ข้อมูล Information ประเพณี 12 เ ดือน และก๊อกซอมต่อ โครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เรื่อง การวิจัยหลักสูตรอย่างมีส่วนร่วมของมนุษยชนสำหรับสถานศึกษา ชุมชนป่าตุ้มดอน ตำบลป่าตุ้ม อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่
ข้อมูล เIกnี่ยfวoกัrบmปรaะtเiพoณnี 12 เดือน หน้า 1 ประเพณีและความเชื่อการถวาย “ก๊อกซอมต่อ” ของชาวไทใหญ่ คนไทใหญ่ในชุมชนป่าตุ้มดอนตำบลป่าตุ้ม ชุมชนป่าตุ้มดอน เป็นชุมชนชาวไทใหญ่ในพื้นที่ อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นชาวไทใหญ่ที่ อำเภอพร้าว ที่สามารถธำรงความเป็นไทใหญ่ ได้สืบ อพยพเคลื่อนย้ายมาจากดินแดนไทยใหญ่หรือเมืองไต เนื่องถึงจนถึงปัจจุบัน ชาวป่าตุ้มดอน มีวิถีชีวิตที่ ซึ่งปัจจุบันอยู่บริเวณรัฐฉาน สหภาพเมียนม่า โดย ผูกพันกับการเกษตรและการค้า มีวัฒนธรรมประเพณี ย้ายเข้ามาประมาณ 200 ปีก่อน คนไทยใหญ่เคลื่อน ที่เกี่ยวโยงกับพุทธศาสนา เห็นได้จากประเพณีดั่งเดิม ย้ายเข้ามาด้วยปัจจัยหลายประการ อาทิ การหนีภัย ทั้ง 12 เดือนของชาวไทใหญ่ ที่มีประเพณีวันสำคัญ จากศึกสงคราม การแสวงหาถิ่นทำกินที่อุดมสมบูรณ์ ในแต่ละเดือนแตกต่างกันไป.. กว่า และการเดินทางเข้ามาค้าขายในดินแดนล้านนา โครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เรื่อง การวิจัยหลักสูตรอย่างมีส่วนร่วมของมนุษยชนสำหรับสถานศึกษา
ข้อมูล เIกnี่ยfวoกัrบmปรaะtเiพoณnี 12 เดือน หน้า 2 เดือนมกราคม เดือนกุมภาพันธ์ ประเพ ณีตานข้าวจี่ ข้าวหลาม เพื่อบูชาพระแม่โพสพ ที่มา...https://www.chiangmainews.co.th เดือนมีนาคม ทำบุญป อยหลวง จัดเมื่อมีการสร้าง และเฉลิมฉลองวิหาร เจดีย์ อุโบสถ ศาลาบาตร เป็นต้น มีการรำนกและ เต้นโตประกอบ เดือนเมษายน ที่มา...https://www.sanook.com ปีใหม่เมือง สำหรับชาวไทใหญ่วันที่ 16 เมษายน จะเป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ วันสำคัญ ได้แก่ วันปาก ปี วันปากเดือน ซึ่งในวันปากปีจะมีพิธีสรงน้ำ พระพุทธรูป ในภาษาไทใหญ่เรียก ซอนน้ำเจ้า พารา คือ สรงน้ำพระพุทธรูป โครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เรื่อง การวิจัยหลักสูตรอย่างมีส่วนร่วมของมนุษยชนสำหรับสถานศึกษา
ข้อมูล Iเกnี่ยfวoกัrบmปรaะtเiพoณnี 12 เดือน หน้า 3 เดือนพฤษภาคม ประเพณีส รงน้ำพระธาตุ เดือนมิถุนายน เลี้ยงพ่ อบ้าน มีลักษณะ คล้ายเป็นการถวายอาหาร ขนมหวาน ผลไม้ เพื่อ เป็นการบูชา สักการะแก่ สิ่งศักดิ์ในหมู่บ้าน เดือนกรกฎาคม เข้าพ รรษา ที่มา...https://www.sanook.com โครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เรื่อง การวิจัยหลักสูตรอย่างมีส่วนร่วมของมนุษยชนสำหรับสถานศึกษา
ข้อมูล เIกnี่ยfวoกัrบmปรaะtเiพoณnี 12 เดือน หน้า 4 เดือนสิงหาคม ประเพณีต านก๋วยสลาก เดือนกันยายน วันปล่อยผี เป็นวันเปิดโลกระหว่างสวรรค์ นรก มนุษย์ เรียกว่าวันรวมญาติ ผีจะมารับของกินจากลูกหลานที่อุทิศไปให้ โครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เรื่อง การวิจัยหลักสูตรอย่างมีส่วนร่วมของมนุษยชนสำหรับสถานศึกษา
ข้อมูล เIกnี่ยfวoกัrบmปรaะtเiพoณnี 12 เดือน หน้า 5 เดือนตุลาคม ออกพร รษา มีพิธีทำบุญวันออกพรรษา เดือนพฤศจิกายน ประเพณีลอยกระทง ซึ่งประเพณีลอยกระทงของชาวไทใหญ่ มีลักษณะพิเศษ คือ มีการจัดแค่หลวง (นำไม้มามัดรวมกันเป็นมัดใหญ่) ในวัดของหมู่บ้านและ มีการฟ้อนนางนกและโตประกอบ ที่มา..https://mgronline.com โครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เรื่อง การวิจัยหลักสูตรอย่างมีส่วนร่วมของมนุษยชนสำหรับสถานศึกษา
ข้อมูล เIกnี่ยfวoกัrบmปรaะtเiพoณnี 12 เดือน หน้า 6 ก๊อกซอมต่อ แม้ว่าในปัจจุบันวัฒนธรรมประเพณีดั่งเดิม “ซอมต่อ” หมายถึง อาหารที่จัดเตรียม จะมีการเลือนหายไปบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่เป็น สำหรับถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธเจ้า และ ประเพณีวัฒนธรรมที่ชาวไทใหญ่ไม่เคยละทิ้งและ หมายรวมถึงอาหารที่ใช้ถวายพลีกรรมต่อ ยังมีสืบทอดต่อกันมาในปัจจุบัน คือ การถวาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น เสื้อบ้าน (อารักษ์ประจำ กระทงใบตองสำหรับใส่อาหาร ที่เรียกว่า หมู่บ้าน) พระแม่ธรณี เจ้าที่ ฯลฯ มีความเชื่อ “ก๊อกซอมต่อ” ว่าการถวายซอมต่อหรือ “ต่างซอมต่อ” เป็นการแสดงความเคารพต่อสิ่งศักดิ์ที่นับถือ โดยจำแนกเป็น 2 ประเภท คือ ซอมต่อโหลง หรือ ซอมอู และ2.ซอมต่อที่ถวายในวันสำคัญ ทางศาสนา โครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เรื่อง การวิจัยหลักสูตรอย่างมีส่วนร่วมของมนุษยชนสำหรับสถานศึกษา
ข้อมูล Iเกnี่ยfวoกัrบmปรaะtเiพoณnี 12 เดือน หน้า 7 1. ซอมต่อโหลง หรือ ซอมอู คือการถวายข้าวมธุปายาส ซึ่งเป็นพิธีกรรม ถวายข้าวมธุปายาส 49 ก้อน และเครื่องสักการะ แด่พระพุทธเจ้า ในวันเพ็ญที่ตรงกับวันพุธ หรือ วันเป็งปุ๊ด “ต่างซอมต่อโหลง” การถวายข้าวพระเจ้าหลวง หรือ งานถวายข้าวมธุปายาส ในช่วงประมาณวันเข้า พรรษา นอกจากนี้ทุกวันพระชาวไทใหญ่จะมีการทำ “ก๊อกซอมต่อ” หรือที่เรียกกันว่า “ซอมต่อโหลง” โดยใช้ใบตองที่เป็นวัสดุธรรมชาติทำเป็นกระทงเพื่อใส่ อาหารหวาน และผลไม้ตามฤดูกาลลงไปให้พอดี แล้ว นำไปถวายเป็นพุทธบูชา ที่มา...www.thainews.prd.go.th โครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เรื่อง การวิจัยหลักสูตรอย่างมีส่วนร่วมของมนุษยชนสำหรับสถานศึกษา
ข้อมูล Iเกnี่ยfวoกัrบmปรaะtเiพoณnี 12 เดือน หน้า 8 2. ซอมต่อที่ถวายในวันสำคัญทางศาสนา ซึ่งชาวบ้านจะเตรียมข้าว ขนม ผลไม้ บรรจุลงใน “ก๊อกซอมต่อ” นอกจากนี้ในวันสำคัญทางศาสนา หรือ โอกาสพิเศษในชุมชน ในเวลาเช้าตรู่ ชาวบ้านจะ นำกระทงใบตองบรรจุข้าว ขนม ผลไม้ และกรวย ดอกไม้ มาถวายเป็นพุทธบูชาด้านหน้าพระประธาน ที่วัด รวมถึงถวายบูชา หอเสื้อบ้าน หอเสื้อวัด หรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ชาวไตเรียกกระทงข้าว ลักษณะนี้ว่า “ก๊อกซอมต่อ” นอกจากนี้ในวัน สำคัญทางพระพุทธศาสนาชาวไทใหญ่จะทำ โคหลู่ หรือโคตาน ซึ่งเป็นชุดสำหรับการถวายในวันสำคัญ ทางพระพุทธศานา โครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เรื่อง การวิจัยหลักสูตรอย่างมีส่วนร่วมของมนุษยชนสำหรับสถานศึกษา
ข้อมูล Iเกnี่ยfวoกัrบmปรaะtเiพoณnี 12 เดือน หน้า 9 ที่มา... https://cities.trueid.net ก๊อกซอมต่อของชาวไทใหญ่ในชุมชนป่าตุ้ม แบ่งเป็น 2 รูปแบบ แบบที่ 1 เรียกว่า “ก๊อกซอมต่อแบบกลีบบัว” มีลักษณะเป็นกระทงปากเรียวแหลมเหมือนกลีบดอกบัว และรูปแบบที่ 2 คือ “ก๊อกซอมต่อแบบแปดกลีบ” มีลักษณะเป็นกระทงปากไม่แหลมมาก เหมือนฟันสุนัข โครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เรื่อง การวิจัยหลักสูตรอย่างมีส่วนร่วมของมนุษยชนสำหรับสถานศึกษา
ข้อมูล Iเกnี่ยfวoกัrบmปรaะtเiพoณnี 12 เดือน หน้า 10 ขั้นตอนการทำก๊อกซอมต่อ (ก๊อกซอมต่อแบบกลีบบัว) 1. นำใบตองมาฉีกให้ได้ขนาดความกว้างประมาณ 2 นิ้ว ยาว 6 นิ้วโดยประมาณ ฉีกให้ได้จำนวน 8 ชิ้น 2. พับใบตองโดยจะพับริมแข็งด้านซ้ายและ ริมด้านขวาลงมาตั้งฉาก 3. พับกาบทั้งสองข้างเข้าหากัน ทำซ้ำจนครบ 4 กลีบ 4. นำกลีบที่พับไว้มาวางเรียงกันโดยให้ด้านริมขวา วางทับกับด้านริมซ้าย จัดให้ยอดของกลีบตรงเสมอ เป็นแนวเดียว จากนั้นใช้ไม้กลัด โครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เรื่อง การวิจัยหลักสูตรอย่างมีส่วนร่วมของมนุษยชนสำหรับสถานศึกษา
ข้อมูล เIกnี่ยfวoกัrบmปรaะtเiพoณnี 12 เดือน หน้า 11 5. นำกลีบที่ต่อกันเสร็จแล้วมาจัด เป็นรูปก๊อกซอมต่อ 6. พลิกกระทงเพื่อตัดปลายฐานให้เป็นรูป สามเหลี่ยมจนครบทุกด้าน จากนั้นนำมุมที่ตัด มาสอดสลับกันเพื่อทำเป็นฐานก๊อกซอมต่อ 7. นำใบตองที่เหลือมาพับเป็นกลีบกุหลาบ ประยุกต์ จากนั้นนำไปติดโดยรอบที่ขอบ ฐานกระทงจนครบทั้ง 4 ด้าน เป็นอันเสร็จ โครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เรื่อง การวิจัยหลักสูตรอย่างมีส่วนร่วมของมนุษยชนสำหรับสถานศึกษา
ข้อมูล เIกnี่ยfวoกัrบmปรaะtเiพoณnี 12 เดือน หน้า 12 ก๊อกซอมต่อแบบแปดกลีบ 1.นำใบตองมาฉีกให้ได้ขนาดความกว้าง 3 นิ้ว ยาว 6 นิ้วโดยประมาณ ฉีกให้ได้จำนวน 2 ชิ้น 2. นำใบตองทั้ง 2 ชิ้นมาเจียนปลาย ให้ปลายใบตอง ริมซ้ายและขวาเป็นมุมสามเหลี่ยมหรือมุมโค้ง 3. นำใบตองทั้ง 2 ชิ้นมาวางทับไขว้กันเป็นรูปกากบาท พับปลายตองด้านซ้ายและขวามายังจุดกึ่งกลาง จากนั้น ใช้ไม้กลัด 4. ฉีกบริเวณขอบตองประมาณ 2 เซนติเมตร แล้วจับจีบเป็นกลีบบัวและใช้ไม้กลัดทำซ้ำจนครบ ทั้ง 4 ด้าน เป็นอันเสร็จ โครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เรื่อง การวิจัยหลักสูตรอย่างมีส่วนร่วมของมนุษยชนสำหรับสถานศึกษา
ข้อมูล Iเกnี่ยfวoกัrบmปรaะtเiพoณnี 12 เดือน หน้า 13 วิถีการไหว้พระทำบุญของชาวไทใหญ่ในชุมชนป่าตุ้มนั้น นิยมทำ “โอดกระตอ” หรือกรวยดอกไม้ขนาดเล็ก โดยนำ ใบตองมาขดเป็นม้วน ซึ่งเอกสารอ้างอิงของชาวไทใหญ่ การทำ กรวยดอกไม้จะแปลกจากที่อื่น เพราะจะมีลักษณะเรียวเล็กไม่ เหมือนของล้านนาที่มีขนาดใหญ่ และมีการประดับตกแต่งขอบ กรวยเป็นรูปแบบต่าง ๆ โดยโอดกะตอจะนิยมทำคู่กับก๊อกซอม ต่อเพื่อใช้ถวายเป็นพุทธบูชา ซึ่งวัฒนธรรมการทำบุญของ ชาวไทใหญ่เกิดการหลอมรวมวัฒนธรรมล้านนา ทำให้เกิดการ ถ่ายทอด หรือแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน นำไปสู่การ สร้างเอกลักษณ์ที่เกี่ยวกับวิถีแห่งวัฒนธรรม และความเชื่อในการ ถวายกรวยดอกไม้ก็จะแตกต่างกันในแต่ละชุมชนเฉกเช่นชุมชน ป่าตุ้ม โครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เรื่อง การวิจัยหลักสูตรอย่างมีส่วนร่วมของมนุษยชนสำหรับสถานศึกษา
ข้อมูล Iเกnี่ยfวoกัrบmปรaะtเiพoณnี 12 เดือน หน้า 14 วันเป็งปุ๊ด (กวนข้าวซอมอู) วันเพ็ญเดือนห้า ชาวบ้านชุมชนป่าตุ้มนำข้าว นม เนย น้ำอ้อย น้ำตาลมารวมตัวกันที่วัดเพื่อกวนข้าว ซอมอู เริ่มทำตั้งแต่วันอังคารตอนกลางคืน โดยผู้ที่จะทำการกวนข้าวนั้นจะต้องเป็นผู้ชาย เท่านั้น เมื่อกวนข้าวเสร็จผู้หญิงมีหน้าที่ปั้นข้าว เป็นก้อนทั้งหมด 49 ก้อน นำข้าวแต่ละก้อน ใส่ลงไปในก๊อกซอมต่อแล้วจึงนำไปวางไว้ ในจองอ้อย เมื่อถึงเวลาตี 4 ของวันพุธ ทุกคนจะทำบุญถวายข้าวซอมอูร่วมกัน โครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เรื่อง การวิจัยหลักสูตรอย่างมีส่วนร่วมของมนุษยชนสำหรับสถานศึกษา
ข้อมูล Iเกnี่ยfวoกัrบmปรaะtเiพoณnี 12 เดือน หน้า 15 วันสงกรานต์ (วันปากปี) วันสงกรานต์ (วันปากปี๋) หรือวันบูชาข้าวปุ้น และเตรียมน้ำส้มป่อย ไม้สำหรับแขวนสายสิญจน์ วันที่สี่ของประเพณีปีใหม่ จัดว่าเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่ง จากนั้นนำไปบูชาที่วัดในวันที่ 16 เมษายน ในช่วงเช้า ในเทศกาลปีใหม่ ถือเป็นวันแรกของปี จะเริ่มเตรียม นำสะตวง เสื้อผ้า ขึ้นไปไว้ที่ทำพิธี เมื่อทำพิธีได้สักช่วง ของที่นำไปบูชาตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน ของที่ต้องเตรี หนึ่ง พระสงฆ์จะกล่าวว่า “บูชาขี้สายได้” ( การจุดไฟ ยมเป็นของจำพวก เสื้อผ้า สะตวง โดยสะตวงมี 9 เผาสายสิญจน์ ) จากนั้นขึ้นไปทำพิธีต่อจนเสร็จ เมื่อ ช่อง มีเชือกห้อย ใช้สำหรับใส่อาหาร ซึ่งอาหารที่จะนำ เสร็จแล้วนำสะตวงที่เตรียมไว้ลงมาทำพิธีด้านล่าง โดย มาใส่จะเป็นอาหารหวานทั้งหมด เช่น น้ำอ้อย ผลไม้ จะนำสะตวงไปไว้ทางด้านทิศเหนือของวัดพร้อมกับ ข้าว ธูป เทียน น้ำ แต่ละชนิดจะเตรียมไว้อย่างละ 9 จุดเทียนไว้ 1 เล่ม เป็นอันเสร็จสิ้น ในช่วงสาย ๆ หลัง ชิ้น มีการนำสายสิญจน์มาให้ โดยสายสิญจน์จะเตรียม จากทานข้าว ชาวบ้านจะทำพิธีสงเคราะห์บ้าน โดยใช้ ตามจำนวนสมาชิกในบ้าน มีวิธีการเตรียม คือ สะตวงในการทำพิธี ซึ่งสะตวงจะแตกต่างกับตอนเช้า สายสิญจน์ ยาว 1 วา 3 เส้น 1 ศอก 3 เส้นและ สะตวงสงเคราะห์บ้านจะไม่ทำเป็น 9 ช่อง แต่เน้นใส่ 1 คืบ 3 เส้น รวมเป็น 9 เส้น ต่อ 1 คน จากนั้นนำ ของปริมาณมาก ๆ และบูชาทั้ง 4 ทิศ จากนั้นพรม สายสิญจน์ไปพรมน้ำมันให้พอชื้น น้ำส้มป่อยให้กันและกันพร้อมทั้งกล่าวให้พรแก่สมาชิก ในบ้าน เพื่อให้เกิดความเป็นมงคลแก่ครอบครัว ที่มา...https://th.readme.me โครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เรื่อง การวิจัยหลักสูตรอย่างมีส่วนร่วมของมนุษยชนสำหรับสถานศึกษา
ข้อมูล เIกnี่ยfวoกัrบmปรaะtเiพoณnี 12 เดือน หน้า 16 ประเพณีปอยเหลินสิบเอ็ด หรืองานจองพารา “ปอยเหลินสิบเอ็ด”ภาษาไทใหญ่ “ปอย” หมายถึง เป็นประเพณีการต้อนรับพระพุทธเจ้าที่เสด็จกลับ งานบุญ “เหลิน” หมายถึง เดือน “ปอยเหลินสิบเอ็ด” หลังจากไปเทศนาโปรดพุทธมารดาในชั้นดาวดึงส์ คืองานบุญเดือนสิบเอ็ดหรืองานบุญออกพรรษานั่นเอง ในช่วงออกพรรษาของทุกปี ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่า เป็น โดยมีที่มาจากพุทธประวัติเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมา- ประเพณี ที่ยิ่งใหญ่ มีความเชื่อกันว่าหากได้จัดทำ สัมพุทธเจ้าเสด็จกลับจากจำพรรษาโปรดพุทธมารดา “จองพารา” เพื่อถวายบูชาพระพุทธเจ้า ในวัน ขึ้น 15 บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ชาวไตได้นำเหตุการณ์จาก ค่ำเดือน 11 เรื่อยไปจนครบ 7 วัน ครอบครัวจะมี พุทธประวัติช่วงนั้นมาสืบทอดประเพณีและมีพิธีกรรม ความร่มเย็นเป็นสุข ได้รับผลบุญกุศล ส่งผล ถึงชีวิต การละเล่นต่าง ๆ เช่น การสร้างปราสาท เรียกว่า ความเป็นอยู่ดีขึ้น มีการทำบุญตักบาตรในเวลากลางวัน “จองพารา” เพื่อรับเสด็จพระพุทธเจ้า แต่งตัวเป็น ในเวลากลางคืนจะมีการจุดประทีป โคมไฟสว่างไสว สัตว์หิมพานต์ต่าง ๆ ออกมาร่ายรำถวายเป็นพุทธบูชา ตามบ้านเรือน และวัดต่าง ๆ และมีการแห่จองพารา การตักบาตรเทโวและการหลู่เตนเหงหรือการถวายต้น หรือซุ้มปราสาทไว้ต้อนรับ พระพุทธเจ้า ซึ่งตกแต่ง เทียนหนึ่งพันเล่ม เป็นต้น อย่างสวยงาม นอกจากนี้ ยังมีการแสดงการละเล่นพื้น เมืองและการแสดง มหรสพต่าง ๆ อีกมากมาย ชาวไตหรือไทใหญ่อาศัยอยู่ในเชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะที่แม่ฮ่องสอน ที่มา...https://th.readme.me โครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เรื่อง การวิจัยหลักสูตรอย่างมีส่วนร่วมของมนุษยชนสำหรับสถานศึกษา
ข้อมูล Iเกnี่ยfวoกัrบmปรaะtเiพoณnี 12 เดือน หน้า 17 สมัยก่อนจะใช้เวลานานนับเดือนเพื่อตระเตรียมข้าวของ เครื่องใช้สำหรับงานปอย คนเฒ่าคนแก่จะพากันเหลาไม้ไผ่ ตกแต่งโครงปราสาทแล้วปิดทับด้วยกระดาษสา ติดประดับ กระดาษสีซึ่งฉลุลายไว้วิจิตรบรรจง ชาวไตเชื่อว่าหากใคร สร้างจองพารารับเสด็จพระพุทธเจ้า จะนำมาซึ่งสิริมงคล เสริมส่งบุญญาบารมีแก่ตนและครัวเรือน ดังนั้นผู้คนจึง พากันสร้างจองพาราขนาดใหญ่ถวายไว้ที่วัดประจำหมู่บ้าน และจองพาราขนาดเล็กตั้งไว้ตามที่สูงและที่เหมาะสมของ บ้านเรือน เมื่อถึงเทศกาลงานปอยเหลินสิบเอ็ด จองพาราที่ นิยมทำกันนั้นมีหลายขนาดลดหลั่นกันตามสถานะดังนี้ 1. จองยอดหรือผาสาด (ปราสาท) เป็นจองพารา ขนาดใหญ่สูง 3 เมตร ถึง 5 เมตรก็มียอดปราสาทอาจมี ยอดเดียว ห้ายอดหรือเจ็ดยอด โครงสร้างสลับซับซ้อน ใช้เวลาและทุนการจัดทำสูง เป็นจองพาราที่สวยงามวิจิตร ตระการตา นิยมตั้งบูชาไว้ตามวัดประจำหมู่บ้านและ วัดทั่วไป ที่มา...https://travel.mthai.com 2. จองกอ ใหญ่รองจากจองยอด มีส่วน ประกอบคล้ายกันแต่ลดขนาดลง มีปราสาทยอดเดียว ลวดลายประกอบไม่ละเอียดเท่า จองกอใช้ตั้งบูชาที่วัดและ ตามบ้านของผู้มีฐานะดี โครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เรื่อง การวิจัยหลักสูตรอย่างมีส่วนร่วมของมนุษยชนสำหรับสถานศึกษา
ข้อมูล เIกnี่ยfวoกัrบmปรaะtเiพoณnี 12 เดือน หน้า 18 ที่มา...https://mgronline.com 3. จองปีต่าน เป็นจองพราราที่ไม่มียอด มีเฉพาะส่วนปราสาทและฐานทำขึ้นเพื่อตั้งบูชาตามบ้านเรือนทั่ว ๆ ไป 4. จองผาสาน คือ จองสาน ชาวบ้านจะเอาตอกไม้ไผ่สานเป็นรูปจอง พาราขนาดเล็ก ทำขึ้นบูชากันทั่วไป ทำได้ง่าย ขั้นตอนไม่ยุ่งยากนัก ที่มา...www.facebook.com โครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เรื่อง การวิจัยหลักสูตรอย่างมีส่วนร่วมของมนุษยชนสำหรับสถานศึกษา
ข้อมูล Iเกnี่ยfวoกัrบmปรaะtเiพoณnี 12 เดือน หน้า 19 ที่มา...https://www.cmthainews.com การบูชาจองพาราทั้งบ้านและวัดจะเริ่มตั้งแต่ ตอนเย็นของวันขึ้นสิบสี่ค่ำเดือนสิบเอ็ด โดยนำจอง พาราตั้งบนชั้นนั่งร้าน ตกแต่งด้วยเครื่องห้อยจาก ผลหมากรากไม้ที่มีในท้องถิ่น ต้นกล้วย ต้นอ้อยผูก ไว้ที่เสานั่งร้าน ประดับโคมไฟในยามค่ำคืน พอเช้า มือวันขึ้นสิบห้าค่ำวันออกพรรษาจะนำ “ข้าวซ่อม ต่อ” คือ อาหารหวาน คาว ผลไม้ ใส่กระทง ใบตองวางไว้ในจองพารา จุดธูปเทียนกล่าวอัญเชิญ พระพุทธเจ้าให้เสด็จประทับยังจองพารา ทำเช่นนี้ ตลอดเจ็ดวันแล้วจึงรื้อถอนจองพารานั้นทิ้งหรือเผา เสียปีหน้าจึงค่อยทำขึ้นบูชาใหม่ ในยามค่ำคืนก่อน วันออกพรรษา แต่เดิมชุมชนชาวไตจะมีตลาดนัด ออกพรรษา ซึ่งมักเรียกกันว่า “ตลาดแสงเทียน” ด้วยสมัยก่อนไม่มีไฟฟ้า ชาวไตพากันจุดเทียนซื้อ ขายข้าวของกันแต่ยามย่ำรุ่ง ตลาดจึงสว่างไสวไป ด้วยแสงเทียนนับร้อยพันเล่มยามค่ำคืนจะมีมหรสพ การละเล่นต่าง ๆ มีการ “เฮ็ดกวาม” ขับเพลงไต ซึ่งมีเนื้อหากล่าวถึงพุทธประวัติชาดก ตลอดจนการ เกี้ยวพาราสีของชายหญิง มีการ “ก้าแลว” หรือ “ฟ้อนดาบ” ของคนหนุ่ม และมีการประกวด ประชันตีกลองก้นยาว เป็นที่สนุกสนานครื้นเครง ที่มา...https://www.cmthainews.com โครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เรื่อง การวิจัยหลักสูตรอย่างมีส่วนร่วมของมนุษยชนสำหรับสถานศึกษา
ข้อมูล Iเกnี่ยfวoกัrบmปรaะtเiพoณnี 12 เดือน หน้า 20 เมื่อถึงวันแรม 15 ค่ำ เดือน 11 ชาวไตมีความ พอหลังวันออกพรรษาจะมีพิธี “หลู่เตนเหง” หรือ เชื่อว่า หมู่บ้านของตนคือ สังกัสสะนคร ซึ่ง พิธีถวายเทียนพันเล่ม มีเจ้าภาพรวบรวมเทียนจาก พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากดาวดึงส์มาโปรดชาวเมือง ญาติมิตรพี่น้องจนครบพันเล่ม แห่ขบวนตีฆ้อง พากันปลื้มปิติในบุญบารมี แม้แต่สัตว์ต่าง ๆ รำไต กลองประโคมไปถวายวัดเป็นพุทธบูชา นอกจากนี้ ฟ้อนดาบ ฟ้อนรูปสัตว์นานา “กิ่งกะหล่า” คือ กิน ยังมีการ “ถวายเทียนต้นเกี๊ยะ” โดยรวบรวมเศษ ราหรือกินรี ฟ้อนกำเป้อหรือผีเสื้อ พากันร้องรำ- ไม้เกี๊ยะ ซึ่งเป็นต้นไม้ที่มีน้ำมันในลำต้น มัดเป็นต้น ทำเพลงที่วัดกันทุกคืน ในคืนสุดท้ายเรียกว่า คืน เทียนขนาดใหญ่ สูงกว่าสองเมตรครึ่งนำไปถวายวัด “อ่องจ๊อด” หรือ “ก๋อยจ๊อด” ก็พากันเดินร้องเล่น ต่าง ๆ และแน่นอนว่ามีการรำการฟ้อนรูปสัตว์ ไปตามถนนตามบ้าน บ้านไหนมีหญิงสาว หนุ่ม ๆ ตีฆ้องตีกลองร่วมขบวนแห่ไปด้วยเช่นกัน ก็พากันไปร้อง “เฮ็ดกวาน” เกี้ยวพาราสี ทั้งเล่น อวดฝีมือฟ้อนดาบ ฟ้อนอาวุธประชันกัน ที่มา...https://www.cmthainews.com โครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เรื่อง การวิจัยหลักสูตรอย่างมีส่วนร่วมของมนุษยชนสำหรับสถานศึกษา
ข้อมูล Iเกnี่ยfวoกัrบmปรaะtเiพoณnี 12 เดือน หน้า 21 วิทยากรชุมชน แม่ฟองจันทร์ นันตา แม่ธัญทิพย์ นิชารัฐศักดิ์กุล แม่บัวผัน เหม่ชัยภูมิ แม่จำเรียน มุนิล โครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เรื่อง การวิจัยหลักสูตรอย่างมีส่วนร่วมของมนุษยชนสำหรับสถานศึกษา
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: