คู่มือครูมืออาชพี (ฉบับย่อ) ในศตวรรษท่ี ๒๑ สมหญิง สายธนู ราคา ขอ้ มลู ทางบรรณานุกรมของส�ำ นกั หอสมุดแห่งชาติ National Library of Thailand in Publication Data สมหญิง สายธนู .-กรงุ เทพฯ: มลู นิธิสดศร-ี สฤษด์ิวงศ์, ๒๕๖๐. - จำ�นวน ISBN : ผลงานในชุดสานปฏิรูป ฉบับพิเศษ สานปฏริ ูป ฉบบั พเิ ศษ ลำ�ดับที่ ๑ ทักษะแหง่ อนาคตใหม่ : การศกึ ษาเพอ่ื ศตวรรษที่ ๒๑ สานปฏิรูป ฉบบั พิเศษ ลำ�ดับที่ ๒ วถิ สี รา้ งการเรยี นรเู้ พอ่ื ศิษย์ในศตวรรษท่ี ๒๑ สานปฏริ ูป ฉบับพเิ ศษ ล�ำ ดับที่ ๓ การเรียนรู้แหง่ ศตวรรษท่ี ๒๑ : เพลินพฒั นาโมเดล ท้งั นักเรียนและครูพฒั นาทกั ษะการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง สานปฏริ ปู ฉบบั พิเศษ ล�ำ ดบั ท่ี ๔ สนกุ กบั การเรียนในศตวรรษที่ ๒๑ สานปฏิรปู ฉบบั พิเศษ ล�ำ ดบั ที่ ๕ อย่าเรยี นหนังสือคนเดียว สานปฏริ ปู ฉบบั พเิ ศษ ลำ�ดับที่ ๖ อ่านสรา้ งสมอง สานปฎริ ูป ฉบับพิเศษล�ำ ดับที่ ๗ สอนน้อย เรยี นรมู้ าก ฉบับนักปฎบิ ตั กิ ารไทย (Teach less learn more) สานปฎริ ูป ฉบับพเิ ศษล�ำ ดบั ที่ ๘ คู่มอื ครูมืออาชีพ (ฉบบั ย่อ) พมิ พค์ รั้งที่ ๑ บรรณาธกิ าร ออกแบบปก/ศิลปกรรม ปานรดา นอ้ ยวงษ์ จัดพมิ พโ์ ดย มลู นธิ สิ ดศร–ี สฤษดว์ิ งศ์ (มสส.) ๑๑๖๘ ซอยพหลโยธนิ ๒๒ ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตจุ ักร กรงุ เทพฯ ๑๐๙๐๐ โทรศพั ท์ ๐ ๒๕๑๑ ๕๘๕๕, โทรสาร ๐ ๒๙๓๙ ๒๑๒๒ www.thaissf.org Email [email protected] สนับสนุนโดย :
“ ครูมืออาชีพสมยั ใหม่ จะรับมอื อยา่ งไร เพอ่ื ใหเ้ ดก็ ๆ มคี วามสามารถในการเรยี นรจู้ าก “ทุกสถานที่ ” “ทกุ เวลา” และ “ตลอดชวี ติ ” “
คำ� นยิ ม หนงั สอื คู่มือครูมืออาชีพ (ฉบบั ย่อ) ในศตวรรษท่ี ๒๑ ศาสตราจารย์นายแพทย์วจิ ารณ์ พานิช ประธานมลู นธิ ิสดศรี-สฤษด์ิวงศ์ ๙ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ครมู อื อาชพี ตอ้ งเปน็ “ครเู พอื่ ศษิ ย”์ ลมหายใจ เข้าออกอยู่ที่ผลลัพธ์การเรียนรู้ของศิษย์ ซึ่งเป็น พัฒนาการ ๓ ด้าน เรียงตามล�ำดับความส�ำคัญคอื คอื (๑) ด้านคุณลักษณะ (characters) หรืออุปนิสัย (๒) ด้านทักษะ ทเี่ รียกรวมๆ ว่า ทกั ษะแหง่ ศตวรรษ ที่ ๒๑ (๓) ด้านวิชาความรู้ หนังสือเล่มนี้คือ คู่มือส�ำหรับครบู รรลุเปา้ หมายดังกล่าว การเรยี นรเู้ พอ่ื บรรลเุ ปา้ หมาย ๓ ดา้ นนน้ั เกดิ ขึ้นในทุกวิชา ทุกสาระการเรียนรู้ โดยเกิดจากการ เรยี นแบบเนน้ การปฏบิ ตั ิ หรอื ลงมอื ท�ำ และฝกึ ท�ำเปน็ ทีม ตามด้วยการไตร่ตรองสะท้อนคิด (Reflection) หรือ AAR (After Action Review) โดยที่ครูต้องรวม ตั ว กั น เ รี ย น รู ้ จ า ก ป ร ะ ส บ ก า ร ณ ์ ใ น ห ้ อ ง เ รี ย น
ในกระบวนการทเ่ี รยี กวา่ PLC (Professional Learn- ing Community) ท่านท่ีต้องการศกึ ษาเรอื่ ง PLC ในรายละเอียด โปรดอ่านหนังสือ “บันเทิงชีวิตครู สู่ชุมชนการเรียนรู้” ซ่ึงดาวน์โหลดได้ที่ https:// www.scbfoundation.com/publishing. php?project_id=292#publishing/292/14508 ทักษะห้องเรียนส�ำหรับครูมืออาชีพอีกอย่าง หนึ่งคือทกั ษะประเมนิ การเรียนรู้ (Embedded For- mative Assessment) ของศิษย์ แล้วให้ค�ำแนะน�ำ ป้อนกลับอย่างสร้างสรรค์ (Constructive Feed- back) เพื่อให้ศิษย์ปรับปรุงการเรียนรู้ของตน และฝึกศิษย์ให้ประเมินการเรียนรู้ของตนเองเป็น แล้วปรับปรุงวิธีเรียนรู้ของตนเองเป็น ท่านท่ีสนใจ รายละเอียดอา่ นได้จากบันทึกใน บล็อก Gotoknow ชดุ “ประเมินเพอื่ มอบอ�ำนาจ” ซง่ึ อ่านได้ที่ https:// www.gotoknow.org/posts/tags/ประเมินเพ่ือ มอบอ�ำนาจ ในกรณีของครูในโรงเรียนท่ีอยู่ห่างไกล นกั เรียนมาจากครอบครวั ดอ้ ยโอกาส ผมขอแนะน�ำ
ยทุ ธศาสตร์ “คาดหวังสูง สนบั สนนุ จรงิ จัง” (High expectation, high support) ซึ่งมรี ายละเอียดท่ี https://www.gotoknow.org/posts/619876 ผมขออวยพรให้ครูที่ต้ังความคาดหวังสูง ใหแ้ ก่ตนเอง เพือ่ ด�ำเนินไปในเสน้ ทาง “ครเู พือ่ ศษิ ย์ มืออาชีพ” ที่ได้ศึกษาและปฏิบัติตามแนวทางของ หนังสือเล่มนี้ จงประสบความสุขความเจริญ ทั้งใน อาชีพครู ในชีวิตส่วนตัว ขอจงมีความสุขอิ่มเอิบใจ จากบุญกิริยาท่ีได้บ�ำเพ็ญต่อศิษย์ มีความก้าวหน้า ในการเรยี นรู้ ตอ่ เนอื่ งไมส่ น้ิ สดุ จากการปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ ครู และ ขอขอบคุณคุณสมหญิง สายธนู ที่ได้เขียน หนังสอื เล่มน้ีออกเผยแพร่
คำ� นิยม หนังสือคู่มอื ครูมืออาชพี (ฉบับยอ่ ) ในศตวรรษที่ ๒๑ สุภาวดี หาญเมธี เปน็ คมู่ อื ครูมอื อาชพี ในศตวรรษที่ ๒๑ ทส่ี ัน้ ที่สุดจริงๆ แคค่ รเู ปลยี่ นกระบวนทศั น์ เหน็ วา่ โลกใบใหม่ ไมเ่ หมอื นเดมิ เขา้ ใจทกั ษะทโ่ี ลกใหมใ่ บนต้ี อ้ งการจาก เด็กของครู ใส่ใจท�ำขั้นตอนส�ำคัญๆ ให้ได้ต่อเน่ือง และเปล่ียนบทบาทครมู าเปน็ โค้ช คณุ หมอประเสรฐิ ผลิตผลการพิมพ์ ก็ยืนยันว่า การเรียนรู้ของเด็ก ทกุ คนในมอื คณุ ครู จะงอกงามเบง่ บาน เพราะในโลกใบใหม่ ความรู้ไม่ส�ำคัญเท่ากับ กระบวนการเรียนรู้ ครูไม่จ�ำเป็นต้องสอนเน้ือหา แต่ต้องให้เด็กได้ฝึกทักษะ คะแนนท่ีท่องสอบมาดี ไม่ช่วยให้ชีวิตเด็กส�ำเร็จเท่ากับ การคิดเป็น ท�ำเป็น แกป้ ัญหาเปน็ และอยูก่ บั คนอื่นเป็น
จากประสบการณ์จริงท่ีได้เห็นจากลูกชาย ๒ คน หลานสาว ๓ คนทเ่ี รยี นรู้ดว้ ยกระบวนการแบบ ทค่ี ณุ หมอเขยี น บวกกบั ทไี่ ดม้ โี อกาสพบเหน็ และเรยี น รู้จากครูและโรงเรียนหลายแห่งที่ปรับเปล่ียนการ จดั การเรยี นการสอน ดฉิ นั ขอรว่ มยนื ยนั วา่ การจดั การ ศึกษาแบบน้ีได้ผลแน่ ทจ่ี รงิ คนเปน็ ครรู กู้ นั ดวี า่ เดก็ ทกุ คนมศี กั ยภาพ ที่มากกว่าแค่ท่องจ�ำแล้วไปสอบ เด็กทุกคนมีความ อยากรอู้ ยากลองติดตวั มาแต่เกดิ มีศกั ยภาพทีจ่ ะคดิ ทจ่ี ะรสู้ กึ ทจี่ ะใฝฝ่ นั และลงมอื ท�ำสง่ิ ตา่ งๆใหส้ �ำเรจ็ ตาม แบบฉบับของเขา เด็กมีศักยภาพที่จะมีความสุขใน ตนเองและมีความสุขจากการอยู่กับเพ่ือนมนุษย์ได้ ...เขาขอเพยี งอยา่ งเดยี ว ขอโอกาสได้ฝึกฝนเท่าน้นั แต่ที่เขาสูญเสียศักยภาพเหล่านี้ไปเสียมาก ก็ไม่ใช่เพียงเพราะครูหรอก ต้องรวมไปถึงพ่อแม่ ผปู้ กครองและสงั คมไทยทั้งสังคมด้วย ท่ยี งั ติดอยใู่ น กบั ดกั การศกึ ษา ของศตวรรษที่ ๒๐ เราไมเ่ ชอ่ื มน่ั จรงิ ในศักยภาพของเด็ก เราไม่เช่ือว่าปัญญาเกิดจาก เสรภี าพ เราจงึ ก�ำกบั ควบคมุ ใหเ้ ดก็ เดนิ ตามผใู้ หญเ่ รา ทกุ ฝกี า้ ว และมนั งา่ ยมากทจ่ี ะสอนเดก็ แบบนแี้ นน่ อน
การจะเปล่ยี นเป็นครมู ืออาชพี ในศตวรรษที่ ๒๑ ตาม แนวทางในคู่มือเล่มนี้ ครูต้องใช้พลังกายพลังใจ ยง่ิ ใหญท่ เี ดยี วเพอื่ ฝา่ ฟนั สรรคส์ รา้ งใหเ้ กดิ ขน้ึ ไมเ่ พยี ง เช่ือม่ันในศักยภาพของเด็ก คุณครูยังต้องเชื่อม่ันใน ศักยภาพของตนเองด้วยว่าเปล่ียนแปลงพัฒนาได้ ดิฉันกข็ อให้ก�ำลงั ใจ แดค่ ณุ ครูทุกคนคะ่ เม่ือครูเปลี่ยน อนาคตประเทศไทยก็จะ เปลย่ี นอย่างแน่นอน
คำ� นิยม หนงั สอื คู่มือครูมอื อาชีพ (ฉบับย่อ) ในศตวรรษท่ี ๒๑ อรสม สุทธสิ าคร มอี าชพี อยู่ ๔ อาชีพที่ฉันยกยอ่ งและประทับ ใจเปน็ การสว่ นตวั หนง่ึ ในนนั้ คอื อาชพี ครู เพราะมอง วา่ เปน็ อาชพี ของ “ผสู้ รา้ ง” หมายถงึ ผสู้ รา้ งการเรยี น รใู้ ห้กบั เดก็ และเยาวชน หรอื แม้แตล่ กู ศษิ ยท์ ีอ่ าจอยู่ ในวัยผใู้ หญ่ ใช่เพียงสรา้ งการเรียนรู้ แต่ยังสร้างแรง บนั ดาลใจ และสรา้ งคนให้เปน็ คนดี เราทุกคนเติบโตเป็นผู้เป็นคนมาได้เพราะ พระคณุ ของ “ครู” ฉันยังเชื่ออีกว่าในหัวใจของศิษย์ ย่อมมีครู ทรี่ กั และประทบั ใจทศี่ ษิ ยบ์ างคนอาจไมล่ มื จนชวั่ ชวี ติ แต่การเป็นครูท่ีดีก็ไม่ใช่ง่าย โดยเฉพาะใน ศตวรรษท่ี ๒๑ อนั เปน็ ศตวรรษแหง่ การเปลยี่ นแปลง
หนงั สอื “คมู่ อื ครมู อื อาชพี ในศตวรรษที่ ๒๑” เล่มน้ีช่างน่าท่ึงและมีสีสันอันสนุกเพลิดเพลิน ตรงท่ีเปิดโลกแห่งการเรียนรู้ใหม่ๆ ให้กับครูยุคใหม่ ท่ีน่าสนใจกว่าน้ันคือนี่ไม่ใช่ต�ำราวิชาการที่เกิดจาก การวเิ คราะห์ แตม่ าจากการทท่ี มี ท�ำงานไดส้ งั เคราะห์ จากการลงพื้นท่ี ร่วมเรียนรู้การท�ำงานของครู มอื อาชพี จ�ำนวนหนงึ่ ทเี่ กดิ จากการปฏบิ ตั จิ รงิ ใชไ้ ดผ้ ล จริง เปน็ ไปไดจ้ รงิ โดยใชเ้ วลานบั ด้วยหลายขวบปี เราจะพบว่าครูมืออาชีพได้เปิดพื้นที่ของการ เรียนรู้ใหม่ๆ และพร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไปกับลูก ศิษย์ นอกจากจิตวิญญาณของ “นักเรียนรู้” ท่ี กระตอื รือรน้ ไมห่ ยุดน่ิงแลว้ ครูยงั ตอ้ งฟัง “เสยี ง” ที่ อยู่ในใจของลูกศิษย์ มอง เพ่ือให้เห็นศักยภาพและ คุณค่าของนักเรียนแต่ละคน และพร้อมจะพัฒนา ศกั ยภาพของนกั เรยี น ไมใ่ ช่ “เหน็ ” แตน่ กั เรยี นทสี่ อบ ได้ท่ี ๑ ปล่อยนักเรียนหลังห้องให้เป็นเด็กมีปัญหา ปล่อยปละละเลยและหลงลืมนักเรียนกลุ่มน้ีไปอย่าง นา่ เสียดาย การเรยี นรปู้ ระสบการณใ์ หมๆ่ และการสรา้ ง ความตระหนักรู้ในทักษะชีวิต การเรียนรู้โลกใกล้ตัว
ตลอดจนถึงโลกที่กว้างไกล ความเท่าทันเทคโนโลยี แตก่ ็ไมห่ ลงลมื “รากเหง้า” ทเ่ี ปน็ อยู่ ฯลฯ นค่ี ือครู ยคุ ใหมท่ เ่ี ตม็ ดว้ ยพลงั และความเบกิ บานของความเปน็ ชวี ติ ที่มีชีวาอยา่ งยง่ิ เชอื่ วา่ หนงั สอื เลม่ นจ้ี ะเปน็ แนวทาง และเปน็ คู่มือส�ำหรับคุณครูทุกคน เพื่อจะได้พัฒนาตนสู่การ เป็นครูมืออาชีพในศตวรรษท่ี ๒๑ เพ่ือเด็กและ เยาวชนในสงั คมไทย จะไดเ้ ตบิ โตอยา่ งมคี ณุ ภาพและ มีความสุข อันจะส่งผลให้สังคมไทยเป็นสังคม ทม่ี ีคณุ ภาพในอนาคตต่อไป
คำ� นิยม หนงั สือคูม่ ือครมู ืออาชีพ (ฉบับยอ่ ) ในศตวรรษท่ี ๒๑ นายแพทยก์ ้องเกยี รติ เกษเพ็ชร์ คุณสมหญิง ส่งต้นฉบับหนังสือมาให้ พร้อม ส�ำทับในอีเมล์ว่า เป็นเพราะผมที่ท�ำให้เธอต้องเขียน หนงั สอื เลม่ นี้ และขอใหเ้ ขยี น ค�ำนิยมใหก้ บั หนงั สือเล่มน้ขี องเธอ กอ่ ให้เกิด ความกังวลกับผมอย่างมาก และใช้เวลานานอยู่ที่ จะหาว่าค�ำนิยมคืออะไร มีเพื่ออะไร ก่อนที่จะเร่ิม ลงมือเขียน ค�ำ “ไม่”นยิ ม นใ้ี ห้กบั หนงั สอื เธอ เรอ่ื งการศกึ ษาทกั ษะในศตวรรษที่ ๒๑ และ ความพยายามทจี่ ะใชเ้ ครอ่ื งมอื นเ้ี พอ่ื การเปลย่ี นแปลง การศกึ ษาในประเทศไทย โดยทกี่ ลไกหนงึ่ ทที่ �ำงานมา อย่างต่อเนื่อง คือมูลนิธิสดศรี – สฤษดิวงศ์ ท่ี คณุ สมหญงิ ท�ำงานอยู่ หลายปี ที่พยายาม ทง้ั ผลิต สือ่ หนงั สือ การประชมุ รวมไปถึงการทดลองท�ำ และ การถกเถียงระหว่างทมี งาน
สิ่งท้าทายและขัดขวางการท�ำงานเพ่ือการ เปลย่ี นแปลงนี้ คอื “ทกั ษะ” ทกั ษะไมใ่ ชค่ วามรู้ ทกั ษะคอื การลงมอื ท�ำ เชน่ ช่างไม้ ชา่ งแกะ กกุ๊ จนไปถึงวิชาชีพ หมอผ่าตัดท่ีเก่งกาจ จะสง่ ตอ่ ความสามารถทยี่ อดเย่ียมไปยัง คนรุ่นต่อไปน้ันได้อย่างไร การบอกว่าใช่ ดี ดีมาก ไม่ใช่ แย่แล้ว จนถึง ตายห่า เพียงพอหรือ ไม่ในการพัฒนาทักษะ ทกั ษะการเรียนรู้ ย่งิ ยากกวา่ มาก เพราะเรา คอื พอ่ แม่ ครู อาจารย์ นกั การศกึ ษา ล้วนแต่เตบิ โต ได้รบั การสง่ ผา่ น “ความรู้”ดว้ ยเครอ่ื งมือ “สั่ง สอน” ที่ไม่ผ่าน “ทักษะการเรียนรู้” แล้วจะเอาอะไรมา ถ่ายทอดให้เด็ก ครูที่ค้นคว้า อ่านน้อย คิดน้อย จะวิภาคอย่างสร้างสรร ได้อย่างไรกับงานของเด็ก ที่ปรากฏต่อหน้า จะประเมินผลทักษะนั้นด้วย เครื่องมือใด
ข้อสอบ มีความสามารถในการจ�ำแนก แยกแยะ และตัดสิน ทักษะของคนคนหนึ่งจากอีกคน ได้หรือ และที่ท้าทายครูยิ่งกว่าน้ัน คือ มองเห็น ช่องทาง และเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมได้หรือไม่ใน การทจี่ ะสง่ เสรมิ ทกั ษะ ใหเ้ ดก็ เตบิ โตในแบบทเี่ ขาควร จะเปน็ หนังสือน้บี อกว่า เปน็ คูม่ อื รวบรวมเร่อื งราว บอกกลา่ วทักษะ ที่เคยท�ำมา และมักเป็นเรื่องท่ีได้ผล และเป็นหนังสือท่ี ควรนิยม หากอ่านเพ่ือให้ได้มาซ่ึงความรู้ แต่หากจะ อา่ นใหไ้ ด้มรรค เพอ่ื การเปลย่ี นแปลงการศกึ ษา ขอ ให้อ่านดว้ ยค�ำถาม ดว้ ยความคิดวภิ าค การเรยี นร้จู ะ เกิดข้นึ กบั ทา่ นเอง ใช่ท่ีย่อหน้าต้นๆใช้ค�ำว่า ค�ำ “ไม่”นิยม ส�ำหรบั หนังสอื เลม่ น้ี เพราะจะนยิ ม จะชมชนื่ กจ็ ะขน้ึ กบั ตวั ทา่ นวา่ อา่ น คิด มามากน้อยเพียงใด
ข้อความสองสามหน้า ของคนท่ีไม่ได้ประสี ประสากับการศกึ ษาอย่างผม ไม่ควรมีอิทธิพลกับผลของการอ่านหนังสือ เล่มนี้ ส่งิ เดยี วทีผ่ มนยิ ม คือ ตวั ตนของคณุ สมหญิง ท่ีผมได้มโี อกาสรูจ้ ัก ปะทะ ถกเถียง ว่าเป็นผู้ท่ีมีความต้ังใจที่จะเปล่ียนแปลงการ ศึกษาของไทย ด้วยทักษะท่ีส�ำคัญของเธอ คือ ทักษะการเรยี นรู้ อุดมปัญญา และ เป็นสขุ
คำ� นยิ ม หนงั สือคู่มอื ครูมอื อาชีพ (ฉบบั ย่อ) ในศตวรรษที่ ๒๑ ครูสาวติ รี วรพทิ ยเ์ บญจา กาลเวลาทห่ี มนุ เวยี นและเปลย่ี นผนั น�ำพาให้ ทุกอย่างเปล่ียนแปลงไป เทคโนโลยีท่ีก้าวหน้าช่วย ขยายช่องทางแสวงหาความรูต้ ่างๆ ไดง้ ่ายข้ึน เมอื่ หัน กลบั ไปมองเดก็ นกั เรยี นในยคุ สมยั นจี้ ะเหน็ วา่ นกั เรยี น นั่งเขียนเรียงความในห้องเรียน ๒ ช่ัวโมงไมเ่ สรจ็ แต่ หากมีอินเตอร์เน็ต ๑๐ นาทีก็พร้อมส่ง ส่วนผลงาน เป็นอย่างไรนัน้ เกนิ ครึง่ ทม่ี าจากเวบ็ ไซต์เดยี วกนั อกี ทงั้ คา่ นยิ มทวี่ า่ ใครไมม่ แี ฟน ไมแ่ ตง่ หนา้ กอ่ นอายุ ๑๕ นบั วา่ เชย เม่ือความคดิ ไหลตามกระแส ปัญหาตา่ งๆ ก็ตามมา ท้ังหนีเรียน ท้องในวัยเรียน ยาเสพติด การทะเลาะวิวาท เช่นเดียวกับเร่ืองการวางแผน ไปสู่อนาคต เมื่อถามว่า อนาคตอยากเป็นอะไร ค�ำตอบคอื ยังไม่รู้ หรือ คอ่ ยหาค�ำตอบใหมเ่ มอื่ วันนัน้ มาถึง เมื่อเด็กที่ขาดทักษะเจอกับสังคมการเรียนรู้ และค่านิยมท่ีหลากหลาย ผู้ท่ีจะช่วยให้พวกเขา สามารถเรียนรทู้ ่จี ะเผชิญกับส่ิงตา่ ง ๆ ได้ กค็ ือ ครู
จากค�ำสอนรุ่นต่อรุ่นที่มุ่งเน้นให้ความส�ำคัญ กับการศึกษาในระดับที่สูงข้ึน นักเรียนจึงมีหน้าที่ แสวงหาความรู้ โดยครูมีหน้าท่ีถ่ายทอดความรู้ เมอ่ื วดั ผลแลว้ ประเมนิ ผลเปน็ คา่ ตวั เลข กม็ กี ารแขง่ ขนั กนั บางคนไดผ้ ลการเรยี นระดบั ดเี ยยี่ ม แตไ่ มส่ ามารถ น�ำไปประยกุ ตใ์ ชแ้ ละไมม่ ีทกั ษะใดๆ คา่ คะแนนท่ไี ด้ น่ันคงเป็นผลความรู้ มิใช่ผลการเรียนรู้อย่างแน่นอน เปรียบได้กับส�ำนวนไทยที่ว่า มีความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด ครูผู้ท�ำทุกอย่าง เพ่ือให้นักเรียนมีความรู้ มีความสามารถทัดเทียมกัน โดยสรรหา วิธีการ หนงั สอื คมู่ อื การสอน และเทคนคิ ตา่ งๆ มากมายทเ่ี ชอ่ื ว่าเป็นเครื่องมือในการพัฒนาทักษะของนักเรียนได้ แต่ด้วยบริบทท่ีแตกต่างกัน วิธีการต่าง ๆ จึงใช้ได้ดี เพียงบางแห่งเทา่ นน้ั หนงั สอื คมู่ อื ครมู อื อาชพี เลม่ นี้ ผเู้ ขยี น กลา่ ว ถึง ปรัชญาการศกึ ษาทเี่ หมาะกบั ศตวรรษที่ ๒๑ ทวี่ ่า “กระบวนการเรยี นรสู้ ำ� คญั กวา่ ความร”ู้ “กระบวนการ หาคำ� ตอบสำ� คญั กว่าค�ำตอบ” “ครแู ละนกั เรียนเทา่
เทียมกันในกระบวนการเรียนรู้” ซึ่งไม่ได้เป็นเพียง แนวคิด ทฤษฎีท่ีปฏิบัติได้ยาก แต่นับเป็นค�ำตอบ ทัง้ หมดของกระบวนการเรียนรู้อยา่ งยัง่ ยนื หากเพยี ง ครูเรายึดเอาแนวคิดน้ีไปใช้ในกระบวนการเรียนการ สอนกับนักเรียน ห้องเรียนที่เคยมีเพียงเสียงของครู กค็ งจะมบี รรยากาศแห่งการเรยี นร้อู ย่างแนน่ อน นอกจาก ปรัชญาสมัยใหม่ที่น�ำไปปฏิบัติ ได้ง่าย ผู้เขียนยังยกตัวอย่าง เคร่ืองมือท่ีใช้พัฒนา นกั เรยี นใหเ้ กดิ ทกั ษะของเดก็ ในศตวรรษที่ ๒๑ นน่ั คอื การเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน หรือ PBL นั่นเอง เป็นการเรียนรู้ผ่านการลงมือท�ำ โดยเรื่องราว ท่ีนักเรียนจะเรียนรู้เป็นเรื่องท่ีพวกเขาพบเจอหรือ เก่ียวข้องในชีวิตประจ�ำวันซึ่งครูเป็นโค้ชที่คอยช่วย เหลอื และร่วมเรียนรู้ไปพร้อมๆ กบั นกั เรียน ดิฉันเป็นครูในโรงเรียนขยายโอกาสที่เด็ก มีความแตกต่างกันในทุกมิติ การท่ีจะแข่งขันด้าน ผลสัมฤทธ์ิหรือวิชาการน้ันเป็นเร่ืองที่ท�ำได้ยากย่ิง เพียงพัฒนาให้เด็กเกิดทักษะที่สามารถด�ำรงชีวิต ในสงั คมรว่ มกบั ผอู้ น่ื ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ นนั้ กเ็ ปน็ ความ
หวังสูงสุดแล้ว เมื่อได้น�ำรูปแบบการสอน แบบใช้ ปัญหาเป็นฐาน มาใช้ใน การจัดการเรียนรู้ ท�ำให้ครู เห็นความสามารถของนกั เรียนในแต่ละด้าน เกิดการ ยอมรับกันและกันใน การท�ำงาน เกิดองค์ความรู้ ใหม่ๆ ท่ีมาจากการลงมือท�ำของนักเรียน ได้แลก เปล่ียนความรรู้ ะหวา่ งครแู ละศิษย์ บรรยากาศในการ เรียนเปล่ียนไป ทักษะต่างๆของนักเรียนเกิดขึ้นด้วย ตวั ของนกั เรยี นเอง ซง่ึ ตา่ งจากการสอนแบบเดมิ ทเี่ รา พยายามมอบให้ จึงนับว่าเป็นรูปแบบของการเรียน ในศตวรรษที่ ๒๑ ขอขอบคุณผู้เขียน ที่ร้อยเรียง องค์ความรู้ ต่างๆ ที่ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าเป็นทางที่ก้าวเดินได้ อย่างเกิดผล มาเป็นคู่มือครูมืออาชีพ ที่ช่วยให้ครู สามารถ เขา้ ใจ เขา้ ถึง ทกั ษะในศตวรรษท่ี ๒๑ และ วิธีการง่ายๆ ในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ สอู่ งคค์ วามรอู้ ันยิง่ ใหญใ่ หก้ บั นักเรียน เพือ่ เปน็ เกราะ ปอ้ งกนั และฐานความรู้สทู่ กั ษะอ่ืนๆ ในอนาคตได้
คำ� น�ำ หนงั สือคูม่ อื ครูมืออาชพี (ฉบับย่อ) ในศตวรรษท่ี ๒๑ นายแพทยป์ ระเสรฐิ ผลติ ผลการพมิ พ์ น่ีคอื หนังสอื คู่มอื ครมู อื อาชพี ฉบับส้ันที่สุด เนื้อหาทั้งหมดในหนังสือเล่มน้ีได้จากการ อา่ นต�ำราตา่ งประเทศ และหลงั จากการท�ำงานรว่ มกนั กบั คณุ สมหญงิ สายธนแู ละทมี งานโรงเรยี นตา่ งๆ เปน็ เวลาหลายปี เราจงึ ไดค้ วามรใู้ หมแ่ ละความชดั เจนใหม่ มากข้ึน และมากข้ึนเรื่อยๆ จนกระทั่งเขียนเป็น หนงั สอื หนึง่ เล่มนี้ หนงั สอื เรมิ่ ตน้ ดว้ ยปรชั ญาใหมข่ องการศกึ ษา สมยั ใหม่ ปรชั ญาหมายถงึ ความฝนั รว่ มทเี่ ราควรยดึ ถอื ร่วมกัน หากขาดปรัชญาเสียแล้วก็ไม่ชัดเจนว่าเรา จะปฏริ ปู การศกึ ษาไปทางใด ปรชั ญา หรอื กระบวนทศั นใ์ หม่ จงึ ส�ำคญั มาก หากเห็นตรงกนั เวลาพบปญั หา อุปสรรค หรือความ
คดิ เหน็ ขดั แยง้ คนท�ำงานจะถอยมาดู ทป่ี รชั ญาเสมอ เพื่อใชเ้ ปน็ เสาหลักในการท�ำงานและฟนั ฝ่าตอ่ ไป ถัดจากปรัชญาคือความรู้ว่าด้วยทักษะใน ศตวรรษท่ี ๒๑ สามประการ ซ่งึ เปน็ เป้าหมายส�ำคญั ของการศกึ ษาสมยั ใหมท่ โี่ รงเรยี นควรมอบใหแ้ กเ่ ดก็ ๆ มากกวา่ มอบความรู้ทไี่ ม่ตรง (relevant) กับชวี ติ จรงิ ถัดจากเนอื้ หาทักษะศตวรรษที่ ๒๑ จงึ เปน็ วธิ ที �ำ หนังสือเล่มนเ้ี ลา่ วธิ ที �ำอยา่ งงา่ ยๆ ๓ ขน้ั ตอน ข้ันตอนแรก คือ วิธีสร้างโจทย์ปัญหาให้แก่ นกั เรยี นทเี่ รยี กว่า PBL รวมทงั้ ได้เน้นยำ�้ ความส�ำคญั ของการแบ่งกลุ่มนักเรียนตามความหลากหลาย ซึ่งจะเป็นปัจจัยก�ำหนดความส�ำเร็จของการเรียนรู้ และการใชช้ ีวติ ขั้นตอนท่ีสอง คือ การประเมินผลหลัง ปดิ โครงการ ท่ีเรียกวา่ AAR โดยแสดงให้เหน็ วธิ กี าร ประชุมเพื่อ AAR อย่างงา่ ยท่สี ดุ สะดวกทีส่ ุดเหมาะ แกค่ ุณครูทอ่ี ยากเร่มิ ต้นทดลองท�ำดว้ ยตนเอง
ขั้นตอนท่ีสาม คือ การประชุมครูมืออาชีพ แบบท่เี รยี กว่า PLC โดยมวี ัตถปุ ระสงค์เพื่อทวนสอบ กระบวนการเรียนการสอนท้ังหมดท่ีท�ำไปรวมท้ัง ประเมินความกา้ วหนา้ ของทกั ษะศตวรรษที่ ๒๑ ของ นกั เรยี น เป็นอกี บทหน่งึ ทไ่ี ด้เขยี นใหเ้ ห็นอยา่ งชดั แจ้งถึงเรื่องท่ีควรท�ำอย่างงา่ ยๆ และเรือ่ งท่ีไมค่ วรท�ำ อย่างละเอยี ด นค่ี อื หนงั สอื How to เรอื่ งการจดั กระบวนการ เรียนการสอนในศตวรรษที่ ๒๑ ท่ถี ูกตอ้ ง สนั้ กระชับ และท�ำไดจ้ รงิ พรอ้ มตวั อยา่ งประสบการณจ์ ากคณุ ครู บางส่วนที่ร่วมท�ำงานกับเราในหลายปีท่ีผ่านมา ที่ส�ำคัญคือเป็นหนังสือที่เขียนข้ึนจากประสบการณ์ ตรงจากการประชมุ หลายสบิ ครง้ั และกลนั่ กรองหลาย คร้ังโดยผู้มีประสบการณ์ในการท�ำงานกับนักเรียน จรงิ ๆ เหมาะมากส�ำหรบั คณุ ครทู กุ คนทอี่ ยากจะเรม่ิ รวมทั้งครใู หญท่ กุ คนทีอ่ ยากจะลอง
สารบญั คมู่ อื ครู ... บทท่๑ี วา่ ด้วยโลกดิจิทัล ๒๖ บทที๒่ อดีตหรอื อนาคต ๓๒ : ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ๔๔ ๖๑ บทท๓่ี ครมู ืออาชพี ในศตวรรษท่ี 21 ๘๒ ๘๖ บทท๔่ี พฒั นาการเรยี นรู้ดว้ ยเรอ่ื งเลา่ ๙๔ บทท่ี๕ เปิดโลก..เปดิ สมองดว้ ยการ AAR ทดี่ ี บทท๖่ี PLC...รุ่งอรุณแห่งปญั ญา บทที่๗ XXX
บทที่๑ ว่าดว้ ยโลกดิจทิ ลั ขอเรมิ่ ตน้ ดว้ ยค�ำถามส�ำคญั เหตใุ ดเราทกุ คน จึงสามารถพัฒนาตนเองได้ในศตวรรษ ๒๑ ตามความใฝ่ฝัน หากรู้วิธีและหลักการ เพราะ ศตวรรษ ๒๑ มีอยู่ส่ิงหน่ึงท่ีคนรุ่นหลังไม่มี นั่นคือ ไวไฟ (Wi-Fi) และเครอื่ งมอื ไอที (Information Tech- nology, IT) แสนฉลาดมากความสามารถ สมารท์ โฟน และแท็บเลต็ ไม่ใชข่ องหายากอกี ต่อไป แปลวา่ ถนน การศกึ ษาเปดิ รับส�ำหรับทุกคน ไม่วา่ คนรวย คนจน
28 คมู่ อื ครูมืออาชีพในศตวรรษท่ี ๒๑ อยูก่ รงุ เทพฯ อยกู่ รงุ เทพฯ หรอื อยบู่ า้ นนอก เปน็ คณุ ครู ผอู้ �ำนวย การโรงเรยี น เดก็ ไทยก็เช่นเดียวกนั หากเขา้ ไวไฟได้ จะสามารถค้นคว้าหาความรู้ท่ีมีอยู่มหาศาลและ ไม่หยุดนิ่งจากท่ัวทุกมุมโลกจากอินเทอร์เน็ต อยากไปไหนก็ได้ท่ัวโลก ไปเรียนต่างประเทศก็ได้ ไม่จ�ำเป็นต้องเรียนเฉพาะในประเทศ ท�ำงานท่ีไหน ก็ได้ตามความใฝ่ฝัน จะประกอบอาชีพเกษตรกร เป็นชาวประมง เป็นชาวนาในถ่ินเกิดเมืองนอนก็ได้ แต่ด้วยความสามารถมากกว่าบรรพบุรุษ ถ้าใช้ไอที เป็น
สมหญิง สายธนู 29 คุณครูหรอื กระทงั่ ผูป้ กครองคงกงั วล เพราะ เร่ืองยุ่งอยู่ตรงท่ี เด็กไทยมากต่อมากเข้าไวไฟเพื่อ ท�ำ ๓ อย่าง เล่นเกม เล่น facebook เล่นไลน์ แต่กลับใช้เพื่อไปสู่เป้าหมายที่ตนเองก�ำหนดไม่เป็น และน่ีคือ ทักษะชีวิต หน่ึงในสามของทักษะแห่ง ศตวรรษที่ ๒๑ ยกตัวอย่างจริงของชีวิตการท�ำงาน ไม่ว่า ประกอบอาชีพอะไร เม่ือใดท่ีพบปัญหาติดขัด เราสามารถเปดิ หนงั สอื ได้ เขา้ อนิ เทอรเ์ นต็ เพอ่ื คน้ ควา้ หาขอ้ มลู ได้ ไมต่ อ้ งทอ่ งจ�ำ คณุ หมอเองเมอ่ื พบผปู้ ว่ ย เป็นโรคยากๆ โรคใหม่ๆ พยายามรักษาอย่างไร ก็ไม่หาย ก็สามารถเข้าห้องพักแพทย์แล้วเปิดต�ำรา รูปภาพจากwebsite : http://www.scmp.com/lifestyle/family-education/article/1260930/tablets-help-hong-kong-students-learn
30 คู่มอื ครมู ืออาชพี ในศตวรรษท่ี ๒๑ คน้ หาขอ้ มลู เฉกเชน่ เดยี วกนั ไมผ่ ดิ กตกิ า ดกี วา่ เดาแลว้ รกั ษาแบบมวั่ ๆ ไป ปญั หาอยูต่ รงทีม่ ีเวลาแค่ ๕ นาที เปิดเปน็ หรือเปลา่ เปดิ เจอหรือไม่ ข้อมลู อย่ตู รงไหน ถ้าคนไข้ไม่เป็นโรคร้ายแรงอยู่ในภาวะวิกฤตก็มีเวลา นานข้ึน ยงั ไม่นบั วา่ ขอ้ มลู ในอินเทอรเ์ นต็ มีท้งั จริง และลวง และนค่ี ือทักษะไอที หนึ่งในสามของทักษะ แห่งศตวรรษที่ ๒๑ สถานการณเ์ ปลยี่ นไปหมดจากศตวรรษท่ี ๒๐ ที่ใครรู้มากเป็นผู้ชนะ ขณะท่ีศตวรรษท่ี ๒๑ ไม่มี สิ่งใดหยุดนิ่ง ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา “จีนทุบค่าเงินหยวนส่งผลต่อเงินในกระเป๋าเรา อย่างไร” “ความรุนแรงในตะวันออกกลางเกี่ยวข้อง อย่างไรกับเศรษฐกิจไทยเรา” เป็นตัวอย่างที่สะท้อน ความเช่ือมโยงของเรื่องส่ิงแวดล้อม เศรษฐกิจข้าม ชาติ ความรุนแรงของโลก ความหลากหลายของ สังคมในโลกาภิวัฒน์ ทสี่ ลบั ซับซอ้ นเกนิ กว่าจะเขา้ ใจ และคาดการณ์ไดห้ มด ซ่งึ นบั วันจะท้าทายลกู หลาน ของเรา ทกุ ขณะ ศตวรรษท่ี ๒๑ จึงไม่ตอ้ งการ เด็กเรียนเก่งหรือท่องเก่งแต่เอาตัวไม่รอด แต่ ตอ้ งการเด็กท่ีใช้ชวี ติ เป็น มีความใฝร่ ู้ กระตือรือร้น
สมหญิง สายธนู 31 ทจี่ ะเรียนรู้ ตดิ ขดั พบอุปสรรคกค็ ้นคว้าดว้ ยตนเอง เพราะใช้ไอทีเป็นและทนั โลก เด็กเรียนไม่เก่งไม่ใช่เรื่องใหญ่ เด็กท่ีใช้ ชีวิตไม่เป็น รับมือกับไอทีไม่ได้ และเรียนรู้ไม่ได้ นา่ เป็นหว่ งมากกวา่ หันกลับมาดูรูปแบบการจัดการเรียนสอนใน โรงเรยี นทเี่ ปน็ อยทู่ กุ วนั นี้ สว่ นใหญเ่ ปน็ การศกึ ษามติ ิ เดยี ว เอาวชิ าเปน็ ตวั ตง้ั องคค์ วามรทู้ เี่ ชอ่ื มโยงกนั ถกู ซอยยอ่ ยเป็นรายวชิ า ท้งั ๆ ทมี่ นษุ ย์มีปฏิสมั พนั ธร์ อบ ด้าน เด็กนักเรียนขาดการเรียนรู้จากการปฏิบัติ คุณครูท�ำหน้าท่ีเป็นผู้ถ่ายทอดเน้ือหาและมีภาระอื่น ต้องท�ำจนกระท่งั ไมม่ ีเวลาสอนหนังสอื ส่วนนักเรียน นงั่ ฟงั หมกมนุ่ อยกู่ บั การทอ่ งจ�ำเนอื้ หาเพอื่ เอาไปสอบ ซ่ึงเป็นวิธีตัดสินท่ีหยาบไม่สามารถวัดความสามารถ ค้นหาพรสวรรค์ของเด็กนักเรียน “ที่ต่างกัน” ได้ หน�ำซ้�ำส่ิงที่จ�ำเป็นส�ำหรับการใช้ชีวิตกลับไม่มีใน ข้อสอบน้ัน
32 คูม่ อื ครมู อื อาชีพในศตวรรษท่ี ๒๑ เปน็ วิธีเรียนวธิ สี อน ที่ไม่เชอ่ื มโยงและน�ำไป ใช้ได้กับความจริงของชีวิต และการอยู่ร่วมกันของ มนุษย์ พร้อมจะท�ำลายทักษะการเรียนรู้ ท�ำใหเ้ ด็ก พร้อมอยู่นิ่งๆ ไม่กระหายใคร่รู้มากกว่าท่ีจ�ำเป็น ต่อการสอบแข่งขัน ท�ำลายทักษะชีวิตที่ดีที่พร้อม จะปรับตัว เมื่อพบอุปสรรคหรือปัญหาชีวิต เมอ่ื เตบิ โตขนึ้ แมเ้ ราตา่ งกร็ กู้ นั อยู่ นกั เรยี นในอนาคต วัดกันด้วยความสามารถในการท�ำงาน ไม่ใช่ความ สามารถในการทอ่ งจ�ำ “ครูมืออาชีพสมัยใหม่” จะรับมืออย่างไร เพื่อให้เด็กๆ มีความสามารถในการเรียนรู้จาก “ทุกสถานที่” “ทุกเวลา” และ “ตลอดชีวติ ” โลกศตวรรษท่ี ๒๑ กว้างใหญ่ อ้าแขนรบั รอทุกคนอยู่
บทที่๒ อดีตหรืออนาคต : ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ ๒๑ ในอดีต การติดต่อส่ือสารระหว่างประเทศ เกดิ ข้ึนในวงจ�ำกัด เดก็ ไทยแขง่ ขนั กนั เองในประเทศ แต่เมอ่ื โลกก�ำลงั ก้าวหน้าทกุ วนั โดยเฉพาะทางด้าน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ อีกไม่ช้า ไม่นาน เด็กไทยจะต้องแข่งกับประเทศเพ่ือนบ้าน หากยังคิดเช่ือมโยงไม่เป็น วิเคราะห์ไม่ได้ ปรับตัว ต่อส่ิงแวดล้อมใหม่ก็ยาก ไม่มีความอดทนต่อความ ยากล�ำบาก ไม่เอาจรงิ เอาจัง ขาดความรับผิดชอบ
34 ค่มู อื ครมู อื อาชีพในศตวรรษที่ ๒๑ ต่องานท่ีได้รับมอบหมาย พ่ึงพาตนเองไม่ได้ จึงมี โอกาสท่ีจะเปน็ ฐานแรงงานของเพ่ือนบา้ น ปฏิรูปการศึกษาจึงควรมีเป้าหมาย เปลี่ยน วิธีการเรียนรู้แบบท่องจ�ำต�ำรา ไปสู่วิถีการเรียนรู้ ตลอดชวี ติ ภายใตป้ รัชญาการศกึ ษาสมัยใหม่ “กระบวนการเรียนรู้ส�ำคัญกว่าความรู้” เพราะความรู้สมยั ใหม่มีเหลอื คณานบั เกินก�ำลงั และ เกนิ กวา่ จะมใี ครก�ำหนดไดว้ า่ นกั เรยี นไทยควรรอู้ ะไร ไม่ควรรอู้ ะไร ตัวความรเู้ องกไ็ ม่หยุดน่ิงตายตัว และ ไม่น่าเช่ือว่าความรู้เก่ายังถูกท้าทายตลอดเวลา ความสามารถในการเรียนรู้ตลอดชีวิตจึงส�ำคัญกว่า การรู้มาก น่ียังไม่นับว่า มีเร่ืองท่ีเด็กๆ ท่องจ�ำใน ส่ิงท่ีไม่จ�ำเป็นต่อชีวิต เด็กยุคใหม่จึงควรออกไปหา ค�ำตอบด้วยตัวเองเป็น “กระบวนการหาค�ำตอบส�ำคัญกว่า ค�ำตอบ” โลกยุคใหม่ไม่มีค�ำตอบเพียงค�ำตอบเดียว ส�ำหรับปัญหาใดๆ ชีวิตของเราเองก็เช่นเดียวกัน เราควรฝกึ ฝนใหเ้ ดก็ รวู้ ธิ หี าค�ำตอบ มากกวา่ การสอน
สมหญิง สายธนู 35 ให้เด็กท่องจ�ำค�ำตอบตายตัว สอนให้เด็กคิดอะไรๆ ตามผู้ใหญ่บอกหรือคุณครูบอก กระบวนการหา ค�ำตอบท่หี ลากหลายตา่ งหากทีส่ �ำคัญต่อชวี ติ ส�ำคญั กวา่ ให้เด็กเชอ่ื ฝังใจในค�ำตอบทถ่ี ูกต้องทสี่ ดุ “ ค รู แ ล ะ นั ก เ รี ย น เ ท ่ า เ ที ย ม กั น ใ น กระบวนการเรียนรู้” คุณครูและนักเรียนมีสถานะ เป็น “นัก-เรียนรู้” เท่าเทียมกัน พร้อมจะเรียนรู้ ไปด้วยกัน คุณครูเองไม่ต้องกังวลว่าจะไม่รู้ความรู้ หรือรู้ไม่เท่านักเรียน เพราะความรู้ไม่ใช่เป้าหมาย การฝึกให้นักเรียนเป็นนัก-เรียนรู้ต่างหากคือ เป้าหมายท่ีแท้จริง ท�ำได้โดยคุณครูค่อยๆ สอน
36 ค่มู อื ครมู อื อาชีพในศตวรรษท่ี ๒๑ หนังสือให้น้อยลง แล้วหันมาท�ำหน้าท่ีเป็น “โค้ช” การเรยี น ท่ีท้ังคุณครแู ละนกั เรียนตา่ งพร้อมทดลอง ท�ำการเรียนรู้จากโจทย์ปัญหา (Problem Based Learning, PBL) โดยใช้แนวคิดทักษะแห่งอนาคต ใหม่ หรือ 21st Century Skills เป็นฐาน ซึง่ นัก การศึกษาท้ังในประเทศและต่างประเทศเชื่อกันว่า เป็นทักษะทางรอดส�ำหรับศตวรรษน้ี ประกอบด้วย ๓ ทักษะ ได้แก่ ๑.ทกั ษะการเรยี นรแู้ ละนวตั กรรม (Learning and Innovation Skills) : ประกอบด้วย ๔ ทกั ษะ ย่อย ๑.๑ ทกั ษะการคดิ เชงิ วพิ ากษ์ ภาษาองั กฤษ คอื Criticized/Critical Thinking 1 บางทา่ นใชค้ �ำ ว่าการคิดเชิงวิเคราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ ไมว่ า่ จะใช้ศัพทค์ �ำใด รปู ธรรมของทักษะการคดิ เชงิ วพิ ากษ์ เรม่ิ ตน้ จากเดก็ กลา้ พดู วา่ ตนเอง “ไมร่ ”ู้ และ “ความไมร่ ไู้ มใ่ ชค่ วามผดิ ” “ความไมร่ ไู้ มใ่ ชค่ วามโง่ เขลาเบาปญั ญา” จากนนั้ พฒั นาเปน็ ความ “ไมเ่ ชอ่ื ” 1 เป็นกระบวนการท�ำให้นกั เรียนคนหนง่ึ ปรากฏตวั เดน่ ชดั ขนึ ้ มาวา่ เขาเป็นใคร จงึ เป็นแรงเสริมสำ� คญั ตอ่ กระบวนการพฒั นาตวั ตนหรือ self ของเดก็ ๆ ให้ชดั เจน และแข็งแรง ทกั ษะการคดิ เชิงวิพากษ์ไมใ่ ชข่ ้อบง่ ชีค้ วามเก่ง หากจะชว่ ยให้เดก็ ๆ เตบิ โตอยา่ งมน่ั ใจในทกุ แงม่ มุ ชีวิต (ประเสริฐ ผลติ ผลการพิมพ์,2559)
สมหญิง สายธนู 37 ตอ่ สงิ่ ทบี่ อกตอ่ ๆ กนั มา “ไมเ่ ชอื่ ” เพยี งเพราะครบู อก ผใู้ หญ่ หรือต�ำราเขยี นไว้ ทา้ ทายไปกวา่ นน้ั คอื ไม่เชื่อ แม้กระทั่งเฉลยข้อสอบ เป็นความกล้าท่ีจะเห็นต่าง ไม่เหมือนผู้อื่น มีความกระหายใคร่รู้ สงสัยไม่เลิก ชา่ งซกั ช่างถามไมห่ ยดุ ออกไปหาค้นคว้า หาค�ำตอบ เป็นความพยายามที่จะให้เหตุผลต่อส่ิง ท่ีเกิดขึ้น ตรงหนา้ ๑.๒ ทกั ษะการสื่อสาร หรือ Communica- tion Skill มเี สน้ แบง่ ความตา่ งจากการกลา้ แสดงออก หรอื พดู เกง่ ช่างจ�ำนรรจา ตรงท่ใี นที่นีเ้ ปน็ การส่อื สาร “ความคดิ ต่าง” “ความรู้” “ความร้สู ึก” ของตนเอง
38 คมู่ อื ครมู ืออาชีพในศตวรรษท่ี ๒๑ ใหผ้ อู้ น่ื เขา้ ใจและยอมรบั ถกเถยี งกนั ไดอ้ ยา่ งมเี หตผุ ล รูปแบบการสื่อสารมีหลากหลายมากกว่าการพูดหรือ น�ำเสนอ เชน่ วาดรปู พดู คยุ กั น ใ น ก ลุ ่ ม เ ขี ย น ค ว า ม เรยี ง ท�ำสไลด์ บรรยาย น�ำ เสนอโต้วาที เล่นละคร แต่งเพลงฯลฯ ถอื เปน็ การ พัฒนาอีกข้ันไปสู่ทักษะการใช้ชีวิตในสังคมท่ีกว้าง ขวางข้นึ ๑.๓ ทกั ษะการท�ำงานเปน็ ทมี หรอื Collab- oration Skill 2 หมายถึง ทกั ษะการร่วมมือกับผู้อ่นื ในการท�ำงานเปน็ ทมี ได้ ยอมรบั เหตุผล เคารพความ คิดและข้อจ�ำกัดของผู้อื่นที่มีไม่เหมือนและไม่เท่ากัน 2 ทกั ษะการทำ�งานเป็นทมี สอดคลอ้ งกบั พฒั นาการของเดก็ อายุ 6-12 ปี ของอรี ิคสัน ท่ีเรียก ว่า Industry ประกอบด้วยกระบวนการสำ�คญั 3 ข้นั ตอน 1) การแขง่ ขัน (competition) การ ประนีประนอม (compromise) และการร่วมมอื (coordination) คอื ธรรมชาตขิ องเดก็ วยั น้ี หรอื ประถมศึกษา พรอ้ มทจ่ี ะทำ�งานเปน็ ทมี อย่กู ่อนแลว้ แมว้ ่าเดก็ ๆ จะทะเลาะเบาะแวง้ กัน บ้าง ก็พรอ้ มทจี่ ะคนื ดกี ัน รกั เพื่อน และเป็นสว่ นหน่งึ ของกลมุ่ การศึกษาสมัยใหมจ่ ึงควร ใช้ธรรมชาติข้อนี้ใหเ้ ป็นประโยชนใ์ นการสร้างและพฒั นาเดก็ (ประเสรฐิ ผลติ ผลการพิมพ,์ 2559)
สมหญงิ สายธนู 39 การเรียนหนังสือท่องจ�ำคนเดียวแบบเดิมเป็น การเรียนรู้ท่ีไม่สนุก จ�ำกัด การเรียนรู้เกิดขึ้น ไดช้ า้ ไมท่ นั กบั การเปลยี่ นแปลงของสงั คม ส�ำคญั ทสี่ ดุ คอื เปน็ การเรยี นรทู้ ตี่ ดั ขาดออกจากชวี ติ จรงิ ทม่ี นษุ ย์ อยู่ร่วมกันอย่างมีความสัมพันธ์ เมื่อนักเรียนเรียนรู้ กันเป็นกลุ่ม จะท�ำให้เด็กๆ มีโอกาสใช้ความคิด เชิงวิพากษ์ และ สื่อสารความคิดต่างของตนเอง ออกมา เกิดการปะทะกันทางความคิด การปะทะ ทางความคิดเป็นบ่อเกิดของการเรียนรู้ทั้งส่วนตัว เด็กเองและการเรยี นรู้ของกลมุ่ เม่ือท�ำบอ่ ยๆ ซำ้� ๆ จงึ จะเกดิ ความคดิ สร้างสรรค์
40 คู่มือครูมืออาชพี ในศตวรรษท่ี ๒๑ ๑.๔ ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Innovation and Creativity) หมายถงึ ทกั ษะในการ เชอ่ื มโยงศาสตรห์ นงึ่ ไปอกี ศาสตรห์ นงึ่ คดิ นอกกรอบ ไปจากแนวปฏบิ ตั เิ ดมิ ๆ ทเี่ คยท�ำกนั มา คดิ สรา้ งสรรค์ ในเชิงความรู้ท่ีจะน�ำไปต่อยอดได้ มิได้เกิดจากคน คนเดยี ว แตส่ ามารถสรา้ งขน้ึ ไดผ้ า่ นการท�ำงานเปน็ ทมี ไดป้ ะทะกนั ทางความคดิ ภายในเวลาท่จี �ำกัด ๒. ทกั ษะชวี ติ และประกอบอาชพี (Life and Career Skills) เปน็ ทักษะสากลส�ำหรบั ทุกคน จะอยู่ ประเทศไทย ประเทศฟินแลนด์ ประเทศอิสราเอล นับถือศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม หรือศาสนาอะไร กไ็ ด้ ล้วนเหมือนกันไม่มีขอ้ ยกเวน้ เด็กๆ ควรไดร้ บั การฝึกฝนในระบบการศึกษาท่ีอิงกับชีวิตจริง และ เปน็ การฝกึ ไปพรอ้ มๆ กบั ทกั ษะการเรยี นรู้ ทกั ษะชวี ติ ประกอบดว้ ย ๕ ทักษะย่อย ๒.๑ มีความสามารถก�ำหนดเป้าหมาย เป็น (goal) ชวี ติ ทดี่ ีควรมเี ปา้ หมาย มใิ ชอ่ ยู่ไปวนั ๆ เปา้ หมายชวี ติ เปน็ นามธรรม จะปวดหวั มากหากถาม เด็กเล็ก “หนูมีเป้าหมายชีวติ อยา่ งไรคะ” แตก่ ่อนที่
สมหญิง สายธนู 41 เดก็ จะรวู้ า่ เปา้ หมายชวี ติ คอื อะไร รวู้ า่ โตขน้ึ อยากเปน็ อะไร จะเลือกเรียนอะไร เด็กๆ ควรได้รับการฝกึ ฝน ท�ำความรู้จักกับค�ำว่า “เป้าหมาย” ที่เป็นรูปธรรม เสียก่อน แลว้ พฒั นาไปส่คู วามเป็นนามธรรมตามวยั ท่ีเติบโตขึ้น โดยใช้การท�ำกิจกรรมหรือการท�ำงาน ทงั้ ทบ่ี า้ นและทโี่ รงเรยี นเปน็ เครอื่ งมอื ดที สี่ ดุ คอื เดก็ ไปโรงเรียนแล้วเรียนรู้ด้วย PBL เพ่ือฝึกก�ำหนด เป้าหมาย ท�ำงานเสร็จส่งคุณครูทันเวลาที่ก�ำหนด และแน่นอนด้วยผลงานท่ีดี รูปธรรมท่ีดี จะค่อยๆ เปล่ียนเป็นนามธรรม ๒.๒ วางแผนเป็น (planning) : มีความ สามารถในการวางแผน มคี วามสามารถในการคน้ หา ทางเลือกเพอ่ื เดนิ ไปสู่เป้าหมาย เปน็ เสน้ ทางเดนิ ไป สูเ่ ปา้ หมายชวี ิตนั่นเอง การเรยี นรดู้ ้วย PBL เดก็ จะ ถูกฝึกให้คิดวางแผนท�ำโครงงาน แผนการท�ำงาน แผนการท�ำกจิ กรรมให้เสร็จ เพื่อสง่ ครูอยู่ตลอดเวลา แถมแผนเส้นทางเดินยังสามารถมีได้หลายแผนอีก ต่างหาก
42 คมู่ อื ครมู อื อาชพี ในศตวรรษที่ ๒๑ เป้าหมายไม่ชัดสาหัสที่สุดคือไม่มีเป้าหมาย รออยขู่ ้างหน้า เส้นทางเดนิ ไปสู่เปา้ หมายเบไ้ ปเพยี ง หนงึ่ องศา เมอ่ื เวลาผา่ นไปนานเทา่ นาน อะไรจะเกดิ ข้นึ กบั เดก็ คนนนั้ ๒.๓ ตดั สนิ ใจเลอื กหนทางไปสเู่ ปา้ หมายเปน็ (decision making) เมือ่ วางแผนก�ำหนดทางเดนิ ได้ แลว้ เดก็ ๆ จะถูกฝกึ ใหก้ ลา้ ตดั สนิ ใจเลือกหนทางเดิน ที่ดีที่สุดไปสู่เป้าหมาย ล่วงรู้ความเป็นไปของ กฎธรรมชาตโิ ลกแหง่ ความเปน็ จรงิ ไมว่ า่ จะเลอื กทาง ไหน จะไม่มีทางทราบว่าทางน้ีดีหรือแย่กว่าอีกทาง ทไี่ มไ่ ดเ้ ลอื ก เลอื กทางใดกจ็ ะมอี ปุ สรรคใหมๆ่ เกดิ ขน้ึ มาให้แก้ไขตลอดเวลา ชีวิตไม่มีสิ่งที่เรียกว่าดีท่ีสุด ทกุ หนทางทีเ่ ลอื กเดนิ ล้วนมีอุปสรรคท้ังสนิ้ ๒.๔ ลงมอื ท�ำและรับผดิ รบั ชอบผลลพั ธจ์ าก การกระท�ำของตนเอง (accountability) เม่ือตดั สนิ ใจท�ำอะไรลงไป ผู้ตัดสินใจควรเป็นผู้รับผิดชอบ คนแรกต่อผลท่ีเกิดข้ึนตามมา และเม่ือผิดหวังไม่ได้ ดั่งใจ ไม่เสียเวลาจมแชก่ ับเร่ืองเหลา่ นี้นาน ไมต่ โี พย ตพี าย โทษเปน็ ความเปน็ ผดิ ของผอู้ นื่ แตย่ อมรบั แลว้
สมหญงิ สายธนู 43 แก้ไขใหม่ การเรียนรู้แบบ PBL เด็กๆ จึงมีโอกาส ท่ีจะฝึกท้ังความรับผิดชอบ (responsibility) และ ความรับผดิ รับชอบเปน็ หมูค่ ณะ ๒.๕ มีความยืดหยุ่นในการแก้ปัญหา ทกั ษะ ชวี ติ ทด่ี มี คี วามหมายวา่ สามารถเดนิ ทางไปขา้ งหนา้ ได้เร่ือยๆ ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ไม่ว่าอุปสรรค ทพี่ บนน้ั จะวกิ ฤตเิ พยี งใด รจู้ กั กลบั ไปตง้ั เปา้ หมายใหม่ วางแผนใหม่ ตัดสนิ ใจ แล้วรับผิดรับชอบ รู้จักพกั หรอื ถอยแลว้ หาทางอน่ื ไปตอ่ รจู้ กั ออ่ นใหเ้ มอ่ื ถงึ เวลา รู้จักยนื หยัดเมอ่ื ถึงเวลาไดเ้ ชน่ เดียวกัน ๓. ทกั ษะดา้ นขอ้ มลู ขา่ วสารและเทคโนโลยี สารสนเทศ (Information, Media and Technology Skills) ๓.๑ ทักษะการบริโภคหรือเสพข้อมูล อยา่ ลมื วา่ ศตวรรษที่ ๒๑ ขอ้ มลู หนงั สอื ความรจู้ �ำนวน ล้นพ้นได้เข้าไปอยู่ในอินเทอร์เน็ตท่ีบ้าน ท่ีโรงเรียน ท่ีท�ำงาน ฯลฯ การเรียนรู้ PBL เด็กจะถูกฝึกให้หา
44 ค่มู ือครูมืออาชีพในศตวรรษท่ี ๒๑ ขอ้ มลู ฝกึ อา่ นขอ้ มลู อยา่ งไรเพอื่ ท�ำงานสง่ ครเู สรจ็ ทนั เวลา ๓.๒ ทักษะวเิ คราะห์ข้อมูลท่ีสืบคน้ มา มีทง้ั จริงและลวง อะไรถูก อะไรไม่ควรเช่ือ มีเหตุผล อย่างไร ๓.๓ ทักษะการใช้เครื่องมือ IT เพ่ือการ เรยี นรู้ เพอื่ การท�ำงานและการด�ำรงชวี ติ รจู้ กั ทจ่ี ะน�ำ ความรู้ข่าวสารมาประยกุ ต์และท�ำให้ชีวติ เจรญิ ขนึ้ การเรยี นหนงั สอื เกง่ ไมซ่ บั ซอ้ นเทา่ กบั การ ท�ำงานเปน็ ทักษะจึงเปน็ เรอ่ื งท่ตี อ้ งฝึกฝน
บทท๓่ี ครมู อื อาชพี ในศตวรรษที่ ๒๑ การเรียนรู้ที่ใช้โจทย์ปัญหาเป็นฐาน หรือ Problem Based Learning (PBL) เป็นเครือ่ งมือ ที่คุณครูมืออาชีพสมัยใหม่ใช้ปลูกฝังและฝึกทักษะ แห่งศตวรรษที่ ๒๑ ของเด็กๆ แน่นอนว่าโรงเรียน แต่ละแหง่ ท้องถ่นิ แตล่ ะที่ ย่อมมีโจทยป์ ญั หาเป็น ของตนเอง ไม่เหมือนกัน ไม่มีหลักสูตรตายตัว ความส�ำคัญอยู่ตรงที่ ไม่หลงทางว่าเป้าหมายอยู่ท่ี การพัฒนา “ทกั ษะศตวรรษที่ ๒๑ ทงั้ ๓ ประการ” มิใชส่ ะสม “ความรู้” หรือ “รมู้ าก” จะมีประโยชน์
46 คูม่ อื ครูมืออาชพี ในศตวรรษที่ ๒๑ กวา่ ถา้ เดก็ มที กั ษะดแี ลว้ ไปหาค�ำตอบ หาความรจู้ าก ทไี่ หนกไ็ ด้ เมอื่ ไหรก่ ไ็ ด้ ดว้ ยตวั เองเปน็ โลกศตวรรษ ใหมก่ �ำลังอา้ แขนรับพวกเขาอยู่ เด็กมาโรงเรียนเพ่ือมีชีวิตท่ีดีในอนาคต หนีไม่พ้น ๔ อย่างต่อไปนี้ “มีสุขภาพดี มีเงินใช้ อยใู่ นสง่ิ แวดลอ้ มทดี่ ปี ลอดภยั ไรม้ ลพษิ และมคี นรกั หรือมีสงั คมดอี ยูด่ ว้ ยกันอย่างสงบ” คณุ ครธู รรมดาคนหนงึ่ ไมว่ า่ จะสอนโรงเรยี น ไหนในประเทศไทย จะเป็นโรงเรียนทางเลือกค่า เล่าเรียนสูงเกินกว่าพ่อแม่ผู้ปกครองส่วนใหญ่สู้ไหว หรือเป็นโรงเรียนตามบ้านนอกห่างไกลถนนใหญ่มี นักเรียนเนื้อตัวมอมแมมนั่งหน้าสลอน ก็สามารถมี คุณค่าและมีความสามารถทัดเทียมกันได้ในศตวรรษ ที่ ๒๑ ดว้ ยการสอนใหน้ ้อยลง และหนั มาเป็นโค้ช ออกแบบโจทย์การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน อย่างมีเสรีภาพทางปัญญา ท�ำแล้วเกิดผลลัพธ์ อยา่ งไรกับเดก็ คุณครคู อ่ ยมาคยุ กันทีหลงั และพฒั นา ปรับปรุง PBL ตอ่ ไป แตต่ อ้ งเรม่ิ ท�ำทันที และท�ำได้ เลยไมต่ อ้ งรอนโยบาย
สมหญงิ สายธนู 47 คุณครูสามารถเริ่มต้นเป็น “โค้ช” จัด กระบวนการเรยี นรู้ PBL ได้อยา่ งงา่ ย ขั้นแรก เร่ิมต้นด้วยการเตรียมนักเรียน “กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น” ชวนนักเรียน ท�ำกิจกรรม ชวนนักเรียนคุยว่าเขาอยากรู้อะไร คุณครูสามารถก�ำหนดสภาวะแวดล้อมของค�ำตอบ ไดบ้ า้ ง ดว้ ยการพาเดก็ ๆ ออกนอกหอ้ งเรยี นสี่เหลย่ี ม แคบๆ ไปสถานที่ที่ไม่ต้องขออนุญาตใครมากมาย เชน่ พาไปวดั ใกล้โรงเรยี น พาไปตลาดนดั ในชมุ ชน ฯลฯ แล้วถามว่า อยากรู้อะไรเก่ียวกับวัดหรือ ตลาดนดั นี้ เป็นต้น
48 ค่มู ือครูมอื อาชพี ในศตวรรษที่ ๒๑ ขั้นท่ีสอง “ทวนสอบความรู้เดิมท่ีนักเรียน มีอยู่” ท่ีผ่านมาเรามักใช้การทดสอบก่อนการเรียนรู้ ท่เี รียกวา่ pretest เพ่อื เช็คดวู า่ เดก็ นักเรียนมีความ รอู้ ะไรตดิ ตวั บา้ ง แตจ่ ะมชี วี ติ ชวี ามปี ฏสิ มั พนั ธเ์ ชงิ บวก ระหว่างครูและนักเรียนได้ดีกว่า ไม่สร้างความเบ่ือ หน่าย เพียงแค่คุณครูชวนนักเรียนคุยต่อ “เด็กๆ รอู้ ะไรกันมาแล้วบ้างคะ” ขน้ั ทส่ี าม “ทวนสอบหลกั สตู รวา่ ตอ้ งการให้ นักเรียนรู้อะไร” PBL ควรมีหลักสูตรก�ำกับอยู่บ้าง เทา่ ทจ่ี �ำเปน็ และเน้น “ความเชื่อมโยง” ความรู้เดิม ทม่ี อี ยู่แลว้ ของเดก็ ๆ ไปสูส่ งั คมรอบตวั ไปสูช่ ีวิตจริง ไม่ใช่เนน้ ความรู้ ท�ำให้เด็กรู้เยอะ ขน้ั ตอนทสี่ ่ี จดั กระบวนการเรยี นรแู้ บบ PBL โดยองค์ประกอบของ PBL ท่ีดี มีคุณลักษณะ ๑๒ ประการ เพื่อเปดิ โอกาสและส่งเสรมิ การพัฒนา ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี ๒๑ ๕ องค์ประกอบแรก (๑-๕) เป็นเร่ืองของ กระบวนการ
สมหญงิ สายธนู 49 ๔ องคป์ ระกอบตอ่ มา (๖-๙) เปน็ เรอื่ งของกา รบรู ณาการวิชาการต่างๆ ๓ องค์ประกอบสุดทา้ ย (๑๐-๑๒) เป็นเร่ือง ของการประเมินผล ๑.โจทย์การเรียนรู้น้ันควรสัมพันธ์กับชุมชน ท่ีผู้เรียนอาศัยอยู่ หรือโรงเรียนต้ังอยู่ คุณครูพา นกั เรยี นออกไปเรยี นรนู้ อกหอ้ งเรยี น จะไปวดั แมน่ ำ�้ ปา่ เขา ชายหาด โรงขยะ รอบบา้ น รอบโรงเรียน ไดท้ งั้ นนั้ เดก็ จะรสู้ กึ สนกุ กบั เรอื่ งรอบตวั มากกวา่ เรอ่ื ง ไกลตวั มแี รงกระตุ้นจากภายในที่จะท�ำ ผลพลอยได้ ท่ีตามมา คือ ชุมชนจะเห็นว่าครูและโรงเรียนใส่ใจ ชุมชน ซ่ึงจะเป็นก�ำลังส�ำคัญของครูและโรงเรียน ในภายภาคหน้า และหาก PBL น้นั เป็นปญั หาของ ชุมชน จะยังท�ำให้นักเรียนรักบ้านเกิด ล่วงรู้ว่า ในถิ่นบ้านเกิดตนเองสามารถประกอบอาชีพอะไร ได้บา้ ง การเรียนรูน้ ้นั ไม่แยกออกจากวถิ ชี ีวิตจริงของ ผู้เรียน PBL ทสี่ มั พนั ธก์ บั ชมุ ชน มที ง้ั ดา้ นมดื และดา้ น สว่าง สนุกท้งั คไู่ ม่แพ้กนั แบ่งกลมุ่ นักเรียนแก้ปญั หา
50 คูม่ ือครูมอื อาชีพในศตวรรษที่ ๒๑ รถตดิ หน้าโรงเรยี น ร้านเกมรอบโรงเรียน แหลง่ ขาย ยาบา้ ในชมุ ชน ตงั้ ครรภข์ ณะเรยี นฯลฯ เดก็ ๆ ไดเ้ รยี น รอู้ บายมขุ ตามทเ่ี ปน็ จรงิ มใิ ชท่ อ่ งจ�ำเพอ่ื ไปสอบ และ ยังสามารถบรู ณาการได้ทกุ วิชาเชน่ เดียวกนั สาระส�ำคัญอยตู่ รงที่ ไม่ได้หมายถึงมงุ่ มั่นให้ นักเรียนท�ำงานช้ินน้ันแล้วจบ โจทย์ปัญหาน้ัน จะแกไ้ ด้หรอื ไม่ ไมเ่ ปน็ ไร เพราะนค่ี อื เปา้ ล่อ เพ่ือให้ ผ้เู รยี นไดเ้ รยี นรู้ ฝึกทักษะทงั้ สามประการในระหว่าง ท�ำโครงงาน เรยี นรวู้ ธิ ที �ำงานหนกั รว่ มกบั เพอ่ื นๆ และ แก้ปญั หาที่เกดิ ขึ้นระหว่างทาง ๒. แบ่งกล่มุ ผ้เู รียนเปน็ กล่มุ เสมอ เพื่อฝึก ทักษะการท�ำงานกันเป็นทีม มิใช่แบ่งนักเรียน เป็นกลุ่มเพ่ือท�ำรายงาน ไปทัศนาศึกษา ไปท�ำ หตั ถกรรม ฯลฯ แต่เปน็ การแบ่งกลุม่ ให้เดก็ ท�ำ PBL ๓. สมาชิกกลุ่มควรมีความหลากหลายมิติ เช่น เพศ (รวมทั้งเพศท่ี ๓ ถึงเพศที่..) ต่างอายุ ต่างชาติพันธุ์ซึ่งมีอยู่ไม่น้อยตามชายขอบประเทศ ต่างศาสนา เรียนเก่งเรยี นอ่อน ลกู คนรวย ลกู คนจน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121