Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรสุขศึกษาและพลศึกษา ป 1 - 6

หลักสูตรสุขศึกษาและพลศึกษา ป 1 - 6

Description: หลักสูตรสุขศึกษาและพลศึกษา ป 1 - 6

Search

Read the Text Version

48 ลาดับที่ ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั เรยี นรู้ / ตัวชวี้ ดั (คะแนน) 7 การเล่นกฬี าเพอ่ื (ชั่วโมง) สรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ พ 3.2 ป.5/1 2 การออกกาลังกายอยา่ ง 1 พ 3.2 ป.5/3 2 มรี ูปแบบ ทักษะการคดิ พ 3.2 ป.5/4 2 และตดั สนิ ใจในการเลน่ พ 3.1 ป.5/4 5 เกม พ 3.1 ป.5/5 5 พ 3.2 ป.5/2 การปฏิบัติตามกตกิ า 1 2 พ 3.2 ป.5/3 2 พ 3.2 ป.5/4 การเลน่ เกม กฬี าไทย 2 พ 5.1 ป.5/5 และกฬี าสากล 2 การยอมรับในความ 1 แตกต่างระหวา่ งบุคคล เคารพในสิทธิผู้อืน่ ทักษะทางกลไกในการ 4 ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมทางกาย และเล่นกีฬา กฬี าไทยและกฬี าสากล 5 ความมนี ้าใจนักกีฬา 1 การปฏิบัตติ ามกฎ 1 กติกา สิทธิของตนเองและ 1 ผู้อน่ื ในการเลน่ เกมและ กีฬา การป้องกันอันตราย 1 จากการเลน่ กฬี า ลาดบั ที่ ช่ือหนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก เรียนรู้ / ตัวชวี้ ดั (ชว่ั โมง) (คะแนน) 8 การทดสอบและการ พ 4.1 ป.5/5 การทดสอบและการ 2 5 ปรับปรุงสมรรถภาพ ปรับปรุงสมรรถภาพ ทางกาย ทางกาย 9 การปฏบิ ตั ิตนตาม พ 4.1 ป.5/1 สุขบัญญตั แิ ห่งชาติ 2 3 หลกั สุขบญั ญัติ 10 ขอ้ มลู ขา่ วสารเพ่ือ พ 4.1 ป.5/2 -การใชแ้ หล่ง ข้อมลู 2 5 การสร้างเสริม และวธิ ีการคน้ หาข้อมลู สขุ ภาพ ขา่ วสารในการ สร้าง เสรมิ สุขภาพ

49 ลาดับท่ี ช่ือหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั เรียนรู้ / ตัวช้วี ดั (ชว่ั โมง) (คะแนน) -การวิเคราะห์ส่ือ โฆษณาต่อการเลือกซ้อื อาหารและผลิตภัณฑ์ สขุ ภาพอย่างมีเหตุผล (กรุงเทพศกึ ษา) 11 การเลือกซอ้ื อาหาร พ 4.1 ป.5/3 -อาหารและผลิตภัณฑ์ 4 5 และผลิตภัณฑ์ สขุ ภาพ สุขภาพ -การเลือกซ้อื อาหารรมิ บาทวิถ(ี กรุงเทพศึกษา) 12 การปฏบิ ัตติ นเพือ่ พ 4.1 ป.5/4 โรคที่พบในชวี ิต 65 ป้องกนั โรค ประจาวันและทอ้ งถน่ิ 13 ยาและสารเสพติดให้ พ 5.1 ป.5/1 ปจั จัยท่มี อี ิทธิพลต่อ 4 5 โทษ การใช้สารเสพตดิ พ 5.1 ป.5/2 ยา และสารเสพติด 4 5 การหลีกเล่ยี งสารเสพ ตดิ (กรงุ เทพศึกษา) พ 5.1 ป.5/3 ความปลอดภยั ในการ 4 5 ใช้ยา 14 อทิ ธิพลของสื่อที่มีต่อ พ 5.1 ป.5/4 ภยั จากส่ือ อนิ เตอร์เน็ต 2 5 พฤตกิ รรมสุขภาพ และเกมคอมพวิ เตอร์

50 คาอธิบายรายวิชา กลุม่ สาระการเรียนรู้สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา พ 16101 สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา กล่มุ สาระการเรยี นรู้สุขศกึ ษาและพลศึกษา ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่6 เวลาเรียน 80 ช่วั โมง รายวิชาสุขศกึ ษา เวลา 40 ช่วั โมง/ปี 1 ชว่ั โมง/สัปดาห์ ศกึ ษา สงั เกต รวบรวมขอ้ มูล ขอ้ ปฏิบัติต่าง ๆ อภิปราย ซกั ถาม บนั ทึก หาคาตอบ อธิบาย แลกเปล่ียนข้อมูล คิดวิเคราะห์ ความสาคัญของระบบสบื พันธ์ุ ระบบไหลเวยี นโลหิต และระบบ หายใจทม่ี ีตอ่ สุขภาพ การสรา้ งและรักษาสัมพนั ธภาพกบั ผ้อู ่ืน พฤติกรรมเสย่ี งที่อาจนาไปสู่การมี เพศสัมพนั ธก์ อ่ นวัยอันควร สาเหตขุ องการติดสารเสพติด สามารถ แสดง เลือก เสนอแนวทางและวธิ ี ปฏิบัติในการป้องกนั โรคติดต่อท่ีสาคัญ ความรับผิดชอบต่อสขุ ภาพส่วนรวม สร้างเสริมสมรรถภาพทาง กายเพอ่ื สุขภาพ การปฐมพยาบาล ความปลอดภัยจากภัยธรรมชาติและเคล่อื นยา้ ยผู้ป่วยอย่างปลอดภยั รายวชิ า พลศึกษา (เวลา 40 ชว่ั โมง/ปี 1 ช่ัวโมง/สปั ดาห)์ ใช้หลักการและรปู แบบของวทิ ยาศาสตรก์ ารเคลือ่ นไหว บอกวธิ ี จาแนก ฝกึ ควบคุม เขา้ ร่วมกิจกรรม เคลือ่ นไหวรา่ งกาย แบบผลัดและผสมผสานทง้ั แบบอย่กู บั ท่ี เคลอ่ื นท่แี ละใช้อปุ กรณ์ ประกอบ การใช้แรง การรบั แรง ความสมดุลในการเคลื่อนไหว กฬี าไทย กีฬาสากล กีฬายอดนยิ ม กิจกรรมนนั ทนาการ กายบรหิ าร การละเล่นของเดก็ ไทย เกมแบบผลดั ออกกาลงั กายสร้างเสริม สมรรถภาพทางกายและทางจติ ทดสอบสมรรถภาพเพือ่ สุขภาพ เหน็ คณุ คา่ ของตนเองและผอู้ ืน่ ศึกษา หาความรู้ องค์ประกอบของสมรรถภาพทางกายเพ่ือสขุ ภาพ มีทกั ษะการเคล่ือนไหวในชวี ติ ประจาวัน มี ทักษะการเคลือ่ นไหวเบ้ืองตน้ มรี ะเบยี บวนิ ัยเคารพสิทธกิ ฎและกตกิ า เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางกายอยา่ ง สมา่ เสมอ มสี มรรถภาพทางกายเพื่อสขุ ภาพ รักการออกกาลงั กายและการเล่นกฬี า มนี ้าใจนกั กฬี า เปน็ ผู้นาและผตู้ ามทด่ี ี ชืน่ ชมในสนุ ทรียภาพทางกีฬา เออื้ อาทร เสยี สละและคานงึ ถึงสว่ นรวม มีจติ วิญญาณ ในการแข่งขันและรว่ มมอื อย่างสนั ติ รับผิดชอบหน้าที่ที่ไดร้ บั มอบหมาย มจี ติ สานกึ ในการใช้เวลาใหเ้ ป็น ประโยชน์ อยา่ งสรา้ งสรรค์ และมนี า้ ใจนักกีฬา รหัสตัวชี้วัด พ 1.1 ป.6/1, ป.6/2 พ 2.1 ป.6/1, ป.6/2 พ 3.1 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4, ป.6/5 พ 3.2 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4, ป.6/5, ป.6/6 พ 4.1 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4 พ 5.1 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3 รวม 22 ตวั ชี้วัด

51 โครงสรา้ งรายวชิ า รายวชิ าสขุ ศึกษาและพลศกึ ษา พ16101 ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 เวลา 80 ช่ัวโมง ลาดับท่ี ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก เรียนรู้ / ตัวชว้ี ัด (ชัว่ โมง) (คะแนน) 1 ความสาคัญของ พ 1.1 ป.6/1 ระบบสบื พันธุ์ ระบบ 4 5 ระบบภายในร่างกาย ไหลเวียนโลหิต และ ระบบหายใจ พ 1.1 ป.6/2 วธิ ดี แู ลรักษาระบบ 3 5 สืบพนั ธรุ์ ะบบไหลเวียน โลหิตและระบบหายใจ 5 2 การสร้างและรกั ษา พ 2.1 ป.6/1 ความสาคัญของการ 2 สมั พนั ธภาพกบั ผู้อน่ื สรา้ งและรกั ษา 3 เพศศึกษา สมั พันธภาพ 5 5 พ 2.1 ป.6/2 -พฤติกรรมเส่ียงการมี เพศสมั พันธ์ การติดเชื้อเอดสแ์ ละ การต้ังครรภ์ก่อนวยั อนั ควร -ลักษณะอาการของ เอดส(์ กรงุ เทพศึกษา) 2 2 4 หลกั การเคลอื่ นไหว พ 3.1 ป.6/2 การพฒั นาทกั ษะการ ร่างกาย เคลอื่ นไหว 5 กิจกรรมทางกายและ พ 3.1 ป.6/1 กายบรหิ ารประกอบ 6 5 การเคล่อื นไหว เพลง และการยืด- ประกอบเพลง หยนุ่ ขั้นพ้ืนฐาน พ 3.2 ป.6/1 หลกั การออกกาลังกาย 2 2 เพอ่ื สขุ ภาพและการ สรา้ งเสริมบคุ ลิกภาพ 6 กิจกรรมนนั ทนาการ พ 3.1 ป.6/5 ประเภทของกิจกรรม 2 5 นันทนาการ พ 3.2 ป.6/2 ทกั ษะการวางแผนและ 2 2 การเพิ่มพูนทักษะ พ 3.2 ป.6/6 ความสามัคคแี ละความ 2 2 มีนา้ ใจนักกีฬา 7 การออกกาลงั กาย พ 3.1 ป.6/3 กีฬาไทย กฬี าสากล 10 10 โดยการเลน่ กฬี า ประเภทบคุ คลและทีม

52 ลาดบั ท่ี ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก เรยี นรู้ / ตัวช้วี ดั (ชวั่ โมง) (คะแนน) 8 การทดสอบและการ ทกั ษะทาง กลไก 9 ปรับปรุงสมรรถภาพ พ 3.1 ป.6/4 ประเมนิ ทักษะการเล่น 4 5 ทางกาย พ 3.2 ป.6/3 กฬี า 2 2 10 สิง่ แวดล้อมกับ พ 3.2 ป.6/4 กฎ กติกาในการเล่น 2 2 ลาดับที่ สุขภาพ พ 3.2 ป.6/5 กฬี าไทยและกฬี าสากล 2 2 พ 3.2 ป.6/6 กลวธิ ีการรุกและการ 2 1 11 โรคติดต่อท่ีสาคญั ใน ป้องกนั ประเทศไทย พ 4.1 ป.6/4 การสรา้ งความสามัคคี 2 10 12 ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ และความมนี า้ ใจ ภัยธรรมชาติ พ 4.1 ป.6/1 นักกีฬา 4 3 วิธที ดสอบและการ สารเสพติดใหโ้ ทษ พ 4.1 ป.6/3 ปรบั ปรงุ สมรรถภาพ 2 2 ทางกาย พ 4.1 ป.6/2 ความสาคญั ของ 6 5 มาตรฐานการ สง่ิ แวดลอ้ มที่มีผลต่อ เวลา น้าหนกั เรยี นรู้ / ตวั ชี้วัด สขุ ภาพ การปอ้ งกัน (ชวั่ โมง) (คะแนน) พ 5.1 ป.6/1 และแก้ไขปัญหา 4 สง่ิ แวดล้อม 5 พ 5.1 ป.6/2 พฤติกรรม ความ 4 รบั ผิดชอบตอ่ สุขภาพ 5 พ 5.1 ป.6/3 ของสว่ นรวม 6 การปอ้ งกนั โรคตดิ ตอ่ 10 สาระสาคัญ ภยั ธรรมชาติ ผลกระทบจากความ รนุ แรงของอุบตั ภิ ัย (กรงุ เทพศกึ ษา) การปฏบิ ตั ติ นเพ่อื ความ ปลอดภัยจากภยั ธรรมชาติ สาเหตุของการตดิ สาร เสพติดและทกั ษะการ

ลาดบั ท่ี ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ สาระสาคญั 53 เรยี นรู้ / ตวั ช้ีวัด สอ่ื สารให้ผอู้ ่ืน เวลา นา้ หนกั หลกี เลี่ยงสารเสพติด (ชั่วโมง) (คะแนน)

54 เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผลการเรียน 1. การตดั สิน การให้ระดับและการรายงานผลการเรยี น 1.1 การตัดสนิ ผลการเรยี น ในการตดั สนิ ผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ การอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขยี น คุณลกั ษณะ อนั พึงประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียนนน้ั ผู้สอนตอ้ งคานงึ ถงึ การพฒั นาผ้เู รยี นแตล่ ะคนเปน็ หลกั และ ตอ้ งเกบ็ ข้อมูลของผู้เรียนทกุ ด้านอยา่ งสม่าเสมอและตอ่ เน่ืองในแตล่ ะภาคเรยี น รวมทง้ั สอนซอ่ มเสรมิ ผเู้ รียนให้พฒั นาจนเตม็ ตามศักยภาพ ระดบั ประถมศึกษา (1) ผเู้ รยี นต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทงั้ หมด (2) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทกุ ตวั ชี้วดั และผ่านตามเกณฑท์ ่ีสถานศึกษา กาหนด (3) ผ้เู รียนตอ้ งได้รบั การตดั สินผลการเรียนทกุ รายวิชา (4) ผู้เรียนต้องไดร้ ับการประเมนิ และมผี ลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่ สถานศกึ ษากาหนด ในการอา่ น คิดวเิ คราะห์และเขียน คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ และกิจกรรม พฒั นาผเู้ รยี น 2. การใหร้ ะดับผลการเรยี น ระดบั ประถมศึกษาในการตัดสินเพือ่ ใหร้ ะดบั ผลการเรยี นรายวชิ า สถานศึกษาสามารถ ให้ระดบั ผลการเรยี นหรือระดบั คณุ ภาพการปฏบิ ัติของผเู้ รยี น เป็นระบบตัวเลข ระบบตวั อักษร ระบบ รอ้ ยละ และระบบท่ีใช้คาสาคญั สะท้อนมาตรฐาน การประเมินการอ่าน คดิ วิเคราะหแ์ ละเขยี น และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงคน์ ้ัน ให้ระดับ ผลการประเมินเปน็ ดีเยย่ี ม ดี และผ่าน การประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น จะตอ้ งพจิ ารณาท้งั เวลาการเข้ารว่ มกจิ กรรม การ ปฏบิ ัติกจิ กรรมและผลงานของผู้เรียน ตามเกณฑ์ทสี่ ถานศกึ ษากาหนด และใหผ้ ลการเขา้ ร่วมกจิ กรรมเป็น ผ่าน และไม่ผา่ น การประเมนิ ผลการเรียนรตู้ ามกลุ่มสาระการเรยี นรู้ 8 กล่มุ เพ่ือประเมนิ ผลการเรียนรแู้ ละพัฒนาการของผูเ้ รียนในรายวิชาต่าง ๆ ท้งั 8 กลุ่มสาระ วา่ ผ้เู รยี นมีความรตู้ ามตัวชวี้ ัดชนั้ ปีของแตล่ ะวิชาครบถ้วนหรือไม่ และเพอ่ื ตรวจสอบวา่ ผูเ้ รยี นเกิดความรู้ ทกั ษะกระบวนการ และคณุ ธรรมคา่ นิยม ตามตัวช้วี ัดชน้ั ปหี รอื ไม่ วธิ ีการประเมนิ 1. ประเมินและตัดสินผลการเรียนรเู้ ป็นรายวิชา โดยยดึ ผลการเรยี นรู้ตามตวั ชีว้ ดั ช้ันปเี ป็น เป้าหมาย โดยใช้เกณฑว์ ่าต้องไดร้ ับการประเมนิ การเรยี นรู้ตามตัวชว้ี ัดชน้ั ปีทุกตัวชี้วัด จึงจะผ่านเกณฑ์การ ประเมนิ

55 2. ประเมินผู้เรยี นด้วยวิธที ี่หลากหลาย เน้นการประเมินตามสภาพจริง และดาเนนิ กาอยา่ ง ต่อเนือ่ ง ควบค่ไู ปกบั การเรียนการสอน 3. สัดส่วนการประเมนิ ผลระหว่างเรยี นกบั การสอบปลายภาคตลอดปกี ารศึกษา เปน็ ดงั น้ี วิชา สัดสว่ นคะแนนระหว่างภาคและปลายภาคตลอดป/ี ภาคเรียน ชั้น ป.1 ป.2 ป.3 ป.4 ป.5 ป.6 สาระการเรยี นรู้ 1. ภาษาไทย 70 :30 70 :30 70 :30 70 :30 70 :30 70 :30 2. คณติ ศาสตร์ 70 :30 70 :30 70 :30 70 :30 70 :30 70 :30 3. วิทยาศาสตร์ 70 :30 70 :30 70 :30 70 :30 70 :30 70 :30 4. สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 70 :30 70 :30 70 :30 70 :30 70 :30 70 :30 5. สุขศึกษาและพลศกึ ษา 80 :20 80 :20 80 :20 80 :20 80 :20 80 :20 6. ศลิ ปะ 80 :20 80 :20 80 :20 80 :20 80 :20 80 :20 7. การงานอาชีพและเทคโนโลยี 80 :20 80 :20 80 :20 80 :20 80 :20 80 :20 8. ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) 70 :30 70 :30 70 :30 70 :30 70 :30 70 :30 4. การประเมินผลการเรยี นรรู้ ะหวา่ งเรยี น คะแนนได้มาจาก 4.1 แบบฝึกหัด โครงงาน รายงาน ผลงานตา่ ง ๆ 4.2 แบบทดสอบยอ่ ย ๆ 4.3 แบบสังเกตพฤติกรรม 4.4 การปฏบิ ัติกจิ กรรม 4.5 วธิ ีอ่นื ๆ ตามทค่ี รูผู้สอนกาหนด เกณฑ์การประเมนิ รายวิชาตามกลุม่ สาระการเรียนรู้ ตดั สินผลการประเมนิ เปน็ 8 ระดบั ดังนี้ “4” หมายถึง ผลการเรียน เย่ียม “3.5” หมายถงึ ผลการเรียน ดมี าก “3” หมายถงึ ผลการเรียน ดี “2.5” หมายถงึ ผลการเรยี น คอ่ นข้างดี “2” หมายถึง ผลการเรียน นา่ พอใจ “1.5” หมายถึง ผลการเรยี น พอใช้ “1” หมายถึง ผลการเรียน ผ่านเกณฑข์ ั้นตา่ “0” หมายถึง ผลการเรียน ตา่ กว่าเกณฑข์ ้นั ตา่

56 การประเมนิ การอา่ น คดิ วิเคราะหแ์ ละเขียน ใหร้ ะดับผลการประเมนิ เปน็ ผ่านและไม่ผา่ น กรณที ่ีผ่านให้ระดบั ผลการเรียนเป็น ดีเยยี่ ม ดี และผ่าน ดเี ยยี่ ม หมายถึง สามารถจับใจความสาคัญได้ครบถ้วน เขียนวิพากษ์วิจารณ์ เขียนสร้างสรรค์ แสดงความคิดเห็นประกอบอยา่ งมีเหตุผลได้ถูกต้องและสมบรู ณ์ ใช้ภาษาสภุ าพ และเรียบเรียงได้ สละสลวย ดี หมายถงึ สามารถจบั ใจความสาคัญได้ เขยี นวพิ ากษ์วจิ ารณ์ และเขยี นสรา้ งสรรคไ์ ด้ โดยใชภ้ าษาสภุ าพ ผ่าน หมายถึง สามารถจบั ใจความสาคญั และเขียนวิพากษว์ ิจารณไ์ ดบ้ า้ ง การประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ใหร้ ะดับผลการประเมินเป็นผา่ นและไม่ผ่าน กรณีที่ผ่านใหร้ ะดับผลการเรียนเป็นดีเยี่ยม ดีและ ผา่ น ดเี ยี่ยม หมายถงึ ผ้เู รียนมคี ุณลักษณะในการปฏิบัติจนเป็นนสิ ยั และนาไปใช้ในชีวติ ประจาวัน เพ่อื ประโยชน์สุขของตนเองและสงั คม ดี หมายถึง ผู้เรยี นมคี ุณลักษณะในการปฏิบตั ิตามกฎเกณฑ์ เพอื่ ให้เป็นทย่ี อมรบั ของ สงั คม ผ่าน หมายถงึ ผเู้ รยี นรบั รู้และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และเง่อื นไขที่สถานศึกษากาหนด

57 อภิธานศพั ท์ กลไกของร่างกายทใี่ ช้ในการเคลอ่ื นไหว (Body Mechanism) กระบวนการตามธรรมชาติในการเคล่ือนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกายตามลักษณะโครงสร้าง หน้าที่ และการทางานร่วมกันของข้อต่อ กล้ามเน้ือ กระดูกและระบบประสาทท่ีเกี่ยวข้องภายใต้ ขอบขา่ ย เง่อื นไข หลกั การ และปจั จัยด้านชวี กลศาสตรท์ ่ีมผี ลต่อการเคล่ือนไหว เชน่ ความมนั่ คง (Stability) ระบบคาน (Leverage) การเคลอ่ื น (Motion) และแรง (Force) การเคลือ่ นไหวเฉพาะอยา่ ง (Specialized Movement) การผสมผสานกันระหว่างทักษะย่อยของทักษะการเคลื่อนไหวพ้ืนฐานต่าง ๆ การออกกาลังกาย การเล่นเกม และการเล่นกีฬาต่าง ๆ ซึ่งมีความจาเป็นสาหรับกิจกรรมทางกาย เช่น การขว้างลูก ซอฟท์บอล ต้องอาศัยการผสมผสานของทักษะการสไลด์ (การเคล่ือนไหวแบบเคลื่อนที่) การขว้าง (การเคล่ือนไหวแบบประกอบอุปกรณ์) การบิดตัว (การเคลื่อนไหวแบบไม่เคล่ือนท่ี) ทักษะท่ีทา บางอย่างยิ่งมีความซับซ้อนและตอ้ งใช้การผสมผสานของทักษะการเคล่อื นไหวพื้นฐานหลาย ๆ ทักษะ รวมกนั การเคลื่อนไหวในชีวิตประจาวัน (Daily Movement) รูปแบบหรือทกั ษะการเคลอื่ นไหวร่างกายในอิรยิ าบถต่าง ๆ ทีบ่ ุคคลท่วั ไปใชใ้ นการ ดาเนนิ ชีวิต ไมว่ ่าเพื่อการประกอบกจิ วตั รประจาวัน การทางาน การเดนิ ทางหรอื กิจกรรมอน่ื ๆ เชน่ การยืน ก้ม น่ัง เดิน ว่งิ โหนรถเมล์ ยกของหนัก ปีนป่าย กระโดดลงจากทีส่ งู ฯลฯ การเคลื่อนไหวพ้นื ฐาน (Fundamental Movements) ทกั ษะการเคล่ือนไหวร่างกายท่ีจาเป็นสาหรับชีวิตและการดาเนินชีวิตของมนุษย์ ในการปฏิบัติ กิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นทักษะที่มีการพัฒนาในช่วงวัยเด็ก และจะเป็นพ้ืนฐาน สาหรับการประกอบกิจกรรมต่าง ๆ เม่ือเจรญิ วัยสูงข้นึ ตลอดจนเป็นพ้ืนฐานของการ มคี วามสามารถ ในการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเล่นกีฬา การออกกาลังกาย และการประกอบกิจกรรม นันทนาการ การเคล่ือนไหวพ้ืนฐาน สามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น ๓ ประเภท คือ ๑. การเคล่ือนไหวแบบเคลื่อนท่ี (Locomotor Movement) หมายถึง ทักษะการ เคลอื่ นไหว ทใ่ี ช้ในการเคลอ่ื นรา่ งกายจากท่ีหนึ่งไปยงั อีกทห่ี น่ึง ได้แก่ การเดนิ การว่งิ การกระโดด สลับเทา้ การกระโจน การสไลด์ และการว่ิงควบม้า ฯลฯ หรือการเคลื่อนทใ่ี น แนวดิ่ง เช่น การกระโดด ทักษะการเคลื่อนไหวเหล่าน้ีเป็นพ้ืนฐานของการทางานประสานสัมพันธ์ ทางกลไกแบบไม่ซบั ซ้อน และเปน็ การเคลื่อนไหวรา่ งกายที่ใชก้ ล้ามเน้อื มัดใหญ่ ๒. การเคลื่อนไหวแบบอยู่กับท่ี (Nonlocomotor Movement) หมายถึง ทักษะการ เคลอ่ื นไหวทป่ี ฏิบตั ิโดยร่างกายไม่มีการเคล่อื นที่ของร่างกาย ตวั อยา่ งเช่น การกม้ การเหยยี ด การผลัก และดนั การบดิ ตวั การโยกตัว การไกวตวั และการทรงตวั เปน็ ต้น

58 ๓. การเคลื่อนไหวแบบประกอบอุปกรณ์ (Manipulative Movement) เป็นทักษะการ เคลื่อนไหวท่ีมีการบังคับหรือควบคุมวัตถุ ซึ่งส่วนใหญ่จะเก่ียวข้องกับการใช้มือและเท้า แต่ส่วนอ่ืน ๆ ของรา่ งกายกส็ ามารถใช้ได้ เช่น การขวา้ ง การตี การเตะ การรบั เป็นตน้ การจัดการกบั อารมณแ์ ละความเครยี ด (Emotion and Stress Management) วิธคี วบคุมอารมณค์ วามเครียดและความคับข้องใจ ท่ีไม่เป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อ่นื แล้ว ลงมือปฏิบัติอย่างเหมาะสม เช่น ทาสมาธิ เล่นกีฬา การร่วมกิจกรรม นันทนาการ การคลาย กลา้ มเน้ือ (muscle relaxation) การชว่ ยฟ้นื คืนชพี (Cardiopulmonary Resuscitation = CPR) การช่วยชวี ิตเบอ้ื งต้นก่อนส่งต่อใหแ้ พทย์ในกรณีผู้ปว่ ยหัวใจหยดุ เตน้ โดยการนวดหัวใจและผาย ปอดไปพร้อม ๆ กนั การดแู ลเบอ้ื งตน้ (First Care) การใหก้ ารดแู ลสขุ ภาพผปู้ ่วยในระยะพักฟืน้ และ / หรอื การปฐมพยาบาล การพัฒนาทย่ี ัง่ ยนื (Sustainable Development) การพัฒนาท่ีเป็นองค์รวมของความเป็นมนุษย์ตามแนวทางของพระธรรมปิฏก (ประยุทธ์ ปยุตโต) เป็นการพัฒนาที่เป็นบูรณาการ คือ ทาให้เกิดเป็นองค์รวมหมายความว่า องค์ประกอบทั้งหลาย ที่ เกี่ยวขอ้ ง จะต้องประสานกันครบทั้งร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ สังคม และจิตวญิ ญาณ และมีดลุ ยภาพ สอดคล้องกับกฎเกณฑข์ องธรรมชาติ การละเลน่ พื้นเมอื ง (Folk Plays) กิจกรรมเล่นด้ังเดิมของคนในชุมชนแต่ละท้องถ่ิน ซ่ึงเป็นส่วนหน่ึงของการดาเนินชีวิตหรือวิถี ชีวิต เพื่อเป็นการผ่อนคลายอารมณ์ ความเครียด และสร้างเสริมให้มีกาลังกายแข็งแรง สติปัญญาดี จติ ใจเบิกบานสนุกสนาน อันก่อให้เกิดความสัมพันธ์ท่ีดีต่อกัน และเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม เช่น กจิ กรรมการเล่นของชุมชนทอ้ งถน่ิ ว่ิงเปยี้ ว ชักเยอ่ ขมี่ ้าส่งเมือง ตีจบั มอญซ่อนผ้า รีๆข้าวสาร ว่ิง กระสอบ สะบ้า กระบก่ี ระบอง มวยไทย ตะกร้อวง ตะกร้อลอดบว่ ง กจิ กรรมเขา้ จงั หวะ (Rhythmic Activities) การแสดงออกของร่างกาย โดยการเคล่ือนไหวส่วนต่าง ๆ ของรา่ งกายให้เขา้ กับอัตราความ ช้า – เร็วของตวั โน้ต กจิ กรรมนันทนาการ (Recreation Activities) กจิ กรรมที่บุคคลได้เลอื กทาหรือเข้าร่วมดว้ ยความสมัครใจในเวลาว่าง และผลที่ได้รับเป็นความ พึงพอใจ ไม่เป็นภยั ตอ่ สังคม

59 กิจกรรมรบั นา้ หนกั ตนเอง (Weight Bearing Activities) กิจกรรมการออกกาลังกายที่มีการเคลื่อนไหวบนพื้น เช่น การเดิน การวิ่ง การกระโดด เชือก ยิมนาสติก การเต้นราหรือการเต้นแอโรบิก โดยกล้ามเนื้อส่วนท่ีรับน้าหนักต้องออกแรง กระทากบั นา้ หนักของตนเองในขณะปฏบิ ตั กิ จิ กรรม กีฬาไทย (Thai Sports) กีฬาท่ีมีพ้ืนฐานเช่ือมโยงกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของท้องถิ่นและสังคมไทย เช่น กระบ่ี กระบอง มวยไทย ตะกร้อ กฬี าสากล (International Sports) กฬี าท่ีเปน็ ที่ยอมรบั จากมวลสมาชกิ ขององค์กรกีฬาระดับนานาชาติใหเ้ ป็นชนิดกีฬาที่บรรจุอยู่ใน เกมการแข่งขัน เชน่ ฟุตบอล วอลเลย์บอล เทนนสิ แบดมินตัน เกณฑ์สมรรถภาพทางกาย (Physical Fitness Reference) ค่ามาตรฐานท่ีได้กาหนดข้ึน (จากการศึกษาวิจัยและกระบวนการสถิติ) เพ่ือเป็นดัชนีสาหรับ ประเมนิ เปรียบเทียบว่าบคุ คลท่ไี ด้รับคะแนน หรอื ค่าตัวเลข (เวลา จานวน ครั้ง นา้ หนัก ฯลฯ) จาก การทดสอบสมรรถภาพทางกายแต่ละรายการทดสอบนั้น มีสมรรถภาพทางกายตามองค์ประกอบ ดังกล่าวอย่ใู นระดับคุณภาพใด โดยทัว่ ไปแลว้ นยิ มจดั ทาเกณฑใ์ น ๒ ลกั ษณะ คอื ๑. เกณฑ์ปกติ (Norm Reference) เปน็ เกณฑ์ที่จดั ทาจากการศกึ ษากลุ่มประชากร ท่ีจาแนก ตามกลุ่มเพศและวยั เป็นหลัก ส่วนใหญ่แล้วจะจดั ทาในลกั ษณะของเปอร์เซ็นไทล์ ๒. เกณฑ์มาตรฐาน (Criterion Reference) เป็นระดับคะแนนหรือค่ามาตรฐานที่กาหนดไว้ ล่วงหน้า สาหรับแต่ละราย การทดสอบเพ่ือเป็นเกณฑ์การตัดสินว่าบุคคลท่ีรับการทดสอบ มี สมรรถภาพหรือความสามารถผ่านตามเกณฑท์ ไ่ี ด้กาหนดไว้หรือไม่ มิไดเ้ ป็นการเปรยี บเทียบกบั บคุ คลอ่ืน ๆ ความคดิ รวบยอดเกี่ยวกบั การเคลอ่ื นไหว (Movement Concepts) ความสมั พันธร์ ะหว่างขนาด จงั หวะ เวลา พืน้ ที่ และทศิ ทางในการเคลอ่ื นไหวร่างกาย ความเข้าใจถึงความเก่ียวข้องเชื่อมโยง และความพอเหมาะพอดรี ะหวา่ งขนาดของแรงท่ีใช้ ใน การเคล่อื นไหวรา่ งกายหรอื วัตถุ ดว้ ยห้วงเวลา จังหวะและทศิ ทางท่ีเหมาะสมภายใต้ข้อจากดั ของพน้ื ท่ี ท่ีมอี ยู่ และสามารถแปรความเข้าใจดังกลา่ วทั้งหมดไปสูก่ ารปฏิบัติการเคล่ือนไหวในการเล่นหรือแข่งขัน กีฬา

60 ความเสี่ยงต่อสุขภาพ (Health Risk) การประพฤติปฏิบัติท่อี าจนาไปสู่การเกิดอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพของตนเองและผู้อื่น เช่น การขับรถเร็ว การกินอาหารสุก ๆ ดบิ ๆ ความสาส่อนทางเพศ การมีน้าหนักตัวเกิน การขาด การ ออกกาลงั กาย การสูบบุหร่ี การดืม่ สุรา การใช้ยาและสารเสพตดิ คา่ นยิ มทางสังคม (Health Value) คุณสมบัติของสิ่งใดก็ตาม ซ่ึงทาให้ส่ิงน้ันเป็นประโยชน์น่าสนใจ สิ่งที่บุคคลยึดถือในการ ตัดสนิ ใจและกาหนดการกระทาของตนเองเกีย่ วกับพฤติกรรมสุขภาพ คณุ ภาพชีวติ (Quality of Life) ความรับรู้หรือเข้าใจของปัจเจกบุคคลที่มีต่อสถานภาพชีวิตของตนเองภายใต้บริบทของระบบ วัฒนธรรมและคา่ นยิ มทเี่ ขาใช้ชีวิตอยู่ และมีความเชอื่ มโยงกับจดุ มุ่งหมาย ความคาดหวัง มาตรฐาน รวมท้ังความกังวลสนใจท่ีเขามีต่อสิ่งตา่ ง ๆ คุณภาพชีวติ เป็นมโนคติท่ีมีขอบเขตกว้างขวาง ครอบคลุม เร่ืองต่าง ๆ ที่สลับซับซ้อน ได้แก่ สุขภาพทางกาย สภาวะทางจิต ระดับความเป็นตัวของตัวเอง ความสมั พันธ์ตา่ ง ๆ ทางสังคม ความเช่อื สว่ นบคุ คล และสัมพันธภาพทด่ี ีตอ่ ส่ิงแวดลอ้ ม จติ วญิ ญาณในการแข่งขัน (Competitive Spiritual) ความมุ่งม่ัน การทุ่มเทกาลังกาย กาลังใจ ความรู้ ความสามารถในการแข่งขัน และร่วมมือ อยา่ งสันตเิ ตม็ ความสามารถ เพอื่ ให้ได้มาซงึ่ ผลทีต่ นเองต้องการ ทกั ษะชีวติ (Life Skills) เป็นคุณลักษณะหรือความสามารถเชิงสังคมจิตวิทยา (Psychosocial Competence) และ เป็นความสามารถทางสติปัญญา ที่ทุกคนจาเป็นต้องใช้ในการเผชิญสถานการณ์ต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้น ใน ชีวิตประจาวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถพัฒนาขึ้นได้ด้วยการฝึกและกระทาซ้า ๆ ให้เกิดความ คลอ่ งแคล่ว เคยชิน จนเป็นลกั ษณะนิสัย ประกอบด้วยทกั ษะตา่ ง ๆ ดังน้ี คอื การร้จู กั ตนเอง เข้าใจ ตนเองและเห็นคุณค่าของตนเอง การรู้จักคิดอย่างมีวิจารณญาณและคิดสร้างสรรค์ การรู้จักคิด ตัดสินใจและแก้ปัญหา การรู้จักแสวงหาและใช้ขอ้ มลู ความรู้ การส่ือสารและการสรา้ งสัมพันธภาพกับ ผอู้ ื่น การจัดการกับอารมณ์และความเครียด การปรับตัวทา่ มกลางการเปลยี่ นแปลง การตั้งเป้าหมาย การวางแผนและดาเนินการตามแผน ความเหน็ ใจผู้อื่น ความรับผิดชอบต่อสงั คมและซาบซ้ึงในส่ิงที่ดี งามรอบตวั ธงโภชนาการ (Nutrition Flag) เป็นเครื่องมือที่ช่วยอธิบายและทาความเข้าใจโภชนบัญญัติ ๙ ประการ เพ่ือนาไปสู่การปฏิบัติ โดยกาหนดเป็นภาพ “ธงปลายแหลม” แสดงกลมุ่ อาหารและสัดส่วนการกินอาหารในแต่ละกลุ่ม มาก น้อยตามพน้ื ที่ สงั เกตไดช้ ัดเจนวา่ ฐานใหญด่ า้ นบนเน้นให้กนิ มากและปลายธงข้างลา่ งบอกใหก้ นิ นอ้ ย ๆ เท่าที่จาเป็นโดยมีฐานมาจากข้อปฏิบัติการบริโภคอาหารเพ่ือสุขภาพที่ดีของคนไทย หรือ โภชนบัญญัติ ๙ ประการ คือ

61 ๑. กนิ อาหารครบ ๕ หมู่ แตล่ ะหมู่ให้หลากหลายและหมัน่ ดแู ลนา้ หนักตวั ๒. กนิ ข้าวเปน็ อาหารหลกั สลับกบั อาหารประเภทแป้งเปน็ บางมือ้ ๓. กินพืชผกั ให้มากและกนิ ผลไม้เปน็ ประจา ๔. กินปลา เน้ือสัตวไ์ มต่ ดิ มัน ไข่ และถั่วเมลด็ แห้งเป็นประจา ๕. ดม่ื นมให้เหมาะสมตามวยั ๖. กนิ อาหารท่มี ีไขมนั แต่พอควร ๗. หลีกเล่ียงการกินอาหารรสหวานจดั และเคม็ จดั ๘. กินอาหารท่ีสะอาด ปราศจากการปนเปอ้ื น ๙. งดหรอื ลดเครือ่ งดืม่ ทมี่ ีแอลกอฮอล์ น้าใจนกั กีฬา (Spirit) เปน็ คณุ ธรรมประจาใจของการเลน่ รว่ มกนั อยรู่ ่วมกนั และมีชีวิตอยรู่ ่วมกันในสงั คม ได้อย่าง ปกตสิ ขุ และมีประสทิ ธิภาพ พฤติกรรมทแ่ี สดงถึงความมนี ้าใจนกั กีฬา เชน่ การมวี ินัย เคารพกฎกติกา รู้แพ้ รู้ชนะ ร้อู ภัย บริการสขุ ภาพ (Health Service) บรกิ ารทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ทง้ั ของรฐั และเอกชน ประชาสงั คม (Civil Society) เครอื ข่าย กล่มุ ชมรม สมาคม มลู นิธิ สถาบนั องคก์ ร หรอื ชมุ ชนทีม่ กี จิ กรรมการเคลือ่ นไหว ทางสงั คม เพือ่ ประโยชน์ร่วมกนั ของกลุม่ ผลติ ภัณฑ์สขุ ภาพ (Health Products) ยา เครือ่ งสาอาง อาหารสาเรจ็ รูป เครือ่ งปรงุ รสอาหาร อาหารเสริม วิตามิน พฤติกรรมเบ่ียงเบนทางเพศ (Sex Abuse) การประพฤติปฏิบัติใด ๆ ท่ีไม่เป็นไปตามธรรมชาติทางเพศตนเอง เช่น มีจิตใจรักชอบในเพศ เดียวกัน การแตง่ ตวั หรือแสดงกิรยิ าเปน็ เพศตรงขา้ ม พฤตกิ รรมสุขภาพ (Health Behaviour) การปฏิบัติหรือกิจกรรมใด ๆ ในด้านการป้องกัน การสร้างเสริม การรักษาและการฟ้ืนฟู สุขภาพ อันมผี ลต่อสภาวะทางสุขภาพของบคุ คล พฤติกรรมเส่ียง (Risk Behaviour) รูปแบบจาเพาะของพฤติกรรม ซงึ่ ได้รับการพสิ ูจนแ์ ลว้ ว่า มีความสัมพันธก์ ับการเพ่ิมโอกาส ที่ จะป่วยจากโรคบางชนดิ หรือการเสือ่ มสุขภาพมากข้ึน

62 พลงั ปัญญา (Empowerment) กระบวนการสรา้ งเสรมิ ศกั ยภาพแกบ่ คุ คลและชุมชนให้เป็นผู้สนใจใฝร่ ู้ และมีอานาจ ในการคิด การตัดสินใจ การแก้ปญั หาด้วยชุมชนเองได้เป็นส่วนใหญ่ นอกจากนั้นบุคคลและชุมชน ยังสามารถ ควบคุมสภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพให้อยู่ในสภาพที่เอ้ือต่อการสร้างเสริมและพัฒนา สุขภาพ ภาวะทุพโภชนาการ (Malnutrition) การขาดสารอาหารที่จาเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก ทาให้มีผลกระทบต่อ สขุ ภาพ ภาวะผนู้ า (Leadership) การมีคุณลักษณะในการเป็นหัวหน้า สามารถชักชวนและชี้นาสมาชิกในกลุ่มร่วมมือร่วมใจกัน ปฏิบตั ิงานให้สาเรจ็ ลลุ ่วงไปดว้ ยดี ภูมปิ ัญญาไทย (Thai Wisdom) สติปญั ญา องค์ความรู้และคา่ นิยมทนี่ ามาใช้ในการดาเนินชวี ติ ได้อยา่ งเหมาะสม เปน็ มรดกทาง วัฒนธรรมท่ีเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ ความรู้แขนงต่าง ๆ ของบรรพชนไทยนับแต่อดีต สอดคล้องกับวถิ ชี วี ิต ภูมปิ ัญญาไทย จึงมีความสาคญั ตอ่ การพฒั นาชวี ติ ความเป็นอยขู่ องคนไทย ท้ัง ดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม ลกั ษณะของภมู ปิ ัญญาไทย มีองค์ประกอบตอ่ ไปน้ี ๑. คติ ความเชื่อ ความคดิ หลกั การที่เป็นพื้นฐานขององคค์ วามรทู้ เ่ี กดิ จากสัง่ สมถ่ายทอดกนั มา ๒. ศลิ ปะ วฒั นธรรม และขนบธรรมเนยี มประเพณี ๓. การประกอบอาชีพในแต่ละท้องถนิ่ ทีไ่ ดร้ บั การพัฒนาให้เหมาะสมกบั สมยั ๔. แนวคิด หลักปฏิบัติ และเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่นามาใช้ในชุมชน ซึ่งเป็นอิทธิพลของ ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตวั อย่างภูมิปัญญาไทยทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับสุขภาพ เช่น การแพทย์แผนไทย สมุนไพร อาหารไทย ยาไทย ฯลฯ แรงขบั ทางเพศ (Sex Drive) แรงขบั ทีเ่ กิดจากสัญชาตญาณทางเพศ ลว่ งละเมิดทางเพศ (Sexual Abuse) การใช้คาพูด การจบั จูบ ลูบ คลา และ / หรือร่วมเพศ โดยไม่ได้รับการยินยอมจาก ฝ่าย ตรงข้าม โดยเฉพาะกับผู้เยาว์

63 สติ (Conscious) ความรู้สึกตัวอยู่เสมอในการรับรู้สิ่งต่าง ๆ การให้หลกั การและเหตุผลในการปอ้ งกัน ยับยัง้ ช่ัง ใจ และควบคุมตนเองเพื่อไม่ให้คิดผิดทาง ไม่หลงลืม ไม่เครียด ไม่ผิดพลาด ก่อให้เกิดพฤตกิ รรมท่ี ถกู ต้องดงี าม สมรรถภาพกลไก (Motor Fitness) หรือสมรรถภาพเชิงทักษะปฏิบัติ (Skill - Related Physical Fitness) ความสามารถของร่างกายที่ช่วยให้บุคคลสามารถประกอบกิจกรรมทางกาย โดยเฉพาะอยา่ งย่ิง การเลน่ กฬี าไดด้ ี มอี งคป์ ระกอบ ๖ ด้าน ดังนี้ ๑. ความคล่อง (Agility) หมายถึง ความสามารถในการเปล่ียนทิศทางการเคลื่อนท่ีได้อย่าง รวดเร็วและสามารถควบคุมได้ ๒. การทรงตัว (Balance) หมายถึง ความสามารถในการรักษาดุลของร่างกายเอาไว้ได้ ทั้ง ในขณะอยู่กับทแ่ี ละเคลือ่ นที่ ๓. การประสานสัมพันธ์ (Co – ordination) หมายถึง ความสามารถในการเคล่ือนไหวได้ อย่างราบร่นื กลมกลืน และมีประสทิ ธิภาพ ซึ่งเปน็ การทางานประสานสอดคล้องกนั ระหว่างตา-มอื -เท้า ๔. พลังกล้ามเนื้อ (Power) หมายถึง ความสามารถของกล้ามเน้ือส่วนหนึ่งส่วนใดหรือ หลาย ๆ ส่วนของร่างกายในการหดตัวเพื่อทางานด้วยความเร็วสูง แรงหรืองานที่ได้เป็นผลรวมของ ความแข็งแรงและความเร็วทใ่ี ชใ้ นชว่ งระยะเวลาน้ัน ๆ เช่น การยนื อยู่กับท่ี กระโดด การทมุ่ น้าหนกั เป็น ตน้ ๕. เวลาปฏกิ ิริยาตอบสนอง (Reaction time) หมายถึง ระยะเวลาท่รี ่างกายใช้ในการตอบสนอง ต่อสิง่ เร้าตา่ ง ๆ เช่น แสง เสยี ง สัมผสั ๖. ความเร็ว (Speed) หมายถึง ความสามารถในการเคลื่อนที่จากที่หน่ึงไปยังอีกหนึ่งได้ อย่างรวดเร็ว สมรรถภาพทางกาย (Physical Fitness) ความสามารถของระบบตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย ในการทางานอยา่ งมีประสทิ ธิภาพและประสทิ ธิผล บคุ คลท่ีมีสมรรถภาพทางกายดีนน้ั จะสามารถประกอบกิจกรรมในชีวติ ประจาวนั ได้อย่างกระฉับกระเฉง โดยไม่เหน่ือยล้าจนเกินไปและยงั มีพลังงานสารองมากพอ สาหรับกิจกรรมนันทนาการหรือกรณีฉุกเฉิน ในปัจจุบันนักวิชาชีพด้านสุขศึกษาและพลศึกษาได้เห็นพ้องต้องกันว่า สมรรถภาพทางกายสามารถจัด กลุ่มได้เป็นสมรรถภาพทางกายเพ่ือสุขภาพ (Health – Related Physical Fitness) และหรือ สมรรถภาพกลไก (Motor Fitness) สมรรถภาพเชิงทักษะปฏิบัติ (Skill – Related Physical Fitness)

64 สมรรถภาพทางกายเพอื่ สุขภาพ (Health – Related Physical Fitness) ความสามารถของระบบต่าง ๆ ในรา่ งกายประกอบดว้ ย ความสามารถเชิงสรีรวิทยาด้านต่าง ๆ ทีช่ ่วยป้องกันบุคคลจากโรคที่มีสาเหตุจากภาวะการขาดการออกกาลงั กาย นับเป็นปัจจุบันหรือตัวบ่งชี้ สาคญั ของการมีสุขภาพดี ความสามารถหรือสมรรถนะเหล่านี้ สามารถปรับปรุงพฒั นาและคงสภาพได้ โดย การออกกาลังกายอยา่ งสม่าเสมอ สมรรถภาพทางกายเพอ่ื สุขภาพมอี งค์ประกอบดงั น้ี ๑. องค์ประกอบของร่างกาย (Body Composition) ตามปกติแล้วในร่างกายมนุษย์ ประกอบด้วย กล้ามเน้ือ กระดูก ไขมัน และส่วนอื่น ๆ แต่ในส่วนของสมรรถภาพทางกายน้ัน หมายถึง สัดส่วนปริมาณไขมันในร่างกายกับมวลร่างกายที่ปราศจากไขมัน โดยการวัดออกมาเป็น เปอรเ์ ซ็นต์ไขมนั (% fat) ดว้ ยเครอื่ ง ๒. ความทนทานของระบบไหลเวียนโลหิต (Cardiorespiratory Endurance) หมายถึง สมรรถนะ เชงิ ปฏิบตั ขิ องระบบไหลเวียนโลหิต (หัวใจ หลอดเลอื ด) และระบบหายใจในการลาเลยี งออกซิเจนไปยัง เซลล์กล้ามเนื้อ ทาให้ร่างกายสามารถยืนหยัดที่จะทางานหรือออกกาลังกายที่ใช้กล้ามเน้ือมัดใหญ่เป็น ระยะเวลายาวนานได้ ๓. ความอ่อนตัวหรือความยืดหยุ่น (Flexibility) หมายถงึ พิสยั ของการเคล่อื นไหวสูงสุดเทา่ ท่ี จะทาได้ของข้อตอ่ หรอื กลมุ่ ข้อตอ่ ๔. ความทนทานหรือความอดทนของกล้ามเน้ือ (Muscular Endurance) หมายถึง ความสามารถของกล้ามเนื้อมัดใดมัดหน่ึงหรือกลุ่มกล้ามเนื้อ ในการหดตัวซ้า ๆ เพ่ือต้านแรงหรือ ความสามารถในการคงสภาพการหดตัวคร้งั เดยี วไดเ้ ปน็ ระยะเวลายาวนาน ๕. ความแข็งแรงของกล้ามเน้ือ (Muscular Strength) หมายถึง ปริมาณสูงสุดของแรง ท่ี กล้ามเนอื้ มดั ใดมัดหนงึ่ หรอื กลุม่ กลา้ มเนอ้ื สามารถออกแรงตา้ นทานได้ ในช่วงการหดตัว ๑ ครงั้ สขุ บัญญตั ิแห่งชาติ (National Health Disciplines) ข้อกาหนดท่ีเด็กและเยาวชน ตลอดจนประชาชนทั่วไป พึงปฏิบัติอย่างสม่าเสมอ จนเป็นสุข นิสยั เพอื่ ให้มีสุขภาพดีท้งั ร่างกาย จิตใจ และสังคม ซ่งึ กาหนดไว้ ๑๐ ประการ ดงั นี้ ๑. ดูแลรกั ษาร่างกายและของใช้ให้สะอาด ๒. รักษาฟนั ใหแ้ ข็งแรงและแปรงฟันทุกวันอยา่ งถกู ต้อง ๓. ลา้ งมือใหส้ ะอาดก่อนกนิ อาหารและหลงั การขบั ถา่ ย ๔. กนิ อาหารสุก สะอาด ปราศจากสารอันตราย และหลีกเลย่ี งอาหารรสจัดสฉี ดู ฉาด ๕. งดบหุ ร่ี สุรา สารเสพติด การพนนั และการสาส่อนทางเพศ ๖. สรา้ งความสมั พนั ธใ์ นครอบครวั ให้อบอนุ่ ๗. ปอ้ งกันอบุ ตั ภิ ัยด้วยการไมป่ ระมาท ๘. ออกกาลังกายสม่าเสมอและตรวจสขุ ภาพประจาปี ๙. ทาจติ ใจใหร้ า่ เริงแจม่ ใสอย่เู สมอ ๑๐.มีสานึกต่อส่วนรวม ร่วมสรา้ งสรรค์สงั คม

65 สุขภาพ (Health) สุขภาวะ (Well – Being หรอื Wellness) ท่สี มบูรณ์และเช่ือมโยงกันเปน็ องค์รวมอยา่ งสมดุล ทง้ั มิติทางจิตวิญญาณ (มโนธรรม) ทางสงั คม ทางกาย และทางจิต ซงึ่ มิไดห้ มายถึงเฉพาะความ ไม่ พิการและความไม่มีโรคเท่านน้ั สุนทรียภาพของการเคล่อื นไหว (Movement Aesthetic) ศลิ ปะและความงดงามของทว่ งทา่ ในการเคลอ่ื นไหวร่างกายในอริ ยิ าบถตา่ ง ๆ ซึ่งเปน็ ผลมาจาก ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบท่าทางการเคลื่อนไหวและการฝึกฝนจนเกิดความชานาญ สามารถ แสดงออกมาเป็นความกลมกลืนและต่อเนื่อง แอโรบิก (Aerobic) กระบวนการสร้างพลังงานแบบต้องใช้อากาศ ซึ่งในที่นี้ หมายถึง ออกซิเจน (Aerobic - energe delivery) ในการสรา้ งพลังงานของกล้ามเน้ือ เพ่ือทางานหรือเคลื่อนไหว นั้น กล้ามเน้ือจะ มวี ธิ กี าร ๓ แบบทจ่ี ะไดพ้ ลงั งานมา แบบที่ ๑ เปน็ การใช้พลงั งานทีม่ ีสารองอยู่ในกล้ามเน้อื ซึง่ จะใชไ้ ดใ้ นเวลาไมเ่ กิน ๓ วนิ าที แบบท่ี ๒ การสังเคราะห์พลังงานโดยไม่ใช้ออกซิเจน (Anaerobic energy delivery) ซ่ึง ใช้ไดไ้ ม่เกิน ๑๐ วินาที แบบท่ี ๓ การสังเคราะห์สารพลงั งาน โดยใชอ้ อกซเิ จน ซง่ึ จะใชพ้ ลงั งานไดร้ ะยะเวลานาน

66 คณะกรรมการจดั ทาหลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นวัดใหมล่ านกแขวก สานักงานเขตมนี บรุ ี กรเุ ทพมหานคร คณะกรรมการที่ปรึกษา 1. นายสมเกียรติ วลั ลภธารี ผูอ้ านวยการสถานศกึ ษาโรงเรียนวัดใหม่ลานกแขวก 2. นางสมพิศ โคมกระจา่ ง รองผู้อานวยการสถานศกึ ษาโรงเรียนวัดใหม่ลานกแขวก คณะผ้จู ดั ทา ประธาน 1.นายนเรศ เถินมงคล รองประธาน 2.นายราดร เขตขุม -----------------------------