Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore production process

production process

Published by auttapon.p, 2020-06-24 00:37:46

Description: แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา กรรมวิธีการผลิต สาขาวิชาช่างกลโรงงาน วิทยาลัยการอาชีพบ้านผือ

Keywords: การผลิต

Search

Read the Text Version

51 5.กรรมวธิ ีการผลิตด้วยเคร่ืองกดั กิจกรรมการเรียนรู้ ข้นั นาเขา้ สูบ่ ทเรียน 1.ครูและผู้เรยี นกลา่ วถงึ เครื่องกัดเปน็ เครอื่ งมอื กลชนิดหน่ึงทม่ี ีความสาาคัญมากในงานผลิต สามารถทาางานได้อเนกประสงค์ เครื่องกัดมีหลายชนิดท่ีควรร้จู ักได้แก่ 2.ครูแสดงรูปภาพกรรมวิธีการผลติ ดว้ ยเครอ่ื งกดั ในลักษณะต่างๆ ประกอบการเรียนการสอน ขัน้ สอน 3.ครูผสู้ อนใช้เทคนิคการอธบิ ายโดยอาศยั รูปภาพ และตัวอย่างจริงประกอบการสอนเรื่องเครื่องกัดแกนเพลา นอน (Horizontal Milling Machine) เป็นเครื่องกัดท่ีมีแกนเพลาอยู่ในแนวนอนใช้ในการกัดงานได้หลายอย่าง เช่น กัดราบ กัดร่อง กัดเฟือง เป็นต้น มีหลักการทางาน คือ เมื่อเปิดสวิตช์ มอเตอร์จะหมุนส่งกาลังมายังแกนเพลานอน แกนเพลาจะพาดอกกดั หมุนกัดชนิ งาน ทาให้ได้ขนาด รปู รา่ ง ของชินงานตามทตี่ ้องการ 4.ครูอธิบาย และสาธิตเคร่ืองกัดแกนเพลาตัง (Vertical Milling Machine) โดยใช้รูปภาพ และ Power Point เป็นสื่อประกอบเพ่ือให้เกิดการเรียนรู้ เครอื่ งกัดแกนเพลาตงั เป็นเครื่องกัดที่มีแกนเพลาอยู่ในแนวตังหรืออยู่ใน แนวดิ่ง นิยมใช้กับดอกกัดท่ีเป็นดอกกดั เอ็นมลิ ล์ ดอกกดั ปาดหน้า มรี ูปแบบต่างๆ แตห่ ลกั การทาางานเหมอื นกัน

52 5.ครอู ธบิ าย และสาธติ เคร่ืองกัดซเี อ็นซี (CNC Milling Machine) โดยใชร้ ปู ภาพ และ Power Point เป็นส่ือ ประกอบเพ่ือให้เกิดการเรียนรู้ เครื่องกัดซีเอ็นซี มีหลกั การทางานคือจะต้องมีโปรแกรม หรอื คาสั่ง (M Code และ G Code) มาผ่านชดุ ควบคุมการทางานของเครอืง่ และควบคมุการหมนขุ องเครือ่ งมอื ตดั (Cutting Tool) การเปลี่ยนเคร่ืองมือตัด ควบคุมการเคลื่อนท่ีในการกัดงาน เป็นต้น โดยหลักพืนฐานจะมีการเคลื่อนทเี่ ชิงเส้น (Linear Motion) อยู่ 3 แกน คือ แกน X แกน Y และแกน Z เปน็ การเคลือ่ นท่ีของสปินเดิล (Spindle) 6.ครูอธิบาย และสาธิตเคร่ืองกัดเฟืองดว้ ยดอกกดั ฮอบ (Hob Milling Machine) โดยใช้รูปภาพ และ Power Point เป็นส่ือประกอบเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ เคร่ืองกัดเฟืองด้วยดอกกัดฮอบ เป็นเคร่ืองท่ีใช้กัดเฟืองในงาน อตุ สาหกรรม ดอกกดฮั อบ (Hob Milling Cutter) จะมีลักษณะเหมือนเกลียวหนอน หมุนตัดชินงานสามารถกัด ไดท้ ังเฟอื งตรงและเฟืองเฉียง

53 7.ครูอธิบาย และสาธิตกรรมวิธีการผลิตด้วยเครื่องกัด โดยใช้รูปภาพ และ Power Point เป็นสื่อประกอบ เพื่อให้เกิดการเรยี นรู้ ซ่ึงเคร่ืองกัดสามารถใช้ในงานการผลิตได้หลายอย่าง เช่น กัดราบ กัดร่อง กัดบ่าฉาก กัดร่องล่ิม กัดร่องหางเหยี่ยว กัดเฟอื งตรง เฟอื งเฉียง เฟืองดอกจอก กัดรอ่ งสปาย กัดลูกเบียว เปน็ ต้น ตัวอยา่ งกรรมวิธกี ารผลติ ด้วยเครอ่ื งกดั เชน่ 8.ผูเ้ รยี นปฏิบตั กิ ิจกรรม ดงั นี 8.1 เครอ่ื งกดั แกนเพลานอนสามารถทางานอะไรได้บา้ ง จงบอกมาอยา่ งนอ้ ย 2 อย่าง 8.2 อธิบายหลักการทาางานของเครื่องกดั แกนเพลานอน 9.ทาใบงานทคี่ รูกาหนดให้ 10.เม่ือผเู้ รียนสาเรจ็ การศกึ ษาและนาความรู้เพื่อนาไปประกอบอาชีพ โดยเน้นหลักเศรษฐกจิ พอเพียง ผเู้ รียน จะต้องปฏิบตั อิ ย่างไรบา้ งเก่ยี วกบั เงือ่ นไขความรแู้ ละเง่ือนไขของคณุ ธรรม ขน้ั สรุปและการประยกุ ต์ 11.ครูกาหนดปัญหาโดยให้ผู้เรียนระดมสมองช่วยกนั คิดหาคาตอบแลว้ อธิบายคาตอบ 12.ผู้เรียนสรุปโดยอธิบายหลักการทาางานของเคร่ืองกัดแกนเพลาตัง และอธิบายหลักการทาางานของ เครอ่ื งกัดซเี อ็นซี 13.ผูเ้ รียนทาแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้

54 สื่อและแหลง่ การเรยี นรู้ 1.หนงั สอื เรียน วชิ ากรรมวธิ ีการผลิต ของสานักพิมพ์เอมพันธ์ 2.รปู ภาพ 3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4.สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ , Power Point และ VDO 5.แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ 6.คร่อื งมอื และอปุ กรณ์ หลกั ฐาน 1.บันทกึ การสอน 2.ใบเชค็ รายชื่อ 3.แผนจดั การเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน การวดั ผลและการประเมินผล วธิ ีวัดผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ 3 ตรวจกจิ กรรมใบงาน 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ 5. การสังเกตและประเมนิ พฤติกรรมดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เครอื่ งมือวัดผล 1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. แบบประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ 3. แบบประเมินกิจกรรมใบงาน 4. แบบประเมินผลการเรยี นรู้ 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ ผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล ต้องไมม่ ชี ่องปรบั ปรุง 2. เกณฑผ์ ่านการประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุม่ คอื ปานกลาง (50 % ขนึ ไป) 3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (50% ขึนไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑ์ผา่ น คือ 50% 5. แบบประเมินผลการเรียนร้มู ีเกณฑ์ผ่าน 50% 6. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึนอยู่กับการ ประเมนิ ตามสภาพจริง กจิ กรรมเสนอแนะ 1.ทบทวนบทเรยี น เพือ่ ฝกึ ทักษะการเรยี นรอู้ ยา่ งสมา่ เสมอ 2.บนั ทกึ รายรับ-รายจ่าย

55 บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลังการสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาที่พบ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปญั หา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................

56 แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบรู ณาการที่ 10 หนว่ ยที่ - สอนครง้ั ท่ี 10 (19-20) รหัสวิชา 2102-2007 กรรมวธิ กี ารผลิต (2-0-2) จานวน 2 ช.ม. ชือ่ หน่วย/เรื่อง ทบทวน/สอบกลางภาคเรียน แนวคิด - ผลการเรียนรู้ทคี่ าดหวงั 1.ผู้เรยี นเกดิ การเรยี นรู้เนอื หาสาระ และนาความคิดรวบยอดไปประยกุ ตใ์ ชต้ อ่ ไป 2.มีการพฒั นาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษา สานักงาน คณะกรรมการการอาชีวศึกษา ท่คี รูสามารถสังเกตได้ขณะทาการสอนในเรือ่ ง 2.1 ความมีมนษุ ยสมั พันธ์ 2.6 การประหยดั 2.2 ความมวี นิ ยั 2.7 ความสนใจใฝ่รู้ 2.3 ความรบั ผิดชอบ 2.8 การละเว้นส่ิงเสพติดและการพนัน 2.4 ความซอื่ สัตยส์ จุ รติ 2.9 ความรักสามคั คี 2.5 ความเช่ือมัน่ ในตนเอง 2.10 ความกตัญญูกตเวที สมรรถนะรายวชิ า แสดงความร้เู กยี่ วกับหลักการ กระบวนการ เลือกกรรมวิธกี ารผลิต ชนิ สว่ นและผลิตภณั ฑ์ในงานอตุ สาหกรรม สาระการเรยี นรู้ ทบทวน/สอบกลางภาคเรยี น

57 บนั ทึกหลงั การสอบ ข้อสรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................ .. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปญั หาทพี่ บ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปญั หา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................

58 แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการท่ี 11 หน่วยท่ี 9 สอนครั้งท่ี 11 (21-22) รหสั วชิ า 2102-2007 กรรมวิธีการผลติ (2-0-2) จานวน 2 ช.ม. ช่อื หน่วย/เรอื่ ง กรรมวธิ ีการผลิตดว้ ยเคร่อื งไส แนวคิด เคร่ืองไสเป็นเคร่ืองมือ กลอิกชนิดหนึ่ง ลักษณะงานจะแตกต่างจากเครื่องกลึงเพราะจะมีลักษณะการทางาน จงั หวะเดียว คือ จังหวะเดินหน้าจะตัดงาน ส่วนจังหวะชักกลับไมไ่ ด้ต้ดงาน จะเป็นจงั หวะสูญเปล่าทาให้จ้งหวะชักกลับ จะเร็วกว่าจังหวะเดินหน้าตัดงาน ปัจจบุ ันในโรงงานอุตสาหกรรมมีใชน้ ้อยหรือไม่ใช้เลย ยกเว้นเครอื่ งไสบางชนิด เช่น เครื่องไสเฟือง เปน็ ต้น ผลการเรยี นรู้ทคี่ าดหวงั 1.อธิบายหลักการทางานของเคร่อื งไสแนวนอนได้ 2.อธบิ ายหลักการทางานของเครื่องไสแนวตังได้ 3.อธบิ ายหลักการทางานของเครอื่ งไสแคร่ยาวได้ 4.อธิบายหลกั การทางานของเครอื่ งไสเฟืองได้ 5.อธิบายหลักการทางานของเครอื่ งไสเฟืองซีเอน็ ซไี ด้ 6.บอกชินงานที่ผลติ จากเครือ่ งไสได้ 7.มีการพัฒนาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผู้สาเรจ็ การศกึ ษา สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ที่ครสู ามารถสังเกตไดข้ ณะทาการสอนในเรือ่ ง 3.1 ความมมี นุษยสัมพันธ์ 7.2 ความมวี ินยั 7.3 ความรบั ผิดชอบ 7.4 ความซ่ือสัตยส์ ุจริต 7.5 ความเชื่อมนั่ ในตนเอง 7.6 การประหยดั 7.7 ความสนใจใฝ่รู้ 7.8 การละเว้นสงิ่ เสพตดิ และการพนัน 7.9 ความรักสามัคคี 7.10 ความกตญั ญูกตเวที สมรรถนะรายวิชา แสดงความรเู้ กีย่ วกบั หลกั การ กระบวนการ เลือกกรรมวิธกี ารผลิต ชนิ สว่ นและผลิตภัณฑใ์ นงานอตุ สาหกรรม สาระการเรียนรู้ 1.เครื่องไสแนวนอน (Horizontal Shaper) 2.เครอื่ งไสแนวตงั (Vertical Shaper หรือ Slotting Machine) 3.เครอ่ื งไสแคร่ยาว (Planer) 4.เคร่อื งไสเฟอื ง (Gear Shaper)

59 5.เครอื่ งไสเฟืองซเี อ็นซี (CNC Gear Shaper) 6.กรรมวิธีการผลติ ดว้ ยเครอื่ งไส กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนาเข้าสู่บทเรยี น 1.ครูสนทนากับผู้เรียนเร่ืองเครื่องไสโดยท่ัวไปจะแบ่งออกได้ดังนี คือ เคร่ืองไสแนวนอน เครื่องไสแนวตัง เครอื่ งไสแคร่ยาว และเคร่อื งไสเฉพาะอย่าง เชน่ เครอ่ื งไสเฟือง ฯลฯ 2.ครูกล่าวว่ากฎเกณฑ์และข้อยกเว้นในการใช้เครื่องไส ซ่ึงมีลักษณะต่างๆ มากมาย ผู้เรียนควรศึกษา รายละเอียดใหม้ าก เพือ่ ให้สามารถนาไปปฏิบัตไิ ด้ ขน้ั สอน 3.ครูใช้วิธีสอนอธิบายหลักการทางานของเครื่องไสแนวนอน (Horizontal Shaper) โดยใช้รูปภาพ และ Power Point เป็นส่อื ประกอบการเรยี นการสอน เพือ่ เชือ่ มโยงไปส่บู ทเรียน ดงั สว่ นประกอบตอ่ ไปนี 4.ครูใช้เทคนิควิธสี อนแบบใช้โสตทัศนวัสดุ (Audio-Visual Material of Instruction Method) เป็นวธิ ีสอนท่ี นาอุปกรณ์โสตทัศน์วัสดุมาช่วยพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน โสตทัศน์วัสดุ ได้แก่ VDO และ Power Point เพ่ือ แสดงให้ผู้เรยี นได้เรยี นรู้เครอ่ื งไสแนวตัง (Vertical Shaper หรอื Slotting Machine)

60 5.ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบบรรยาย (Lecture Method) ด้วยการเล่าอธิบายให้ผเู้ รียนเป็นผู้ฟังและเปิดโอกาส ใหผ้ ูเ้ รียนซักถามปญั หาไดใ้ นตอนทา้ ยของการบรรยายเรื่องเคร่ืองไสแครย่ าว (Planer) 6.ครใู ชเ้ ทคนิค Discussion Method การจดั การเรียนรู้แบบอภิปราย คือกระบวนการทผ่ี ู้สอนมุง่ ให้ผู้เรียนมี โอกาสสนทนาแลกเปลย่ี นความคิดเห็นหรือระดมความคิดในเร่ืองเครือ่ งไสเฟือง (Gear Shaper) โดยมจี ดุ มุง่ หมายเพื่อ หาคาตอบ แนวทางหรือแก้ปัญหาร่วมกัน ซ่ึงผู้เรียนร่วมกันอภิปรายว่าเคร่ืองไสเฟืองเป็นเครื่องไสท่ีใช้ในการไสเฟือง มีหลกั การทางาน โดยมคี ตั เตอร์ทเ่ี ปน็ ลกั ษณะเหมือนเฟืองไสขึนลงบนชินงาน จนเปน็ รปู รา่ งและความลึกของ ฟันเฟอื งทีต่ อ้ งการหรือใชไ้ สรอ่ งต่างๆ 7.ครใู ชเ้ ทคนิค Discussion Method การจดั การเรียนร้แู บบอภิปราย คือกระบวนการทีผ่ ู้สอนมุ่งให้ผู้เรียนมี โอกาสสนทนาแลกเปล่ียนความคิดเห็นหรือระดมความคิดในเร่ืองเครื่องไสเฟืองซีเอ็นซี (CNC Gear Shaper) โดยมี จุดมุ่งหมายเพ่ือหาคาตอบ แนวทางหรือแก้ปัญหาร่วมกัน ซง่ึ ผู้เรยี นร่วมกันอภิปรายเรื่องเคร่ืองไสเฟืองซีเอ็นซี (CNC Gear Shaper) โดยเคร่ืองไสเฟืองซีเอ็นซี มีหลักการทางานและส่วนประกอบลักษณะเดียวกับเคร่ืองไสเฟืองปกติ ตา่ งกนั ตรงที่เป็นเครอื่ งไสเฟืองทม่ี กี ารทางานโดยมชี ุดคอมพิวเตอรค์ วบคุม (CNC: Computer Numerical Control)

61 8.ครูใช้เทคนคิ วิธสี อนแบบใช้โสตทัศนวัสดุ (Audio-Visual Material of Instruction Method) เป็นวิธีสอน ทน่ี าอุปกรณ์โสตทศั น์วัสดุมาช่วยพฒั นาคุณภาพการเรียนการสอน โสตทศั น์วัสดุ ไดแ้ ก่ VDO และ Power Point เพื่อ แสดงให้ผู้เรียนได้เรียนรู้กรรมวิธีการผลติ ดว้ ยเคร่ืองไส โดยเคร่ืองไสมีการทางานได้หลายอย่าง เช่นการไสราบ การไส ร่องลิ่ม การไสบา่ ฉาก การไสเฟือง เปน็ ต้น การไสราบ การไสร่องตัววี 9.ผ้เู รียนอธิบายหลกั การทาางานของเคร่อื งไสแนวนอน (Horizontal Shaper) 10.ผเู้ รยี นอธบิ ายหลกั การทาางานของเครอ่ื งไสแนวตัง (Vertical Shaper หรอื Slotting Machine) 11.ผ้เู รยี นทาใบงาน 12.ครูเน้นการนาความรู้ไปประกอบอาชีพอย่างมีคุณธรรมไม่เบียดเบียนผู้อ่ืน เช่น ไม่มีพฤติกรรมที่ฉ้อโกง ผู้บรโิ ภค โดยไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบจนผู้บริโภคเกดิ ความเดอื ดรอ้ น เม่ือผูเ้ รียนจบการศึกษาไปแล้ว และไปประกอบ อาชีพผูป้ ระกอบการหรือลูกจา้ งกต็ าม ควรยึดหลักคณุ ธรรมตามเงอ่ื นไขแห่งปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ข้ันสรุปและการประยกุ ต์ 13.สรปุ โดยครตู งั คาถาม ให้ผ้เู รียนตอบเปน็ รายบคุ คลเกี่ยวกับกรรมวิธีการผลติ ด้วยเครอื่ งไส 14.ผู้เรียนสรปุ โดยการอธิบายหลักการทาางานของเคร่ืองไสแคร่ยาว (Planer) และอธิบายหลกั การทาางาน ของเครอื่ งไสเฟือง (Gear Shaper) รวมทงั เครอื่ งไสชนดิ อ่นื ๆ 15.ผเู้ รียนทาแบบประเมินผลการเรยี นรู้ สอ่ื และแหล่งการเรียนรู้ 1.หนังสือเรียน วิชากรรมวธิ กี ารผลิต ของสานกั พิมพเ์ อมพันธ์ 2.รูปภาพ

62 3.กิจกรรมการเรยี นการสอน 4.ส่ืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ , Power Point และ VDO 5.แบบประเมินผลการเรียนรู้ 6.เคร่อื งมือและอุปกรณ์ หลักฐาน 1.บันทกึ การสอน 2.ใบเช็ครายชือ่ 3.แผนจดั การเรียนรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน การวดั ผลและการประเมนิ ผล วิธีวดั ผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. ประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม 3 ตรวจกิจกรรมใบงาน 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ 5. การสงั เกตและประเมินพฤติกรรมด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เคร่ืองมอื วดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. แบบประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกล่มุ 3. แบบประเมนิ กิจกรรมใบงาน 4. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมนิ เกณฑก์ ารประเมินผล 1. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ต้องไมม่ ีชอ่ งปรับปรุง 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (50 % ขึนไป) 3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50% ขนึ ไป) 4. กิจกรรมใบงาน เกณฑ์ผา่ น คอื 50% 5. แบบประเมินผลการเรียนรู้มเี กณฑ์ผา่ น 50% 6. แบบประเมินคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึนอยู่กับการ ประเมินตามสภาพจริง กจิ กรรมเสนอแนะ 1.ทบทวนบทเรยี น 2.บันทึกรายรับ-รายจ่ายประจาวัน

63 บนั ทึกหลงั การสอน ขอ้ สรุปหลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. .... .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาท่ีพบ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแกป้ ญั หา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................... ... .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................

64 แผนการจดั การเรยี นรูแ้ บบบูรณาการที่ 12 หนว่ ยที่ 10 สอนครงั้ ท่ี 12 (23-24) รหสั วิชา 2102-2007 กรรมวิธีการผลติ (2-0-2) จานวน 2 ช.ม. ชื่อหน่วย/เรอ่ื ง กรรมวิธกี ารผลิตด้วยเครอ่ื งเจยี ระไน แนวคิด เครื่องเจียระไนเป็นเคร่ืองมือกลอีกชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์มาก ในกรรมวิธกี ารผลิตโดยเฉพาะเครื่องเจียระไน ราบ ใช้ในงานอตสุ าหกรรมการผลตแิ มพม่ พิ ์ เครื่องเจียระไนสามารถทางานได้อยา่ งหลากหลายเช่นใช้สาหรับลับคมตัด ต่างๆ ของเครื่องมือตัด ได้แก่ มีดกลึง มีดไส ดอกสว่าน และยังสามารถเจียระไนตกแต่งชินงานต่างๆ ได้ เคร่ือง เจียระไนมีหลายชนดิ เชน่ เครอื่ งเจียระไนลบั คมตดั เครื่องเจียระไนทรงกระบอก เครื่องเจยี ระไนผิวราบ เปน็ ตน้ ผลการเรยี นรู้ท่ีคาดหวงั 1.อธิบายหลักการทางานของเครื่องเจียระไนแบบตงั โตะ๊ ได้ 2.อธบิ ายหลักการทางานของเคร่อื งเจยี ระไนแบบตงั พืนได้ 3.อธิบายหลักการทางานของเคร่ืองเจยี ระไนทรงกระบอกได้ 4.มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษา สานักงาน คณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ที่ครสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่ือง 4.1 ความมีมนุษยสมั พันธ์ 4.2 ความมีวินยั 4.3 ความรับผิดชอบ 4.4 ความซ่อื สัตยส์ ุจริต 4.5 ความเช่ือมั่นในตนเอง 4.6 การประหยัด 4.7 ความสนใจใฝ่รู้ 4.8 การละเวน้ สง่ิ เสพติดและการพนนั 4.9 ความรกั สามัคคี 4.10 ความกตญั ญกู ตเวที สมรรถนะรายวชิ า แสดงความร้เู กี่ยวกบั หลักการ กระบวนการ เลือกกรรมวธิ กี ารผลิต ชินสว่ นและผลติ ภัณฑ์ในงานอุตสาหกรรม สาระการเรียนรู้ 1.เครอ่ื งเจียระไนแบบตังโตะ๊ (Bench Grinder หรือ Bench Grinding Machine) 2.เคร่ืองเจียระไนแบบตงั พืน (Pedestal Grinder หรอื Floor Grinding Machine) 3.เคร่ืองเจียระไนทรงกระบอก (Cylinder Grinder หรือ Cylinder Grinding Machine) กิจกรรมการเรยี นรู้

65 ข้ันนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1.ครูสนทนากับผู้เรียนว่ากรรมวิธีการผลิตด้วยเคร่ืองเจียระไน โดยเคร่ืองเจียระไนลับคมตัดที่ใช้ในงาน ผลิตภัณฑม์ ีหลายชนิด มีทงั เครื่องเจียระไนพืนฐาน ได้แก่ เครื่องเจยี ระไนลับคมตัด ใช้เจียระไนลบั คมตัดธรรมดา เช่น มีดกลงึ ดอกสว่าน ฯลฯ เครอ่ื งเจยี ระไนราบ เครอื่ งเจยี ระไนทรงกระบอก เครื่องเจียระไนเกลียวเครื่องเจียระไนซีเอน็ ซี เปน็ ตน้ ซงึ่ ผู้สอนใช้การสนทนาซกั ถามใหผ้ เู้ รยี นเล่าประสบการณ์เดิม 2.ครแู ละผู้เรยี นสนทนาถงึ เครื่องเจียระไนในลกั ษณะตา่ งๆ ขน้ั สอน 3.ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบบรรยาย (Lecture Method) ด้วยการเล่าอธิบายแสดงสาธิตให้ผู้เรียนเป็นผู้ฟัง และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนซักถามปัญหาได้ในตอนท้ายของเคร่ืองเจียระไนแบบตังโต๊ะ (Bench Grinder หรือ Bench Grinding Machine) ซ่ึงเคร่ืองเจียระไนชนดิ นีจะยึดติดอย่กู ับโต๊ะเพ่ือเพ่ิมความสูงและสะดวกในการใช้งานมีหลักการ ทาางานคอื เมื่อเปิดสวติ ช์มอเตอรจ์ ะหมุน ทาใหแ้ กนเพลาทังสองข้างท่ีมีล้อหินเจียระไนประกอบอยู่ทาให้หินเจียระไน หมุนพร้อมท่ีจะตัดเฉือนเครอื่ งมอื ตัด หรือชินงาน 4.ครูใช้เทคนคิ วิธีสอนแบบใช้โสตทัศนวัสดุ (Audio-Visual Material of Instruction Method) เป็นวิธสี อน ทน่ี าอุปกรณ์โสตทศั นว์ ัสดมุ าช่วยพฒั นาคุณภาพการเรียนการสอน โสตทศั น์วัสดุ ได้แก่ VDO และ Power Point เพ่ือ แสดงให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เรื่องเคร่ืองเจียระไนแบบตังพืน (Pedestal Grinder หรือ Floor Grinding Machine) ซึ่ง เครื่องเจียระไนแบบตังพืนมีหลักการทางาน และส่วนประกอบที่เหมือนกับเครื่องเจียระไนลับคมตัด แบบตังโต๊ะ แตกต่างกันตรงทมี่ ีขนาดใหญกวา่ แบบตังโต๊ะ มีสว่ นที่เปน็ ฐานเครอื่ งเพอ่ื ใชย้ ึดติดกับพนื โรงงาน เพ่ือความมั่นคง มเี สาเคร่ืองบางครังจะเป็นวัสดุหล่อขึนรปู หรือเช่อื มติดเป็นชนิ เดียวกันกับฐานเครื่องและมี ภาชนะใส่ นาระบายความรอ้ น 5.ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบบรรยาย (Lecture Method) ด้วยการเล่าอธิบายให้ผเู้ รียนเป็นผู้ฟังและเปดิ โอกาส ให้ผู้เรียนซักถามปัญหาได้ในตอนท้ายของการบรรยายเรื่องเคร่ืองเจียระไนทรงกระบอก (Cylinder Grinder หรือ Cylinder Grinding Machine) โดยเคร่ืองเจียระไนทรงกระบอกใชใ้ นการเจยี ระไนชินงานที่เป็นเพลากลมเจียระไนรใู น และเจยี ระไน เรยี วภายนอกและเรียวภายในทั่วๆ ไป มีแบบเคร่ืองเจียระไนทรงกระบอกแบบธรรมดา (Plain Grinding Machine) ชุดหัวเครื่องเอียงมมุ ไม่ได้ และเคร่ืองเจียระไนทรงกระบอกแบบยูนิเวอร์แซล (Universal Grinding Machine) ชุดหวั เครือ่ งสามารถเอียงมมุ ได้ 6.ผเู้ รียนปฏบิ ัตกิ ิจกรรม ดังนี 6.1 อธิบายหลักการทาางานของเคร่ืองเจียระไนแบบตังโต๊ะ (Bench Grinder หรือ Bench Grinding Machine) 6.2 อธบิ ายหลักการทาางานของเครอื่ งเจียระไนแบบตังพืน (Pedestal Grinder หรือ Floo Grinding Machine) 6.3 เครือ่ งเจยี ระไนทรงกระบอก (Cylinder Grinder หรือ Cylinder Grinding Machine)สามารถใช้ งานอะไรไดบ้ ้าง 7.ผูเ้ รยี นทาใบงาน 8.ครูเน้นการทางานด้วยความละเอียดรอบคอบ มีความเพียรพยายามในการนาความรู้ไปใช้ให้ประสบ ความสาเรจ็ และมีความระมัดระวังอันตรายท่ีอาจจะเกิดขนึ ได้ในระหว่างการปฏิบตั ิหน้าท่ี หรือหลังจากปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความรับผิดชอบ ซ่ึงเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันท่ีดีในตัวเองตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ดังนัน ปรัชญา

66 เศรษฐกิจพอเพียง จึงเป็นหลักการดาเนินชีวิต การทางาน การบริหาร การพัฒนา รวมถึงการดาเนินกิจกรรมในด้าน ตา่ งๆของมนษุ ย์ ทีเ่ น้นแนวทางสายกลางยดึ หลัก ความพอประมาณ ความมเี หตุผล และมีภูมิคุ้มกันท่ีดี ภายใต้เงื่อนไข ความรอบรู้ รอบคอบ ระมดั ระวงั และเงื่อนไขคณุ ธรรม ความซ่อื สัตย์สุจรติ ความเพียร ขยันอดทน และการแบง่ ปัน ขั้นสรุปและการประยกุ ต์ใช้ 9.ครสู รุปการเรยี นเนอื หาทังหมด โดยใหผ้ ู้เรียนตอบคาถามของครู และฝึกปฏบิ ัตโิ ดยการอธิบาย หลักการทางานของเคร่ืองเจียระไน 10.ผ้เู รยี นทาแบบประเมินผลการเรยี นรู้ สอ่ื และแหล่งการเรียนรู้ 1.หนังสือเรียน วชิ ากรรมวิธีการผลติ ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2.รูปภาพ 3.กิจกรรมการเรียนการสอน 4.สือ่ อิเลก็ ทรอนกิ ส์ , Power Point และ VDO 5.แบบประเมินผลการเรยี นรู้ 6.เครื่องมือและอุปกรณ์ หลักฐาน 1.บันทกึ การสอน 2.ใบเชค็ รายช่ือ 3.แผนจัดการเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน การวดั ผลและการประเมินผล วธิ วี ดั ผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. ประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ 3 ตรวจกิจกรรมใบงาน 4. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5. การสงั เกตและประเมินพฤตกิ รรมด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะ อนั พงึ ประสงค์ เครอ่ื งมือวัดผล 1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ 3. แบบประเมินกิจกรรมใบงาน 4. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียน ร่วมกันประเมิน

67 เกณฑก์ ารประเมนิ ผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล ต้องไม่มีช่องปรับปรุง 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกล่มุ คือ ปานกลาง (50 % ขึนไป) 3. เกณฑผ์ า่ นการสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50% ขึนไป) 4. กิจกรรมใบงาน เกณฑ์ผา่ น คอื 50% 5. แบบประเมนิ ผลการเรียนรมู้ ีเกณฑ์ผ่าน 50% 6. แบบประเมินคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึนอยู่กับการ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ กจิ กรรมเสนอแนะ 1.ศึกษาเนือหาเพม่ิ เติม 2.ทาใบงาน 3.บนั ทึกรายรับ-รายจ่าย

68 บันทกึ หลังการสอน ขอ้ สรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาทีพ่ บ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................. . .................................................................................................................................................. แนวทางแกป้ ญั หา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................

69 แผนการจดั การเรยี นรแู้ บบบรู ณาการที่ 13 หนว่ ยท่ี 10 สอนครง้ั ที่ 13 (25-26) รหสั วชิ า 2102-2007 กรรมวธิ กี ารผลติ (2-0-2) จานวน 2 ช.ม. ช่อื หน่วย/เรือ่ ง แนวคิด เคร่ืองเจียระไนเป็นเครื่องมือกลอีกชนิดหนึ่งที่มปี ระโยชน์มาก ในกรรมวิธกี ารผลิตโดยเฉพาะเคร่ืองเจียระไน ราบ ใช้ในงานอตสุ าหกรรมการผลติแมพ่มพิ ์ เครื่องเจียระไนสามารถทางานได้อยา่ งหลากหลายเช่นใช้สาหรับลับคมตัด ต่างๆ ของเคร่ืองมือตัด ได้แก่ มีดกลึง มีดไส ดอกสว่าน และยังสามารถเจียระไนตกแต่งชินงานต่างๆ ได้ เครื่อง เจียระไนมหี ลายชนิด เชน่ เคร่ืองเจียระไนลบั คมตดั เครอื่ งเจยี ระไนทรงกระบอก เครื่องเจยี ระไนผวิ ราบ เปน็ ตน้ ผลการเรียนร้ทู ีค่ าดหวัง 4.อธบิ ายหลกั การทางานของเคร่อื งเจยี ระไนผวิ ราบได้ 5.อธบิ ายหลักการทางานของเคร่อื งเจียระไนชนิดอ่ืนๆ ได้ 6.บอกงานท่ีผลิตดว้ ยเครือ่ งเจยี ระไนชนิดต่างๆ ได้ 7.มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษา สานักงาน คณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่อื ง 7.1 ความมมี นษุ ยสัมพันธ์ 7.2 ความมีวนิ ยั 7.3 ความรับผิดชอบ 7.4 ความซื่อสตั ย์สจุ ริต 7.5 ความเชอื่ มัน่ ในตนเอง 7.6 การประหยดั 7.7 ความสนใจใฝร่ ู้ 7.8 การละเว้นสิ่งเสพติดและการพนนั 7.9 ความรักสามคั คี 7.10 ความกตัญญกู ตเวที สมรรถนะรายวชิ า แสดงความรเู้ กี่ยวกับหลักการ กระบวนการ เลือกกรรมวิธีการผลิต ชินส่วนและผลติ ภณั ฑใ์ นงานอุตสาหกรรม สาระการเรยี นรู้ 4.เครื่องเจยี ระไนผิวราบ (Surface Grinder หรอื Surface Grinding Machine) 5.เครอ่ื งเจียระไนชนิดอ่ืนๆ 6.กรรมวธิ ีการผลิตด้วยเคร่อื งเจยี ระไน

70 กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันนาเขา้ ส่บู ทเรยี น 1.ครูและผู้เรียนสนทนาเร่ืองภาพตัดเป็นแบบงานชนิดหน่ึงที่จะแสดงรายละเอียดภายในของชินงานท่ี สลับซบั ซอ้ นมาก ทาให้งานท่ีถูกบังหรือมองไมเ่ หน็ ต้องเขยี นแทนด้วยเส้นประหลายเส้น ทาให้มีความยงุ่ ยากในการอ่าน แบบ และอาจส่งผลให้ช่างผู้ผลิตชินงานทางานผิดพลาดได้ ดังนันเพื่อให้สามารถอ่านแบบได้ง่าย จึงได้มีการกาหนด วธิ กี ารเขยี นแบบท่เี รียกว่า “การเขียนแบบภาพตดั ” ขึน 2.ครยู กตวั อยา่ งประกอบ และให้ผู้เรียนสาธิตการฝกึ ปฏิบตั ิตา่ งๆ เก่ียวกบั วิธกี ารสร้างภาพตดั ขั้นสอน 3.ครูใช้เทคนิควธิ ีสอนแบบใช้โสตทัศนวสั ดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction Method) เป็นวิธสี อน ท่ีนาอุปกรณ์โสตทัศน์วัสดุมาช่วยพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน โสตทัศน์วัสดุดังกล่าว ได้แก่ Power Point และ VDO เพอื่ อธบิ ายเครอ่ื งเจยี ระไนผิวราบ (Surface Grinder หรือ Surface Grinding Machine) ซงึ่ เครื่องเจียระไนผิวราบแบบแกนเพลานอนชนิดมีโต๊ะงานเลื่อนซ้าย-ขวาเป็นเครอื่ งเจียระไนราบที่ใช้ กันมากในงาน ผลติ โดยเฉพาะงานผลิตแม่พมิ พ์ 4.ครูใช้เทคนิค Discussion Method การจัดการเรียนรู้แบบอภิปราย คือกระบวนการที่ผู้สอนมุ่งให้ผู้เรียนมี โอกาสสนทนาแลกเปล่ียนความคิดเห็นหรือระดมความคิดในเร่ืองเคร่ืองเจียระไนชนิดอื่นๆ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อหา คาตอบ แนวทางหรือแก้ปัญหาร่วมกัน โดยเครื่องเจยี ระไนมหี ลายชนิดที่มกี ารออกแบบมาเพ่ือทางานผลติ เฉพาะอยา่ ง เช่น เครอ่ื งเจียระไนซีเอ็นซี เป็นเครื่องเจียระไนทใี่ ช้คอมพิวเตอรม์ าควบคุมการทางาน โดยการเขียนโปรแกรมควบคุม การทาางานของเคร่อื งเจียระไน สามารถทางานผลิตทตี่ ้องการจานวนมากชิน เคร่ืองเจียระไนรู เคร่ืองเจียระไนเพลาข้อ เหวยี่ ง เป็นตน้ 5.ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบบรรยาย (Lecture Method) ด้วยการเล่าอธิบายให้ผู้เรียนเป็นผู้ฟังและเปดิ โอกาส ให้ผู้เรยี นซกั ถามปัญหาได้ในตอนท้ายของการบรรยายเรื่องกรรมวิธีการผลิตด้วยเคร่อื งเจยี ระไน โดยเครื่องเจียระไนมีประโยชน์มากในงานการผลิต สามารถทางานขันสุดท้ายได้หลายชนิดหลายแบบ โดยเฉพาะในงา นอตุสาหกรรมแม่พิมพ์ จาเป็นอย่างมากที่จะต้องใช้เครื่องเจียระไน โดยเฉพาะเคร่ืองเจียระไนราบ ดังนันจะขอกล่าว ตวั อยา่ งงานทผ่ี ลิตด้วยเครอื่ งเจียระไนบางสว่ น เชน่ การลบั คมตดั มดี กลงึ การลบั คมตดั ดอกสว่าน เปน็ ต้น

71 6.ผูเ้ รียนทาใบงานตามทคี่ รูกาหนดให้ 7.ครเู นน้ ปฏิบัติทาการประกอบชนิ งาน 3 มิติ ด้วยความระมดั ระวังในเรอื่ งความปลอดภยั ระหว่างการทางาน และการนาไปใช้ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเอง และเสนอแนะการนาความรู้ไปประกอบอาชีพเพ่ือสร้างรายได้ให้แก่ ตนเองและครอบครวั ตอ่ ไป ขั้นสรุปและการประยกุ ต์ 8.ผู้เรียนสรุปเนือหา โดยครูใช้วิธีสุ่มผู้เรียนทุกคนตอบคาถามและอธิบายให้เพ่ือนฟังทังชันเรียน พร้อมสรุป เนอื หาอกี ครงั 9.ผูเ้ รียนอธิบายหลักการทาางานของเครอื่ งเจยี ระไนแบบต่างๆ 10.ประเมนิ ผู้เรยี นตามแบบฟอรม์ ต่อไปนี ช่อื ผ้เู รียน ธรรมชาตขิ องผ้เู รยี น วฒุ ิภาวะ วธิ กี ารเรียนรู้ ความสนใจ สติปญั ญา 1. 2. 3. ประสบการณ์พืนฐานการเรยี นรู้ ประสบการณ์พนื ฐานการเรียนรู้ วธิ ีการเรียนรู้ ความรู้ ทักษะ ผลงาน ชือ่ ผูเ้ รยี น 1. 2. 3. ส่ือและแหลง่ การเรยี นรู้ 1.หนังสอื เรียน วิชากรรมวิธีการผลิต ของสานักพิมพ์เอมพันธ์ 2.รูปภาพ 3.กจิ กรรมการเรียนการสอน

72 4.สอ่ื อิเล็กทรอนิกส์ , Power Point และ VDO 5.แบบประเมินผลการเรยี นรู้ 6.เครอ่ื งมือและอปุ กรณ์ หลกั ฐาน 1.บนั ทึกการสอน 2.ใบเชค็ รายชอื่ 3.แผนจดั การเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมินผลงาน การวัดผลและการประเมินผล วิธวี ดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 3. ตรวจกิจกรรมใบงาน 4. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ 5. การสังเกตและประเมนิ พฤติกรรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครื่องมือวัดผล 1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. แบบประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 3. แบบประเมินกิจกรรมใบงาน 4. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน เกณฑ์การประเมนิ ผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ีชอ่ งปรบั ปรุง 2. เกณฑ์ผา่ นการประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกล่มุ คือ ปานกลาง (50 % ขึนไป) 3. เกณฑ์ผา่ นการสงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขนึ ไป) 4. กิจกรรมใบงาน เกณฑ์ผ่าน คอื 50% 5. แบบประเมินผลการเรยี นรมู้ ีเกณฑผ์ า่ น 50% 6. แบบประเมินคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึนอยู่กับการ ประเมินตามสภาพจรงิ กจิ กรรมเสนอแนะ 1.ศกึ ษาเนือหาเพ่มิ เติม 2.บนั ทึกรายรบั -รายจ่ายประจาวนั 3.ทาใบงาน

73 บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรุปหลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาท่ีพบ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................... ........... .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแกป้ ัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................

74 แผนการจัดการเรยี นรูแ้ บบบรู ณาการท่ี 14 หนว่ ยท่ี 11 สอนคร้งั ที่ 14 (27-28) รหัสวชิ า 2102-2007 กรรมวธิ ีการผลิต (2-0-2) จานวนชัว่ โมง 2 ช.ม. ชอ่ื หน่วย/เร่อื ง กรรมวธิ กี ารผลิตแบบพิเศษ แนวคดิ กรรมวิธีการผลิตแบบพิเศษเป็นกรรมวิธผี ลิตชินงานที่แตกต่างจากกรรมวิธีอ่ืนๆ มีหลายกรรมวธิ ีได้แก่การกัด ดว้ ยเคมี การชบุ เคลอื บผวิ โลหะดว้ ยไฟฟา้ การขึนรูปชนิ งานดว้ ยไฟฟา้ การผลติ ด้วยเครอื่ งอดี ีเอม็ การผ ลิตด้วย เครื่องอซี ีเอ็ม การผลตดิ ว้ยเครื่องยิงแสงเลเซอร์ การผลิตดว้ยเครื่องยิงอิเล็กตรอนบีม การผลิตด้วยเคร่ืองอัลตราโซ นกิ การผลิตงานขึนรูปจากโลหะผงเป็นตน้ ผลการเรียนรทู้ ่คี าดหวงั 1.อธิบายกรรมวิธีการกัดด้วยเคมไี ด้ 2.อธบิ ายกรรมวิธีการชบุ เคลือบผิวโลหะด้วยไฟฟ้าได้ 3.อธบิ ายกรรมวิธีการขึนรปู ด้วยไฟฟา้ ได้ 4.อธิบายกรรมวธิ ีการผลิตด้วยเคร่ืองอีดีเอ็มได้ 5.อธบิ ายกรรมวิธกี ารผลิตด้วยเครอ่ื งอีซีเอ็มได้ 6.อธบิ ายกรรมวธิ กี ารผลิตดว้ ยเครื่องยงิ แสงเลเซอร์ได้ 7.อธิบายกรรมวธิ ีการผลติ ดว้ ยเครอ่ื งอเิ ลก็ ตรอนบีมได้ 8.อธิบายกรรมวิธีการผลติ ด้วยเคร่ืองอัลตราโซนกิ ได้ 9.มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ของผูส้ าเร็จการศึกษา สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ท่คี รูสามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเรื่อง 9.1 ความมีมนุษยสัมพันธ์ 9.2 ความมีวินยั 9.3 ความรบั ผดิ ชอบ 9.4 ความซอ่ื สตั ย์สุจริต 9.5 ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง 9.6 การประหยัด 9.7 ความสนใจใฝ่รู้ 9.8 การละเว้นสิง่ เสพตดิ และการพนนั 9.9 ความรกั สามคั คี 9.10 ความกตญั ญูกตเวที สมรรถนะรายวิชา แสดงความรูเ้ กี่ยวกบั หลักการ กระบวนการ เลอื กกรรมวธิ กี ารผลิต ชินสว่ นและผลติ ภณั ฑ์ในงานอุตสาหกรรม สาระการเรยี นรู้ 1.กรรมวธิ ีการกดั ดว้ ยเคมี (Chemical Milling) 2.กรรมวิธีการชบุ เคลือบผวิ โลหะดว้ ยไฟฟา้ (Electroplating) 3.กรรมวิธกี ารขนึ รูปดว้ ยไฟฟา้ (Electro Forming Process) 4.กรรมวิธีการผลติ ด้วยเครือ่ งอดี ีเอ็ม (EDM: Electrical Discharge Machining Process)

75 5.กรรมวธิ ีการผลิตด้วยเครอื่ งอีซเี อ็ม (ECM: Electrochemical Machining Process) 6.กรรมวธิ ีการผลิตดว้ ยเคร่ืองยิงแสงเลเซอร์ (Laser Beam Machining Process 7.กรรมวิธกี ารผลติ ด้วยเครื่องอเิ ล็กตรอนบมี (EBM: Electron BeamMachining Process) 8.กรรมวธิ กี ารผลติ ด้วยเครอ่ื งอลั ตราโซนกิ (Ultrasonic Machining Process) กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั นาเขา้ สูบ่ ทเรียน 1.ครูใช้เทคนิคการสอนแบบซิปปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรเู้ ดิมจากสัปดาหท์ ่ีผ่านมา โดยดึงความร้เู ดิมของผู้เรียนในเร่อื งท่จี ะเรียน เพื่อชว่ ยใหผ้ ู้เรียนมคี วามพรอ้ มในการเชื่อมโยงความรใู้ หม่กับความรู้เดิม ของตน ผสู้ อนใช้การสนทนาซกั ถามให้ผเู้ รยี นเล่าประสบการณ์เดมิ 2.ครสู นทนากบั ผู้เรียนวา่ การกดั ดว้ ยเคมี เปน็ กรรมวธิ ที ี่ใชส้ าหรับกัดขนึ รูปโลหะโดยกัดด้วยนายากัดชินงานที่ มลี วดลายสลับซับซ้อน กัดส่วนเกินออกเพ่ือลดนาหนัก หรือกัดเป็นเรียวการกัดจะได้ขนาดและพิกัดท่ีแน่นอนกว่าการ ขนึ รูปด้วยวิธีการกดั ดว้ ยเครือ่ งกดั ธรรมดา กรรมวิธนี ีใช้สาหรับกดั งานโลหะเบา โลหะทีม่ ีความแขง็ ซ่งึ แตก่ ่อนตอ้ ง ใชเ้ ครือ่ งจกั รพิเศษทาใหม้ ตี ้นทุนสูง ขัน้ สอน 3.ครใู ชเ้ ทคนิคการอธิบาย และสาธติ กรรมวิธกี ารกัดด้วยเคมี (Chemical Milling) โดยการกดั ด้วยเคมแี ละ การกัดดว้ ยเคร่ืองจักรกล มีหลักการที่เหมอื นกันคือ การกัดเนือโลหะออก แตก่ รรมวิธีตา่ งกันโดยสินเชิง การผลิตด้วย เคร่ืองจักรกลจะมีข้อจากัดในการผลิตในระนาบตา่ งๆ พร้อมกัน ในเวลาเดียวกัน แต่ในการกัดดว้ ยเคมีสามารถทาการ กัดในหลายๆ ระนาบ หลายพนื ผวิ พร้อมกนั ในเวลา เดียวกนั ได้เลย และสามารถกดั พืนผิวท่ีมีความสลับซับซ้อนได้ ด้วย 4.ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบใช้โสตทัศนวัสดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction Method) เปน็ วิธสี อนท่ี นาอุปกรณ์โสตทัศน์วสั ดุมาช่วยพัฒนาคุณภาพการเรยี นการสอน โสตทัศน์วัสดุ ได้แก่ Power Point เพื่ออธบิ ายเรื่อง กรรมวธิ ีการชบุ เคลือบผวิ โลหะดว้ ยไฟฟา้ (Electroplating) ซงึ่ การชุบเคลือบผิวโลหะดว้ ยไฟฟ้าเป็นการเคลอื บผิวโลหะ ด้วยโลหะชนิดอ่นื ติดแน่นเคลือบเป็นผิว บางๆ โดยยังรักัษารูปทรงของวัสดุที่นามาชุบเคลือบผิวไว้อย่างเดิมทาให้มีผิว สวยงาม ป้องกันการผุกรอ่ น 5.ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบบรรยาย (Lecture Method) ด้วยการเล่าอธิบายให้ผู้เรยี นเป็นผู้ฟังและเปิดโอกาส ให้ผู้เรียนซักถามปัญหาไดใ้ นตอนท้ายของการบรรยายเร่ืองกรรมวธิ ีการขึนรูปด้วยไฟฟ้า (Electro Forming Process) เป็นกรรมวิธีการขึนรูปโลหะด้วยกรรมวิธีทางไฟฟ้า ใช้หลักการแบบเดียวกับการชุบผิวโลหะคือ โลหะชนิดต่างๆ ที่ ต้องการไปเคลือบเป็นขัวบวก (+) ตัวแม่พมิ พ์ (Mold, Mandrel) เปน็ ขัวลบ (-) ต่างกัน ตรงท่ีการชุบผิวโลหะ โลหะที่ ตอ้ งการจะไปเกาะเคลือบผิวชันงานทตี่ อ้ งการเปน็ ชินเดยี วกนั นาไปใช้งานได้เลย 6.ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบบรรยาย (Lecture Method) ด้วยการเล่าอธิบายให้ผเู้ รียนเป็นผู้ฟังและเปดิ โอกาส ให้ผู้เรียนซักถามปัญหาได้ในตอนท้ายของการบรรยายเร่ืองกรรมวิธีการผลิตด้วยเครื่องอีดีเอ็ม (EDM: Electrical Discharge Machining Process) โดยเคร่ืองอีดีเอ็มเป็นกรรมวิธีการผลิตที่มีหลักการ คือจะมีแท่งอิเล็กโทรด (Electrode) ทาจากสื่อท่ี เป็นตัวนาไฟฟ้า โดยปกตใิ ชท้ องแดง ทองแดงผสม ทังสเตน และแกรไฟต์ทาหน้าที่เป็น เครอ่ื งมอื ตดั (Tool) ทาการสปาร์ค (Spark) หรืออารค์ (Arc) เมอื่ ปลอ่ ยกระแสไฟฟ้าท่มี คี วามตา่ งศักย์สูง ท่ีปลาย แทง่ อิเล็กโทรด ซ่งึ เป็นขัวลบ (-) ไปยังชินงานซึ่งเปน็ ขวั บวก (+) ชินงานจะถูกกดั เซาะเป็นรูปรา่ งตามแท่งอิเลก็ โทรด 7.ครูใช้เทคนิค Discussion Method การจัดการเรียนรู้แบบอภิปราย คือกระบวนการท่ีผู้สอนมุ่งให้ผู้เรียนมี โอกาสสนทนาแลกเปล่ียนความคิดเห็นหรอื ระดมความคิดในเรอื่ งกระบวนการผลติ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อหาคาตอบใน

76 เร่อื งกรรมวิธีการผลิตด้วยเครอื่ งอีซีเอ็ม (ECM: Electrochemical Machining Process) โดยเครอื่ งอีซีเอ็มเป็นเคร่ือง ที่ใชก้ รรมวธิ ีการผลิตชนิ งานทแ่ี ตกต่างจากกรรมวิธีการผลิตด้วยไฟฟ้าเคมี หรือเคมไี ฟฟ้าแบบอื่นๆ ไฟฟา้ และสารเคมี จะทาปฏิกิริยาท่ีขอบของตัวตัด อีซีเอ็ม จะมีการทางานพืนฐาน ที่แตกต่างจากงานชุบคือจะมีการสลับขัวไฟฟ้า ให้ ชินงานต่อกับขัวบวก + (Anode) และตัวกัด (Tool) หรืออิเล็กโทรด (Electrode) เป็นขัวลบ – (Cathode) ซ่ึงตัวกัด ต้องทาจากวัสดุที่นากระแสไฟฟ้าได้ดี ไม่เป็นสนิม แปรรูปได้ง่าย โดยท่ัวๆ ไปจะใช้ทองแดง ทองเหลือง สเตนเลส แกรไฟต์ เปน็ ต้น 8.ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบบรรยาย (Lecture Method) ด้วยการเล่าอธิบายให้ผเู้ รียนเป็นผู้ฟังและเปดิ โอกาส ให้ผู้เรียนซักถามปัญหาได้ในตอนท้ายของการบรรยายเร่ืองกรรมวิธีการผลิตด้วยเคร่ืองยิงแสงเลเซอร์ (Laser Beam Machining Process เป็นกรรมวิธีการผลิตด้วยแสงเลเซอร์ เป็นการทาให้เกิดรูบนชินงานหรือตัดชินงานออกจากกัน เปน็ รูปรา่ งตา่ งๆ ตามท่ตี อ้ งการ เลเซอร์เป็นแหล่งกาเนิดแสงท่ีมีสมบัติ เป็นคล่ืนแสงท่ีมีระเบียบ ที่มีทิศทางเดียวลาแสงจะขนานกัน ไปตลอด ระยะทางไกลๆ ไม่มีการบานปลายออก เป็นลาแสงทม่ี ีความเข้มสูง ความเขม้ ของแสงเลเซอร์จะ ลดลงน้อยมากถงึ แม้ จะเปน็ ระยะทางไกลๆ มีขนาดเล็กมาก ทางานที่มีความละเอยี ดสงู ทางานไดร้ วดเรว็ แมน่ ยาสูง 9.ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบบรรยาย (Lecture Method) ด้วยการเล่าอธิบายให้ผู้เรียนเป็นผู้ฟังและเปิดโอกาส ใหผ้ เู้ รยี นซักถามปญั หาได้ในตอนทา้ ยของการบรรยายเรือ่ งกรรมวิธีการผลิตดว้ ยเคร่อื งอเิ ลก็ ตรอนบีม (EBM: Electron BeamMachining Process) เปน็ กรรมวิธีการผลิตด้วยเคร่ืองอิเล็กตรอนบีม มีหลักการทางานคลา้ ยกับเครอ่ื งยิงแสงเลเซอร์ คือเคร่อื งยิงลา อเิ ล็กตรอนที่เป็นพลังงานจลนเ์ คลื่อนท่ีด้วยความเรว็ สูงมาก เรว็ ประมาณ 160,000-200,000 กิ โล เม ต ร ต่ อ วิน าที ผา่ นวงแหวนปรบั แนวศนู ย์ (Alignment Coil or Bias Cup) เปน็ อปุ กรณค์ วบคุม การหักเห ลาอิเล็กตรอนเคล่ือน ตาแหน่งทตี่ อ้ งการ 10.ครใู ช้เทคนิควธิ สี อนแบบบรรยาย (Lecture Method) ด้วยการเลา่ อธิบายให้ผเู้ รียนเปน็ ผู้ฟงั และเปิดโอกาส ให้ผู้เรียนซักถามปัญหาได้ในตอนท้ายของการบรรยายเร่ืองกรรมวิธีการผลิตด้วยเคร่ืองอัลตราโซนิก (Ultrasonic Machining Process) อัลตราโซนิกเป็นกรรมวิธีการขึนรูปชินงานโดยมีหลักการคือเม่ือส่งกระแสไฟฟ้าไปยังตัวแปลง สัญญาณเกดิ เป็นคลื่นความถี่สูงเกินที่มนุษยจ์ ะไดย้ นิ คลื่นความถ่ีจะทาการผลักดันตัวกดั (Tool) ทม่ี ี รูปทรงเหมือนงาน ทตี่ ้องการ ตวั กัดจะสั่นกระแทก โดยมีเม็ดสารเชิงทรายผสมกับนาให้เป็นของเหลวไหลวนกันระหว่างตัวกัดกับชินงาน ตลอดเวลา ช่วงชักทใี่ ช้ในการกระแทกอยู่ประมาณ 0.05-0.07 มิลลิเมตร (0.002-0.003 นิว) ความส่นั กระแทกขึนอยู่ กับรูปร่างของตวั กดั และความละเอียดท่ตี อ้ งการ โดยทัว่ ไป ประมาณ 20,000 ครงั ต่อวนิ าที 11.ผูเ้ รียนทาใบงานทคี่ รกู าหนดให้

77 12.ครูอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับแนวทางการประยุกต์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จาเป็นต้องเริ่มจากจิตใจเป็น พนื ฐาน เม่ือจติ ใจมคี วามพรอ้ ม จึงเรม่ิ ลงมือทา โดยเรมิ่ จากการปรบั เปลยี่ นวิธีคิด วธิ ีทา ขนั้ สรปุ และการประยกุ ต์ 13.ผู้เรียนสรปุ เนือหา โดยการตอบคาถาม และฝกึ ทักษะเกี่ยวกับกรรมวธิ ีการผลิตพเิ ศษ 14.ประเมนิ ผเู้ รยี นตามแบบฟอร์มต่อไปนี ช่อื ผูเ้ รยี น ประสบการณ์พืนฐานการเรียนรู้ วธิ กี ารเรยี นรู้ ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน 1. 2. 3. 4. 5. ส่อื และแหล่งการเรียนรู้ 1.หนงั สือเรยี น วิชากรรมวธิ กี ารผลิต ของสานกั พิมพเ์ อมพนั ธ์ 2.กจิ กรรมการเรยี นการสอน 3.ส่ืออิเล็กทรอนิกส์ , VDO, Power Point, รปู ภาพ 4.แบบประเมินผลการเรยี นรู้ 5.เคร่ืองมอื และอุปกรณ์ หลักฐาน 1.บนั ทึกการสอน 2.ใบเช็ครายช่อื 3.แผนจัดการเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมินผลงาน การวัดผลและการประเมินผล วธิ วี ัดผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุม่ 3. ตรวจกิจกรรมใบงาน 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ 5. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยมและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

78 เครอ่ื งมือวดั ผล 1. แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุม่ 3. แบบประเมินกจิ กรรมใบงาน 4. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ต้องไมม่ ีช่องปรับปรงุ 2. เกณฑ์ผา่ นการประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50 % ขนึ ไป) 3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50% ขนึ ไป) 4. กิจกรรมใบงาน เกณฑผ์ ่าน คือ 50% 5. แบบประเมินผลการเรียนร้มู ีเกณฑผ์ า่ น 50% 6. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึนอยู่กับการ ประเมนิ ตามสภาพจริง กิจกรรมเสนอแนะ 1.ทบทวนบทเรียน 2.ทากิจกรรมใบงานที่ครูกาหนดให้ 3.บันทึกรายรับ-รายจ่าย

79 บนั ทกึ หลังการสอน ขอ้ สรปุ หลังการสอน .................................................................................................................................................. ......................................................................................................................................... ......... .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาทพ่ี บ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปัญหา ...................................................................................................................................... ............ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................

80 แผนการจัดการเรยี นรูแ้ บบบรู ณาการท่ี 15 หนว่ ยที่ 11 สอนคร้งั ท่ี 15 (29-30) รหสั วชิ า 2102-2007 กรรมวธิ กี ารผลิต (2-0-2) จานวน 2 ช.ม. ช่ือหนว่ ย/เรอื่ ง กรรมวิธกี ารผลติ แบบพเิ ศษ แนวคดิ กรรมวิธีการผลิตแบบพิเศษเป็นกรรมวิธีผลิตชินงานท่ีแตกต่างจากกรรมวิธีอ่ืนๆ มีหลายกรรมวิธีได้แก่การกัด ดว้ ยเคมี การชุบเคลอื บผวิ โลหะดว้ ยไฟฟ้า การขึนรูปชินงานดว้ ยไฟฟา้ การผลิตด้วยเครอ่ื งอีดีเอม็ การผ ลิตด้วย เคร่อื งอซี ีเอม็ การผลติดวย้ เครื่องยิงแสงเลเซอร์ การผลิตดว้ยเครื่องยิงอิเล็กตรอนบีม การผลิตดว้ ยเคร่ืองอัลตราโซ นกิ การผลิตงานขึนรปู จากโลหะผงเปน็ ตน้ ผลการเรยี นร้ทู ่ีคาดหวัง 9.อธบิ ายกรรมวธิ ีการผลิตดว้ ยเคร่อื งพน่ สารเชงิ ทรายได้ 10.อธบิ ายกรรมวิธกี ารผลติ ด้วยเครื่องฉีดนาแรงดันสงู ได้ 11.อธิบายกรรมวธิ กี ารผลติ ดว้ ยเครื่องพน่ นาและสารเชิงทรายได้ 12.อธิบายกรรมวิธกี ารผลติ งานขึนรปู จากโลหะผงได้ 13.มกี ารพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ของผสู้ าเร็จการศกึ ษา สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ที่ครสู ามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเร่อื ง 13.1 ความมีมนษุ ยสมั พนั ธ์ 13.2 ความมวี นิ ัย 13.3 ความรบั ผดิ ชอบ 13.4 ความซ่ือสตั ย์สจุ ริต 13.5 ความเช่ือมน่ั ในตนเอง 13.6 การประหยัด 13.7 ความสนใจใฝร่ ู้ 13.8 การละเวน้ สิ่งเสพตดิ และการพนนั 13.9 ความรกั สามัคคี 13.10 ความกตัญญกู ตเวที สมรรถนะรายวิชา แสดงความรู้เกย่ี วกับหลกั การ กระบวนการ เลือกกรรมวธิ ีการผลิต ชินสว่ นและผลิตภณั ฑ์ในงานอุตสาหกรรม สาระการเรยี นรู้ 9.กรรมวธิ กี ารผลติ ดว้ ยเครอ่ื งพ่นสารเชงิ ทราย (Abrasive Jet Machining Process) 10.กรรมวธิ ผี ลิตดว้ ยเคร่อื งฉดี นาแรงดนั สงู (Water Jet Machining Process) 11.กรรมวิธกี ารผลิตด้วยเคร่อื งพน่ นาและสารเชงิ ทราย (Abrasive Water Jet Machining Process) 12.กรรมวิธกี ารผลิตงานขนึ รปู จากโลหะผง (Sintering Process)

81 กิจกรรมการเรียนรู้ ขัน้ นาเขา้ ส่บู ทเรยี น 1.ครแู ละผ้เู รียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นในการนาหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง มาประยุกตใ์ ช้เพื่อ เน้นให้ผู้เรียนฝกึ เร่ืองความระมดั ระวัง ความมีภูมคิ ุ้มกันท่ีดีในตวั เองและความรอบคอบ ความรับผิดชอบ ความอดทน ความเพียร ความเอืออาทรตอ่ เพอื่ นรว่ มงาน เปน็ ต้น 2.ครูใช้เทคนิคการสอนแบบซปิ ปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรเู้ ดมิ จากสัปดาห์ที่ ผา่ นมา โดยดึงความรู้เดิมของผู้เรียนในเร่ืองท่ีจะเรียน เพื่อช่วยให้ผู้เรียนมีความพร้อมในการเช่ือมโยงความรู้ใหม่กับ ความร้เู ดมิ ของตน ผูส้ อนใชก้ ารสนทนาซักถามให้ผู้เรยี นเลา่ ประสบการณ์เดิม 3.ครูแนะนาว่ากรรมวิธกี ารผลิตแบบพิเศษนนั ควรใช้ความละเอยี ด และความตังใจ เพ่ือนาไปประกอบอาชีพ ได้ 4.ครสู นทนากบั ผ้เู รียนเรือ่ งกรรมวธิ ีการผลติ แบบพเิ ศษ โดยยกตัวอยา่ งเคร่อื งพน่ สารเชิงทรายประกอบ ขน้ั สอน 5.ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบใชโ้ สตทัศนวสั ดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction Method) เป็นวิธีสอน ท่ีนาอุปกรณ์โสตทัศน์วัสดุมาช่วยพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน โสตทัศน์วัสดุดังกล่าว ได้แก่ Power Point เพ่ือ อธิบายเรอ่ื งกรรมวธิ ีการผลิตด้วยเคร่อื งพน่ สารเชงิ ทราย (Abrasive Jet Machining Process) เคร่ืองพ่นสารเชิงทราย เรียกคาย่อว่า AJM เป็นกรรมวิธีทางกลใช้สาหรับตัดเนือโลหะที่มีความแข็ง เปราะ กรรมวิธเี หมอื นกับเคร่อื งพน่ ทรายแตใ่ ช้เมด็ สารเชงิ ทรายท่มี คี วามละเอียดมากกวา่ จะมีการควบคุม ปริมาณและ ความเรว็ ของเม็ดสารเชิงทรายขณะปฏิบัตงิ าน การลาเลียงเม็ดสารเชิงทรายจะใช้ลมหรือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เม็ดสารเชิงทรายจะสัมผัสกับผิวงานด้วยความเร็ว 150-330 เมตรต่อวินาที (500-1,100 ฟุตต่อวินาที) เม็ดสารเชิง ทรายที่ใชส้ ว่ นมากจะเป็นซลิ กิ อนคาร์ไบด์ หรอื อะลูมนิ ัมออกไซด์ ส่วนใหญ่ใชท้ าความสะอาดชนิ งาน กัดหรอื ขัดชินงาน จะใชผ้ งออ่ นๆ เช่น โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium bicarbonate) หรอื โดลไมท์ (Dolmite) 6.ครแู ละผเู้ รียนช่วยกันอธบิ ายกรรมวธิ ีผลติ ด้วยเคร่อื งฉดี นาแรงดนั สงู (Water Jet Machining Process) โดยใช้ส่ือ Power Point ประกอบ โดยเครือ่ งฉีดนาแรงดันสูงมหี ลักการทางาน คือ จะมแี รงดนั ลมปอ้ นผ่านโดยมวี าล์ว ควบคุมแรงดันของลม มาผลักดันนาทไ่ี หลเข้ามาด้านข้างอีกทางหนึ่งไหล่ผ่านรขู นาดเล็กที่เป็นช่องรูเขม็ ไปออกที่รทู าง ปลายหัวฉีดนาด้วยแรงดันสูง นาจะตัดชินงานเปน็ รูปร่างตา่ งๆ สามารถตดั ชนิ งานได้ทังโลหะและไมใ่ ชโ่ ลหะ ปัจจุบันนี จะมโี ปรแกรมคอมพิวเตอร์ควบคมุ การทางานเปน็ ลักษณะเคร่ืองซีเอน็ ซี (CNC Water Jet Cutting Machine) เพอ่ื ควบคุมหัวพ่นนาให้ตัดชินงานออกมา เป็นรปู รา่ งทีต่ อ้ งการ ตามโปรแกรมทอ่ี อกแบบไว้ 7.ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบบรรยาย (Lecture Method) ด้วยการเล่าอธิบายให้ผเู้ รียนเป็นผู้ฟังและเปดิ โอกาส ให้ ผู้เรียนซัก ถามปั ญหาได้ในตอ นท้ ายขอ งก ารบรรยายเร่ือง กรรม วิธีการผลิตด้วยเคร่ืองพ่ นนา และส ารเชิงท ราย (Abrasive Water Jet Machining Process) 8.ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบบรรยาย (Lecture Method) ด้วยการเล่าอธิบายให้ผู้เรยี นเป็นผู้ฟังและเปดิ โอกาส ให้ผู้เรียนซักถามปัญหาได้ในตอนท้ายของการบรรยายเรื่องกรรมวิธีการผลิตงานขึนรูปจากโลหะผง (Sintering Process) 9.ผเู้ รียนปฏิบัตกิ จิ กรรมดงั นี 9.1 การกัดด้วยเคมี (Chemical Milling) เปน็ กรรมวิธใี ชป้ ระโยชนส์ าหรับอะไร

82 9.2 การกดั ด้วยเคมี (Chemical Milling) มีหลกั การและกรรมวธิ อี ย่างไร 9.3 บอกข้อดีของการกัดด้วยเคมี (Chemical Milling) มาอยา่ งนอ้ ย 3 ข้อ 9.4 กรรมวิธกี ารชบุ เคลอื บผิวโลหะด้วยไฟฟ้า (Electroplating) ทาเพื่อเหตุผลใด 10.ผู้เรียนทาใบงาน ขั้นสรปุ และการประยุกต์ 11.ทาแบบประเมินผล และประเมนิ ตนเองจากแบบประเมินตนเอง 12.ผูเ้ รยี นสรุปโดยตอบคาถามเก่ยี วกบั กรรมวิธกี ารผลติ แบบพิเศษ 13.ประเมินผูเ้ รียนตามแบบฟอร์มตอ่ ไปนี ช่ือผู้เรยี น ประสบการณ์พืนฐานการเรียนรู้ วิธีการเรยี นรู้ ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน 1. 2. 3. 4. 5. สื่อและแหล่งการเรยี นรู้ 1.หนงั สือเรยี น วิชากรรมวิธกี ารผลิต ของสานกั พมิ พ์เอมพันธ์ 2.รูปภาพ 3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4.สื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส์, Power Point 5.แบบประเมินผลการเรียนรู้ 6.เครอื่ งมอื และอปุ กรณ์ หลกั ฐาน 1.บนั ทกึ การสอน 2.ใบเชค็ รายชือ่ 3.แผนจดั การเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวัดผล 1. สงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. ประเมินพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุม่ 3. ตรวจกจิ กรรมใบงาน 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ 5. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

83 เครือ่ งมือวดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. แบบประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 4. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑ์ผ่านการสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล ต้องไม่มชี ่องปรับปรุง 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกล่มุ คอื ปานกลาง (50 % ขนึ ไป) 3. เกณฑ์ผา่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (50% ขึนไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑ์ผ่าน คอื 50% 5. แบบประเมินผลการเรียนรู้มีเกณฑผ์ า่ น 50% 6. แบบประเมินคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึนอยู่กับการ ประเมินตามสภาพจริง กิจกรรมเสนอแนะ 1.ทาใบงาน 2.บันทกึ รายรบั -รายจ่าย

84 บนั ทึกหลงั การสอน ขอ้ สรุปหลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปญั หาท่พี บ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ ...... .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแกป้ ญั หา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................

85 แผนการจัดการเรยี นรู้แบบบรู ณาการที่ 16 หนว่ ยท่ี 12 สอนครง้ั ที่ 16 (31-32) รหสั วชิ า 2102-2007 กรรมวธิ กี ารผลติ (2-0-2) จานวน 2 ช.ม. ช่อื หน่วย/เร่ือง กรรมวธิ กี ารผลิตพลาสตกิ แนวคิด พลาสติก หรือพอลิเมอร์ มีความสาคัญมากต่อการดารงชีวิตในปัจจุบัน เพราะนามาใช้ประโยชน์ได้อย่าง มากมาย พลาสติกเป็นสารสังเคราะห์ท่ีได้จากปฏิกิริยาของสารอินทรีย์ ซ่ึงส่วนใหญ่ประกอบด้วยคาร์บอน (C) และ ไฮโดรเจน (H) เป็นหลัก สารตังต้นในการสังเคราะห์พลาสติกหรือพอลิเมอร์ ส่วนใหญ่ได้มาจากนานามันดิบก๊าซ ธรรมชาติและถา่ นหิน เปน็ ต้น พลาสติก มีสมบัติท่หี ลากหลายสามารถทดแทนวัสดุได้หลายชนิด วัสดพุ ลาสติกมีอยู่ 3 ลักษณะ คือ ลักษณะเป็นผง ลักษณะเป็นเม็ด และลักษณะเป็นของเหลว พลาสติกจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ เทอร์โมพลาสติก และเทอร์โมเซตติง วัตถุดิบท่ีนามาใช้ในการผลิตพลาสติก โดยทั่วๆไปมีอยู่ 3 ลักษณะ คือ ลักษณะ เปน็ ผง ลักษณะเป็นเมด็ และลกั ษณะเป็นของเหลว การผลิตพลาสติกจะมีหลกั ๆ คือ การอัด การฉดี และการเปา่ ขนึ รูป ผลการเรยี นรู้ท่คี าดหวงั 1.บอกสมบตั ิของพลาสตกิ ได้ 2.บอกประเภทของพลาสติกได้ 3.อธิบายกรรมวิธกี ารผลติ พลาสตกิ ได้ 4.มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษา สานักงาน คณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ทคี่ รูสามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่อื ง 4.1 ความมมี นุษยสัมพนั ธ์ 4.2 ความมีวนิ ยั 4.3 ความรับผดิ ชอบ 4.4 ความซอ่ื สตั ย์สุจรติ 4.5 ความเชื่อม่ันในตนเอง 4.6 การประหยดั 4.7 ความสนใจใฝ่รู้ 4.8 การละเวน้ สงิ่ เสพติดและการพนนั 4.9 ความรกั สามัคคี 4.10 ความกตญั ญูกตเวท6ี สมรรถนะรายวชิ า แสดงความร้เู ก่ยี วกับหลักการ กระบวนการ เลือกกรรมวิธีการผลิต ชนิ สว่ นและผลติ ภณั ฑใ์ นงานอตุ สาหกรรม สาระการเรียนรู้ 1.สมบตั ิของพลาสติก 2.ประเภทของพลาสติก 3.กรรมวิธกี ารผลติ พลาสตกิ กิจกรรมการเรียนรู้

86 ข้นั นาเขา้ สู่บทเรยี น 1.ครูและผู้เรียนสนทนาเก่ียวกับพลาสติก หรือพอลิเมอร์ มีความสาาคัญมากต่อการดาารงชีวิตในปัจจุบัน เพราะนาามาใชป้ ระโยชน์ได้อยา่ งมากมาย พลาสติกเป็นสารสังเคราะห์ที่ได้จากปฏิกิริยาของสารอินทรีย์ ซ่ึงส่วน ใหญป่ ระกอบด้วย คารบ์ อน (C) และไฮโดรเจน (H) เปน็ หลกั และยงั มีส่วนประกอบอื่นๆ อีก เชน่ ออกซเิ จน (O) ไนโตรเจน (N) กาามะถนั (S) คลอรีน (Cl) ฟลูออรนี (F) และซลิ ิกอน (Si) ผสมอยู่ด้วยสารตงั ต้นใน การสงั เคราะห์พลาสติก หรือพอลิเมอร์ สว่ นใหญไ่ ด้มาจากนามันดิบ กา๊ ซธรรมชาติ และถ่านหิน เป็นตน้ 2.ครแู ละผเู้ รียนยกตวั อยา่ งพลาสตกิ ประเภทต่างๆ วา่ ใชเ้ คร่อื งกลึงประเภทใด ขน้ั สอน 3.ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบใชโ้ สตทัศนวัสดุ (Audio-Visual Material of Instruction Method) เปน็ วิธสี อน ที่นาอุปกรณ์โสตทัศน์วัสดมุ าช่วยพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน โสตทศั นว์ ัสดุ ได้แก่ VDO และ Power Point เพื่อ แสดงให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เร่ืองสมบัติของพลาสติก โดยพลาสติก มีสมบัติทหี่ ลากหลาย สามารถนามาทดแทนวสัดุชนิด ตา่ งๆ ไดเ้ กือบทุกชนิด เพราะมีสมบัติที่หลากหลาย เช่น มีความแข็ง ความอ่อนนุ่ม ยืดหยุ่นตัวได้ เหนียวทนทาน ทน ความร้อน ทนตอ่ การกัดกร่อน ทนตอ่ สารเคมแี ละด่าง ทนต่อการสึกหรอ มีการหล่อลื่นในตวั เป็นฉนวนไฟฟา้ เปน็ ตน้ 4.ครใู ช้เทคนคิ วธิ ีสอนแบบบรรยาย (Lecture Method) ดว้ ยการเล่าอธิบายให้ผู้เรยี นเป็นผู้ฟงั และเปดิ โอกาสให้ผู้เรียนซักถามปัญหาได้ในตอนท้ายของการบรรยายเร่ืองประเภทของพลาสติก ซึ่งพลาสติกแบ่งได้หลาย ประเภท ดังนี 4.1 เทอรโ์ มพลาสติก (Thermoplastic) หรอื พลาสติกเปลี่ยนรปู 4.2 เทอร์โมเซตติงพลาสติก (Thermosetting Plastic) 5.ครูใช้เทคนิค Discussion Method การจัดการเรียนร้แู บบอภปิ ราย คือกระบวนการท่ีผู้สอนมุ่งใหผ้ ู้เรยี น มโี อกาสสนทนาแลกเปลย่ี นความคิดเห็นหรือระดมความคิดในเรือ่ งกรรมวิธกี ารผลติ พลาสติก ในการผลิตพลาสติก ต้องมีการเตรียมความพร้อมวัตถุดิบ เพื่อนาามาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ได้ วัตถุดิบมี เป็นผง เปน็ เม็ด หรือเป็นของเหลว บางครังวัตถุดบิ ทเ่ี ปน็ เม็ดขนาดใหญ่ ต้องยอ่ ยใหม้ ีขนาดเม็ดเล็ก อบแหง้ ได้ด้ การป้อนเข้า เคร่ืองได้สม่าเสมอ ทาให้หลอมเหลวได้เรว็ บางครังอาจมีการนาเอาวสั ดุชนดิ ตา่ งๆ มาผสม รวมกัน เ พื่ อ ใ ห้ มี คณุ สมบัติที่ดี เช่น แม่สี สารหล่อล่ืน สารเติมแต่งและสารเสรมิ เช่น ทาให้ทนต่อความร้อน ไดส้ ูงไม่ระเหย ไม่แยกตัว ฯลฯ แล้วจงึ ผลติ ด้วยกรรมวิธตี ่างๆ ไดแ้ ก่ การอดั ลงแม่พิมพ์ (Compression Molding) การอัดส่งลงแมพ่ ิมพ์ (Transfer Molding) การฉดี พลาสติก (Injection Molding) งานอดั รดี ขึนรูป (Extrusion Molding) งานแมพ่ ิมพ์หมนุ (Rotational Molding) งานเป่าขนึ รูป (Blow Molding) งานรีด (Calender) กรรมวธิ ีขนึ รูปรอ้ นลงในแม่พมิ พ์ (Thermoform Molding) 6.ผูเ้ รยี นปฏิบตั ิกจิ กรรมดังนี 6.1 บอกสมบัตขิ องพลาสติกอยา่ งนอ้ ย 3 อย่าง 6.2 ประเภทของพลาสติกมี 2 ประเภท ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง 6.3 พลาสติกทสี่ ามารถนามาหล่อหลอมเพ่ือขึนรปู เปน็ ผลิตภณั ฑใ์ หม่ได้อีกไมม่ ที ี่สินสุด คอื พลาสติกชนิดใด จงอธิบาย 6.4 พลาสติกท่ไี มส่ ามารถนาามาหล่อหลอมเพือ่ ขึนรปู เป็นผลิตภณั ฑใ์ หม่ได้คอื พลาสตกิ ชนิดใด

87 7.ครเู นน้ ให้ผ้เู รียนให้ปฏิบัติงานด้วยความความระมัดระวงั เพือ่ เปน็ การสรา้ งภูมิคมุ้ กนั ทีด่ ใี นตัวเอง ข้ันสรุปและการประยุกต์ 8.ครูและผเู้ รียนร่วมกันสรปุ เนือหา โดยการถามตอบเป็นกลุ่ม หรือรายบคุ คล 9.ผเู้ รียนทาใบงาน 10.ผู้เรยี นทาแบบประเมินผลการเรยี นรู้ สื่อและแหล่งการเรยี นรู้ 1.หนงั สอื เรยี น วิชากรรมวิธีการผลิต ของสานกั พิมพเ์ อมพันธ์ 2.รปู ภาพ 3.กิจกรรมการเรียนการสอน 4.ส่อื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ,VDO และ Power Point 5.แบบประเมินผลการเรียนรู้ 6.เครอื่ งมอื และอุปกรณ์ หลกั ฐาน 1.บนั ทึกการสอน 2.ใบเช็ครายชอ่ื 3.แผนจดั การเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน การวดั ผลและการประเมินผล วิธวี ดั ผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุม่ 3. ตรวจกิจกรรมใบงาน 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ 5. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ เคร่ืองมอื วดั ผล 1. แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 4. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมนิ

88 เกณฑก์ ารประเมนิ ผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไม่มชี อ่ งปรบั ปรุง 2. เกณฑ์ผ่านการประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (50 % ขนึ ไป) 3. เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกล่มุ คือ ปานกลาง (50% ขนึ ไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑ์ผา่ น คอื 50% 5. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้มีเกณฑ์ผา่ น 50% 6. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึนอยู่กับการ ประเมนิ ตามสภาพจริง กิจกรรมเสนอแนะ 1.ศกึ ษาเนือหาเพ่มิ เตมิ 2.บันทกึ รายรับและรายจา่ ย

89 บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลังการสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาท่ีพบ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแกป้ ัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................

90 แผนการจัดการเรยี นรู้แบบบรู ณาการท่ี 17 หนว่ ยท่ี 13 สอนคร้งั ท่ี 17 (33-34) รหสั วชิ า 2102-2007 กรรมวธิ กี ารผลิต (2-0-2) จานวน 2 ช.ม. ช่อื หนว่ ย/เรอื่ ง กรรมวธิ ีการป๊มั ขน้ึ รปู โลหะ แนวคิด กรรมวิธีการป๊ัมขึนรูปโลหะ เป็นกรรมวิธอี ีกวิธีหน่ึงทม่ี ีความสาคัญในงานอตุสาหกรรม เช่น งานอุตสาหกรรม รถยนต์ ใชผ้ ลิตชินสว่ นรถยนต์ อุตสาหกรรมภาชนะบรรจุเคร่ืองดืม่ ใช้ผลิตกระป๋องเครอ่ื งด่ืม เช่น กระป๋องนาอัดลม กระป๋องเบียร์ เปน็ ต้น เคร่ืองปั๊มขึนรูปโลหะมีการส่งกาลังด้วยระบบกลไก และส่งกาลังดว้ ยระบบไฮดรอลกสิ ์ ในการปั๊ม ขึนรูปโลหะจะต้องมแี มพ่ ิมพ์ จะแบ่งออกเปน็ แม่พิมพเ์ ดี่ยว แมพ่ ิมพแ์ บบผสมแมพ่ มิ พต์ ่อเน่อื ง แม่พิมพ์แบบส่งผ่าน เป็น ตน้ การผลิตชินงาน จะมหี ลายลักษณะ เช่น งานตัดแผ่นเปล่า (Blanking) งานตัดเจาะรู (Piercing or Punching) งาน เจาะรูแบบตอ่ เน่ือง (Perforating) งานบาก (Notching) งานดดั หรอื การพับขนึ รปู (Bending) เป็นตน้ ผลการเรียนรูท้ ่คี าดหวงั 1.บอกประเภทของเครื่องป๊มั ขนึ รูปโลหะได้ 2.อธบิ ายโครงสร้างของเคร่อื งป๊มั โลหะได้ 3.บอกดายเซตและชนิ สว่ นมาตรฐานของ แม่พมิ พ์ได้ 4.จาแนกประเภทของแมพ่ มิ พป์ ัม๊ ขึนรปู โลหะได้ 5.อธิบายกรรมวิธีการผลติ ปม๊ั ขึนรูปโลหะได้ 6.มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษา สานักงาน คณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ที่ครสู ามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเร่อื ง 6.1 ความมมี นุษยสัมพนั ธ์ 6.2 ความมีวนิ ัย 6.3 ความรับผิดชอบ 6.4 ความซือ่ สัตย์สุจรติ 6.5 ความเช่ือม่ันในตนเอง 6.6 การประหยดั 6.7 ความสนใจใฝร่ ู้ 6.8 การละเวน้ ส่ิงเสพติดและการพนนั 6.9 ความรักสามคั คี 6.10 ความกตัญญกู ตเวที สมรรถนะรายวชิ า แสดงความรูเ้ ก่ยี วกบั หลักการ กระบวนการ เลือกกรรมวิธกี ารผลติ ชนิ สว่ นและผลิตภัณฑใ์ นงานอุตสาหกรรม สาระการเรยี นรู้ 1.ประเภทของเครื่องปม๊ั ขึนรปู โลหะ (Type of Press)

91 2.โครงสร้างของเคร่ืองป๊มั โลหะ (Press Frame) 3.ดายเซตและชินส่วนมาตรฐานของแมพ่ ิมพ์ 4.ประเภทของแม่พมิ พ์ป๊มั ขึนรูปโลหะ 5.กรรมวธิ ีการผลติ ปั๊มขนึ รปู โลหะ กิจกรรมการเรียนรู้ ขัน้ นาเขา้ สู่บทเรียน 1.ครแู ละผ้เู รียนสนทนาถงึ เคร่ืองป๊มั ขนึ รูปโลหะมีการนาามาใชง้ านในกรรมวธิ ีการผลติ อยา่ งมากมาย มีความสาาคัญมากในการ ผลิตเคร่ืองใช้ประจาาวัน เช่น ช้อน ส้อม ชินสว่ นรถยนต์ เช่น ฝากระโปรงรถยนต์กระป๋อง นาอัดลม เป็นต้น 2.ครแู นะนาใหผ้ เู้ รียนทบทวนบทเรียนสาหรับเตรยี มสอบปลายภาค ข้นั สอน 3.ครูใช้เทคนิควิธีการจัดการเรียนรู้แบบอภิปราย (Discussion Method) คือกระบวนการที่ผู้สอนมุ่งให้ ผู้เรยี นมโี อกาสสนทนาแลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ หรือระดมความคิด โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจเนอื หาได้อย่าง มีประสิทธิภาพ โดยมีวิธีการคือ ให้ผู้เรียนช่วยกันอภิปรายประเภทของเคร่ืองป๊ัมขึนรูปโลหะ (Type of Press) โดย เคร่อื งปัม๊ ขนึ รปู โลหะมกี ารแบ่งได้หลายประเภท โดยขึนอยู่ว่าจะพิจารณาโดยใช้อะไรเป็นเกณฑ์การ แบ่ง เช่น การแบง่ ตามกลไกการขับเคลื่อน แบง่ ออกเป็นเครอ่ื งปม๊ั แบบขอ้ เหวี่ยงและเครอื่ งปั๊มแบบขอ้ ต่อ กรณีแบ่งตามลักษณะ โครงสร้าง แบ่งออกเป็นโครงสร้างรูปตัวซีและโครงสร้างรูปตัวโอ กรณีแบ่งตามแหล่งกาเนิดพลังงาน แบ่งออกเป็น เครื่องปั๊มแบบกลไก และเคร่ืองป๊ัมแบบไฮดรอลิกส์ กรณีแบ่งตามการเคลื่อนที่ของแม่พิมพ์ แบ่งออกเป็นเคร่ืองป๊ัมแบบ แนวตังและเครื่องป๊ัมแบบแนวนอน ในที่นจี ะขอแบ่งเคร่ืองปั๊มตามแหล่งกาเนดิ พลังงานเป็นหลัก โดยท่วั ๆ ไปแบ่งออก ได้ดังนี เครอ่ื งป๊มั โลหะแบบใช้กลไกทางกล (Mechanical Press) เครอ่ื งปมั๊ โลหะแบบใช้ไฮดรอลกิ ส์ (Hydraulic Press) 4.ครูใช้เทคนิค Discussion Method การจดั การเรียนรู้แบบอภิปราย คือกระบวนการทผ่ี ู้สอนมุง่ ให้ผ้เู รียนมี โอกาสสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือระดมความคิดในเร่ืองโครงสร้างของเครื่องปั๊มโลหะ (Press Frame) โครงสร้างของเครอ่ื งป๊มั โลหะแบ่งออกเปน็ 2 แบบ คือ 4.1 โครงสร้างแบบรปู ตัวซี (C-Flame) 4.2 โครงสรา้ งแบบรูปตัวโอ (O-Flame) 5.ครูใช้เทคนคิ วิธีสอนแบบใช้โสตทัศนวัสดุ (Audio-Visual Material of Instruction Method) เป็นวิธีสอน ท่ีนาอุปกรณ์โสตทัศน์วัสดุมาช่วยพฒั นาคุณภาพการเรียนการสอน โสตทศั นว์ ัสดุ ได้แก่ VDO และ Power Point เพื่อ แสดงใหผ้ ้เู รียนได้เรยี นรู้ดายเซตและชินสว่ นมาตรฐานของแมพ่ ิมพ์ ดายเซต (Die Set) เป็นชินสว่ นมาตรฐาน มหี ลายขนาดขึนกบั ลักษณะและขนาดของชินงานท่ีต้องการ ขึนรูป ส่วนใหญ่ทาจากเหล็กหลอ่ และเหลก็ เหนียว หนา้ ท่ีของดายเซต

92 5.1 ทาาให้การติดตังแม่พิมพ์ได้เท่ียงตรงช่วยรักษาตาาแหน่งระหว่างพันช์และดายขณะป๊ัมชินงาน 5.2 ชว่ ยให้ลดเวลาในการติดตังแม่พิมพ์ 5.3. ทาให้บารงุ รกั ษาแมพ่ มิ พ์ได้สะดวก โดยไม่ตอ้ งถอดพันช์และดายออกจากดายเซต ทาให้ตาแหน่ง ไม่เปลีย่ นไป 6.ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบใชโ้ สตทัศนวัสดุ (Audio-Visual Material of Instruction Method) เปน็ วิธสี อน ทน่ี าอุปกรณ์โสตทศั น์วัสดุมาช่วยพฒั นาคุณภาพการเรียนการสอน โสตทศั นว์ ัสดุ ไดแ้ ก่ VDO และ Power Point เพ่ือ แสดงใหผ้ ู้เรียนไดเ้ รยี นรู้ประเภทของแม่พมิ พป์ ๊ัมขนึ รูปโลหะ ซึ่งแบง่ ตามโครงสร้างของแม่พิมพ์และลกั ษณะการทาางาน แบ่งออก ไดด้ ังนี 6.1 แมพ่ มิ พ์เด่ยี ว (Single Die) 6.2 แม่พิมพ์แบบผสม (Compound Die) 6.3 แมพ่ มิ พ์ต่อเนือ่ ง (Progressive Die) 6.4 แม่พิมพ์สง่ ผา่ น หรือแม่พมิ พ์แบบส่งถา่ ย (Transfer Die) 7.ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบการสาธิตเรื่องกรรมวิธีการผลิตป๊ัมขึนรูปโลหะ โดยใช้ Power Point เป็นส่ือ ประกอบการเรียนการสอน โดยกรรมวธิ ีการป๊ัมขึนรปู โลหะแบ่งตามรูปแบบการทางาน แบ่งออกได้ดงั นี 7.1 งานตัดแผ่นเปลา่ (Blanking) 7.2 งานตัดเจาะรู (Piercing or Punching) 7.3 งานตัดเฉือน (Shearing) แมพ่ มิ พ์ตัดซอย (Slitting Die) 7.4 งานเจาะรแู บบตอ่ เนือ่ ง (Perforating) 7.5 งานบาก (Notching) 7.6 งานแยกสว่ น (Parting Die or Separating) 7.7 งานดดัหรอกื ารพบัขนรึ ปู (Bending) 7.8 งานลากขนรึ ปูลกึ (Deep Drawing) 8.ผู้เรียนทากิจกรรมดังนี 8.1 บอกประเภทของเครอ่ื งปมั๊ ขึนรปู โลหะทแี่ บง่ ตามกลไกการขับเคล่ือน 8.2 บอกประเภทของเครอ่ื งปม๊ั ขนึ รปู โลหะทแ่ี บง่ ตามการเคลอ่ื นท่ีของแมพ่ ิมพ์ 8.3 บอกประเภทของเคร่อื งป๊มั ขึนรูปโลหะทีแ่ บง่ ตามแหล่งกาาเนิดพลังงาน 9.ผเู้ รียนพิจารณาจากรปู ทค่ี รกู าหนดให้ และตอบคาถามว่าเป็นเครือ่ งปม๊ั ขนึ รปู โลหะมีการสง่ กาลงั แบบใด 10.ผ้เู รยี นทากิจกรรมดงั นี 10.2 บอกชนิดของโครงสร้างของเครอ่ื งป๊มั โลหะแบบรปู ตัวซี (C-Flame) 10.2 บอกชนิดของโครงสร้างของเครือ่ งปัม๊ โลหะแบบรูปตัวโอ (O-Flame) 10.3 บอกหนา้ ทข่ี องดายเซต 10.4 บอกประเภทและรูปแบบของดายเซต 9.ผเู้ รียนจัดทาใบงาน 10.ผูเ้ รียนจัดทาโครงการกรรมวธิ ีการป๊มั ขึนรปู โลหะในลักษณะต่างๆ ตามความต้องการของตลาดโดย มีนักเรียและนักศึกษามาประจาการทุกวัน เพ่ือให้บรกิ ารแก่ผู้สนใจภายในวิทยาลยั หรือบริเวณใกล้เคยี ง ทังนเี พื่อเป็น การลดรายจ่ายของประชาชนโดยการยดื อายุการใชง้ านของอุปกรณป์ ระกอบอาชพี และจดั ทาโครงการเปิดอบรม 100

93 อาชีพ เพอ่ื เสรมิ รายได้ให้ประชาชนและผู้สนใจในพืนที่ใกล้เคียง ซ่ึงถอื เป็นการเกือกลู ชว่ ยเหลอื ซง่ึ กันและกันตามหลัก ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ขนั้ สรปุ และการประเมินผล 11.ผู้เรียนสรุปเนอื หา โดยวธิ ีถาม–ตอบและซักถามขอ้ สงสยั ผู้เรยี นทาแบบประเมินผลการเรยี นรู้ และแบบประเมิน ตนเอง 12.ครแู ละผเู้ รียนสรปุ อีกครังวา่ นอกจากนยี งั มงี านทผี่ ลิตดว้ ยแม่พมิ พอ์ กี หลายประเภท เชน่ Trimming เป็นการตดั ขอบชนิ งานท่ขี ึนรูปมามีรอยเยินออก Burring เป็นการพับขอบรูของชินงานท่ีมีการเจาะรูมาแลว้ Curling เป็นการปัม๊ เพือ่ ม้วนทปี่ ลายขอบชนิ งาน Seaming เปน็ การพับเขา้ ตะเข็บชนิ งานให้ติดกนั Necking เป็นการปั๊ม เพ่ือให้ ภาชนะรูปทรงกระบอกเป็นแบบคอขวด เพ่ือเพมิ่ ความแข็งแรง Embossing เป็นการป๊ัมโลหะให้เปน็ รอยกดตืนๆ โดยใหม้ ีขนาด ความหนาของแผน่ โลหะเหมือนเดิมไมเ่ ปลย่ี นไป Beading เป็นการขึนรปู โลหะให้เป็นสันเนิน ทาให้ชินงานมคี วามแข็งแรงมาก ขึน เป็นตน้ สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1.หนงั สือเรยี น วชิ ากรรมวธิ กี ารผลติ ของสานกั พิมพ์เอมพันธ์ 2.รปู ภาพ 3.กิจกรรมการเรยี นการสอน 4.สอ่ื อิเลก็ ทรอนิกส์ , VDO, และ Power Pint 5.แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 6.เครอื่ งมอื และอปุ กรณ์ หลกั ฐาน 1.บันทึกการสอน 2.ใบเชค็ รายช่อื 3.แผนจดั การเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมินผลงาน การวัดผลและการประเมนิ ผล วิธวี ดั ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 3. ตรวจกจิ กรรมใบงาน 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรยี นรู้ 5. การสงั เกตและประเมนิ พฤติกรรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครื่องมอื วดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. แบบประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 3. แบบประเมนิ กิจกรรมใบงาน

94 4. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมนิ เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล ต้องไม่มชี อ่ งปรบั ปรงุ 2. เกณฑ์ผ่านการประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (50 % ขนึ ไป) 3. เกณฑ์ผา่ นการสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50% ขนึ ไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑ์ผ่าน คือ 50% 5. แบบประเมินผลการเรยี นรูม้ เี กณฑ์ผา่ น 50% 6. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึนอยู่กับการ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ กจิ กรรมเสนอแนะ 1.ฝกึ ทกั ษะการขึนรปู โลหะในลักษณะต่างๆ อยา่ งสมา่ เสมอ 2.บันทึกรายรับ-รายจ่ายในชีวิตประจาวัน

95 บนั ทึกหลงั การสอน ขอ้ สรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาทีพ่ บ ............................................................................................................................................. ..... .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................ .......... .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแกป้ ัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................

96 แผนการจดั การเรียนร้แู บบบรู ณาการท่ี 18 หนว่ ยที่ - สอนครง้ั ที่ 18 (35-36) รหสั วชิ า 2102-2007 กรรมวิธกี ารผลติ (2-0-2) จานวน 2 ช.ม. ชอ่ื หนว่ ย/เร่ือง ทบทวน/สอบปลายภาคเรยี น แนวคิด จากการทีผ่ ้เู รยี นได้ศกึ ษาวชิ านี จะได้รับความรู้ความเข้าใจ และเกิดทักษะการฝกึ ปฏิบัติกิจกรรมการเรียนโดย เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ให้ผู้เรียนฝึกคิด เพ่ือให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 (แก้ไข ปรับปรุงเพิ่มเติม พ.ศ.2545) โดยยึดหลักการนาไปใช้ให้เกิดไปประโยชน์ในการพัฒนาสังคม พร้อมทังนาหลักคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเรจ็ การศึกษา สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มา ประยุกตใ์ ชก้ ับกิจกรรมการเรยี นอยา่ งเหมาะสม ผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวงั 1. นาเรือ่ งทีท่ บทวนตามเนอื หาวิชาไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ 2. แจ้งคะแนนระหว่างภาคเรียนให้ผ้เู รยี น 3. แก้ปญั หาการเรียนของผเู้ รียนได้ 4. ผู้เรียนนาความรู้ทศ่ี กึ ษามาไปสอบปลายภาคเรียนได้ 5. มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอนั พึงประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศึกษาสานักงาน คณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ท่คี รสู ามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเรื่อง 5.1 ความมีมนษุ ยสมั พันธ์ 5.2 ความมวี นิ ัย 5.3 ความรบั ผิดชอบ 5.4 ความซอ่ื สตั ยส์ จุ ริต 5.5 ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง 5.6 การประหยัด 5.7 ความสนใจใฝร่ ู้ 5.8 การละเวน้ สงิ่ เสพติดและการพนนั 5.9 ความรกั สามัคคี 5.10 ความกตญั ญกู ตเวที สมรรถนะรายวิชา แสดงความรู้เก่ยี วกบั หลักการ กระบวนการ เลอื กกรรมวธิ ีการผลิต ชินสว่ นและผลติ ภณั ฑใ์ นงานอุตสาหกรรม สาระการเรียนรู้ 1. ทบทวนเนอื หาวิชาท่ีได้ศึกษามาแบบย่อ 2. รวบรวมคะแนนระหว่างภาคเรียน 3. ปญั หาการเรยี นของผู้เรียน 4. สอบปลายภาคเรียน

97 กิจกรรมการเรียนรู้ 1.ครูแจ้งให้ผู้เรียนทราบคะแนนระหว่างภาค และกลางภาค จุดประสงค์ท่ีผู้เรียนยังไม่ได้ปฏิบัติ หรือไม่ผ่าน หรือไม่ไดส้ อบ ให้ผู้เรียนดาเนนิ การโดยพบครูผูส้ อนกาหนดวันเวลาท่จี ะปฏบิ ตั หิ รอื สอบ หรอื เรียนเพ่ิมเตมิ 2.ผู้เรยี นรับทราบจดุ ประสงคก์ ารสอบปลายภาคว่า จะมกี ารสอบเรื่องใดบา้ ง ผ้เู รียนไม่เข้าใจเรอื่ งใดกใ็ ห้ซกั ถาม 3.ครแู ละผู้เรียนร่วมกนั ทบทวนบทเรยี นทีผ่ ่านมาโดยสรปุ ส่ือและแหล่งการเรยี นรู้ 1.ข้อมลู การเก็บคะแนน 2.จดุ ประสงค์การสอบปลายภาค หลกั ฐาน 1.ใบเชค็ รายชือ่ เขา้ หอ้ งเรียน และเขา้ หอ้ งสอบ 2.ข้อสอบ 3.เอกสารในการสอบต่าง ๆ การวัดผลและการประเมินผล เป็นไปตามเกณท์ ไ่ี ด้แจง้ ไวใ้ นแผนการจัดการเรยี นรู้สปั ดาห์ท่ี 1-18 กิจกรรมเสนอแนะ แจง้ การประเมนิ ผลท่ีตดิ ร, มส

98 บนั ทึกหลงั การสอบ ข้อสรุปหลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปญั หาทีพ่ บ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................. . แนวทางแก้ปัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................

99 รายการตรวจสอบและอนุญาตใหใ้ ช้  ควรอนุญาตใหใ้ ช้การสอนได้  ควรปรับปรุงเกยี่ วกบั ...................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................ ....................... .............................................. ลงชอ่ื (..............................................) หวั หน้าหมวด/แผนกวชิ า ............../..................../............  เห็นควรอนญุ าตให้ใช้การสอนได้  ควรปรบั ปรุงดังเสนอ  อน่ื ๆ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ .............................................. ลงชอ่ื (..............................................) รองผ้อู านวยการฝ่ายวิชาการ ............../..................../...........  อนญุ าตใหใ้ ช้การสอนได้  อนื่ ๆ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ................ ........................................................................................................................................................................ .............................................. ลงชอื่ (..............................................) ......../..................../........... ผูอ้ านวยการ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook