สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 7 ประสูติเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2432 มีพระนามลำลอง ว่า \"เอียดเล็ก\" ชาววังออกพระนามว่า \"ทูลกระหม่อมเอียดเล็ก มีพระพลานามัยไม่สมบูรณ์นัก ประชวรหนักหลายครั้ง นางสาวแผ้ว สุทธิบูรณ์ สตรีสามัญชน ได้ขอพระราชทาน พระบรมราชานุญาตเสกสมรสเป็นพระชายา ตำแหน่ง หม่อมแผ้ว นครราชสีมา ไม่มีพระโอรสและพระธิดา พระองค์ประชวรด้วยพระโรคพระวักกะอักเสบ (โรคไต) เสด็จ ทิวงคต ณ พระตำหนักวังสวนกุหลาบ พระราชวังดุสิต เมื่อวัน ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2467 สิริพระชนมายุได้ 36 พรรษา พระปรารภที่ว่า “ฉันมีบุญจะได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน” ถึงวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2441 จึงมีพระบรมราชโองการให้สถาปนาขึ้นเป็นเจ้าฟ้าต่างกรม มีพระนามว่า \"สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอัษฎางคเดชาวุธ วิสิฐวิสุทธลักษณโสภณ อุบัตรดลกาลนิยม ประถมปริวัตร รัตนโกสินทร์ศก สะตะสาธกอัษโฎดดร สถาพรมงคลสมัย นราธิปไตยบรมนารถ จุฬาลงกรณ์ราชวโรรส อดุลยยศ อุกฤษฐศักดิ อุภโตปักษวิสุทธิกษัตริย์ ขัตติยราชกุมาร กรมขุนนครราชสีห์มา\" น.ส.พลอยชมพู สารภาพ ม.5/8 เลขที่ 14
กองทัพเรือ ทรงดำรงตำแหน่งผู้กำกับราชการกระทรวงทหารเรือ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2466 โดยได้รับโปรด เกล้าฯ พระราชทานยศ พลเรือเอก เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ศกเดียวกัน และทรงดำรงตำแหน่ง ผู้สำเร็จราชการกระทรวงทหารเรือ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2467 ทรงเปลี่ยนระเบียบการปกครองบังคับ บัญชาเรือหลวงใหม่ พระองค์ทรงเห็นว่าไม่เหมาะสม ระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ไม่เป็นแบบฉบับเดียวกัน จึงให้ รวมกระบวนเรือทั้งสองเป็นหนึ่งเดียว แล้วตั้งชื่อใหม่ว่า กองทัพเรือ มีผู้บัญชาการกองทัพเรือเป็นผู้บังคับ บัญชา ขึ้นตรงต่อกระทรวงทหารเรือ และให้แบ่งแยกกองทัพเรือออกเป็น 3 กองเรือ คือ กองเรือปืน กองเรือ ใช้ตอร์ปิโด และกองเรือช่วยรบ พระกรณียกิจที่สำคัญ ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี ด้วยความที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ไทย นายธนิต อยู่ โพธิ์ หัวหน้ากองการสังคีต กรมศิลปากร ได้เรียนเชิญให้ ท่านผู้หญิงช่วยปรับปรุงฟื้ นฟู และวางรากฐานด้านการละคร การรำ ให้กับกรมศิลปากร ท่านเป็นผู้ออกแบบท่ารำ เป็นผู้ ฝึกสอน และอำนวยการฝึกซ้อมการแสดงโขน ละคร ฟ้อนรำ ต่างๆ เป็นจำนวนมาก ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้ เป็นศิลปินแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2528 และ บุคคลดีเด่นของ ชาติ สาขาศิลปะ ด้านนาฏศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2529 ละครวังสวนกุหลาบ คณะละครวังสวนกุหลาบ เป็นคณะนาฏศิลป์ต้นแบบที่มีคุณูปการอย่างสูงต่อวงการนาฏศิลป์ไทยในปัจจุบัน จากการที่ ได้รับเอาวิชาความรู้ด้านศิลปะการแสดงของไทย ที่ก่อเกิดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และตกทอดถึงสมัยกรุง รัตนโกสินทร์ตอนต้น มาสืบสานและพัฒนา จนได้รับการยกย่องว่าเป็น สถาบันฝึกหัดการละครแบบหลวงที่ดีที่สุดใน สมัยรัชกาลที่ ๖ นอกจากนี้บรรดาครูอาจารย์ของคณะละครวังสวนกุหลาบ ยังมีบทบาทในการถ่ายทอดแบบแผนการ ฝึกหัดละครดังกล่าวเป็นวิทยาทานให้ชนรุ่นหลังสืบต่อๆ กันมาจนถึงปัจจุบัน และ ในบรรดาครูอาจารย์คณะละครวังสวน กุหลาบบางท่าน ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ อาทิ ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี, ครูเฉลย ศุขะ วณิช, ครูสุวรรณี ชาลานุเคราะห์ ฯลฯ เป็นต้น เนื่องในวาระครบรอบ ๑๐๑ ปี แห่งการก่อตั้งคณะละครวังสวนกุหลาบ ใน พระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา ในพุทธศักราช ๒๕๕๕ ศูนย์ สังคีตศิลป์ ธนาคารกรุงเทพ ร่วมกับสถาบันบันฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม และมูลนิธิศาลาเฉลิมกรุง จึงจัด กิจกรรม ๑๐๑ ปี ละครวังสวนกุหลาบ เพื่อเผยแพร่คุณูปการด้านนาฏศิลป์ไทย ของสำนักละครวังสวนกุหลาบ ให้เป็นที่ ประจักษ์ทั่วกัน น.ส.พลอยชมพู สารภาพ ม.5/8 เลขที่ 14
ละครวังสวนกุหลาบ วังสวนกุหลาบนั้นตั้งอยู่ที่ถนนนครราชสีมา ตรงข้ามกับโรงเรียนราชวินิตประถม ท่านผู้หญิง แผ้ว สนิทวงศ์เสนี นับเป็นหนึ่งในศิษย์ของละครวังสวน หรือเยื้องๆกับกรมป้องกันและ กุหลาบและได้กลายเป็นนักแสดงชั้นแนวหน้า จนเป็นที่ต้องพระหฤทัย บรรเทาสาธารณภัยของกระทรวงมหาดไทย ของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์ เดชาวุธ กรมหลวง ตัวพระตำหนักที่เป็นอาคารหลังคารูปโดม ยังมั่นคง และสวยงาม นครราชสีมา ผู้ก่อตั้งละครคณะนี้ขึ้น และได้ทรงสู่ขอท่านผู้หญิงเป็น มาก ในขณะที่อาคารท้องพระโรงที่อยู่ข้างหน้าก็ได้รับการดูแลรักษา พระชายา หรือหม่อมห้ามเพียงหนึ่งเดียวของพระองค์ท่านดังที่ทราบ และมีความสวยงามไม่แพ้กัน กันดีอยู่แล้ว ที่หัวหน้าทีมซอกแซกใช้คำว่า “อัศจรรย์” ก็เพราะการจัดงานทั้ง 2 งาน เวทีแสดงนั้นตั้งอยู่ระหว่างกลางอาคารทั้ง 2 โดยคนดูจะนั่งทางด้าน นี้ มาจากผู้จัด 2 ด้านด้วยกัน และก็ต่างคนต่างจัดไปตามความ พระตำหนักหันหน้าไปทางท้องพระโรง จึงเปรียบเสมือนว่า อาคาร ประสงค์ของตนมิได้นัดหมายอะไรกันไว้ ท้องพระโรงซึ่งปลูกต้นสนพุ่ม 3-4 ต้นอยู่ข้างหน้านั้นเป็นฉากด้าน ส่วนทีมงานซอกแซกเป็นคนกลางและก็เป็นแฟนคลับของการแสดง หลังของเวทีไปโดยปริยาย เมื่อยามเข้าไต้เข้าไฟ มีการเปิดไฟสลับสี แบบไทยๆ ชอบดูโขนชอบดูนาฏศิลป์ไทยมาแต่ไหนแต่ไร ก็เลยได้รับ ระหว่างการแสดงชวนให้ตื่นตาตื่นใจอยู่ตลอดเวลา บัตรเชิญจากทั้ง 2 ฝ่าย ทำให้มีโอกาสเขียนถึงทั้ง 2 งานในระยะเวลา ก่อนการแสดงก็มีจัดการเลี้ยงอาหารว่างแบบ “ค็อกเทล” ย้อนยุค ที่ใกล้เคียงกัน ในลักษณะเกื้อหนุนซึ่ง นำอาหารไทยๆทั้งคาวหวานจากคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ กันและกัน ไปโดยบังเอิญ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนครมาออกร้านกลางแจ้งให้ แขกเหรื่อที่ได้รับเชิญประมาณ 300-400 รายได้ลิ้มรสรองท้อง ครั้นเมื่อได้ไปชมการแสดงละครใน ทำให้รู้สึกเหมือนว่าได้นั่งไทม์แมชชีนกลับไปสมัยรัชกาลที่ 6 อีกครั้ง เรื่อง “อุณรุท” ตอน “พระอุณรุท ประพาสไพรและครองรัก” น.ส.พลอยชมพู สารภาพ ม.5/8 เลขที่ 14 ณ เวทีกลางแจ้ง บริเวณสนามหญ้า ในวังสวนกุหลาบ เมื่อค่ำวันเสาร์ที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา ก็ได้ข้อมูลได้ ความรู้ รวมทั้งได้รับความประทับใจ เกี่ยวกับ “ละครวังสวนกุหลาบ”
Search
Read the Text Version
- 1 - 3
Pages: