Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 1

หน่วยที่ 1

Published by paob.oob, 2022-01-25 08:03:58

Description: 0302-1

Search

Read the Text Version

หนว่ ยที่ 1 พื้นฐานความคดิ ทางสังคมและวัฒนธรรมไทย

พ้ืนฐานการศึกษาสงั คมและวฒั นธรรมไทย ลักษณะทางสงั คมและวัฒนธรรมไทย การพฒั นาสงั คมและวัฒนธรรมไทย

พน้ื ฐานการศึกษาสงั คมและวฒั นธรรมไทย ความหมายและแนวคิดในการศกึ ษา สงั คมไทย วฒั นธรรมไทย การศกึ ษาทางสงั คมและวฒั นธรรมไทย

พ้นื ฐานการศึกษาสังคมและวัฒนธรรมไทย Human is a social animal “มนษุ ย์เปน็ สัตว์สังคม” เพลโต

ความหมายของสงั คม โทมสั ฟอร์ด ฮลู ส์ จสั ซัน อาร์ แลนดิส เอียน โรเบริ ์ทสนั ประสาท หลกั ศิลา เสถียรโกเศศ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน

ความหมายของสงั คม • โทมัส ฟอร์ด ฮลู ส์ • “กลุ่มคนทอี่ าศยั รวมกันเป็น กลุ่มและมีความสมั พันธ์ต่อกนั ทางสังคม กลุ่มมีความเป็น อสิ ระและสามารถดารงอยู่ อยา่ งถาวร ประกอบดว้ ย มี ดนิ แดน ประกอบดว้ ยคนทุก เพศทกุ วยั และมชี ีวิตหรอื วฒั นธรรมที่มลี กั ษณะเป็นของ ตัวเองโดยเฉพาะ”

ความหมายของสงั คม กลมุ่ คนทอ่ี ยู่ร่วมกนั มา • จสั ซัน อาร์ แลนดสิ เปน็ ระยะเวลานานพอ และมกี ารยึดวฒั นธรรม รว่ มกัน

ความหมายของสงั คม เอยี น โรเบริ ท์ สนั เน้นองค์ประกอบของสังคม มีดนิ แดนที่อยูใ่ น ครอบครองของตนเอง ผ้คู นมีความสัมพันธต์ ่อกนั มีวฒั นธรรมท่ใี ชเ้ ป็นแบบ เดยี วกนั และความรู้สกึ เป็น พวกเดยี วกนั

ความหมายของสังคม การที่มนษุ ยพ์ วกหนึ่ง ๆทีม่ ีอะไร • ประสาท หลกั ศลิ า ส่วนใหญ่เหมือนหรือคลา้ ยคลึง กัน เช่น ทัศนคติ คณุ ธรรม ธรรมเนยี ม ประเพณี ไดม้ าอยู่ ร่วมกันดว้ ยความรสู้ กึ วา่ เป็น พวกเดยี วกัน มีความสมั พันธ์ กัน และมาอยใู่ นเขตเดยี วกนั อย่างถาวร

ความหมายของสังคม “มนุษย์ท่อี ยู่รว่ มกนั เป็นหมูค่ ณะทั้ง ชายและหญิง มกี ารตัง้ ถน่ิ ฐานเป็น หลกั แหลง่ ณ ที่ใดท่ีหนึ่งเปน็ ประจา เป็นเวลานานพอสมควร จนสามารถ เรยี นรูแ้ ละปรบั ปรุงตนเองแตล่ ะคน ใหท้ างานรวมกนั ได้ มคี วามสนใจ รว่ มกนั ในส่ิงอนั เป็นมูลฐานแหง่ ชวี ิต มีการครองชีพด้วยความปลอดภยั เปน็ สมาชกิ ของหมคู่ ณะหรอื สังคม • เสถยี รโกเศศ พระยาอนมุ าณราช มนษุ ย์ ธน

ความหมายของสังคม คนจานวนหนึง่ ที่มีความสัมพนั ธ์ • พจนานุกรมฉบับ ตอ่ เน่อื งกันตามระเบียบ กฎเกณฑ์ ราชบัณฑิตยสถาน โดยมวี ตั ถุประสงค์สาคัญรว่ มกัน เชน่ สงั คมชาวบ้าน สงั คมวิทยาลยั ชมุ ชน แพร่

สรุป สังคม คอื กลุ่มคนทอ่ี าศยั อยรู่ ว่ มกนั มคี วามรสู้ กึ เป็นพวกเดียวกนั มคี วามสมั พนั ธต์ อ่ กนั โดยมีแบบ แผนในการดาเนนิ ชวี ติ อยา่ งเดยี วกันและมเี ขตแดน อยอู่ าศยั อย่างถาวร

แนวคิดในการศึกษาสังคมไทย การดารงอยู่ของสงั คม แนวคดิ โครงสรา้ งและ หนา้ ท่ี แรดคลฟิ -บราวน์

ความหมายของวฒั นธรรม แนวคดิ ของ จอมพล ป.พบิ ูลสงคราม “ถา้ วัฒนธรรมดเี ท่ากนั เราก็สามารถจะรักษา เกียรตยิ ศศักดิ์ศรีและความเปน็ เอกราชของชาตไิ ว้ได้”

ความหมายของวัฒนธรรม พรบ.วฒั นธรรมแห่งชาติ พ.ศ.2485 “ลักษณะท่ีแสดงถึงความเจริญงอกงาม ความเป็น ระเบยี บเรียบรอ้ ย ความกลมเกลียวกา้ วหน้าของชาติ และศลี ธรรมอันดขี องประชาชน”

ความหมายของวฒั นธรรม ในสมัยจอมพล ป. พิบลู สงครามได้ใช้แนวคิดวฒั นธรรมเปน็ เครือ่ งมือในการบริหารปกครองประเทศ โดยประกาศใชร้ ฐั นยิ มเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมของชาติ ถึง 12 ฉบับ เช่น ฉบบั ท่ี 1 ให้เปลี่ยนชอ่ื ประเทศ สยาม เปน็ ประเทศไทย ฉบับท่ี 2 ประกาศไมใ่ หค้ นไทยประพฤติตนเป็นตัวแทนของ ต่างชาติ และไม่ใหข้ ายท่ดี นิ ให้ต่างชาติโดยเด็ดขาด

ความหมายของวฒั นธรรม ฉบับที่ 3 ให้เรียกคนในประเทศว่า คนไทย แม้จะมเี ช้อื สาย อืน่ กต็ าม ใหถ้ อื วา่ มสี ัญชาติไทย เพ่อื สรา้ งความกลม เกลียว ฉบับที่ 4 เรอื่ งการเคารพธงชาติ เพลงชาติ และเพลง สรรเสริญพระบารมี

ความหมายของวฒั นธรรม ฉบับที่ 5 เรอ่ื งให้ชาวไทยพยายามใชเ้ ครอ่ื ง อปุ โภค บริโภคท่ผี ลติ ขึน้ ในประเทศไทย ฉบับที่ 6 ทานองและเนอ้ื รอ้ งของเพลงชาตไิ ทย ฉบบั ท่ี 7 ชกั ชวนใหช้ าวไทยชว่ ยกนั สรา้ งชาติ

ความหมายของวฒั นธรรม ฉบบั ที่ 8 เรื่องเพลงสรรเสริญพระบารมี ฉบับท่ี 9 เรอื่ งภาษาและหนงั สือไทย กับหน้าท่ี พลเมอื ง ให้สามารถอ่านออกเขียนได้ เพ่อื ไมใ่ ห้ เกิดความแตกแยกและแตกตา่ งของทอ้ งถนิ่ กาเนดิ

ความหมายของวัฒนธรรม  ฉบับท่ี 10 เร่อื งการแตง่ กาย ของประชาชนชาวไทย กาหนดให้ คนไทยต้องแตง่ กายตามทีร่ ัฐบาล กาหนดไว้วา่ เปน็ สภุ าพชน เช่น ผูช้ ายสวมหมวก ใส่เสือ้ ชัน้ นอก คอเปดิ หรอื ปิด สวมกางเกงขา ยาวแบบสากล สวมรองเทา้ ห้มุ สน้ และถงุ เทา้ ส่วนผหู้ ญิงก็ต้อง สวมหมวก ใสเ่ สอ้ื นอกคลุมไหล่ สวมผา้ ถุง ใสร่ องเท้าหมุ้ สน้ และ ถุงเทา้ เปน็ ต้น

ความหมายของวฒั นธรรม ฉบบั ที่ 11 เรอ่ื งกิจประจาวนั ของคนไทย ฉบับที่ 12 เรื่องการชว่ ยเหลอื ค้มุ ครองเด็ก คนชรา หรือ คนทพุ พลภาพ

ความหมายของวฒั นธรรม  มกี ารจดั ตั้งกระทรวงวัฒนธรรมข้ึน รฐั บาลนจ้ี ะส่งเสริมการวัฒนธรรมทัง้ ทางคติธรรม เนติ ธรรม วตั ถธุ รรม และสหธรรม ให้เป็นประเพณปี ระจาชาติ ย่ิงข้ึน

ความหมายของวฒั นธรรม ดร.เอกวทิ ย์ ณ ถลาง ประเวศ วะสี วิถชี วี ิตอันเป็นผลจากการท่ี วถิ ชี วี ติ ร่วมกนั ของกลุ่มชนที่ มนุษย์เกีย่ วขอ้ งกับสง่ิ แวดล้อม สอดคล้องกบั สงิ่ แวดล้อม แล้วส่งั สมประสบการณอ์ ัน หนึ่ง ๆ เกยี่ วกบั สิ่งแวดลอ้ มขน้ึ ไว้เป็น ประสบการณ์รวมของกลุ่มชน และสบื ทอดกนั มาเปน็ วัฒนธรรม

ความหมายของวฒั นธรรม เอ็ดเวิร์ด บี ไทเลอร์ • วฒั นธรรมไทย การ ดาเนนิ ชีวิตของคนไทย มี “ผลของระบบความรู้ ความ การเปล่ยี นแปลงปรบั ปรุง เชื่อ ศลิ ปะ จรยิ ธรรม และสบื ทอดจากรุ่นสู่รุ่น ประเพณี ตลอดจน กลายเปน็ วิถชี วี ติ แบบไทย ความสามารถและอุปนสิ ัย ในปัจจุบัน ตา่ ง ๆ ซึง่ เป็นมาจากการ เปน็ สมาชิกของสงั คม”

พื้นฐานความสาคญั ของวัฒนธรรม 1.วฒั นธรรมเปน็ ศนู ย์รวมความคดิ โลกทศั น์ คา่ นิยมของ สังคมและเป็นตวั กาหนดมาตรฐานของพฤตกิ รรม 2. วัฒนธรรมเปน็ มรดกของสังคม 3. วัฒนธรรมมีพื้นฐานมาจากการใช้สัญลกั ษณ์ 4. วฒั นธรรมมหี นา้ ทตี่ อบสนองความต้องการของมนษุ ย์ 5. วฒั นธรรมเปน็ ส่งิ ท่ีไม่หยุดน่ิง

แนวคดิ ในการศึกษาวฒั นธรรมไทย แนวคิดในการดารง อยขู่ องวฒั นธรรม แนวคิดโครงสร้างและ หน้าท่ี

การศึกษาสงั คมและวัฒนธรรมไทย สมัยจารีต • ก่อนสมัยรัชกาลที่ 4 ศึกษาจากหนงั สอื ราชอาณาจักรสยาม แต่งโดย ลา ลแู บร์ • สมัยรตั นโกสินทรต์ อนต้น รัชกาลท่ี 1-3 เฟรเดอริค อาร์เธอร์ นลี หนังสอื ชีวติ ความเปน็ อยใู่ นกรงุ สยามในทศั นะของชาว ต่างประเทศระหวา่ ง พ.ศ.2383-2384 • หนังสือ ฐานันดรไพร่ ของขจร สุขพานชิ และ หนงั สอื สงั คมไทย ในสมยั ต้นกรุงรัตนโกสนิ ทร์ พ.ศ.2325-2416 อศนิ รพีพฒั น์ และ งานของนธิ ิ เอียวศรีวงศ์ กลา่ วถึงการเกดิ ชนขน้ึ ใหม่ในสังคมไทย

การศึกษาทางสงั คมและวัฒนธรรมไทย สมัยใหม่ ตง้ั แต่รัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา ศกึ ษาจาก แนวคดิ แนวคิดมารก์ ซิสม์ เชน่ งานของ แนวคดิ ทาง ชาตินิยม จติ ร ภมู ศิ ักดิ์ “โฉมหน้าศกั ดนิ า ประวตั ศิ าสตร์ ในช่วงหลังการ ปฏิวตั ิ ไทย” พ.ศ.2475

การศึกษาทางสังคมและวฒั นธรรมไทย สมัยพฒั นา พ.ศ.2500 นกั วชิ าการ นศ.โท+เอก ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมชมุ ชน สุเทพ สุนทรเภสัช ฉตั รทิพย์ นาถสุภา มานุษยวิทยา “ชาตพิ นั ธส์ุ มั พนั ธ์ แนวคิด “แนวทางและวิธีวิจัย พ้ืนฐานทางมานุษยวิทยาใน การศกึ ษาอัตลักษณก์ ลุ่ม สังคมไทย” ชาตพิ นั ธ์ ประชาชาติและ การจดั องค์กรความสมั พนั ธ์ ทางชาติพนั ธ”์ุ

การศึกษาทางสังคมและวัฒนธรรมไทย สมัยจารตี สมยั ใหม่ สมยั พัฒนา ความก้าวหน้าในกระบวนการศกึ ษาและข้อคน้ พบเกย่ี วกับ ประวตั ิความเปน็ มาทางสังคมและวัฒนธรรมไทย

ลกั ษณะ •สมัยจารีต สงั คม •สมยั ใหม่ •สมัยพัฒนา และ วัฒนธรรม ไทย

ลักษณะสงั คมและวัฒนธรรมไทย สมัยจารีต สโุ ขทยั อยธุ ยา รตั นโกสินทร์ตอนตน้ แบ่งชนชัน้ ระบบศกั ดนิ า/สงั คมแบบ เกดิ สงั คมคนชนั้ - สงู สุด เจา้ /เจ้านาย อุปถัมภ/์ ขา้ เก่าเต่าเล้ยี ง กลาง - ขุนนาง - พระมหากษตั รยิ ์ - ชนชั้นกระฎุมพี - ไพร่ - เจ้านาย + ขุนนาง (นาย) - มีการเลื่อนฐานะ - ทาส (ข้า) - ไพร่ (บา่ ว) ขน้ึ เป็นชนชัน้ สูง ที่เรียกว่าเจา้ สัว

ลกั ษณะสงั คมและวฒั นธรรมไทย สมยั จารตี เป็นลกั ษณะสังคมท่เี รียบงา่ ย ประชาชนนับถอื พระพุทธศาสนาเปน็ ศาสนาประจาชาติมาตั้งแต่สมยั สโุ ขทัย วฒั นธรรมทางพระพทุ ธศาสนาเปน็ กรอบในการดาเนินชวี ติ ของ ประชาชนใหม้ ีความรักสามคั คีต่อกันเป็นสงั คมเครอื ญาติหรอื ฉนั ญาติ แม้จะมีชาวตา่ งชาติเขา้ มาอาศัยอยู่ เช่น ชาวจีนและ ชาวตะวันตก คนไทยกม็ ไิ ดร้ งั เกียจและสามารถอย่รู ่วมกนั ได้อย่าง ปกติสุข มกี ารประกอบอาชีพคา้ หรือรบั ราชการเปน็ ขุนนางในราช ธานแี ละในเมืองต่าง ๆ

ลกั ษณะสงั คมและวฒั นธรรมไทย สมยั ใหม่ สงั คมไทยก้าวเขา้ สู่สมยั ใหม่ในรชั กาลที่ 4 ต้งั แตม่ ีการทา สนธสิ ญั ญาเบาว์ริงกับองั กฤษ ใน พ.ศ.2398 การปรบั ปรงุ บา้ นเมอื งใหท้ ันสมยั ในทุกๆ ดา้ น เกดิ ข้นึ

ลกั ษณะสงั คมและวฒั นธรรมไทยสมยั ใหม่ • รชั กาลที่ 5 มกี ารปรับปรุงบ้านเมืองในหลายด้าน  การยกเลกิ ระบบไพร่  การเลิกทาส  การเลือ่ นฐานะทางสังคม  การรบั วฒั นธรรมตะวันตก

ลกั ษณะสงั คมและวัฒนธรรมไทยสมัยพัฒนา • การปรับตัวโครงสรา้ งชนช้นั  ชน้ั สูงสดุ ไดแ้ ก่ พระบรมวงศานวุ งศ์  ชั้นสูง ได้แก่ นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี องคมนตรี และ รฐั บุรษุ  ชนั้ คอ่ นข้างสงู ได้แก่ ผนู้ าทางการค้าและเศรษฐกจิ ปลัดกระทรวง อธิบดี อธิการบดี นายพลทหาร ตารวจ  ช้นั ปัญญาชนช้ันนา ไดแ้ ก่ นกั วิชาการ นายแพทย์ชน้ั นา นกั ธุรกิจช้ันนา อาจารยช์ ้นั ผู้ใหญ่ของสถาบนั ข้ันอดุ มศกึ ษา และ ผู้อานวยการกองตา่ ง ๆ เปน็ ต้น

ลกั ษณะสงั คมและวัฒนธรรมไทยสมยั พัฒนา • การปรบั ตัวโครงสรา้ งชนชัน้  ชน้ั ปัญญาชนช้นั รอง ไดแ้ ก่ ครอู าจารย์ทัว่ ไป ผสู้ าเรจ็ การศกึ ษาระดับปริญญาตรี – โท พอ่ คา้ ทนายความ ซง่ึ กล่าว โดยรวมว่าเปน็ ชนชัน้ กลาง  ช้ันปัญญาชนชัน้ กลางค่อนข้างตา่ ได้แก่ ผมู้ ีการศกึ ษาระดบั อนุปริญญา อาชวี ศกึ ษาช้นั สงู หรอื จบมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย และมีฐานะพออย่พู อกิน ไดแ้ ก่ ขา้ ราชการระดบั 2 -3 และนัก ธุรกจิ ทม่ี ีฐานะพออยูพ่ อกิน

ลักษณะสงั คมและวัฒนธรรมไทยสมัยพฒั นา • การปรับตัวโครงสรา้ งชนช้นั  ชัน้ ตา่ ปานกลาง ได้แก่ เสมียน พนกั งานอันดับตา่ ใน วงราชการ ลูกจา้ งชน้ั สูงและช่างฝมี ือ เชน่ ชา่ งไม้ ชา่ ง ปนู ช่างสี ช่างเหลก็  ชนั้ ตา่ ได้แก่ กรรมกรผ้ไู มม่ ีฝมี อื แมค่ า้ หาบเร่ ชาวนา ท่ีปลกู พืชเพียงพอกนิ รวมทงั้ กรรมกรหาเชา้ กินค่า

ลักษณะสงั คมและวัฒนธรรมไทยสมยั พัฒนา การพิจารณาถงึ โครงสรา้ งของชนชั้นในสังคมไทยดังกล่าวจะ ชว่ ยให้มองเหน็ ความแตกตา่ งของฐานะและอานาจของชนชน้ั ต่าง ๆ ในสงั คมได้ชดั เจน ซ่ึงดไู ด้จากสถานภาพ อาชีพ การศึกษา ตาแหนง่ ทางราชการและการเมือง สว่ นลกั ษณะวัฒนธรรมของคนไทยก็ พิจารณาไดจ้ ากวัฒนธรรมของชนชนั้ และคนตา่ งกลมุ่ อาชพี เช่นเดยี วกนั

ลกั ษณะสังคมและวัฒนธรรมไทยสมยั พัฒนา • ความสมั พันธ์ระหวา่ งชนชั้นในสังคมไทย – ความสมั พันธข์ องการใช้อานาจด้านการปกครองหรอื การควบคุมดูแลและลกั ษณะอปุ ถัมภเ์ หมอื นสมยั สมบรู ณาญาสทิ ธิราชย์ – ความสัมพันธ์ของประชาชนทวั่ ไปยงั มลี กั ษณะเป็น สงั คมวัฒนธรรมแบบเครือญาติ

ลกั ษณะสังคมและวฒั นธรรมไทยสมยั พัฒนา • ลักษณะการรวมกล่มุ ในสังคมไทย – มีการรวมกลมุ่ ในลักษณะของเครอื ญาติ มแี บบ แผนและจารตี ประเพณีทีเ่ คยปฏิบตั ิสบื ทอดกนั มา ลกั ษณะการตัง้ หมูบ่ า้ นอยเู่ ป็นกลุ่มแบบกระจกุ ทาใหเ้ กดิ เป็นคุ้มต่าง ๆ

ลกั ษณะสงั คมและวฒั นธรรมไทยสมยั พฒั นา จึงมกี ารเปลีย่ นแปลงในด้านการปรับตวั ของโครงสรา้ ง ชนชั้น ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งชนชัน้ ในสงั คมและลักษณะการ รวมกล่มุ ในชนบทและเมือง ซึ่งเปน็ ผลมาจากการพัฒนา ประเทศในด้านต่าง ๆ ในรอบ 5 ทศวรรษทผ่ี ่านมานน่ั เอง

การพฒั นาสงั คมและวัฒนธรรมไทย  การพฒั นาสังคมไทย  การพัฒนาวัฒนธรรมไทย  แนวโน้มการพฒั นาสังคมและวัฒนธรรมไทย

การพัฒนาสังคมไทย “Development” การพฒั นา การเปลีย่ นแปลงไปในทศิ ทางท่ีกาหนดหรือแผนท่กี าหนดไว้ ลว่ งหนา้ เชน่ การมแี ผนพฒั นาเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉบับท่ี 1

การพฒั นาสังคมไทย การพฒั นาสงั คมไทย หมายถงึ ชว่ งเวลาของการใชแ้ ผนพฒั นาประเทศ ตัง้ แต่ พ.ศ. 2504 จนถงึ ปจั จบุ นั (2556)

การพฒั นาสงั คมไทย พ.ศ. 2475  เค้าโครงเศรษฐกิจ โดยหลวงประดิษฐม์ นธู รรมและยกรา่ ง พระราชบัญญตั วิ ่าด้วยการประกอบเศรษฐกิจ แต่ไมป่ ระสบ ความสาเร็จเพราะสภากลมุ่ หนึ่งไมเ่ หน็ ชอบ รัฐบาลของพระยามโนปกรณ์นติ ธิ าดา ประกาศปดิ สภา เค้าโครง เศรษฐกิจจึงเป็นอันตกไป รฐั บาลจอมพล ป.พบิ ลู สงคราม ได้จัดตัง้ สภาเศรษฐกิจแห่งชาติ ขนึ้ โดยมคี ณะกรรมการดาเนินการด้านเศรษฐกจิ แต่การ ดาเนินงานยังไมบ่ รรลุเป้าหมาย

การพัฒนาสงั คมไทย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์  พระราชบัญญตั พิ ฒั นาเศรษฐกจิ แหง่ ชาติ  ต้ังสานักงานสภาเศรษฐกิจแห่งชาตใิ น พ.ศ. 2502 มกี ารจัดทาแผนพัฒนาประเทศภายใต้แนวคิดระบบเศรษฐกิจเสรี โดยการกาหนดวตั ถปุ ระสงค์ เปา้ หมาย แผนงานในการพฒั นา ประเทศ คอื แผนพัฒนาเศรษฐกจิ แหง่ ชาติฉบบั ท่ี 1 ลกั ษณะการ สั่งการจากข้างบนลงมาขา้ งลา่ ง และเปน็ การบรหิ ารแบบศนู ย์ รวมอานาจในลักษณะการควบคุมสั่งการ

การพัฒนาวฒั นธรรมไทย ใชก้ รอบพัฒนาในเชิงมานุษยวทิ ยา ซึ่งเป็นการพัฒนากฎ ระเบยี บของสงั คมที่เรียกว่า สถาบนั สังคม เชน่ สถาบนั ครอบครวั สถาบันการศึกษา สถาบนั ศาสนา สถาบนั เศรษฐกิจ สถาบนั การเมือง และสถาบันนันทนาการเป็นต้น ในสถาบันแต่ละกลมุ่ ยงั มแี บบแผน พฤตกิ รรมแยกไดเ้ ปน็ 3 ส่วน คือ  ความคิด  แบบแผนการกระทา  แบบแผนทางวัตถุ

การพฒั นาวฒั นธรรมไทย การพฒั นาทางดา้ นวัฒนธรรมอาจแตกตา่ งจากการ พัฒนาสงั คม เพราะการพัฒนาวัฒนธรรมเป็นการพฒั นา แบบแผนพฤตกิ รรมทั้งท่เี ปน็ ปจั เจกบุคคลและกล่มุ อาจจะ ใชเ้ วลานานหรือค่อยเป็นคอ่ ยไปทัง้ นขี้ ึ้นอย่กู ับปจั จยั ภายใน สังคมและปัจจัยภายนอกสงั คม และต้องพฒั นาทงั้ 3 ด้าน ทง้ั ด้านความคิด แบบแผนพฤตกิ รรมและแบบแผนทางวัตถุ จึงจะเรียกวา่ เปน็ การพัฒนาวฒั นธรรมแบบองคร์ วม

แนวโน้มการพัฒนาสังคมและวฒั นธรรมไทย การพฒั นาอย่างยั่งยนื จะเปน็ การพฒั นาท่ีตอบสนอง ความตอ้ งการของประชาชนหรอื การพัฒนาที่ตอบสนอง คุณภาพชีวติ สูงสดุ ของคนรุน่ ปัจจบุ นั โดยไม่เส่ือมถอยลงใน รุ่นตอ่ ไป


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook