Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ป.4

หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ป.4

Description: หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ป.4

Search

Read the Text Version

กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ บทนา บทนา ตัวชวี้ ัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ น้ี ได้กาหนดสาระการเรียนรู้ออกเป็น ๔ สาระ ได้แก่ สาระที่ ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ สาระท่ี ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ สาระท่ี ๓ วิทยาศาสตร์โลกและ อวกาศ และสาระที่ ๔ เทคโนโลยี มีสาระเพ่ิมเติม ๔ สาระ ได้แก่ สาระชีววิทยา สาระเคมี สาระฟิสิกส์ สาระ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ซ่ึงองค์ประกอบของหลักสูตร ทั้งในด้านของเนื้อหา การจัดการเรียนการสอน และการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้นั้น มีความสาคัญอย่างยิ่งในการวางรากฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของ ผู้เรยี นในแตล่ ะระดบั ชั้น ให้มีความต่อเนื่องเช่ือมโยงกัน ตั้งแต่ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ จนถึงช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๖ สาหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ได้กาหนดตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง ที่ผู้เรียน จาเป็นต้องเรียนเป็นพ้ืนฐาน เพ่ือให้สามารถนาความรู้นี้ไปใช้ในการดารงชีวิตหรือศึกษาต่อในวิชาชีพท่ีต้องใช้ วิทยาศาสตร์ได้ โดยจัดเรียงลาดับความยากง่ายของเน้ือหาแต่ละสาระในแต่ละระดับชั้นให้มีการเช่ือมโยง ความรู้กับกระบวนการเรียนรู้ และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาความคิด ทั้งความคิด เป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์วิจารณ์ มีทักษะที่สาคัญทั้งทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และทักษะในศตวรรษที่ ๒๑ ในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สามารถ แก้ปัญหาอยา่ งเป็นระบบ สามารถตัดสินใจ โดยใช้ข้อมูลหลากหลายและประจักษพ์ ยานทีต่ รวจสอบได้ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ตระหนักถึงความสาคัญของการจัดการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์ท่ีมุ่งหวังให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อผู้เรียนมากท่ีสุด จึงได้จัดทาตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรู้ แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ข้ันพื้นฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ ข้ึน เพื่อให้สถานศึกษา ครูผู้สอน ตลอดจนหน่วยงานต่าง ๆ ได้ใช้เป็นแนวทาง ในการพฒั นาหนงั สือเรียน ค่มู อื ครู สื่อประกอบการเรียนการสอน ตลอดจนการวัดและประเมินผล โดยตัวชี้วัด และสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ที่จัดทาขึ้นนี้ได้ปรับปรุง เพ่ือให้มีความสอดคล้องและ เช่ือมโยงกันภายในสาระการเรียนรู้เดียวกันและระหว่างสาระการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตลอดจนการเชื่อมโยงเน้ือหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับคณิตศาสตร์ด้วย นอกจากน้ียังได้ปรับปรุงเพื่อให้มี ความทนั สมยั ต่อการเปลีย่ นแปลง และความเจริญก้าวหน้าของวิทยาการตา่ ง ๆ และทดั เทยี มกบั นานาชาติ

เปา้ หมายของวิทยาศาสตร์ ในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองมากท่ีสุด เพ่ือให้ได้ท้ัง กระบวนการและความรู้ จากวิธีการสังเกต การสารวจตรวจสอบ การทดลอง แล้วนาผลท่ีได้มาจัดระบบเป็น หลักการ แนวคิด และองคค์ วามรู้ การจดั การเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตรจ์ ึงมีเปา้ หมายทสี่ าคญั ดังนี้ ๑. เพอ่ื ให้เข้าใจหลกั การ ทฤษฎี และกฎท่ีเป็นพืน้ ฐานในวชิ าวิทยาศาสตร์ ๒. เพ่ือใหเ้ ขา้ ใจขอบเขตของธรรมชาติของวชิ าวิทยาศาสตร์และข้อจากดั ในการศกึ ษาวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ๓. เพ่อื ใหม้ ีทกั ษะทสี่ าคัญในการศึกษาค้นควา้ และคิดคน้ ทางเทคโนโลยี ๔. เพ่ือให้ตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างวิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มวลมนุษย์ และ สภาพแวดลอ้ มในเชิงท่มี ีอทิ ธพิ ลและผลกระทบซ่งึ กันและกนั ๕. เพื่อนาความรู้ ความเข้าใจ ในวิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและ การดารงชวี ิต ๖. เพือ่ พัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหา และการจัดการ ทักษะ ในการสอื่ สาร และความสามารถในการตดั สินใจ ๗. เพื่อให้เป็นผู้ที่มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีอยา่ งสร้างสรรค์

เรียนรู้อะไรในวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรม์ ุ่งหวงั ใหผ้ ู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ ท่ีเน้นการเช่ือมโยงความรู้กับ กระบวนการ มีทักษะสาคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ โดยใช้กระบวนการในการสืบเสาะหาความรู้ และแก้ปญั หาที่หลากหลาย ให้ผเู้ รียนมีสว่ นร่วมในการเรียนรู้ทุกขนั้ ตอน มกี ารทากจิ กรรมด้วยการลงมือปฏิบัติ จรงิ อยา่ งหลากหลาย เหมาะสมกบั ระดับชน้ั โดยกาหนดสาระสาคัญ ดังน้ีท่ี ๒ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ ✧ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ เรียนรู้เก่ียวกับ ชีวิตในส่ิงแวดล้อม องค์ประกอบของสิ่งมีชีวิตการดารงชีวิตของ มนษุ ย์และสัตว์ การดารงชีวติ ของพชื พนั ธุกรรม ความหลากหลายทางชวี ภาพ และวิวัฒนาการของส่ิงมชี วี ติ ✧ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ เรียนร้เู ก่ียวกบั ธรรมชาติของสาร การเปลี่ยนแปลงของสารการเคลื่อนที่ พลังงาน และคลื่น ✧ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ เรียนรู้เกี่ยวกับ องค์ประกอบของเอกภพ ปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะ เทคโนโลยีอวกาศ ระบบโลก การเปล่ียนแปลงทางธรณีวิทยา กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศ และผล ตอ่ ส่ิงมีชวี ิตและสง่ิ แวดล้อม ✧ เทคโนโลยี ● การออกแบบและเทคโนโลยี เรียนรู้เก่ียวกับเทคโนโลยีเพ่ือการดารงชีวิตในสังคมที่มีการ เปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพ่ือ แก้ปญั หาหรอื พัฒนางานอย่างมคี วามคดิ สรา้ งสรรคด์ ้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยี อยา่ งเหมาะสมโดยคานึงถึงผลกระทบต่อชวี ิต สงั คม และสง่ิ แวดล้อม ● วิทยาการคานวณ เรียนรู้เก่ียวกับการคิดเชิงคานวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอนและ เป็นระบบ ประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในการ แกป้ ญั หาทพ่ี บในชีวติ จรงิ ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ สาระน ว ๒.๑-ว ๒.๓

สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ มาตรฐาน ว ๑.๑ เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสมั พันธร์ ะหวา่ งสงิ่ ไมม่ ีชวี ติ กบั ส่งิ มชี ีวิต และความสัมพันธร์ ะหว่างสง่ิ มชี วี ิตกบั สง่ิ มชี ีวติ ต่าง ๆ ในระบบนเิ วศ การถ่ายทอด พลังงาน การเปลีย่ นแปลงแทนทใี่ นระบบนเิ วศ ความหมายของประชากร ปญั หาและ ผลกระทบทม่ี ีตอ่ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม แนวทางในการอนรุ กั ษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและการแกไ้ ขปัญหาส่งิ แวดลอ้ ม รวมทง้ั นาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจสมบตั ิของสิ่งมชี วี ติ หน่วยพ้ืนฐานของสิง่ มีชวี ติ การลาเลียงสารเขา้ และออกจาก เซลล์ ความสัมพันธข์ องโครงสรา้ ง และหน้าทข่ี องระบบตา่ ง ๆ ของสัตวแ์ ละมนุษย์ทที่ างาน สมั พันธก์ นั ความสัมพันธ์ของโครงสรา้ ง และหน้าท่ขี องอวัยวะต่าง ๆ ของพืชทีท่ างาน สัมพันธก์ นั รวมทั้งนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๓ เขา้ ใจกระบวนการและความสาคญั ของการถา่ ยทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พันธุกรรม การเปลีย่ นแปลงทางพนั ธุกรรมท่มี ผี ลต่อสิ่งมชี วี ิต ความหลากหลายทางชวี ภาพ และวิวัฒนาการของส่ิงมีชีวติ รวมทง้ั นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๑ เขา้ ใจสมบัติของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสัมพนั ธ์ระหว่างสมบัติของสสารกบั โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหวา่ งอนุภาค หลักและธรรมชาตขิ องการเปลย่ี นแปลง สถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี มาตรฐาน ว ๒.๒ เขา้ ใจธรรมชาติของแรงในชวี ิตประจาวัน ผลของแรงท่ีกระทาตอ่ วตั ถุ ลกั ษณะการ เคล่อื นทแ่ี บบตา่ ง ๆ ของวัตถุ รวมท้งั นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏสิ มั พันธ์ ระหวา่ งสสารและพลังงาน พลงั งานในชีวติ ประจาวนั ธรรมชาตขิ องคลน่ื ปรากฏการณ์ ทเี่ ก่ยี วข้องกบั เสยี ง แสง และคลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟ้า รวมทัง้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ สาระที่ ๓ วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกดิ และววิ ฒั นาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาว ฤกษ์ และระบบสรุ ยิ ะ รวมทง้ั ปฏิสมั พนั ธภ์ ายในระบบสุริยะทีส่ ่งผลต่อสง่ิ มชี ีวิต และการ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยอี วกาศ มาตรฐาน ว ๓.๒ เขา้ ใจองค์ประกอบและความสมั พนั ธข์ องระบบโลก กระบวนการเปล่ียนแปลงภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทงั้ ผลต่อสงิ่ มีชีวิตและส่ิงแวดลอ้ ม

สาระท่ี ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๑ เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยเี พอ่ื การดารงชวี ิตในสังคมทม่ี ีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ใชค้ วามรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ ่ืน ๆ เพ่ือแก้ปญั หาหรือพฒั นางานอย่าง ความคิดสรา้ งสรรคด์ ้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมเลอื กใช้เทคโนโลยอี ยา่ งเหมาะสมโดยคานึงถงึ ผลกระทบต่อชีวติ สงั คม และส่งิ แวดล้อม มาตรฐาน ว ๔.๒ เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวติ จริงอย่างเป็นขนั้ ตอนและ เป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ รูเ้ ทา่ ทนั และมีจริยธรรม สาระท่ี ๑ วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ

คุณ จบชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๓ ❖ เขา้ ใจลักษณะทวั่ ไปของส่ิงมีชวี ิตและการดารงชวี ิตของสิ่งมีชีวิตรอบตวั ❖ เขา้ ใจลกั ษณะทีป่ รากฏ ชนิดและสมบัติบางประการของวัสดุท่ใี ช้ทาวตั ถุ และการเปล่ยี นแปลงของวัสดุ รอบตวั ❖ เขา้ ใจการดงึ การผลกั แรงแม่เหลก็ และผลของแรงท่มี ตี อ่ การเปลยี่ นแปลง การเคล่ือนทขี่ องวตั ถุ พลังงาน ไฟฟา้ และการผลติ ไฟฟ้า การเกดิ เสียง แสงและการมองเห็น ❖ เขา้ ใจการปรากฏของดวงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์ และดาว ปรากฏการณข์ ้ึนและตกของดวงอาทิตย์ การเกิดกลางวนั กลางคนื การกาหนดทิศ ลักษณะของหิน การจาแนกชนิดดินและการใช้ประโยชน์ ลกั ษณะและความสาคญั ของอากาศ การเกิดลม ประโยชน์และโทษของลม ❖ ตัง้ คาถามหรอื กาหนดปัญหาเก่ยี วกบั ส่งิ ทจ่ี ะเรียนรตู้ ามที่กาหนดให้หรอื ตามความสนใจสังเกต สารวจ ตรวจสอบโดยใช้เคร่ืองมืออย่างง่าย รวบรวมข้อมูล บนั ทกึ และอธิบายผลการสารวจตรวจสอบด้วยการ เขียนหรอื วาดภาพ และสอ่ื สารสิ่งที่เรยี นรูด้ ้วยการเลา่ เรื่อง หรือดว้ ยการแสดงท่าทางเพื่อใหผ้ ูอ้ นื่ เข้าใจ ❖ แกป้ ญั หาอย่างงา่ ยโดยใชข้ ้นั ตอนการแกป้ ญั หา มีทกั ษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร เบือ้ งต้น รกั ษาขอ้ มลู สว่ นตวั ❖ แสดงความกระตอื รอื รน้ สนใจท่จี ะเรียนรู้ มีความคิดสรา้ งสรรคเ์ กย่ี วกับเรื่องทจี่ ะศึกษาตามที่กาหนดให้ หรือตามความสนใจ มีส่วนรว่ มในการแสดงความคดิ เหน็ และยอมรบั ฟังความคดิ เหน็ ผอู้ น่ื ❖ แสดงความรับผดิ ชอบด้วยการทางานทไี่ ดร้ บั มอบหมายอยา่ งมุง่ ม่ัน รอบคอบ ประหยัด ซ่ือสตั ย์ จนงาน ลุลว่ งเป็นผลสาเร็จ และทางานร่วมกบั ผูอ้ ่นื อยา่ งมคี วามสขุ ❖ ตระหนักถงึ ประโยชนข์ องการใช้ความรูแ้ ละกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการดารงชีวิต ศกึ ษาหา ความรเู้ พม่ิ เติม ทาโครงงานหรือชิ้นงานตามทก่ี าหนดให้หรอื ตามความสนใจ

จบชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ ❖ เขา้ ใจโครงสรา้ ง ลักษณะเฉพาะและการปรบั ตัวของส่ิงมีชวี ิต รวมทง้ั ความสัมพันธ์ของสิ่งมชี ีวติ ในแหลง่ ทอ่ี ยู่ การทาหน้าที่ของสว่ นตา่ ง ๆ ของพืช และการทางานของระบบย่อยอาหารของมนุษย์ ❖ เข้าใจสมบตั แิ ละการจาแนกกล่มุ ของวสั ดุ สถานะและการเปล่ียนสถานะของสสารการละลาย การ เปล่ียนแปลงทางเคมี การเปลยี่ นแปลงที่ผนั กลบั ไดแ้ ละผันกลับไม่ได้ และการแยกสารอย่างงา่ ย ❖เขา้ ใจลกั ษณะของแรงโนม้ ถว่ งของโลก แรงลัพธ์ แรงเสียดทาน แรงไฟฟ้าและผลของแรงตา่ งๆ ผลทเี่ กดิ จากแรงกระทาตอ่ วัตถุ ความดัน หลักการที่มีต่อวตั ถุ วงจรไฟฟา้ อยา่ งงา่ ย ปรากฏการณ์เบ้อื งตน้ ของ เสียง และแสง ❖ เข้าใจปรากฏการณก์ ารขน้ึ และตก รวมถงึ การเปลีย่ นแปลงรปู รา่ งปรากฏของดวงจนั ทร์ องคป์ ระกอบ ของระบบสรุ ิยะ คาบการโคจรของดาวเคราะห์ ความแตกต่างของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ การขน้ึ และ ตกของกลุ่มดาวฤกษ์ การใชแ้ ผนทด่ี าว การเกิดอุปราคา พฒั นาการและประโยชนข์ องเทคโนโลยีอวกาศ ❖ เขา้ ใจลักษณะของแหล่งน้า วัฏจักรนา้ กระบวนการเกิดเมฆ หมอก น้าค้าง นา้ คา้ งแขง็ หยาดนา้ ฟ้า กระบวนการเกดิ หนิ วฏั จกั รหิน การใช้ประโยชน์หินและแร่ การเกดิ ซากดกึ ดาบรรพ์ การเกิดลมบก ลม ทะเล มรสุม ลกั ษณะและผลกระทบของภัยธรรมชาติ ธรณีพิบตั ิภยั การเกิดและผลกระทบของ ปรากฏการณ์เรอื นกระจก ❖ ค้นหาขอ้ มลู อยา่ งมีประสิทธภิ าพและประเมินความน่าเช่อื ถือ ตัดสินใจเลือกขอ้ มูลใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะใน การแก้ปัญหา ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการทางานรว่ มกนั เขา้ ใจสทิ ธิและหน้าที่ของตน เคารพสิทธขิ องผอู้ น่ื ❖ ตัง้ คาถามหรอื กาหนดปญั หาเก่ยี วกบั ส่งิ ท่จี ะเรยี นรู้ตามที่กาหนดใหห้ รือตามความสนใจ คาดคะเน คาตอบหลายแนวทาง สรา้ งสมมตฐิ านท่สี อดคลอ้ งกบั คาถามหรอื ปัญหาทีจ่ ะสารวจตรวจสอบ วางแผน และสารวจตรวจสอบโดยใช้เครอื่ งมือ อปุ กรณ์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศท่ีเหมาะสม ในการเกบ็ รวบรวม ข้อมูลทง้ั เชิงปรมิ าณและคณุ ภาพ ❖ วเิ คราะห์ขอ้ มูล ลงความเหน็ และสรุปความสัมพันธ์ของข้อมูลทม่ี าจากการสารวจตรวจสอบในรปู แบบที่ เหมาะสม เพอื่ ส่อื สารความรจู้ ากผลการสารวจตรวจสอบได้อย่างมเี หตผุ ลและหลกั ฐานอ้างอิง ❖ แสดงถงึ ความสนใจ มุ่งมั่น ในสง่ิ ทจี่ ะเรยี นรู้ มคี วามคดิ สร้างสรรคเ์ กย่ี วกบั เรอ่ื งทจ่ี ะศึกษาตามความ สนใจของตนเอง แสดงความคดิ เหน็ ของตนเอง ยอมรับในข้อมลู ทีม่ หี ลกั ฐานอ้างอิง และรบั ฟงั ความ คดิ เห็นผู้อื่น ❖ แสดงความรับผดิ ชอบดว้ ยการทางานท่ีไดร้ ับมอบหมายอยา่ งมุ่งมนั่ รอบคอบ ประหยดั ซ่อื สตั ย์ จนงาน ลลุ ว่ งเป็นผลสาเร็จ และทางานรว่ มกบั ผอู้ นื่ อย่างสร้างสรรค์ ❖ ตระหนกั ในคณุ ค่าของความรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ใชค้ วามร้แู ละกระบวนการทางวิทยาศาสตรใ์ น การดารงชีวติ แสดงความชื่นชม ยกยอ่ ง และเคารพสิทธใิ นผลงานของผ้คู ดิ คน้ และศึกษาหาความรู้ เพม่ิ เติม ทาโครงงานหรอื ช้นิ งานตามทกี่ าหนดใหห้ รอื ตามความสนใจ

❖ แสดงถึงความซาบซ้ึง หว่ งใย แสดงพฤติกรรมเกี่ยวกบั การใช้ การดแู ลรักษาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละ สงิ่ แวดลอ้ มอย่างรูค้ ุณค่า -มาตรฐาน ว ๑.๑-ว ๑.๓ กลุม่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์

คาอธบิ ายรายวิชาพื้นฐาน ว 14101 วิทยาศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 เวลา 120 ช่ัวโมง/ปี ............................................................................................................................................. ศกึ ษาลกั ษณะและหน้าท่ีของส่วนต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ สัตว์ และพืช รวมทั้งการทาหน้าท่ีร่วมกัน ของส่วนต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ในการทากิจกรรมต่างๆ ความสาคัญของส่วนต่างๆ และการดูแลส่วนต่างๆ อย่างถูกต้องให้ปลอดภัยและรักษาความสะอาดอยู่เสมอ การจาแนกส่ิงมีชีวิตโดยใช้ความเหมือนและความ แตกต่างของลักษณะของส่ิงมีชีวิตออกเป็นกลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ และกลุ่มไม่ใช่พืชและสัตว์ การ จาแนกพืชออกเป็นพืชดอกและพืชไม่มีดอกโดยใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์การจาแนกสัตว์ ออกเป็นสัตว์มีกระดูก สันหลังและสัตวไ์ ม่มกี ระดูกสันหลัง โดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์ ลักษณะเฉพาะที่สังเกตได้ของสัตว์มี กระดูกสันหลัง สมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนาความร้อน และการนาไฟฟ้าของวัสดุ การนาสมบัติทางกายภาพของวัสดุไปใช้ในชีวิตประจาวัน สมบัติของสสารท้ัง 3 สถานะ จากข้อมูลท่ีได้จาก การสังเกตมวล การต้องการท่ีอยู่ รูปร่างและปริมาตรของสสาร รวมทั้งการใช้เคร่ืองมือเพื่อวัดมวล และ ปริมาตรของสสารท้ัง 3 สถานะ ผลของแรงโน้มถ่วงของโลก การใช้เครื่องชั่งสปริงในการวัด น้าหนักของวัตถุ มวลของวัตถุที่มีผลต่อการเปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุ การจาแนกวัตถุเป็นตัวกลาง โปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสงและวัตถุทึบแสง จากลักษณะการมองเห็นส่ิงต่างๆ ผ่านวัตถุน้ันเป็นเกณฑ์ แบบรูป เส้นทาง การขึ้นและตกของดวงจันทร์ การสร้างแบบจาลองที่อธิบายแบบรูปการเปล่ียนแปลงรูปร่างปรากฏ ของดวงจันทร์และพยากรณ์ รูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ การสร้างแบบจาลองแสดงองค์ประกอบของระบบ สุริยะและคาบการโคจรของดาวเคราะห์ต่าง ๆ จากแบบจาลอง โดยใช้ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 เน้น การเสริมสรา้ งการสบื สอบ การทาโครงงานและสะเต็มด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และจิตวิทยาศาสตร์ โดยตั้งคาถามหรือกาหนดปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนรู้ตามที่กาหนดให้หรือตามความสนใจ คาดคะเนคาตอบ หลายแนวทาง สร้างสมมุติฐานท่ีสอดคล้องกับคาถามหรือปัญหาที่จะสารวจตรวจสอบ วางแผนและสารวจ ตรวจสอบโดยใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ วิเคราะห์ข้อมูล ลงความเห็น และสรุป ความสัมพันธ์ของข้อมูลท่ีมาจากการสารวจตรวจสอบในรูปแบบที่เหมาะสม เพื่อสื่อสารความรู้จากผลการ สารวจตรวจสอบได้อยา่ งมีเหตุผลและหลกั ฐาน อา้ งอิง เสริมสร้างสมรรถนะสาคัญ และบูรณาการหลักปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพียง เพอ่ื ใหผ้ ้เู รียนได้เรียนรู้ความรู้วิทยาศาสตร์อย่างถูกต้อง มีกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในการค้นหาความรู้ด้วยตนเอง ทางานร่วมกับผู้อ่ืนอย่างมีความสุข ผู้เรียนสามารถคิดวิเคราะห์ คิดตัดสินใจ และสามารถสอ่ื สารเป็นที่เข้าใจตรงกัน รวมท้ังมี จิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม และค่านิยมท่ีเหมาะสม ตลอดจน เชื่อมโยงความรู้และตระหนักในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใช้ความรู้และกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ในการดารงชีวิต แสดงความช่ืนชม ยกย่อง และเคารพสิทธิในผลงานของ ผู้คิดค้น และบ่มเพาะ ผู้เรยี นใหเ้ ปน็ คนไทย 4.0 สู่ประเทศไทย 4.0

รหสั ตวั ช้ีวัด ว 1.2 ป.4/1 ว 1.3 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4 ว 2.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4 ว 2.2 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3 ว 2.3 ป.4/1 ว 3.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3 ว 4.2 ป.4/1 ,ป.4/2 ,ป.4/3, ป.4/4, ป.4/5 รวมทั้งหมด 21 ตวั ชวี้ ัด

โครงสร้างรายวิชา โรงเรียน วัดใหม่ลานกแขวก สานกั งานเขต มนี บุรี กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ รายวิชา (ว 14101) วิทยาศาสตร์ ระดับช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 เวลา 120 ชั่วโมง/ปี ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 ท่ี ช่ือหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก 1 กลุ่มส่ิงมชี ีวิต เรียนรู้/ตวั ชวี้ ดั (ชัว่ โมง) คะแนน ว 1.3 ป.4/1 สงิ่ มชี ีวิตมีหลายชนดิ สามารถจัดกลุ่ม ได้โดยใช้ความเหมือนและความ 10 16 แตกตา่ งของลักษณะและการดารงชวี ิต (12 , 4) เปน็ เกณฑใ์ นการจัดจาแนกออกเปน็ กล่มุ พชื กลมุ่ สัตว์และกลุ่มทไ่ี มใ่ ช่พชื และสัตว์ 2 พืชและประเภทของพชื ว 1.2 ป.4/1 พืชดอกเป็นพชื ท่ีมีสว่ นประกอบท่ี 8 16 ว 1.3 ป.4/2 สาคัญ ได้แก่ ราก ลาต้น ใบ ดอก ผล (12 , 4) และเมล็ดสว่ นประกอบต่างๆ ของพชื ดอกทาหน้าท่แี ตกต่างกัน ดงั นี้ รากทา หน้าทดี่ ูดนา้ และธาตอุ าหารขึ้นไปยงั ลา ตน้ ลาตน้ ทาหนา้ ที่ลาเลยี งนา้ ตอ่ ไปยัง สว่ นตา่ งๆ ของพืช ใบทาหนา้ ท่สี รา้ ง อาหาร ดอกทาหนา้ ท่สี ืบพันธุ์ การ จาแนกพืช สามารถใช้การมีดอกเป็น เกณฑ์ในการจาแนกได้เป็นพืชดอกและ พชื ไม่มีดอก 3 สัตวแ์ ละประเภทของสัตว์ ว 1.3 ป.4/3 การจาแนกสตั ว์ สามารถใชก้ ารมี 6 16 ว 1.3 ป.4/4 กระดูกสนั หลังเป็นเกณฑ์ในการจาแนก (12 , 4) ได้เป็นสตั ว์ทมี่ ีกระดูกสันหลังและสัตว์ ไม่มีกระดูกสันหลงั สัตว์มกี ระดกู สนั หลังมี 5 กลุ่ม สตั ว์ไมม่ ีกระดกู สนั หลงั มี 7 กลุ่ม ซงึ่ สัตวแ์ ตล่ ะกลมุ่ จะมี ลกั ษณะเฉพาะท่สี งั เกตได้ตา่ งกัน

โครงสรา้ งรายวิชา โรงเรยี น วดั ใหม่ลานกแขวก สานกั งานเขต มนี บุรี (ว 14101) วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ รายวิชา เวลา 120 ชว่ั โมง/ปี ระดับช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2561 ภาคเรียนที่ 1 ท่ี ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั 4 สมบัติของวัสดุรอบตัวเรา เรยี นร/ู้ ตัวชี้วดั (ชว่ั โมง) คะแนน ว 2.1 ป.4/1 วสั ดุแตล่ ะชนดิ มีสมบตั ิทางกายภาพที่ 5 สารรอบตัวเรา ว 2.1 ป.4/2 แตกตา่ งกัน วัสดุที่มีความแขง็ จะทน 8 16 ต่อแรงขดู ขีด วสั ดทุ ่ีมสี ภาพยืดหยุ่นจะ (12 , 4) ว 2.1 ป.4/3 เปลี่ยนแปลงรปู รา่ งเมื่อมีแรงมากระทา 8 ว 2.1 ป.4/4 และกลบั สภาพเดิมได้ วสั ดุที่นาความ 16 รอ้ นจะร้อนไดเ้ รว็ เม่ือได้รบั ความรอ้ น (12 , 4) และวสั ดุที่นาไฟฟา้ ไดจ้ ะให้ กระแสไฟฟ้าผา่ นได้ ซงึ่ สมบตั ิต่าง ๆ นามาใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจาวันได้ วัสดุเปน็ สสารเพราะมมี วลและต้องการ ที่อยู่ สสารมสี ถานะเปน็ ของแขง็ ของเหลว หรือแกส๊ ของแข็งมีปริมาตร และรูปร่างคงท่ี ของเหลวมีปรมิ าตร คงท่ี แต่มีรูปรา่ งเปลี่ยนไปตามภาชนะ เฉพาะส่วนที่บรรจขุ องเหลว สว่ นแก๊ส มปี รมิ าตรและรูปรา่ งเปลี่ยนไปตาม ภาชนะทบี่ รรจุ 6 วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ว 8.2 ป.4/2 - อินเทอรเ์ น็ต 20 20 ว 8.2 ป.4/3 - การออกแบบและเขียนโปรแกรม (15 , 5) ว 8.2 ป.4/4 อย่างงา่ ย รวมภาคเรียนที่ 1 60 100

โครงสรา้ งรายวชิ า โรงเรยี น วัใหมล่ านกแขวก สานกั งานเขต มีนบรุ ี กลุม่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ รายวชิ า (ว 14101) วิทยาศาสตร์ ระดับชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลา 120 ช่วั โมง/ปี ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2562 ท่ี ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนัก 6 แรงและการเคล่ือนท่ี เรียนร้/ู ตัวชวี้ ดั (ช่วั โมง) คะแนน ว 2.2 ป.4/1 แรงดงึ ดดู ทโ่ี ลกกระทากบั วตั ถุหนง่ึ ๆ ว 2.2 ป.4/2 ทาให้วัตถตุ กลงสู่พน้ื โลก และทาให้ 12 20 ว 2.2 ป.4/3 วัตถุมีน้าหนกั วัดน้าหนักของวตั ถไุ ด้ (15 , 5) จากเครื่องชง่ั สปรงิ นา้ หนกั ของวัตถุ ขน้ึ กบั มวลของวัตถุ โดยวัตถทุ ่มี ีมวล มากจะมนี า้ หนกั มาก วัตถุท่ีมีมวลนอ้ ย จะมนี า้ หนักน้อย มวลของวตั ถมุ ผี ลต่อ การเปลยี่ นแปลงการเคลื่อนท่ีของวตั ถุ วัตถทุ ่มี มี วลมากจะเปลยี่ นแปลงการ เคล่ือนที่ไดย้ ากกวา่ วัตถุท่ีมีมวลน้อย 7 ปรากฎการณ์ของดวงจันทร์ ว 3.1 ป.4/1 ดวงจันทรเ์ ป็นบรวิ ารของโลก โดยดวง 8 20 ว 3.1 ป.4/2 จันทรห์ มุนรอบตัวเองขณะโคจรรอบ (15 , 5) โลกในขณะทโี่ ลกก็หมนุ รอบตัวเองด้วย เชน่ กนั การหมุนรอบตัวเองของโลกทา ให้มองเห็นดวงจันทร์ปรากฏขึ้น ทางดา้ นทิศตะวนั ออก และตกทางทิศ ตะวันตกหมนุ เวยี นเป็นแบบรูปซ้า ๆ ดวงจนั ทร์เป็นวัตถุทเ่ี ปน็ ทรงกลม แต่ รปู รา่ งของดวงจนั ทร์ที่มองเห็นหรือ รูปรา่ งปรากฏของ ดวงจนั ทรบ์ น ทอ้ งฟา้ แตกต่างกันไปในแตล่ ะวัน โดย ในแตล่ ะวนั ดวงจันทร์จะมีรูปร่าง ปรากฏเป็นเสยี้ วทีม่ ีขนาดเพมิ่ ข้ึนอยา่ ง ต่อเนื่องจนเตม็ ดวง จากนั้นรปู รา่ ง ปรากฏของดวงจันทร์จะแหวง่ และมี

ขนาดลดลงอย่างต่อเน่ืองจนมองไม่ เห็นดวงจันทร์ จากนนั้ รูปรา่ งปรากฏ ของดวงจันทรจ์ ะเป็น เสี้ยวใหญข่ ้ึนจน เต็มดวงอีกคร้ัง การเปล่ียนแปลงเชน่ น้ี เปน็ แบบรูปซา้ กันทกุ เดือน 8 แสงและตวั กลางของแสง ว 2.3 ป.4/1 เมอื่ มองสิ่งตา่ งๆ โดยมวี ัตถุต่างชนิดกัน 8 20 มากัน้ แสงจะทาใหล้ ักษณะการ (15 , 5) มองเหน็ ส่งิ นั้นๆ ชัดเจนตา่ งกัน จงึ จาแนกวัตถุท่ีมากน้ั ออกเปน็ ตัวกลาง โปร่งใส ซง่ึ ทาใหม้ องเหน็ ส่ิงต่างๆ ได้ ชดั เจน ตัวกลางโปรง่ แสงทาให้ มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ไมช่ ดั เจน และ วัตถุทึบแสงทาให้มองไม่เห็นสิง่ ตา่ งๆ นน้ั

โครงสร้างรายวิชา โรงเรียน คลองสาม สานักงานเขต มนี บุรี กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ รายวชิ า (ว 14101) วิทยาศาสตร์ ระดับช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 เวลา 120 ชว่ั โมง/ปี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 ท่ี ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั เรยี นร/ู้ ตวั ชี้วัด (ช่วั โมง) คะแนน 9 ปรากฎการณ์ของดวงจันทร์ ว 3.1 ป.4/1 ดวงจนั ทร์เป็นบรวิ ารของโลก โดยดวง 8 20 ว 3.1 ป.4/2 จันทร์หมุนรอบตัวเองขณะโคจรรอบโลก (15 , 5) ในขณะท่ีโลกกห็ มนุ รอบตวั เองด้วย เชน่ กัน การหมุนรอบตวั เองของโลกทา ให้มองเหน็ ดวงจันทร์ปรากฏขึ้นทางดา้ น ทิศตะวนั ออก และตกทางทศิ ตะวนั ตก หมุนเวียนเปน็ แบบรูปซ้า ๆ ดวงจนั ทร์ เป็นวตั ถทุ เ่ี ป็นทรงกลม แต่รปู รา่ งของ ดวงจนั ทร์ท่ีมองเห็นหรอื รปู ร่างปรากฏ ของ ดวงจนั ทร์บนท้องฟ้าแตกตา่ งกันไป ในแตล่ ะวนั โดยในแต่ละวันดวงจนั ทรจ์ ะ มีรูปรา่ งปรากฏเป็นเส้ยี วทมี่ ีขนาด เพ่มิ ขึ้นอยา่ งต่อเนื่องจนเตม็ ดวง จากน้ัน รูปร่างปรากฏของดวงจันทร์จะแหว่ง และมีขนาดลดลงอย่างต่อเนื่องจนมอง ไมเ่ หน็ ดวงจันทร์ จากนนั้ รปู ร่างปรากฏ ของดวงจนั ทรจ์ ะเป็น เสยี้ วใหญข่ ้ึนจน เตม็ ดวงอีกครั้ง การเปลีย่ นแปลงเช่นน้ี เป็นแบบรูปซา้ กนั ทกุ เดือน

โครงสรา้ งรายวิชา โรงเรียน คลองสาม สานักงานเขต มนี บุรี กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ รายวชิ า (ว 14101) วิทยาศาสตร์ ระดับช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 เวลา 120 ช่ัวโมง/ปี ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2561 ที่ ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั 10 ระบบสรุ ิยะ เรยี นรู/้ ตวั ชว้ี ดั (ชั่วโมง) คะแนน ว 3.1 ป.4/3 11 เทคโนโลยสี ารสนเทศ ระบบสุรยิ ะเป็นระบบที่มีดวงอาทิตย์เป็น 12 20 ว 8.2 ป.4/1 (15 , 5) ว 8.2 ป.4/5 ศนู ยก์ ลางและมดี าวบรวิ ารโคจรอยู่ 20 โดยรอบประกอบด้วย ดาวเคราะห์ 8 (15 , 5) ดวง รวมทงั้ ดวงจนั ทร์ทเี่ ป็นดาวบริวาร ของดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์แคระ ดาวเคราะหน์ ้อย ดาวหาง และวตั ถุ ขนาดเล็กอืน่ ๆ ซึ่งดาวเคราะห์แตล่ ะดวง ทโี่ คจรรอบดวงอาทติ ย์จะมขี นาดและ ระยะหา่ งจากดวงอาทติ ยแ์ ตกต่างกนั และวัตถุขนาดเลก็ อื่น ๆ เม่อื เข้ามาใน ชนั้ บรรยากาศ เนือ่ งจากแรงโนม้ ถ่วงของ โลก จะทาใหเ้ กิดเป็นดาวตกหรอื ผีพุ่งไต้ และอุกกาบาต - เทคโนโลยีสารสนเทศ 20 - การใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะในการ แกป้ ญั หา รวมปลายภาค 60 100 รวมตลอดปี 120 200

ตวั ชว้ี ัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพมาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ิของสง่ิ มีชีวติ หนว่ ยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวติ การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสัมพนั ธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่างๆ ของสัตวแ์ ละมนุษย์ท่ีทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพนั ธ์ของโครงสรา้ งและหน้าทข่ี องอวัยวะตา่ งๆ ของพชื ที่ทางานสมั พันธ์กนั รวมทั้งนาความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์ ชัน้ ตัวชี้วดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง ป.4 1. บรรยายหนา้ ทีข่ องราก ลาตน้ ส่วนต่าง ๆ ของพชื ดอกทาหน้าที่แตกต่างกนั ใบ และดอกของพืชดอก โดย - รากทาหนา้ ท่ีดูดน้าและธาตุอาหารข้นึ ไปยังลาต้น ใช้ข้อมลู ทีร่ วบรวมได้ - ลาตน้ ทาหนา้ ทลี่ าเลียงนา้ ต่อไปยังส่วนต่าง ๆ ของพชื - ใบทาหน้าท่ีสรา้ งอาหาร อาหารท่ีพชื สร้างข้ึน คือ นา้ ตาลซึง่ จะเปลย่ี นเป็นแปง้ - ดอกทาหนา้ ทสี่ บื พันธ์ุ ประกอบด้วยสว่ นประกอบต่าง ๆ ไดแ้ ก่ กลบี เล้ียง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย ซง่ึ สว่ นประกอบแตล่ ะสว่ นของดอกทาหน้าท่แี ตกตา่ งกนั มาตรฐาน ว 1.3 เขา้ ใจกระบวนการและความสาคัญของการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธุกรรม สารพนั ธุกรรม การเปล่ียนแปลง ทางพันธุกรรมท่มี ีผลตอ่ สงิ่ มีชีวิต ความหลากหลายทาง ชีวภาพและวิวัฒนาการของสิง่ มีชีวติ รวมทั้งนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ช้ัน ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ป.4 1. จาแนกสงิ่ มชี วี ิตโดยใชค้ วาม สง่ิ มชี วี ติ มีหลายชนิด สามารถจดั กลุ่มได้ โดยใชค้ วาม เหมือน และความแตกต่างของ เหมอื นและความแตกตา่ ง ของลักษณะตา่ ง ๆ เชน่ กล่มุ ลกั ษณะของส่งิ มีชวี ติ ออกเป็น พืชสร้างอาหารเองได้ และเคล่ือนทด่ี ้วยตนเองไม่ได้ กลมุ่ กลมุ่ พืช กลุ่มสตั ว์ และกลมุ่ ที่ สัตวก์ ินส่งิ มีชีวิตอ่ืนเปน็ อาหารและเคลื่อนทีไ่ ด้ กลุ่มที่ไมใ่ ช่ ไมใ่ ช่พืชและสัตว์ พืชและสัตว์ เช่น เหด็ รา จุลนิ ทรีย์ 2. จาแนกพืชออกเป็นพชื ดอก การจาแนกพชื สามารถใช้การมดี อกเปน็ เกณฑ์ในการ และพืชไม่มดี อก โดยใช้การมี จาแนก ได้เป็นพืชดอกและพืชไม่มดี อก ดอกเปน็ เกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลที่ รวบรวมได้

ชัน้ ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ป.4 3. จาแนกสตั ว์ออกเปน็ สตั ว์มี การจาแนกสัตว์ สามารถใช้การมีกระดูกสนั หลงั เป็นเกณฑ์ กระดกู สนั หลงั และสัตว์ไมม่ ี ในการจาแนกได้เปน็ สตั ว์มีกระดูกสันหลังและสตั วไ์ มม่ ี กระดกู สันหลัง โดยใชก้ ารมี กระดูกสนั หลงั กระดกู สนั หลงั เปน็ เกณฑ์ โดย ใช้ขอ้ มูลที่รวบรวมได้ 4. บรรยายลักษณะเฉพาะท่ี สตั ว์มกี ระดูกสันหลังมหี ลายกล่มุ ไดแ้ ก่ กลุ่มปลา กลุม่ สงั เกตไดข้ องสตั วม์ ีกระดูก สตั วส์ ะเทนิ น้าสะเทนิ บก กลมุ่ สตั ว์เลือ้ ยคลาน กลุ่มนก สันหลงั ในกลุม่ ปลา กลมุ่ สัตว์ และกลมุ่ สตั ว์เล้ียงลูกด้วยนา้ นม ซง่ึ แตล่ ะกลมุ่ จะมี สะเทนิ นา้ สะเทนิ บก กลุ่ม ลกั ษณะเฉพาะที่สงั เกตได้ สตั วเ์ ลอื้ ยคลาน กลุ่มนก และ กลุ่มสตั วเ์ ลีย้ งดว้ ยนา้ นม และ ยกตวั อยา่ งสง่ิ มชี วี ติ ในแต่ ละกลุ่ม สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัตขิ องสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพนั ธ์ระหว่างสมบตั ิของสสารกับ โครงสรา้ งและแรงยดึ เหนย่ี ว ระหวา่ งอนภุ าค หลกั และธรรมชาติของการเปล่ยี นแปลง สถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏกิ ิริยาเคมี ชน้ั ตวั ช้วี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.4 1. 1. เปรยี บเทียบสมบตั ิทาง วสั ดแุ ต่ละชนิดมีสมบตั ทิ างกายภาพแตกตา่ งกนั วัสดทุ ีม่ ี กายภาพด้านความแข็ง สภาพ ความแขง็ จะทนต่อแรงขูดขีด วสั ดุท่ีมสี ภาพยืดหยนุ่ จะ ยดื หย่นุ การนาความร้อน และ เปล่ียนแปลงรปู รา่ งเมื่อมีแรงมากระทาและกลับสภาพเดิม การนาไฟฟา้ ของวสั ดุ โดยใช้ ได้ วสั ดุท่ีนาความร้อนจะร้อนไดเ้ รว็ เม่ือได้รับความร้อน หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์จากการ และวสั ดุ ท่นี าไฟฟา้ ได้ จะให้กระแสไฟฟา้ ผา่ นได้ ดังน้นั จึง ทดลองและระบุ การนาสมบตั ิ อาจนาสมบัติต่างๆ มาพจิ ารณาเพื่อใชใ้ นกระบวนการ เรอ่ื งความแข็ง สภาพยดื หย่นุ ออกแบบช้ินงาน เพอื่ ใช้ประโยชนใ์ นชีวิตประจาวนั การนาความรอ้ น และการนา ไฟฟ้าของวัสดไุ ปใช้ใน

ชวี ิตประจาวนั ผา่ นกระบวนการ สาระการเรียนรู้แกนกลาง ออกแบบชิน้ งาน 2. 2. แลกเปลย่ี นความคดิ กับผอู้ ่ืน โดยการอภิปรายเกยี่ วกับ สมบตั ทิ างกายภาพของวัสดุ ชั้น ตวั ช้วี ัด ป.4 เห อย่างมเี หตผุ ลจากการทดลอง เป3. เปรยี บเทียบสมบตั ขิ องสสารทง้ั 3 สถานะ จากข้อมูลท่ีได้จาก การสงั เกตมวล การตอ้ งการที่ อยูร่ ูปร่างและ ปริมาตรของ สสาร 4. 4. ใชเ้ คร่ืองมอื เพ่ือวดั มวล และ ปริมาตรของสสารทงั้ 3 สถานะ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชีวติ ประจาวัน ผลของแรงท่ีกระทาต่อวัตถุลกั ษณะการ เคลอ่ื นท่ีแบบตา่ ง ๆ ของวัตถุ รวมทัง้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ช้นั ตวั ช้วี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ป.4 1. 1. ระบุผลของแรงโน้มถว่ งทีม่ ตี ่อ แ แรงโนม้ ถว่ งของโลกเป็นแรงดึงดูดทีโลกกระทาตอ่ วัตถุ วัตถจุ ากหลักฐานเชิงประจักษ์ มที ศิ ทางเขา้ สู่ศนู ยก์ ลางโลก และเป็นแรงไมส่ มั ผัส 2. 2. ใชเ้ ครือ่ งชงั่ สปริงในการวัด แรงดงึ ดดู ท่โี ลกกระทากบั วตั ถุหนงึ่ ๆ ทาใหว้ ตั ถุตกลง สู่ น้าหนกั ของวตั ถุ พื้นโลก และทาใหว้ ัตถมุ นี า้ หนัก วดั น้าหนกั ของวัตถุได้ จากเคร่ืองช่งั สปริง นา้ หนกั ของวัตถุขน้ึ กับมวลของวัตถุ โดยวัตถุที่มีมวลมากจะมีนา้ หนักมาก วตั ถทุ ่ีมีมวลน้อยจะ มีนา้ หนกั นอ้ ย 3. บรรยายมวลของวัตถุท่ีมผี ลต่อม มวลคอื ปรมิ าณเนื้อของสสารทั้งหมดทีป่ ระกอบกันเปน็ การเปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่ วตั ถุ ซง่ึ มผี ลตอ่ ความ ยากงา่ ยในการเปลย่ี นแปลง การ ของวตั ถจุ าก หลักฐานเชงิ เคลื่อนท่ีของวัตถุ วัตถทุ ่มี ีมวลมากจะ เปล่ยี นแปลงการ ประจกั ษ์ เคลื่อนที่ไดย้ ากกวา่ วัตถทุ ี่มมี วลน้อย ดงั น้ันมวลของวัตถุ

นอกจากจะหมายถึงเนื้อทัง้ หมดของวัตถนุ น้ั แลว้ ยงั หมายถึงการตา้ น การเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ีของวตั ถุ น้ันด้วย มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปลย่ี นแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏสิ ัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลงั งาน พลังงานในชีวติ ประจาวนั ธรรมชาติของคลนื่ ปรากฏการณ์ที่ เกีย่ วข้องกบั เสียง แสง และคล่นื แม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ ช้ัน ตวั ชีว้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ป.4 1. 1. จาแนกวัตถุเป็นตวั กลางโปร่งใส เมื เมอ่ื มองสง่ิ ตา่ งๆ โดยมวี ตั ถุต่างชนิดกนั มาก้ัน ตวั กลางโปรง่ แสง และวัตถทุ บึ แสงจะทาให้ลักษณะการ มองเหน็ ส่งิ น้ันๆ แสงจากลักษณะการมองเห็น ชัดเจนตา่ งกัน จงึ จาแนกวัตถุทม่ี าก้ันออกเป็น สิง่ ต่าง ๆ ผ่านวัตถุน้ันเปน็ ตัวกลางโปรง่ ใส ซ่ึงทาให้มองเหน็ ส่ิงตา่ งๆ เกณฑ์โดยใชห้ ลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ ไดช้ ดั เจน ตวั กลางโปร่งแสงทาให้มองเหน็ สิ่งต่าง ๆ ไดไ้ มช่ ัดเจน และวตั ถทุ บึ แสงทาให้ มองไมเ่ หน็ สงิ่ ตา่ งๆ นนั้ สาระที่ 3 วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุรยิ ะรวมท้ังปฏสิ มั พันธ์ภายในระบบสรุ ยิ ะท่สี ง่ ผลตอ่ ส่ิงมชี วี ิต และ การประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยีอวกาศ ช้นั ตัวชี้วัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง ป.4 1. 1. อธิบายแบบรูปเสน้ ทางการข้นึ และ ดวงจนั ทรเ์ ปน็ บริวารของโลก โดยดวงจันทร์ ตกของดวงจันทร์ โดยใชห้ ลกั ฐาน หมุนรอบตวั เองขณะ โคจรรอบโลก ขณะท่โี ลก เชิงประจกั ษ์ กห็ มนุ รอบตวั เองดว้ ยเช่นกัน การหมนุ รอบ ตวั เองของโลกจากทศิ ตะวันตกไปทิศตะวนั ออก ในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา เมอื่ มองจากข้วั โลก

เหนือ ทาให้มองเหน็ ดวงจนั ทร์ปรากฏข้นึ ทางด้านทิศ ตะวันออกและตกทางดา้ นทิศ ตะวนั ตกหมนุ เวยี นเปน็ แบบรูปซ้าๆ ส 2. สร้างแบบจาลองทอ่ี ธิบายแบบรปู จ ดวงจนั ทรเ์ ปน็ วตั ถุทเ่ี ปน็ ทรงกลม แต่รปู รา่ งของ การเปลี่ยนแปลงรปู รา่ งปรากฏของ ดวงจันทร์ทมี่ องเห็น หรอื รูปรา่ งปรากฏของดวง ดวงจันทร์และพยากรณ์รปู ร่าง จันทรบ์ นทอ้ งฟา้ แตกตา่ งกนั ไปในแต่ละวัน โดย ปรากฏของดวงจันทร์ ในแต่ละวันดวงจันทรจ์ ะมรี ูปร่างปรากฏเป็น เสย้ี วที่มีขนาดเพ่มิ ขน้ึ อยา่ งต่อเนื่องจนเต็มดวง จากนั้นรปู ร่างปรากฏของดวงจันทรจ์ ะแหว่ง และ มขี นาดลดลงอยา่ งตอ่ เนื่องจนมองไม่เห็น ดวงจันทร์ จากนัน้ รปู ร่างปรากฏ ของดวงจันทร์ จะเปน็ เสี้ยวใหญข่ ้นึ จนเต็มดวงอีกคร้ัง การ เปลี่ยนแปลง เชน่ น้เี ปน็ แบบรปู ซา้ กันทุกเดอื น ชัน้ ตัวช้ีวัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง ส 3. สร้างแบบจาลองแสดง ระ ระบบสรุ ยิ ะเปน็ ระบบทม่ี ดี วงอาทิตยเ์ ป็น องค์ประกอบของระบบสรุ ิยะ ศนู ย์กลางและมีบริวาร ประกอบด้วยดาว และอธิบายเปรยี บเทยี บคาบการ เคราะหแ์ ปดดวงและบรวิ าร ซงึ่ ดาวเคราะหแ์ ต่ โคจรของดาวเคราะหต์ า่ ง ๆ จาก ละดวง มีขนาดและระยะห่างจากดวงอาทิตย์ แบบจาลอง แตกต่างกัน และยังประกอบด้วย ดาวเคราะห์ แคระ ดาวเคราะหน์ ้อย ดาวหาง และวตั ถขุ นาด เล็กอ่ืนๆ โคจร อย่รู อบดวงอาทติ ย์ วัตถขุ นาด เลก็ อ่นื ๆ เมือ่ เข้ามาในชัน้ บรรยากาศ เนอื่ งจาก แรงโนม้ ถว่ งของโลก ทาให้เกิดเป็นดาวตกหรือผี พงุ่ ไต้และ อกุ กาบาต

สาระที่ ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๒ เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปญั หาที่พบในชวี ิตจรงิ อย่างเปน็ ข้ันตอน และเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรยี นรู้ การทางาน และ การแก้ปัญหาได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ รู้เท่าทนั และมจี รยิ ธรรม ช้ัน ตัวชี้วดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ป.4 11. ใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะในการแก้ การใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะเป็นการนากฎเกณฑ์ ปัญหา การอธิบายการทางาน หรือเงือ่ นไขท่ีครอบคลุมทกุ กรณมี าใช้พจิ ารณา การคาดการณ์ผลลพั ธ์ ในการแกป้ ญั หา การอธบิ ายการทางาน จากปญั หาอยา่ งงา่ ย หรือการคาดการณผ์ ลลัพธ์ สถานะเริ่มตน้ ของการทางานที่แตกต่างกันจะ ให้ผลลัพธ์ท่ีแตกตา่ งกนั ตัวอยา่ งปัญหา เชน่ เกม OX โปรแกรมท่มี ี การคานวณโปรแกรมทมี่ ีตวั ละครหลายตัว และมกี ารสงั่ งานที่แตกตา่ งหรือมกี ารสื่อสาร ระหว่างกนั การเดนิ ทางไปโรงเรยี น โดยวธิ ี การตา่ ง ๆ 12. ออกแบบ และเขียนโปรแกรม กาการออกแบบโปรแกรมอย่างงา่ ย เชน่ การ อยา่ งง่าย โดยใชซ้ อฟต์แวร์หรือส่อื ออออกแบบโดยใช้ storyboard หรือการออก และตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดและแกไ้ ข ชกแบบอลั กอรทิ ึม การเขยี นโปรแกรมเป็นการสรา้ งลาดบั ของ คาสงั่ ให้คอมพวิ เตอร์ทางาน เพอื่ ให้ได้ ผลลพั ธ์ตามความต้องการ หากมี ข้อผดิ พลาดให้ตรวจสอบ การทางานทีละ คาสงั่ เมื่อพบจดุ ท่ีทาใหผ้ ลลัพธ์ไม่ถกู ต้อง ชั้น ตัวชี้วดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ใหท้ าการแกไ้ ขจนกว่าจะได้ผลลัพธ์ท่ถี ูกต้อง ตัวอยา่ งโปรแกรมทม่ี ีเร่ืองราว เช่น นิทานทม่ี ี การโต้ตอบกับผูใ้ ช้ การต์ นู สั้น เลา่ กิจวัตร ประจาวนั ภาพเคลื่อนไหว การฝึกตรวจหาข้อผดิ พลาดจากโปรแกรมของ ผ้อู ่ืนจะช่วยพัฒนาทักษะการหาสาเหตขุ อง ปัญหาได้ดีย่ิงขึน้

ซอฟต์แวรท์ ใ่ี ชใ้ นการเขยี นโปรแกรม เช่น Scratch, logo 3. ใช้อินเทอร์เนต็ ค้นหาความรู้ และ การใชค้ าคน้ ที่ตรงประเดน็ กระชับ จะทาให้ได้ ประเมนิ ความนา่ เชือ่ ถือของข้อมูล ผลลพั ธ์ทรี่ วดเร็วและตรงตามความตอ้ งการ การประเมินความนา่ เชอื่ ถือของข้อมลู เช่น พิจารณาประเภทของเว็บไซต์ (หน่วยงาน ราชการ สานักข่าว องคก์ ร) ผู้เขยี นวันท่ี เผยแพร่ข้อมูล การอา้ งอิง เม่ือไดข้ ้อมลู ที่ต้องการจากเวบ็ ไซตต์ า่ ง ๆ จะต้องนาเนอ้ื หามาพจิ ารณาเปรียบเทียบ แล้วเลือกข้อมลู ที่มีความสอดคลอ้ งและ สัมพันธ์กัน การทารายงานหรือการนาเสนอข้อมลู จะต้อง นา ข้อมลู มาเรียบเรยี ง สรปุ เปน็ ภาษาของตนเอง ทเ่ี หมาะสมกับกลมุ่ เปา้ หมายและวิธกี าร นาเสนอ (บรู ณาการกับวชิ าภาษาไทย)

ช้นั ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง 4. รวบรวม ประเมนิ นาเสนอขอ้ มูลและ การรวบรวมขอ้ มลู ทาไดโ้ ดยกาหนดหัวขอ้ สารสนเทศ โดยใชซ้ อฟต์แวรท์ ่ี ทต่ี อ้ งการเตรยี มอปุ กรณ์ในการจดบันทึก หลากหลาย เพอื่ แกป้ ัญหาใน ชวี ติ ประจาวนั การประมวลผลอย่างง่าย เชน่ เปรยี บเทยี บ จดั กลุ่ม เรียงลาดับการหาผลรวม วิเคราะหผ์ ลและสรา้ งทางเลอื กทเี่ ป็นไปได้ ประเมนิ ทางเลอื ก (เปรยี บเทยี บ ตดั สิน) การนาเสนอข้อมลู ทาได้หลายลกั ษณะตาม ความเหมาะสม เช่น การบอกเล่า เอกสาร รายงาน โปสเตอร์ โปรแกรมนาเสนอ การใช้ซอฟต์แวร์เพ่อื แก้ปัญหาในชีวิตประจาวัน เช่น การสารวจเมนอู าหารกลางวนั โดยใช้ ซอฟต์แวร์สร้างแบบสอบถามและเกบ็ ข้อมลู ใชซ้ อฟต์แวร์ตารางทางานเพื่อประมวลผล ข้อมูลรวบรวมข้อมลู เกย่ี วกบั คุณค่าทาง โภชนาการและ สร้างรายการอาหารสาหรับ ๕ วนั ใช้ซอฟต์แวร์ นาเสนอผลการสารวจ รายการอาหารที่เปน็ ทางเลือกและข้อมูล ด้านโภชนาการ 5. ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่าง ปลอดภัย เข้าใจสิทธแิ ละหนา้ ท่ี ของตน เคารพในสทิ ธขิ องผู้อื่น แจ้งผู้เกีย่ วข้องเม่ือพบข้อมูลหรือ บคุ คลที่ไม่เหมาะสม