ใบความรู้ความรู้เบ้อื งตน้ เก่ยี วกบั การจัดการ
1. ความหมายของการจัดการการจัดการ (Management) หมายถงึ การดาเนนิ งานหรือกระบวนการใด ๆ บคุ ลหรือกล่มุ บุคคลใช้ทัง้ ศาสตร์และศลิ ป์ เพ่ือทจี่ ะให้บรรลวุ ตั ถุประสงค์ขององคก์ ร2. จดุ มุ่งหมายและความสาคญั ของการจดั การความสาคญั ของการจดั การเพ่อื ให้องคก์ รบรรลุวัตถปุ ระสงคท์ ว่ี างไว้ ซึ่งทุกคนจะต้องมีความเขา้ ใจในหลักและกระบวนการจดั การ คือ การวางแผน (Planning) การจดั องค์กร (Organizing) การจัดคนเข้าทางาน(Staffing) การส่ังการ(Directing) และการควบคุม (Controlling)3. องค์ประกอบสาคัญของการจดั การ (POSDC) 1. การวางแผน (Planning) 2. การจัดองค์กร (Organizing) 3. การจดั คนเขา้ ทางาน (Staffing) 4. การสง่ั การ(Directing) 5. การควบคมุ (Controlling)4. ทรพั ยากรการจดั การ ประกอบด้วย 7 M’s 1. คน (MAN) 2. เงนิ (MONEY) 3. เคร่ืองจกั ร (MACHINE) 4. วัตถุดบิ (MATERIAL) 5. วิธกี าร (METHOD) 6. การตลาด (MARKET) 7. ขวญั และกาลงั ใจ (MORALE)5. คุณลักษณะบทบาท หนา้ ที่ของผู้บริหาร ควรมีคณุ ลกั ษณะ 3 ดา้ น ประกอบด้วย 1. ทกั ษะทางด้านความรคู้ วามสามารถหรือทางเทคนิค (Technical Skills) 2. ทกั ษะทางด้านมนษุ ย์ (Human Skills) 3. ทักษะทางด้านความสามารถในการคิดวิเคราะห์ (Conceptual Skills)
1.2 กระบวนการในการจดั การ กระบวนการการจัดการ (Management process) ผู้บริหารธุรกิจมีหน้าท่ใี นเรอ่ื งของการจัดการ กระบวนการการจัดการประกอบไปด้วยขัน้ ตอนที่ สาคัญอยู่ 4 ขน้ั ตอน คอื 1. การวางแผน (Planning) เปน็ กจิ กรรมอนั ดับแรกทีส่ าคัญของผู้บริหารท่ีจะต้องมีการ ตัดสนิ ใจเรื่องตา่ ง ๆ เตรยี มการไว้ล่วงหนา้ เชน่ มีการกาหนดเปา้ หมายในการดาเนินธุรกจิ เช่น จะขยาย กจิ การลงทุนสรา้ งโรงงานใหม่ เพม่ิ ผลติ ภณั ฑใ์ หม่ ๆ เพ่ือให้การบริหารงานประสบผลสาเรจ็ ดังนั้น ผู้บรหิ ารจะต้องมกี ารวางแผนอยา่ งรอบคอบและรัดกมุ 2. การจดั องค์การ (Organizing) เพ่ือให้เปา้ หมายของธุรกิจที่วางแผนไวล้ ่วงหน้าประสบ ผลสาเร็จ ผู้บรหิ ารจะมกี ารจดั โครงสร้างองค์การ มีการแบ่งงาน มอบหมายงาน จดั พนกั งานในการ ปฏิบตั ิงานต่าง ๆ ในตาแหน่งต่างๆ ขององค์การ เพ่ือให้การประสานงานระหวา่ งหนว่ ยงานเป็นไปอย่างมี ประสทิ ธภิ าพ 3. การนา (Leading) หมายถงึ การส่ังการ การชแ้ี นะ ของผู้บงั คบั บัญชาทม่ี ีต่อ ผูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชาให้ทางานตามคาสั่ง หรือคาช้ีแนะของผู้บังคบั บัญชา เพื่อให้การทางานที่ไดร้ ับมอบหมาย สาเร็จลุลว่ ง ตามวตั ถุประสงคข์ ององค์การ ดังนั้นภาวะผู้นา การจูงใจ การติดต่อสือ่ สาร จงึ เป็น เคร่ืองมอื สาคัญที่ผูบ้ รหิ ารจะต้องคานึงถงึ 4. การควบคมุ (Controlling) เปน็ กิจกรรมขัน้ สุดท้ายของกระบวนการบริหาร เพอ่ื ประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิงานวา่ เป็นไปตามแผนงานท่ีได้กาหนดไว้หรือไม่ ดงั นัน้ ผู้บริหารจะต้องกาหนด เกณฑ์ มาตรฐาน เพื่อใชเ้ ป็นเกณฑ์ในการประเมินผล ปัจจุบนั เกณฑ์การประเมินผลที่ธุรกิจใชก้ นั มากก็ คือ การใช้ Benchmark กับกิจการคู่แขง่ ขันท่ีอย่ใู นอตุ สาหกรรมเดียวกนั ในการบรหิ ารทรัพยากรมนุษย์ของผู้บรหิ าร จะตอ้ งเสาะแสวงหากดึงดดู บคุ ลากรทม่ี ีความรู้ ความสามารถเขา้ ในองค์การ จงู ใจรกั ษาพนักงานทีม่ ีคุณภาพไวใ้ ห้อยู่กับองค์กรนานๆ โดยพิจารณาถงึ แนวทางการพัฒนาบุคลากรเพอื่ ความกา้ วหนา้ ในอาชพี 4. 1.3 ความสาคัญของการการจัดการ ความสาคัญของการการจัดการ การจัดการมีผลตอ่ ความสาเรจ็ ขององคก์ ร แมจ้ ะเป็นสง่ิ ที่ไม่สามารถมองเหน็ ได้ แต่สามารถวดั และ ประเมินผลได้ การจัดการทาให้การใช้ทรัพยากรมีความคมุ้ ค่าและเกิดประสิทธิผลในการผลิต นอกจากนยี้ งั ชว่ ยใหค้ ณุ ภาพชวี ิตของพนักงานดขี นึ้ และยงั เปน็ การแสวงหาวิธีการทางานท่ีดีทสี่ ุด และความสาคญั ประการสุดท้าย คอื การจัดการชว่ ยทาใหเ้ กิดการจา้ งงาน ทาใหป้ ระชาชนมีรายได้ และสามารถแบง่ ตาม หวั ขอ้ ดงั ต่อไปน้ี
1. มีกระบวนการจดั การท่ีดี จะทาให้องคก์ ารประสบความสาเรจ็ ตามเปา้ หมายที่กาหนดไว้ 2. การจัดการเปน็ เทคนคิ ที่ทาใหส้ มาชิกในองค์การเกดิ จติ สานึกรว่ มกนั ในการปฏบิ ตั ิงาน มคี วาม ตงั้ ใจ 3. การจดั การเป็นกาหนดขอบเขตการทางานของสมาชิกในองค์การ 4. การจัดการเปน็ การแสวงหาวิธกี ารที่ดที ี่สุดในการปฏบิ ตั ิงาน1.4 บทบาทหนา้ ท่ีของผู้จัดการ บทบาทหน้าทข่ี องผูจ้ ดั การ เรอื่ งของผู้นานั้นเปน็ เร่ืองที่สาคัญมาก หลายองค์กรพยายามท่ีจะหาวธิ ีในการพัฒนาภาวะผนู้ าของ ผบู้ ริหารทุกระดับให้เกิดขึน้ เพ่ือทจ่ี ะใหผ้ ูน้ าเหลา่ น้ี เป็นผู้ผลกั ดันความสาเร็จให้เกดิ ขึ้นกับองค์กร และจาก ผลการวิจยั ขอมหวทิ ยาลยั มิชิแกน ในเรอ่ื งของภาวะผู้นาน้ัน ก็ยนื ยันว่า องค์กรทป่ี ระสบความสาเร็จนนั้ เป็นผลมาจากการทผี่ ู้บรหิ ารของตนมีภาวะผนู้ า และสามารถนาองค์กร นาคน ให้ไปสู่เป้าหมายที่กาหนดไว้ ได้ ในการสร้างความสมั พันธร์ ะหว่างบคุ คล เชน่ ทาหน้าท่ผี ู้นา การเป็นผบู้ ังคับบญั ชามบี ทบาทด้าน การสื่อสาร เชน่ การทาหน้าที่กากบั ดูแล และมีบทบาทในการตดั สินใจ เช่น การแก้ไขปญั หา การจดั สรร ทรพั ยากรในองค์กร และมี บทบาทในฐานะนักเจรจาต่อรอง เปน็ ต้น ผูจ้ ัดการท่ีดี ควรมีคุณสมบัติ มีความรู้ความเข้าใจในศาสตร์ของการบรหิ าร ผ้บู รหิ ารจะบรหิ ารงานใหเ้ กิดประสิทธภิ าพและประสทิ ธผิ ลได้นัน้ ตอ้ งมีความรู้ ความเขา้ ใจในเรื่อง ของทฤษฎแี ละหลักการบรหิ าร เพ่อื จะได้นาความรูไ้ ปประยุกต์ใชใ้ หเ้ หมาะสมกับการทางาน สถานการณ์ และส่ิงแวดลอ้ ม จึงพดู ไดว้ า่ ผู้บริหารท่ปี ระสบความสาเรจ็ คอื ผู้ทีส่ ามารถประยุกต์เอาศาสตร์การบริหารไป ใช้ได้อยา่ งมศี ลิ ปะน่นั เอง มภี าวะผูน้ า เป็นกระบวนการของการใชอ้ ิทธิพล ทผี่ ู้นาพยายามจะมีอิทธิพลเหนือผูต้ าม เพ่ือให้มพี ฤติกรรม การ ปฏิบัตงิ านตามต้องการโดยมจี ุดมุ่งหมายขององค์การเปน็ เป้าหมาย ไม่ใชเ่ ร่ืองของบุคคลท่ีจะพงึ มีภาวะผู้นา ไดโ้ ดยทไี่ ม่ได้มีการกระทาใด ๆ เปน็ กระบวนการ (process) ให้เกิดอทิ ธิพลต่อผ้อู ืน่ ดงั น้ัน ผ้นู าทางจากการ
แต่งตงั้ เช่น ผู้อานวยการ ผบู้ ัญชาการ อาจจะมภี าวะหรอื ไม่ก็ได้ ทง้ั น้ีขนึ้ อยวู่ ่ามีลกั ษณะท้ัง 3 ประการหรือ เปล่า ในทางตรงข้าม ผู้ที่แสดงภาวะผนู้ าอาจจะไม่เปน็ ผูน้ าที่แบบทางการ มวี ุฒภิ าวะทางอารมณ์ มคี วามรับผดิ ชอบตอ่ พฤติกรรมของตนเองอยเู่ สมอ ซ่อื ตรง เปิดรับและมองส่งิ ต่างๆอยา่ งรอบด้านมี ความสขุ และสนุกกบั ชีวติ มองปัญหาตา่ งๆเปน็ โอกาสในการเรยี นรแู้ ละพัฒนา ตนเอง มคี วามคิดสร้างสรรค์ กระบวนการคิดของสมองซึง่ สามารถคดิ ได้หลากหลายและแปลกใหม่ สามารถนาไปประยกุ ต์ทฤษฎี หรอื ปฏบิ ตั ไิ ด้อย่างรอบคอบและถกู ต้อง จนนาไปสกู่ ารคิดค้นและนวัตกรรม มีมนุษยส์ ัมพันธท์ ี่ดี การร้จู ักใช้วธิ กี ารที่จะครองใจคนโดยมีความประสงคใ์ หบ้ ุคคลเหลา่ น้ันนบั ถือ จงรักภกั ดี และให้ ความ รว่ มมอื รว่ มใจ ทางานด้วยความเต็มใจ1.5 ทักษะทีส่ าคญั ในการจัดการ ทกั ษะทางความคดิ เป็นทักษะที่จาเป็นมากสาหรับผจู้ ดั การในระดับสูง ทกั ษะในการประสานงาน เป็นทกั ษะทจี่ าเปน็ มากสาหรับผูบ้ ริหารในระดบั กลาง ทกั ษะในการปฏบิ ัติ เป็นทกั ษะทจี่ าเปน็ มากสาหรับผูบ้ ริหารในระดับตน้ ระดับชัน้ ของการจดั การ มี 3 ระดับ คือ ระดบั สูง ระดับกลาง และระดบั ต้นมีผู้กล่าวว่า “การจดั การ เป็นกิจกรรม” เพราะการจดั การต้องมีการออกแบบงานต่าง ๆ ขององค์กร เพื่อสนับสนุนและชี้แนวทางใน การทางานของบคุ คล กลุ่มบุคคลในองค์กรใหส้ อดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร บทบาทของผู้บรหิ ารระดับกลางในการจดั การ ผบู้ ริหารระดบั กลางมีบทบาทสาคัญในการนาแผน หลกั หรือนโยบายไปสแู่ ผนปฏิบตั ิงาน และเป็นผ้รู ับผิดชอบในการประเมินผลการปฏิบตั งิ าน เพอื่ นาไปสู่การ แกป้ ัญหาปรับปรงุ เปลยี่ นแปลงและกาหนดเป็นนโยบายขององค์กร จึงเปน็ ผู้เช่อื มโยงระหว่างผู้บรหิ าร ระดบั สูงกับผ้บู ริหาร ระดับตน้
Search
Read the Text Version
- 1 - 5
Pages: