บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี น ............................................................................................................................. ....................................................... ................................................................................................................................................................... ................. .................................................................................................................. ........................................................... ....... ........................ (นางสาวจรสั จนั ทร์ ยมี ิน) ตาแหนง่ ครผู สู้ อน แบบสงั เกตพฤติกรรมการปฏิบัตงิ านรายบคุ คล พฤตกิ รรม การตอบ ทางาน คาถาม รหสั ชื่อ-สกลุ ความสนใจ การแสดงความ การรับฟงั ความ ตามที่ได้รบั รวม คดิ เหน็ คดิ เหน็ มอบหมาย 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 20
เกณฑ์การวดั ผล ใหค้ ะแนนระดบั คุณภาพของแตล่ ะพฤติกรรมดังน้ี ดีมาก = 4 สนใจฟงั ไม่หลับ ไมพ่ ดู คุยในช้นั มีคาถามทีด่ ี ตอบคาถามถูกตอ้ ง ทางานส่งครบตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยใู่ นเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยใู่ นเกณฑป์ ระมาณ 50% ปรับปรงุ = 1 เขา้ ชัน้ เรยี น แต่การแสดงออกนอ้ ยมาก สง่ งานไม่ครบ ไมต่ รงเวลา ลงชือ่ …………....……………………. ผูส้ งั เกต (……………………………….) …………/…………/………..
เกณฑก์ ารประเมนิ ผลการเรียนรู้ การประเมินผล ระหว่างภาค + คุณธรรมจริยธรรม การสรปุ ประเมนิ ปลายภาค คุณธรรมจรยิ ธรรม 80 : 20 90 : 10 มนุษยส์ ัมพันธ์ ซอื่ สตั ย์สุจริต สนใจใฝ่รู้ ความมีวนิ ยั เช่อื มัน่ ในตนเอง รกั สามคั คี รบั ผดิ ชอบ ประหยัด รเิ รม่ิ สร้างสรรค์ พึง่ ตนเอง อดกลัน้ เกณฑ์การประเมินผล ช่วงคะแนน ระดบั คะแนน 80 - 100 4.0 75 - 79 3.5 70 - 74 3.0 65 - 69 2.5 60 - 64 2.0 55 - 59 1.5 50 - 54 1.0 ตา่ กวา่ 50 0
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ า กฎหมายพาณชิ ย์ รหัสวชิ า 2200 - 1008 จานวน 2 หนว่ ยกติ 2 ชัว่ โมง/สปั ดาห์ หลกั สตู ร ประกาศนียบตั รวชิ าชพี (ปวช.) ประกาศนยี บัตรวิชาชพี ชน้ั สูง (ปวส.) ประเภทวชิ า พาณิชยกรรม สาขาวิชาพณิชยการ นางสาวจรัสจนั ทร์ ยีมนิ ผ้เู ขียนแผน หน่วยที่ 9 เรอื่ ง สญั ญาการยืม สัปดาหท์ ่ี 12-13 จานวน 4 ช่ัวโมง สาระการเรยี นรู้ 1. สัญญายืมใชค้ งรปู คืออะไร 2. ลักษณะสาคญั ของสญั ญายมื ใช้คงรปู 3. หน้าทข่ี องผู้ยมื ในสัญญายืมใช้คงรปู 4. ความระงบั สิ้นไปแห่งสัญญายืมใชค้ งรูป 5. สญั ญายมื ใชส้ น้ิ เปลืองคอื อะไร 6. ลกั ษณะสาคญั ของสัญญายมื ใช้สิ้นเปลอื ง 7. หนา้ ท่ขี องผูย้ ืมในสญั ญายืมใช้สิน้ เปลือง 8. ข้อแตกต่างระหว่างสญั ญายืมใชส้ ิ้นเปลืองกบั สญั ญายืมใชค้ งรูป 9. สญั ญากยู้ ืมเงนิ ผลการเรียนรูท้ ่ีคาดหวงั เม่อื นกั ศกึ ษาได้ศึกษาหน่วยที่ 9 แลว้ นกั ศกึ ษาสามารถ 1. อธิบายสัญญายืมใช้คงรปู และลกั ษณะสาคญั ของสญั ญายมื ใช้คงรปู ได้ 2. อธบิ ายหนา้ ท่ขี องผูย้ มื ในสัญญายมื ใชค้ งรปู ได้ 3. อธิบายเร่ืองความระงับส้นิ ไปแหง่ สญั ญายมื ใช้คงรปู ได้ 4. อธบิ ายสญั ญายืมใชส้ ิ้นเปลืองและลกั ษณะสาคัญของสญั ญายมื ใชส้ ้นิ เปลืองได้ 5. อธิบายหนา้ ที่ของผ้ยู มื ในสัญญายืมใชส้ น้ิ เปลืองได้ 6. อธิบายขอ้ แตกต่างระหว่างสัญญายมื ใช้ส้ินเปลืองกับสัญญายืมใช้คงรปู ได้ 7. อธิบายหลักของสญั ญากูย้ ืมเงินได้ สาระสาคัญ สญั ญายืมใช้คงรูป ลกั ษณะสาคัญของสัญญายืมใช้คงรูป หน้าท่ีของผู้ยืมในสญั ญายืมใช้คงรปู ความระงบั สิน้ ไปแห่งสญั ญายืมใชค้ งรปู สญั ญายืมใช้สิ้นเปลอื งคืออะไร ลักษณะสาคัญของสัญญายมื ใชส้ ้ินเปลือง
หน้าทขี่ องผูย้ มื ในสญั ญายืมใช้สน้ิ เปลอื ง ข้อแตกต่างระหว่างสัญญายืมใชส้ นิ้ เปลืองกบั สัญญายืมใช้คงรปู เน้ือหาสาระ สญั ญายืมใชค้ งรูป บญั ญัติว่า “อนั ว่ายืมใช้คงรปู นัน้ คือสญั ญาซ่ึงบุคคลหน่งึ เรียกวา่ ผใู้ หย้ ืมใหบ้ ุคคลอกี คน หน่ึงเรียกว่า ผ้ยู ืม ใชส้ อยทรัพยส์ ินสิ่งใดสิง่ หนึ่งไดเ้ ปลา่ และผ้ยู มื ตกลงวา่ จะคืนทรพั ยส์ นิ เมอ่ื ไดใ้ ชส้ อยเสรจ็ แลว้ ” ลกั ษณะสาคัญของสัญญายมื ใช้คงรูป 1. เป็นสญั ญาที่ประกอบด้วย 2 ฝ่าย คือ ผใู้ ห้ยมื และผยู้ ืม 2. เป็นสัญญาไม่มคี า่ ตอบแทนเพราะผ้ยู มื มีสิทธใิ ช้สอยทรัพยส์ ินได้เปลา่ โดยถ้ามีค่าตอบแทนก็เป็น สัญญาเชา่ ทรัพย์ และการท่ีสัญญายมื ใชค้ งรปู ไม่มคี า่ ตอบแทน ทาให้เกิดผลในทางกฎหมาย 3. เปน็ สญั ญาที่ไมก่ ่อใหเ้ กิดการโอนกรรมสทิ ธิ์ในทรัพยส์ ินท่ีให้ยมื ทงั้ นี้ เป็นไปตามบทบัญญัติใน ม.640 ทีว่ ่า ผ้ยู ืมตกลงวา่ จะคนื ทรัพย์สินนัน้ เม่อื ได้ใช้สอยเสร็จแลว้ ซึ่งก่อให้เกดิ ผลในทางกฎหมาย หน้าที่ของผูย้ มื ในสัญญายืมใช้คงรูป กฎหมายได้บญั ญัติไว้เฉพาะหนา้ ทข่ี องผยู้ ืมใชค้ งรูปดังน้ี 1. ผ้ยู ืมมหี นา้ ท่เี สยี คา่ ใชจ้ า่ ย 2. ผู้ยืมมหี น้าท่ตี ้องใช้ความระมัดระวงั ในการใชท้ รัพย์ 3. หน้าทส่ี งวนทรพั ย์สนิ ทยี่ มื ไป 4. ผู้ยมื มหี น้าท่ีต้องคืนทรพั ยส์ ินที่ยมื 5. หนา้ ที่เสยี คา่ ใชจ้ ่ายในการบารงุ รกั ษาทรัพย์สนิ ทย่ี ืม ความระงบั สิ้นไปแห่งสัญญายืมใชค้ งรปู 1. ผู้ยมื ตาย 2. ด้วยเหตุอนื่ ๆ เช่น ถา้ ไดก้ าหนดไว้กร็ ะงับไปเมอ่ื ถงึ เวลาน้ัน ถา้ มไิ ด้กาหนดเวลากนั ไว้ แต่ปรากฏ ความในสัญญาวา่ ยมื ไปเพอ่ื ใช้ทาอะไรแล้ว กร็ ะงบั เมื่อผูย้ ืมใช้สอยทรพั ยส์ นิ ที่ยืมน้ันเสรจ็ ตามสัญญา ฯลฯ สญั ญายืมใชส้ ้ินเปลอื งคืออะไร บญั ญัติว่า “อันวา่ ยืมใชส้ ิ้นเปลอื งนั้น คอื สัญญาซึง่ ผู้ให้ยืมโอนกรรมสิทธใ์ิ นทรัพย์สินชนิดใชส้ ิ้นไปนนั้ เปน็ ปริมาณมีกาหนดให้ไปแก่ผูย้ ืม และผูย้ มื ตกลงวา่ จะคนื ทรัพยส์ นิ เป็นประเภท ชนิด และปริมาณ เชน่ เดียวกันให้แทนทรัพยซ์ ง่ึ ใหย้ มื นั้น” ลกั ษณะสาคญั ของสญั ญายมื ใชส้ ิน้ เปลอื ง 1. เป็นสัญญาท่ปี ระกอบด้วยคู่กรณี 2 ฝ่าย คอื ผใู้ ห้ยมื กบั ผูย้ ืม 2. เป็นสัญญาไม่ต่างตอบแทน
3. เป็นสญั ญาซึง่ ก่อให้เกดิ การโอนกรรมสทิ ธ์ใิ นทรัพย์สินทีใ่ หย้ ืม ทาใหผ้ ยู้ มื เปน็ ผู้มีกรรมสทิ ธิ์ใน ทรพั ยส์ ินท่ียืมน้นั ซึ่งก่อใหเ้ กิดผลในทางกฎหมาย หนา้ ทีข่ องผยู้ ืมในสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง 1. หนา้ ทีเ่ สยี คา่ ใชจ้ ่าย 2. หนา้ ท่ีคนื ทรัพยส์ ินอนั เปน็ ประเภทเดียวกัน ชนิดเดยี วกนั และปริมาณเท่ากันแทนทรัพย์สินท่ี ยืมมา ข้อแตกต่างระหวา่ งสญั ญายืมใช้ส้ินเปลอื งกับสญั ญายืมใช้คงรปู สัญญายมื ใชส้ น้ิ เปลืองแตกตา่ งจากสญั ญายืมใช้คงรูปคือเมื่อครบกาหนดท่ีต้องคืนทรัพย์สนิ แลว้ ผู้ ยืมไม่ยอมคืนเป็นเพียงผดิ สญั ญาเท่านั้น ไมเ่ ป็นละเมดิ เพราะกรรมสทิ ธ์ใิ นทรัพยส์ ินตกแก่ผู้ยืมแล้ว แต่ถ้า เป็นยืมใช้คงรูป กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ยมื ยังคงเปน็ ของผู้ให้ยืม เมือ่ ผยู้ ืมไมย่ อมคนื จึงเป็นทั้งผดิ สัญญา และละเมิด สัญญากูย้ มื เงนิ 1. สัญญากู้ยืมเงินจะบริบรู ณ์ตอ่ เมอ่ื สง่ มอบเงนิ ให้แก่ผยู้ ืมแล้ว 2. หลกั ฐานการกูย้ มื เงิน 3. ดอกเบยี้ กิจกรรมการเรียนการสอน (กิจกรรมการเรยี นรู้) ข้ันนา - ครูผู้สอนพูดคุยเร่ืองสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองและสัญญายืมใช้คงรูปพร้อมยกตัวอย่างประกอบ เหตกุ ารณป์ จั จบุ ัน ก่อนเขา้ บทเรียน - ครผู ูส้ อนอธิยายในแต่ละบทเล่าเรื่องต่าง ๆ ทจี่ ะเก่ียวข้องกบั บทเรยี น ข้ันสอน - บอกจดุ ประสงค์การเรยี นในบทเรียน - บรรยาย อธิบาย ยกตัวอยา่ ง แสดงวธิ กี ารปฏิบตั ใิ นแต่ ละหัวขอ้ การเรยี นและให้นักศึกษา ปฏิบตั ไิ ปพร้อมกัน - บอกวธิ กี ารและแนวคิดในการปฏบิ ัติทถี่ ูกต้องให้แก่ผูเ้ รียน - ประเมนิ พฤติกรรมรายบุคคลโดยครจู ะซักถามในแตล่ ะคน ขั้นสรปุ - ผ้สู อนและนกั ศกึ ษารว่ มกนั สรุปสาระสาคญั - เปดิ โอกาสใหน้ ักศกึ ษาซกั ถามข้อสงสยั - มอบหมายให้ไปหดั ทาและศึกษาเพิ่มเติม - ครผู สู้ อนสอดแทรกหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งให้สอดคล้องกับบทเรยี นในรายวชิ าที่สอน
- ครผู สู้ อนสอดแทรกสาระเนื้อหาการตระหนักในปญั หาการทุจริต มีคา่ นยิ มความซ่ือสตั ย์ สุจรติ และดาํ รงฐานะดว้ ยความสจุ รติ ตามหลักเศรษฐกจิ พอเพยี ง สื่อและแหล่งการเรยี นรู้ - หนังสือเรียนรายวชิ า - ใบความรู้ประจาหน่วย - ใบงานและแบบฝึกหดั - สื่อการสอน วีดิโอ โปรแกรมนาเสนองาน - การวดั ผลและประเมนิ ผล วิธวี ดั / เคร่อื งมือวดั / เกณฑก์ ารวัด - ความสนใจในการเรยี นรู้ การค้นคว้า การมีส่วนรว่ มในกิจกรรม - การซักถามและการตอบคาถาม - แบบทดสอบและกจิ กรรมการฝกึ ทักษะ - สามารถปฏบิ ัติไดส้ าเรจ็ บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรยี น .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ........................ (นางสาวจรสั จันทร์ ยีมนิ ) ตาแหนง่ ครูผ้สู อน
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏิบัติงานรายบคุ คล พฤตกิ รรม การตอบ ทางาน คาถาม รหัส ชือ่ -สกลุ ความสนใจ การแสดงความ การรบั ฟังความ ตามท่ไี ดร้ ับ รวม คดิ เหน็ คิดเหน็ มอบหมาย 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 20
เกณฑ์การวดั ผล ใหค้ ะแนนระดบั คุณภาพของแตล่ ะพฤติกรรมดังน้ี ดีมาก = 4 สนใจฟงั ไม่หลับ ไมพ่ ดู คุยในช้นั มีคาถามทีด่ ี ตอบคาถามถูกตอ้ ง ทางานส่งครบตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยใู่ นเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยใู่ นเกณฑป์ ระมาณ 50% ปรับปรงุ = 1 เขา้ ชัน้ เรยี น แต่การแสดงออกนอ้ ยมาก สง่ งานไม่ครบ ไมต่ รงเวลา ลงชือ่ …………....……………………. ผูส้ งั เกต (……………………………….) …………/…………/………..
เกณฑก์ ารประเมนิ ผลการเรียนรู้ การประเมินผล ระหว่างภาค + คุณธรรมจริยธรรม การสรปุ ประเมนิ ปลายภาค คุณธรรมจรยิ ธรรม เกณฑ์การประเมินผล 80 : 20 90 : 10 มนุษยส์ ัมพันธ์ ซอื่ สตั ย์สุจริต สนใจใฝ่รู้ ความมีวนิ ยั เช่อื มัน่ ในตนเอง รกั สามคั คี รบั ผดิ ชอบ ประหยัด รเิ รม่ิ สร้างสรรค์ พึง่ ตนเอง อดกลัน้ ช่วงคะแนน ระดบั คะแนน 80 - 100 4.0 75 - 79 3.5 70 - 74 3.0 65 - 69 2.5 60 - 64 2.0 55 - 59 1.5 50 - 54 1.0 ตา่ กวา่ 50 0
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชา กฎหมายพาณชิ ย์ รหสั วชิ า 2200 - 1008 จานวน 2 หน่วยกติ 2 ชวั่ โมง/สัปดาห์ หลักสูตร ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ (ปวช.) ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพชน้ั สงู (ปวส.) ประเภทวิชา พาณิชยกรรม สาขาวิชาพณชิ ยการ นางสาวจรสั จันทร์ ยมี นิ ผู้เขียนแผน จานวน 2 ชั่วโมง หน่วยที่ 10 เรอ่ื ง สัญญาคา้ ประกัน สัปดาห์ท่ี 14 สาระการเรยี นรู้ 1. สัญญาคา้ ประกันคืออะไร 2. ลกั ษณะของสัญญาคา้ ประกัน 3. หน้ีคา้ ประกนั ได้ 4. ความรบั ผิดของผู้คา้ ประกนั ในหนท้ี ี่ลกู หน้ีจะต้องชาระ 5. ผลของสญั ญาค้าประกนั 6. ความระงับของสญั ญาคา้ ประกัน ผลการเรยี นรู้ท่ีคาดหวงั เมอื่ นกั ศกึ ษาได้ศกึ ษาหนว่ ยท่ี 10 แลว้ นักศกึ ษาสามารถ 1. อธิบายความหมายของสัญญาคา้ ประกนั และลักษณะของสัญญาค้าประกนั ได้ 2. อธิบายลกั ษณะของหนี้ทค่ี ้าประกันได้ 3. อธิบายหลักความรบั ผดิ ของผู้ค้าประกันในหนีท้ ล่ี ูกหน้ีต้องชาระได้ 4. อธบิ ายเร่อื งผลของสญั ญาค้าประกันได้ 5. อธิบายเรื่องความระงบั ของสัญญาค้าประกนั ได้ สาระสาคญั สญั ญาค้าประกนั ลกั ษณะของสัญญาค้าประกนั หน้ีค้าประกนั ความรับผิดของผู้คา้ ประกนั ในหนท้ี ล่ี ูกหนจี้ ะต้องชาระ ผลของสัญญาคา้ ประกนั ความระงับสนิ้ ไปของสญั ญาค้าประกนั เนอื้ หาสาระ สญั ญาค้าประกนั บญั ญตั วิ ่า “อันว่าค้าประกันน้นั คือ สัญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนงึ่ เรียกวา่ ผู้คา้ ประกันผกู พนั ตนต่อเจา้ หนีค้ นหนึง่ เพอ่ื ชาระหนี้ ในเมื่อลกู หนี้ไม่ชาระหน้ีนนั้ ”
ลักษณะของสญั ญาค้าประกนั 1. ผคู้ ้าประกนั ต้องเป็นบุคคลภายนอก 2. ต้องมีหนร้ี ะหว่างเจา้ หน้ีกบั ลูกหน้ี 3. ต้องเป็นเรื่องผกู พนั ตนต่อเจา้ หนีเ้ พ่ือชาระหน้ี ในเม่ือลกู หน้ีไม่ชาระหนน้ี ัน้ 4. สัญญาค้าประกันไม่มีแบบ แต่ต้องมหี ลักฐานเป็นหนังสือ 5. สัญญาค้าประกนั ไมใ่ ชส่ ัญญาเฉพาะตัว หน้ีค้าประกันได้ 1. หนี้ทีจ่ ะมีการค้าประกันไดน้ ัน้ จะตอ้ งเป็นหน้ีท่ีสมบรู ณ์ไม่เปน็ โมฆะ โมฆียะ หรือ ไม่สมบูรณ์ ด้วยประการอื่น ๆ 2. หนใี้ นอนาคตหรือหน้มี ีเงื่อนไข ซึง่ เป็นหนี้ท่ยี ังไมส่ มบูรณ์ ก็อาจมีการคา้ ประกันได้ 3. หนอ้ี ันเกิดแต่สญั ญาซ่ึงไมผ่ ูกพันลูกหนี้ หมายถึง สญั ญาท่ีเดิมผกู พันลูกหน้ีแต่สัญญาโมฆียะ เพราะทาดว้ ยความสาคญั ผดิ หรอื เพราะเป็นผไู้ ร้ความสามารถนั้น กอ็ าจมีการค้าประกนั ได้ ถ้าหากผคู้ ้าประกันร้สู าเหตุสาคัญผดิ หรอื ไร้ความสามารถน้ัน ในขณะที่เขา้ ทาสัญญาผูกพัน ตน ความรับผดิ ของผคู้ ้าประกันในหนีท้ ่ีลูกหนี้จะต้องชาระ 1. คา้ ประกนั อาจจากัดความรับผิดของตนอยา่ งไรก็ไม่ 2. สัญญาค้าประกันท่ีมิได้วางขอ้ จากัดความรับผิดไวอ้ ย่างชัดเจน กฎหมายใหถ้ ือว่าผคู้ ้าประกนั ตอ้ งรับผดิ โดยไมจ่ ากดั จานวน ซงึ่ หมายรวมถึงความรับผิดในต้นเงิน ดอกเบ้ีย คา่ สนิ ไหม ทดแทน ตลอดจนคา่ ภาระตดิ พนั อันเปน็ อุปกรณข์ องหนด้ี ้วย ผลของสญั ญาคา้ ประกัน แบ่งพจิ ารณาไดเ้ ปน็ 2 ตอน คอื ผลกอ่ นชาระหนแี้ ละผลภายหลังชาระหน้ี ความระงบั ของสัญญาคา้ ประกัน 1. ถ้าหนีป้ ระธานระงบั ลงไมว่ า่ ด้วยเหตุใด ๆ สญั ญาคา้ ประกันระงับตามไปดว้ ย ทงั้ นี้ เพราะสญั ญาคา้ ประกันเป็นสัญญาของอุปกรณจ์ งึ ตอ้ งข้ึนอยู่กบั หนป้ี ระธานเป็น สาคญั 2. การคา้ ประกันเพ่อื กิจการต่อเน่ืองไปหลายคราว ไม่มจี ากดั เวลาเปน็ คุณแก่เจา้ หนผ้ี ู้ ค้าประกันอาจบอกเลกิ สญั ญาเสียเพอื่ คราวอันเป็นอนาคตได้ โดยแจง้ ให้เจ้าหน้ี ทราบ เมื่อแจ้งแลว้ ผคู้ ้าประกันไม่ต้องรบั ผดิ ในกิจการท่ีลูกหนีก้ ระทาลงภายหลังการ บอกกล่าวนนั้ ได้ ไปถึงเจ้าหน้ี ขอ้ สาคัญตอ้ งเป็นสัญญาค้าประกันที่ไม่มีจากดั เวลา เป็นแก่เจา้ หนี้ และเป็นการคา้ ประกนั เพอ่ื กจิ การต่อเนื่องไปหลายคราว
กจิ กรรมการเรยี นการสอน (กจิ กรรมการเรียนร)ู้ ขน้ั นา - ครูผู้สอนพูดคุยเรื่องสัญญาค้าประกันท่ีต้องใช้ในการทาสัญญาประเภทต่างๆ เพ่ือให้เข้ากับ เร่อื งเหตกุ ารณป์ จั จบุ นั กอ่ นเข้าบทเรยี น - ครผู สู้ อนอธิยายในแตล่ ะบทเล่าเรื่องตา่ ง ๆ ที่จะเก่ยี วขอ้ งกบั บทเรยี น ข้นั สอน - บอกจุดประสงค์การเรยี นในบทเรียน - บรรยาย อธบิ าย ยกตัวอย่าง แสดงวิธีการปฏบิ ตั ใิ นแต่ ละหัวขอ้ การเรยี นและให้นักศึกษา ปฏิบตั ไิ ปพร้อมกัน - บอกวิธกี ารและแนวคดิ ในการปฏบิ ตั ิท่ถี กู ต้องให้แกผ่ ู้เรยี น - ประเมนิ พฤติกรรมรายบคุ คลโดยครูจะซักถามในแตล่ ะคน ขัน้ สรปุ - ผู้สอนและนักศึกษาร่วมกนั สรุปสาระสาคัญ - เปิดโอกาสให้นักศึกษาซักถามขอ้ สงสัย - มอบหมายให้ไปหัดทาและศึกษาเพิ่มเตมิ - ครูผู้สอนสอดแทรกหลักเศรษฐกิจพอเพียงใหส้ อดคล้องกับบทเรียนในรายวิชาทีส่ อน - ครูผู้สอนสอดแทรกสาระเนอ้ื หาการตระหนักในปัญหาการทจุ รติ มคี ่านยิ มความซื่อสตั ย์ สจุ ริต และดํารงฐานะดว้ ยความสจุ รติ ตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพียง สอื่ และแหล่งการเรียนรู้ - หนังสือเรียนรายวชิ า - ใบความรปู้ ระจาหน่วย - ใบงานและแบบฝกึ หัด - สอื่ การสอน วดี ิโอ โปรแกรมนาเสนองาน การวดั ผลและประเมินผล วธิ วี ัด / เครอ่ื งมอื วัด / เกณฑก์ ารวัด - ความสนใจในการเรียนรู้ การคน้ คว้า การมสี ว่ นร่วมในกิจกรรม - การซกั ถามและการตอบคาถาม - แบบทดสอบและกจิ กรรมการฝึกทักษะ - สามารถปฏิบตั ิไดส้ าเรจ็
บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี น ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ........................ (นางสาวจรัสจันทร์ ยมี ิน) ตาแหน่ง ครูผูส้ อน แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏบิ ตั ิงานรายบุคคล พฤตกิ รรม การตอบ ทางาน คาถาม รหสั ช่ือ-สกลุ ความสนใจ การแสดงความ การรับฟงั ความ ตามทไี่ ดร้ บั รวม คดิ เหน็ คดิ เหน็ มอบหมาย 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 20
เกณฑ์การวดั ผล ใหค้ ะแนนระดบั คุณภาพของแตล่ ะพฤติกรรมดังน้ี ดีมาก = 4 สนใจฟงั ไม่หลับ ไมพ่ ดู คุยในช้นั มีคาถามทีด่ ี ตอบคาถามถูกตอ้ ง ทางานส่งครบตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยใู่ นเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยใู่ นเกณฑป์ ระมาณ 50% ปรับปรงุ = 1 เขา้ ชัน้ เรยี น แต่การแสดงออกนอ้ ยมาก สง่ งานไม่ครบ ไมต่ รงเวลา ลงชือ่ …………....……………………. ผูส้ งั เกต (……………………………….) …………/…………/………..
เกณฑก์ ารประเมนิ ผลการเรียนรู้ การประเมินผล ระหว่างภาค + คุณธรรมจริยธรรม การสรปุ ประเมนิ ปลายภาค คุณธรรมจรยิ ธรรม เกณฑ์การประเมินผล 80 : 20 90 : 10 มนุษยส์ ัมพันธ์ ซอื่ สตั ย์สุจริต สนใจใฝ่รู้ ความมีวนิ ยั เช่อื มัน่ ในตนเอง รกั สามคั คี รบั ผดิ ชอบ ประหยัด รเิ รม่ิ สร้างสรรค์ พึง่ ตนเอง อดกลัน้ ช่วงคะแนน ระดบั คะแนน 80 - 100 4.0 75 - 79 3.5 70 - 74 3.0 65 - 69 2.5 60 - 64 2.0 55 - 59 1.5 50 - 54 1.0 ตา่ กวา่ 50 0
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ า กฎหมายพาณิชย์ รหสั วชิ า 2200 - 1008 จานวน 2 หน่วยกิต 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ หลกั สตู ร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ชนั้ สูง (ปวส.) ประเภทวชิ า พาณชิ ยกรรม สาขาวิชาพณชิ ยการ นางสาวจรสั จนั ทร์ ยีมิน ผ้เู ขยี นแผน หนว่ ยที่ 11 เร่ือง สญั ญาจานอง สปั ดาห์ที่ 15 จานวน 2 ชวั่ โมง สาระการเรียนรู้ 1. สัญญาจานองคอื อะไร 2. ลักษณะของสญั ญาจานอง 3. ทรพั ย์สินที่จานองได้ 4. สทิ ธิและหนา้ ทีข่ องผู้รับจานองและผ้จู านอง 5. การบังคับจานอง 6. ความระงบั แห่งสญั ญาจานอง ผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวัง เมื่อนักศกึ ษาได้ศึกษาหน่วยที่ 11 แล้ว นักศึกษาสามารถ 1. อธบิ ายความหมายของสัญญาจานองและลกั ษณะของสญั ญาจานองได้ 2. อธบิ ายลักษณะทรัพยส์ ินทจ่ี านองได้ 3. อธิบายสิทธแิ ละหนา้ ท่ีของผู้รบั จานองและผู้จานองได้ 4. อธิบายวิธกี ารบงั คับจานองได้ 5. อธิบายเรื่องความระงบั แห่งสัญญาจานองได้ สาระสาคัญ ความหมายของสญั ญาจานอง ลกั ษณะของสญั ญาจานอง ทรัพย์สนิ ที่จานองได้ แบบแห่งสัญญาจานอง สัญญาจานองต้องระบุ บคุ คลผู้มีสทิ ธิจานอง สิทธแิ ละหน้าทขี่ องผ้รู ับจานองและผู้จานอง การบังคบั จานอง มี 2 กรณี ความระงบั แห่งสญั ญาจานอง
เน้อื หาสาระ สญั ญาจานอง จานอง คือสัญญาซง่ึ ผู้จานอง เอาทรัพย์สนิ ของตนไปจดทะเบียนตราไวแ้ ก่ผู้รบั จานองเพ่ือ เป็นการประกนั การชาระหนี้ของลกู หนี้ หากลูกหน้ีไม่ชาระหน้ี เจา้ หนม้ี ีสิทธบิ งั คบั เอาจากทรพั ย์ท่ีจานองได้ ลักษณะของสญั ญาจานอง เปน็ สญั ญาระหว่างผจู้ านอง และผรู้ ับจานอง เพื่อประกนั การชาระหน้ีด้วยทรัพย์สัญญาจานองจะเกดิ ข้ึนไดจ้ ะต้องมี หน้ีระหว่างเจา้ หนี้กบั ลูกหนี้ ผู้จานองหรือลูกหนีเ้ ปน็ เอาทรัพยส์ นิ ของตนตราไว้แกเ่ จ้าหนี้ เปน็ สญั ญาประกันชาระ หน้ดี ้วยทรัพย์ ซ่งึ ผรู้ ับจานองมีสทิ ธิได้รบั ชาระหนี้จากทรัพย์สนิ ท่จี านองก่อนเจา้ หนี้สามัญ ทรพั ย์สินท่จี านองได้ มดี ังนี้ อสงั หารมิ ทรัพย์ และสังหาริมทรพั ยท์ ่ีจดทะเบียนไวแ้ ล้ว ได้แก่ เรือท่ีมีระวาง 5 ตนั ขึน้ ไป , แพ, สัตว์ พาหนะ,สงั หาริมทรพั ย์อืน่ ๆ ท่กี ฎหมายบญั ญัตไิ ว้ แบบแห่งสัญญาจานอง ต้องทาเปน็ หนังสอื และจดทะเบยี นต่อพนักงานเจา้ หน้าที่ มฉิ ะน้ันจะตกเป็นโมฆะ สญั ญาจานองต้องระบุ ระบุทรพั ย์สินที่จานอง และระบจุ านวนเงนิ ท่ีได้เอาทรัพย์สินน้ันไวเ้ ปน็ ตราประกัน บคุ คลผู้มีสิทธิจานอง ต้องเป็นเจ้าของกรรมสทิ ธใิ์ นทรัพยส์ ินท่ีจานอง และผมู้ ีกรรมสิทธใ์ิ นทรพั ยส์ นิ อย่าง มเี ง่อื นไขจะจานองทรัพยส์ นิ น้ันกไ็ ด้ สทิ ธิและหน้าที่ของผู้รับจานองและผจู้ านอง หากภายหลังมกี ารจดทะเบยี นภาระจายอมโดยผู้รบั จานองมิไดย้ นิ ยอม มีสทิ ธทิ ผ่ี ูร้ บั จานองจะขอให้ลบ ออกจากทะเบยี นได้ สทิ ธิทผ่ี รู้ ับจานองจะบังคบั จานองเสียในทนั ที หากทรัพยส์ นิ ซง่ึ จานองบุบสลายหรอื เสียหาย ผู้ จานองท่ีได้จานองทรัพยข์ องตนเพื่อประกนั หนบี้ ุคคลอ่ืน และเขา้ ชาระหนี้แทนเพ่ือมใิ หต้ ้องถูกบังคับจานอง ผู้ จานองน้นั มสี ทิ ธิได้รับเงินคืนจากลูกหนต้ี ามจานวนเงนิ ท่ีไดช้ าระแทนไป เม่ือบคุ คลตั้งแต่สองคนข้นึ ไปไดจ้ านอง ทรพั ยส์ นิ แห่งตนเพื่อประกนั หนี้รายเดยี ว ผจู้ านองซงึ่ ไดเ้ ป็นผู้ชาระหน้ไี มม่ สี ิทธิในการไลเ่ บ้ียเอาแกผ่ ้จู านองรายอ่ืน ๆ และหากผรู้ ับจานองยอมปลดหนีใ้ ห้แก่ผู้จอนองคนใดคนหนึ่งน้ัน ผู้จานองคนอื่นๆ ยอ่ มหลุดพ้นไปดว้ ย การบงั คบั จานอง มี 2 กรณี 1. การบงั คับจานองโดยเอาทรัพยส์ ินทจ่ี านองออกขายทอดตลาด 2. การบังคบั จานองโดยเอาทรัพยส์ ินทจ่ี านองหลุดเป็นกรรมสิทธิ์ ความระงบั แห่งสัญญาจานอง จะระงับสิ้นด้วยเหตตุ ่อไปน้ี ผูร้ ับจานองปลดจานองให้แก่ผู้จานอง ผ้จู านองหลดุ พ้นจากความรบั ผิดไม่ว่ากรณีใด ผจู้ านองไถถ่ อน จานอง ขาดทอดตลาดในทรัพย์สินจานองตามคาสง่ั ศาล และผู้รบั จานองเอาทรัพย์สินนน้ั เปน็ กรรมสทิ ธ์ิ
กจิ กรรมการเรียนการสอน (กิจกรรมการเรียนรู้) ขน้ั นา - ครผู ู้สอนพูดคุยเรือ่ งสัญญาจานองท่ีดนิ และอสังหาริมทรัพย์อ่ืน ๆ กบั เหตุการณป์ จั จุบัน กอ่ น เขา้ บทเรียน - ครผู สู้ อนอธยิ ายในแต่ละบทเลา่ เรื่องตา่ ง ๆ ท่ีจะเกยี่ วข้องกบั บทเรียน ข้ันสอน - บอกจดุ ประสงค์การเรียนในบทเรียน - บรรยาย อธบิ าย ยกตวั อย่าง แสดงวิธีการปฏิบตั ิในแต่ ละหัวขอ้ การเรียนและให้นักศกึ ษา ปฏิบัตไิ ปพร้อมกัน - บอกวธิ ีการและแนวคิดในการปฏบิ ัตทิ ถี่ ูกต้องให้แก่ผเู้ รียน - ประเมนิ พฤติกรรมรายบุคคลโดยครูจะซักถามในแต่ละคน ข้นั สรปุ - ผสู้ อนและนักศึกษาร่วมกันสรุปสาระสาคญั - เปิดโอกาสให้นกั ศึกษาซกั ถามขอ้ สงสยั - มอบหมายใหไ้ ปหดั ทาและศกึ ษาเพ่ิมเติม - ครผู สู้ อนสอดแทรกหลักเศรษฐกิจพอเพยี งใหส้ อดคล้องกับบทเรียนในรายวิชาที่สอน - ครูผสู้ อนสอดแทรกสาระเนอ้ื หาการตระหนักในปัญหาการทจุ รติ มคี ่านยิ มความซ่ือสัตย์ สุจรติ และดํารงฐานะดว้ ยความสุจริตตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง สือ่ และแหลง่ การเรียนรู้ - หนงั สอื เรยี นรายวิชา - ใบความร้ปู ระจาหน่วย - ใบงานและแบบฝกึ หดั - ส่ือการสอน วีดโิ อ โปรแกรมนาเสนองาน การวัดผลและประเมินผล วิธวี ดั / เครื่องมือวดั / เกณฑก์ ารวดั - ความสนใจในการเรยี นรู้ การคน้ คว้า การมีสว่ นร่วมในกจิ กรรม - การซกั ถามและการตอบคาถาม - แบบทดสอบและกิจกรรมการฝึกทักษะ - สามารถปฏบิ ตั ไิ ดส้ าเร็จ
บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี น ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................... ................ ........................ (นางสาวจรสั จันทร์ ยมี นิ ) ตาแหน่ง ครูผสู้ อน แบบสงั เกตพฤติกรรมการปฏบิ ตั ิงานรายบคุ คล พฤติกรรม การตอบ ทางาน คาถาม รหสั ช่ือ-สกลุ ความสนใจ การแสดงความ การรับฟงั ความ ตามที่ได้รับ รวม คดิ เหน็ คดิ เหน็ มอบหมาย 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 20
เกณฑ์การวดั ผล ใหค้ ะแนนระดบั คุณภาพของแตล่ ะพฤติกรรมดังน้ี ดีมาก = 4 สนใจฟงั ไม่หลับ ไมพ่ ดู คุยในช้นั มีคาถามทีด่ ี ตอบคาถามถูกตอ้ ง ทางานส่งครบตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยใู่ นเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยใู่ นเกณฑป์ ระมาณ 50% ปรับปรงุ = 1 เขา้ ชัน้ เรยี น แต่การแสดงออกนอ้ ยมาก สง่ งานไม่ครบ ไมต่ รงเวลา ลงชือ่ …………....……………………. ผูส้ งั เกต (……………………………….) …………/…………/………..
เกณฑก์ ารประเมนิ ผลการเรียนรู้ การประเมินผล ระหว่างภาค + คุณธรรมจริยธรรม การสรปุ ประเมนิ ปลายภาค คุณธรรมจรยิ ธรรม เกณฑ์การประเมินผล 80 : 20 90 : 10 มนุษยส์ ัมพันธ์ ซอื่ สตั ย์สุจริต สนใจใฝ่รู้ ความมีวนิ ัย เช่อื มัน่ ในตนเอง รกั สามคั คี รบั ผดิ ชอบ ประหยัด รเิ รม่ิ สร้างสรรค์ พึง่ ตนเอง อดกลัน้ ช่วงคะแนน ระดบั คะแนน 80 - 100 4.0 75 - 79 3.5 70 - 74 3.0 65 - 69 2.5 60 - 64 2.0 55 - 59 1.5 50 - 54 1.0 ตา่ กวา่ 50 0
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ า กฎหมายพาณิชย์ รหสั วชิ า 2200 - 1008 จานวน 2 หน่วยกิต 2 ชวั่ โมง/สปั ดาห์ หลักสูตร ประกาศนยี บตั รวิชาชพี (ปวช.) ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี ช้ันสงู (ปวส.) ประเภทวิชา พาณชิ ยกรรม สาขาวชิ าพณชิ ยการ นางสาวจรัสจันทร์ ยมี ิน ผู้เขยี นแผน หน่วยท่ี 12 เร่อื ง สัญญาจานา สัปดาห์ที่ 16 จานวน 2 ชวั่ โมง สาระการเรยี นรู้ 1. สัญญาจานาคืออะไร 2. ลักษณะของสญั ญาจานา 3. แบบแหง่ สญั ญาจานา 4. การจานาเป็นประกนั เพ่อื หน้ีอะไรบา้ ง 5. ขอ้ ตกลงในสญั ญาจานาท่กี ฎหมายห้ามตกลงลว่ งหน้า 6. สทิ ธิและหน้าทข่ี องผ้รู ับจานาและผู้จานา 7. การบงั คับจานา 8. ความระงบั ส้ินไปแห่งการจานา 9. ขอ้ แตกตา่ งระหว่างสัญญาจานองกบั สญั ญาจานา ผลการเรียนรูท้ ่ีคาดหวงั เม่ือนักศึกษาได้ศกึ ษาหนว่ ยท่ี 12 แลว้ นักศึกษาสามารถ 1. อธิบายความหมายของสัญญาจานา ลกั ษณะของสัญญาจานา และแบบแห่งสัญญาจานาได้ 2. อธบิ ายไดว้ า่ การจานาเป็นประกนั เพือ่ หนี้อะไรบ้าง 3. อธิบายถงึ ข้อตกลงในสัญญาจานาทก่ี ฎหมายหา้ มตกลงลว่ งหน้าได้ 4. อธิบายถึงสทิ ธแิ ละหนา้ ท่ีของผรู้ บั จานาและผู้จานาได้ 5. อธบิ ายวธิ กี ารบังคับจานาได้ 6. อธิบายความระงบั สน้ิ ไปแหง่ การจานาได้ 7. อธบิ ายขอ้ แตกต่างระหว่างสัญญาจานองกับสญั ญาจานาได้ สาระสาคัญ สัญญาจานา ลักษณะของสญั ญาจานา แบบแห่งสญั ญาจานา ข้อตกลงในสญั ญาจานาที่กฎหมายห้ามตกลงล่วงหน้า
สทิ ธแิ ละหนา้ ทีข่ องผูร้ บั จานาและผ้จู านา การบงั คับจานา ความระงับสิ้นไปแห่งการจานา ขอ้ แตกตา่ งระหวา่ งสัญญาจานองกบั สัญญาจานา เนือ้ หาสาระ สัญญาจานา ม.747 บญั ญัติวา่ “อนั ว่าจานาน้ัน คือ สัญญาซงึ่ บคุ คลคนหนงึ่ เรียกวา่ ผจู้ านา ส่งมอบ สงั หาริมทรพั ยส์ ิง่ หน่งึ ใหแ้ ก่บุคคลอีกคนหนง่ึ เรียกวา่ ผรู้ ับจานา เพือ่ เป็นประกนั การชาระหนี้” ลกั ษณะของสญั ญาจานา คือ เปน็ สัญญาประกันการชาระหนี้ด้วยทรพั ย์ เป็นสญั ญาอุปกรณ์ ทรัพยอ์ ันเปน็ หลักประกันการชาระหนี้ ตามสัญญาจานาต้องเปน็ สังหาริมทรัพย์เทา่ น้นั สญั ญาจานาสมบูรณ์ด้วยการสง่ มอบทรัพยส์ ินที่จานาใหแ้ กผ่ รู้ บั จานา ผู้รบั จานามีสทิ ธทิ จ่ี ะได้รบั ชาระหน้จี ากทรัพยส์ นิ ทจ่ี านา กอ่ นเจา้ หนี้อนื่ ๆ แบบแห่งสญั ญาจานา ไม่ต้องทาตามแบบ เพยี งแตผ่ ู้จานาส่งมอบทรัพยส์ นิ ท่จี านาใหแ้ ก่ผรู้ บั จานา สญั ญาจานานั้นก็สมบรู ณ์ การจานาเปน็ ประกันเพอ่ื หน้ีอะไรบา้ ง ไดแ้ ก่ ตน้ เงิน ดอกเบ้ยี ค่าสินไหมทดแทนในการไม่ชาระหน้ี ค่าฤชาธรรมเนียมในการบงั คับจานา คา่ ใชจ้ ่ายเพื่อ รกั ษาทรัพย์สินซ่ึงจานา ค่าสินไหมทดแทนเพ่ือความเสยี หายอนั เกดิ แตค่ วามชารุดบกพร่องแหง่ ทรพั ย์สนิ จานาซึ่งไม่ เหน็ ประจักษ์ ขอ้ ตกลงในสญั ญาจานาท่ีกฎหมายหา้ มตกลงล่วงหน้า ถา้ ผู้รับจานาและผจู้ านาตกลงกันก่อนเวลาหน้ถี งึ กาหนดชาระ โดยถ้าไมช่ าระหน้ี ลกู หน้ียอมใหผ้ ู้รับจานาเขา้ เปน็ เจา้ ของทรพั ย์สินทจ่ี านา หรอื ให้จดั การแกท่ รพั ย์สินที่จานาเป็นอย่างอ่นื นอกจากตามบทบญั ญตั ิวา่ ดว้ ยการบงั คับ จานา ขอ้ ตกลงเช่นน้ีให้สมบูรณ์ สิทธิและหน้าท่ขี องผู้รับจานาและผ้จู านา 1. ผ้รู บั จานาชอบที่จะยดึ ทรพั ยส์ ินที่จานาไวไ้ ด้ทั้งหมดจนกวา่ จะไดร้ บั ชาระหน้แี ละคา่ อุปกรณ์ครบถ้วน 2. ผรู้ ับจานาตอ้ งรักษาทรัพยส์ นิ ท่ีจานาไว้ให้ปลอดภัยและต้องสงวนทรพั ยส์ นิ ท่ีจานานนั้ เช่นอยา่ งวิญญู ชนจะพงึ สงวนทรัพย์สินของตนเอง 3. ถา้ มิได้กาหนดไว้เปน็ อย่างอืน่ ในสญั ญา หากมีดอกผลนิตนิ ัยงอกเงยจากทรัพยส์ นิ นน้ั ให้ผูร้ ับจานา จัดสรรใชเ้ ป็นค่าดอกเบี้ยอันค้างชาระ และถา้ ไม่มีดอกเบ้ียค้างชาระกใ็ ห้จัดสรรใช้เป็นตน้ เงินแหง่ หนี้ อนั ไดจ้ านาทรพั ย์สนิ นัน้ เป็นประกัน การบงั คับจานา 1. เมือ่ จะบงั คบั จานา ผู้รบั จานาตอ้ งบอกกลา่ วเป็นหนงั สือไปยังลูกหน้ีกอ่ น เมือ่ ลูกหนีไ้ ม่ปฏบิ ัตติ าม ผรู้ ับจานามสี ทิ ธเิ อาทรัพย์สินออกขายทอดตลาดโดยไม่ต้องฟ้องคดี 2. กอ่ นเอาทรัพยอ์ อกขายทอดตลาด ผรู้ ับจานาตอ้ งทาหนงั สือบอกกล่าวไปยังผ้จู านา 3. ถา้ ไมส่ ามารถบอกกลา่ วได้กอ่ น จะเอาทรัพย์สินออกขายทอดตลาดได้หลงั หน้คี า้ งชาระลว่ งเลยมา 1 เดือนแล้ว 4. การจานาตว๋ั เงินให้ผูร้ ับจานาเรียกเก็บเงนิ ตามตว๋ั เงินน้นั ในวันถงึ กาหนด
5. ผู้รับจานาตอ้ งจัดสรรชาระหน้ีและอุปกรณใ์ ห้เสรจ็ สน้ิ ถา้ เงินเหลอื ตอ้ งสงคืนให้ผ้จู านา ถ้าได้เงิน น้อยกวา่ จานวนค้างชาระ ลูกหน้ีตอ้ งใช้ในสว่ นที่ขาด 6. ถา้ จานาทรัพยส์ นิ หลายสิง่ เพ่ือประกันหน้ีรายเดยี ว ผูร้ บั จานาจะเลอื กเอาทรัพยส์ นิ สงิ่ หน่ึงออก ขายก็ได้ แต่จะเกินกว่าจาเป็นไมไ่ ด้ ความระงบั สนิ้ ไปแหง่ การจานา ระงบั สิ้นไปเพราะเหตุประการอ่นื มใิ ชเ่ พราะอายคุ วามและเมอื่ ผู้รับจานายอมใหท้ รัพย์สินทจ่ี านากลับคนื สู่ การครอบครองของผจู้ านา ข้อแตกต่างระหวา่ งสญั ญาจานองกับสญั ญาจานา สัญญาจานอง สัญญาจานา เอาอสงั หาริมทรัพย์หรือสงั หาริมทรัพย์ชนดิ พเิ ศษ เปน็ การส่งมอบสังหารมิ ทรัพย์ไว้เปน็ ประกนั การชาระ มาตราไว้เปน็ ประกนั การชาระหนี้ หนี้ กระทากนั ดว้ ยวาจาได้ ต้องทาเป็นหนงั สอื และจดทะเบียนตอ่ พนักงาน เจา้ หนา้ ที่ ตอ้ งสง่ มอบทรัพยส์ ินท่จี านาใหผ้ ูร้ บั จานายึดถือไว้ ไมต่ ้องฟ้องศาลแต่อยา่ งใด ไม่ต้องสง่ มอบทรัพย์สนิ ทีจ่ านองให้แก่ผรู้ ับจานา บงั คบั จานาได้เงินน้อยกวา่ หน้ีคา้ งชาระ ลูกหนี้ต้องรับ ต้องฟอ้ งศาลขอให้ศาลสง่ั ขายทอดตลาด ผิดในส่วนท่ขี าดอยนู่ ัน้ บงั คับจานองไดเ้ งินนอ้ ยกวา่ หนี้คา้ งชาระลกู หนี้ไมต่ ้อง รบั ผิดในส่วนทขี่ าด กิจกรรมการเรยี นการสอน (กิจกรรมการเรยี นร)ู้ ข้นั นา - ครูผู้สอนพูดคุยเร่ืองข้อแตกต่างระหว่างสัญญาจานองและสัญญาจานาเพื่อท่ีประชาชนควร ทราบและเรอ่ื งเหตุการณป์ ัจจุบัน ก่อนเขา้ บทเรียน - ครูผ้สู อนอธยิ ายในแตล่ ะบทเล่าเรือ่ งตา่ ง ๆ ทจ่ี ะเกย่ี วขอ้ งกับบทเรียน ขน้ั สอน - บอกจดุ ประสงค์การเรยี นในบทเรียน - บรรยาย อธบิ าย ยกตวั อยา่ ง แสดงวิธีการปฏิบัตใิ นแต่ ละหัวข้อการเรยี นและให้นักศกึ ษา ปฏิบตั ไิ ปพร้อมกัน - บอกวธิ กี ารและแนวคิดในการปฏิบตั ิท่ถี ูกต้องให้แกผ่ ู้เรยี น - ประเมินพฤติกรรมรายบุคคลโดยครจู ะซักถามในแตล่ ะคน ข้ันสรปุ - ผู้สอนและนักศึกษาร่วมกนั สรปุ สาระสาคญั - เปิดโอกาสให้นกั ศึกษาซักถามข้อสงสัย
- มอบหมายให้ไปหดั ทาและศกึ ษาเพิ่มเตมิ - ครูผู้สอนสอดแทรกหลกั เศรษฐกิจพอเพยี งให้สอดคล้องกับบทเรียนในรายวิชาทส่ี อน - ครผู ู้สอนสอดแทรกสาระเน้อื หาการตระหนักในปญั หาการทจุ รติ มคี ่านยิ มความซ่ือสตั ย์ สจุ ริต และดํารงฐานะด้วยความสุจริตตามหลักเศรษฐกจิ พอเพยี ง สื่อและแหล่งการเรียนรู้ - หนังสือเรียนรายวชิ า - ใบความร้ปู ระจาหน่วย - ใบงานและแบบฝกึ หัด - สื่อการสอน วีดโิ อ โปรแกรมนาเสนองาน การวดั ผลและประเมนิ ผล วธิ วี ัด / เครือ่ งมอื วดั / เกณฑ์การวัด - ความสนใจในการเรยี นรู้ การคน้ คว้า การมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรม - การซกั ถามและการตอบคาถาม - แบบทดสอบและกจิ กรรมการฝึกทกั ษะ - สามารถปฏบิ ตั ิได้สาเรจ็ บนั ทึกผลหลงั การจัดการเรยี น ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................................................................ ........ ........................ (นางสาวจรัสจนั ทร์ ยีมิน) ตาแหนง่ ครผู ้สู อน
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏิบัติงานรายบคุ คล พฤตกิ รรม การตอบ ทางาน คาถาม รหัส ชือ่ -สกลุ ความสนใจ การแสดงความ การรบั ฟังความ ตามท่ไี ดร้ ับ รวม คดิ เหน็ คิดเหน็ มอบหมาย 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 20
เกณฑ์การวดั ผล ใหค้ ะแนนระดบั คุณภาพของแตล่ ะพฤติกรรมดังน้ี ดีมาก = 4 สนใจฟงั ไม่หลับ ไมพ่ ดู คุยในช้นั มีคาถามทีด่ ี ตอบคาถามถูกตอ้ ง ทางานส่งครบตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยใู่ นเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยใู่ นเกณฑป์ ระมาณ 50% ปรับปรงุ = 1 เขา้ ชัน้ เรยี น แต่การแสดงออกนอ้ ยมาก สง่ งานไม่ครบ ไมต่ รงเวลา ลงชือ่ …………....……………………. ผูส้ งั เกต (……………………………….) …………/…………/………..
เกณฑก์ ารประเมนิ ผลการเรียนรู้ การประเมินผล ระหว่างภาค + คุณธรรมจริยธรรม การสรปุ ประเมนิ ปลายภาค 80 : 20 90 : 10 คุณธรรมจรยิ ธรรม มนุษยส์ ัมพันธ์ ซอื่ สตั ย์สุจริต สนใจใฝ่รู้ เกณฑ์การประเมินผล ความมีวนิ ยั เช่ือมัน่ ในตนเอง รกั สามคั คี รบั ผดิ ชอบ ประหยัด รเิ รม่ิ สร้างสรรค์ พึง่ ตนเอง อดกลัน้ ช่วงคะแนน ระดบั คะแนน 80 - 100 4.0 75 - 79 3.5 70 - 74 3.0 65 - 69 2.5 60 - 64 2.0 55 - 59 1.5 50 - 54 1.0 ตา่ กว่า 50 0
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ า กฎหมายพาณชิ ย์ รหัสวชิ า 2200 - 1008 จานวน 2 หน่วยกติ 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ หลกั สตู ร ประกาศนียบัตรวชิ าชพี (ปวช.) ประกาศนยี บตั รวิชาชีพชัน้ สงู (ปวส.) ประเภทวิชา พาณิชยกรรม สาขาวชิ าพณชิ ยการ นางสาวจรัสจันทร์ ยมี ิน ผ้เู ขยี นแผน หนว่ ยท่ี 13 เรอ่ื ง ฝากทรัพย์และเกบ็ ของในคลงั สินค้า สปั ดาหท์ ่ี 17 จานวน 2 ชั่วโมง สาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายของสัญญาฝากทรัพย์ 2. สิทธิและหน้าทขี่ องผ้รู บั ฝากทรัพย์ 3. สิทธแิ ละหนา้ ท่ีของผู้ฝากทรัพย์ 4. สัญญาฝากทรัพย์ 5. ลักษณะเกบ็ ของในคลังสินค้า 6. สทิ ธิและหนา้ ท่ขี องนายคลงั สินค้าและผู้ฝากสนิ คา้ 7. การโอนกรรมสิทธแิ์ ละการบงั คบั จานา ผลการเรียนรทู้ ี่คาดหวัง เมอื่ นกั ศกึ ษาไดศ้ ึกษาหน่วยที่ 13 แล้ว นักศึกษาสามารถ 1. บอกความหมายของสญั ญาฝากทรพั ย์ได้ 2. บอกสิทธิและหนา้ ทีข่ องผ้ฝู ากทรัพย์ 3. บอกสิทธแิ ละหน้าทข่ี องผ้รู ับฝากทรพั ย์ 4. บอกลักษณะสญั ญาฝากทรัพย์ได้ 5. บอกลักษณะเกบ็ ของในคลังสินค้าได้ 6. บอกสิทธิและหนา้ ทขี่ องนายคลังสินค้าและผ้ฝู ากสินค้าได้ 7. บอกการโอนกรรมสิทธิ์และการบงั คบั จานาได้ สาระสาคัญ ความหมายของสัญญาฝากทรัพย์ สทิ ธแิ ละหนา้ ทข่ี องผรู้ บั ฝากทรพั ย์ หน้าท่ีของผูร้ ับฝากทรัพย์ สทิ ธแิ ละหน้าที่ของผู้ฝากทรพั ย์ สญั ญาฝากทรัพย์ ลักษณะเก็บของในคลังสนิ ค้า สทิ ธแิ ละหน้าทข่ี องนายคลงั สินค้าและผฝู้ ากสินค้า เนือ้ หาสาระ
ฝากทรัพย์ คือ สัญญาซึ่งบคุ คลหนงึ่ เรยี กวา่ ผูฝ้ าก ส่งมอบทรัพยส์ นิ ใหแ้ ก่บคุ คลอกี คนหนง่ึ เรียกวา่ ผรู้ ับ ฝากและผู้รับฝากตกลงวา่ จะเก็บรกั ษาทรัพยส์ ินน้ันไว้ในอารกั ขาแห่งตนแลว้ จะคืนให้ สทิ ธแิ ละหน้าท่ีของผรู้ บั ฝากทรพั ย์ ผรู้ บั ฝากทรพั ย์มสี ิทธไิ ด้รบั บาเหนจ็ ค่าฝาก สิทธเิ รียกค่าใช้จ่ายในการคืนทรัพย์สนิ ท่ฝี ากและค่าใช้จ่ายอันควรแกก่ าร บารุงรักษา และสทิ ธยิ ดึ หน่วงทรัพย์สินท่ีฝากจนกว่าจะได้รับเงินทคี่ ้างชาระ หนา้ ท่ีของผรู้ บั ฝากทรัพย์ ผู้รบั ฝากทรัพยม์ ีหน้าท่ใี ชค้ วามระมดั ระวังในการสงวนรกั ษาทรพั ย์สินท่ีรับฝาก หน้าทเ่ี ก็บรกั ษาทรัพย์สินที่ ฝาก หนา้ ทีใ่ นการบอกกลา่ วทันทีเมอื่ ถกู ฟอ้ งร้องหรือยึดทรัพย์สินทฝี่ ากหนา้ ทใี่ นการคนื ทรัพย์สินที่ฝาก สทิ ธิและหนา้ ทข่ี องผฝู้ ากทรัพย์ ผฝู้ ากทรัพยม์ ีสิทธเิ รียกคืนทรัพยส์ ินท่ฝี ากจากผรู้ ับฝากได้ทุกเมอื่ ผู้ฝากทรพั ยม์ ีหน้าท่ีเสียค่าใชจ้ ่ายในการส่งคนื ทรพั ย์ และค่าใช้จ่ายในการบารงุ รักษาทรัพยส์ ิน หน้าที่ชาระ บาเหน็จค่าฝากแก่ผูร้ บั ฝาก สัญญาฝากทรัพย์ สญั ญาฝากทรัพย์ยอ่ มระงับส้ินไปด้วยกรณีต่อไปน้ี ระงบั ตามข้อตกลงในสัญญา ระงบั เมอ่ื สง่ มอบทรัพยค์ นื ระงบั เม่ือทรัพย์สูญหายหรอื ถูกทาลายหรือทาลายไปหมด ระงบั เม่ือผรู้ ับฝากตาย ลักษณะเกบ็ ของในคลังสนิ ค้า ทรัพย์ที่ฝากหรือเกบ็ ในคลงั สินคา้ นัน้ ต้องเปน็ สินค้าทีท่ าการซ้อื ขายในทางธุรกิจเทา่ นัน้ ตอ้ งเก็บสนิ ค้าไว้ กับนายคลังสินคา้ ที่ไดร้ บั อนุญาตเท่านั้น ต้องมีคา่ จ้างหรอื ค่าบาเหน็จเสมอ นายคลงั สนิ ค้าจะต้องเกบ็ สินค้าใน คลงั สนิ ค้าเทา่ น้ัน การเกบ็ ของในคลังสินคา้ จะต้องมีการออกใบรับของคลังสินค้าและประทวนสินค้า สทิ ธแิ ละหนา้ ทขี่ องนายคลงั สินคา้ และผู้ฝากสินคา้ นายคลงั สนิ คา้ มสี ิทธิได้คา่ ตอบแทนท่ีเรยี กว่าบาเหนจ็ มสี ทิ ธไิ ดร้ ับการชดใช้ คา่ เสยี หายถ้าของทฝ่ี ากเป็นสภาพอัน จะก่อใหเ้ กดิ อนั ตรายได้ มสี ทิ ธิท่ีจะยึดหนว่ งเอาของไวก้ ่อนเพอ่ื ประกนั การใช้เงินค่าบาเหนจ็ มีสิทธิทจ่ี ะเอาสนิ ค้า ไปฝากไว้ ณ สานักงานฝากทรัพยไ์ ด้มีสทิ ธิเอาของนนั้ ออกขายทอดตลาดได้ การโอนกรรมสิทธแิ์ ละการบงั คบั จานา ทาได้ 2 กรณี คือ กรณที ี่ยังไม่มกี ารจานาสนิ คา้ และในกรณที ีม่ ีการจานาสินคา้ น้ันแล้ว การบงั คับจานา
มีหลักเกณฑด์ งั นี้ ต้องทาคาคัดค้านตามระเบยี บ หากมกี ารส่งคาคดั ค้านไปยังผ้จู านาแล้ว ผจู้ านายงั ไมไ่ ด้ชาระหน้ี นายคลงั สนิ คา้ กช็ อบทจ่ี ะขายทอดตลาดคลงั สินค้านัน้ ได้เมื่อพ้นระยะเวลา 8 วัน นับต้ังแต่วนั คดั คา้ น กิจกรรมการเรยี นการสอน (กิจกรรมการเรียนรู้) ขัน้ นา - ครูผู้สอนพูดคุยเรื่องสัญญาฝากทรัพย์และสิทธิหน้าท่ีของผู้ฝากทรัพย์และเรื่องเหตุการณ์ ปัจจบุ นั ก่อนเข้าบทเรยี น - ครผู ูส้ อนอธิยายในแต่ละบทเลา่ เร่ืองต่าง ๆ ท่ีจะเก่ียวข้องกับบทเรยี น ขั้นสอน - บอกจดุ ประสงค์การเรยี นในบทเรยี น - บรรยาย อธิบาย ยกตวั อย่าง แสดงวธิ ีการปฏบิ ัตใิ นแต่ ละหัวข้อการเรยี นและให้นักศกึ ษา ปฏิบตั ไิ ปพร้อมกัน - บอกวิธกี ารและแนวคิดในการปฏิบตั ทิ ถ่ี ูกต้องให้แกผ่ ้เู รียน - ประเมนิ พฤติกรรมรายบุคคลโดยครจู ะซักถามในแต่ละคน ขน้ั สรปุ - ผู้สอนและนักศกึ ษารว่ มกนั สรปุ สาระสาคัญ - เปิดโอกาสให้นกั ศกึ ษาซกั ถามขอ้ สงสยั - มอบหมายใหไ้ ปหัดทาและศึกษาเพิ่มเตมิ - ครผู ูส้ อนสอดแทรกหลกั เศรษฐกจิ พอเพียงใหส้ อดคล้องกับบทเรยี นในรายวชิ าท่ีสอน - ครูผู้สอนสอดแทรกสาระเน้อื หาการตระหนักในปญั หาการทุจริต มีค่านิยมความซื่อสตั ย์ สุจรติ และดํารงฐานะด้วยความสจุ ริตตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพียง ส่ือและแหลง่ การเรยี นรู้ - หนังสือเรยี นรายวชิ า - ใบความรู้ประจาหน่วย - ใบงานและแบบฝกึ หัด - สอ่ื การสอน วีดิโอ โปรแกรมนาเสนองาน การวดั ผลและประเมินผล วิธวี ัด / เครอ่ื งมอื วัด / เกณฑ์การวัด - ความสนใจในการเรยี นรู้ การค้นคว้า การมสี ว่ นรว่ มในกิจกรรม - การซักถามและการตอบคาถาม - แบบทดสอบและกิจกรรมการฝกึ ทกั ษะ - สามารถปฏบิ ัตไิ ด้สาเรจ็
บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี น ........................................................................................................................................... ......................................... .......................................................................................... .......................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ........................ (นางสาวจรสั จนั ทร์ ยมี นิ ) ตาแหนง่ ครูผสู้ อน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั ิงานรายบคุ คล พฤติกรรม การตอบ ทางาน คาถาม รหสั ช่อื -สกลุ ความสนใจ การแสดงความ การรับฟังความ ตามที่ได้รบั รวม คดิ เหน็ คิดเหน็ มอบหมาย 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 20
เกณฑ์การวดั ผล ใหค้ ะแนนระดบั คุณภาพของแตล่ ะพฤติกรรมดังน้ี ดีมาก = 4 สนใจฟงั ไม่หลับ ไมพ่ ดู คุยในช้นั มีคาถามทีด่ ี ตอบคาถามถูกตอ้ ง ทางานส่งครบตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยใู่ นเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยใู่ นเกณฑป์ ระมาณ 50% ปรับปรงุ = 1 เขา้ ชัน้ เรยี น แต่การแสดงออกนอ้ ยมาก สง่ งานไม่ครบ ไมต่ รงเวลา ลงชือ่ …………....……………………. ผูส้ งั เกต (……………………………….) …………/…………/………..
เกณฑก์ ารประเมนิ ผลการเรียนรู้ การประเมินผล ระหว่างภาค + คุณธรรมจริยธรรม การสรปุ ประเมนิ ปลายภาค คุณธรรมจรยิ ธรรม เกณฑ์การประเมินผล 80 : 20 90 : 10 มนุษยส์ ัมพันธ์ ซอื่ สตั ย์สุจริต สนใจใฝ่รู้ ความมีวนิ ยั เช่อื มัน่ ในตนเอง รกั สามคั คี รบั ผดิ ชอบ ประหยัด รเิ รม่ิ สร้างสรรค์ พึง่ ตนเอง อดกลัน้ ช่วงคะแนน ระดบั คะแนน 80 - 100 4.0 75 - 79 3.5 70 - 74 3.0 65 - 69 2.5 60 - 64 2.0 55 - 59 1.5 50 - 54 1.0 ตา่ กวา่ 50 0
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ า กฎหมายพาณิชย์ รหสั วชิ า 2200 - 1008 จานวน 2 หนว่ ยกิต 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ หลกั สตู ร ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ (ปวช.) ประกาศนียบัตรวิชาชพี ช้นั สงู (ปวส.) ประเภทวิชา พาณชิ ยกรรม สาขาวชิ าพณชิ ยการ นางสาวจรัสจนั ทร์ ยมี ิน ผูเ้ ขยี นแผน หนว่ ยท่ี 14 เร่ือง สญั ญาประกันภัยและขนสง่ สปั ดาห์ที่ 18 จานวน 2 ชั่วโมง สาระการเรยี นรู้ .1. ความหมายของสญั ญาประกนั ภัย 2. หลกั การสาคญั ของกฎหมายประกันภยั 3. ลกั ษณะการประกันภยั ประเภทตา่ งๆ 4. ความหมายของสญั ญารับขน 5. ลักษณะของสญั ญารับขน 6. ขอบเขตการบังคับใช้สัญญารบั ขน 7. ประเภทของสญั ญารับขน ผลการเรยี นรทู้ ีค่ าดหวงั เมือ่ นกั ศกึ ษาไดศ้ กึ ษาหนว่ ยท่ี 14 แลว้ นักศกึ ษาสามารถ 1. บอกความหมายของสัญญาประกันภยั ได้ 2. เข้าใจหลกั การสาคญั ของกฎหมายประกันภยั 3. บอกลักษณะการประกันภยั ประเภทต่าง ๆ ได้ 4. บอกความหมายของสญั ญารับขนได้ 5. บอกลักษณะของสญั ญารับขนได้ 6. บอกขอบเขตการบังคับใชส้ ัญญารับขนได้ 7. แบ่งประเภทของสญั ญารับขนได้ สาระสาคัญ หลกั การสาคญั ของกฎหมายสัญญาประกนั ภยั มี 6 ประการ คอื หลกั ผมู้ ีส่วนไดเ้ สียในการประกนั ภัย หลกั สุจรติ หลกั การชดใชค้ า่ สินไหมทดแทน หลักการรบั ช่วงสทิ ธิ หลกั การเฉล่ยี และหลักสาเหตุใกลช้ ิด
การประกนั ภัยมี 4 ประเภท คือประกนั อัคคีภัย การประกันภัยทางทะเลและการขนสง่ การประกนั ภยั รถ และการประกนั ภัยประเภทอื่น ๆ เชน่ การประกันอุบตั เิ หตุและสขุ ภาพ เน้ือหาสาระ การประกันภยั รถยนต์ (Automobile Insurance) เป็นการประกันภยั ความเสียหาย อนั เกิดจากการใช้ รถยนต์ เป็นการประกนั ภยั เพ่ือความเสยี หายหรือสญู หายของตวั รถยนต์ตลอดจนความรับผิดชอบตอ่ บคุ คลภายนอกอนั เนื่องมาจากการใช้รถยนต์ การประกนั ภัยรถยนต์ แบง่ ออกเป็น 3 ประเภท 1. Comprehensive เป็นการคุ้มครองตวั รถท่ีเอาประกนั ภยั ตลอดจนรถคู่กรณี ในกรณเี กิดความเสียหาย ตอ่ ตัวรถยนตแ์ ละการสูญหายของรถท่ีเอาประกนั รวมถึงความรบั ผิดต่อบคุ คลอืน่ ๆ ทัง้ ร่างกายและ ทรัพยส์ ิน 2. Third Party , Fire and Thief คุ้มครองบุคคลท่สี ามรวมถึงตวั รถยนตท์ ่เี อาประกันภยั ไฟไหม้ หรอื ถูก ลักขโมย 3. Third Party เปน็ การประกนั ภัยท่ีคุ้มครองความรับผดิ ชอบต่อบคุ คลภายนอกทงั้ ทรัพย์สินและชวี ิต นอกจากนี้ยงั มีกฎหมายทเ่ี รยี กวา่ พระราชบญั ญัตคิ มุ้ ครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. โดยเปน็ กฎหมาย ที่ค้มุ ครองผทู้ ี่ไดร้ ับผลจากอบุ ัติเหตุจากรถทุกประเภท โดยรถเกอื บทกุ ประเภทต้องมีกรมธรรม์ของ กฎหมายดังกล่าว กจิ กรรมการเรียนการสอน (กจิ กรรมการเรยี นร)ู้ ขั้นนา - ครูผู้สอนพูดคุยเร่ืองความสาคัญของสัญญาประกันภัยรถยนต์และสัญญาขนของท่ีประชาชน ควรทราบและเรอ่ื งเหตกุ ารณ์ปัจจบุ นั กอ่ นเข้าบทเรียน - ครูผูส้ อนอธยิ ายในแต่ละบทเลา่ เรื่องตา่ ง ๆ ทีจ่ ะเกยี่ วขอ้ งกบั บทเรียน ขัน้ สอน - บอกจดุ ประสงค์การเรียนในบทเรยี น - บรรยาย อธิบาย ยกตัวอยา่ ง แสดงวธิ กี ารปฏบิ ตั ิในแต่ ละหัวขอ้ การเรียนและให้นักศึกษา ปฏบิ ตั ิไปพร้อมกัน - บอกวธิ กี ารและแนวคิดในการปฏิบตั ิท่ีถกู ต้องให้แก่ผเู้ รียน - ประเมินพฤติกรรมรายบคุ คลโดยครูจะซักถามในแตล่ ะคน ขั้นสรปุ - ผสู้ อนและนกั ศึกษารว่ มกนั สรปุ สาระสาคัญ - เปิดโอกาสใหน้ ักศกึ ษาซักถามขอ้ สงสัย - มอบหมายใหไ้ ปหดั ทาและศึกษาเพิ่มเติม - ครผู สู้ อนสอดแทรกหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งให้สอดคล้องกับบทเรยี นในรายวิชาทสี่ อน
- ครูผูส้ อนสอดแทรกสาระเนอื้ หาการตระหนักในปัญหาการทุจรติ มีคา่ นยิ มความซ่ือสตั ย์ สจุ ริต และดํารงฐานะด้วยความสจุ ริตตามหลักเศรษฐกิจพอเพยี ง สือ่ และแหลง่ การเรยี นรู้ - หนงั สอื เรียนรายวชิ า - ใบความรปู้ ระจาหน่วย - ใบงานและแบบฝกึ หดั - สือ่ การสอน วีดโิ อ โปรแกรมนาเสนองาน การวดั ผลและประเมินผล วธิ ีวดั / เครอื่ งมือวดั / เกณฑ์การวดั - ความสนใจในการเรียนรู้ การคน้ ควา้ การมสี ่วนร่วมในกจิ กรรม - การซักถามและการตอบคาถาม - แบบทดสอบและกจิ กรรมการฝึกทักษะ - สามารถปฏบิ ัติไดส้ าเรจ็ บันทึกผลหลงั การจัดการเรยี น ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ........................ (นางสาวจรสั จันทร์ ยีมิน) ตาแหน่ง ครผู สู้ อน
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏิบัติงานรายบคุ คล พฤตกิ รรม การตอบ ทางาน คาถาม รหัส ชือ่ -สกลุ ความสนใจ การแสดงความ การรบั ฟงั ความ ตามท่ไี ดร้ ับ รวม คดิ เหน็ คิดเหน็ มอบหมาย 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 20
เกณฑ์การวดั ผล ใหค้ ะแนนระดบั คุณภาพของแตล่ ะพฤติกรรมดังน้ี ดีมาก = 4 สนใจฟงั ไม่หลับ ไมพ่ ดู คุยในช้นั มีคาถามทีด่ ี ตอบคาถามถูกตอ้ ง ทางานส่งครบตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยใู่ นเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยใู่ นเกณฑป์ ระมาณ 50% ปรับปรงุ = 1 เขา้ ชัน้ เรยี น แต่การแสดงออกนอ้ ยมาก สง่ งานไม่ครบ ไมต่ รงเวลา ลงชือ่ …………....……………………. ผูส้ งั เกต (……………………………….) …………/…………/………..
เกณฑก์ ารประเมนิ ผลการเรียนรู้ การประเมินผล ระหว่างภาค + คุณธรรมจริยธรรม การสรปุ ประเมนิ ปลายภาค คุณธรรมจรยิ ธรรม เกณฑ์การประเมินผล 80 : 20 90 : 10 มนุษยส์ ัมพันธ์ ซอื่ สตั ย์สุจริต สนใจใฝ่รู้ ความมีวนิ ยั เช่อื มัน่ ในตนเอง รกั สามคั คี รบั ผดิ ชอบ ประหยัด รเิ รม่ิ สร้างสรรค์ พึง่ ตนเอง อดกลัน้ ช่วงคะแนน ระดบั คะแนน 80 - 100 4.0 75 - 79 3.5 70 - 74 3.0 65 - 69 2.5 60 - 64 2.0 55 - 59 1.5 50 - 54 1.0 ตา่ กวา่ 50 0
ใบงาน คาถาม 1. สัตว์ทั้งหลายเช่น ช้าง ม้า หมา แมว ฯลฯ ไมเ่ ป็นบคุ คล เพราะ ............................................................................................................................. ......................................... ...................................................................................................................................................................... ......................... 2. ตามกฎหมายลกั ษณะมรดก แบ่งทายาทออกเป็น 2 ประเภท คือ ................................................................................................... ................................................................... .................................................................................................................................... .................................. 3. การตายซ่ึงเป็นสาเหตทุ ี่ทาให้สิน้ สภาพบคุ คลแบ่งออกเป็น 2 ประการ คอื ............................................................................................................................. ......................................... ............................................................................................................................................. ........................ 4. บคุ คลที่ศาลส่งั ใหเ้ ปน็ คนสาบสูญ กฎหมายให้ถอื ว่าถึงแก่ความตายเม่ือ .................................................................................................................................................................... .. ......................................................................................................................... ............................................. 5. กรณีที่ใหถ้ อื ว่าบคุ คลตามพร้อมกันตาม ม.17 แหง่ ป.พ.พ. ต้องประกอบด้วยหลักเกณฑ์ ............................................................................................................................. ......................................... ............................................................................................................................. ......................................... 6. การไดส้ ญั ชาตไิ ทยตาม พ.ร.บ. สญั ชาติ พ.ศ. 2508 อาจได้มา 3 กรณี คือ ............................................................................................................................. ......................................... ...................................................................................................................................................................... 7. ตามกฎหมายทกุ คนต้องมชี ื่อ .................................................และช่ือ ............................................................................................................................................................ 8. บคุ คลทก่ี ฎหมายกาหนดภูมิลาเนาให้ ได้แก่ ก........................................................................................ ข....................................................................................... ค......................................................................................... 9. หลกั เกณฑท์ ี่จะทาให้บคุ คลใดเปน็ คนเสมอื นไร้ความสามารถตามกฎหมาย ไดแ้ ก่ บคุ คลนน้ั มเี หตุ บกพร่อง คือ ก......................................................................................... ข......................................................................................... ค......................................................................................... 10. นติ บิ ุคคล ไดแ้ ก่............................................................................................................................. ............... .....................................................................................................................................................................
ใบงาน เร่อื ง นติ กิ รรม วัตถปุ ระสงค์ 1. เพ่อื อธบิ ายเหตกุ ารณธ์ รรมดากบั เหตุการณใ์ นกฎหมายได้ 2. อธบิ ายความหมายของนิตกิ รรมและบอกประเภทนิติกรรมได้ 3. อธบิ ายหลักเร่อื งความบกพร่องแห่งการแสดงเจตนา เช่น การแสดงเจตนาลวง การแสดงเจตนาโดย สําคญั ผิด ได้ 4. อธบิ ายเร่อื งแบบของนิติกรรมได้ 5. อธิบายเรื่องนติ ิกรรมท่ีตกเปน็ โมฆะหรือตกเป็นโมฆยี ะได้ 6. อธิบายเรอ่ื งนติ ิกรรมท่ีทมี่ ีเงื่อนไขหรือเงือ่ นเวลาได้ กิจกรรม 1. ใหน้ ักศึกษาทบทวนเน้ือหาที่เรียนมา และใหท้ ําแบบประเมินผลการเรียนรู้เร่ืองนติ ิกรรม 2. จดั ให้นกั ศึกษาแบ่งกลุ่มอภิปราย โดยใหแ้ ตล่ ะกล่มุ จดั ผู้แทนออกมาอธบิ ายให้กลุ่มอน่ื ฟัง เพื่อเป็นการ แลกเปลย่ี นความรู้ซงี กันและกนั
ใบงาน เรอ่ื ง สญั ญา วัตถุประสงค์ 1. อธิบายความหมายของสัญญาและลกั ษณะของสญั ญาได้ 2. อธบิ ายคาํ เสนอและคาํ สนองได้ 3. อธบิ ายลกั ษณะการก่อให้เกิดสัญญาได้ 4. แบ่งประเภทขของสัญญาได้ 5. อธิบายการเลกิ สัญญาและผลแหง่ การเลิกสญั ญาได้ 6. อธิบายมดั จาํ และเบยี้ ปรบั ได้ กิจกรรม 1. ใหน้ ักเรยี นทําแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้เรอื่ งสัญญา
วิทยาลยั เทคโนโลยบี างปะกงบริหารธุรกิจ ข้อสอบระหว่างภาคเรียนที่ 2/2562 วิชากฎหมายพาณชิ ย์ รหสั วิชา 2000-1008 ระดบั ปวช.2 ภาคปกติ เวลา 60 นาที คาํ ช้ีแจง: ขอ้ สอบแบบปรนยั มีท้ังหมด 40 ข้อ จาํ นวน 20 คะแนน ให้นักศึกษาทําเครื่องหมาย × ในกระดาษคําตอบให้ถูกต้อง 1. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยบ์ รรพใดวา่ ดว้ ยเร่อื งหน้ี สัญญา จัดการงานนอกสั่งลาภมคิ วรได้ ละเมดิ ก. บรรพ 1 ค.บรรพ 3 ข. บรรพ 2 ง. บรรพ 4 2. กฎหรอื ระเบียบขอ้ บังคบั ซึ่งตราขนึ้ ทีน่ ับวา่ เปน็ กฎหมายนนั้ ต้องประกอบด้วยลกั ษณะข้อใด ก. ตอ้ งมาจากรัฎฐาธปิ ัตย์ ข. ประชาชนจะต้องปฏิบตั ติ าม ค. ตอ้ งมสี ภาพบังคับ ง. ถกู ทุกข้อ 3. บคุ คลธรรมดาที่ไมใ่ ช่ผ้พู ิพากษาท่คี ู่ความต้งั ขึ้นเพ่ือใหช้ ี้ขาดข้อพิพาททางแพ่งเรยี กวา่ ก. ผู้พิพากษา ข. ทนายความ ค. พนกั งานอัยการ ง. อนญุ าโตตุลาการ 4. กฎหมายอาญาเป็นกฎหมายข้อใด ก. กฎหมายบคุ คล ข. กฎหมายเอกชน ค. กฎหมายมหาชน ง. ถูกทกุ ขอ้ 5. “มีหนา้ ทีร่ บั ผดิ ชอบการลงโทษให้เป็นไปตามคําพิพากษาของศาล” หมายถงึ ขอ้ ใด ก. ราชทณั ฑ์
ข. อนุญาโตตลุ าการ ค. ดะโต๊ะยตุ ธิ รรม ง. พนกั งานอัยการ 6. เดก็ คลอดอยา่ งช้าภายในเวลาเทา่ ใดนบั แตเ่ จ้ามรดกถงึ แกค่ วามตาย จึงจะถือวา่ เปน็ ทายาทของเจ้ามรดก ก. 210 วัน ค. 410 วัน ข. 310 วัน ง. 365 วนั 7. ถา้ เด็กคลอดในระหว่างเดินทาง ใครเป็นผูม้ ีหน้าท่ีแจง้ การเกดิ ต่อนายทะเบียน ก. มารดา ข. บดิ าหรือมารดา ค. หมอท่ีทาํ คลอด ง. เจ้าของยานพาหนะที่เดนิ ทาง 8. หลกั เกณฑท์ ีถ่ ือว่าเปน็ คนสาบสูญ ก. ศาลมีคาํ ส่งั ใหเ้ ป็นคนสาบสญู ข. พนกั งานอยั การหรือผมู้ ีส่วนไดส้ ว่ นเสียร้องขอใหศ้ าลสัง่ เป็นคนสาบสูญ ค. จากภูมลิ ําเนาไปโดยไม่มีใครทราบข่าวถงึ 5 ปีในกรณธี รรมดา หรือ 2 ปีในกรณีพิเศษ ง. ถกู ทุกข้อ 9. คนตายในบ้าน ใครแจง้ ตายและต้องแจ้งภายใน ก. เจา้ บ้าน , 15 วนั ข. เจา้ บ้าน , 24 ชม. ค. ผูพ้ บศพ , 24 ชม. ง. ผู้ไปกับผู้ตาย, 24 ชม. 10. ผู้รบั บตุ รบญุ ธรรมจะต้องมีอายุไม่ตาํ่ กว่ากี่ปี ก. 25 ปี ค. 35 ปี ข. 30 ปี ง. 40 ปี 11. ข้อใดไม่ถอื ว่าเปน็ นิติกรรม ก. เก็บของตกได้ ข. พนิ ขายฝน่ิ ให้ตาอู๋ ค. พินเอาทด่ี นิ ไปจํานองตาอู๋ ง. พนิ กเู้ งนิ ตาอู๋ 10,000 บาท
12. ข้อใดเป็นกลฉ้อฉล ก. นายผวิ ทําสญั ญาซอ้ื ขายแม่ไก่กบั แม่ไก่ ข. นายผิวเกรงเจา้ หนีย้ ึดทรพั ยจ์ ึงเอาแหวนไปฝากตาอู๋ ค. โจรเอาปนื จีน้ ายผวิ ใหท้ ําสัญญายกแหวนเพชรให้โจร ง. นายผวิ ต้องการซื้อม้าแข่ง ตาอมู๋ แี ต่มา้ ลากรถ แตบ่ อกวา่ เป็นม้าแขง่ นายผิวหลงเชือ่ จงึ ทําสญั ญาซ้ือ ขายม้ากับตาอู๋ 13. การขม่ ขูอ่ ยา่ งไรท่ีทาํ ใหน้ ติ ิกรรมตกเปน็ โมฆยี ะ ก. จะแช่งใหต้ าย ข. จะเอาปียิงเสยี ให้ตาย ค. อกี 20 ปจี ะฆ่าใหต้ าย ง. จะเปิดเผยความลับของเพื่อนผูถ้ ูกขม่ ขู่ 14. นิติกรรมท่ีกฎหมายบังคับให้ทําเปน็ หนังสอื และจดทะเบยี น มิฉะนั้นจะตกเป็นโมฆะ ไดแ้ ก่ ก. ซื้อขายลงิ ข. ซือ้ ขายรถยนต์ ค. ซือ้ ขายววั ง. ซ้อื ขายอาวธุ ปนื 15. ขอ้ ใดไม่ใชก้ ับนิติกรรมทีต่ กเป็นโมฆะได้ ก. บอกล้าง ข. มีอายุความ ค. ให้สตั ยาบัน ง. กล่าวอ้างถึงความเสียเปลา่ 16. เงอื่ นเวลาเร่มิ ตน้ หรือเง่ือนเวลาสิ้นสดุ ลงน้ัน ใหส้ ันนฐิ านไว้กอ่ นว่ามไี ว้เพือ่ ประโยชนแ์ กฝ่ า่ ยใด ก. ลูกหน้ี ข. ลกู หน้แี ละเจา้ หนี้ ค. เจา้ หนี้ ง. ไม่กาํ หนดไว้เพื่อฝ่ายใด 17. สัญญาตามกฎหมายนัน้ หมายถึง ก. หลักฐานที่ทําไว้เปน็ หนังสือเท่าน้ัน ข. ขอ้ ความทีท่ าํ ด้วยวาจามีพยานรเู้ ห็น ค. ขอ้ ความท่ีกําหนดให้ทาํ การอยา่ งหนง่ึ อย่างใด
ง. ข้อตกลงทกี่ อ่ ใหเ้ กิดหนี้ขน้ึ ระหวา่ งบคุ คลสองฝา่ ย 18. ดําพดู กบั แดงว่า “รถยนต์ของคุณคนั น้ีขายให้ผมไหมในราคา 200,000 บาท ผมจะซ้ือ คําพูดของดําเช่นน้ี มีลกั ษณะเป็น ก. คาํ เสนอ ค. คําเชอ้ื เชญิ ข. คําสนอง ง. คาํ ทาบทาม 19. บริษัทห้างร้านท่ีส่งแคตาล็อก บัญชีส่ังของ และราคาไปยังบุคคลท่ัวไป ผู้ใดต้องการก็ให้สั่งซื้อมา ถ้ามีผู้ สั่งซ้ือมา “หนงั สอื ส่งั ซือ้ ” นั้นมีลักษณะ ก. คาํ เสนอ ค. คาํ ปรารภ ข. คาํ สนอง ง. คาํ เชอื้ เชิญ 20. นายเขียวได้โทรศัพท์เสนอขายรถยนต์ของตนให้แก่นายแดงราคา 90,000 บาท แต่ไม่ได้กําหนดเวลาให้ นายแดงสนองรับ ดังน้ี สัญญาซือ้ ขายเกิดข้ึนเมื่อนายแดงสนองรับ ก. ในวันรุ่งข้นึ ข. ในตอนเย็นวันนั้น ค. ณ ที่นัน้ เวลานัน้ ง. ณ ทีน่ ้นั ในวันรุ่งขน้ึ 21. สญั ญาก่อให้เกดิ หนแี้ กค่ ่สู ัญญาทัง้ สองฝา่ ยโดยต่างฝา่ ยตา่ งเปน็ เจ้าหนแ้ี ละลูกหน้ีซ่งึ กนั และกันเรยี กวา่ ก. สญั ญาไม่มีชือ่ ข. สัญญาตา่ งตอบแทน ค. สญั ญาไม่ต่างตอบแทน ง. สัญญาเพอื่ ประโยชนแ์ กบ่ ุคคลภายนอก 22. สญั ญาย่อมระงบั ได้ในกรณใี ด ก. เลกิ สญั ญาโดยข้อตกลง ข. เลิกสัญญาโดยผลแหง่ กฎหมาย ค. เมือ่ ลูกหน้ีไมช่ าํ ระหนี้ ง. ถูกทั้ง ขอ้ ก.และ ข้อข. 23. สัญญาตอ่ ไปนี้ขอ้ ใดเป็นสญั ญาเพื่อประโยชน์ของบุคคลภายนอก ก. สญั ญาให้ ข. สญั ญาประกันชีวติ ค. สัญญากูย้ ืมเพ่อื การศกึ ษา ง. ไมม่ ีขอ้ ใดถกู 24. สัญญาต่อไปนี้สัญญาใดเป็นสญั ญาไมม่ คี ่าตอบแทน ก. สัญญาให้
ข. สญั ญายืมเงิน ค. สญั ญาฝากทรพั ย์ ง. ขอ้ ก. และ ขอ้ ค. ถูกท่สี ดุ 25. คาํ เสนอต่อบุคคลท่อี ยู่เฉพาะหน้า ถา้ ไม่สนองตอบในเวลาเท่าไร ท่ีจะทําให้คาํ เสนอสิ้นผล ก. ภายในหนงึ่ วัน ข. ภายใน 1 ช่ัวโมง ค. ภายหลงั จากคาํ เสนอส้ินสดุ ง. ภายในสามวัน 26. หนีอ้ าจเกดิ จากแหลง่ ต่าง ๆดงั ตอ่ ไปน้ี คือ ก. สญั ญา จัดการงานนอกสัง่ ลาภมคิ วรได้ ข. จดั การงานนอกสั่ง ลาภมคิ วรได้ ละเมิด ค. การซอ้ื ขาย แลกเปลยี่ น กู้ยืม การขายทอดตลาด ง. สญั ญา จดั การงานนอกส่งั ลาภมคิ วรได้ ละเมิด บทบัญญัตแิ หง่ กฎหมายอน่ื 27. ดําขอเปลยี่ นจากชําระหนี้เงนิ 30,000 บาท เปน็ เฮโรอีน 1 ถงุ เช่นน้ีเปน็ การ ก. ชําระหนี้ ข. การปลดหน้ี ค. การแปลงหน้ีใหม่ ง. ไมม่ ีขอ้ ใดถกู 28. นายโบสถเ์ ป็นหนนี้ ายพราหมณ์เป็นจาํ นวน 1,000 รปู ี แตไ่ ม่มเี งินรปู ีจะสง่ ใช้ ดงั นนี้ ายโบสถจ์ ะนาํ เงินตรา ชนดิ ใดส่งไปใช้ให้นายพราหมณไ์ ด้ ก. เงนิ กีบ ค. เงินดอลลาร์ ข. เงินปอนด์ ง. ไมม่ ขี ้อใดถูก 29. หน้ีซง่ึ เกิดจากการละเมดิ จะถือวา่ ลกู หน้ีผดิ นดั ตั้งแต่เมอ่ื ใด ก. เมื่อทําละเมิด ข. เมื่อรู้ตัวผู้ทําละเมิด ค. เมื่อผทู้ ําละเมดิ ครบ 1 เดือน ง. เมอื่ ครบกําหนดเม่ือทวงถามแลว้ 30. ละมดุ ออกเช็คฉบับหนงึ่ ส่งั ให้ธนาคารจา่ ยเงินใหล้ ําไย ลาํ ไยโดยเช็คต่อใหล้ ิน้ จี่ ล้ินจีโ่ อนต่อให้น้อยหน่า นอ้ ยหนา่ โอนต่อให้ลาํ ไยเปน็ การชําระหนี้ค่าสินคา้ เช่นน้ี หนีน้ ้นั ระงบั ไปหรือไมเ่ พราะเหตใุ ด ก. ไม่ระงับไปเพราะการชําระหน้ี ข. ไมร่ ะงับไปเพราะการปลดหนี้ ค. ไม่ระงับไปเพราะหนี้เกลื่อนกลนื กนั ง. ไมร่ ะงับไปเพราะการหักกลบลบหนี้
31. สญั ญาซ้อื ขายทก่ี ฎหมายบงั คับใหท้ าํ เป็นหนงั สอื และจดทะเบียน ได้แก่ ก. ซื้อขายลิง ข. ซอ้ื ขายวัว ค. ซื้อขายสนุ ขั ง. ซื้อขายเรือหางยาว 2 ลํา 32. ทําสญั ญาซ้อื ขายโทรทศั นส์ รี าคา 15,000 บาท ไม่มีหลกั ฐานเปน็ หนงั สือ สญั ญาซ้อื ขายมีผล ก. โมฆะ ข. สมบรู ณฟ์ อ้ งร้องได้ ค. เป็นโมฆียะ ง. สมบูรณ์แต่ฟอ้ งร้องไมไ่ ด้ 33. สญั ญาขายฝากมา้ กาํ หนดเวลาไถค่ ืนได้ไม่เกนิ ก. 3 ปี ค. 8 ปี ข. 5 ปี ง. 10 ปี 34. สามารถตกลงขายฝากวัวไว้กับประกิตเป็นระยะเวลา 7 ปี ดังน้ี สิทธิท่ีสามารถจะไถ่คืนได้ตามกฎหมายมี ระยะเวลาเทา่ ใด ก. 1 ปี ค. 7 ปี ข. 3 ปี ง. 10 ปี 35. การขายทรพั ย์สนิ โดยมเี งื่อนไขให้ผซู้ ้อื ไดม้ ีโอกาสตรวจดูทรัพยส์ นิ ก่อนรบั ซ้ือ เป็นการซื้อขายแบบใด ก. ขายเผือ่ ชอบ ข. ขายทอดตลาด ค. ขายตามตัวอยา่ ง ง. ขายตามคําพรรณนา 36. สัญญาเชา่ ซื้อต้องทําแบบอย่างไร ก. ไมม่ แี บบ ข. ทาํ เป็นหนังสอื ค. ทาํ เปน็ หนังสอื ลงลายมอื ช่ือท้งั สองฝ่าย ง. ทําเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจา้ หนา้ ที่ 37. คา่ เช่าซือ้ น้นั มาตรา 572 กําหนดไว้ว่าตอ้ งชําระเปน็ สงิ่ ใด ก. ตอ้ งชาํ ระเป็นเพชร ข. ตอ้ งชาํ ระเป็นพลอย ค. ตอ้ งชาํ ระเปน็ เงิน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109