Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยการเรียนรู้ที่ 2

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2

Published by piw_19, 2022-06-01 08:25:33

Description: หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ม.1

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 6 กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 เทคโนโลยี วทิ ยาการคานวณ จานวน 10 ชว่ั โมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การจดั การขอ้ มลู สารสนเทศ เวลาเรยี น 1 ช่วั โมง แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 6 ประเภทของขอ้ มลู 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปญั หาที่พบในชีวติ จริงอย่างเป็นขั้นตอน และเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปญั หา ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ ร้เู ทา่ ทัน และมจี ริยธรรม 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การประมวลผล (Processing) หมายถงึ กระบวนการคดิ หรอื การจัดระเบยี บแบบแผนของข้อมูล เพอื่ ให้ ไดผ้ ลลพั ธต์ ามท่ตี ้องการ ซ่งึ ทาได้โดยการคานวณ เคลอื่ นย้ายข้อมลู การจัดเรียง การเปรยี บเทยี บ และการ วิเคราะห์ข้อมลู หรอื อาจใช้สูตร ทางคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และนาข้อมลู ท่ไี ดจ้ ากการประมวลผลมาสรา้ งเป็น ทางเลือกในการตดั สินใจ 3. ตัวชวี้ ดั /จุดประสงค์การเรยี นรู้ ตัวช้วี ดั ว 4.2 ม.1/3 รวบรวมข้อมูลปฐมภมู ปิ ระมวลผล ประเมนิ ผลนาเสนอข้อมูล และสารสนเทศตาม วตั ถปุ ระสงค์โดยใชซ้ อฟตแ์ วร์ หรือบริการบนอนิ เทอร์เน็ตท่ีหลากหลาย จุดประสงค์ 1. ยกตัวอย่างข้อมูลแต่ละประเภทได้ (K) 2. เลอื กใช้ขอ้ มลู ไดอ้ ย่างเหมาะสม (P) 3. ให้ความร่วมมือในการทากิจกรรม (A)

4. สาระการเรียนรู้ 1. การรวบรวมขอ้ มลู จากแหลง่ ข้อมูลปฐมภูมปิ ระมวลผล สร้างทางเลือก ประเมินผล 2. การประมวลผลเปน็ การกระทากบั ขอ้ มูล เพื่อใหไ้ ดผ้ ลลพั ธท์ ่ีมีความหมายและมปี ระโยชนต์ อ่ การนาไปใช้ งาน 3. การใช้ซอฟตแ์ วร์หรือบริการบนอนิ เทอรเ์ น็ต ทห่ี ลากหลายในการรวบรวม ประมวลผลสร้างทางเลือก ประเมนิ ผล นาเสนอ จะช่วยใหแ้ ก้ปญั หาไดอ้ ย่างรวดเร็ว ถูกตอ้ ง และแม่นยา 5. สมรรถนะสาคญั 1. ความสามารถในการส่อื สาร ทกั ษะการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด ทกั ษะความคิดสรา้ งสรรค์ ทักษะการคิดอยา่ งเปน็ ระบบ ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา ทกั ษะการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี 6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ ม่ันในการทางาน 7. ภาระงาน 1. ใบงานท่ี 2.1 ประเภทของขอ้ มลู 8. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. วิธกี ารสอนแบบสรา้ งสรรค์เปน็ ฐาน (Creativity-Based Learning : CBL) 2. วิธกี ารสอนโดยการลงมือปฏิบตั ิ (Practice)

ช่ัวโมงที่ 1 ขน้ั นาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ผู้สอนเกรนิ่ นาเพ่อื เข้าสบู่ ทเรียน และเพอื่ เป็นการกระต้นุ ความสนใจของผูเ้ รยี น คือ มนุษยใ์ ห้ความ สนใจกับข้อมลู และสารสนเทศมาตง้ั แตอ่ ดีต มีการเผยแพรข่ ้อมูลและสารสนเทศหลากหลายรูปแบบ ตัง้ แตห่ นังสอื พิมพ์ วทิ ยุ โทรทศั น์ ซงึ่ ในปัจจบุ ันก็คืออนิ เทอรเ์ นต็ 2. ผสู้ อนถามผ้เู รยี นเพือ่ เป็นการกระตุ้นใหเ้ กิดการเรยี นรู้ เช่น “ในชวี ิตประจาวันนักเรยี นใข้งาน อินเทอร์เนต็ เพอ่ื ประโยชน์อะไร้บา้ ง” แนวคาตอบ : - แลกเปลีย่ นขอ้ มูลขา่ วสารไดส้ ะดวกและรวดเร็ว - สืบคน้ ขอ้ มูลจากแหล่งขอ้ มลู ตา่ งๆ ทัว่ โลกได้ - แลกเปล่ียนขอ้ มลู กับเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ต่างระบบได้ - สง่ ขอ้ มลู ไดห้ ลายรูปแบบ - เพือ่ ความบันเทงิ ในรูปแบบตา่ งๆ ฟงั เพลง เลน่ เกม - ส่อื สารด้วยเสยี งและดว้ ยข้อความและภาพเคลื่อนไหว - ใช้สง่ จดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ (E-mail) - ซอื้ ขายสนิ ค้าและบรกิ าร ข้นั สอน 3. ผสู้ อนอธิบายว่า อนิ เทอร์เนต็ เป็นเครอื ข่ายของการส่ือสารทคี่ รอบคลมุ ทวั่ โลก มีการแลกเปลย่ี นข้อมูล สารสนเทศท่สี ะดวก รวดเร็ว เป็นแหล่งข้อมลู ท่ที กุ คนเขา้ ถงึ ได้ตลอดเวลา สามารถตอบสนองความ ตอ้ งการของมนษุ ย์ในการใชข้ อ้ มลู สารสนเทศเพอื่ การตดั สนิ ใจท้ังเร่ืองเล็ก และเร่ืองใหญ่ 4. ผสู้ อนอธิบายเพมิ่ เตมิ ว่า ขอ้ มูล (DATA) คือ ข้อเทจ็ จรงิ หรือเหตกุ ารณ์ท่เี กยี่ วขอ้ งกับสิง่ ต่างๆ ซ่งึ เกดิ จากการสงั เกต การจดบนั ทกึ การสมั ภาษณ์ แบบสอบถาม และมกี ารเก็บรวบรวมไว้ ข้อมูลที่เราได้ พบเจอในชีวติ ประจาวันน้ันมมี ากมาย มที งั้ ที่เราสามารถนามาใช้ประโยชน์ได้ และไมไ่ ด้ ซึง่ สามารถ แบง่ ออกได้ 2 ประเภทคอื 1. แบ่งตามแหล่งท่มี าของข้อมูล 2. แบง่ ตามรูปแบบการแทนขอ้ มูล

5. ผ้สู อนแจกใบความรูท้ ่ี 6 ประเภทของข้อมลู พรอ้ มอธบิ ายใบความรู้ ชนดิ ข้อมลู แบง่ ตามแหลง่ ทม่ี า มี 2 ชนดิ คอื 1. ข้อมลู ปฐมภมู ิ (Primary data) คือ ข้อมลู ทเี่ ก็บรวบรวมมาจากแหลง่ ขอ้ มลู ขัน้ ต้นหรอื ไดม้ าจากแหลง่ ข้อมูลโดยตรง เชน่ ข้อมูลนักเรยี นที่ได้มาจากการตอบแบบสอบถาม การสารวจ การสัมภาษณ์ การวดั การ สงั เกต การทดลอง เปน็ ตน้ ซึง่ ข้อมูลท่ไี ดจ้ ะมคี วามถูกต้อง ทันสมยั และเป็นปจั จบุ ัน 2. ข้อมลู ทตุ ยิ ภมู ิ (Secondary data) คอื ขอ้ มูลท่ไี ด้จากแหลง่ ท่ีรวบรวมขอ้ มูลไวแ้ ล้ว โดยผ้หู นง่ึ ผูใ้ ด หรอื หน่วยงานไดท้ าการ เกบ็ รวบรวมหรือเรียบเรยี งไว้ ซงึ่ ขอ้ มลู สามารถนามาใช้อ้างองิ ได้เลย เช่น ขอ้ มลู สามะโน ประชากร จากสานกั งานสถิตแิ ห่งชาติ ข้อมลู ปริมาณน้าฝน จากกรมชลประทาน เป็นตน้ ชนิดขอ้ มลู แบง่ ตามรปู แบบการแทนขอ้ มลู มี 4 ชนิด คอื 1. ข้อมูลชนดิ ตวั เลข (Numeric data) ข้อมลู ทส่ี ามารถนาไปคานวณได้ อาจอย่ใู นรปู ของจานวนเตม็ ทศนิยม เศษส่วน 2. ข้อมลู ชนดิ ตวั อักษร/อักขระ (Character data) ข้อมลู ทีไ่ ม่สามารถนาไปคานวณได้ แต่อาจนาไปเรียงลาดบั ได้ เช่น ชื่อ ท่ีอยู่ เบอร์ โทรศพั ท์ เลขประจาตัวประชาชน หมายเลขโทรศพั ท์ 3. ขอ้ มูลชนดิ ตัวอักษรเลข (Alphanumeric data) ขอ้ มลู ทม่ี ีทง้ั ตัวอกั ษร (อกั ษรภาษาองั กฤษ) ตัวเลข และตัวสญั ลกั ษณะพเิ ศษ 4. ขอ้ มลู ชนดิ มลั ตมิ ีเดยี (Multimedia data) ขอ้ มูลท่มี ีทัง้ ภาพ เสยี ง ข้อความปนกัน 6. ผู้สอนยกตวั อยา่ ง รูปแบบของข้อมลู เกย่ี วกบั การมาโรงเรยี นสายของนกั เรยี น - ข้อมลู การมาโรงเรยี นสายของนักเรียน ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ซ่งึ ไดจ้ ากการจดบันทกึ ในรอบ 1 เดือนทผ่ี า่ นมา คือ ขอ้ มลู ปฐมภูมิ (Primary Data) คอื - สถิตกิ ารมาโรงเรยี นสายของนกั เรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ในรอบ 1 เดอื นท่ีผา่ นมา คือ ขอ้ มลู ทตุ ยิ ภูมิ (Secondary Data) 7. ผู้สอนแจกใบงานที่ 2.1 ประเภทของขอ้ มลู ใหน้ กั เรียนยกตัวอยา่ งประเภทของข้อมูลขอ้ มูลปฐมภมู ิ (Primary data) และข้อมูลทุตยิ ภูมิ (Secondary data) ให้ไดม้ ากทส่ี ุด 8. ผู้สอนใหไ้ ปหาข้อมลู เพิม่ เตมิ จากอนิ เทอรเ์ นต็ หรอื แหล่งเรยี นรูอ้ ื่นๆและนาใบงานมาส่งคืนผสู้ อนใน ชัว่ โมงถดั ไป

ขนั้ สรุป 9. ผูส้ อนสรปุ ให้ผู้เรียนเขา้ ใจว่า การรวบรวมขอ้ มลู เป็นจดุ เรมิ่ ต้นของการดาเนนิ งาน การรวบรวมข้อมูล ที่ดีจะได้ข้อมูลท่รี วดเร็ว ถกู ตอ้ ง แม่นยา ครบถว้ น ดังนั้น ความรวดเรว็ ของขอ้ มลู จึงผกู พนั กับ เทคโนโลยีซึ่งมหี ลายวธิ ี เชน่ การใช้ไปรษณยี ์อิเทคทรอนิกส์ การเชื่อมตอ่ กบั ระบบปลายทางเพื่อรบั ขอ้ มูล การใช้โทรสาร การใช้ระบบอา่ นข้อมูลอตั โนมตั ิ เช่น เครอ่ื งกราดตรวจ (scanner) อา่ นขอ้ มูลท่ี เปน็ รหสั แท่ง (bar code) 10. ผูส้ อนเปิดโอกาสใหผ้ เู้ รียนสอบถามเพิ่มเตมิ 9. ส่ือการเรียนรู้ 1. ใบความรู้ที่ 6 ประเภทของข้อมลู 2. ใบงานที่ 2.1 ประเภทของข้อมูล 0 3. 10. การวดั และประเมินผล วธิ ีการ เครอื่ งมอื เกณฑ์ ตรวจ ใบงานท่ี 2.1 ประเภท แบบประเมิน คณุ ภาพอยู่ในระดับ ดี ผ่าน ของขอ้ มลู เกณฑ์ แบบประเมนิ พฤตกิ รรม ประเมินพฤติกรรมจากการทา รายบุคคล คุณภาพอยใู่ นระดบั ดี ผ่าน กิจกรรม จดจาทาตาม เกณฑ์

แบบบนั ทกึ หลังแผนการสอน ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 จานวน 10 ช่ัวโมง เทคโนโลยี วิทยาการคานวณ เวลาเรยี น 1 ชั่วโมง หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 การจดั การข้อมูลสารสนเทศ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 6 ประเภทของขอ้ มูล ผลการเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปญั หาอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะแนวทางแกไ้ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………….…………….ผสู้ อน (…………………………………) ตาแหน่ง……………………………………… ………………/…………....../…………… ความคดิ เหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………….ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา (…………………..…………………………) ตาแหนง่ ……………………………………… ………………/…………....../……………

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 7 กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 เทคโนโลยี วทิ ยาการคานวณ จานวน 10 ชว่ั โมง หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 การจดั การขอ้ มลู สารสนเทศ เวลาเรียน 2 ช่ัวโมง แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 7 การรวบรวมขอ้ มูล 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคานวณในการแกป้ ญั หาทพ่ี บในชวี ิตจรงิ อย่างเปน็ ขัน้ ตอน และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปญั หา ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ รเู้ ทา่ ทัน และมีจริยธรรม 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การประมวลผล (Processing) หมายถงึ กระบวนการคิด หรือ การจดั ระเบียบแบบแผนของข้อมลู เพือ่ ให้ ได้ผลลัพธ์ตามท่ีตอ้ งการ ซึ่งทาได้โดยการคานวณ เคลอื่ นย้ายข้อมูล การจัดเรยี ง การเปรียบเทียบ และการ วเิ คราะห์ขอ้ มลู หรอื อาจใชส้ ตู ร ทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และนาขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการประมวลผลมาสร้างเปน็ ทางเลอื กในการตดั สินใจ 3. ตัวช้วี ดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ตวั ชวี้ ดั ว 4.2 ม.1/3 รวบรวมข้อมูลปฐมภมู ปิ ระมวลผล ประเมนิ ผลนาเสนอขอ้ มูล และสารสนเทศตาม วตั ถุประสงคโ์ ดยใชซ้ อฟตแ์ วร์ หรือบรกิ ารบนอินเทอร์เนต็ ท่ีหลากหลาย จุดประสงค์ 1. อธิบายวธิ ีการรวบรวมขอ้ มูลเพอื่ ให้ไดข้ อ้ มลู ที่มปี ระสิทธภิ าพได้ (K) 2. เลอื กใชว้ ธิ กี ารรวบรวมข้อมูลได้อย่างเหมาะสม (P) 3. เหน็ ประโยชนข์ องการเก็บรวบรวมข้อมลู (A)

4. สาระการเรยี นรู้ 1. การรวบรวมข้อมลู จากแหล่งข้อมลู ปฐมภมู ปิ ระมวลผล สร้างทางเลอื ก ประเมนิ ผล 2. การประมวลผลเป็นการกระทากับข้อมลู เพ่อื ให้ได้ผลลพั ธท์ ม่ี ีความหมายและมปี ระโยชน์ต่อการนาไปใช้ งาน 3. การใช้ซอฟต์แวร์หรอื บรกิ ารบนอนิ เทอรเ์ น็ต ท่ีหลากหลายในการรวบรวม ประมวลผลสรา้ งทางเลอื ก ประเมนิ ผล นาเสนอ จะช่วยใหแ้ กป้ ญั หาไดอ้ ย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และแมน่ ยา 5. สมรรถนะสาคญั 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร ทักษะการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด ทักษะความคิดสรา้ งสรรค์ ทักษะการคิดอยา่ งเปน็ ระบบ ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา ทักษะการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ทกั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี 6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุง่ มั่นในการทางาน 7. ภาระงาน 1. ใบงานท่ี 2.2 รวบรวมข้อมลู 8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 1. วิธีการสอนแบบสรา้ งสรรคเ์ ปน็ ฐาน (Creativity-Based Learning : CBL) 2. วธิ กี ารสอนโดยการลงมือปฏบิ ตั ิ (Practice)

ช่วั โมงที่ 1 ขนั้ นาเข้าสบู่ ทเรียน 1. ผู้สอนถามผเู้ รยี นเพื่อเป็นการทบทวนความรู้เดิม และเพอ่ื เป็นการกระตุน้ ความสนใจของผูเ้ รยี น เชน่ “ถ้านกั เรียนต้องการทราบเก่ยี วกับเร่อื งใดสักเรือ่ งหน่ึง นกั เรียนมีวิธีการรวบรวมขอ้ มลู อย่างไรบา้ ง?” แนวคาตอบ : วธิ ีการสังเกต วิธกี ารสมั ภาษณ์ วิธีการทดลอง การสืบคน้ ขอ้ มลู บนอินเทอรเ์ น็ต ขน้ั สอน 2. ผู้สอนอธบิ ายให้ผู้เรียนเข้าใจว่า การรวบรวมข้อมลู (Data Compilation) เป็นการนาเอาข้อมูลจาก แหล่งต่างๆ มารวมกนั ไว้ในรปู แบบทเ่ี หมาะสม ด้วยวิธีตา่ งๆ เปน็ กระบวนการรวบรวมและการวัด ขอ้ มลู เกี่ยวกับตวั แปรทีเ่ ราสนใจให้เปน็ ระบบท่ีทาใหไ้ ดข้ อ้ มลู นาไปใช้ต่อได้ แมว้ า่ จะมวี ธิ ีในการเก็บ รวบรวมข้อมลู ท่แี ตกตา่ งกนั ไปตามหลักเกณฑ์ แต่กย็ ังคงให้ความสาคญั กบั การเกบ็ รวบรวมข้อมูลที่ ถูกตอ้ งและเทีย่ งตรง 3. ผสู้ อนแจกใบความรูท้ ี่ 7 การรวบรวมขอ้ มลู พรอ้ มอธบิ ายใบความรู้ คอื วิธีการเก็บรวบรวมข้อมลู ปฐมภมู ิ 1. การสังเกตการณ์ (Observation) เป็นวธิ กี ารเก็บข้อมูลการสงั เกตโดยตรงจากปฏิกริ ิยา ท่าทาง เหตกุ ารณ์ หรือ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ในขณะใดขณะหนงึ่ และจดบนั ทกึ ไว้โดยไม่มกี ารสมั ภาษณ์ 2. การสมั ภาษณ์ (Interview) เปน็ วธิ ีการสัมภาษณผ์ ใู้ หค้ าตอบ และบนั ทกึ คาตอบลงในแบบสอบถาม ผูส้ ัมภาษณส์ ามารถชแี้ จงอธบิ ายให้ผ้ตู อบเข้าใจในคาถามได้ ทาใหไ้ ด้รบั คาตอบตรงตาม วัตถุประสงค์

3. การทดลอง (Experiment) การเกบ็ รวบรวมข้อมูลจากการทดลอง เปน็ การเก็บรวบรวมขอ้ มลู ทีต่ ้องมีการ ทดลอง หรอื ปฏิบัตเิ พอ่ื ใหไ้ ด้ขอ้ มูลทต่ี อ้ งการ วธิ ีการเก็บรวบรวมขอ้ มูลทตุ ิยภมู ิ สว่ นใหญม่ ักจะอยใู่ นรปู หนังสอื รายงาน บทความ หรอื เอกสารต่างๆ ควรจะ ดาเนินการ ดงั น้ี 1. พิจารณาตวั บุคคลผู้เขียนรายงาน บทความหรอื เอกสาร เปน็ ผู้มีความรแู้ ละมีความ เช่ยี วชาญในเร่ืองทเี่ ขยี นพอทจี่ ะเชื่อถอื ได้หรอื ไม่ 2. ควรเกบ็ รวบรวมมาจากหลาย ๆ แหล่งเพ่ือใชใ้ นการเปรียบเทียบวา่ ข้อมลู ท่ตี ้องการมี ความผดิ พลาดบ้างหรือไม่ 3. พจิ ารณาจากลกั ษณะของข้อมลู ที่ต้องการเก็บรวบรวมว่าเปน็ ขอ้ มลู ทถ่ี กู ตอ้ ง ครบถว้ น และสมบูรณ์ 4. ถ้าข้อมูลทจี่ ะเกบ็ รวบรวมได้มาจากการสารวจจากกลมุ่ ตวั อยา่ ง หรือต้องผา่ นข้นั ตอน การวเิ คราะหโ์ ดยใช้วธิ ีการทางสถิตมิ าก่อน ควรตอ้ งตรวจสอบวธิ กี ารที่ใช้ในการเลือก กลุ่มตัวอย่างขนาดกลมุ่ ตัวอย่าง และวิธีการวิเคราะหว์ า่ เหมาะสมท่ีจะใชห้ รือไม่ วิธีการสบื ค้นขอ้ มลู บนเว็บไซต์ (Search Engine) เสิรช์ เอนจิน (search engine) หรอื โปรแกรมค้นหาขอ้ มลู คือ โปรแกรมท่ชี ว่ ยในการ สบื ค้นหาข้อมลู โดยครอบคลุมทง้ั ขอ้ ความ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เพลง ซอฟตแ์ วร์ แผนที่ ขอ้ มลู บคุ คล กล่มุ ข่าว และอืน่ ๆ ซ่ึงแตกตา่ งกนั ไปแล้วแต่โปรแกรมหรือผู้ให้บรกิ ารแตล่ ะราย เสิร์ชเอนจนิ สว่ นใหญจ่ ะค้นหาขอ้ มูลจากคาสาคญั (Keyword) ที่ผูใ้ ชป้ ้อนเขา้ ไป จากน้นั กจ็ ะ แสดงรายการผลลัพธท์ ่มี ันคดิ วา่ ผ้ใู ช้น่าจะตอ้ งการข้ึนมา ตวั อย่าง Web Search Engine 1. http://www.google.co.th/ 2. http://www.youtube.com/ 3. http://dict.longdo.com 4. ผู้สอนสุ่มถามผู้เรียน เพ่ือประเมนิ ความเข้าใจของผู้เรียน เช่น “การเก็บรวบรวมขอ้ มูลแบบการ สัมภาษณ์ ส่วนใหญใ่ ช้เครอื่ งมอื อะไร?” แนวคาตอบ : แบบสอบถาม

ชั่วโมงท่ี 2 ขน้ั นาเขา้ สบู่ ทเรียน 1. ผ้สู อนถามผู้เรยี นเพอ่ื เป็นการกระตุน้ ความสนใจของผ้เู รยี น เช่น “นักเรยี นคิดว่า นักเรียนส่วน ใหญใ่ นโรงเรยี นของเราชอบรับประทานร้านอาหารรา้ นไหนในโรงเรียนมากท่สี ุด และเราจะมี วิธกี ารอย่างไรเพอื่ ใหไ้ ดค้ าตอบ” แนวคาตอบ : วธิ ีการสงั เกต วิธกี ารสมั ภาษณ์ ขัน้ สอน 2. ผู้สอนแจกใบงานที่ 2.2 รวบรวมข้อมลู พรอ้ มอธิบายวธิ กี ารทาใบงาน คือ 1. ให้ผเู้ รยี นคดิ หวั ข้อท่อี ยากรู้เกี่ยวกบั พฤติกรรมของนกั เรยี นในหอ้ งเรยี น ในระดับชน้ั หรอื ในโรงเรียน เชน่ พฤตกิ รรมการมาสายของนักเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 พฤติกรรมการเลือก ซื้อสนิ คา้ ภายในสหกรณข์ องโรงเรยี น นกั เรยี นในโรงเรยี นมสี ว่ นสูงเฉลีย่ อยู่ทเี่ ทา่ ไหร่ หรอื งาน กฬี าสีท่จี ะจัดขน้ึ ในปีนี้ มี Concept เก่ยี วกบั อะไรดี 2. ใหผ้ ู้เรียนระบุวิธีการรวบรวมข้อมลู เช่น การสงั เกต การสัมภาษณ์ การทดลอง การคน้ หาข้อมลู จากแหลง่ ข้อมลู ต่างๆ 3. ให้ผู้เรียนคดิ เครื่องมอื ที่จะใชใ้ นการเก็บรวบรวมขอ้ มูลเพื่อใหไ้ ดข้ ้อมูลที่ครบถ้วน ตามท่ีต้องการ เชน่ แบบสอบถาม แบบสงั เกตพฤติกรรม แบบทดสอบ 3. ผู้สอนใหผ้ เู้ รียนเปดิ คอมพิวเตอรเ์ พอ่ื ทากิจกรรม ออกแบบเครื่องมือเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ดว้ ย Google Form ผู้สอนอธบิ ายขนั้ ตอนการออกแบบเครอ่ื งมือเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ดว้ ย Google Form คือ 1. เปิด Google Form หรอื ไปที่ https://docs.google.com/forms/u/0/ 2. ให้ผูเ้ รียนนาเครื่องมือท่ีได้ออกแบบไว้ จากใบงานที่ 2.2 มาสรา้ งเปน็ แบบฟอรม์ เกบ็ ข้อมูลใน Google Form

3. สรา้ งแบบฟอรม์ เกบ็ ข้อมูล โดยผเู้ รยี นสามารถศกึ ษาเพมิ่ เติมวิธีการ เทคนคิ ตา่ งๆได้จาก อินเทอรเ์ นต็ 4. เม่อื เสร็จแล้วให้ผ้เู รียนสง่ ลงิ ค์ให้ผู้สอนตรวจสอบก่อนนาไปใชง้ าน โดยไปที่ คาวา่ ส่ง จะขึน้ หนา้ ตา่ ง ตามภาพ ใหผ้ ู้เรยี นคดั ลอกลิงค์สง่ ให้ผู้สอนเพ่ือตรวจสอบ 5. เม่อื ผู้สอนตรวจสอบเสร็จเรยี บรอ้ ยแล้วให้ผ้เู รียนนาแบบฟอรม์ ไปเกบ็ ขอ้ มลู โดยผ้เู รียนสามารถสง่ เปน็ ลงิ คใ์ หก้ ับกลมุ่ เป้าหมาย หรือ ผู้เรียนเปน็ ผ้บู ันทกึ ขอ้ มูลลงใน แบบฟอรม์ เองกไ็ ด้ ขั้นสรุป 5. ผสู้ อนสรปุ ให้ผเู้ รียนเขา้ ใจว่า การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เป็นข้นั ตอนหนึง่ ของกระบวนการ ทางสถติ ิ ทมี่ ี ความสาคัญ เพื่อให้ได้มาซ่งึ ข้อมูลทีต่ อบสนองวัตถปุ ระสงค์ และสอดคล้องกบั กรอบแนวความคิด สมมุติฐาน การวเิ คราะห์ขอ้ มูล การรวบรวมข้อมลู สามารถทาได้หลายวธิ ี ไม่ว่าจะเปน็ การเก็บข้อมูล ขนึ้ มาใหม่ หรอื การนาข้อมูลที่มผี ้เู คยศกึ ษาไว้อยแู่ ล้ว ซ่งึ หมายถงึ การนาเอาขอ้ มลู ตา่ งๆที่ผู้อื่นได้เก็บ ไวแ้ ล้ว หรือรายงานไวใ้ นเอกสารต่างๆ มาทาการศึกษาวเิ คราะหต์ ่อ 6. ผู้สอนใหผ้ เู้ รียนชว่ ยกันบอกประโยชน์ของขอ้ มลู แนวคาตอบ : 1. ทาให้เกดิ การเรียนรู้ 2. นามาใช้ในการสื่อสาร 3. ชว่ ยในการตัดสินใจ 7. ผู้สอนเปิดโอกาสใหผ้ เู้ รียนสอบถามเพม่ิ เติม

9. สือ่ การเรียนรู้ เกณฑ์ 1. ใบความรู้ที่ 7 การรวบรวมขอ้ มลู 2. ใบงานที่ 2.2 รวบรวมข้อมูล 3. กิจกรรม ออกแบบเครื่องมือเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ดว้ ย Google Form 0 3. 10. การวัดและประเมนิ ผล วธิ ีการ เครอื่ งมือ ตรวจ ใบงานที่ 2.2 รวบรวม แบบประเมิน คุณภาพอย่ใู นระดับ ดี ผ่าน ขอ้ มูล เกณฑ์ แบบประเมนิ พฤตกิ รรม ประเมินพฤติกรรมจากการทา รายบคุ คล คุณภาพอยู่ในระดบั ดี ผา่ น กจิ กรรม ออกแบบเคร่อื งมือ เกณฑ์ เก็บรวบรวมข้อมูล ดว้ ย Google Form

แบบบนั ทกึ หลังแผนการสอน ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 จานวน 10 ช่ัวโมง เทคโนโลยี วิทยาการคานวณ เวลาเรยี น 2 ชั่วโมง หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 การจดั การข้อมูลสารสนเทศ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 7 การรวบรวมขอ้ มูล ผลการเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปญั หาอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะแนวทางแกไ้ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………….…………….ผสู้ อน (…………………………………) ตาแหน่ง……………………………………… ………………/…………....../…………… ความคดิ เหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………….ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา (…………………..…………………………) ตาแหนง่ ……………………………………… ………………/…………....../……………

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 8 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 เทคโนโลยี วิทยาการคานวณ จานวน 10 ชวั่ โมง หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 2 การจดั การข้อมูลสารสนเทศ เวลาเรียน 2 ชวั่ โมง แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 8 สารสนเทศ 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปญั หาท่พี บในชวี ติ จรงิ อย่างเป็นข้ันตอน และเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปญั หา ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ร้เู ทา่ ทนั และมจี ริยธรรม 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การประมวลผล (Processing) หมายถึง กระบวนการคิด หรอื การจดั ระเบยี บแบบแผนของข้อมลู เพ่ือให้ ไดผ้ ลลัพธต์ ามที่ต้องการ ซึง่ ทาได้โดยการคานวณ เคลือ่ นยา้ ยข้อมูล การจดั เรียง การเปรยี บเทยี บ และการ วเิ คราะห์ข้อมลู หรอื อาจใชส้ ูตร ทางคณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และนาข้อมลู ทไี่ ด้จากการประมวลผลมาสร้างเป็น ทางเลอื กในการตัดสินใจ 3. ตวั ชี้วัด/จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ตวั ช้วี ดั ว 4.2 ม.1/3 รวบรวมข้อมลู ปฐมภมู ิประมวลผล ประเมนิ ผลนาเสนอขอ้ มลู และสารสนเทศตาม วัตถปุ ระสงค์โดยใชซ้ อฟตแ์ วร์ หรือบรกิ ารบนอนิ เทอร์เนต็ ที่หลากหลาย จุดประสงค์ 1. อธบิ ายไดว้ ่าสารสนเทศคอื อะไร (K) 2. ใชว้ ิธีการรวบรวมข้อมูลตามองค์ประกอบของระบบสารสนเทศ (P) 3. เหน็ ประโยชนท์ ีไ่ ด้จากการเก็บรวบรวมขอ้ มลู (A)

4. สาระการเรยี นรู้ 1. การรวบรวมขอ้ มลู จากแหลง่ ข้อมูลปฐมภูมปิ ระมวลผล สรา้ งทางเลอื ก ประเมินผล 2. การประมวลผลเปน็ การกระทากับขอ้ มูล เพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลลพั ธ์ที่มีความหมายและมปี ระโยชน์ตอ่ การนาไปใช้ งาน 3. การใช้ซอฟต์แวรห์ รอื บรกิ ารบนอนิ เทอรเ์ นต็ ท่หี ลากหลายในการรวบรวม ประมวลผลสรา้ งทางเลอื ก ประเมนิ ผล นาเสนอ จะช่วยใหแ้ กป้ ญั หาไดอ้ ย่างรวดเร็ว ถูกตอ้ ง และแมน่ ยา 5. สมรรถนะสาคัญ 1. ความสามารถในการส่ือสาร ทกั ษะการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ ทักษะความคิดสร้างสรรค์ ทกั ษะการคดิ อย่างเปน็ ระบบ ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา ทกั ษะการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ทกั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี 6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. ม่งุ ม่ันในการทางาน 7. ภาระงาน 1. ใบงานที่ 2.3 สารสนเทศ 2. ใบงานท่ี 2.4 องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศ 8. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. วธิ ีการสอนแบบสร้างสรรค์เปน็ ฐาน (Creativity-Based Learning : CBL) 2. วิธีการสอนโดยการลงมอื ปฏิบตั ิ (Practice)

ชั่วโมงท่ี 1 ข้ันนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ผู้สอนถามผู้เรยี นเพือ่ เปน็ การทบทวนความรเู้ ดมิ และเพื่อเป็นการกระตุน้ ความสนใจของผเู้ รียน เช่น “นกั เรยี นรู้หรอื ไมว่ า่ สารสนเทศคืออะไร?” แนวคาตอบ : สารสนเทศ คอื ข้อมลู ต่างๆ ท่ไี ดผ้ ่านการเปล่ียนแปลงหรอื มกี ารประมวลผล หรือวเิ คราะห์สรุปผลดว้ ยวิธกี ารต่าง ๆแลว้ เกบ็ รวบรวมไว้ ขั้นสอน 2. ผสู้ อนแจกใบความรูท้ ี่ 8 สารสนเทศ พร้อมอธิบายใบความรู้ สารสนเทศ (Information) คอื การทาข้อมูลมาผ่านระบบการประมวลผล วิเคราะห์สรปุ ผล ด้วยวธิ ีการต่าง ๆ แลว้ เก็บรวบรวมไว้ เพอ่ื นามาใชป้ ระโยชนต์ ามตอ้ งการ ระบบสารสนเทศ (Information System หรอื IS) คือ ระบบของการจัดเกบ็ ประมวลผล ข้อมูล โดยอาศยั บุคคลและเทคโนโลยีสารสนเทศในการดาเนนิ การ เพื่อให้ได้สารสนเทศทเี่ หมาะสม กบั งาน องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ มี ดังน้ี 1. ฮารด์ แวร์ 2. ซอฟต์แวร์ 3. ขอ้ มลู และสารสนเทศ 4. บุคลากร 5. กระบวนการทางาน 3. ผู้สอนแจก ใบงานที่ 2.3 สารสนเทศ พร้อมอธิบายวธิ กี ารทาใบงาน คอื ให้ผู้เรยี นหาขอ้ มูลเกี่ยวกับ องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ 4. เมอ่ื หมดเวลา ผ้สู อนสุ่มผู้เรียนออกมานาเสนอ อธบิ ายองคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศ โดยให้ ผูเ้ รียนคนอ่ืนๆ เสนอแนะ แลกเปลี่ยนเพือ่ ให้เกิดการเรียนร้ทู ีห่ ลากหลาย โดยผู้สอนคอยให้คาแนะนา เพมิ่ เตมิ

ช่ัวโมงท่ี 2 ข้ันสอน 1. ผสู้ อนแจกใบงานท่ี 2.4 องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ โดยให้ผู้เรียนเปรยี บเทยี บ องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศ กบั ขอ้ มูลท่ีผ้เู รยี นได้เลอื กทาจากใบงานท่ี 2.2 รวบรวม ขอ้ มลู ยกตัวอย่างเชน่ จากใบงานท่ี 2.2 ผูเ้ รยี นเลอื กทาเกี่ยวกบั พฤตกิ รรมการมาสายของ นกั เรยี นระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ฮาร์ดแวร์ : คอมพวิ เตอร์ เครอ่ื งคดิ เลข ซอฟต์แวร์ : Google form, Microsoft Excel ขอ้ มูลและสารสนเทศ : ข้อมลู ท่ผี ู้เรียนเกบ็ รวบรวมได้ เชน่ จานวนการมาสาย ช่วงเวลา ท่นี ักเรยี นระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 มาถึงโรงเรียน บคุ ลากร : ผู้เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล กระบวนการทางาน : 1. เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู โดยการสังเกต 2. ขอขอ้ มลู เวลาการมาถึงของนกั เรียนระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 จากงานทะเบียน นกั เรยี น 3. นาขอ้ มูลมาประมวลผลผ่านซอฟต์แวร์ 2. ผู้สอนให้เวลาผ้เู รียนในการทาใบงาน โดยผสู้ อนคอยดูแลความเรยี บรอ้ ยและใหค้ าแนะนาเพ่มิ เตมิ 3. เมื่อครบกาหนดเวลา ผูส้ อนสุ่มถามผเู้ รียนและให้ผู้เรียนคนอ่ืนๆช่วยกนั แลกเปล่ยี นความรู้ 4. ผสู้ อนแนะนาเพิ่มเติมว่า ในการทางานดว้ ยเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ถึงแมจ้ ะมเี คร่ืองคอมพิวเตอร์ท่มี ี ประสทิ ธิภาพดีแล้วยงั ต้องมีชดุ คาสั่ง (Software) ท่จี ะควบคุมการทางานของเครอื่ งท่มี ี ประสิทธภิ าพอีกด้วย และในการรวบรวมข้อมลู เพือ่ นามาใช้งานตอ่ ไป อาจมขี อ้ มูลมากมาย วธิ ีการ ผ้เู รยี นจะตอ้ งมวี ิธีการจดั เก็บเพอ่ื ให้สามารถเรียกไฟลง์ านนามาใช้งานไดง้ า่ ยและสะดวก เช่น 1. เก็บทุกอยา่ งไวใ้ น My Documents 2. ไมว่ างข้อมูลไว้บน Desktop 3. สรา้ ง Folder เพือ่ เก็บขอ้ มูล 4. ชื่อไฟล์ และ Folder ใหส้ ามารถจาง่ายและเก่ียวข้องกับงาน

ขัน้ สรุป 5. ผสู้ อนสรุปให้ผเู้ รยี นเข้าใจวา่ สารสนเทศทด่ี ี จะต้องมีคณุ ลักษณะ ดังต่อไปนี้ 1. มีความถูกต้อง แม่นยา (Accuracy) 2. ทนั ต่อเวลา (Timeliness) 3. มีความสมบูรณ์ครบถว้ น (Completeness) 4. ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ (Relevance) 5. ตรวจสอบพสิ ูจน์ได้ (Verifiability) 6. ผสู้ อนเปิดโอกาสใหผ้ เู้ รียนสอบถามเพ่มิ เติม 9. สือ่ การเรียนรู้ 1. ใบความร้ทู ่ี 8 สารสนเทศ 2. ใบงานที่ 2.3 สารสนเทศ 3. ใบงานที่ 2.4 องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศ 0 3. 10. การวัดและประเมนิ ผล วิธีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์ ตรวจ ใบงานท่ี 2.3 แบบประเมนิ คณุ ภาพอยู่ในระดับ ดี ผ่าน สารสนเทศ แบบประเมิน เกณฑ์ ตรวจ ใบงานที่ 2.4 คุณภาพอย่ใู นระดับ ดี ผา่ น องค์ประกอบของระบบ เกณฑ์ สารสนเทศ

แบบบนั ทกึ หลังแผนการสอน ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 จานวน 10 ชั่วโมง เทคโนโลยี วิทยาการคานวณ เวลาเรยี น 2 ชวั่ โมง หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 การจดั การข้อมูลสารสนเทศ แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 8 สารสนเทศ ผลการเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหาอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะแนวทางแกไ้ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ …………………….…………….ผสู้ อน (…………………………………) ตาแหนง่ ……………………………………… ………………/…………....../…………… ความคดิ เหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ …………………………….ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา (…………………..…………………………) ตาแหน่ง……………………………………… ………………/…………....../……………

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 9 กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 เทคโนโลยี วิทยาการคานวณ จานวน 10 ชวั่ โมง หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 2 การจดั การขอ้ มูลสารสนเทศ เวลาเรยี น 2 ชว่ั โมง แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 9 การจดั การข้อมลู สารสนเทศ 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปญั หาทีพ่ บในชีวติ จริงอย่างเป็นขน้ั ตอน และเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ัญหา ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ รูเ้ ท่าทัน และมีจริยธรรม 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การประมวลผล (Processing) หมายถงึ กระบวนการคิด หรือ การจัดระเบียบแบบแผนของขอ้ มลู เพอื่ ให้ ไดผ้ ลลัพธต์ ามท่ตี อ้ งการ ซ่งึ ทาไดโ้ ดยการคานวณ เคล่อื นยา้ ยข้อมลู การจดั เรียง การเปรียบเทยี บ และการ วเิ คราะห์ขอ้ มลู หรอื อาจใชส้ ตู ร ทางคณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และนาขอ้ มลู ท่ีได้จากการประมวลผลมาสรา้ งเป็น ทางเลอื กในการตัดสนิ ใจ 3. ตวั ช้ีวัด/จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ตวั ชวี้ ดั ว 4.2 ม.1/3 รวบรวมขอ้ มลู ปฐมภมู ิประมวลผล ประเมนิ ผลนาเสนอข้อมูล และสารสนเทศตาม วัตถปุ ระสงค์โดยใช้ซอฟต์แวร์ หรือบรกิ ารบนอินเทอรเ์ น็ตที่หลากหลาย จดุ ประสงค์ 1. อธบิ ายไดว้ า่ องคป์ ระกอบของการจัดการข้อมูลสารสนเทศมีอะไรบ้าง (K) 2. เลือกวิธีการประมวลผลขอ้ มูลท่เี หมาะสมได้ (P) 3. เห็นประโยชนข์ องการใช้บริการ Google Form ในการจดั การขอ้ มูล (A)

4. สาระการเรยี นรู้ 1. การรวบรวมขอ้ มลู จากแหลง่ ข้อมูลปฐมภมู ปิ ระมวลผล สร้างทางเลือก ประเมนิ ผล 2. การประมวลผลเป็นการกระทากับข้อมลู เพื่อใหไ้ ด้ผลลัพธท์ ่มี คี วามหมายและมปี ระโยชนต์ ่อการนาไปใช้ งาน 3. การใชซ้ อฟตแ์ วรห์ รอื บริการบนอินเทอร์เน็ต ท่ีหลากหลายในการรวบรวม ประมวลผลสรา้ งทางเลือก ประเมินผล นาเสนอ จะช่วยใหแ้ ก้ปญั หาไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ถูกต้อง และแมน่ ยา 5. สมรรถนะสาคัญ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร ทกั ษะการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด ทักษะความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการคิดอยา่ งเปน็ ระบบ ทักษะการคิดวิเคราะห์ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา ทักษะการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี 6. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มงุ่ มัน่ ในการทางาน 7. ภาระงาน 1. กจิ กรรมจัดการขอ้ มลู สารสนเทศด้วย Google Form 8. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 1. วิธีการสอนแบบสรา้ งสรรค์เป็นฐาน (Creativity-Based Learning : CBL) 2. วิธกี ารสอนโดยการลงมือปฏิบตั ิ (Practice)

ชวั่ โมงที่ 1 ขน้ั นาเข้าสบู่ ทเรยี น 1. ผู้สอนถามผ้เู รยี นเพือ่ เปน็ การทบทวนความรู้เดิม และเพอื่ เปน็ การกระตนุ้ ความสนใจของผู้เรียน เชน่ “นกั เรยี นรหู้ รอื ไมว่ ่า องคป์ ระกอบของระบบการทางานของคอมพิวเตอร์มอี ะไรบา้ ง?” แนวคาตอบ : รบั ข้อมูล (Input) ประมวลผลข้อมลู (Process) แสดงผลขอ้ มูล (Output) จดั เกบ็ ข้อมลู (Storage) ขนั้ สอน 2. ผสู้ อนอธบิ ายว่า การจัดการขอ้ มลู และสารสนเทศ มีองคป์ ระกอบหลักการทางาน คล้ายกบั ระบบการ ทางานระบบการทางานของคอมพวิ เตอร์ คอื ประกอบไปดว้ ย

1. การนาเขา้ ขอ้ มลู การนาเขา้ ขอ้ มูลประกอบไปดว้ ยข้ันตอนการรวบรวมขอ้ มลู การตรวจสอบข้อมลู และก การเตรยี มข้อมูล การรวบรวมขอ้ มูล การตรวจสอบข้อมลู การเตรยี มขอ้ มูล การรวบรวมขอ้ มลู จาก ตรวจสอบขอ้ มูลเพ่ือความ เตรียมข้อมลู ให้อยูใ่ น แหลง่ กาเนิดข้อมูล โดยใช้ ถูกต้อง ข้อมูลทเ่ี ก็บเขา้ รูปแบบเดยี วกนั เพอื่ ความ วธิ ีการตา่ งๆ เชน่ สังเกต ระบบต้องมีความน่าเช่ือถอื สะดวกในการประมวลผล สอบถาม ทดสอบ และให้ได้ผลลพั ธท์ ีถ่ ูกตอ้ ง 2. การประมวลผลขอ้ มลู ประมวลผล (Data Processing) เป็นการประมวลผลทางขอ้ มลู เป็นการนาขอ้ มลู ทเ่ี กบ็ รวบรวมไดม้ าผา่ นกระบวนการต่าง ๆ เพือ่ แปรสภาพข้อมูลให้อยใู่ นรปู แบบทต่ี อ้ งการ เรยี กวา่ ขอ้ มูลสนเทศหรือสารสนเทศ (Information) ซง่ึ มวี ธิ กี ารประมวลผลได้หลายวธิ ี เชน่ การรวบรวมเป็นแฟ้มขอ้ มลู การคานวณ การเปรยี บเทียบ การเรียงลาดับ การจดั กลุ่มขอ้ มลู การจดั ทารายงาน 3. การเกบ็ รักษาขอ้ มลู การเก็บบนั ทึกผลลัพธ์บางส่วนท่ยี ังไม่ได้ต้องการนาไปใช้งานในขณะนน้ั ลงสู่ส่ือบันทกึ ข้อมลู ตลอดจนปรับปรุงขอ้ มลู ให้มคี วามทนั สมัยอยู่เสมอ การจัดเก็บขอ้ มูล การสาเนาขอ้ มูล การปรบั ปรงุ ขอ้ มลู ข้อมลู ท่จี ัดเกบ็ ไว้มี การนาขอ้ มลู มาบนั ทึกเก็บไว้ การทาสาเนาเพอ่ื ทจ่ี ะนา จุดประสงคท์ ่ีจะเรยี กใช้งาน ได้ตอ่ ไป ดงั นน้ั ขอ้ มลู จึงตอ้ ง ในส่ือบนั ทึกตา่ ง ๆ รวมถงึ ขอ้ มลู เกบ็ รกั ษาไว้ หรือ มีการปรับปรงุ ให้ทนั สมยั อยู่ ตลอดเวลา และจดั เก็บอย่าง การดูแล และทาสาเนา นาไปแจกจา่ ยในภายหลัง เปน็ ระบบเพอ่ื การค้นหาได้ อย่างรวดเร็ว ข้อมลู เพื่อใหใ้ ชง้ านตอ่ ไปใน จึงควรคานงึ ถึงความจแุ ละ อนาคตได้ ความทนทานของสื่อบนั ทกึ ขอ้ มลู

4. การแสดงผล การจดั รูปแบบของสารสนเทศทเ่ี ปน็ ผลลพั ธ์จากการประมวลผลให้อยใู่ นรูปแบบของ รายงาน ตาราง แบบฟอร์ม แผนภมู ิ หรอื อื่นๆ เพื่อใหส้ ะดวกในการศึกษา งา่ ยต่อการทาความ เข้าใจ และสอดคลอ้ งกับวตั ถุประสงค์ 3. ผู้สอนส่มุ ถามผเู้ รยี น จากข้อมลู ทผี่ ้เู รยี นไดม้ าจากการรวบรวมข้อมลู จากใบงานที่ 2.2 ใบงานที่ 2.4 และจากกิจกรรม ออกแบบเครอื่ งมือเก็บรวบรวมข้อมลู ด้วย Google Form ผู้เรยี นจะมีวิธีการ จดั รปู แบบของสารสนเทศเพอ่ื แสดงผลลัพธอ์ ยา่ งไรไดบ้ า้ ง? แนวคาตอบ : รายงาน ตาราง กราฟ ชัว่ โมงท่ี 2 ขน้ั นาเข้าสบู่ ทเรยี น 1. ผสู้ อนถามผเู้ รยี นเพ่ือเปน็ การทบทวนความรเู้ ดิม และเพอื่ กระตุ้นความสนใจของผูเ้ รยี น เช่น “จากกจิ กรรม ออกแบบเครอื่ งมือเก็บรวบรวมขอ้ มูล ดว้ ย Google Form ผเู้ รียนไดใ้ ช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู และนกั เรยี นจะมวี ธิ อี ย่างไรในการนาขอ้ มลู ออกมาเพื่อประมวลผล” แนวคาตอบ : Google Forms จะสรุปภาพรวมของขอ้ มลู ในรูปแบบแผนภมู ไิ ว้ให้ หาก เราตอ้ งการนาข้อมลู ไปใช้งานตอ่ เราสามารถนาขอ้ มูลใน form เก็บลง Google Sheets เพ่อื ความสะดวกในการประมวลผลขอ้ มลู หรอื วเิ คราะห์ขอ้ มูลต่อไป

ขน้ั สอน 1. ผสู้ อนแนะนาวธิ ีการนาขอ้ มูลท่ีไดจ้ าก Google Form เพอ่ื ไปใช้งานต่อไป คือ 1. ไปทแี่ บบฟอรม์ ท่ไี ด้สร้างไว้ 2. ไปท่ี responses หรอื การตอบกลบั 3. เลอื ก Summary responses จะถกู เก็บอยใู่ น Forms พร้อมแสดงแผนภูมิ และเราสามารถเก็บ response ลง spreadsheet ไดด้ ้วย 3 1 2 หมายเลข 1 Summary คอื การประมวลผลแบบสอบถามท่ที าง Google Forms สรปุ ให หมายเลข 2 INDIVIDUAL คอื การดูรายละเอยี ดของแบบสอบถามแตละใบ หมายเลข 3 การดขู อมูลในรูปแบบตาราง ซง่ึ จะสามารถบนั ทกึ ไปแกไขใน Microsoft Excel 2. ผ้สู อนใหผ้ ูเ้ รยี นเปดิ คอมพิวเตอร์เพ่อื ทากิจกรรมจดั การขอ้ มลู สารสนเทศด้วย Google Form และไปทแี่ บบฟอรม์ ของตัวเองที่ไดเ้ คยสรา้ งไวเ้ พอ่ื เก็บรวบรวมข้อมูล จากนั้นใหผ้ ู้เรยี นนาขอ้ มูลที่ ไดไ้ ปทาการวิเคราะหต์ ่อไป 3. ผสู้ อนอธิบายเพมิ่ เติมว่า ใหผ้ เู้ รียนพจิ ารณาวา่ ข้อมลู ที่ไดจ้ ากการที่ Google Forms สามารถ นาไปใช้ประโยชนไ์ ด้เลยหรือไม่ หรือตอ้ งนาไปประกอบการวเิ คราะห์ตอ่ ไป และผู้เรียนจะมี วธิ กี ารวิเคราะหข์ ้อมูลอยา่ งไร

ขนั้ สรุป 4. ผสู้ อนใหผ้ ้เู รียนช่วยกัน บอกประโยชน์และข้อจากัดจากการใช้บริการ Google Form ในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู และการจดั การข้อมลู แนวคาตอบ : ประโยชนของการใชงาน ประหยดั งบประมาณในการพมิ พแบบสอบถาม สะดวกรวดเรว็ สามารถตอบแบบสอบถามไดจากท้งั มือถอื หรือคอมพิวเตอร งายตอการเกบ็ รวมรวมและประมวลผล ไมเสยี คาใชจายในการ สามารถดขู อมลู ไดแบบ Real Time ข้อจากัด ต้องใชง้ านอินเทอร์เนต็ 5. ผู้สอนเปดิ โอกาสให้ผ้เู รียนสอบถามเพิม่ เติม 9. ส่อื การเรยี นรู้ 1. Google Form 2. กจิ กรรมจัดการขอ้ มูลสารสนเทศด้วย Google Form 0 3. 10. การวัดและประเมนิ ผล วธิ ีการ เคร่ืองมือ เกณฑ์ สังเกตพฤติกรรม จาก แบบประเมินพฤติกรรม คณุ ภาพอยใู่ นระดบั ดี ผา่ น กิจกรรมจดั การขอ้ มลู รายบคุ คล เกณฑ์ สารสนเทศดว้ ย Google Form

แบบบนั ทกึ หลงั แผนการสอน ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 จานวน 10 ช่วั โมง เทคโนโลยี วทิ ยาการคานวณ เวลาเรยี น 2 ชว่ั โมง หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 การจดั การข้อมลู สารสนเทศ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 9 การจดั การข้อมลู สารสนเทศ ผลการเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหาอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ…………………….…………….ผ้สู อน (…………………………………) ตาแหนง่ ……………………………………… ………………/…………....../…………… ความคิดเหน็ ของผูบ้ ริหารสถานศึกษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ…………………………….ผูบ้ ริหารสถานศึกษา (…………………..…………………………) ตาแหน่ง……………………………………… ………………/…………....../……………


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook