งานวิจยั ในช้ันเรยี น เร่อื งศึกษาพฤติกรรมการเรียนกรฑี าและการพฒั นาการออกสตารท ในระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปท่ี 2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห 31 ผูวจิ ัย นายภมู ิพฒั น รตั นเรงิ วทิ ยก ลุ ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปก ารศกึ ษา 2560
งานวิจยั ในช้ันเรยี น เร่อื งศึกษาพฤติกรรมการเรียนกรฑี าและการพฒั นาการออกสตารท ในระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปท่ี 2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห 31 ผูวจิ ัย นายภมู ิพฒั น รตั นเรงิ วทิ ยก ลุ ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปก ารศกึ ษา 2560
ประกาศคณุ ปู การ งานวิจัยในช้ันเรยี นฉบบั นี้สาํ เร็จลลุ วงไดด ว ยดี ดวยความมานะของผูว จิ ยั ทีไ่ ดคนควาและหาขอมลู ตางๆและกลุมวจิ ยั ไดใหคําแนะนําและตรวจเน้ือหาใหสมบรู ณ ผูวิจยั รูส ึกซาบซึ้งในความกรณุ าและขอขอบพระคุณเปน อยางสูงไว ณ ทนี่ ้ี ขอขอบพระคุณทานประธานงานวจิ ัย นางวลิ าวลั ย ปาลี ผูอาํ นวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห 31 ไดใหโ อกาสและสนบั สนนุ ใหงานวจิ ัยในช้นั เรียนไดส าํ เร็จลุลวงไดดว ยดีและขอขอบคุณอีกหลายทา นทมี่ ีสวนรว มในการทาํ วิจัยในชัน้ เรยี นคร้งั นท้ี ม่ี ิไดกลาวนามในที่นแี้ ตม สี วนชวยในการวิจัยฉบบั น้สี มบูรณดวยดี นายภูมพิ ัฒน รตั นเริงวิทยก ุล ผวู ิจัย
ชอ่ื งานวจิ ัย การศึกษาพฤตกิ รรมการเรยี นกรีฑาและการพัฒนาการออกสตารทในระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 2ชือ่ ผูวิจยั นายภูมิพฒั น รัตนเรงิ วิทยก ุล บทคดั ยอ งานวจิ ยั ในครัง้ น้ีมจี ุดมุง หมายเพ่อื ฝกพ้นื ฐานการเรยี นกรฑี าใหถกู วิธีและมปี ระสทิ ธภิ าพพรอ มฝกทักษะตา งๆในการพฒั นา รางกาย จติ ใจ อารมณ สังคม และสตปิ ญ ญา ตามแผนการจัดประสบการณโ ดยผา นกระบวนการฝกปฏิบัตจิ ากสาระการเรยี นรูโ ดยเนนผเู รียนเปนสาํ คญั จากแผนการจัดประสบการณหลกั สตู รสถานศึกษา / หลักสูตรการจัดการศกึ ษาของโรงเรียนราชประชานุเคราะห 31
ชือ่ งานวจิ ัย การศึกษาพฤติกรรมการลงเรียนกรีฑาในระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปท่ี 2 และการพัฒนาการออกสตารทของนกั เรยี นที่ปฏิบตั ิไดดีใหมที กั ษะดีขนึ้ช่อื ผูวิจัย นายภมู พิ ัฒน รัตนเริงวทิ ยกลุกลุมสาระการเรยี นรูเคาโครงการทําวจิ ัยในชั้นเรียน ο มี ο ไมม ีที่มาความสาํ คัญของการวจิ ยั ο มี ο ไมม ีออกแบบเก็บขอมลู ο มี ο ไมม ีเก็บขอมลู เรียบรอย ο มี ο ไมม ีแปรผลและอธบิ ายผล ο มี ο ไมมีสรปุ เปน รปู เลม ο มี ο ไมมี นายภมู พิ ัฒน รตั นเริงวทิ ยก ุล ผวู ิจัย
เรอ่ื ง ศกึ ษาพฤตกิ รรมการลงเรียนกรีฑาในระดับชั้นมธั ยมศึกษาปที่ 2 และการพัฒนาการออกสตารทของนักเรียนทป่ี ฏบิ ตั ิไดดีใหมีทักษะดีขึน้ความสําคญั จากการสังเกตของผวู จิ ยั ในการลงเรยี นกรีฑาของนักเรยี นชนั้ ม.2 นักเรียนในระดับชนั้ มัธยมศึกษาปท ่ี2 ประมาณรอ ยละ 5 ออกสตารทไมถกู วธิ ีและรอยละ 95 มกี ารพัฒนาดขี น้ึ จากปญ หาที่พบครูผูสอนจึงไดปรับกจิ กรรมการสอนของนักเรยี นกลุม น้โี ดยเนนการปฏบิ ัติแบบฝกอยางงายๆ และคอยๆปฏิบัติแบบยากเนนความปลอดภัยของนักเรยี นเปนสําคญั ถึงขนั้ ทดสอบปฏบิ ตั เิ พ่ือใหเ ทาเทยี มกับเพื่อนนกั เรยี นรว มกนัจดุ มุงหมายของการวจิ ัย เพอ่ื เพ่ิมประสทิ ธิภาพในการออกสตารท กรีฑาของนกั เรยี นทอ่ี อกสตารท ไมถกู ตองในระดับชน้ัมธั ยมศึกษาปท ี่ 2 และเปน การสง เสริมพฒั นาการทางดา นรางกาย อารมณ จติ ใจ สงั คม และสติปญญานวตั กรรมทใ่ี ช ชอื่ นวัตกรรม แผนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชากรีฑาในระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี 2 เหตทุ ่ีเลือกใชน วตั กรรม นักเรยี นทกุ คนชอบออกกําลงั กายและเปน ส่ิงสําคญั ในการดํารงชวี ิตเพราะการเลนกีฬาทําใหนักเรยี นไดร บั ความสนุกสนาน ความเพลดิ เพลิน และรูจกั ใชเวลาวา งใหเ กดิ ประโยชนแ ละมคี วามมน่ั ใจในตัวเองแลรจู กั การระมัดระวงั การออกกําลังกาย นักเรียนทร่ี จู ักการแกปญ หาดวยตนเองจะไดรับความรู การพัฒนา การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตางๆเพิ่มเติม ในทกั ษะตางๆเพม่ิ มากข้นึ นกั เรยี นท่ียงั ขาดทักษะการปฏบิ ตั กิ ารออกสตารท กรฑี าท่ถี ูกตอ ง ครูผวู จิ ยั ไดใ หน ักเรยี นกลมุนปี้ ฏบิ ตั ทิ าํ ซ้ําบอยๆ อยา งชาๆ แบบคอ ยๆปฏบิ ตั ิสว นประกอบของนวัตกรรรม เทคนคิ วิธกี ารสอนโดยใหน กั เรยี นเปน ศนู ยก ลางโดยเนน การฝกปฏิบัตขิ องนักเรยี น อธิบายกฎ กตกิ ามารยาท การแขง ขันเทคนิคใหมๆ และใหต รงกบั ความสามารถ และความสนใจของนกั เรียน โดยมีสว นประกอบของแผนการจดั กิจกรรมดังนี้
1. จุดประสงค เพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพในการออกสตารท กรีฑาของนกั เรยี น และเปน การพฒั นานกั เรยี นที่ปฏบิ ตั ิไดดี 2. การจดั กจิ กรรมดําเนนิ การตามข้นั ตอน 5 ขน้ั ตอนดงั น้ี 2.1 ขน้ั เตรยี มหรอื การอบอุน รางกาย สํารวจรายชอ่ื นกั เรียนตรวจสขุ ภาพนกั เรียนความเรยี บรอยการอบอนุ รางกายโดยใหน กั เรียน เปน ผูนาํ เพือ่ ฝกการเปนผูนาํ ของนักเรยี นไดฝ กทุกคน เชน การกระโดดตบ , การยืดกลา มเนอ้ื แขน ขา ไหล ขอเทา ลําตวั , กมแตะสลบั ,กระโดดขาคไู ป-กลับ ฯลฯ 2.2 ขนั้ สอนหรือขนั้ อธิบายและสาธติ ครอู ธิบายและสาธติ การปฏิบัตกิ ิจกรรมตางๆ - การจัดวางตําแหนงของเทาท่ี 1 โดยใหนกั เรยี นฝกการวางตาํ แหนงของเทา โดยการแยก ขาออกเทากบั ชว งไหลของตนเอง - การจดั วางตาํ แหนงของเทาที่ 2 โดยใหนักเรยี นฝก การวางตําแหนง ของเทาโดยการยก ขาขวาขน้ึ แลวเอานว้ิ ชีท้ าํ จดุ มารคตรงสน เทา ซาย ตอจากน้นั นําปลายเทา ซา ยมาไวหลงั จดุ มารคที่มารค ไวขา งตนแลว นําฝาเทา มาวางชิดเทา ซายลาํ ดบั ตอ ไปแยกเทาขวาเฉียงไป ดานหลัง 45 องศา ระยะหางของเทา ทงั้ 2 ขางเทา กบั ชวงไหลข องตนเอง - การจัดวางตาํ แหนงของนวิ้ โดยใหน กั เรียนฝก การวางตาํ แหนงของนิ้วโดยการโนม ตัวไป ขางหนานวิ้ ทง้ั 5 อยูห ลังเสน ออกสตารทในลักษณะโดยน้ิวหวั แมม ือท้ังสองขางแยก ออกจากนิว้ ทัง้ 4 ในทศิ ทางตรงขา มกนั - การวางตาํ แหนงของหวั เขาพรอมออกสตารท ระยะทาง 20-25 เมตร โดยการให นกั เรยี นวางหวั เขาดานท่ีถนัดหลงั เสน ออกสตารท เมื่อไดท า ทางการออกสตารท ท่ีถกู ตอ ง ไมวาจะเปนการวางตาํ แหนงของเทา นิ้ว และหัวเขาใหน ักเรยี นอยูในทา ถกู ตองรอฟง สัญญาณจากครูผสู อนเมื่อไดย ินสญั ญาณใหเ ริม่ ออกสตารท 2.3 ขน้ั ปฏบิ ัติ - นกั เรยี นไดปฏิบตั ิจริงจากสงิ่ ที่ครสู อน - นกั เรียนที่ปฏบิ ัติไมไ ดใหปฏิบตั ิทบทวนบอ ยๆ จากสงิ่ ที่ปฏิบตั งิ ายๆไปหายาก - นักเรียนท่ปี ฏิบัติไดดีแลว ครผู วู จิ ยั จะฝก ขน้ั สูงตอไปเพอ่ื เปนการพัฒนาทกั ษะของนักเรยี น ใหมากขน้ึ 2.4 ข้ันนาํ ไปใช - แบบท่ี1 คือจัดการแขงขนั ตามทกั ษะตางๆ กลมุ นักเรียนที่ปฏบิ ัตไิ ดด ี – กลมุ ปฏบิ ัติไม คอยได จะแยกการแขงขัน - แบบที่ 2คือการทดสอบทกั ษะท่นี ักเรียนไดปฏบิ ตั ิ ถา กลมุ ที่ปฏิบัติไมไ ดปฏิบตั ิไดด ีขึ้นครู ผูวิจัยจะพฒั นาทักษะทย่ี ากข้ึนตามลาํ ดับ - แบบท่ี 3คือการออกสตารท กรีฑาโดยใชความเร็ว / เวลา เปนตวั กําหนด 2.5 ขัน้ สรุปและสขุ ปฏิบตั ิ - นกั เรยี นและครรู ว มกันสรปุ บทเรียนท่เี รียนมาในแตล ะคร้งั หรอื จะมีการทบทวนเนอื้ หา เดิม ในสัปดาหที่ผานมา และจะพูดถึงบทเรียนคร้ังตอไป
- สขุ ปฏิบัตติ า งๆความปลอดภัย การรกั ษาความสะอาด และการเปล่ยี นเครือ่ งแตงกาย การสวมใสร องเทา ความเปนระเบยี บเรียบรอย การเดนิ แถวกลบั หองเรยี น 2. สื่อในการจัดกิจกรรม - นกหวีด - เปใสอ ุปกรณ ,ผาเช็ดหนา - สอ่ื รูปภาพ - ส่ือ VDO. - แบบสาธติ จากครู เพ่ือนนกั เรียนทีป่ ฏิบัตไิ ดด ี - ถุงเทา ,รองเทา ผาใบ 6. การวัดและประเมินผล วธิ ีการ - สงั เกต - ซกั ถาม - สนทนา เคร่ืองมอื ท่ีใช - แบบสังเกตพฤติกรรม - แบบประเมินจากการปฏิบตั ิจริงข้นั ตอนในการสรา งและพัฒนานวตั กรรม 1. วิเคราะหห ลกั สูตรระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน 2. วิเคราะหผเู รยี นโดยสังเกตพฤตกิ รรมท่เี ปนปญหา และประเมนิ ความพรอมของผูเรยี นในระหวา ง เดือน พฤษภาคม 2560- กันยายน2560 3. ศึกษาการจดั กจิ กรรมการสอนเทคนิคแบบใหมๆ งายๆ การใชแ ผนการจดั ประสบการณของแตล ะ คร้งั จํานวน 10 แผน 4. นําแผนการจัดประสบการณไปทดลองสอนเพ่ือจัดส่ือประกอบกิจกรรม และนาํ แผนทีท่ ดลองใช มาปรับปรุงใหเหมาะสมกับสภาพของนักเรยี นในแตละระดับเครื่องมือทใ่ี ชใ นการทําวิจัย - แบบประเมินการทาํ วิจยั ในสาเหตุของนักเรยี นท่ีออกสตารทกรฑี าไมถ ูกตอง - เกณฑการประเมนิ ในการตรวจเชค็ นกั เรยี นรายบุคคล - แบบบันทกึ ผลการสังเกต โดยสรุปพฤติกรรมทีแ่ สดงออกเปนระดับคุณภาพ ดีมาก ดี ปานกลาง พอใชปรบั ปรงุข้ันตอนการสรางเคร่อื งมือ
- ศกึ ษาแบบพฤตกิ รรมการพัฒนาการของนกั เรยี น - ออกแบบบันทึกผลการสงั เกตกาํ หนดเปน ตารางเพ่ือสะดวกตอ การบันทึกผล1. การดาํ เนนิ การระหวา งการทดสอบปฏิบตั ิจริง - สงั เกตและบันทกึ การปฏิบัติของนักเรียนในแตล ะช่วั โมงตามตารางสอนของนักเรยี น สปั ดาหท ่ี 1-2 , 5-6 , 9-10 ,13-14 ,17-18 - สงั เกตและบนั ทึกผลการพัฒนาการปฏบิ ตั ขิ องนักเรยี นในแตละชว่ั โมงตามตารางสอน ของนักเรียนสัปดาหท ี่ 3-4 ,7-8 ,11-12 ,15-16 ,19-202. ผลการวิเคราะหพ ฤติกรรมกอนสอน - นกั เรียนสว นใหญม พี ฒั นาการทดี่ ีควรมีการเสริมบทเรียนและเทคนิคใหม ากข้ึน - นกั เรยี นบางสวนประมาณ 5% ท่ีตองมีการพฒั นา และทบทวนอยสู มํ่าเสมอ3. ผลการวิเคราะหพ ฤติกรรมหลังสอน - นกั เรียนทปี่ ฏบิ ตั ิไดดีมีพัฒนาการมากขึน้ - นกั เรียนท่ีออกสตารทไมถ ูกตองก็มกี ารพัฒนาทีด่ ีขน้ึตารางแสดงผลการสงั เกตพฤตกิ รรมกอนสอน และหลังสอนครัง้ ที่ กอ นสอน หลังสอน1 ดา นความรู (รา งกาย-สติปญ ญา ) ดานความรู ( รา งกาย-สติปญ ญา )- ความรูยังมีนอย ขาดทกั ษะบางอยาง - มีความรูมากขึน้ ทักษะหลายๆอยางดีขนึ้- การปฏบิ ัติยังมีการเกร็งของรา งกาย - รางกายปรับสภาพไดดีขนึ้ กลามเนอื้ ไดผ อ น คลาย- การวางตาํ แหนงของเทา ไมถกู ตองยงั มีอยู - มกี ารวางตําแหนงของเทา ถูกตอ งมากขนึ้- ออกสตารทไมได - มกี ารออกสตารทไดดีขนึ้2 ดานสังคม ( จติ ใจ – อารมณ ) ดา นสังคม ( จติ ใจ- อารมณ ) - การนาํ ไปใชใ นการปฏิบัติยังมนี อย - นักเรยี นท่ฝี กแลว พัฒนาในเวลาวา งมาใชบริการ มากขึ้น จากตาราง แสดงใหเ ห็นวา มกี ารพัฒนาของนกั เรียนดีข้ึนมีทั้งการพฒั นาทางรา งกาย จติ ใจ อารมณสติปญญา ควรมีการสงเสรมิ นักเรยี นใหมากขึ้นและควรปฏิบัติอยางตอเนอ่ื ง
ภาคผนวก1. แบบฟอรมรายงานการวจิ ัยชั้นเรียนปก ารศึกษา 25602. ตารางการทําวิจัยในชัน้ เรยี น3. แบบบนั ทึกสําหรับครูผสู อน
เครอื่ งมอื ทใ่ี ชในการทําวิจัยการออกสตารท กรีฑา - การแยกเทาทัง้ 2 ขางออกจากกนั เทา กับชวงไหลของตนเอง - การวางตําแหนงของนว้ิ และแขนท้งั 2 ขา ง - การทําจุดเชค็ มารค หลงั สนเทาขางที่ไมถนัด - การนําเทาท่ีไมถนัดลงมาไวหลังจุดเช็คมารค แลว นาํ เทา ขา งทีถ่ นดั มาไวชิดกัน - การแยกเทา ขางที่ถนดั ไวดานหลังในลักษณะเฉยี ง 45 องศาระยะหา งเทากบั ชว งไหล - การออกสตารทและเร่ิมวิง่ ระยะทาง 20 เมตรส่ือการจัดกิจกรรม - นกหวดี - เปใ สอ ุปกรณ ,ผา เชด็ หนา - สนามกรีฑา - สอื่ รูปภาพ - ส่ือ VDO. - แบบสาธิต จากครู เพ่ือนนกั เรียนที่ปฏบิ ัตไิ ดดี
เกณฑก ารประเมินแบบวิจัยการเรียนกรีฑาในระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที่ 2การแยกเทา ทงั้ 2 ขางระดบั 3 ปฏิบัตกิ ารแยกขาไดดปี ลายเทา และสนเทา ตรงกันระยะหางของเทา ทง้ั 2 ขางถูกตําแหนงระดบั 2 มีการแยกเทาทั้ง 2 ขา งออกจากกันปลายเทาและสน เทา ตรงกนั และระยะหางของเทา 2 ขาง ยงั ไมถูกตองระดับ 1 การแยกเทา ท้งั 2 ขางปลายเทา และสน เทา ไมตรงกนั และระยะหา งของเทาทง้ั 2 ขา งไม ถกู ตองการวางตําแหนง ของนิ้วและแขนระดบั 3 การวางตําแหนงของนวิ้ และแขนถกู ตองตามแบบทกุ ประการระดับ 2 การวางตาํ แหนงของน้วิ ถูกตองแตต ําแหนง ของแขนระยะหางยังไมถกู ตองระดับ 1 ตําแหนง ของนิ้วและแขนไมถ ูกตอ งการทาํ จดุ เชค็ มารค ของสน เทาระดับ 3 การทาํ จุดเชค็ มารคในตําแหนงที่ถกู ตอ งระดบั 2 การทาํ จดุ เช็คมารคถูกตองแตการวางตําแหนงของเทายังไมถกู ตองระดบั 1 การทาํ จุดเชค็ มารค ไมถ ูกตองการนาํ เทา ท่ีไมถนัดมาไวห ลังจุดเชค็ มารคและนําเทาขางท่ถี นดั มาไวชดิ กันระดบั 3 การนาํ เทา มาวางไวใ นตาํ แหนงทถี่ กู ตองท้ังขางทถี่ นัดและไมถนดัระดับ 2 เทา ขางทีไ่ มถนดั วางในตําแหนง ทถ่ี กู ตองแตเ ทาขา งท่ีถนัดวางไมช ิดกับเทา ขางท่ีไมถ นัดระดบั 1 ตาํ แหนง ของเทาทงั้ 2 ขางวางไมถูกตองและเปน อุปสรรคของการออกสตารทการแยกเทาเฉียงไปดา นหลังระดับ 3 การแยกเทาขางทถ่ี นัดไปดานหลังในลักษณะเฉยี ง 45 องศาตาํ แหนงและทิศทางถูกตอ งระดบั 2 การแยกเทา ขา งที่ถนัดไปดา นหลงั ในลกั ษณะเฉียง 45 องศา ตาํ แหนง ถูกตองแตระยะหาง ของเทาทัง้ 2 ขา งไมถ ูกตอ งระดับ 1 ตาํ แหนงของเทาขา งทไ่ี มถนดั แยกไปดานหลังไมถูกตองการเริ่มออกสตารทระดบั 3 การออกสตารทพรอมสญั ญาณนกหวดีระดบั 2 ออกสตารทหลงั สัญญาณนกหวีดระยะหางจากสัญญาณนกหวดี 2 วนิ าทีระดบั 1 ออกสตารท กอนสัญญาณนกหวีด
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: