ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๕
ท่ีมาของเรอื่ ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยูห่ วั ทรงโปรดละครตามแบบตะวนั ตก ทรงคดิ เรอื่ งข้ึนเอง มิไดน้ าเรอ่ื งมา จากเรอื่ งใดๆ ทรงเรม่ิ พระราชนิพนธเ์ ม่ือ 2 กนั ยายน พ.ศ.2466 ขณะทรงพระประชวร และประทบั อยู่ ณ พระราชวงั พญาไท จนจบสมบูรณเ์ ม่ือ 18 ตุลาคม พ.ศ.2466 พระราชวงั พญาไท
มทั นา มทน ความลุม่ หลงหรอื ความรกั “มทั นะพาธา” แปลวา่ “ความเจบ็ ปวดหรอื ความ เดอื ดรอ้ นเพราะความรกั ”
เรอ่ื งย่อ มทั นะพาธาเป็นเรื่องสมมุติวา่ เกิดในอินเดียโบราณ เน้ือเร่ืองกล่าวถึงเหตุการณ์บน สวรรค์ เทพบุตรสุเทษณ์หลงรักเทพธิดามทั นา แต่นางไม่ปลงใจดว้ ย สุเทษณ์จึง ขอใหว้ ิทยาธรมายาวินใชเ้ วทมนตร์สะกดเรียกนางมา มทั นาเจรจาตอบสุเทษณ์อยา่ ง คนไม่รู้สึกตวั สุเทษณ์จึงไม่โปรด เม่ือขอใหม้ ายาวินคลายมนตร์ มทั นากร็ ู้สึกตวั และ ตอบปฏิเสธสุเทษณ์ สุเทษณ์โกรธ จึงสาปใหเ้ ธอจุติไปเกิดบนโลกมนุษย์ มทั นาขอ ไปเกิดเป็นดอกกหุ ลาบ สุเทษณ์กาหนดวา่ ใหด้ อกกหุ ลาบดอกน้นั กลายเป็นมนุษย์ เฉพาะวนั เพญ็ เพียงวนั และคืนเดียว ต่อเมื่อมีความรักจึงจะพน้ สภาพจากเป็นดอกไม้ และหากเป็นความทุกขเ์ พราะความรักกใ็ หว้ ิงวอนต่อพระองค์ พระองคจ์ ะช่วย
เรอ่ื งย่อ (ต่อ) ณ กลางป่ าหิมะวนั ฤษีกาละทรรศินพบ ตน้ กหุ ลาบจึงขดุ ไปปลูกไวท้ ี่อาศรม เม่ือมทั นากลายเป็น มนุษยก์ เ็ ล้ียงดูรักใคร่เหมือนลูก ทา้ วชยั เสนกษตั ริยแ์ ห่งเมืองหสั ตินาปุระเสดจ็ ไปล่าสัตว์ ไดพ้ บนาง มทั นากเ็ กิดความรัก มทั นากม็ ีใจเสน่หาต่อชยั เสนดว้ ยเช่นกนั ท้งั สองจึงสาบานรักต่อกนั และมทั นา ไม่ตอ้ งกลบั ไปเป็นกหุ ลาบอีก แต่เมื่อชยั เสนพามทั นาไปยงั เมืองหสั ตินาปุระของพระองค์ พระนาง จณั ฑีมเหสีของชยั เสนหึงหวงและแคน้ ใจมาก นางขอใหพ้ ระบิดาซ่ึงเป็นพระราชาแควน้ มคธยกทพั มาตีหสั ตินาปุระ จณั ฑียงั ใชใ้ หน้ างคอ่ มขา้ หลวงทากลอุบายวา่ มทั นารักกบั ศุภางคท์ หารเอกของชยั เสน ชยั เสนหลงเชื่อจึงสั่งใหป้ ระหารมทั นาและศุภางค์ แตต่ ่อมาเม่ือชยั เสนรู้วา่ มทั นาและศุภางคไ์ ม่มี ความผดิ กเ็ สียใจมาก อามาตยเ์ อกจึงทูลความจริงวา่ ยงั มิไดส้ ังหารนาง และศิษยข์ องพระกาละทรรศิน ไดพ้ านางกลบั ไปอยใู่ นป่ าหิมะวนั แลว้ ส่วนศุภางคก์ เ็ ป็นอิสระเช่นกนั และไดอ้ อกตอ่ สูก้ บั ขา้ ศึกจน ตายอยา่ งทหารหาญ ชยั เสนจึงเดินทางไปรับนางมทั นา ขณะน้นั มทั นาทูลขอใหส้ ุเทษณ์รับนาง กลบั ไปสวรรค์ สุเทษณ์ขอใหน้ างรับรักตนก่อน แต่มทั นายงั คงปฏิเสธ สุเทษณ์กริ้วจึงสาปใหม้ ทั นา เป็นกหุ ลาบตลอดไป ชยั เสนมาถึงแตก่ ไ็ ม่ทนั การณ์ จึงไดแ้ ต่นาตน้ กหุ ลาบกลบั ไปยงั เมืองหสั ตินาปุระ
ลกั ษณะคาประพนั ธ์
ตวั อย่าง อนิ ทรวิเชียรฉนั ท์ 11 เขา้ ใจละเจา้ ขา้ ผวิ ะองคส์ ุเทษณ์น้นั ตรัสมาดิฉนั พลนั จะเฉลยพระวาที นางมทั นา : ขา้ เขา้ ใจแลว้ ถา้ หากองคส์ ุเทษณ์น้นั ตรัสถามอะไร หม่อมนฉนั จะตอบในทนั ที
กาพยฉ์ บงั 16
ตวั อยา่ ง กาพยฉ์ บงั 16 แต่อยดู่ ีดีทนั ใด บงั เกิดร้อนใน อุระประหน่ึงไฟผลาญ ร้อนจนสุดท่ีทนทาน แรงไฟในราน กล็ ม้ ลงสิ้นสมฤดี มทั นา : แต่อยดู่ ีๆ กเ็ กิดร้อนใน ราวกบั โดนไฟผลาญ ร้อนจน สุดที่จะทนได้ แลว้ กส็ ิ้นสติลง
คุณค่าดา้ นวรรณศลิ ป์ 1. เรื่องมทั นะพาธาเป็นหนงั สือที่แต่งดี ใชค้ าฉนั ทเ์ ป็นบทละครพดู ซ่ึงแปลกและแต่งไดย้ าก มีการเลือกใชค้ าเหมาะสมกบั เน้ือความและบทบาทของตวั ละคร รวมท้งั การพรรรณนาใหม้ ี ความสอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมภารตะโบราณและเขา้ กบั เน้ือเรื่องไดเ้ ป็นอยา่ งดี จึงไดร้ ับการยก ยอ่ งจากวรรณคดีสโมสร วา่ เป็นยอดแห่งบทละครพดู คาฉนั ท์ 2. มีการใชภ้ าษาท่ีสละสลวย ตอนใดท่ีตอ้ งการดาเนินเรื่องอยา่ งรวดเร็ว กใ็ ชร้ อ้ ยแกว้ ตอนใดท่ี ตอ้ งการจงั หวะเสียงและความคลอ้ งจองกใ็ ชก้ าพย์ หรือตอนใดที่เนน้ อารมณ์มากกม็ กั ใชฉ้ นั ท์ 3.มีการใชศ้ ิลปะการประพนั ธท์ ี่ไพเราะ แสดงกวีโวหารและมีการเล่นคา เล่นอกั ษรอยา่ งแพรว พราว
คณุ ค่าดา้ นสงั คม 1. สะทอ้ นแง่คิดใหค้ นในสงั คมไดเ้ ขา้ ใจพทุ ธวจนะ “ท่ีใดมีรัก ที่นนั่ มีทุกข”์ 2. สะทอ้ นใหเ้ ห็นค่านิยมเกี่ยวกบั การครองรักระหวา่ งหญิงชาย 3. สะทอ้ นใหเ้ ห็นคา่ นิยมของสตรีไทยในยคุ สมยั น้นั
ขอ้ คดิ ท่ีไดจ้ ากเรอ่ื ง มทั นะพาธาเป็นวรรณคดีท่ีใหข้ อ้ คิดในเรื่องของความรัก เมื่อมีรักอยา่ งไม่มี สติจะทาใหเ้ กิดปัญหาต่างๆตามมามากหมาย ดงั น้นั หากทุกคนมีความรักก็ ขอใหม้ ีความรักอยา่ งมีสติ ตลอดจนคิด พดู และลงมือทาอยา่ งมีสติในการ ดาเนินชีวิตประจาวนั ดว้ ยนะคะ
จดั ทาโดย นางสาวนูรไอนี วาโซะ 6206510047 สาขาภาษาไทย มหาวทิ ยาลยั หาดใหญ่
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: