ส่อื วิทยาศาสตร์ ครูกอ้ ย
หนว่ ยท่ี 1 การเรยี นรู้ส่ิงต่าง ๆ รอบตวั บทท่ี 1 สารอาหารและระบบย่อยอาหาร - เรอื่ งท่ี 1 สารอาหาร - เรื่องท่ี 2 ระบบยอ่ ยอาหาร
สารอาหาร สารอาหารท่ีไดจ้ ากอาหารหลกั 5 หมู่ เป็นสารอาหารท่ีจาเปน็ ต่อร่างกาย มีทงั้ หมด 6 ประเภท โปรตีน เกลือแร่ คารโ์ บไฮเดรต ไขมัน วิตามนิ น้า
โปรตนี เป็นสารอาหารท่ีให้พลังงาน พบได้มากในเนื้อสัตว์ ถั่วชนิดต่าง ๆ นม และไข่ มีประโยชน์ตอ่ ร่างกาย ดังน้ี เสรมิ สรา้ งกลา้ มเนอื้ และกระดกู ทาให้รา่ งกายเจรญิ เติบโต ช่วยซอ่ มแซมสว่ นทส่ี กึ หรอของรา่ งกาย เสรมิ ภมู ติ า้ นทานและใหพ้ ลังงานแกร่ า่ งกาย
คาร์โบไฮเดรต เปน็ สารอาหารที่ใหพ้ ลังงาน พบได้ในอาหารจาพวกแปง้ และน้าตาล เช่น เผือก มนั ข้าวเจา้ ข้าวเหนยี ว ขา้ วโพด รวมทัง้ อาหารแปรรูปที่ทา มาจากแปง้ เช่น ขนมปงั เส้นกว๋ ยเตยี๋ ว ประโยชน์ต่อร่างกาย ดงั นี้ ใหพ้ ลังงานแกร่ า่ งกายในการทากจิ กรรมตา่ ง ๆ ให้ความอบอ่นุ แกร่ า่ งกาย
วิตามนิ เปน็ สารอาหารทไ่ี ม่ให้พลังงาน พบไดใ้ นผักและผลไม้ตา่ ง ๆ รวมทั้ง เน้ือสัตว์ ไข่ นม และเคร่ืองในสัตว์วิตามินมีอยู่หลายชนิด แบ่งเป็น 2 ประเภท ดงั นี้ 1. วิตามนิ ทล่ี ะลายในไขมนั ไดแ้ ก่ วติ ามนิ A D E และ K 2. วติ ามนิ ทลี่ ะลายในนา้ ไดแ้ กว่ ติ ามนิ B1 B2 B12 และ C
วติ ามนิ วิตามนิ แหลง่ ทพี่ บ ประโยชน์ โทษของการขาด A ตับ ไข่แดง บารงุ สายตา ตาฟาง ผิวแหง้ นม เนย โรคกระดกู อ่อน ช่วยร่างกายดูดซึม D ไข่แดง น้ามัน แคลเซยี ม เปน็ หมนั ตบั ปลา เลือดไมห่ ยดุ ไหล บารงุ ระบบสบื พันธ์ุ โรคเหนบ็ ชา E ผกั ใบเขียว ระบบประสาท ไขมันจากพชื ชว่ ยให้เลือดแข็งตัว เรว็ ขึ้น K ผักคะน้า บารุงประสาท กะหลา่ ดอก การทางานของหัวใจ B1 ขา้ วซอ้ มมือ ถว่ั นม
วิตามนิ วิตามนิ แหลง่ ท่พี บ ประโยชน์ โทษของการขาด B2 เน้ือ นม ไข่ บารงุ ผิวหนงั โรคปากนกกระจอก ชว่ ยการทางานระบบ ประสาทเสือ่ ม B6 ตบั นม ผมรว่ ง ถ่วั เหลอื ง ย่อยอาหาร โรคโลหิตจาง B12 ตับ ไข่ ปลา ช่วยการเจรญิ เติบโต C ผลไมท้ ่มี ี ช่วยรักษาสุขภาพฟัน เลอื ดออกตามไรฟัน รสเปรี้ยว และเหงอื ก A = ตา ชา = B1 E = หมัน ฟนั = C D = ดูก K = เลอื ดออก กระจอก = B2 B12 = เลือดจาง
เกลอื แร่ เป็นสารอาหารที่ไม่ให้พลังงาน พบในอาหารประเภทต่าง ๆ เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ นม ไข่แดง อาหารทะเลทุกชนิด เกลือแร่มีหลาย ชนดิ ซึ่งแตล่ ะชนดิ มคี วามสาคัญตอ่ ร่างกายแตกต่างกัน แรธ่ าตุ แหลง่ ที่พบ ประโยชน์ โทษของการขาด เหล็ก เน้ือสัตว์ ตบั สว่ นประกอบของ โรคโลหติ จาง แคลเซยี ม ปลาตวั เล็ก นม เมด็ เลือดแดง ฟอสฟอรสั นม ไข่ ถัว่ กระดูกออ่ น เปราะ สร้างกระดูกและฟัน ฟันผุ ให้แขง็ แรง กระดูกออ่ น เปราะ สรา้ งกระดูกและฟนั ฟนั ผุ ใหแ้ ข็งแรง
เกลอื แร่ ประโยชน์ โทษของการขาด แร่ธาตุ แหล่งท่พี บ ควบคมุ การเผา โรคคอพอก ผลาญอาหาร ไอโอดนี อาหารทะเล งุนงง สับสน ชว่ ยกระตนุ้ ประสาทหลอน แมกนเี ซยี ม โกโก้ ธัญพชื เอนไซมใ์ น คารโ์ บไฮเดรต ตะครวิ ชัก โซเดยี ม เกลือแกง เบอื่ อาหาร ฟลูออไรด์ อาหารทะเล ควบคุมสมดลุ ออสโมติก ฟนั ผุ น้าแร่ ชา อาหารทะเล ส่วนประกอบ สารเคลอื บฟัน
ไขมัน เปน็ สารอาหารทใ่ี หพ้ ลงั งาน พบไดจ้ ากไขมนั จากพชื เช่น นา้ มัน ถว่ั เหลอื ง น้ามันงา น้ามันมะพร้าว และไขมันจากสัตว์ เช่น น้ามันหมู เนย นม มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดงั นี้ ให้พลังงานและความอบอนุ่ แกร่ า่ งกาย เปน็ ตวั ละลายวติ ามนิ A D E และ K เพอ่ื ใหร้ า่ งกาย สามารถดดู ซมึ วติ ามนิ ทง้ั 4 ชนดิ ไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้
นา้ เป็นสารอาหารที่ไม่ให้พลังงาน แต่ร่างกายต้องการและขาดไม่ได้ เราจึงควรด่ืมน้าให้เพียงพอต่อ ความต้องการของร่างกาย หรือใน 1 วัน เราควรดื่มน้าสะอาดประมาณ 6-8 แก้ว นอกจากน้ี ร่างกายของเรายงั สามารถได้รับน้าจากอาหารอกี ด้วย เชน่ แกงจดื กว๋ ยเตี๋ยว ผักหรอื ผลไมต้ า่ ง ๆ มีประโยชน์ตอ่ รา่ งกาย ดังนี้ เปน็ สว่ นประกอบของอวยั วะและสว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย ช่วยควบคมุ อณุ หภมู ขิ องรา่ งกายให้คงที่ ชว่ ยในการลาเลยี งสารตา่ ง ๆ ในรา่ งกาย ช่วยในการขบั ถา่ ยของเสยี
สารอาหาร สารอาหารแตล่ ะประเภทจะมีประโยชนต์ ่อรา่ งกาย แตกตา่ งกนั โดย สามารถแบ่งสารอาหารตามการให้พลังงานแก่ร่างกายได้เป็น 2 กลุ่ม ดงั นี้ 1. สารอาหารที่ใหพ้ ลังงาน ได้แก่ โปรตีน คารโ์ บไฮเดรต และไขมนั 2. สารอาหารที่ไม่ให้พลังงาน ได้แก่ น้า เกลือแร่ และ วติ ามิน
แคลอรี เปน็ หนว่ ยวดั พลังงานอย่างหน่ึง นิยมใช้วดั พลังงานอาหาร 1 แคลลอรี คอื ปริมาณความรอ้ นทีท่ าใหน้ ้า 1 กรมั มอี ุณหภูมเิ พมิ่ ข้ึน 1 องศาเซลเซียส 1 กิโลแคลลอรี คือ ปริมาณความร้อนท่ีทาให้น้า 1 กิโลกรัม มีอุณหภูมิ เพ่มิ ขึ้น 1 องศาเซลเซยี ส ชนิดสารอาหาร (1 กรมั ) พลงั งานทใี่ ห้ (กิโลแคลอร)ี โปรตนี 4 4 คารโ์ บไฮเดรต 9 ไขมัน
การทดสอบชนดิ ของสารอาหาร การทดสอบแปง้ สารละลายไอโอดนี ใช้ สารละลายไอโอดนี แปง้ หยดสารละลายไอโอดนี ลง ในสารอาหารทส่ี งสยั ถา้ เปน็ แปง้ จรงิ จะเปลย่ี นเปน็ สนี า้ เงนิ
การทดสอบชนดิ ของสารอาหาร การทดสอบนา้ ตาล ใช้ สารละลายเบเนดกิ ต์ สารละลายเบเน หยดสารละลายเบเนดกิ ต์ลงใน ดิกต์ สารอาหารทส่ี งสยั แลว้ นาไป น้าตาล ต้ม 3-5 นาที ถา้ เปน็ นา้ ตาลจรงิ จะเปลยี่ นเปน็ สสี ม้ ตะกอนอฐิ
การทดสอบชนิดของสารอาหาร การทดสอบโปรตนี สารละลายไบยเู รต ใช้ สารละลายไบยเู รต โปรตนี หยดสารละลายไบยเู รต ในสารอาหารทสี่ งสยั ถ้าเปน็ โปรตนี จรงิ จะเปลยี่ นเปน็ สมี ว่ ง
การทดสอบชนิดของสารอาหาร การทดสอบไขมนั วธิ ีท่ี 1 ใช้ สารละลายซดู าน III หยดสารละลายซดู าน III ในสารอาหารท่สี งสัยถ้า สารละลายซดู าน เป็นไขมันจริง ส่วนที่เป็นไขมันจะแยกช้ันและลอย III ข้ึนมา วธิ ีท่ี 1 นาอาหารนน้ั ไปถกู บั กระดาษ สว่ นไขมนั ถ้าเปน็ ไขมนั จริง จะทาให้กระดาษโปรง่ แสง สว่ นทไ่ี มใ่ ช่ ไขมนั โปรง่ แสง น้า ไขมนั กระดาษสนี า้ ตาล
ความต้องการอาหารในแตล่ ะช่วงวยั วยั เด็ก ต้องการอาหารประเภทโปรตีนมาก เพราะร่างกายกาลังเจริญเติบโต โปรตีนมี ความสาคัญตอ่ การสรา้ งเน้ือเยอื่ วยั ผู้ใหญ่ ต้องการอาหารทุกประเภทในสัดส่วนที่ เหมาะสม
ความต้องการอาหารในแตล่ ะชว่ งวัย สตรีมคี รรภ์ ตอ้ งการอาหารทกุ ประเภทในปริมาณที่ มากข้นึ (โดยเฉพาะแคลเซียม) ผูส้ ูงอายุ ต้องการอาหารทุกประเภทในสัดส่วนท่ี น้อยลง
ธงโภชนาการ กลุ่มเนอื้ นม ไข่ ถั่ว ควรรับประทานในปริมาณท่ี กลุม่ นา้ ตาล นา้ มนั เกลอื พอเหมาะ โดยรบั ประทาน ควรรบั ประทานในปรมิ าณ เนื้อสตั ว์ 6-12 ช้อนตอ่ วนั และดมื่ นมวนั ละ 1-2 แกว้ น้อยทสี่ ดุ เทา่ ทจ่ี าเปน็ กลุ่มขา้ ว – แปง้ ควรรบั กลมุ่ ผกั - ผลไม้ ประทานในปรมิ าณมากทส่ี ดุ ควรรับประทานในปรมิ าณ รองลงมาโดยรับประทานผกั โดยรบั ประทาน 8-12 4-6 ทัพพตี ่อวนั และ ทพั พีต่อวนั รบั ประทานผลไม้ 3-5 ส่วน ต่อวัน
วตั ถเุ จือปนอาหาร สารท่ีชว่ ยเพมิ่ หรือเสรมิ สมบัติบางอย่างให้กับอาหาร เช่น ช่วยเพ่ิม สสี ัน เพ่มิ รสชาติ แต่งกล่ิน ยืดอายุอาหารวตั ถเุ จือปนอาหารที่พบบ่อย เช่น ผงชูรส น้าส้มสายชู สีผสมอาหารสารให้ความหวานแทนน้าตาล วัตถุกันเสีย ซึ่งสารเหล่านี้อาจทามาจากสัตว์ พืชแร่ธาตุ หรือการ สงั เคราะห์ขึ้นมา
ระบบยอ่ ยอาหาร
ระบบยอ่ ยอาหาร หลอดอาหาร ตบั (Liver) กระเพาะอาหาร (Stomach) ลาไส้เลก็ (Small intestine ) ลาไสใ้ หญ่ (Colon) ไสต้ ่งิ ไสต้ รง
ระบบยอ่ ยอาหาร ย่อยอาหารใหม้ ขี นาดเลก็ เปล่ียนแปลงโครงสร้างทาง การย่อยอาหารมี 2 แบบ 1. การย่อยเชิงกล 2. การย่อยเชงิ เคมี เคมขี องอาหาร (ใชน้ ้าย่อยหรือเอนไซด์) ฟนั บดใหอ้ าหารมขี นาดเลก็ ลง (การยอ่ ยเชิงกล) ต่อมน้าลาย สรา้ งนา้ ยอ่ ยชอื่ อะไมเลส (ไทยาลิน) เพอ่ื ย่อยแปง้ เปน็ มอนโทส หลอดอาหาร จะเป็นการทางานของกล้ามเน้ือลาย และกล้ามเนอื้ เรยี บ (บีบและคลายเพ่ือสง่ อาหาร)
ระบบยอ่ ยอาหาร กระเพาะอาหาร ย่อยแคโ่ ปรตนี สรา้ งกรดเพอื่ กาจดั เชอ้ื โรคทปี่ นเปอ้ื น มากบั อาหาร
ระบบยอ่ ยอาหาร ตบั ผลติ นา้ ดไี ปเกบ็ ที่ “ถุงนา้ ด”ี (สง่ ไปลาไสเ้ ลก็ ) (*นา้ ดไี มใ่ ชน่ า้ ยอ่ ย นะ) ตบั ออ่ น ผลติ นา้ ยอ่ ยทย่ี อ่ ยทงั้ โปรตีน,ไขมนั และคาร์โบไฮเดรต (ส่งไปลาไสเ้ ลก็ )
ระบบยอ่ ยอาหาร ลาไส้เล็ก ยาว 6-8 เมตร เยื่อบุ ผนังมีลกั ษณะปุ่มๆ ยื่นออกมา เรยี ก วิลไล (Villi) สร้างน้าย่อย และนา นา้ ยอ่ ย (จากตบั และ ตบั ออ่ น) มายอ่ ยโปรตนี ,คาร์โบไฮเดรตและไขมนั ลาไสเ้ ลก็ ตอนตน้ (ดูโอดินมั ) แบง่ เป็น 3 สว่ น ลาไสเ้ ลก็ ตอนกลาง (เจจนู มั ) ลาไสเ้ ลก็ ตอนตน้ (อีเลียม)
ระบบยอ่ ยอาหาร ลาไส้เลก็ ใหญ่ ยาว 15 ไม่มกี ารยอ่ ย (มแี ค่ดดู ซมึ น้า,วิตามินและเกลอื แร่) มีแบคทีเรียอาศัยอยู่ภายใน ช่วยสร้าง วติ ามิน B1 B2 B6 B12 K กากอาหารท่ีรา่ งกายนาไปใช้ไม่ได้ กจ็ ะถูกขับออกทางถวารหนกั ไส้ติง่ เปน็ สว่ นขยายของลาไสใ้ หญส่ ว่ นตน้ ทช่ี อ่ งทอ้ งสว่ นลา่ ง
การรบั รรู้ สของลนิ้ ลิ้นรบั รส 4 รสพืน้ ฐาน คือ หวาน เค็ม เปร้ียว ขม ต่อมามกี ารเพม่ิ รสที่ 5 คือ Umami (อร่อย/กลมกลอ่ ม) หวาน เคม็ เปรีย้ ว ขม อร่อย/กลมกลอ่ ม
เอนไซม์ (Enzyme) เปน็ สารชวี โมเลกลุ (ส่วนใหญเ่ ปน็ โปรตนี ) ทร่ี า่ งกาย สร้างขึ้นชว่ ยเรง่ อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี (เกดิ ข้นึ ในเซลล์) ในระบบย่อยอาหาร เอนไซมจ์ ะเขา้ มาชว่ ยยอ่ ย น่นั เอง
ระบบยอ่ ยอาหาร ปาก แปง้ + เอนไซม์ อะไมเลส นา้ ตาลมอลโทส
ระบบย่อยอาหาร กระเพาะอาหาร โปรตนี + เอนไซม์ เพปซิน เพปไทด์
ระบบยอ่ ยอาหาร ลาไสเ้ ล็ก เพปไทด์ + เอนไซม์ ทริปซนิ กรดอะมิโน ลาไสเ้ ลก็ ไขมัน + นา้ ดี ไขมนั กอ้ นเล็ก + เอนไซม์ ลเิ พส กรดไขมนั + กลเี ซอรอล ลาไสเ้ ลก็ นา้ ตาลมอนโทส + เอนไซม์ มอลเทส กลูโคส + กลโู คส ลาไสเ้ ลก็ ลาไสเ้ ลก็ นา้ ตาลซโู ครส + เอนไซม์ ซเู ครส กลูโคส + ฟรกุ โทส นา้ ตาลกาแล็กเทส + เอนไซม์ แล็กเทส กลโู คส + กาแลก็ โทส
ส่อื วิทยาศาสตร์ ครูกอ้ ย
Search
Read the Text Version
- 1 - 35
Pages: