Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 3

หน่วยที่ 3

Published by paob.oob, 2022-01-25 08:30:42

Description: 0302-3-1

Search

Read the Text Version

หนว่ ยท่ี 3 ระบบการเมืองการปกครอง และระบบกฎหมายไทย

ระบบการเมอื งการปกครองและระบบกฎหมายไทย ➢ระบบการเมอื งการปกครองของไทย ➢แนวคดิ ทวั่ ไปเกีย่ วกับระบบการเมอื งการปกครองและรัฐธรรมนูญ ➢รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทยและหลักการพ้ืนฐาน ➢ระบบกฎหมายไทย ➢แนวคิดท่ัวไปเกีย่ วกบั ระบบกฎหมายไทย ➢ประเภทของกฎหมายและสภาพบงั คับ ➢องค์กรตุลาการและองคก์ รอสิ ระตามรัฐธรรมนญู ➢บทบาทของการเมอื งการปกครองและกฎหมายไทย ➢บทบาทของการเมอื งการปกครองในการพัฒนาสังคม ➢บทบาทของกฎหมายในการพัฒนาสังคม ➢แนวโนม้ บทบาทการเมืองการปกครองและกฎหมายไทย

แนวคดิ ทว่ั ไปเกยี่ วกบั ระบบการเมืองการปกครองและ รัฐธรรมนูญ ➢ปรัชญาวา่ ดว้ ยรัฐและระบบการเมอื งการปกครอง ➢ทฤษฏีวา่ ดว้ ยรฐั ➢ทฤษฎีเร่อื งการก่อกาเนดิ ของรฐั ➢องคป์ ระกอบของรัฐ ➢รูปแบบของรัฐ ➢ความสมั พันธร์ ะหว่างผู้ปกครองกบั ผอู้ ยู่ใตก้ ารปกครอง

“Man is a political animal (Zoon Polikon)” การทม่ี นษุ ย์จะมชี ีวติ ทีส่ มบูรณไ์ ด้ก็ต่อเมื่อ อยใู่ นสภาพสงั คม การเมอื ง (polity)

ปรชั ญาวา่ ดว้ ยรัฐและระบบการเมอื งการปกครอง สถาบนั ต่างๆ กฎเกณฑ์ นิตศิ าสตร์/ กฎหมาย การศกึ ษาสถาบนั การเมอื ง กฎหมาย การปกครองของรัฐ รัฐธรรมนญู

หลกั ปรชั ญาวา่ ด้วยการกาเนดิ และการดารงอยขู่ องรัฐและสถาบนั การเมืองการปกครอง เรม่ิ ต้นศึกษาตัง้ แต่ยคุ สมัยกรีกโบราน อารยธรรมกรกี ต้นแบบของการจดั ระบบระเบยี บการเมืองการปกครอง

โสกราติส “สนใจในเชิงคณุ ธรรมและ ศีลธรรมจรรยาเป็นหลักมากกว่า การศึกษาระบบการเมืองการ ปกครองของรฐั อยา่ งเป็นระบบ”

เพลโต “สนใจในการจัดรปู แบบรฐั ในเชิงอุดมคติ” รฐั ทีด่ ีสมบรู ณ์ สตรแี ละเดก็ ควรเปน็ ของสว่ นรวม บุรษุ และสตรคี วรมี ส่วนไดร้ ับการศึกษา ประกอบอาชพี เทา่ เทียมกันท้ังในยามสงบและยาม มีศึกสงคราม พวกเขาควรถกู ปกครองโดยกล่มุ คนผ้เู ป็นเลิศใน ปรชั ญาและการสงคราม

อรสิ โตเตลิ “มองรัฐเปน็ ประชาคมหรือท่ีรวม ของบุคคลทงั้ หลายอนั มีระเบียบ สาคัญในการปกครองของประชาคม หรือการปกครองของรฐั บาล ซึ่งถูก จากัดโดยกฎระเบยี บองค์การสงู สุด ของประชาคม ที่เรียกกันวา่ รัฐธรรมนูญ”

วงจรทางการเมืองการปกครอง ระบอบ ราชาธปิ ไตย ระบอบ ระบอบ ประชาธิปไตย ทรราชย์ Aristotle ระบอบการ ระบอบ ปกครองแบบ อภิชนาธปิ ไตย คณาธิปไตย

ทฤษฏีว่าด้วยรฐั รัฐ คือ อะไร ? เป็นนามธรรม นกั วิชาการ

ทฤษฏวี ่าดว้ ยรฐั หลวงประดษิ ฐ์ มนธู รรม หรอื นายปรีดี พนมยงค์ “การที่มนษุ ย์รวมกันอยูเ่ ปน็ ประเทศและมีรฐั บาลปกครองนี้ ตาม นยั แหง่ กฎหมายระหวา่ งประเทศถอื วา่ การรวมกันนัน้ มีฐานะเปน็ นติ บิ ุคคล กลา่ วคือ มสี ิทธิแลหนา้ ท่ีเหมอื นตัวบุคคลธรรมดาคน หน่งึ เชน่ มีสิทธใิ นการมีทรพั ย์สิน ในการเขา้ ตกลงกบั นานา ประเทศโดยใชน้ ามของประเทศน้ันเอง และมหี นา้ ทีต่ อ้ งเคารพตาม ข้อตกลงระหว่างประเทศ หรือตามประเพณีประเทศ”

รฐั มีฐานะเป็นนติ ิบุคคล สมมติ/เทยี บเคยี ง คล้ายกบั บคุ คล เทยี บเคียงกับบุคคล • เป็นเจ้าของทรัพยส์ นิ ได้ • มคี วามรสู้ กึ นึกคดิ ได้ • ทาสญั ญาตกลงกับรัฐอนื่ ได้ • ดใี จได้ • เขม้ แขง็ ได้ • เสยี ใจได้ • ออ่ นแอได้ • มีเกยี รตไิ ด้ • สญู เสยี เกียรติได้

ศาสตราจารยย์ อร์ชส์ บรโู ด “รฐั คอื อานาจท่ถี กู จัดข้ึนเปน็ สถาบัน” รัฐเปน็ อานาจทางการเมืองที่ใหญท่ ่สี ดุ ของมนุษย์ดารงอยใู นฐานะท่ีเป็น ความนึกคดิ หรอื มโนทศั นเ์ ท่านนั้ จะมอี ย่กู แ็ ตเ่ ฉพาะในความนึกคดิ หรอื ความสานกึ ของผู้ปกครองที่ใช้ อานาจปฏบิ ัตแิ ละผ้อู ยใู่ ตก้ ารปกครอง รฐั ดารงอยู่ นติ ิบคุ คล / มโนทศั น์ รฐั เป็นพลังทางความคิดชนดิ หนึง่ ซึ่งมีอานาจและสามารถแสดงอานาจ นัน้ ผ่านองค์ประกอบทีเ่ ปน็ รูปธรรมได้

ทฤษฎีเก่ยี วกับการกาเนดิ ของรฐั ทฤษฎีเทวสทิ ธ์ิ รฐั เกิดจากพระเจ้า และพระเจา้ มอี านาจในการจดั ตัง้ รัฐบาล ทฤษฎีสัญญา รฐั และรฐั บาลเกิดมาจากสัญญาของมนุษย์ รฐั บาลถอื เปน็ ประชาคม คสู่ ัญญา ทฎษฎกี ฎหมาย เปน็ การรวมตวั กันของมนุษย์เพอื่ ตอ้ งการการอยรู่ อด ธรรมชาติ เพราะมนษุ ยเ์ ป็นเสมือนสัตว์การเมอื ง ทฤษฎีพละกาลัง รฐั อยเู่ หนือศลี ธรรมท้งั ปวง เกิดจากการใช้อานาจยดึ ครอง ทฤษฎวี ิวฒั นาการ เกิดจากววิ ัฒนาการของมนษุ ยท์ ม่ี กี ารรวมตวั กัน ขยายตัว เป็นกลุ่ม อย่สู ถานทเ่ี ดยี วกัน มขี นบประเพณี มปี ระมุข จนเตบิ โตเป็นเมือง

องค์ประกอบของรัฐ S S = Sovereignty = อานาจอธปิ ไตย GG = Goverment = องค์กรปกครอง P T P= Population=ประชากร T = Territory = อาณาบริเวรหรือดนิ แดน

รปู แบบของรฐั รฐั เดีย่ ว แบบสหภาพของรัฐ รัฐรวม แบบสหพันธ์ รัฐบาลกลางมี อานาจปกครองและ บริหารสูงสดุ เช่น องั กฤษ ญป่ี ่นุ ไทย รัฐที่รวมตวั กันต้ังแต่ 2 รฐั กฎหมาย การตกลงกัน ดว้ ยความ เพอ่ื ประโยชน์รว่ มกัน สมคั รใจ

ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งผปู้ กครองกบั ผอู้ ย่ใู ตก้ ารปกครอง ระบอบการปกครอง แนวคดิ หรือลทั ธิทางการเมืองที่นามา ประยุกตใ์ ช้ในระบบการเมืองการปกครอง ประเทศ และกาหนดรัฐบาลระบบการ ปกครองครองเปน็ แบบแผนเกย่ี วกบั ความสัมพนั ธ์ระหว่างมนษุ ยแ์ ละอานาจการ บงั คับสมาชกิ ในสังคม

ระบอบการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย ระบอบเผด็จการ แบบอานาจนยิ ม/แบบเบด็ เสรจ็ ยึดประชาชนเปน็ หลกั โดยประชาชน ❖ อานาจอยใู่ นมอื คนเดยี วหรือคน ❖ มอี านาจสงู สุดในการปกครอง กลุ่มเดยี ว ❖ เป็นเจ้าของอานาจอธปิ ไตย ❖ รฐั บาลไม่มีหน้าที่ต้องรับผดิ ชอบตอ่ มสี ทิ ธิตัง้ รฐั บาลและล้มเลิกรัฐบาล ผู้ใด ❖ มหี ลักประกันสทิ ธเิ สรภี าพ ❖ ผปู้ กครองมีอานาจสงู สดุ ในการ ❖ ความเทา่ เทยี มของมนุษย์ ปกครอง โดยไมเ่ ห็นแก่สิทธิและ ❖ ประชาธปิ ไตยเปน็ การปกครองทฟ่ี งั เสรภี าพของประชาชน เสยี งข้างมาก ❖ คอมมิวนสิ ต์นาซี รฐั ตารวจ และ ราชาธิปไตย

รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทยและหลักการพน้ื ฐาน ➢วิวัฒนาการและท่มี าของรฐั ธรรมนญู ➢ความหมายของรฐั ธรรมนูญ ➢รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย ➢หลักการพื้นฐานของรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย



วิวัฒนาการและที่มาของรัฐธรรมนูญ สมัยท่ี 1 สมยั ที่ 2 สมยั ท่ี 3 สมัยท่ี 4 รปู แบบของ มงุ่ เนน้ ตอ่ การ เนน้ การ คากลางๆ จารีตประเพณ๊ จากดั อานาจของ แบง่ แยกอานาจ เกยี่ วกบั เกณฑ์ พระมหากษตั รยิ ์ การปกครอง พระราช และการ ประเทศ เป็น โองการ คุม้ ครองสิทธิ อุดมการณ์และ และเสรีภาพ สญั ลกั ษณ์ของ ของประชาชน ความเป็นเอก ราชเพื่อยกระดบั ประเทศ

ความหมายของรัฐธรรมนญู เปน็ กฎหมายสงู สุดและเป็นกฎหมายพ้ืนฐานของรฐั จัดอยใู่ นประเภทของ กฎหมายมหาชน เพราะเป็นกฎหมายทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั ประเทศ และ ความสัมพนั ธ์ทางการเมอื งระหว่างสมาชิกในสังคม รัฐธรรมนูญมฐี านะ เหนอื กฎหมายและกฎเกณฑท์ ัง้ ปวง

รปู แบบของรัฐธรรมนูญ รฐั ธรรมนญู ลายลกั ษณ์อกั ษร รัฐธรรนญู จารตี ประเพณี บทบญั ญัติต่าง ๆ ทไ่ี ดพ้ ยายาม ไมไ่ ดบ้ ัญญตั ไิ ว้เปน็ ลายลักษณ์ กาหนดข้ึนไวใ้ หค้ รบถว้ นมากทีส่ ุด อกั ษรอย่างครบถ้วนเปน็ ฉบบั มีความชัดเจนและแบ่งประเภทเป็น เดยี วโดยเฉพาะ ประกอบดว้ ย หมวดหมเู่ พ่อื สะดวกแก่การใช้ กฎหมายทั้งปวงท่ีไดบัญญตั ิไว้ บทบญั ญัตติ ่าง ๆ อยู่ภายในฉบบั ในประเทศ และส่วนท่ไี มไ่ ด้ เดยี วกนั อาจจะแก้ไขเพิ่มเตมิ ได้โดย บญั ญตั ไิ วเ้ ป็นลายลกั ษณอ์ ักษร วธิ ีการทีก่ าหนดขึ้นไว้ เช่น ขนบธรรมเนยี มประเพณี ต่าง ๆ ในการปกครอง รัฐธรรมนญู ประเภทนี้ มีใชใ้ น ประเทศองั กฤษ

รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย หลกั ศิลาจารึกของพอ่ ขุนรามคาแหง รชั กาลที่ 5 มกี ารจดั ทากฎหมายหลายฉบับ แต่ไมไ่ ดม้ ีการเก็บรวบรวมไว้ ยุคของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475

ประวตั ิการจดั ทารฐั ธรรมนญู ในประเทศไทยภายหลงั การเปล่ียนแปลงการปกครองใน พ.ศ 2475 หลงั จากการเปล่ียนแปลงการปกครอง ฯ ได้มกี ารใช้ รฐั ธรรมนูญมาแล้ว 20 ฉบับ

ผู้จดั ทารัฐธรรมนูญ • โดยบุคคลเดี่ยว • โดยคณะบคุ คลหรือคณะกรรมาธกิ าร • โดยสภานติ บิ ัญญตั หิ รอื สภารา่ งรฐั ธรรมนญู

หลักการพ้ืนฐานของรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย หลักการแบง่ แยกอานาจรัฐ อานาจนติ ิ อานาจบริหาร อานาจตลุ าการ บญั ญตั ิ ศาลยตุ ิธรรม ศาลรฐั ธรรมนญู ศาลปกครอง ศาลทหาร ศาลช้นั ต้น ศาลอทุ ธรณ์ ศาลปกครองช้นั ตน้ ศาลฏีกา ศาลปกครองอุธทรณ์ ศาลปกครองสงู สดุ

ความหมายของสิทธแิ ละเสรภี าพ สทิ ธิ อานาจอนั ชอบธรรม เสรีภาพ ความสามารถที่จะทาการใดๆ ไดต้ ามท่ีตนปรารถนาไม่มี อปุ สรรคขดั ขวาง

หมวด 3 สทิ ธแิ ละเสรภี าพของปวงชนชาวไทย • มาตรา 25 สทิ ธิและเสรภี าพของปวงชนชาวไทย นอกจากทบี่ ัญญตั ิในรฐั ธรรมนญู นแี้ ล้ว การใดท่มี ิได้หา้ ม หรือจากดั ไวใ้ นรฐั ธรรมนูญหรอื ในกฎหมายอน่ื บคุ คล ย่อมมสี ทิ ธิและเสรีภาพท่จี ะทาการนน้ั และไดร้ ับความ คุ้มครองตามรัฐธรรมนญู

หมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย • มาตรา 26 การตรากฎหมายท่มี ีผลเป็นการจากัดสทิ ธิหรอื เสรีภาพของประชาชนต้องเป็นไปตามเง่อื นไขทบ่ี ญั ญตั ไิ ว้ใน รฐั ธรรนูญ ในกรณที ่ไี มไ่ ดบ้ ัญญัติไว้ กฎหมายนน้ั จะต้องไม่ ขดั ตอ่ หลกั นติ ธิ รรม ไม่เพิม่ ภาระหรอื จากดั สทิ ธหิ รอื เสรภี าพของบคุ คลเกนิ สมควรแกเ่ หตุและจะกระทบตอ่ ศักดิ์ศรีความเปน็ มนษุ ยข์ องบคุ คลได้ รวมท้ังระบเุ หตผุ ล ความจาเป็นในการจากัดสิทธแิ ละเสรีภาพไวด้ ว้ ย

หมวด 3 สิทธิและเสรภี าพของปวงชนชาวไทย • มาตรา 27 บคุ คลยอ่ มเสมอกันในกฎหมาย มีสิทธิและ เสรภี าพและไดร้ ับการค้มุ ครองตามกฎหมายเท่าเทยี มกนั • มาตรา 28 บุคคลย่อมมสี ิทธแิ ละเสรภี าพในชีวิตและรา่ งกาย • มาตรา 29 บุคคลไม่ตอ้ งรับโทษอาญา เวน้ แต่ได้กระทาการ อันกฎหมายท่ีใชอ้ ยู่ในเวลานนั้ ท่กี ระทาน้ันบญั ญตั เิ ป็น ความผิดและกาหนดโทษไว้ • มาตรา 30 การเกณฑ์แรงงานจะกระทามไิ ด้

หมวด 3 สทิ ธแิ ละเสรีภาพของปวงชนชาวไทย • มาตรา 31 บคุ คลย่อมมีเสรีภาพบรบิ ูรณใ์ นการถอื ศาสนาและ ยอ่ มมีเสรีภาพในการประกอบพธิ ีกรรมตามหลักคาสอนของตน • มาตรา 32 บุคคลยอ่ มมสี ทิ ธิในความเป็นอยสู่ ว่ นตัว เกียรติยศ ชอ่ื เสียง และครอบครวั • มาตรา 33 บคุ คลย่อมมีเสรีภาพในเคหสถาน • มาตรา 34 บุคคลยอ่ มมีเสรภี าพในการแสดงความคดิ เห็น การ พดู การเขยี น การพมิ พ์ การโฆษณา และการส่ือความหมาย โดยวธิ ีอน่ื

หมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย • มาตรา 35 บคุ คลซ่ึงประกอบวชิ าชีพสื่อมวลชนยอ่ มมี เสรภี าพในการเสนอขา่ วสารหรอื การแสดงความคิดเห็นตาม จริยธรรมแหง่ วิชาชพี • มาตรา 36 บุคคลย่อมมีเสรภี าพในการติดตอ่ สอ่ื สารถงึ กันไม่ ว่าทางใด ๆ การตรวจ การกกั หรือการเปดิ เผยขอ้ มลู ท่ี ส่อื สารถงึ กัน รวมทั้งการกระทาดว้ ยประการใด ๆเพอื่ ใหล้ ่วงรู้ หรือไดม้ าซง่ึ ขอ้ มูลขา่ วสารถงึ กันจะกระทามไิ ด้ เว้นแต่มีคาสงั่ หรือหมายศาลหรอื มเี หตอุ ยา่ งอน่ื ตามที่กฎหมายบญั ญัติ • มาตรา 37 บคุ คลย่อมมีสิทธใิ นทรัพย์สินและการสบื มรดก

หมวด 3 สทิ ธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย • มาตรา 38 บคุ คลย่อมมีเสรภี าพในการเดินทางและการเลอื ก ถิ่นทีอ่ ยู่ • มาตรา 39 การเนรเทศบุคคลสัญชาตไิ ทยออกนอก ราชอาณาจกั ร หรอื หา้ มมใิ ห้ผมู้ สี ญั ชาตไิ ทยเข้ามาในราช อาณาจัก จะกระทามิได้ การถอนสญั ชาติไทยของบคุ คลซง่ึ มี สญั ชาตไิ ทยโดยการเกดิ จะกระทามิได้ • มาตรา 40 บุคคลย่อมมีสทิ ธเิ สรีภาพในการประกอบอาชพี

หมวด 3 สิทธแิ ละเสรภี าพของปวงชนชาวไทย • มาตรา 41 บุคคลและชุมชมย่อมมสี ทิ ธิ (1) ไดร้ บั ทราบและเข้าถึงข้อมลู หรอื ข่าวสารสาธารณะใน ครอบครองของหน่วยงานของรฐั ตามทีก่ ฎหมายบญั ญัติ (2) เสนอเรื่องราวรอ้ งทุกขต์ ่อหน่วยงานของรัฐและได้รับ แจง้ ผลการพิจารณาโดยเร็ว (3) ฟ้องหน่วยงานของรฐั ให้รบั ผดิ จากการกระทาหรอื การ ละเว้นการกระทาของขา้ ราชการ พนกั งาน หรือลูกจา้ ง หน่วยงานของรัฐ

หมวด 3 สิทธิและเสรภี าพของปวงชนชาวไทย • มาตรา 42 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการรวมกนั เปน็ สมาคม สหกรณ์ สหภาพ องค์กร ชุมชนหรอื หม่คู ณะอืน่ • มาตรา 43 บคุ คลและชุมชนย่อมมสี ทิ ธิ (1) อนุรกั ษ์ ฟ้ืนฟู หรือสง่ เสริมภูมปิ ัญญา ศิลปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม และจารติ ประเพณี อันดีงามท้ังของท้องถน่ิ และ ชาติ (2) จดั การ บารุงรกั ษา และใชป้ ระโยชนจ์ ากทรพั ยากรธรรมชาติ ส่งิ แวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดลุ และ ยงั่ ยืนตามวธิ ีการทก่ี ฎหมายบญั ญัติ

หมวด 3 สทิ ธแิ ละเสรีภาพของปวงชนชาวไทย • มาตรา 43 บคุ คลและชุมชนยอ่ มมีสทิ ธิ (ตอ่ ) (3) เขา้ ชอ่ื กนั เพอื่ เสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐให้ ดาเนนิ การใดอนั จะเป็นประโยชนต์ ่อประชาชนหรือชมุ ชน หรอื งดเว้นการดาเนินการใดอันจะกระทบต่อความเปน็ อยู่ อยา่ งสงบสุขของประชาชนหรือชุมชนและได้รบั แจง้ ผลการ พิจารณาโดยรวดเร็ว ทงั้ น้หี น่วยงานของรัฐตอ้ งพจิ ารณา ขอ้ เสนอแนะนั้นโดยให้ประชาชนท่เี กีย่ วขอ้ งมีส่วนรว่ มในการ พจิ ารณาดว้ ยตามวิธิการท่กี ฎหมายบัญญตั ิ (4) จดั ให้มีระบบสวสั ดกิ ารของชมุ ชน

หมวด 3 สทิ ธแิ ละเสรีภาพของปวงชนชาวไทย • มาตรา 44 บคุ คลย่อมมีเสรีภาพในการชมุ ชนโดยสงบและ ปราศจากอาวธุ • มาตรา 45 บุคคลยอ่ มมีเสรีภาพในการรวมกันจดั ตง้ั พรรค การเมอื งตามวถิ ที างการปกครองระบบประชาธปิ ไตยอันมี พระมหากษตั รยิ เ์ ปน็ ประมขุ ตามที่กฎหมายบญั ญตั ิ • มาตรา 46 สิทธขิ องผูบ้ ริโภคย่อมไดร้ ับการค้มุ ครอง • มาตร 47 บคุ คลย่อมได้รับบรกิ ารสาธารณสขุ ของรฐั

หมวด 3 สทิ ธแิ ละเสรีภาพของปวงชนชาวไทย • มาตรา 48 สทิ ธิของมารดาในช่วงระหวา่ งก่อนและหลงั การ คลอดบุตรยอ่ มได้รบั ความคุม้ ครองและชว่ ยเหลอื ตามท่ี กฎหมายบญั ญตั ิ • มาตรา 49 บุคคลจะใช้สทิ ธหิ รอื เสรภี าพเพอื่ ล้มล้างการ ปกครองระบบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็น ประมขุ ไม่ได้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook