Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore pdf_20220524_232748_0000

pdf_20220524_232748_0000

Published by Phairat Chaisaree, 2022-05-24 16:48:39

Description: pdf_20220524_232748_0000

Search

Read the Text Version

คู่ มื อ ฉ บั บ ย่ อ เทคโนโลยีสมัยใหม่ ยุคดิจิทัล โดย นางสาวฐิติมา อุ่ยสกุล รหัส 6419013063054

กำหนดการ หั ว ข้ อ สำ คั ญ ที่ จ ะ ก ล่ า ว ถึ ง ใ น ก า ร นำ เ ส น อ เทคโนโลยีดิจิทัลคือ ปัญญาประดิษฐ์(AI:Artificial Intelligence) ตัวอย่าง AI PRODUCTS ในชีวิตประจำวัน ประโยชน์ของปัญญาประดิษฐ์ ผลเสียของปัญญาประดิษฐ์

เทคโนโลยีดิจิทัล คือ ทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล หรือ Digital literacy หมายถึง ทักษะในการนำเครื่องมือ อุปกรณ์ และ เทคโนโลยีดิจิทัลที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ แทปเลต โปรแกรมคอมพิวเตอร์ และสื่อออนไลน์ มาใช้ให้เกิด ประโยชน์สูงสุด ในการสื่อสาร การปฏิบัติงาน และการทำงาน ร่วมกัน หรือใช้เพื่อพัฒนากระบวนการทำงาน หรือระบบงานใน องค์กรให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ทักษะดังกล่าวครอบคลุมความสามารถ 4 มิติ 1. การใช้ (Use) 2. เข้าใจ (Understand) 3.การสร้าง (create) 4.เข้าถึง (Access) เทคโนโลยีดิจิทัล ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ

ปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificial Intelligence) คืออะไร ??? เครื่องจักร(machine) ที่มีฟังก์ชันทีมีความสามารถในการทำความเข้าใจ เรียนรู้องค์ความรู้ต่างๆ อาทิเช่น การรับรู้ การเรียนรู้ การให้เหตุผล และการแก้ปัญหาต่างๆ เครื่องจักรที่มีความสามารถเหล่านี้ก็ถือว่าเป็น ปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificial Intelligence) นั่นเอง เพราะฉะนั้นจึงสามารถกล่าวได้ว่า AI ถือกำเนิดขึ้นเมื่อเครื่องจักรมีความสามารถที่จะเรียนรู้นั่นเอง ซึ่ง AI ก็ถูกแบ่งออกเป็นหลายระดับตามความสามารถหรือความฉลาด โดยจะวัดจากความสามารถในการ ให้ เหตุผล การพูด และทัศนคติของ AI ตัวนั้นๆ เมื่อเปรียบเทียบกับมนุษย์อย่างเราๆ เนื้อหาเล็กน้อย

AI ถูกจำแนกเป็น 3 ระดับตามความสามารถหรือความฉลาด ดังนี้ 1 2 3 ปั ญ ญ า ป ร ะ ดิ ษ ฐ์ เ ชิ ง แ ค บ ปั ญ ญ า ป ร ะ ดิ ษ ฐ์ ทั่ ว ไ ป ปั ญ ญ า ป ร ะ ดิ ษ ฐ์ แ บ บ เ ข้ ม ( N A R R O W A I ) ห รื อ ปั ญ ญ า (GENERAL AI ) (STRONG AI ) ป ร ะ ดิ ษ ฐ์ แ บ บ อ่ อ น ( W E A K A I ) คือ AI ที่มีความสามารถระดับเดียวกับมนุษย์ คือ AI ที่มีความสามารถเหนือมนุษย์ใน คือ AI ที่มีความสามารถเฉพาะทางได้ดีกว่า สามารถทำทุกๆอย่างที่มนุษย์ทำได้และได้ หลายๆด้าน มนุษย์(เป็นที่มาของคำว่า Narrow(แคบ) ก็คือ ประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ AI ที่เก่งในเรื่องเเคบๆหรือเรื่องเฉพาะทาง นั่นเอง) อาทิ เช่น AI ที่ช่วยในการผ่าตัด(AI- assisted robotic surgery) ที่อาจจะ เชี่ยวชาญเรื่องการผ่าตัดกว่าคุณหมอยุคปัจจุบัน แต่แน่นอนว่า AIตัวนี้ไม่สามารถที่จะทำอาหาร ร้องเพลง หรือทำสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากการผ่าตัด ได้นั่นเอง ซึ่งผลงานวิจัยด้าน AI ณ ปัจจุบัน ยัง อยู่ที่ระดับนี้

ประวัติย่อของAI AI เป็นคำยอดฮิตในปัจจุบัน แม้ว่ามันจะไม่ใช่คำที่เพิ่งถูกบัญญัติขึ้นมาใหม่แต่อย่างใด ในปี 1956 , กลุ่มของผู้เชี่ยวชาญแนวหน้าจากหลายๆวงการได้ร่วมกันทำงานวิจัยเกี่ยวกับ AI มีผู้นำทีมได้แก่ John McCarthy (Dartmouth College), Marvin Minsky (Harvard University), Nathaniel Rochester (IBM) และ Claude Shannon (Bell Telephone Laboratories) โดยมีจุดประสงค์ หลักของงานวิจัย คือ การค้นหามุมมองและหลักการต่างๆที่ใช้การเรียนรู้อย่างครอบคลุมเพื่อที่จะนำ มาประยุกต์ใช้ให้เครื่องจักรสามารถเรียนรู้ได้เช่นกัน

ชนิดของ AI (Type of Artificial Intelligence) AI ถูกแบ่งออกเป็น 3 sub field ได้แก่ 1) ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) 2) การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine learning) 3) การเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning)

AI Products

การปลดล็อคหน้าจอโทรศัพท์ด้วย Face ID สิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่ทำหลังจากตื่นนอน คือหยิบสมาร์ทโฟนเพื่อเช็ค ข้อมูลข่าวสารต่างๆ และเมื่อโทรศัพท์ถูกปลดล็อคหน้าจอโดยการใช้ biometrics หรือเทคโนโลยีชีวมิติ* เช่น Face ID ถือเป็นการใช้ เทคโลยี AI ในรูปแบบหนึ่ง ตัวอย่างที่ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี คือ Apple Face ID โดย Apple Face ID สามารถมองเห็นได้ในรูป แบบ 3 มิติ โดยจะเก็บรายละเอียดบนในหน้าถึง 30,000 จุด และใช้ อัลกอริทึ่มของ Machine Learning ในการเปรียบเทียบใบหน้าที่กำลัง สแกนกับรูปที่เก็บเอาไว้ เพื่อที่จะตัดสินว่าคนที่กำลังจะปลดล็อคหน้าจอ ใช้คุณหรือไม่ โดย Apple กล่าวว่าโอกาสที่จะหลอก Face ID ได้ คือ หนึ่งในล้าน *Biometrics หรือเทคโนโลยีชีวมิติ คือ เทคโนโลยีที่ใช้ในการระบุ ตัวตน (Identification) และตรวจพิสูจน์ผู้ใช้ (Verification) โดย ใช้เทคนิคการแปรค่าเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละบุคคล มาวิเคราะห์ และเปรียบเทียบความแตกต่าง ทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และสะดวกยิ่งขึ้นกว่าเดิม

การสั่งงานด้วยเสียง ตั้งแต่การสอบถามเส้นทางไปร้านอาหาร โปรด จนถึงการสอบถามพยากรณ์อากาศ ประจำวัน ผู้ช่วยในการสั่งงานด้วยเสียงกลาย เป็นสิ่งที่หลายๆคนขาดไม่ได้ในชีวิตประจำ วัน ตัวอย่างผู้ช่วยในการสั่งงานด้วยเสียง ได้แก่ Siri, Alexa, Google home จนถึง Cortana โดยเครื่องมือเหล่านี้ใช้ระบบการ ประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing) โดยเทคโนโลยี AI จะประมวลผล และตอบคำถามให้กับผู้ใช้งาน

อุปกรณ์สมาร์ทโฮม จากบ้านปกติกลายเป็นบ้านที่ “ฉลาด”มากขึ้น ด้วยเทคโนโลยี AI หลายๆบ้านอาจจะคุ้นเคยกับ เครื่องควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ เช่น Nest ที่ สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการปรับอุณหภูมิตามความ ชอบของเจ้าของบ้าน รวมถึงตู้เย็นอัจฉริยะที่ สามารถบอกได้ว่าของอะไรบ้างที่คุณต้องการ แต่ ตอนนี้ไม่มีของนั่นอยู่ในตู้เย็น รวมถึงยังสามารถ แนะนำประเภทของไวน์ที่จะเข้ากับมื้อเย็นของ คุณให้ได้อีกด้วย

เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) เมื่อถึงเวลาพักผ่อน หลายคนเลือกดู Netflix หลังจากเลิกงาน หรือในวันหยุด เทคโนโลยี AI เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการ แนะนำหนัง หรือซีรีส์ที่น่าสนใจให้กับเรา โดยเก็บข้อมูลจากประวัติการดู นักแสดง ระยะเวลาที่ดูหนังเรื่องนั้น และอื่นๆ และจาก การสำรวจ 80%ของหนัง หรือซีรีส์ที่เราดูใน Netflix มาจากระบบการแนะนำนั่นเอง

การแนะนำสินค้าของอเมซอน (Amazon) บริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา “อเมซอน” เป็นที่ที่ลูกค้าได้สัมผัมกับประสบการณ์ การนำเทคโนโลยี AI มาใช้ได้หลากหลายช่องทางจน เป็นเรื่องปกติ อเมซอนได้ใช้อัลกอรึทึ่มมาเรียนรู้ว่า คุณชอบสินค้าอะไร และคนที่คล้ายกับคุณชอบสินค้า อะไร เพื่อที่จะแนะนำสินค้าที่เหมาะกับคุณ อเมซอน มั่นใจในการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ (Predictive Analysis) เป็นอย่างมากว่าจะสามารถแนะนำในสิ่งที่ ลูกค้าต้องการได้ ก่อนที่ลูกค้าจะกดเพิ่มสินค้านั้นลงใน ตะกร้า

ประโยชน์ของปัญญาประดิษฐ์ 1. สมองของ AI ไม่มีคำว่าเหนื่อย 2. AIสามารถทำงานได้แบบซ้ำๆ โดยไม่เบื่อ 3. AIมีข้อผิดพลาดน้อย 4. 4. AI สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5. AI เป็นหนึ่งในการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ที่ดีที่สุด ที่สามารถ ทำนายเหตุการณ์ในอนาคตได้ 6. AI สามารถประมวลข้อมูลขนาดใหญ่ และมีจำนวนมากมาย มหาศาลได้ 7. ปรับปรุงการควบคุมคุณภาพในผลิตภัณฑ์และวัสดุ 8. AI สามารถช่วยให้มนุษย์มีการตัดสินใจได้ดีขึ้น

ข้อเสียของปัญญาประดิษฐ์ 1. AI ขาดความคิดสร้างสรรค์ 2. AI ขาดการตัดสินใจ 3. AI ไม่สามารถดำเนินการนอกข้อมูลที่คุณป้อน หรือวิธี ที่คุณตั้งโปรแกรมอัลกอริทึมได้ 4. เครื่อง AI ต้อง “ฝึกฝน” อย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุง เมื่อเวลาผ่านไป over 5. ราคาแพงที่จุดเริ่มต้น

Bye!!!


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook