Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การปลูกข้าวโพด

การปลูกข้าวโพด

Published by jieweiei, 2017-07-11 09:24:27

Description: การปลูกข้าวโพดให้ได้ผลผลิตสูงสุด

Search

Read the Text Version

2503 การปลูกข้าวโพด เป็นขา้ วโพดที่นิยมปลูก และนามารับประทานมากที่สดุ ในบรรดา ขา้ วโพดชนิดตา่ งๆ เน่ืองจากใหค้ วามหวานสงู ไขมนั ต่า สามารถนามาปรุง เป็นอาหาร ของหวานหรือแปรรูปได้หลากหลายอยา่ ง รวมถึงการนิยม รบั ประทานเป็นอาหารโดยตรงด้วยการตม้ หรือคั่ว watcharirat kohsang11/0/2503

ข้าวโพดหวานข้าวโพดหวาน (sweet corn) เป็นขา้ วโพดท่นี ิยมปลกู และนามารบั ประทานมากท่ีสุดในบรรดาขา้ วโพดชนิดตา่ งๆ เนื่องจากใหค้ วามหวานสูง ไขมนั ต่า สามารถนามาปรุงเป็นอาหาร ของหวานหรือแปรรูปได้หลากหลายอยา่ ง รวมถงึ การนิยมรบั ประทานเป็นอาหารโดยตรงดว้ ยการตม้ หรือค่วัขา้ วโพดหวาน เป็นขา้ วโพดทป่ี ลูกมากทว่ั โลก ผูป้ ลูกรายใหญข่ องโลก ไดแ้ ก ่สหรฐั อเมริกา ฝรัง่ เศส ฮงั การีและแคนาดา สว่ นเอเชียมผี ปู้ ลูกรายใหญ่ ไดแ้ ก ่ประเทศญีป่ ่นุ ไตห้ วนั และไทย โดยประเทศไทยมแี หลง่เพาะปลกู สาคญั ไดแ้ ก ่ภาคเหนือ เชน่ จงั หวดั เชียงใหม ่เชียงราย ลาพนู ลาปาง ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือเชน่ จงั หวดั หนองคาย นครพนม ภาคกลาง เชน่ จงั หวดั กาญจนบุรี ราชบรุ ี นครปฐม สุพรรณบุรี สว่ นภาคใต้เชน่ จงั หวดั ชมุ พร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสตลูเกษตรกรมกั ปลกู ข้าวโพดหวานในฤดฝู นชว่ งเดือนพฤษภาคม และเกบ็ เกย่ี วในเดอื นกรกฎาคม สิงหาคมและตุลาคม และปลกู หลงั การเกบ็ เกย่ี วขา้ วในเดอื นตลุ าคม – พฤศจิกายน และเกบ็ เกย่ี วในเดือนกมุ ภาพนั ธ์ –มนี าคม การจาหนา่ ยผลผลติ มที ้งั การจาหนา่ ยแกโ่ รงงานเพอ่ื แปรรูปเป็นขา้ วโพดหวานกระป๋ อง การสง่ ออกตา่ งประเทศ และนามาบริโภคภายในประเทศ รูปแบบการจาหนา่ ยในประเทศมกั พบนาฝักสดมาขายตามทอ้ งตลาดการเกษตร ตลาดสด และมกั พบการขายเป็นขา้ วโพดหวานตม้ หรือขา้ วโพดหวานยา่ งไฟตามขา้ งถนนของพื้นท่แี ปลงปลูกประโยชน์ และคณุ ค่าทางอาหารฉลอง เกดิ ศรี และไพโรจน์ สุวรรณจินดา (2551) พบวา่ ขา้ วโพดหวานตม้ ชว่ ยลดความเส่ียงโรคหัวใจ และมะเร็งได้ ขา้ วโพดหวานตม้ สามารถปลดปลอ่ ยสารตา้ นอนุมลู อิสระที่สาคญั ชอ่ื กรดเฟอรูลิก (ferulic acid)ซ่งึ เป็นสารทช่ี ว่ ยระบบภูมคิ มุ้ กนั ในรา่ งกายมปี ระสิทธิภาพ นอกจากน้ี กรดเฟอรูลิกยงั นิ ยมใชส้ าหรับตา้ นการแกข่ องเซลล์ ป้ องกนั เซลลม์ ะเร็ง โรคหวั ใจ ไขห้ วดั ตา้ นผลกระทบจากรงั สีอลั ตราไวโอเลต ชว่ ยป้ องกนัมะเร็งผวิ หนังจากแสงแดด

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ขา้ วโพดหวานเป็นลม้ ลุกใบเล้ยี งเด่ียว อายสุ ้ัน จดั อยใู่ นตระกลู Gramineae เป็นพืชตระกลู เดยี วกบั หญา้ ท่ีผสมขา้ มพนั ธุ์ มชี อ่ื วทิ ยาศาสตร์วา่ Zea mays Line.Var Saccharata.รากขา้ วโพดหวานเป็นพชื ไมม่ รี ากแกว้ มเี พยี งระบบรากฝอยทีเ่ จริญจาก 2 สว่ น คือ รากสว่ นท่ีหน่ึง เจริญมาจากคพั ภะ เรียกวา่ primary root เป็นรากทพ่ี ฒั นาจาก radical มรี ากแขนงที่แตกออกจาก primary root เรียกวา่lateral root และระบบรากท่เี กดิ ข้ึนจาก scutellar node เรียกวา่ seminal root รากท้งั หมดจะเติบโตในระยะเวลาส้ันในระยะที่ขา้ วโพดหวานเป็นตน้ กลา้ และจะตายเมอ่ื ตน้ ขา้ วโพดเจริญเติบโตมากข้ึน สว่ นท่ี 2เป็นรากทเ่ี จริญจากลาตน้ เรียกวา่ adventitious root โดยแตกออกจากส่วนขอ้ ชว่ งขอ้ ลา่ งของลาตน้ ประมาณขอ้ ที่ 1-2 ซ่งึ จะแทงรากลงดินลาตน้ลาตน้ ประกอบดว้ ยขอ้ และปลอ้ ง มลี กั ษณะแกน่ เน้ือไมก่ ลวง บริเวณขอ้ มเี นื้อเยอ่ื เจริญทเี่ ป็นจุดกาเนิดของราก (ขอ้ 1-2) ตา และกาบใบ มลี กั ษณะปลอ้ งส้ัน ใหญท่ ี่โคนตน้ และปลอ้ งยาว เล็กตามระยะตามความสูงเพ่ิมข้นึใบใบประกอบดว้ ยกาบใบท่หี ุ้มลาตน้ และแผน่ ใบแผก่ าง มเี ส้นกลางใบชดั เจน ใบมลี กั ษณะเรียวยาว ปลายใบแหลม ใบมสี ีเขยี วออ่ นถึงเขยี วแกต่ ามอายุของใบชอ่ ดอก– ชอ่ ดอกตวั ผู้ เรียกวา่ tassel และชอ่ ดอกตวั เมยี เรียกวา่ ear อยบู่ นตน้ เดียวกนั แตแ่ ยกอยคู่ นละดอก โดยชอ่

ดอกตวั ผจู้ ะอยทู่ ส่ี ว่ นยอดของลาตน้– ชอ่ ดอกตวั เมยี เกดิ บริเวณตาที่มมุ ใบบริเวณสว่ นบนของขอ้ ประมาณขอ้ ที่ 6 นบั จากใบธงลงมา ชอ่ ดอกตวัเมยี มลี กั ษณะเป็นเส้นเรียวยาว ทเี่ รียกวา่ ไหม ไหมออ่ นจะมสี ีน้าตาลออ่ นๆ หรือสีเหลืองปน มว่ งออ่ นๆ ผิวเสน้ มนั คอ่ นขา้ งเหนียว เมอื่ ฝักแกเ่ส้นน้ีจะเปล่ียนเป็นสีน้าตาล เรียกวา่ “Corn Silk”ฝักขา้ วโพดสว่ นของฝักจะเป็นสว่ นทพ่ี ฒั นามาจากชอ่ ดอกตวั เมยี ประกอบดว้ ยผล และเมล็ด ที่เป็นแบบ caryopsis คอื มีเย่ือหุ้มผลติดกบั เย่ือหุ้มเมล็ด ทีม่ ลี กั ษณะเป็นเย่อื บางใสไมม่ ีสี เยอื่ หุ้มผล และเยื่อหุ้มเมลด็ เรียกรวมกนั วา่hull เมล็ดจะเป็นสว่ นสะสมแป้ งบริเวณสว่ นของเอนโดสเปิร์ม การสะสมแป้ งจะเตม็ ท่ีเมอื่ ขา้ วโพดแกจ่ ดั ซ่งึระยะน้ีจะพบแผน่ เยอ่ื สีน้าตาลหรือน้าตาลดาบริเวณโคนเมล็ดผลผลิตข้าวโพดหวานผลผลิตขา้ วโพดหวาน แบง่ เป็น 2 สว่ น คอื1. ผลผลิตทางชีวภาพ หมายถึง ผลผลติ โดยรวมของใบ กงิ่ ลาตน้ ราก และเมลด็ ซ่งึ กค็ อื ผลผลิตทางชีวภาพเป็นผลผลติ รวมทุกส่วนของตน้ ขา้ วโพดหวาน2. ผลผลิตทางเศรษฐกจิ หมายถึง ผลผลิตของตน้ ขา้ วโพดหวานเฉพาะสว่ นที่มนุษย์เกบ็ เกยี่ วไปใชป้ ระโยชน์เชน่ ฝักขา้ วโพด ใบขา้ วโพดสาหรบั อาหารสตั ว์ เป็นตน้ข้าวโพดหวานพนั ธ์อุ นิ ทรี 2ขา้ วโพดหวานพนั ธุ์อนิ ทรี 2 เป็นพนั ธ์ุทพ่ี ฒั นามาจากการผสมระหวา่ งสายพนั ธุ์แท้ SSWI 114 กบั สายพนั ธ์ุแท้ KSei 14004 พฒั นาโดยศูนยว์ จิ ยั ขา้ วโพด และขา้ วฟ่างแหง่ ชาติ และไดแ้ นะนาใหเ้ กษตรกรปลูกต้งั แตป่ ีพ.ศ.2542 เ็็นตน้ มา ปัจจุบนั ความตอ้ งการเมลด็ พนั ธุ์อนิ ทรี 2 ปีละหลายตนัขา้ วโพดหวานพนั ธ์ุอินทรี 2 มลี กั ษณะ ดงั น้ี– ความสูงของตน้ ประมาณ 198 ซม.– น้าหนกั ฝักสดรวมเปลือก 2,097 กก./ไร่ (น้าหนักฝักสดปอกเปลือก 1,422 กก./ไร)่– ฝักมสี ีเหลือง รูปทรงกระบอก เมล็ดเป็นแถว 14-16 แถว เรียงตวั สมา่ เสมอ ฝักยาว 17 ซม. กวา้ ง 4.5 ซม.เปลอื กหุม้ ฝักปิดชดิ ใหค้ วามนุม่ และรสหวาน ความหวานประมาณ 15% brix– เมลด็ ไมย่ ุบตวั เร็วเมื่อแห้ง คงความเตง่ ตึงไดน้ าน 2-3 วนั– ตา้ นทานโรคทางใบไดส้ ูง ทง้ั โรคราสนิม?โรคใบไหมแ้ ผลใหญ่ โรคใบไหมแ้ ผลเล็ก และโรคไวรัสใบดา่ งออ้ ย

สภาพแวดล้อมทเ่ี หมาะต่อการปลูก1. พน้ื ท่ีปลกูพ้นื ท่ีปลกู ควรเป็นพ้ืนท่ีราบ มรี ะดบั สมา่ เสมอ และมคี วามลาดเอียงไมเ่กนิ 5% ไมม่ นี ้าทว่ มขงั หากเป็นพืน้ ท่ีน้าทว่ มขงั ควรขดุ รอ่ งเพ่ือระบายน้า สาหรับพ้นื ทบ่ี างสว่ นทีเ่ ป็นพน้ื ทีป่ ลูกพืชหลักในระยะ 1-3 ปีแรก เชน่สวนยางพารา สวนไมโ้ ตเร็ว เป็นตน้ สามารถปลูกขา้ วโพดแซมได้2. ลกั ษณะดนิขา้ วโพดหวานชอบดนิ รว่ น ดินรว่ นเหนียว ดนิ รว่ นปนทราย ทรี่ ะบายน้าดีเน้ือดนิ ไมแ่ นน่ ความเป็นกรดดา่ งประมาณ 5.5 – 6.5 ควรเป็นดนิ ท่มี คี วามอุดมสมบรู ณ์ และมอี นิ ทรียวตั ถุ3. สภาพภมู อิ ากาศขา้ วโพดหวานชอบแสงแดดจดั ตลอดอายุการปลกู อณุ หภมู ทิ ี่เหมาะสม ประมาณ 24 -35 องศาเซลเซยี สปริมาณน้าฝนประมาณ 1,000-1,200 มม./ปี ในฤดูฝนชว่ งเดือนสิงหาคมถึงเดือนธันวาคมทีมี ีอากาศเยน็ มกั ทาให้ผลผลิตลดลง เน่ืองจากชอ่ ดอกตวั ผไู้ มก่ ระจายละอองเกสรไดน้ ้อย หากปลกู ในชว่ งฤดูแลง้ จะเป็นการดีเน่ืองจากชอ่ ดอกตวั ผจู้ ะกระจายเกสรไดด้ ีกวา่ แตห่ ากการปลกู ในฤดแู ลง้ จาเป็นตอ้ งมรี ะบบชลประทาน และนาทเี่ พียงพอจงึ จะให้ผลผลติ ดี4. แหลง่ น้าขา้ วโพดหวานตอ้ งการน้าทีเ่ พียงพอเพื่อการเจริญเติบโต และให้ผลผลติ อยา่ งสมา่ เสมอ ซ่ึงจาเป็นตอ้ งมแี หลง่น้า เชน่ บอ่ ดิน บอ่ บาดาล โดยเฉพาะการปลูกในชว่ งฤดแู ลง้ หรือการปลูกหลงั การเก็บเกย่ี วขา้ ว แตพ่ ืน้ ท่ปี ลูกในชว่ งฤดูฝนจะสามารถชว่ ยให้ขา้ วโพดหวานเจริญเติบโตโดยอาจไมจ่ าเป็นต้องใหน้ ้าเพ่มิการปลูกข้าวโพดหวาน และการดแู ลรกั ษาการเตรียมดินเตรียมดนิ โดยการไถดะ และตากดินประมาณ 3-5 วนั แลว้ จึงไถแปรใหด้ นิ ละเอยี ดอีกคร้ัง และตากดินประมาณ 3-5 วนั กอ่ นไถแปรควรหวา่ นป๋ ยุ คอก เชน่ ป๋ ยุ ข้ไี ก ่ อตั รา 1-2 ตนั /ไร่ เพอื่ ใหด้ ินรว่ นชยุ และเพ่มิธาตุอาหารให้กบั ขา้ วโพดหวานวธิ ีการปลกูขดุ หลุมปลกู โดยให้ระยะหา่ งระหวา่ งตน้ ที่ 25 เซนติเมตร และระยะระหวา่ งแถว 75 เซนตเิ มตร หรือที่ระยะ50×50 เซนติเมตร โดยหยอดเมลด็ พนั ธ์ุหลุมละ 2-3 เมล็ด พรอ้ มกลบดิน

การให้น้ าเมอ่ื หยดเมล็ด และกลบดนิ เสร็จทว่ั แปลง ควรใหน้ ้าทนั ที แตห่ ากปลกู ในฤดูฝน อาจรอวนั ฝนตกหรือปลูกในขณะที่ดินชน้ื ในระยะแรกหากเป็นดินรว่ นหรือดินรว่ นเหนียว ควรให้น้าขา้ วโพดหวานอยา่ งน้อย 2 วนั /คร้ัง และเมอื่ ขา้ วโพดตง้ั ตน้ ไดอ้ าจให้เพียง 4-6 วนั /คร้งั ในอตั ราทดี่ นิ ไมแ่ ฉะ และไมเ่กดิ น้าทว่ มขงั หากเป็นดนิ รว่ นปนทรายหรือดินทราย ควรให้น้าขา้ วโพดหวานของระยะแรกอยา่ งน้อย 2 วนั /คร้ัง และเมอื่ ขา้ วโพดตง้ั ตน้ ไดอ้ าจให้เพยี ง 2-3 วนั /คร้งั ในอตั ราท่ดี ินไมแ่ ฉะ และไมเ่กดิ น้าทว่ มขงั เชน่ กนั และหากพบขา้ วโพดหวานมลี กั ษณะใบมว้ นในชว่ งเวลาแสงแดดจดั แสดงวา่ ดินมคี วามชนื้ นอ้ ย และขา้ วโพดมอี าการขาดน้า ควรรีบให้น้าทนั ที สว่ นกอ่ นเกบ็ เกย่ี วผลผลิตประมาณ 5-7 วนั ควรหยุดให้น้าเพอื่ ใหข้ า้ วโพดหวานสะสมแป้ งและน้าตาลในเมลด็ ให้มากทีส่ ุดกอ่ นการเก็บฝักการใสป่ ๋ ยุควรใสป่ ๋ ยุ 3 คร้ัง ดงั น้ี– ใสป่ ๋ ยุ คร้ังที่ 1 ที่ 14 วนั หลงั ปลูก โดยดนิ รว่ นปนทราย ใสป่ ๋ ยุ สูตร 15-15-15 ดนิ เหนียวใสป่ ๋ ยุ สูตร 16-20-0อตั รา 50 กโิ ลกรมั /ไร่– ใสป่ ๋ ุยคร้ังที่ 2 เมอื่ ตน้ ขา้ วโพดอายุ 25 – 30 วนั ป๋ ยุ สูตร 21-0-0 อตั รา 50 กโิ ลกรมั /ไร่ หรือป๋ ยุ ยเู รีย สูตร 46-0-0 อตั รา 25-30 กโิ ลกรมั /ไร่ หากสภาพดินทรายให้เพ่ิมสูตร 21-0-0 เป็น 80 กโิ ลกรมั /ไร่ หรือป๋ ยุ ยูเรียเป็น44 กโิ ลกรัม/ไร่– ใสป่ ๋ ยุ คร้ังที่ 3 เมอ่ื ตน้ ขา้ วโพดอายุ 40-45วนั โดยใสป่ ๋ ยุ สูตร และอตั ราเดยี วกนั กบั คร้งั ที่ 2

ตารางการใส่ป๋ ยุ ปลูกข้าวโพดหวานตามลักษณะดิน1. ดนิ เหนียว– หลงั ปลูก 14 วนั สูตร 16-20-0 อตั ราป๋ ยุ 50 กก./ไร่– ขา้ วโพดอายุ 25-30 วนั สูตร 21-0-0 อตั ราป๋ ยุ 50 กก./ไร่– ขา้ วโพดอายุ 40 -45 วนั สูตร 21-0-0 อตั ราป๋ ยุ 50 กก./ไร่– พร้อมดายหญา้ ใสป่ ๋ ยุ และใชด้ ินกลบ2.ดนิ รว่ นปนทราย– หลงั ปลกู 14 วนั สูตร 15-15-15 อตั ราป๋ ยุ 25-30 กก./ไร่– ขา้ วโพดอายุ 25-30 วนั สูตร 46-0-0 อตั ราป๋ ยุ 25-30 กก./ไร่– ขา้ วโพดอายุ 40 -45 วนั สูตร 46-0-0 อตั ราป๋ ยุ 25-30 กก./ไร่3. ดนิ ทราย– หลงั ปลูก 14 วนั 21-0-0 อตั ราป๋ ยุ 50 กก./ไร่– ขา้ วโพดอายุ 25-30 วนั 21-0-0 อตั ราป๋ ยุ 80 กก./ไร่ หรือ ยเู รีย อตั ราป๋ ยุ 44 กก./ไร่– ขา้ วโพดอายุ 40 -45 วนั 21-0-0 อตั ราป๋ ยุ 80กก./ไร่ หรือ ยูเรีย อตั ราป๋ ยุ 44 กก./ไร่

ตารางการใชป้ ๋ ยุ ตามคา่ วเิ คราะห์ดิน1. อินทรียวตั ถุ OM (%)น้อยกวา่ 1 : อตั ราป๋ ยุ ทใ่ี ส่ N 20 กก./ไร่มคี า่ 1-2 : อตั ราป๋ ยุ ที่ใส่ N 10-15 กก./ไร่มากกวา่ 2 : อตั ราป๋ ยุ ทีใ่ ส่ N 5-10 กก./ไร่2. ฟอสฟอรสั P (mg kg-1)นอ้ ยกวา่ 5 : อตั ราป๋ ยุ ทใี่ ส่ P2O5 10 กก./ไร่มคี า่ 5-10 : อตั ราป๋ ยุ ทใ่ี ส่ P2O5 5-10 กก./ไร่มากกวา่ 10: อตั ราป๋ ยุ ท่ีใส่ P2O5 0-5 กก./ไร่3. โพแทสเซียม K (mg kg-1)มคี า่ นอ้ ยกวา่ 60 : อตั ราป๋ ยุ ทใ่ี ส่ K2O 10 กก./ไร่มคี า่ 60-80 : อตั ราป๋ ยุ ทีใ่ ส่ P2O5 0-5 กก./ไร่มากกวา่ 80 : อตั ราป๋ ยุ ทใี่ ส่ P2O5 0-5 กก./ไร่การดแู ลข้าวโพดหวานระยะแรกการอดูแลขา้ วโพดหวานในระยะแรกของการเติบโต ไดแ้ ก ่การควบคมุ วชั พชื การป้ องกนั กาจดั โรคและแมลง มวี ธิ ีปฏิบตั ิ ตอ่ ไปน้ี1. วธิ ีเขตกรรมดว้ ยการควบคมุ วชั พชื ใน 2 แนวทาง ไดแ้ ก ่เตรียมดิน การดายหญา้ และการพรวนดนิ พนู โคน– การควบคมุ วชั พชื ดว้ ยการเตรียมดนิ เป็นขน้ั ตอนสาคญั ในการปลูกขา้ วโพดหวานเพอื่ ให้ไดผ้ ลผลิตตอ่ ไร่สูง เพราะดนิ ทรี่ ว่ นซยุ จะเหมาะกบั การงอกของเมล็ด ทาใหร้ ากหยง่ั ลึก แทรกตวั ในดิน และนาสารอาหารและแรธ่ าตุไดด้ ี ทาใหผ้ ลผลิตตอ่ ไรจ่ ะสูงตาม– การควบคมุ วชั พืชดว้ ยการดายหญา้ และการพรวนดนิ พนู โคน โดยการถากดว้ ยจอบให้วชั พชื หลุดจากดินหลงั จากน้นั ทาการพนู โคนตน้ ดว้ ยจอบจากดินบริเวณรอ่ งแปลงให้สูงข้นึ โดยทว่ั ไปการดายหญา้ และพนูโคนนิยมทาหลงั จากตน้ ขา้ วโพดหวานงอกแลว้ 3-4 สัปดาห์ ซ่ึงพรอ้ มกบั การใสป่ ๋ ุยคร้งั แรกพอดี2. การใชส้ ารเคมกี าจดั วชั พชืการกาจดั วชั พชื แบง่ เป็นการใชส้ ารกอ่ นปลูก การใชก้ อ่ นวชั พชื งอก และการใชห้ ลงั วชั พืชงอก– การใชส้ ารเคมกี าจดั วชั พชื กอ่ นการปลูกพืช (pre-planting) มวี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื กาจดั วชั พชื ในขน้ั ตอนการเตรียมดนิ เพอ่ื ชว่ ยลดวชั พชื โดยฉีดพน่ กอ่ นเตรียมดิน 3-10 วนั ข้ึนกบั ชนิดวชั พชื โดยเฉพาะกรณเี รง่ ปลกู

และไมม่ เี วลาไถตากดิน แตท่ ้งั น้ี ควรใชส้ ารกาจดั วชั พืชท่ไี มม่ ฤี ทธ์ิตกคา้ ง เชน่ พาราควอท (paraquat) หรือไกลโฟเสท (glyphosate)– การใชส้ ารเคมกี าจดั วชั พืชกอ่ นขา้ วโพดงอก (pre-mergence) เป็นการใชส้ ารเคมกี าจดั วชั พืชชนิดเลือกทาลายวชั พชื สาหรับป้ องกนั เมลด็ วชั พืชงอก และยบั ย้งั การเตบิ โตหรือทาลายตน้ กลา้ วชั พชื ทีง่ อกแล้วท่ียงั อยู่ใตด้ ิน โดยการพน่ สารเคมที นั ทหี ลงั การปลกู ขา้ วโพดหวาน สารเคมที ี่ใช้ เชน่ พาราควอท ไกลโฟเสท อะลาคลอร์ เป็นตน้– การใชส้ ารเคมกี าจดั วชั พชื หลงั ขา้ วโพดงอก (post-emergence) เป็นสารเคมกี าจดั วชั พชื หลงั จากขา้ วโพดหวาน และวชั พืชงอก ท้งั ในระยะตน้ กลา้ หรือเติบโตแลว้ ซ่งึ ควรใชก้ อ่ นขา้ วโพดหวานหรือวชั พืชออกดอกแตก่ ารใชส้ ารกลมุ่ น้ีตอ้ งระมดั ระวงั เมอ่ื หลงั พน่ ควรใหม้ กี ารปลอดฝนประมาณ 4 ชว่ั โมง เพอื่ ให้ยาออกฤทธ์ิสารในกลมุ่ น้ี ไดแ้ ก ่พาราควอท ไกลโฟเสท อะลาคลอร์ เป็นตน้ชนิดสารเคมกี าจดั วชั พืช วธิ ีการใช้ และอตั ราการใชใ้ นพ้นื ที่ปลูกขา้ วโพดหวาน1. อะลาคลอร์ (48% อซี )ี– อตั ราที่ใช้ 125-150 มลิ ลิลิตร/น้า 20 ลติ ร ( 1 ไร่ ใชน้ ้า80 ลิตร)– ใชก้ อ่ นขา้ วโพดหวาน และวชั พชื งอก– ฉีดพน่ หลงั หยอดเมล็ดขา้ วโพดหวานขณะดนิ ยงั มีความชนื้2. พาราควอท (27% เอสแอล)– อตั ราท่ีใช้ 75-100 มลิ ลลิ ิตร/น้า 20 ลิตร ( 1 ไร่ ใชน้ ้า 80 ลิตร)– ใชก้ าจดั วชั พืชกอ่ นการเตรียมดิน– ฉีดพน่ กอ่ นเตรียมดิน 3-7 วนั และวชั พืชมคี วามสูงไมเ่กนิ 15 เซนติเมตร3. ไกลโฟเสท (48% เอสแอล)– อตั ราที่ใช้ 120-160 มลิ ลิลิตร/น้า 20 ลติ ร ( 1 ไร่ ใชน้ ้า80 ลิตร)– ใชก้ าจดั วชั พืชกอ่ นการเตรียมดิน– พน่ กอ่ นการเตรียมดิน 7-15 วนัโรค และแมลงทสี่ าคัญของข้าวโพดหวานโรคราน้าคา้ งหรือโรคใบลาย1. สาเหตเุ กดิ จากเชื้อราเพอโรโนสเคอโรสปอรา่ ชอใจ (Peromosclerspora sorghi) ที่สามารถติดในเมล็ดพนั ธ์ุได้2. ลกั ษณะอาการ ในระยะตน้ กลา้ พบใบมที างสีขาว เขยี วออ่ นหรือเหลือง ทีเ่ ห็นไดช้ ดั จากฐานใบถงึ ปลายใบ

ทาใหต้ น้ กลา้ ตาย ระยะขา้ วโพดโตแลว้ จะทาใหต้ น้ ขา้ วโพดแห้งตายกอ่ นออกดอก มกั ระบาดในฤดูฝน ชว่ งเดือนพฤษภาคม-ส้ินสุดฤดูฝน3. การป้ องกนั กาจดั– หมน่ั ตรวจแปลงปลูก ต้งั แตเ่ริ่ม หากพบขา้ วโพดแสดงอาการ ใหถ้ อน และเผาทาลายทนั ที– ใชพ้ นั ธุ์ตา้ นทานโรค เชน่ พนั ธ์ุซปุ เปอร์สวที ดีเอ็มอาร์– ใชส้ ารเคมปี ้ องกนั เชน่ เอพรอน 35 เอสดี คลกุ กบั ลเมล็ดกอ่ นปลกู อตั รา 7 กรมั /เมล็ด 1 กโิ ลกรมัแมลงศัตรูข้าวโพดหวานแมลงศตั รูสาคญั ทที่ าลายขา้ วโพดหวานมหี ลายชนิด ไดแ้ ก ่หนอนเจาะลาตน้ ขา้ วโพด หนอนเจาะสมอฝ้ ายเพล้ยี ออ่ นขา้ วโพด มอดดิน และหนอนกระทหู้ อม ดงั รายละเอยี ดตอ่ ไปน้ี1. หนอนเจาะลาตน้ ขา้ วโพดลกั ษณะ และการทาลายตวั เต็มวยั เป็นผีเส้ือกลางคืน ทม่ี สี ีทองแดง วางไขเ่ป็นกลุม่ ซอ้ นกนั คลา้ ยเกล็ดปลา การทาลายจะเร่ิมในระยะหนอนต้งั แตข่ า้ วโพดหวานอายุ 20 วนั จนถึงระยะเกบ็ เกย่ี ว โดยจะเขา้ ทาลายสว่ นยอด ชอ่ ดอก และลาตน้ ทาใหต้ น้ เติบโตชะงกั และเหี่ยวตายการป้ องกนั กาจดัก. หมนั่ สารวจแปลงปลกู โดยให้หากลมุ่ ไข่ ตวั หนอน หรือรูเจาะ และยอดท่ีถูกทาลายอยา่ งสมา่ เสมอข. เมอื่ พบการทาลาย ควรพน่ สารป้ องกนั กาจดั แมลงศตั รูพืช เชน่ ไซเพอร์เมทริน (15% อีซ)ี อตั รา 10มลิ ลิลติ ร/น้า 20 ลติ ร หรือ ไตรฟลูมรู อน (25% ดบั บลวิ พี) อตั รา 30 กรัม/น้า 20 ลิตร ท้งั น้ี ควรหยุดใชย้ าเหลา่ น้ีกอ่ นการเกบ็ เกยี่ ว 5-14 วนั2. หนอนเจาะสมอฝ้ ายลกั ษณะ และการทาลายตวั เตม็ วยั เป็นผีเสื้อกลางคืนขนาดกลาง วางไขเ่ป็นฟองเดี่ยว โดยมกั วางไขบ่ ริเวณชอ่ ดอกตวั ผู้ และเสน้ ไหมการมาลายจะเกดิ จากระยะหนอนท่ีกดั กนิ เสน้ ไหม และเจาะกดั กนิ ปลายฝัก ทาให้คณุ ภาพฝักเสียหายการป้ องกนั กาจดั– หากเป็นพื้นปลกู ขนาดเล็ก ควรจบั และทาลายหนอนดว้ ยมอื– สารวจหนอนท่ปี ลายฝักในระยะผสมเกสร หากพบควรพน่ สารป้ องกนั และกาจดั ศตั รูพชื เชน่ ฟลูเฟนน

อกซรู อน (5 % อีซ)ี อตั รา 20 มลิ ลลิ ติ ร/น้า 20 ลติ ร โดยพน่ เฉพาะบริเวณฝักทีพ่ บการถกู ทาลาย และหยดุ ใช้สารกอ่ นการเกบ็ เกย่ี ว 7 วนั3. เพล้ยี ออ่ นขา้ วโพดลกั ษณะ และการทาลายเพล้ยี ออ่ นเป็นแมลงปากดูดขนาดเล็ก มที ้งั ชนิดมปี ีก และไมม่ ปี ีก ตวั ออ่ น และตวั เต็มวยั จะดูดกนิ น้าเล้ียงจากสว่ นยอด ใบออ่ น ชอ่ ดอกตวั ผู้ ปลายไหม และฝัก ทาใหข้ า้ วโพดหวานตดิ เมล็ดไมส่ มบูรณ์ มลี กั ษณะฝักลีบรวมถงึ การถา่ ยมลู ของเพล้ยี ที่ทาใหเ้ กดิ ราดา คณุ ภาพฝักลดลง มกั ระบาดรุนแรงในสภาพอากาศแห้งแลง้ หรือฝนท้ิงชว่ งการป้ องกนั กาจดัหากพบการระบาดในระยะมชี อ่ ดอกตวั ผู้ ควรพน่ ดว้ ยสาร คาร์บาริล (85% ดบั บลวิ พี) อตั รา 50 กรมั /น้า 20ลติ ร หรือ ไบเฟนทริน (10 % อีซี) อตั รา 20 มลิ ลิลิตร/น้า 20 ลติ ร โดยพน่ เฉพาะบริเวณทีถ่ ูกทาลาย และควรหยดุ การใชก้ อ่ นการเกบ็ เกยี่ ว 4 วนั4. มอดดินลกั ษณะ และการทาลายตวั เตม็ วยั จะเป็นดว้ งงวง สีเทาดา ชอบกดั กนิ ใบต้งั แตเ่ริ่มงอกถงึ อายุ 14 วนั ทาให้ตน้ ออ่ นตายหรือชะงกั การเจริญเติบโตการป้ องกนั กาจดั– ปลกู ขา้ วโพดหวานในแหลง่ ทมี่ นี ้าเพยี งพอ และหลีกเลี่ยงการปลกู ในฤดฝู น ชว่ งเดอื นสิงหาคม-กนั ยายน– กาจดั วชั พชื ทเ่ี ป็นทอ่ี าศยั ของมอดดนิ รอบแปลงปลูก– ให้คลกุ เมลด็ พนั ธ์ุกอ่ นปลกู ดว้ ยสารป้ องกนั และกาจดั แมลง เชน่ อิมดิ าโคลพริด (70% ดบั บลวิ พี) อตั รา 5กรัม/เมล็ด 1 กโิ ลกรมั5. หนอนกระทหู้ อมลกั ษณะและการทาลายตวั เตม็ วยั เป็นผเี สื้อกลางคืน มสี ีน้าตาลเขม้ ปนเทา วางไขเ่ป็นกลมุ่ สีขาวใตใ้ บ การทาลายจะเกดิ ในระยะหนอนท่ชี อบกดั กนิ ทุกสว่ นในระยะตน้ ออ่ น ทาให้ตน้ ขา้ วโพดหยุดการเตบิ โต และแหง้ ตาย

การป้ องกนั กาจดั– เกบ็ กลมุ่ ไข่ และหนอนทาลาย– ใชช้ ีวนิ ทรีย์ เชน่ นิวเคลียร์โอโพลีฮีโดรซสี ไวรสั อตั รา 20-30 มลิ ลลิ ติ ร/น้า 20 ลิตร พน่ ชว่ งเยน็ 1-2 คร้งัหา่ ง 5 วนั และหยุดการใชส้ ารกอ่ นการเกบ็ เกย่ี ว 1 วนัการเกบ็ เก่ียวผลผลิตข้าวโพดหวาน และการจดั การหลังเก็บเกยี่ วระยะเกบ็ เกยี่ วทเ่ี หมาะสมระยะเกบ็ เกย่ี วขา้ วโพดหวานถอื เป็นสิ่งสาคญั มาก เพราะหากเกบ็ เกยี่ วเร็วเกนิ ไปขา้ วโพดจะหวานน้อย หากเกบ็ เกย่ี วชา้ เกนิ ไป ขา้ วโพดหวานจะมคี วามหวานลดลงเชน่ กนั ระยะการเกบ็ เกยี่ วาทเี่ หมาะสม คือ หลงัขา้ วโพดออกไหม 18-20 วนั หรือ พบวา่ ไหมขา้ วโพดเปลีย่ นเป็นสีดา หรือเมล็ดสว่ นปลายของฝักเปล่ยี นเป็นสีเหลอื ง หากเมลด็ สีขาวแสดงวา่ ขา้ วโพดออ่ นเกนิ ไป หากเมลด็ สีเหลอื ง และเมล็ดเริ่มเหี่ยวแสดงวา่ แกจ่ ดั เกนิ ไปวธิ ีการเกบ็ เกยี่ วใหใ้ ชม้ อื หักฝักสดบริเวณกา้ นฝักท่ีตดิ ลาตน้ ฝักขา้ วโพดหวานจะคงความสดได้ประมาณ 24 ชว่ั โมง แตย่ ืดอายคุ วามสดไดด้ ้วยการตดั ให้มสี ว่ นลาตน้ ปล้องดา้ นบน และดา้ นลา่ งติดทฝ่ี ัก ซ่งึ ยดื อายคุ วามสด และความหวานไดอ้ กี 24 ชว่ั โมง รวมเป็น 48 ชว่ั โมง

การจัดการหลังเก็บเก่ียวการรกั ษาผลผลติหลงั เกบ็ เกย่ี วผลผลิต ควรเกบ็ ฝักขา้ วโพดหวานในทร่ี ่ม และไมใ่ หร้ ับแสง ไมก่ องฝักขา้ วโพดบนพื้นดนิ ควรวางบนพืน้ ท่ียกสูงดว้ ยไมห้ รือวางกองบนพืน้ ซเี มนต์ท่ีทาความสะอาดแลว้ และไมก่ องสูงในปริมาณมากเพราะจะทาใหข้ า้ วโพดร้อน เกดิ การช้า ความหวานลดลงเปลอื กหุ้มฝักเปลี่ยนเป็นสีน้าตาลวธิ ีการขนสง่ควรเตรียมยานพาหนขนสง่ กอ่ นลว่ งหนา้ การเกบ็ เกยี่ วผลผลติ เพอื่ ขนสง่ ใหเ้ ร็วท่สี ุด หลงั ปลิดฝัก และขนสง่ควรสง่ ถึงตลาดหรือมอื ผบู้ ริโภค ไมเ่กนิ 24 ชวั่ โมง และควรขนสง่ เวลากลางคืน เพื่อหลีกเล่ยี งผลผลิตรับแสงแดด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook