตา่ งๆที่มอี ทิ ธพิ ลหรือมผี ลกระทบต่อการดารงการ ทางการตลาดโดยเฉพาะในดา้ นการวางแผนการตลาดการสร้างโอกาสทางการตลาดการจากัดขอบเขตการตลาด และการตดั สนิ ใจทางการตลาดในดา้ นตา่ งๆ ความสาคัญของสภาพแวดล้อมทางการตลาด การดาเนินการตลาดใหป้ ระสบความสาเร็จนั้น นกั การตลาดตอ้ งมคี วามรคู้ วามเข้าใจและมีความสามารถ ในการนาข้อมลู เก่ียวกับสภาพแวดล้อมทางการตลาดภายนอก และทาการวิเคราะห์และบริหารจัดการเกี่ยวกับ สภาพแวดลอ้ มทางตลาดภายในให้สอดคล้องกบั สภาพแวดล้อมของตลาดภายนอกท่เี ก่ียวข้องเพ่ือกาหนดแนวทาง ในการดาเนินงานของการตลาดได้อย่างเหมาะสมกับโอกาสและจังหวะเวลา สามารถตอบสนองความต้องการ ทางการตลาดไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพและประสบผลสาเรจ็ ตามวตั ถุประสงค์และนโยบายท่ีกิจการกาหนดไว้ซึ่งพอ สรุปความสาคัญของสภาพแวดลอ้ มทางการตลาดได้ดงั น้ี
1. สามารถนามาวเิ คราะห์ถงึ โอกาส อุปสรรค เพือ่ ศกึ ษาและพยากรณ์ถึงผลกระทบทีเ่ กิดขึ้นกับธุรกิจเพื่อหา แนวทางในการสร้างความสาเรจ็ หรือป้องกนั ผลกระทบทีเ่ กิดขนึ้ กบั กจิ การได้ 2. สามารถนาข้อมูลมาใชป้ ระกอบในการตัดสินใจ เพอื่ กาหนดแผนการทางการตลาดให้มีความเหมาะสมกับ สถานการณ์ในขณะนนั้ ๆได้ 3. สามารถรับรู้การเคล่ือนไหวของสถานการณ์ในด้านต่างๆได้ทันเวลา ทาให้มีข้อมูลท้ังสมัยในการนามา บริหารจัดการได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพและเกดิ ประสทิ ธิผล 4. สามารถปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมภายใน ดูสภาพพยากรณ์ทั้งหมดที่กิจการหรือธุรกิจมีอยู่ให้เกิด ประสิทธิภาพสูงสุด 5. สามารถค้นพบตลาดใหม่ๆ ทาให้สามารถขยายตลาดได้อย่างต่อเน่ืองตัวอย่างเช่นช่วงเวลาวันที่ 26 กันยายนถึง 5 ตุลาคม 2563 เป็นเทศกาลของคนใจบุญประเพณีการกินเจ (เป็นสภาพแวดล้อมทาง การตลาดภายนอกเรียกวา่ ปัจจัยทางดา้ นสงั คมวฒั นธรรม) ปนี ้ีคกึ คกั นักการตลาดสามารถนามาใช้เป็น โอกาสในการกาหนดแนวทางการทาการตลาดเก่ียวกับสินค้าและบริการ (เป็นการปรับเปล่ียน สภาพแวดลอ้ มภายในเกี่ยวกับสว่ นประสมทางการตลาดดา้ นผลติ ภัณฑ์) เพ่ือใช้ในการวางแผนตอบสนอง ความต้องการของผู้บริโภคกล่มุ ทนี่ ิยมกินเจและบาเพ็ญบุญในช่วงเวลาดงั กลา่ ว องค์ประกอบของสภาพแวดลอ้ มทางการตลาด สภาพแวดลอ้ มทางการตลาดประกอบด้วยองค์ประกอบทส่ี าคญั 2 ประการ ได้แก่ สภาพแวดล้อมทาง การตลาดภายนอก ประกอบด้วย ปัจจัยต่างๆ ที่กิจการหรือธุรกิจไม่สามารถควบคุมได้ หรืออาจเรียกว่าปัจจัย นอกหรือปัจจัยท่ีควบคุมไม่ได้ Uncontrollable or Internal Factors สภาพแวดล้อมทางการตลาดภายใน ประกอบด้วยปจั จยั ในองคก์ ารท่ีสามารถปรบั เปลย่ี นได้หรอื อาจเรียกอีกอย่างว่าปัจจัยภายในหรือปัจจัยท่ีควบคุม ได้ controllable or Internal Factors ปัจจัยภายนอกหรือปัจจยั ที่ควบคมุ ไม่ได้ External or Uncontrollable Factors ปัจจัยภายนอกหรือปัจจัยท่ีควบคุมไม่ได้ หมายถึง ปัจจัยต่างๆท่ีมีผลกระทบต่อการดาเนินงานทาง การตลาดในดา้ นตา่ งๆ เป็นปัจจยั ซึง่ กิจการไม่สามารถควบคุมหรือเปล่ียนแปลงให้เป็นไปตามท่ีกิจการต้องการได้ กิจการจาเปน็ ตอ้ งมีการศกึ ษาปัจจยั ตา่ งๆ เหล่าน้เี พอื่ นามาเป็นข้อมูลพื้นฐานการการตดั สนิ ใจในการวางแผน หรือ ดาเนินงานทางการตลาดให้เกดิ ความสอดคลอ้ งกบั การเปลี่ยนแปลงของปจั จยั เหลา่ น้ีซึง่ ปัจจัยภายนอกหรือปัจจัยท่ี ควบคมุ ไม่ได้ประกอบดว้ ยตัวแปรท่สี าคญั สรุปได้ 8 ประการดังน้ี 1. ตัวแปรเก่ียวกับวัฒนธรรมและสังคม Cultural and Social Variables เป็นปัจจัยท่ีมีอยู่ นอกเหนือ อานาจท่ีนักการตลาดจะควบคุมได้ เป็นปัจจัยท่ีมีความเก่ียวข้องกันกับคนในสังคมท่ีเป็นกลุ่มตลาดเป้าหมาย กิจการจาเป็นตอ้ งมกี ารศกึ ษาปจั จยั ต่างๆเหล่านเ้ี พ่ือนามาเปน็ ข้อมูลพืน้ ฐานการกลับทางการตัดสินใจ ในการวาง แผนการดาเนนิ งานทางการตลาดให้เกิดความสอดคลอ้ งกับความเปลยี่ นแปลงของปัจจัยเหล่าน้ีซ่ึงปัจจัยภายนอก หรอื ปจั จัยท่คี วบคมุ ไม่ได้ประกอบตวั แปรท่สี าคัญสรปุ ได้ 8 ประการดังนี้ 1.1 วัฒนธรรมคอื ความเชอ่ื คา่ นยิ ม บรรทดั ฐาน แนวความคิด แนะแนวการปฏิบตั ิของกลมุ่ คนในสังคม ทั้งน้ีเนื่องจากสังคมขนาดใหญป่ ระกอบดว้ ยสงั คมขนาดเล็กมากมายหลากหลายอาชีพ ศาสนาหลายเชื้อชาติและ
ในทางสังคมเยอะๆจะมกี ารสบื ทอดวัฒนธรรมของกลุ่มที่มีความเช่ือ หรือค่านิยมท่ีแตกต่างกันทาให้เกิดรูปแบบ ของวัฒนธรรมท่ีหลากหลายแตกต่างกันออกไป กลุ่มคนท่ีอยู่ในสังคมเดียวกันมีรูปแบบวัฒนธรรมเดียวกันจะมี พฤตกิ รรมและวถิ ีการดาเนินชีวิตที่คลา้ ยคลึงกัน 1.2 สงั คม องค์ประกอบของสงั คมทส่ี าคัญท่สี ุดได้แกค่ นและสังคมทเี่ ลก็ ที่สดุ คอื สงั คมครอบครวั ซงึ่ จะเป็น สง่ิ ทก่ี าหนดคา่ นยิ ม ทัศนคติ ความคิดเห็นตา่ ง แนวทางปฏบิ ัตใิ นสงั คมนัน้ การศึกษาสภาพแวดล้อมทางสงั คมจะทา ใหเ้ กดิ ความ ความรู้ ความเข้าใจ เก่ยี วกบั การปฏบิ ัติของคนในสงั คมแต่ละกลุ่มเป็นอย่างดี ซึ่งสามารถพิจารณาได้ จากครอบครัวหรอื กลมุ่ อ้างองิ และหนทางสงั คมและนาข้อมูล เกีย่ วกับการปฏิบัตมิ ากาหนดแนวการดาเนินงานทาง การตลาดใหเ้ หมาะสมกบั ความต้องการของสังคมนนั้ ๆต่อไป 1.3 ประชากร หมายถึง อตั ราการเกิดและการอพยพของคนในสังคมต่างๆและคนคือปัจจัยสาคัญในการ ทาให้เกิดสินค้าและบริการตา่ งๆ คนเส้อื ดามาตอบสนองความต้องการ และจะนามา ปรมิ าณมากหรือปริมาณน้อย เพียงใดน้ัน สามารถพิจารณาได้จากการเปลี่ยนแปลงของจานวนประชากร ในสังคม ถ้าหากประชาการ เปลี่ยนแปลงไปในลักษณะท่ีเพ่ิมขน้ึ อัตราการเจริญเติบโตหรือการขยายตัวของตลาด จะมี โอกาสเพิ่มขึ้นตามไป ด้วย แตใ่ นทางตรงขา้ ม หากว่าถ้าการเปล่ยี นแปลงไปในลักษณะทล่ี ดลงอัตราการขยายตวั ทางการตลาดก็จะลดลง ดว้ ยเชน่ กัน 2. ตัวแปรที่เก่ียวกับการเมืองและกฎหมาย Political and legal Variables ตัวแปรทาง การเมือง กฎหมาย และข้อตกลงต่างๆ ระหว่างหนว่ ยงานทงั้ ในและต่างประเทศเปน็ ปัจจัยทม่ี คี วามสมั พันธ์กับการ ดาเนินกิจการดาเนินกิจกรรมตา่ งๆ ทางธรุ กจิ และทางด้านการตลาด เพราะธุรกิจทกุ ชนดิ ทกุ ประเภททุขนาดต้อง ดาเนนิ งานภายใตก้ ฎหมาย ระเบยี บ และข้อปฏิบตั ิที่กาหนด ปรบั ตัวไปตามสภาพการเมอื งของแตล่ ะประเทศ เปน็ ความจริงที่ว่าในการดาเนินธุรกิจมีจุดมุ่งหมายหลักที่สาคัญคือผลกาไร แต่การแสวงหาผลกาไรท่ีได้จะต้ อง ดาเนินงานอยู่ภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายกาหนดด้วย มิใช่คานึงแต่กาไรสูงสุดตามท่ีกิจการต้องการ แต่ถ้าการ ดาเนนิ งานผิดกฎหมาย ขัดต่อระเบยี บข้อบงั คับก็ยอ่ มเปน็ ไปไม่ได้ ดังนั้นรัฐบาลจึงมีน่าที่เข้ามากากับควบคุมดูแล สนับสนุนและอานวยความสะดวกเพอื่ ใหก้ ารดาเนนิ กจิ การธุรกิจกบั ผบู้ รโิ ภคหรือระหวา่ งผปู้ ระกอบธรุ กิจหรอื ธุรกิจ หรือระหวา่ งธรุ กจิ กับสังคมเชน่ การจัดตั้งคณะกรรมการควบคุมผู้บริโภค กฎหมายควบคุมทางการค้าในลักษณะ ต่างๆกฎหมายทเ่ี กย่ี วกบั สวัสดภิ าพของสังคม กฎหมายเกี่ยวกับลิขสิทธิ์และสิทธิบัตรเป็นต้น ฉะนั้นนักการตลาด ต้องทาการศกึ ษาเก่ยี วกับกฎหมายเขา้ ถงึ สภาพการเมอื งและประเทศทีก่ ารดาเนนิ ทางการตลาดเขา้ ไปเกี่ยวข้องว่ามี ลกั ษณะเปน็ อยา่ งไรเป็นการเปดิ โอกาสหรือเปน็ การสรา้ งปัญหา หรืออปุ สรรคในการดาเนินงานก่อนที่จะตัดสินใจ การกาหนดแผนงานทางการตลาดที่จะปฏิบัติเพื่อให้กิจกรรมต่างๆทางการตลาดเกิดความสอดคล้องสภาพ การเมืองการปกครองและสามารถดาเนนิ การได้อย่างถูกต้อง 3. ตัวแปรเกี่ยวกับธุรกิจ Economic Variables การเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจเป็นตัวแปรท่ี สาคัญอกี ประการหนึง่ ทม่ี ีผลตอ่ การตัดสนิ ใจทางการตลาดและสภาพทางเศรษฐกิจ และมีผลกระทบโดยตรงแต่ อานาจซ้ือขายของผบู้ รโิ ภคกล่าวคอื ถา้ หากภาวะเศรษฐกิจเติบโตประชาการจะมีอานาจซื้อสูง การตลาดจะเกิด การขยายตัวในทางตรงกันข้ามเม่ือหาและเศรษฐกิจตกต่าอานาจซื้อของคนจะลดลงการตลาดซบเซาตามไป ดว้ ย ฉะนน้ั นักการตลาดจึงควรติดตามความเปลีย่ นแปลงของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ในขณะน้นั
4. ตัวแปรเกีย่ วกบั การแขง่ ขัน Competition Variables ระบบเศรษฐกจิ แบบทุนนิยม นักธุรกิจรู้ดีว่า สงิ่ ทีห่ ลีกเล่ยี งไม่ไดใ้ นการดาเนินงาน คือ การแข่งขนั เพราะในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเปน็ ระบบทีเ่ ปิดโอกาส ให้ธุรกิจตา่ งๆ เข้ามาดาเนนิ การได้อยา่ งกวา้ งขวาง หากมีความสมารถและศักยภาพในการดาเนินงานเพียงพอ ทา ให้ธรุ กจิ แต่ละประเภทมผี ้เู ชา้ มาดาเนนิ การมากมาย แตล่ ะธุรกิจจะพยายามพัฒนากลยุทธ์การตลาดในต้านต่างๆ ให้เทา่ เหนอื กว่าคู่แข่งขันในทุกๆ ด้าน เพื่อทาให้ผลิตภัณฑ์ของตนเป็นท่ีต้องการของตลาดให้มากท่ีสุด ธุรกิจจึง สามารถอยู่รอดและเจริญเติบโอต่อไปได้ คู่แข่งขันในทางการตลาดมี 3 ลักษณะ คือ คู่แข่งขันทางตรง ได้แก่ กจิ การท่ีนาเสนอสนิ คา้ หรอื บรกิ ารประเภทเดยี วกนั ส่วนคู่แข่งขันทางออ้ ม ไดแ้ ก่ กจิ การท่นี าเสนอสินค้าหรือบริการ ท่ีสามารถใช้ทดแทนในรูปแบบต่างๆ และคู่แข่งขันลักษณะสุดท้าย คือ คู่แข่งท่ีมีโอกาสเข้ามาในอุตสาหกรรม การศึกษาเกย่ี วกบั คูแ่ ขง่ ขัน นักการตลาดหรอื ผู้ประกอบการควรศกึ ษาและทาความเข้าใจเก่ยี วกับความรุนแรงของ สถานการณ์การแข่งขัน จานวนคู่ แข่งขันและขนาดของคู่แข่งขัน ซึ่งสามารถประเมินได้จากขนาดการลงทุน ยอดขาย หรอื สว่ นแบง่ ตลาดจานวนพนกั งาน และสัดสว่ นกาลังการผลติ หรือกาลงั ในการใหบ้ รกิ าร รวมท้ังประเด็น ทส่ี าคัญเก่ียวกับจานวนและจดุ ยืนของค่แู ขง่ ขัน รวมถงึ จดุ แขง็ ของค่แู ขง่ ขัน เพ่อื นามาใช้ในการกาหนดแนวทางใน การสร้างความแตกตา่ งของผลติ ภัณฑ์ และ สามรถแขง่ ขันกับคู่แขง่ ขันไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพและเกิดประสิทธิผล อย่างไรก็ดีการศึกษาเกี่ยวกับคู่แข่งขันให้เกิดประสิทธิภาพ ผู้ประกอบการควรกาหนดวิธีการในการ จัดเกบ็ ขอ้ มูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของคู่แข่งขันอยู่ตลอดเวลาท้ังใน ด้านคุณภาพของสินค้าหรือบริการ การ เปล่ียนแปลงเก่ียวกบั ระดบั ราคา รปู แบบของการสง่ เสริมการตลาดที่นามาใช้เพ่ือนาข้อมูลท่ีได้ไปใช้ประโยชน์ใน การวางแผนและกาหนดกจิ กรรมทางการตลาดของกจิ การ 5. ตัวแปรเก่ียวความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี Technology Variables ปัจจุบันความก้าวหน้าทาง เทคโนโลยไี ด้เข้ามามีบทบาทสาคญั อย่างมากต่อการผลิต การดาเนินงานทางการตลาด หรือการดาเนินธุรกิจทุก ประเภท เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสามารถนามาใช้เพื่ออานวยความสะดวกและเพ่ิมศักยภาพในการ ดาเนนิ งาน เชน่ ธรุ กจิ การผลติ นามาใช้ในการผลิต ทาใหไ้ ด้ประมาณสนิ ค้า หรอื บริการท่ีเพียงพอต่อความต้องการ การผลติ มีประสทิ ธิภาพมากข้ึน ธุรกิจการตลาดนามาใช้ในการจัดจาหน่ายและ ให้บริการแก่ผู้บริโภคได้รวดเร็ว ถูกต้องแม่นยามากข้ึน ส่วนผู้บริโภคจะได้รับสินค้าที่เพียงพอต่อความต้องการในเวลาที่เหมาะสม ส่งผลให้การ ดาเนินชวี ติ ของประชากรในสังคมดขี น้ึ เช่น ธุรกจิ การผลิตนาเคร่ืองจกั รทีท่ ันสมัย มกี าลังการผลิตสูงมาใช้ ทาใหไ้ ด้ สินคา้ ในปรมิ าณมากข้ึน รวดเร็วข้นึ ทาใหก้ ารตอบสนองความตอ้ งการของลกู ค้าเปน็ ไปอยา่ งทั่วถึงและรวดเร็ว ใน ด้านการจัดเก็บและการวเิ คราะหข์ ้อมลู ขา่ งสารตา่ งๆ มคี วามถูกต้องเปน็ ระบบมากขึ้น เช่น การนาเคร่อื งบนั ทกึ เงนิ สดมาใช้ควบคกู่ บั เคร่อื งอา่ นแถบรหสั สินคา้ Bar Code เพื่อคิดราคาสินค้าในธุรกิจการค้าปลีก ทาให้การบริการ รวดเร็วสามารถจดั ทาบญั ชีและควบคุมสนิ คา้ คงกลงั ไปพรอ้ มๆกัน การดาเนินงานเกิดความถูกต้องและให้ข้อมูลที่ เปน็ ปจั จุบันทาใหก้ ารดาเนนิ งานมคี วามถกู ตอ้ งและรวดเร็ว การวางแผนทางการตลาด และการดาเนินกิจการทาง การตลาดสามารถบรรลุ ตามเปา้ หมายท่ีกาหนดแนวโน้มทางการเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยตี า่ งๆมอี ิทธิพลหรอื มี บทบาท โดยตรงตอ่ รปู แบบการผลติ การจดั จาหน่ายและการนาเสนอสินค้าหรือบริการของกิจการโดยทั่วไป แล้ว การนา เทคโนโลยีมาใช้ในธุรกิจจะมีบทบาทสาคัญในการลดข้ันตอนการปฏิบัติงานระยะเวลา และข้อผิดพลาด ทางการดาเนนิ งานทาให้กจิ การสามารถผลติ จัดจาหน่าย หรอื บริการแก่ผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วถูกต้องและสร้าง ความพึงพอใจได้มากขึน้ จากน้ยี ังมกี ารลดตน้ ทุนและขอ้ ผดิ พลาดในการดาเนินงานอกี ดว้ ย
6. ตัวแปรท่ีเกี่ยวกับคนกลางทางการตลาด Middlemen Variables คนกลางท่ีมีอยู่ในตลาดเป็น ปจั จยั สาคญั ต่อการจดั จาหนา่ ยผลติ ภัณฑไ์ ปสู่ตลาดเปา้ หมายคนกลางทางการตลาดมีหลายประเภท แตล่ ะประเภท จะทางานเป็นอิสระมากหรือน้อยเพียงใด ข้ึนอยู่กับลักษณะการดาเนินงานขนาดของการประกอบการ การ ดาเนินงานทางการตลาดผู้ประกอบการจาเป็นต้องอาศัยคนกลางประเภทต่างๆเพื่อใช้เป็นช่องทางในการจัด จาหนา่ ยสินคา้ หรือบริการซง่ึ ผู้ประกอบการจะต้องเสนอผลตอบแทนและเง่ือนไขที่คนกลางพอใจ คนกลางจึงจัด เต็มใจในการจัดจาหน่ายสินค้าหรือบริการให้แต่การที่ผู้ประกอบการเลือกใช้คนกลางประเภทใดจานวนใดมาก เพียงใดน้นั สามารถพจิ ารณาได้จากลักษณะของผลิตภัณฑท์ ี่กิจการจะจดั จาหนา่ ย ช่องทางการจัดจาหน่าย คู่แข่ง ในตลาดผู้บริโภคหรือตลาดคา่ ใช้จ่ายทเ่ี กดิ ข้ึนและผลตอบแทนทจ่ี ะไดร้ ับเป็นต้น 7. ตัวแปรทเี่ ก่ียวกบั กลมุ่ ผู้ผลิตหรือผู้จัดจาหน่ายวัตถุดิบและเครือข่ายกิจการ Suppliers Network Variables ผู้ประกอบการต้องรู้จักองค์กรและหน่วยงานต่างๆทั้งในภาครัฐบาลและเอกชนสามารถให้ก าร สนบั สนนุ และช่วยสง่ เสรมิ สนับสนนุ และความสามารถในการดาเนนิ ธุรกจิ ของกจิ การใน 4 ดา้ นดังน้ี 1. ดา้ นวัตถดุ ิบตลอดจนเคร่ืองมือและอุปกรณ์ในการผลิตหรือการจัดให้บริการฮาร์ดแวร์ได้แก่ บรษิ ัททีผ่ ลิตจาหน่ายหรือนาเข้าวัตถุดิบเครื่องจักรเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆที่จะช่วยให้กระบวนการการผลิต หรือการใหบ้ รกิ ารมตี ้นทนุ ท่ีต่าลงมปี ระสทิ ธิภาพและประสทิ ธผิ ลทมี่ ากขนึ้ เชน่ ผผู้ ลติ หรือผจู้ าหน่ายผลิตภัณฑ์ด้าน การเกษตรและสนิ ค้าการเกษตรแปรรปู กระดาษเหล็กและอลูมิเนยี มตลอดจนเครือ่ งจกั รเคร่อื งมือ เช่น เครอ่ื งพิมพ์ เครอ่ื งผลติ นา้ เต้าหู้ เครื่องผสมอาหาร อปุ กรณ์ถา่ ย ภาพอุปกรณ์บันทึกเสียง เคร่ืองมือผ่าตัดเป็นต้นการรู้จักและ สร้างความรว่ มมอื กับกลมุ่ ผผู้ ลติ และผูจ้ ดั จาหนา่ ยเหล่าน้ีเปน็ แหลง่ ทีม่ าของการลดตน้ ทุนและการสร้างสนุกๆใหม่ๆ ทางธุรกจิ 2. การวธิ ีการหรือโปรแกรมที่ช่วยด้านการจดั การหรอื การให้บริการซอฟต์แวร์ได้แก่บริษัทหรือ หน่วยงานของรัฐท่ีบริการ หรือความช่วยเหลือในการออกแบบการคิดค้นวิธีการผลิตใหม่ๆการเพิ่มผลผลิตการ ตรวจสอบคณุ ภาพการปรบั ปรุงมาตรฐานในการทางานตลอดจนผู้ผลิตหรือผู้จาหน่ายโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพ่ือ ช่วยในการผลติ การจัดการให้บรกิ ารและการตัดสนิ จะตดั สินใจ เช่น การท่ีกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ได้ ให้บริการแก่ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก โดยการให้ความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการเปล่ียนแปลงของสถานการณ์การ แขง่ ขนั ทางการคา้ ปลีกในปจั จบุ นั ทท่ี าใหร้ ้านค้าปลีกขนาดเลก็ ไดร้ ับผลกระทบอย่างรุนแรงจากร้านค้า Modem Trade จึงมีความจาเป็นต้องปรับเปล่ียนการดาเนินงานและการจัดการเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ และช่วยเหลือใน ภาคปฏบิ ตั เิ พื่อให้เห็นผลอยา่ งชดั เจนเปน็ รูปประธรรม 3. ดา้ นบคุ ลากรท่มี คี วามสามารถในการผลิต การจัด การบริการ People where ซ่ึงหมายถึง สถาบันการศึกษาและหน่วยงานด้านการฝึกอบรมต่างๆท้ังภาครัฐและเอกชนที่ทาหน้าท่ีในการผลิตบุคลากรที่มี คุณภาพเพ่ือเข้าสอู่ ตุ สาหกรรมต่างๆไดแ้ ก่ สถาบันการศกึ ษาในด้านอาชีพต่างๆ สถาบันการพัฒนาวิสาหกิจขนาด กลางขนาดย่อม สถาบันพฒั นาฝีมือแรงงาน สถาบันฝึกอบรมบุคลากรทางดา้ นเทคนิคการผลติ หรอื ด้านการโรงแรม และการท่องเทีย่ วเป็นต้น ตลอดจนการรว่ มมือในการจดั การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถ ตามสาขา อาชีพท่ีธรุ กจิ ตา่ งๆตอ้ งการ เชน่ การจดั ตง้ั บรษิ ทั รว่ มค้าปลีกเข้มแข็งทางกระทรวงพาณิชย์ เพ่ือให้เป็นศูนย์กลาง การจัดซ้ือสินค้าให้แก่รา้ นค้าปลีกขนาดเลก็ เป็นการเพ่ิมอานาจการต่อรองในเรื่องราคากับผู้ผลิตหรือผู้จัดจาหน่าย เชน่ โครงการรกั ษาบา้ นเกิดเปน็ ต้น
ดงั น้ัน ผู้ประกอบการกิจการจาเปน็ ตอ้ งรูจ้ ักองคก์ รและหนว่ ยงานตา่ งๆท้ัง 4 ประเภทดังกล่าวขา้ งต้นและ วิเคราะห์แนวทางการดาเนินธุรกิจท่ีสามารถได้รับประโยชน์หรือความร่วมมือจากกลุ่มผู้ผลิต หรือผู้จัดจาหน่าย วตั ถุดบิ และเครอื ขา่ ยธุรกจิ เหลา่ นีจ้ าหนา่ ยวัตถุดิบหรอื เครอื ข่ายธรุ กิจเหลา่ นีจ้ ึงสามารถทาให้กจิ การสามารถเติบโต ไดอ้ ยา่ งย่ังยนื 8. ตัวแปรเก่ียวกับการตลาดหรือผู้บริโภค Market or customer Variables เป็นตัวแปรที่มี ความสาคัญอยา่ งยิง่ ตอ่ การตดั สินใจเพื่อกาหนดแนวทางการดาเนนิ งานทางการตลาด เพราะตัวแปรด้านการตลาด หรือผู้บริโภคเป็นตัวแปรท่ีนักการตลาดไม่สามารถควบคุมความต้องการได้ แต่เป็นตัวแปรที่การตลาดต้อง ตอบสนองความตอ้ งการ ฉะน้นั นกั การตลาดจาเปน็ ต้องศึกษาการตลาดหรือผู้บริโภคให้มากที่สุด ทางการตลาด เพื่อดึงดูดให้ผู้บริโภคหรือตลาดเกิดความสนใจใน ผลิตภัณฑ์ หรือ นามาประกอบในการหาแนวทางกลยุทธ์ที่ ตอบสนองความต้องการของตลาดให้เกดิ ประสิทธิภาพ อันนาไปสู่การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคหรือตลาดในที่สุด การศึกษาเก่ียวกับตลาดหรอื ผบู้ ริโภคจาแนกออกเป็น 2 ประเภทคือ ตลาดผู้บริโภคตลาดธุรกิจ การศึกษาตลาด หรอื ผบู้ รโิ ภคท้งั 2 ประเภทจะต้องศกึ ษาเกี่ยวกับลกั ษณะท่วั ไป เช่น ตลาดผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าเพื่อนาไปใช้บริโภค เองเป็นการสว่ นตัวหรือใชใ้ นครอบครวั จะศกึ ษาเกยี่ วกบั 1. เพศ เพือ่ ศกึ ษาความสนใจสาหรับบางประเภททเี่ พศเขา้ มาเกี่ยวข้อง เช่น ผ้าอนามัย เสื้อสาเร็จรูป เป็น ตน้ 2. ระดับการศกึ ษา เพอ่ื ใชเ้ ปน็ แนวทางในการเลือกซ้อื และขอ้ ความทใ่ี ชใ้ นการติดต่อสื่อสารใหเ้ หมาะสมกบั กลุ่มเป้าหมาย 3. ทาเลที่อยอู่ าศัยของผู้บริโภคหรอื ผูใ้ ช้และกลมุ่ เปา้ หมายเพอ่ื นาไปใช้ประโยชนใ์ นการเลือกทาเลทีต่ ัง้ ของ ร้านคา้ หรอื กิจการ คลงั เก็บสนิ คา้ และศูนย์กระจายสนิ ค้า เป็นต้น 4. รปู แบบการดาเนินชีวติ เพอ่ื เกิดความเข้าใจเกยี่ วกับความสนใจและรปู แบบการใชเ้ วลาของผ้บู รโิ ภคหรอื ผ้ใู ชแ้ ละกลุม่ เปา้ หมาย 5 พฤตกิ รรมการซ้ือของผบู้ ริโภคหรอื ผใู้ ชแ้ ละกลมุ่ เปา้ หมาย เพือ่ ศกึ ษาความถ่ีและปรมิ าณการซ้อื แตล่ ะคร้งั สถานทซ่ี ้อื จดุ มงุ่ หมายในการซือ้ วา่ ซอื้ เพอ่ื ใชเ้ องหรอื ซ้ือเพอ่ื คนอืน่ 6 พฤติกรรมการใช้เพื่อศึกษาความถ่ีและปริมาณการใช้โอกาสในการใช้ ถ้าเป็นตลาดธุรกิจที่ผู้ซ้ือเป็น บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่มีลักษณะการดาเนินงานในรูปแบบห้างหุ้นส่วนสมาคมและหน่วยงานราชการท่ีมี วตั ถปุ ระสงคใ์ นการซอื้ อยา่ งใดอยา่ งหน่งึ ในสหรฐั เสนอดงั นค้ี อื นาไปใช้ในการผลิตการจัดจาหน่ายการบริการหรือ การประกอบการของบุคลากรควรทาการศึกษาให้เขา้ ใจเกย่ี วกับ 1. จานวนกลุ่มเปา้ หมาย เพอื่ สามารถคาดคะเนถึงขนาดของตลาด 2. ขนาดของกลมุ่ เปา้ หมายตา่ งๆ เครือขา่ ยคะเนเกย่ี วกับปรมิ าณการซอ้ื และอานาจการตอ่ รองของผู้ซ้อื 3. ประเภทของอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวลักษณะของความต้องการที่แตกต่าง กัน 4. ทาเลที่ตัง้ ที่ทาการของกล่มุ เปา้ หมาย เพื่อเป็นแนวทางในการเขา้ ถึงและการจัดสง่ สนิ ค้า ผปู้ ระกอบการธรุ กจิ ต้องเข้าใจเป็นอนั ดบั แรกก่อนว่าลูกค้าเป้าหมายของกิจการเป็นบุคคลท่ัวไปหรือนิติ บคุ คลหรือท้ัง 2 ประเภทในสัดส่วนเท่าไหร่เพ่ือประโยชน์ในการทากลยุทธ์ทางการตลาดให้เกิดความเหมาะสม
ทั้งนี้เพอื่ กล่มุ เปา้ หมายทัง้ 2 ประเภทมีความแตกต่างกันและพัฒนาอานาจการซ้ืออานาจการต่อรอง ประเภทมี ความแตกตา่ งกันและพัฒนาอานาจการซ้ืออานาจการต่อรองกับการตัดสินใจซ้ือ พฤติกรรมการซื้อ เง่ือนไขการ ชาระเงนิ และวตั ถปุ ระสงค์ในการซื้อ แหลง่ ข้อมลู ทีผ่ ูป้ ระกอบการสามารถศึกษา ค้นคว้าข้อมูลเพื่อนามาประเมิน ศกั ยภาพของตลาดท้ังสองลักษณะ ท้ังตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศได้แก่ เอกสารเผยเผยแพร่เขาหา ราชการ รายงานของสานักงานสถิตแิ ห่งประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปน็ ตน้ ปจั จยั ภายในหรือปัจจยั ท่คี วบคุมได้ Internal or Controllable Factors ปัจจยั ภายในหรอื ภาษาท่ีสามารถควบคุมได้ หมายถึง ปัจจัยการตลาดที่ผู้ประกอบการสามารถควบคุม หรอื เปลย่ี นแปลงใหเ้ ปน็ ไปตามความต้องการของธรุ กิจหรอื ธุรการได้ เพราะเปน็ ปัจจัยที่กจิ การหรือธุรกิจจดั สรรมา ใชใ้ นการดาเนนิ กจิ การด้านตา่ งๆ ประกอบดว้ ยตวั แปรทส่ี าคญั คือ 1. สว่ นประสมทางการตลาด marketing mix คือ องค์ประกอบที่นามาใช้ในการดาเนินงานทาง การตลาดเรยี กวา่ 4’ps ประกอบด้วย 1. ผลิตภัณฑ์ product หมายถึง ตัวสินค้าหรือบริการท่ีธุรกิจและผลิตขึ้นหรือจัดหามาเพ่ือ ตอบสนองความต้องการของตลาดเปา้ หมาย เปน็ ปจั จัยแรกทีม่ คี วามสาคัญต่อการดาเนินงานทางการตลาด เพราะ การผลิตหรือการจัดหาผลติ ภัณฑไ์ ด้ตรงความต้องการของเป้าหมาย จะทาให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่ยอมรับแก่ผู้บริโภค หรอื ผูใ้ ชแ้ ละตลาดเป้าหมาย ฉะน้ันและการตลาดต้องใช้ความสาคัญกับการจัดการเพ่ือผลิตในด้านการพัฒนา การจัดมาตรฐาน การจดั กลุม่ ผลิตภัณฑ์และการเพิ่มลดสายผลิตให้มีความสอดคล้องกับความต้องการของตลาด เปา้ หมาย 2. ราคา Price หมายถงึ ขอ้ มลู ของสินค้าหรือบริการท่ีธรุ กิจผลิตหรือจัดมาเพ่ือตอบสนองความ ตอ้ งการ มูลคา่ ของสินค้าหรอื บริการจะตอ้ งมีความสอดคลอ้ งกบั อรรถประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคจะได้รับ เป็นสาคัญ การท่ธี ุรกจิ จะกาหนดราคาผลิตภัณฑ์ให้อยู่ในระดับใดขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับลักษณะของตลาด เปา้ หมายโดยพิจารณาจากอานาจซือ้ พฤตกิ รรมรวมถึงกิจกรรมทางการตลาดที่ต้องดาเนินการ เช่น การโฆษณา การส่งเสริมการขาย ตลอดทางเป้าหมายในการดาเนินงานที่ ธุรกิจกาหนดไว้ เช่น ผลตอบแทนหรือกาไร การ ขยายตัวการครองส่วนตลาดหรือเป้าหมายอน่ื ๆ 3. การกาหนดช่องทางการจดั จาหนา่ ย Place หมายถงึ กจิ กรรมในการทาใหส้ ินค้าหรอื บรกิ ารเกดิ การเคลอ่ื นยา้ ยจากผูผ้ ลติ ไปสู่ผู้บริโภคหรอื ผู้ใช้ตอ้ งถูกต้องและเหมาะสม ดังกล่าว รายการจัดจาหน่ายผลิตภัณฑ์ ต้องกระทาอย่างรวดเร็ว ทันเวลาที่ผู้บริโภคต้องการในสถานท่ีที่เหมาะสม มิฉะนั้นจะทาให้ผลิตภัณฑ์น้ันหมด คุณคา่ ไปได้ ก.พอ่ ค้าคนกลาง Middlemen บคุ คลทที่ าหน้าที่ในการนาสินค้าหรือบริการจากแหล่ง ผลิตไปส่ผู ้บู ริโภคหรอื ผู้ใช้ในระดับต่างๆ ได้แก่ พอ่ ค้าสง่ พอ่ คา้ ปลกี นายหน้า ตัวแทน เปน็ ตน้ ข.เคร่ืองมือในการกระจายสินค้า Physical Distribution หมายถึง กิจกรรมทาง การตลาดท่ีนามาใชใ้ นการติดตอ่ ส่ือสารข้อมลู ต่างๆ หรือบริการท่ีกิจการเสนอแก่ตลาดเป้าหมายเพ่ือให้ผู้บริโภค หรือผู้ใช้มีความรู้พอเข้าใจเก่ียวกับสินค้าหรือบริการท่ีกิจการเสนอในประเภทของสินค้าบริการว่ามีอะไรบ้างมี ประโยชนอ์ ย่างไร จาหนา่ ยทไี่ หน ราคาเท่าไหร่
ค. การสง่ เสรมิ การขายในรปู แบบอน่ื ๆ Sales Promotion แปลงกิจกรรมทางการตลาด ทน่ี าสงิ่ จูงใจต่างๆมาใช้เป็นเคร่ืองมือเพ่ือกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภคหรือผู้ใช้และกลุ่มเป้าหมายทางการ ตลาดให้เกดิ การซอ้ื สินคา้ หรอื บริการอยา่ งรวดเรว็ ข้ึน ง. การประชาสมั พนั ธ์ Public Relation หมายถงึ การดาเนินงานกิจการทางการตลาด ในรูปแบบใดใด ทก่ี ่อให้เกิดความเข้าใจระหว่างธุรกิจหรือองค์การกับบุคคลภายนอกท่ีเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งที่เป็น ผูบ้ ริโภคและผูท้ ค่ี าดวา่ จะเปน็ ผู้บริโภค จ. การตลาดทางตรง Direct marketing หมายถึง ระบบตัวต่อทางการตลาดท่ีใช้สื่อ โฆษณาหนึ่งหรือมากกว่า หนังสือ เพือ่ ให้เกิดผลทวี่ ดั ไดห้ รือเกดิ การแลกเปลย่ี น และสถานท่ี ท่ีหน่ึง กจิ กรรมเหล่านี้ จะถกู บนั ทึกไว้เปน็ ฐานขอ้ มูล ส่วนประสมทางการตลาดหรือ 4’PS จัดเป็นปัจจยั ภายนอกที่สามารถควบคุมได้เพราะเปน็ กิจการ สามารถปรับเปลี่ยนปัจจัยต่างๆเหล่าน้ีไปตามความเหมาะสม แต่การจะปรับเปล่ียนไปในทิศทางใดต้องให้ สอดคล้องกบั ปจั จยั ภายนอกที่เกย่ี วข้องเป็นหลกั สาคญั เช่น กจิ การต้องผลติ หรอื จดั หาสนิ ค้าทมี่ ีลักษณะสอดคลอ้ ง กับความต้องการของผู้บริโภคและกาหนดระดับราคาท่ีผู้บริโภคสามารถซ้ือได้เพ่ือผู้บริโภคหรือผู้ซื้อสามารถ นามาใช้ประกอบการตัดสนิ ใจซื้อไดอ้ ยา่ งเหมาะสมและที่สาคัญการดาเนินการ เก่ียวกับปัจจัยทั้ง 4 ประการดังนี้ ต้องไมข่ ัดต่อกฎหมาย ระเบียบปฏิบตั ขิ นบธรรมเนยี มประเพณีทด่ี ีงามต่อของสังคมการดาเนินงานธุรกิจถึงประสบ ผลสาเร็จและสามารถอยู่ในตลาดไดต้ ลอดไป 2. นโยบายของกิจการ policy เป็นตัวแปรที่กิจการสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมกับ สถานการณ์เช่นนโยบายการแข่งขัน นโยบายการสง่ เสริมการตลาด เปน็ ต้น 3. ฐานะทางการเงนิ Financial การวางแผนทางการเงินเป็นปัจจัยภายในที่สาคุญอีกประการหนนึ่งท่ี กจิ การสามารถปรบั เปล่ียนให้สอดคล้องกับปัจจัยภายนอก ทั้งในด้านการลงทุนและด้านการดาเนินงาน เพื่อให้ สามารถดาเนินงานภายใต้ 4. การบรหิ ารจัดการ Management เป็นปจั จยั ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั การใชท้ รัพยากรท่ีกจิ การองค์การมีอยู่อยู่ ใหเ้ กดิ ประสิทธภิ าพสูงสุด ท้งั ทรัพยากรมนุษย์ เงนิ ทุน วัสดุอุปกรณ์ หรอื กระบวนการในการดาเนินงาน
กจิ กรรม(ย่อย)ระหว่างเนื้อหา คาช้แี จง ใหอ้ า่ นขอ้ ความตอ่ ไปน้ี ขอ้ ความใดถูกใหใ้ สเ่ คร่อื งหมาย “” ข้อความใดผดิ ให้ใส่เครอ่ื งหมาย “X” หนา้ ข้อความนัน้ ......1. การแตกหกั ชารดุ ของสินค้าทเ่ี กดิ จากการขนสง่ เปน็ ความเส่ียงภยั ทเ่ี กดิ จากการดาเนนิ งาน ……2. การขนสง่ ที่มคี วามเหมาะสมกบั ผลติ ภณั ฑท์ กุ ชนิดไดแ้ ก่ การขนสง่ ทางอากาศ ……3. การแสวงหาความตอ้ งการของลกู คา้ จดั เป็นภารกจิ แรกของผขู้ าย ……4. ความเส่ยี งภัยที่เกิดขึ้นจากการเปลย่ี นแปลงของตลาดนกั การตลาดสามารถทาการลดภาระ ความเสีย่ งภัยโดยการเอาแบบของสนิ คา้ ไปประกนั ไว้กับบรษิ ัทประกนั ภยั ……5. กิจกรรมการกาหนดราคามผี ลต่อหนา้ ทท่ี างการตลาดในการแลกเปลี่ยนความเปน็ เจา้ ของ ……6. กจิ กรรมทางการตลาดทที่ าให้ไดข้ ้อมลู ข่าวสารทางการตลาดในด้านต่างๆ คือการวจิ ยั ตลาด ……7. หนา้ ทก่ี ารเกบ็ รกั ษาทส่ี าคัญตอ่ การตลาดมากทส่ี ุด คือการเกบ็ รักษาเพือ่ การจดั จาหนา่ ย ……8. การโฆษณาจดั เปน็ หน้าทท่ี างการตลาดทสี่ าคญั ทส่ี ดุ ประการหนง่ึ ……9. ส่งิ ทท่ี าใหผ้ ซู้ อื้ ตดั สนิ ใจซือ้ สนิ ค้าคอื ราคาของสินค้าหรอื บรกิ าร …..10. การวิจัยตลาดเป็นกจิ กรรมทางการตลาดทสี่ าคัญในการหาข้อมูลข่าวสารทางการตลาด …...11. หน้าทีท่ างการเงินเปน็ หนา้ ท่ีทางการตลาดทม่ี สี ว่ นในการสง่ เสรมิ สนบั สนนุ หน้าทก่ี ารตลาด อน่ื ๆ ใหส้ ามารถดาเนินไปไดอ้ ย่างสะดวก รวดเรว็ และตอ่ เนือ่ งมากขึน้ …...12. FedEx เป็นธรุ กจิ ทท่ี าหนา้ ทอ่ี านวยความสะดวกทางดา้ นการตลาด …...13. การเกบ็ รักษาสินคา้ ไว้เพ่อื ขายในช่วงที่ราคาสงู เรยี กว่าเป็นการเกบ็ รกั ษาเพอ่ื รกั ษาระดับราคา …..14. กจิ กรรมในการสง่ เสริมการขายเป็นกจิ กรรมท่ตี อ้ งกระทาในชว่ งเวลาที่ยาวนานจงึ จะไดผ้ ลดี …..15. การซอ้ื และการขายเป็นหน้าทส่ี าคญั ในการก่อใหเ้ กิดการการเคลือ่ นยา้ ยสินค้าหรอื บรกิ าร …..16. การโฆษณาคอื การเผยแพรข่ อ้ มลู ขา่ วสารโดยผ่านสอื่ ประเภทโทรทศั น์และสิง่ พิมพ์ …..17. หนา้ ทกี่ ารตลาดท่ที าให้สินค้าตอบสนองความต้องการของผบู้ ริโภคได้อย่างท่ัวถึง คือ หน้าท่ี ในการรบั ภาระการเส่ยี งภัย …..18. การปรับปรงุ และพฒั นาผลิตภณั ฑใ์ หเ้ กิดความแปลกใหม่อย่เู สมอจดั เป็นกจิ กรรมของผผู้ ลิต …..19. หนา้ ทีท่ างการตลาดจะสาเรจ็ ลลุ ่วงไปได้ดมี ากนอ้ ยเพยี งใดขึ้นอยกู่ บั การกาหนดกจิ กรรม ทางการตลาดท่ถี ูกตอ้ ง เหมาะสมกบั สถานการณ์ …..20. การวางแผนและการพัฒนาผลติ ภัณฑเ์ ป็นกจิ กรรมทส่ี าคญั ในการทาให้การแลกเปล่ยี น เกดิ ข้นึ ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
เฉลย คาชีแ้ จง ใหอ้ ่านขอ้ ความตอ่ ไปนี้ ขอ้ ความใดถูกใหใ้ สเ่ คร่ืองหมาย “” ขอ้ ความใดผดิ ให้ใส่เครื่องหมาย “X” หนา้ ขอ้ ความน้นั .... ..1. การแตกหักชารุดของสินค้าทเ่ี กดิ จากการขนสง่ เปน็ ความเส่ียงภัยทเ่ี กิดจากการดาเนนิ งาน … X …2. การขนส่งที่มีความเหมาะสมกบั ผลติ ภัณฑ์ทุกชนดิ ไดแ้ ก่ การขนสง่ ทางอากาศ ……3. การแสวงหาความต้องการของลูกคา้ จดั เป็นภารกจิ แรกของผู้ขาย … X …4. ความเส่ยี งภัยทเ่ี กิดข้นึ จากการเปลยี่ นแปลงของตลาดนักการตลาดสามารถทาการลดภาระ ความเสี่ยงภยั โดยการเอาแบบของสินคา้ ไปประกนั ไว้กับบรษิ ัทประกันภัย ……5. กจิ กรรมการกาหนดราคามผี ลตอ่ หนา้ ที่ทางการตลาดในการแลกเปลีย่ นความเป็นเจา้ ของ ……6. กิจกรรมทางการตลาดท่ีทาให้ได้ขอ้ มลู ขา่ วสารทางการตลาดในดา้ นต่างๆ คอื การวจิ ัยตลาด ……7. หนา้ ทกี่ ารเกบ็ รักษาทสี่ าคญั ตอ่ การตลาดมากท่สี ดุ คอื การเกบ็ รกั ษาเพือ่ การจดั จาหน่าย … X …8. การโฆษณาจดั เป็นหนา้ ทที่ างการตลาดทสี่ าคญั ทส่ี ุดประการหนงึ่ … X …9. สิ่งทีท่ าใหผ้ ซู้ ้อื ตัดสนิ ใจซอ้ื สนิ ค้าคือราคาของสินคา้ หรอื บริการ ….10. การวจิ ยั ตลาดเป็นกิจกรรมทางการตลาดทส่ี าคญั ในการหาขอ้ มลู ขา่ วสารทางการตลาด ….11. หนา้ ทที่ างการเงนิ เป็นหนา้ ทีท่ างการตลาดทม่ี ีส่วนในการสง่ เสรมิ สนบั สนนุ หนา้ ทก่ี ารตลาด อน่ื ๆ ใหส้ ามารถดาเนินไปได้อยา่ งสะดวก รวดเรว็ และต่อเนอื่ งมากขน้ึ … X .12. FedEx เปน็ ธรุ กิจท่ีทาหนา้ ท่ีอานวยความสะดวกทางด้านการตลาด ….13. การเก็บรกั ษาสนิ คา้ ไวเ้ พ่ือขายในช่วงทร่ี าคาสงู เรยี กวา่ เป็นการเกบ็ รกั ษาเพือ่ รักษาระดับราคา … X .14. กิจกรรมในการสง่ เสริมการขายเปน็ กิจกรรมที่ต้องกระทาในชว่ งเวลาท่ียาวนานจงึ จะไดผ้ ลดี … X .15. การซอ้ื และการขายเป็นหน้าทส่ี าคญั ในการกอ่ ใหเ้ กิดการการเคล่ือนย้ายสนิ คา้ หรือบรกิ าร … X .16. การโฆษณาคอื การเผยแพรข่ ้อมูลข่าวสารโดยผา่ นสื่อประเภทโทรทศั น์และสิง่ พิมพ์ … X .17. หนา้ ทกี่ ารตลาดทท่ี าให้สนิ คา้ ตอบสนองความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภคไดอ้ ย่างท่ัวถึง คือ หน้าท่ี ในการรบั ภาระการเสยี่ งภยั ….18. การปรบั ปรงุ และพัฒนาผลิตภัณฑใ์ ห้เกิดความแปลกใหมอ่ ย่เู สมอจดั เป็นกจิ กรรมของผผู้ ลิต ….19. หนา้ ท่ีทางการตลาดจะสาเรจ็ ลลุ ่วงไปได้ดมี ากนอ้ ยเพยี งใดขน้ึ อยู่กบั การกาหนดกจิ กรรม ทางการตลาดที่ถกู ต้อง เหมาะสมกบั สถานการณ์ ….20. การวางแผนและการพฒั นาผลิตภณั ฑเ์ ป็นกจิ กรรมทสี่ าคญั ในการทาให้การแลกเปล่ียน เกิดขึน้ ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ
การใชส้ ่อื ออนไลน์ประกอบการสอน การใชส้ ่อื ออนไลน์ประกอบการสอน เพ่อื เปลยี่ นบรรยากาศในการสอน และเปน็ การกระตนุ้ นกั ศึกษา เกดิ ความกระตอื รืนร้นในการเรยี น เพมิ่ มากขนึ้
เน้อื หา 2 การวเิ คราะห์สภาพแวดลอ้ มทางการตลาด Marketing Environment Analysis การวิเคราะห์ตลาด Marketing Analysis หมายถึง การศกึ ษาเกยี่ วกับสภาพแวดล้อมที่มี อทิ ธิพล ต่อการ ดาเนินงานทางการตลาด และ องค์ประกอบการตลาดในด้านต่างๆ เพื่อค้นหาโอกาสทางการตลาดท่ีองค์การ สามารถในการเช้าไปดาเนินการได้ แล้วนามากาหนดแนวทางในการปฏิบัติงานทางการตลาดให้เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณใ์ นขณะนั้น บรรลุผลสาเร็จตามเป้าหมายที่ธุรกิจได้กาหนดไว้ ซ่ึงวิธีการที่นักการตลาด นามาใช้ในการรวบรวมหรือวิเคราะห์ขอ้ มูลเก่ียวกับสภาพแวดลอ้ มทางการตลาด 1. การวิเคราะห์โอกาสทางการตลาดตามหลักการ SWOT Analysis ซ่ึงจัดเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการ บรหิ ารงานการตลาด เพ่อื ทาการวเิ คราะห์และประเมินผลกระทบของสภาพแวดล้อมทางการตลาดในดา้ นต่างๆ ท่ี เปิดโอกาสหรอื เปน็ อปุ สรรคต่อการดาเนินงานของกิจการ และบริหารจัดการ กับปัจจัยต่างๆ ที่องค์การมีอยู่ให้ สามารถดาเนนิ การตอ่ ไปได้ภายใต้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปจั จุบนั และอนาคตสามารถแข่งขันได้ กิจการสามารถ อยูร่ อดได้ในสถานการณน์ น้ั ๆ 1. S มาจากคาว่า Strength เป็นการวิเคราะห์ข้อได้เปรียบหรือข้อดีเด่น หรือจุดแข็งของกิจการ ภายใตส้ ภาพแวดลอ้ มทางการตลาดหรอื สถานการณก์ ารตลาดในขณะน้นั ซึ่งเป็นการวิเคราะหจ์ ากสว่ นประสมทาง การตลาด Marketing mix และสภาพแวดลอ้ มภายในอน่ื ๆขอกจิ การ 2. W มาจากคาว่า Weaknesses เปน็ การวเิ คราะห์ข้อเสียเปรียบ หรือจุดอ่อนของกิจการซ่ึงมักจะ เกิดจากส่วนประสมทางการตลาดและสง่ิ แวดลอ้ มภายใน การทราบถงึ จุดออ่ น หรือ ข้อเสียเปรียบของกิจการ จะ เป็นเครอ่ื งมือช่วยให้กิจการสามารถคน้ หาวิธกี ารป้องกันหรอื แกไ้ ขปัญหาไดอ้ ยา่ ถูกตอ้ ง 3. O มาจากคาว่า Opportunities เป็นการวิเคราะหข์ อ้ ได้เปรียบหรอื ปจั จยั เออื้ อานวยประโยชน์ไห้ กับกิจการในแต่ละสถานการณ์ โดยการวิเคราะห์จากสภาพแวดล้อมภายนอกท่ีจะช่วยกิจการสามารถนามาใช้ กาหนดกลยุทธก์ ารตลาดใหส้ อดคล้องกับโอกาสนน้ั ๆ 4. T มาจากคาว่า Threats เป็นการวิเคราะห์เกี่ยวกับอุปสรรคต่างๆ ท่ีเกิดจากเปลี่ยนแปลงของ สภาพแวดลอ้ มภายนอกในแต่ละช่วงเวลาและส่งผลกระทบต่อการดาเนินงานของกิจกิจการในด้านลบ กิจกรรม ตอ้ งนาข้อมูลต่างๆ มาทาการวเิ คราะห์ เพือ่ นาไปใชป้ ระกอบการตดั สินใจ ในการทางานหรือปรับปรุงกลยุทธ์การ ดาเนนิ งานทางการตลาดให้ประสบความสาเร็จบรรลวุ ตั ถุประสงค์ และเป็นประโยชนต์ ามท่กี ิจการกาหนด ภายใต้ สถานการณ์ในขณะน้นั จากองคป์ ระกอบของวิเคราะห์ตามหลักการ SWOT Analysis ทั้ง 4 ประการดังกล่าวข้างต้น สามารถ สรุปเป็นหลกั การวิเคราะหเ์ กย่ี วกับสถานการณ์ทางตลาดได้ 2 ลกั ษณะท่ีสาคัญลกั ษณะแรกเปน็ การวเิ คราะห์ปัจจยั ต่างๆ ที่ผู้ประกอบการไม่สามารถควบคุมหรือปรับเปล่ียนให้เป็นไปตามท่ีต้องการได้ เพราะเป็นปัจจัยที่เกิดจา สภาพแวดลอ้ มทางการตลาดภายนอก เรียกว่า การวเิ คราะห์เกยี่ วกับสถานการณ์ภายนอก หมายถึง การประเมิน สภาพแวดล้อมทางการตลาดเกีย่ วกับปจั จัยต่างกิจการไม่สามารถควบคุมหรือไม่สามารถเปล่ียนแปลงได้ รวมถึง
แนวโน้มการเปล่ียนแปลงท่ีอาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อนักการตลาดจะได้นามาใช้พิจารณาถึงโอกาส Opportunities และอปุ สรรค Threats ในการดาเนนิ งานทางตลาดในอนาคต สว่ นในลักษณะทีส่ องเป็นวิเคราะห์ เก่ียวกับปจั จยั ท่ีกจิ การตรวจสอบควบคมุ หรอื สามารถและความพร้อมของกิจการเกี่ยวกับทรัพยากรในด้านต่างๆ รวมทงั้ นโยบายของกจิ การ และท่ีสาคัญทีส่ ดุ คอื สว่ นประสมทางการตลาด 2. การวิเคราะหโ์ ดยใช้หลัก STP Step หลังจากกิจการได้วิเคราะห์สถานการณ์การตลาด โดยนาหลัง การวิเคราะห์ระบบ วเิ คราะห์แบบ SWOT Analysis มาใชเ้ พ่อื ทาการศกึ ษาเกยี่ วกับจุดแข็ง จดุ ออ่ น โอกาส และ อุปสรรคของกิจการแล้ว ก่อนที่ นาไปสู่ข้ันตอนการวางแผนทางการตลาดโดยการใช้หลักการ STP step ซ่ึง ประกอบดว้ ย 1.S คือ Segmentation หมายถึง การแบ่งส่วนตลาดคือ การกาหนดตลาดจากส่วนแบ่งตลาดที่ กจิ การให้ความสนใจในการเขา้ ไปตอบสนองความตอ้ งการ การกาหนดวัตถุประสงค์ทางการตลาดเพื่อนามาบริหาร จัดการเกีย่ วกับส่วนประสมทางการตลาดให้มคี วามสอดคล้องมีลักษณะความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย และเพอ่ื สร้างความแตกตา่ งระหว่างผลติ ภณั ฑ์ของกิจการกับผลิตภัณฑ์ของค่แู ข่งในสายตาผ้บู ริโภค 2. T คือ targeting หมายถงึ การกาหนดเป้าหมายตลาดเมือ่ กิจการดาเนินการแบ่งส่วนตลาดเพื่อ ศึกษาเก่ียวกับ ลักษณะความตอ้ งการและพฤติกรรมของผบู้ ริโภคกลมุ่ เปา้ หมายเพ่ือกาหนลกั ษณะของผลิตภัณฑ์ ที่จะนาเสนอให้แตกต่าง จากผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในตลาดแล้วข้ันต่อมาคือการกาหนดเป้าหมายท่ีกิจการจะเข้ามา ดาเนินการตอบสนองความต้องการเพ่ือ ดาเนินทางการตลาดเกี่ยวกับส่วนประสมทางการตลาดให้เกิดความ เหมาะสม 3 .P คือ Product Positioning หมายถึง การกาหนดตาแหน่งของผลิตภัณฑ์ที่กิจการนาเสนอต่อ ตลาดเปา้ หมายเปน็ กิจกรรมการตลาดทเี่ กี่ยวกบั การกาหนดลกั ษณะเด่นของคณุ คา่ ของสินค้าและบริการใหม้ ีความ แตกต่างจากผลิตภัณฑป์ ระเภทเดียวกันของคูแ่ ขง่ ที่สาคัญลกั ษณะเด่นหรือคุณค่าของสินค้าหรือบรกิ ารต้องมีความ สอดคลอ้ งกับความ ตอ้ งการของผู้บรโิ ภคและผู้บรโิ ภคสามารถรับรไู้ ดถ้ ึงความแตกตา่ ง ในการปฏิบตั ิเก่ยี วกบั การวเิ คราะห์โอกาส หรอื การวเิ คราะห์สถานการณ์ทางการตลาดในด้านต่างๆท่ีได้ กล่าวมาแล้วนนั้ นกั การตลาดจะเรม่ิ จากการวเิ คราะห์ปัจจัยต่างๆเก่ียวกับสภาพแวดล้อมทางการตลาดภายนอก ก่อน เนือ่ งจากเปน็ ปจั จัยทนี่ ักการตลาดไมส่ ามารถควบคมุ หรอื ปรบั เปลย่ี นใหเ้ ปน็ ไปตามทตี่ อ้ งการได้ แตเ่ ป็นปัจจยั ท่สี าคัญนักการตลาดต้องทาความเข้าใจและติดตามอย่างใกล้ชิดเพ่ือให้ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้ม ทางการเปล่ียนแปลงจะเกิดข้ึนในอนาคตของสภาพแวดล้อมทางดา้ นการตลาดโดยเฉพาะสภาพแวดล้อมภายนอก เพ่อื นาข้อมูลและความเขา้ ใจในสถานการณภ์ ายนอกมาใช้ในการวเิ คราะหส์ ถานการณ์ภายใน หรือสภาพแวดล้อม ทางการตลาดภายในเพ่ือพจิ ารณา ตรวจสอบศักยภาพ ความสามารถ และเตรียมความพร้อมของกิจการในด้าน ตา่ งๆ และเพือ่ นามาใช้ปรับปรุงจดุ ออ่ น สามารถใช้ประโยชนไ์ ดอ้ ยา่ งเต็มประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสถานการณ์ ภายนอกตลอดเวลา การวิเคราะหโ์ อกาสทางการตลาดเปน็ กิจกรรมทมี่ ีความสาคัญอยา่ งยิง่ เพราะในภาวะเศรษฐกจิ ทเ่ี ตบิ โต อยา่ งรวดเร็วประกอบกับการเปลย่ี นแปลงของเทคโนโลยสี อ่ื สารและโทรคมนาคมทไี่ ร้พรมแดน คู่แข่งขนั ท่ีมจี านวน มากมีศกั ยภาพสงู ขนึ้ ตลอดเวลา ธุรกจิ จาเป็นตอ้ งมีการรวบรวมข้อมูลท่ีทันสมัยเพื่อนามาวิเคราะห์หาโอกาสทาง ตลาดที่เหมาะสม และเลือกประเภทธุรกิจท่ีเป็นท่ีต้องการของตลาด ศึกษาพฤติกรรมของตลาดในปัจจุบันและ
อนาคต เพือ่ กาหนดแนวทางในการดาเนินงานทางการตลาดให้เป็นไปตามความเหมาะสมกับความสามารถของ ธรุ กจิ การวางแผนทางการตลาด marketing planning หมายถึง การกาหนดแนวทางในการปฏิบัติเกี่ยวกับส่วน ประสมทางการตลาดทั้ง 4 องค์ประกอบ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ การกาหนดราคา การจัดจาหน่ายและการส่งเสริม การตลาด หรอื 4P กจิ การเพอื่ ให้สามารถตอบสนองความตอ้ งการของผู้บรโิ ภคหรือผใู้ ช้และกลมุ่ เปา้ หมายจนเกิด ความพึงพอใจ และกิจการ สามารถบรรลวุ ัตถปุ ระสงคต์ ามเปา้ หมายท่ีกาหนดไว้ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ การปฏิบัติการทางการตลาด implementation เป็นขั้นตอนการดาเนินงานทางการตลาดตาม แผนการตลาดที่กาหนดเก่ียวกับผลิตภัณฑ์ การกาหนดราคา การจัดจาหน่าย การส่งเสริมการตลาด รวมทั้งการ กาหนดหนา้ ท่แี ละความรับผดิ ชอบในแกบ่ คุ คลตา่ งๆ ในแต่ละระดับให้เกดิ ความเหมาะสมและสอดคลอ้ งกบั ความรู้ ความสามารถของแตล่ ะบุคคล เพ่ือใหก้ ารปฏบิ ตั ิงานทางการตลาดเปน็ ไปตามแผนที่กาหนดไว้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ และ บรรลุผลสาเรจ็ ตามเปา้ หมายที่กาหนดซ่งึ เป็นการปฏบิ ัติเกี่ยวกับกลยทุ ธ์การตลาดด้านตา่ งๆดงั น้ี 1. กลยทุ ธ์เกย่ี วกับผลิตภณั ฑ์ product strategies เป็นการปฏบิ ัติทางการตลาดท่เี กี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของ ธรุ กิจท่สี ามารถตอบสนองความตอ้ งการของผู้บริโภค การกาหนดตาแหน่งของผลิตภณั ฑ์ใหเ้ หมาะสมกับเป้าหมาย โดยการพัฒนาผลติ ภณั ฑ์ให้เกิดความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ของคู่แข่ง ท้ังในด้านรูปแบบ คุณภาพที่เหนือกว่า มี ความโดดเด่น ความคงทน และความน่าสนใจ เพอื่ เปน็ การสรา้ งแรงจงู ใจให้แก่ผลิตภณั ฑ์ 2. กลยทุ ธเ์ กี่ยวกับราคา price Strategies เป็นการปฏิบัติทางการตลาดที่เกี่ยวกับการกาหนดข้อมูล ให้กับผลิตภณั ฑใ์ ห้เกิดความเหมาะสมสอดคล้องกับความสามารถในการซ้ือสินค้าหรือบริการทางตลาดเป้าหมาย กิจการเกิดกาไร สามารถแขง่ ขันได้ 3. กลยุทธ์เกี่ยวกับการจดั จาหน่าย Distribution Strategies การปฏิบัติการทางการตลาดในด้านนี้เป็น กิจกรรมท่ีเกี่ยวกับการกาหนดช่องทางการจัดจาหน่ายสินค้าและบริการ การขนส่ง การเก็บรักษาการกาหนด ลักษณะคนกลางท่ีต้องการ เป็นต้น เพื่อให้ผลิตภัณฑ์สามารถกระจายในตลาดต่างๆ อย่างทั่วถึงและเกิด ประสิทธิภาพ 4. กลยทุ ธ์เก่ียวกับการส่งเสริมทางการตลาด Promotion Strategies เป็นการปฏิบัตงิ านด้านการตลาด เก่ียวกับการใช้เครื่องมือในการส่งเสริมการตลาดให้เกิดความเหมาะสมกับลักษณะของตลาดผลิตภัณฑ์ ช่อง ทางการจัดจาหน่าย คู่แข่ง เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารเก่ียวกับผลิตภัณฑ์สามารถกระจายสู่ตลาดเป้าหมายอย่าง เหมาะสม สามารถกระตุ้น แนวโนม้ ชกั จูง หรอื ผู้ใชเ้ กิดพฤติกรรมการตอบสนองเปน็ ไปตามเปา้ หมายของธรุ กจิ การควบคมุ ทางการตลาด marketing control เปน็ ขัน้ ตอนสดุ ทา้ ย ของกระบวนการในการกาหนดกลยุทธ์ การตลาด เป็นการดาเนินงานเกี่ยวกับการตรวจสอบ และปฏิบัติงานทางด้านการตลาดต่างๆ ให้เป็นไปตาม แผนงานทางการตลาดทก่ี าหนดไว้ บรรลุเป้าหมายทางการตลาดตามที่กาหนดอย่างมีประสิทธิภาพ การควบคุม ทางการตลาดเป็นกิจกรรมท่ีต้องดาเนินการเป็นลาดับขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง การควบคุมการตลาดสามารถ ดาเนินงานเปน็ ลาดับขน้ั ตอนดงั น้ี 1. การกาหนดมาตรฐานหรือเป้าหมายของการปฏบิ ัติงาน เป็นการกาหนดเกณฑ์หรือวัตถุประสงค์ในการ ปฏิบัติงาน เพื่อเป็นเครื่องมือท่ีนามาใช้วัดผลการปฏิบัติงานทางการตลาดว่าสูงหรือต่ากว่าเกณฑ์ที่กาหนดไว้ เพียงใด หลกั เกณฑ์ดงั กล่าวสามารถกาหนดออกมาในลักษณะต่างๆกนั ออกไปตามความสามารถของลักษณะงาน
2. การวัดผลการปฏบิ ตั งิ าน เม่อื ปฏิบัติงานตามการปฏิบตั งิ านต่างๆ ดาเนนิ ไปได้ระยะหน่งึ แล้ว หรอื เมื่อ การปฏบิ ัตงิ านด้านการตลาดในแตล่ ะด้านเสรจ็ สิ้นลง ธุรกิจต้องดาเนินการวัดผลของการปฏิบัติงานด้วยวิธีการท่ี เหมาะสมตามมาตรฐานหรือวา่ วตั ถุประสงค์ที่กาหนด โดยวิธกี ารสงั เกต ด้วยปากเปลา่ หรอื การเขียนรายงานการ ปฏบิ ัติ 3. การประเมนิ ผลการปฏิบตั งิ าน เป็นกจิ กรรมทเ่ี ก่ยี วกับการดาเนนิ ผลการปฏิบัติงานทีไ่ ดด้ าเนนิ การเสร็จ สิ้นแล้วมาเปรียบเทียบกับมาตรฐานที่กาหนดหากผลของงานที่ได้รับเท่ากับมาตรฐานที่กาหนดไว้แสดงว่าการ ปฏิบัติงานมีประสิ ทธิภาพแต่หาผลข องงานท่ีได้รับต่า กว่า มาตรฐานที่ก าหนดไว้แสดงว่า การปฏิบัติงานด้า น การตลาดขาดประสิทธภิ าพ ผู้บริหารดา้ นการตลาดหรือผู้ที่รับผิดชอบในงานดังกล่าวต้องทาการศึกษาหาสาเหตุ เพ่ือกาหนดแนวทางในการแกไ้ ขปัญหาให้การปฏิบัติงานดาเนินอย่างถูกต้องและบรรลุผลสาเร็จตามมาตรฐานท่ี กาหนดตอ่ ไป 4. การดาเนินการแกไ้ ข เมอื่ ทาการประเมินผลการปฏิบัติงานแล้วพบว่าการปฏิบัติงานทางการตลาดต่า กว่ามาตรฐานที่กาหนด หรือไม่สามารถดาเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายได้ ผู้บริหารของการตลาดต้องค้นหา สาเหตุ เพ่ือกาหนดแนวทางในการแก้ไขและกาหนดแนวทางในการปฏิบัติหน้าท่ีสามารถบรรลุสาเร็จ ตาม เปา้ หมายตอ่ ไปได้ ระบบการตลาด marketing system การดาเนินงานทางการตลาดให้ประสบผลสาเร็จนั้น นักการตลาดต้องมีความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถในการนาขอ้ มลู ท่ีได้รับจากการวิเคราะหป์ ัจจยั ตา่ งๆเกยี่ วกบั สภาพแวดล้อมทางการตลาดมาจัดการ เกย่ี วกับสภาพแวดล้อมของตลาดภายในใหส้ อดคล้องกบั สภาพทางการตลาดภายนอกท่ีเก่ียวข้อง โดยการกระทา ดงั กลา่ วดาเนินการอย่างมขี ั้นตอนตอ่ เนือ่ งเพอ่ื ให้เกดิ การเคล่ือนยา้ ยสินค้า หรือ จากผ้ผู ลติ ไปสู่ผู้บริโภคหรือผู้ใช้ท่ี เป็นกลุ่มเปา้ หมายอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เรียกว่า ระบบ หรอื การตลาด ความหมายของระบบการตลาด มผี ู้รูใ้ หค้ วามสามารถของระบบการตลาดไดห้ ลายท่าน ดังน้ี ระบบการตลาดหมายถงึ สนองความต้องการของลูกค้าและดาเนินการเคล่ือนย้ายคุณค่าของสินค้าและ บรกิ ารจากผผู้ ลติ ไปยังลกู คา้ หรือตลาด ระบบการตลาด หมายถึง การรวมตัวของระบบย่อยในตลาดโดยที่ระบบเจ้าย่อยของการตลาดจะ ดาเนนิ การเคล่ือนไหวเปล่ียนแปลงไปพรอ้ มพรอ้ มกันทั้งระบบ สรปุ ได้วา่ ระบบการตลาด คือ การกระทาเพ่ือให้เกิดการรวมตัวของกิจกรรมย่อยย่อยทางตลาด เพื่อ ทางานให้ประสานสอดคล้องกนั ท้ังในด้านขอ้ มูลข่าวสารทางการตลาดและกจิ กรรมในการจาหนา่ ยจ่ายแจกเพื่อให้ กิจกรรมย่อยยอ่ ยทางการตลาดไดด้ าเนินไปในทิศทางเดยี วกนั อยา่ งต่อเนือ่ ง
กจิ กรรม(ยอ่ ย)ระหวา่ งเน้ือหา ให้ปฏิบัติกจิ กรรมดงั น้ี 1. กาหนดชอ่ื ตรายห่ี อ้ ของผลติ ภณั ฑ์ชิ้นน้ีขึ้นมาใหม่ (น้าแร่) โดยสมมติว่าผลติ ภณั ฑ์น้ีเป็นของกจิ การของผเู้ รยี น ตอบ น้าแร่ A.N 2. ผเู้ รยี นจะแบง่ สว่ นแบ่งตลาดอยา่ งไร ตอบ แบ่งสว่ นตลาดตามหลกั ประชาชากรศาสตร์ เปน็ การแบ่งส่วนตลาดตามปจั จยั ทางประชากรหรอื ผูบ้ รโิ ภคท่ี เก่ียวกบั เพศ อายุ การศึกษา อาชีพ ซ่งึ ตัวแปรด้านประชากรจะมีความสมั พันธ์กับอัตราการใช้ผลติ ภณั ฑ์จงึ เปน็ ท่ี นยิ มนามาใช้ในการแบง่ ส่วนตลาดมากทส่ี ดุ 3. ประเมนิ ส่วนตลาดและเลอื กตลาด จะดาเนนิ การอย่างไรบา้ ง ตอบ การประเมินส่วนตลาด เป็นการประเมนิ ค่าของตลาดแต่ละสว่ น เพอื่ นามาพจิ ารณาประกอบการตดั สนิ ใจ เลอื กส่วนตลาดท่ีเหมะเหมะสม ซึ่งศกึ ษาส่วนตลาด 3 ส่วน ดงั น้ี 1) ขนาดของส่วนตลาดและอตั ราการขยายตัว เปน็ การคาดคะเนยอดขายของส่วนตลาดนั้น ๆ 2) โครงสรา้ งความน่าสนใจของสว่ นตลาด ศึกษาถึงสว่ นประกอบหรือตัวแปรตา่ ง ๆ ท่มี คี วามสามารถใน การจงู ใจมากนอ้ ยเพียงใด 3) วตั ถุประสงค์และทรัพยากรของบรษิ ทั ถงึ แมว้ ่าตลาดสว่ นทปี่ ระเมินไวจ้ ะมีความเจรญิ เติบโตและ ความน่าสนใจแล้วกต็ าม แตถ่ า้ ไมส่ อดคล้องหรอื ขัดแย้งกับวตั ถปุ ระสงคบ์ รษิ ทั ตลอดจนทรัพยากรของบริษัทมีไม่ เพียงพอ กจ็ าเปน็ ต้องตัดตลาดสว่ นน้นั ออกไป การเลอื กสว่ นตลาด เลอื กการตลาดแบบไมแ่ ตกตา่ ง หรือการตลาดทเ่ี หมือนกนั สามารถชว่ ยประหยัดต้นทุน การดาเนินงานเน่อื งจากใช้หลักการผลติ สินคา้ รปู แบบเดียวกนั ในปริมาณมาก ทาใหล้ ดต้นทนุ การผลิตลงได้ ลดค่า โฆษณาสนิ คา่ และค่าใชจ้ ่ายในการวางแผนการตลาด 4. ผ้เู รยี นกาหนดตาแหนง่ ผลติ ภณั ฑอ์ ย่างไรบ้างในเรอ่ื งต่อไปน้ี ตอบ 4.1 ความแตกตา่ งดา้ นผลิตภณั ฑ์ -รปู แบบ -ราคา -ความน่าเชือ่ ถือ
-คุณภาพ -คณุ สมบัติ -ความคงทน 4.2 ความแตกตา่ งด้านบรกิ าร -การบริการจัดสง่ สนิ ค้า -การรบั ประกนั -ความรวดเร็ว -การฝึกอบรมหรอื ใหค้ าแนะนาแกล่ ูกค้า 4.3 ความแตกต่างดา้ นบคุ คล -ความร้คู วามสามารถของบคุ ลากร -ประสบการณแ์ ละความชานาญ -การดูแลเอาใจใสล่ กู ค้า -ความซ่ือสัตย์สามารถไว้วางใจได้ -การตดิ ต่อสอ่ื สารกับลูกคา้ 4.4 ความแตกต่างดา้ นภาพลักษณ์ -สัญลกั ษณ์ -สื่อ -ท่ีมาของผลติ ภัณฑ์ -การจัดเหตุการณพ์ ิเศษ 5. คแู่ ขง่ ของกจิ การคือใคร ตอบ นา้ แรเ่ อเวียง นา้ แรเ่ พอร์ร่า 6. จะกาหนดกลยุทธใ์ นการแขง่ ขันอย่างไรบ้าง จงบอกเปน็ ขอ้ ๆ ตอบ กาหนดกลยทุ ธก์ ารแขง่ ขันทางการตลาดของผู้ตาม เปน็ กลยุทธข์ องผตู้ ามทเ่ี ข้าสตู่ ลาดในฐานนะทเี่ ป็นรองทัง้ ผู้นาและทา้ ชงิ โดยใช้กลยุทธ์ดงั ต่อไปน้ี 1) การตามอยา่ งใกลช้ ิด เปน็ การใชส้ ่วนประสมทางการตลาดทีใ่ กล้เคยี งกบั คู่แข่งขนั ทงั้ ผู้นาและท้าชิง 2) การตามอย่างห่าง เปน็ การเจา้ สูต่ ลาดโดยตามผู้นาและผู้ท้าชิงทัง้ ด้านการตลาด ผลติ ภัณฑ์ ระดับ ราคา และการจัดจาหน่าย 3) การเลอื กตาม เปน็ ดารเขา้ ส่ตู ลาดโดยผตู้ ามเลอื กตามผูน้ าท่เี ปน็ ธรุ กจิ ที่ตนเองมีความชานาญ โดยจัด ส่วนประสมทางการตลาดตามท่ีตนเองถนัดและใหม้ ีความแตกต่างจากผู้นา
แบบทดสอบหลังเรียน 1. การตลาดเรม่ิ ตน้ พฒั นาการจากขอ้ ใด ก. ระบบคนกลาง ข. ระบบแลกเปลีย่ น ค. ระบบตลาด ง. ระบบการตลาด 2. แนวความคิดทางการตลาดทเี่ น้นด้านการขายต้งั อย่บู นพน้ื ฐานความเชื่อที่วา่ ก. สินคา้ ท่ผี ้บู รโิ ภคตอ้ งการเทา่ นัน้ จงึ จะขายได้ ข. สนิ ค้าทกุ อย่างขายไดห้ ากมีคณุ ภาพดีกวา่ คู่แข่งขนั ค. กจิ กรรมหรอื เครอื่ งมอื ต่าง ๆ เกีย่ วกบั การขายสามารถกระตุ้นหรอื จูงใจใหผ้ บู้ รโิ ภคซอื้ สินค้าได้ ง. สนิ ค้าทีไ่ ม่เปน็ ทีต่ อ้ งการตอ้ งอาศยั การขายจงึ จะขายได้ 3. การผลิตรถยนตเ์ พยี ง 10 คนั จาหนา่ ยท่ัวโลก จดั เปน็ แนวความคดิ ทางการตลาดข้อใด ก. แนวความคิดทางการตลาดทเี่ นน้ หนักด้านการผลติ ข. แนวความคดิ ทางการตลาดท่ีเนน้ หนักดา้ นผลติ ภัณฑ์ ค. แนวความคดิ ทางการตลาดทีเ่ น้นหนักดา้ นการขาย ง. แนวความคดิ ทางการตลาดทเี่ น้นหนักด้านการตลาด 4. แนวความคิดทางการตลาดคอื ขอ้ ใด ก. แนวทางในการจัดสรรทรัพยากรท้งั หมดขององค์การเพ่ือนามาสรา้ งสรรค์กิจกรรมตา่ ง ๆ เพือ่ กระต้นุ ใหผ้ บู้ รโิ ภคเกดิ ความพงึ พอใจ ข. แนวทางในการจัดกจิ กรรมเพอื่ ทาใหส้ นิ คา้ เกิดการเคลื่อนย้ายจากผผู้ ลติ ไปสผู่ บู้ รโิ ภค ค. แนวทางในการทาใหผ้ ลิตภณั ฑม์ ีความแตกตา่ งไปจากผลติ ภณั ฑข์ องคู่แข่งขนั ง. แนวทางในการปฏิบัติงานทางการตลาดทก่ี าหนดใหเ้ ข้ากบั 5. ขอเชญิ ผู้ใชร้ ถยนต์โตโยต้าทกุ ทา่ นเข้าร่วมแรลลกี่ ารกุศลไดใ้ นวันที่ 10 กันยายน 2564 เพื่อช่วยเหลือ ผปู้ ระสบอทุ กภยั จัดเปน็ แนวความคิดทางการตลาดในขอ้ ใด ก. แนวความคดิ ทางการตลาดทเ่ี นน้ หนกั ดา้ นการตลาด ข. แนวความคิดทางการตลาดทเ่ี นน้ หนกั ด้านการตลาดเพ่อื สงั คม ค. แนวความคิดทางการตลาดทเ่ี น้นความสาคัญทผี่ บู้ รโิ ภค ง. แนวความคดิ ทางการตลาดทเ่ี น้นหนกั ดา้ นผลติ ภณั ฑ์ 6. ทุก 1 บาทของกระเบือ้ งทกุ แผ่นทซี่ ้อื จากรา้ น ใจดี วัสดกุ ่อสรา้ ง นาไปสมทบทุนเดก็ ดอ้ ยโอกาส จดั เปน็ แนวความคิดทางการตลาดในข้อใด ก. แนวความคดิ ทางการตลาดทีเ่ นน้ หนักด้านการตลาด ข. แนวความคิดทางการตลาดทเี่ น้นหนกั ดา้ นการตลาดเพอ่ื สงั คม ค. แนวความคดิ ทางการตลาดทเ่ี นน้ ความสาคญั ทผ่ี บู้ รโิ ภค ง. แนวความคดิ ทางการตลาดทเี่ น้นหนักดา้ นผลิตภณั ฑ์
7. ขอ้ ใดคอื หนา้ ทีท่ างการตลาดด้านอานวยความสะดวกและสนับสนุนการตลาด ก. การซือ้ และการขาย ข. การวางแผนและพฒั นาผลติ ภณั ฑ์ ค. การขนสง่ และการเก็บรักษา ง. การสง่ เสรมิ การตลาด 8. การเปลีย่ นแปลงรสนิยมและคา่ นยิ มทางสงั คม เป็นความเสีย่ งภยั ท่เี กดิ จากขอ้ ใด ก. การเปล่ยี นกรรมสทิ ธค์ิ วามเปน็ เจา้ ของ ข. การกระจายผลิตภัณฑ์ ค. การเปล่ยี นแปลงความต้องการของตลาด ง. การให้ขอ้ มลู ข่าวสารการตลาด 9. การเปลย่ี นแปลงรสนิยมของผบู้ รโิ ภคเปน็ ปจั จัยสาคญั ตอ่ การปรบั ปรงุ เรอ่ื งใด ก. สนิ ค้าหรือบรกิ าร ข. การกาหนดราคา ค. การจัดจาหน่าย ง. การส่งเสรมิ ทางการตลาด 10. แชมพซู นั ซลิ รปู แบบใหม่ถอดรหสั จากธรรมชาตเิ ป็นการปรับเปล่ยี นผลิตภัณฑเ์ นอื่ งจากผลกระทบ จากข้อใด ก. คู่แขง่ ขนั ข. ปจั จัยภายนอก ค. การเปลีย่ นแปลงรสนิยม ง. ปจั จยั ภายใน
เฉลย 1. การตลาดเรม่ิ ต้นพัฒนาการจากข้อใด ก. ระบบคนกลาง ข. ระบบแลกเปลี่ยน ค. ระบบตลาด ง. ระบบการตลาด 2. แนวความคิดทางการตลาดทเี่ น้นดา้ นการขายตัง้ อยู่บนพื้นฐานความเชอื่ ที่ว่า ก. สนิ คา้ ทผี่ บู้ รโิ ภคตอ้ งการเท่าน้นั จงึ จะขายได้ ข. สินคา้ ทกุ อย่างขายไดห้ ากมีคุณภาพดกี ว่าค่แู ข่งขนั ค. กจิ กรรมหรอื เครอื่ งมอื ตา่ ง ๆ เกย่ี วกบั การขายสามารถกระตนุ้ หรอื จูงใจใหผ้ ูบ้ ริโภคซื้อสนิ คา้ ได้ ง. สนิ คา้ ทไ่ี มเ่ ป็นท่ีตอ้ งการตอ้ งอาศัยการขายจึงจะขายได้ 3. การผลติ รถยนตเ์ พยี ง 10 คัน จาหน่ายท่ัวโลก จดั เป็นแนวความคิดทางการตลาดขอ้ ใด ก. แนวความคิดทางการตลาดทเี่ น้นหนกั ดา้ นการผลติ ข. แนวความคดิ ทางการตลาดทีเ่ นน้ หนักดา้ นผลิตภณั ฑ์ ค. แนวความคิดทางการตลาดท่ีเน้นหนกั ดา้ นการขาย ง. แนวความคิดทางการตลาดทเี่ นน้ หนักด้านการตลาด 4. แนวความคดิ ทางการตลาดคอื ข้อใด ก. แนวทางในการจัดสรรทรัพยากรทั้งหมดขององค์การเพอื่ นามาสร้างสรรคก์ จิ กรรมต่าง ๆ เพือ่ กระตุน้ ใหผ้ บู้ ริโภคเกิดความพงึ พอใจ ข. แนวทางในการจดั กจิ กรรมเพอื่ ทาใหส้ ินค้าเกิดการเคล่อื นยา้ ยจากผผู้ ลิตไปสู่ผบู้ รโิ ภค ค. แนวทางในการทาใหผ้ ลติ ภณั ฑม์ คี วามแตกตา่ งไปจากผลิตภณั ฑ์ของค่แู ข่งขนั ง. แนวทางในการปฏิบัติงานทางการตลาดทกี่ าหนดใหเ้ ขา้ กบั 5. ขอเชิญผใู้ ชร้ ถยนต์โตโยต้าทกุ ทา่ นเขา้ ร่วมแรลลก่ี ารกุศลไดใ้ นวนั ที่ 10 กนั ยายน 2564 เพ่อื ชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบอุทกภัย จัดเป็นแนวความคดิ ทางการตลาดในขอ้ ใด ก. แนวความคิดทางการตลาดทเ่ี นน้ หนกั ด้านการตลาด ข. แนวความคิดทางการตลาดทเ่ี น้นหนกั ดา้ นการตลาดเพื่อสงั คม ค. แนวความคิดทางการตลาดทเี่ น้นความสาคัญท่ผี บู้ รโิ ภค ง. แนวความคดิ ทางการตลาดท่ีเนน้ หนักด้านผลติ ภัณฑ์ 6. ทุก 1 บาทของกระเบอื้ งทกุ แผน่ ท่ีซอ้ื จากร้าน ใจดี วสั ดุกอ่ สร้าง นาไปสมทบทนุ เด็กดอ้ ยโอกาส จัดเปน็ แนวความคดิ ทางการตลาดในขอ้ ใด ก. แนวความคิดทางการตลาดท่ีเน้นหนักด้านการตลาด ข. แนวความคดิ ทางการตลาดทเี่ น้นหนกั ดา้ นการตลาดเพื่อสงั คม ค. แนวความคิดทางการตลาดทเ่ี นน้ ความสาคัญทผ่ี บู้ รโิ ภค ง. แนวความคดิ ทางการตลาดทเี่ นน้ หนักดา้ นผลิตภณั ฑ์
7. ข้อใดคือหนา้ ทที่ างการตลาดดา้ นอานวยความสะดวกและสนบั สนุนการตลาด ก. การซอื้ และการขาย ข. การวางแผนและพฒั นาผลิตภณั ฑ์ ค. การขนสง่ และการเกบ็ รักษา ง. การสง่ เสรมิ การตลาด 8. การเปลี่ยนแปลงรสนยิ มและคา่ นิยมทางสงั คม เป็นความเส่ียงภยั ท่ีเกดิ จากขอ้ ใด ก. การเปลี่ยนกรรมสิทธค์ิ วามเป็นเจ้าของ ข. การกระจายผลิตภัณฑ์ ค. การเปลีย่ นแปลงความตอ้ งการของตลาด ง. การใหข้ ้อมลู ข่าวสารการตลาด 9. การเปล่ียนแปลงรสนิยมของผบู้ รโิ ภคเปน็ ปัจจยั สาคญั ตอ่ การปรับปรงุ เร่อื งใด ก. สินคา้ หรือบรกิ าร ข. การกาหนดราคา ค. การจัดจาหน่าย ง. การส่งเสริมทางการตลาด 10. แชมพูซันซลิ รปู แบบใหม่ถอดรหสั จากธรรมชาติเป็นการปรับเปลี่ยนผลิตภณั ฑ์เนือ่ งจากผลกระทบ จากข้อใด ก. คูแ่ ขง่ ขัน ข. ปจั จัยภายนอก ค. การเปลยี่ นแปลงรสนิยม ง. ปัจจยั ภายใน
การวัดผลประเมนิ ผล เคร่อื งมอื ทใี่ ช้ประเมิน 1. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมผเู้ รยี น 2 แบบทดสอบภาคความรู้ เกณฑ์การประเมนิ การตรวจแบบประเมินผลการเรียนประจาหนว่ ย โดยกาหนดเกณฑ์ดงั น้ี คะแนน 42 ขึน้ ไป อยู่ในระดับ ดีมาก คะแนน 30-41 อยู่ในระดบั ดี คะแนน 18-29 อยู่ในระดับ พอใช้ คะแนนต่ากวา่ 17 ควรปรบั ปรงุ และประเมนิ ใหม่
Search
Read the Text Version
- 1 - 35
Pages: