Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยการเรียนรู้ที่ 1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1

Published by piw_19, 2022-06-01 08:18:53

Description: หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ม.1

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 1 กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 เทคโนโลยี วทิ ยาการคานวณ จานวน 8 ชั่วโมง หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เทคโนโลยสี ารสนเทศ เวลาเรียน 2 ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคิดเชิงคานวณในการแก้ปญั หาท่ีพบในชีวิตจริงอยา่ งเป็นขัน้ ตอน และเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ญั หา ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ รู้เทา่ ทนั และมีจริยธรรม 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology : IT) เป็นเครอ่ื งมือทีม่ บี ทบาทสาคญั ตอ่ การเรียนรู้ และการใช้ชีวิตประจาวนั ในปัจจบุ ันมกี ารใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศอยางแพรห่ ลายดว้ ยประโยชน์ทีห่ ลากหลาย ในการเข้าถึงข้อมลู ผใู้ ชง้ านต้องตระหนกั ถึง ความปลอดภยั ของเทคโนโลยีสารสนเทศ คือ นโยบาย ขน้ั ตอนการ ปฏิบตั ิ และมาตรการทางเทคนคิ ท่นี ามาใชป้ ้องกันการใชง้ านจากบุคคลภายนอก การเปล่ียนแปลง การขโมย หรือ การทาความเสียหายตอ่ เทคโนโลยสี ารสนเทศ 3. ตวั ชว้ี ัด/จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ตวั ชวี้ ดั ว 4.2 ม.1/4 ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั ใชส้ ือ่ และแหล่งขอ้ มลู ตามข้อกาหนดและ ข้อตกลง จดุ ประสงค์ 1. อธบิ ายไดว้ ่าเทคโนโลยีสารสนเทศคอื อะไร (K) 2. ออกแบบเทคโนโลยเี พื่อชว่ ยแกป้ ัญหาในชวี ิตประจาวันได้ (P) 3. เห็นความสาคญั ของเทคโนโลยีทใ่ี ช้ในชวี ิตประจาวนั (A)

4. สาระการเรียนรู้ 1. ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เช่น การปกป้องความเปน็ ส่วนตัวและอตั ลกั ษณ์ 2. การจดั การอตั ลักษณ์ เชน่ การตงั้ รหัสผ่าน การปกปอ้ ง ขอ้ มลู สว่ นตัว 3. การพิจารณาความเหมาะสมของเน้อื หา เชน่ ละเมดิ ความเปน็ ส่วนตัวผู้อ่ืน อนาจาร วิจารณ์ ผอู้ ่นื อย่าง หยาบคาย 4. ข้อตกลง ข้อกาหนดในการใช้สอื่ หรือแหลง่ ขอ้ มูลตา่ ง ๆ เช่น Creative commons 5. สมรรถนะสาคญั 1. ความสามารถในการสอื่ สาร ทักษะการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ ทักษะการคิดอยา่ งเป็นระบบ ทักษะการคิดวิเคราะห์ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา ทกั ษะการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี 6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งมน่ั ในการทางาน 7. ภาระงาน 1. ใบงานท่ี 1.1 เทคโนโลยีสารสนเทศ 2. ใบงานท่ี 1.2 เทคโนโลยีในฝนั 8. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. วิธกี ารสอนแบบสร้างสรรค์เป็นฐาน (Creativity-Based Learning : CBL) 2. วิธกี ารสอนโดยการลงมือปฏิบัติ (Practice)

ชั่วโมงท่ี 1 ขั้นนาเข้าสบู่ ทเรียน 1. ผู้สอนถามผูเ้ รยี นเพอ่ื เป็นการทบทวนความรเู้ ดมิ และเพ่ือกระตุ้นความสนใจของผูเ้ รยี น เช่น “ใน ชวี ิตประจาวันนักเรยี นใชป้ ระโยชน์อะไรจากเทคโนโลยีบา้ ง” แนวคาตอบ : ใช้เพอ่ื อานวยความสะดวก เช่น ตง้ั นาฬกิ าปลกุ ดูแผนที่ โอนเงิน ซอื้ สนิ คา้ และบรกิ าร ใช้เพื่อการศึกษา คน้ คว้าหาความรู้ ทารายงาน ใช้เพือ่ ความบนั เทิง เล่นเกม ดหู นงั ฟังเพลง แชทคยุ กบั เพื่อน ขั้นสอน 2. ผู้สอนแจกใบความรูท้ ่ี 1 เทคโนโลยีสารสนเทศ ใหก้ ับผู้เรียน พร้อมอธิบายใบความรู้ คือ เทคโนโลยสี ารสนเทศ (Information Technology) คอื การประยุกตค์ วามรู้ ทางด้านวิทยาศาสตร์เพอื่ นามาจดั การสารสนเทศทต่ี ้องการ โดยอาศัยเทคโนโลยสี มยั ใหม่ เชน่ เทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยดี า้ นเครือข่ายโทรคมนาคมและการสื่อสาร และอาศยั ความรูก้ ระบวนการดาเนินงานสารสนเทศตัง้ แตข่ ัน้ ตอนการแสวงหา การวิเคราะห์ การจัดเกบ็ ตลอด จนถึงการเผยแพรส่ ารสนเทศและแลกเปลยี่ นสารสนเทศ เพ่อื เปน็ การเพิ่มประสทิ ธภิ าพ ความถูกต้อง ความแม่นยา และความรวดเร็วตอ่ การนามาใช้ประโยชน์ องค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยสี ารสนเทศประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบพื้นฐานทสี่ าคัญ 2 ส่วน คอื เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยกี ารส่ือสารและโทรคมนาคม 1. เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ (Computer Technology) คอมพิวเตอร์ คอื อุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกส์อย่างหน่ึงท่มี คี วามสามารถในการคานวณ อัตโนมัติตามชดุ คาส่งั สามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้กับปัญหาเล็ก จนถงึ ปญั หาใหญไ่ ด้ โดยมีกระบวนการ ทางาน ต้งั แต่การรบั ข้อมูลเขา้ (Input) เพอ่ื ทาการประมวลผล (Process) และนามาแสดงผลลพั ธ์ (Output) ตลอดจนถงึ การเกบ็ ขอ้ มลู (Storage)

2. เทคโนโลยกี ารส่ือสารและโทรคมนาคม เทคโนโลยกี ารส่ือสารและโทรคมนาคม เปน็ องคป์ ระกอบที่ทาหน้าที่เผยแพรแ่ ลกเปล่ยี น สารสนเทศไปยังผู้ทต่ี อ้ งการในแหลง่ ตา่ งๆ ได้อยา่ งสะดวก รวดเรว็ ถกู ต้อง ครบถว้ น และทัน สถานการณ์ โดยสารสนเทศในปจั จบุ ันมหี ลากหลายรูปแบบทใี่ ช้ในการแลกเปลยี่ นซ่งึ กัน 3. ผู้สอนแจกใบงานที่ 1.1 เทคโนโลยีสารสนเทศ ให้ผู้เรียน ตอบคาถามเกยี่ วกบั เทคโนโลยีสารสนเทศ ใหถ้ กู ต้องครบถ้วน 4. ผู้สอนส่มุ ผ้เู รียนออกมาบอกรายการเทคโนโลยสี ารสนเทศทผ่ี เู้ รยี นเขยี น โดยผู้สอน และ ผูเ้ รยี นคน อื่นๆ ชว่ ยกันขยายความ จากรายการเทคโนโลยีสารสนเทศทผี่ ้เู รียนเขียน เชน่ คอมพวิ เตอร์ (Computer) มกี ารประมวลผลตามหลกั เหตุผลของมนษุ ย์หรอื ระบบ ปัญญาประดิษฐ์ สมารท์ โฟน(Smart Phone) สมารท์ เปน็ โทรศพั ท์เคลอื่ นทท่ี ่มี คี วามสามารถท่เี พ่ิมเติม นอกเหนือจากโทรศพั ทม์ อื ถือทัว่ ไปสมารท์ โฟนมีลกั ษณะคลา้ ยเปน็ คอมพวิ เตอรพ์ กพา GPS เป็นระบบทใ่ี ช้แสดงตาแหนง่ บนพน้ื โลก โดยทาการกาหนดตาแหนง่ บนพ้ืนโลกผ่าน ดาวเทยี ม Global Positioning System (GPS) Smart Card เปน็ บัตรพลาสติกท่มี ชี ปิ (Integrated Circuit : IC) ติดหรอื ฝังอยูใ่ นตัวบตั ร พลาสติกมขี นาดเทา่ บตั รเครดิต เพอ่ื ใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู และประมวลผลภายในตวั เอง ชว่ั โมงที่ 2 ขั้นสอน (ตอ่ ) 1. ผสู้ อนแจกใบงานที่ 1.2 เทคโนโลยีในฝนั โดยให้ผ้เู รียน ออกแบบเทคโนโลยที ช่ี ว่ ยแก้ปญั หาใน ชวี ติ ประจาวนั โดยผเู้ รยี นต้องตอบคาถามตามใบงานใหค้ รบถว้ น รวมทงั้ วาดภาพเพ่อื อธิบายลักษณะ ของเทคโนโลยที ผี่ เู้ รยี นออกแบบ 2. ผู้สอนใหเ้ วลาผ้เู รยี นในการทาใบงาน โดยผสู้ อนคอยดูแลความเรยี บรอ้ ย และคอยให้คาแนะนา เพม่ิ เติม

3. ผู้สอนอธบิ ายเพ่ิมเติมว่า เทคโนโลยี เกดิ จากการท่ีมนษุ ยส์ รา้ งหรือพฒั นาขน้ึ ซง่ึ อาจเปน็ ไดท้ ัง้ ช้นิ งาน หรือวิธีการเพื่อใชแ้ ก้ปัญหา สนองความตอ้ งการ หรือเพิม่ ความสามารถในการทาางานของมนุษย์ ระบบทางเทคโนโลยี เปน็ กลมุ่ ของสว่ นต่าง ๆ ตงั้ แตส่ องสว่ นข้ึนไป ประกอบเขา้ ด้วยกันและ ทางานร่วมกนั เพอื่ ใหบ้ รรลวุ ัตถุประสงคโ์ ดยในการทาางานของระบบทางเทคโนโลยจี ะประกอบไป ดว้ ย ตวั ป้อน (input) กระบวนการ (process) และผลผลติ (output) ทสี่ มั พนั ธ์กนั นอกจากนร้ี ะบบ ทางเทคโนโลยีอาจมีขอ้ มูลยอ้ นกลบั (feedback) เพ่อื ใชป้ รับปรุงการทาางานไดต้ ามวัตถุประสงค์ เทคโนโลยีมีการเปลยี่ นแปลงตลอดเวลาต้งั แตอ่ ดตี จนถึงปัจจบุ ันซงึ่ มสี าเหตุหรือปจั จยั มาจาก หลายด้าน เช่น ปัญหา ความตอ้ งการความกา้ วหน้าของศาสตร์ต่าง ๆ เศรษฐกิจ สงั คม 4. ผสู้ อนยกตัวอย่าง เทคโนโลยี ทีเ่ กดิ จากปญั หาและความต้องการ อย่างเช่น วคั ซนี Covid-19 ทแ่ี ต่ละ บริษัทได้คดิ คน้ และผลิตขึ้นมาเพอ่ื ใชใ้ นการรักษามนุษย์ ซ่ึงก่อนหนา้ น้ี มนุษยก์ ไ็ ด้ คิดค้นเทคโนโลยี ยา ขึ้นมา เพื่อบรรเทาและรกั ษาอาการเจ็บป่วย หรือ คดิ คน้ จักรยาน เพ่ือชว่ ยให้ใช้เวลาในการ เดินทางนอ้ ยกวา่ การเดนิ 5. ผสู้ อนสุ่มผ้เู รียนออกมานาเสนอผลงานหน้าชน้ั เรยี น และใหผ้ ู้เรยี นคนอื่นๆช่วยกันแสดงความคิดเหน็ แนะนา เพ่ือนาไปพฒั นาต่อยอดเปน็ ชิ้นงานท่ีอาจเปน็ จริง และช่วยแกป้ ญั หาในชวี ติ ประจาวนั ได้จริง ขนั้ สรุป 6. ผู้สอนสรปุ ให้ผู้เรยี นเข้าใจวา่ ปจั จุบนั เทคโนโลยเี ข้ามามีบทบาทในการดาเนินชวี ติ ประจาวนั อยา่ งมากมาย เปรยี บเสมอื นเป็นอวัยวะท่ี 33 ของมนษุ ย์ ดว้ ยประโยชน์ทีห่ ลากหลายในการเขา้ ถงึ ข้อมูล รวมถงึ การส่งข่าวสารถึงกนั อยา่ งสะดวกและรวดเร็ว ผใู้ ชง้ านจะตอ้ งตระหนักถึงการใช้ เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั และไมล่ ะเมิดหรือกระทาการใดๆทีจ่ ะส่งผลใหผ้ อู้ นื่ ได้รับความ เสยี หาย ผใู้ ชง้ านตอ้ งใชส้ ารสนเทศอยา่ งสร้างสรรค์ และเกดิ ประโยชนส์ งู สุด 7. ผูส้ อนเปดิ โอกาสใหผ้ เู้ รียนสอบถามเพ่มิ เตมิ 9. สอื่ การเรียนรู้ 1. ใบความรู้ท่ี 1 เทคโนโลยสี ารสนเทศ 2. ใบงานที่ 1.1 เทคโนโลยสี ารสนเทศ 3. ใบงานที่ 1.2 เทคโนโลยใี นฝนั 0

10. การวดั และประเมินผล เคร่อื งมือ เกณฑ์ แบบประเมนิ พฤติกรรม วิธีการ คุณภาพอยู่ในระดบั ดี ผ่าน รายบคุ คล เกณฑ์ ประเมนิ พฤตกิ รรมรายบคุ คล จากการทากจิ กรรมใน แบบประเมนิ ผลงาน คณุ ภาพอยูใ่ นระดบั ดี ผ่าน ห้องเรยี น เกณฑ์ แบบประเมนิ ผลงาน ตรวจใบงานท่ี 1.1 เทคโนโลยี คุณภาพอย่ใู นระดบั ดี ผ่าน สารสนเทศ เกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 1.2 เทคโนโลยี ในฝนั

แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 จานวน 8 ชวั่ โมง เทคโนโลยี วิทยาการคานวณ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เวลาเรยี น 2 ชั่วโมง แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 1 เทคโนโลยสี ารสนเทศ ผลการเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหาอปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื …………………….…………….ผูส้ อน (…………………………………) ตาแหน่ง……………………………………… ………………/…………....../…………… ความคดิ เหน็ ของผูบ้ ริหารสถานศกึ ษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื …………………………….ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา (…………………..…………………………) ตาแหน่ง……………………………………… ………………/…………....../……………

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 2 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 เทคโนโลยี วทิ ยาการคานวณ จานวน 8 ชวั่ โมง หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 2 ภยั คุกคามตอ่ เทคโนโลยสี ารสนเทศ เวลาเรยี น 2 ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแกป้ ญั หาท่พี บในชวี ติ จรงิ อย่างเปน็ ขนั้ ตอน และเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารในการเรียนรู้ การทางาน และการแกป้ ญั หา ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ รูเ้ ทา่ ทัน และมจี รยิ ธรรม 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด เทคโนโลยสี ารสนเทศ (Information Technology : IT) เปน็ เคร่อื งมือท่ีมีบทบาทสาคญั ตอ่ การเรียนรู้ และการใชช้ ีวิตประจาวนั ในปจั จุบนั มกี ารใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศอยางแพร่หลายดว้ ยประโยชนท์ ห่ี ลากหลาย ในการเขา้ ถึงข้อมลู ผูใ้ ช้งานตอ้ งตระหนกั ถงึ ความปลอดภัยของเทคโนโลยสี ารสนเทศ คอื นโยบาย ข้นั ตอนการ ปฏบิ ตั ิ และมาตรการทางเทคนิคท่นี ามาใช้ปอ้ งกนั การใชง้ านจากบคุ คลภายนอก การเปล่ยี นแปลง การขโมย หรือ การทาความเสียหายตอ่ เทคโนโลยีสารสนเทศ 3. ตวั ชีว้ ดั /จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ตัวช้ีวัด ว 4.2 ม.1/4 ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ใชส้ ื่อและแหลง่ ขอ้ มลู ตามขอ้ กาหนดและ ขอ้ ตกลง จดุ ประสงค์ 1. ยกตวั อย่างภยั คุกคามตอ่ เทคโนโลยีสารสนเทศได้ (K) 2. ใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งระมดั ระวงั เพอื่ ป้องกนั อันตรายจากภัยคมุ คามตอ่ เทคโนโลยี สารสนเทศ (P) 3. เห็นประโยชนข์ องการทางานรว่ มกันผ่านการใหบ้ รกิ าร Google Slide (A)

4. สาระการเรยี นรู้ 1. ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เช่น การปกปอ้ งความเป็นส่วนตัวและอัตลกั ษณ์ 2. การจดั การอตั ลกั ษณ์ เชน่ การตัง้ รหสั ผา่ น การปกป้อง ขอ้ มูลส่วนตวั 3. การพจิ ารณาความเหมาะสมของเนือ้ หา เชน่ ละเมิดความเปน็ สว่ นตัวผอู้ ื่น อนาจาร วิจารณ์ ผ้อู ื่นอยา่ ง หยาบคาย 4. ขอ้ ตกลง ขอ้ กาหนดในการใช้สอื่ หรือแหล่งขอ้ มูลตา่ ง ๆ เชน่ Creative commons 5. สมรรถนะสาคญั 1. ความสามารถในการสอื่ สาร ทักษะการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ ทกั ษะการคดิ อยา่ งเปน็ ระบบ ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา ทักษะการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี 6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุ่งมน่ั ในการทางาน 7. ภาระงาน 1. ใบงานที่ 1.3 รปู แบบของภัยคุกคาม 2. กิจกรรม Present Threat information system 8. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. วธิ ีการสอนแบบสร้างสรรคเ์ ปน็ ฐาน (Creativity-Based Learning : CBL) 2. วธิ กี ารสอนโดยการลงมอื ปฏิบตั ิ (Practice)

ชัว่ โมงท่ี 1 ข้ันนาเข้าสบู่ ทเรยี น 1. ผสู้ อนเปดิ คลปิ ล่าแฮกเกอร์ เรียกค่าไถข่ อ้ มลู คนไข้ รพ.สระบุรี จากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=Fmsvq7p-bt4 2. ผู้สอนเปิดคลิป ภยั คุกคามทางคอมพวิ เตอร์ จากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=nkRjJMRSWCw เพอ่ื เป็นการกระตุ้นความสนใจและเพื่อ ทบทวนความรูเ้ ดิมของผู้เรยี น 3. เมื่อจบคลปิ ผสู้ อนถามผู้เรยี นเพือ่ เป็นการทบทวนความรูเ้ ดมิ ของผู้เรยี น เช่น “นกั เรยี นอาจจะรู้จัก โจรขโมยของ และนักเรียนรจู้ กั โจรขโมยข้อมลู หรือไม่ จะเกดิ อะไรข้ึนถา้ มีบุคคลทส่ี ามารถขอโมย ขอ้ มลู สว่ นตัวของเราได้” แนวคาตอบ : โจรขโมยข้อมลู หรือ อาชญากรรมทางคอมพวิ เตอร์ (Computer Crime) การใช้ข้อมูลสว่ นบคุ คลของผ้อู ืน่ โดยไมไ่ ด้รับอนญุ าต โดยมีวถัตถปุ ระสงคท์ ไ่ี มด่ ี เช่น ขโมยอีเมลเพื่อเกบ็ เก่ียวขอ้ มลู จากใบเรยี กเกบ็ เงนิ หรอื บญั ชธี นาคาร เพือ่ ใหส้ ามารถเข้าถงึ บัญชีการเงินทมี่ อี ยู่ หรอื ปลอมตวั เป็นเจ้าของข้อมูลเพื่อ หลอกลวงให้ผอู้ ่นื โอนเงินให้ ขัน้ สอน 4. ผูส้ อนอธิบายเพิม่ เตมิ ว่า ทางเทคโนโลยจี ะมกี ลุ่มคนท่มี ีบทบาทเกยี่ วกับการโจรกรรมขอ้ มลู คอื แครก็ เกอร์ Cracker คอื บคุ คลท่ีบกุ รกุ หรอื รบกวนระบบคอมพวิ เตอร์ท่อี ยูห่ ่างไกลด้วยเจตนา รา้ ย cracker เม่อื บกุ รุกเข้าสรู่ ะบบ จะทาลายข้อมลู ทส่ี าคญั ทาใหผ้ ใู้ ช้ไมส่ ามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ หรืออยา่ งน้อยทาให้เกดิ ปัญหาในระบบคอมพวิ เตอรข์ องเปา้ หมาย โดยกระทาของ Cracker มเี จตนา ม่งุ รา้ ยเป็นสาคัญ แฮกเกอร์ Hacker ผ้เู ชย่ี วชาญท่ีมคี วามรใู้ นการถอดหรสั หรือเจาะรหัสได้ สว่ นมากแล้ว hacker จะเป็นโปรแกรมเมอร์ สามารถเข้าไปถงึ ขอ้ มูลในคอมพวิ เตอร์โดยเจาะผ่านระบบ รกั ษาความ ปลอดภยั ของคอมพิวเตอร์ได้

5. แจกใบความรทู้ ่ี 2 ภัยคกุ คามต่อเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้กบั ผู้เรียน พรอ้ มอธิบายใบความรู้ 1. ภยั คุกคามทางระบบฮารด์ แวร์ (Hardware Security Threats) คอื ภยั ที่มีตอ่ ระบบการ จ่ายไฟฟา้ ภยั ทเ่ี กิดจากการทาลายทางกายภาพโดยตรงต่อระบบคอมพิวเตอรน์ ้ันๆและภยั จากการลัก ขโมยโดยตรง 2. ภยั คุกคามทางระบบซอฟตแ์ วร์ (Software Security Threats) การลบซอฟต์แวรห์ รอื การ ลบเพยี งบางส่วนของซอฟต์แวร์นน้ั ๆ การขโมยซอฟตแ์ วร์ (Software Theft) การเปลยี่ นแปลงแกไ้ ข ซอฟตแ์ วร์ (Software Modification) 3. ภัยคุกคามตอ่ ระบบเครือขา่ ยและการสอ่ื สาร (Network System Security Threats) เปน็ ภัยคกุ คามที่มผี ลทาใหร้ ะบบของเครอื ขา่ ยและการสอ่ื สารขดั ข้อง ไมส่ ามารถใชง้ านระบบ เครือขา่ ยและการส่อื สารได้ รวมทงั้ การเขา้ ถงึ อุปกรณเ์ ครอื ขา่ ยเพ่ือปรับแตง่ และแกไ้ ขการทางานโดย ไม่ไดร้ บั อนญุ าต 4. ภยั คุกคามท่ีมีตอ่ ระบบขอ้ มูล (Data Threats) เป็นภยั คกุ คามทท่ี าให้ข้อมลู ทเี่ ปน็ ส่วนตวั หรอื เป็นนความลับถกู เปิดเผยโดยไม่ไดร้ บั อนญุ าต การเปลีย่ นแปลง แกไ้ ข ลบ หรอื นาขอ้ มลู ใดๆ ไปใชชป้ ระโยชนโ์ ดยไมได้รบั อนญุ าต 5. ผสู้ อนอธบิ ายเพิ่มเติมว่า รูปแบบของภยั คุกคามต่อระบบรกั ษาความปลอดภยั ทางคอมพวิ เตอร์ สามารถ แบ่งออกเป็น 5 รปู แบบ คอื - ภัยคกุ คามแกร่ ะบบ - ภยั คกุ คามความเป็นส่วนตวั - ภยั คกุ คามตอ่ ผใู้ ชแ้ ละระบบ - ภัยคกุ คามที่ไมม่ เี ป้าหมาย - ภยั คุกคามท่สี ร้างความราคาญ 6. ผู้สอนใหผ้ เู้ รยี นเปดิ คอมพิวเตอร์ เพอื่ หาขอ้ มลู เกี่ยวกับ ภยั คุกคามในรปู แบบต่างๆ เพิ่มเติม แล้วเขยี นสรุป ลงในใบงานที่ 1.3 รปู แบบของภัยคกุ คาม ผ้สู อนอธบิ ายวิธีการทาใบงาน คอื ให้ผ้เู รียนสรุปเกยี่ วกับภัย คุกคามรปู แบบต่างๆ พร้อมท้ังใส่แหลง่ อา้ งองิ 7. ผู้สอนให้เวลาผู้เรยี นทาใบงาน และคอยให้คาแนะนาเพ่มิ เตมิ 8. ผู้สอนสุม่ ผเู้ รียนออกมานาเสนอข้อมูลทห่ี าได้ โดยให้ผ้เู รียนคนอนื่ ๆ แลกเปลย่ี นขอ้ มลู ทตี่ นเองหาได้ ผ้สู อนให้คาแนะนาเพิ่มเติม

ชว่ั โมงท่ี 2 ข้นั สอน (ต่อ) 1. ผสู้ อนแจกใบความรูท้ ่ี 3 รปู แบบภัยคกุ คามดา้ นขอ้ มูลในคอมพวิ เตอร์ พร้อมอธิบายใบความรู้ คอื มลั แวร์ (Malware) คอื โปรแกรมที่ถูกสร้างขึน้ มาเพอ่ื ประสงค์ร้ายตอ่ เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ มลั แวร์จะขโมย ขอ้ มูลหรือพยายามทาให้เครอ่ื งท่ตี ิดตั้งซอฟตแ์ วร์เกิดความเสียหาย ไวรสั คอมพวิ เตอร์ (computer virus) คือ โปรแกรมคอมพวิ เตอรท์ ่ีบุกรุกเขา้ ไปในเครือ่ งคอมพวิ เตอรโ์ ดยไมไ่ ดร้ บั ความยนิ ยอม จากผู้ใชส้ ว่ นมากมักจะมปี ระสงค์ร้ายและสรา้ งความเสียหายให้กบั ระบบของเคร่อื งคอมพิวเตอร์ และยงั สามารถแพร่ระบาดเข้าส่รู ะบบคอมพวิ เตอรอ์ ืน่ ๆไดด้ ว้ ย หนอนคอมพวิ เตอร์ (computer worm) คือ โปรแกรมท่ถี ูกสร้างขึน้ แล้วแพรก่ ระจายผา่ นระบบเนต็ เวริ ก์ หรืออินเทอร์เน็ตผา่ น ช่องโหวข่ องระบบปฏบิ ัตกิ ารเพอ่ื สรา้ งความเสียหาย ลบไฟล์ สรา้ งไฟล์ หรือขโมยข้อมูล โดยส่วน ใหญแ่ ล้วหนอนคอมพิวเตอร์จะแพร่กระจายผา่ นการสง่ อีเมล์ทแ่ี นบไฟลซ์ ึ่งมีหนอนคอมพวิ เตอร์ อยู่ ไปยังช่ือผ้ตู ิดตอ่ ของเคร่ืองทโี่ ดนตดิ ตั้ง ม้าโทรจนั (Trojan horse) คือ โปรแกรมคอมพิวเตอรท์ ถ่ี กู บรรจเุ ขา้ ไปในคอมพวิ เตอร์ เพื่อเก็บข้อมูล หรือ ทาลาย ขอ้ มูลของคอมพิวเตอร์เคร่ืองน้นั เชน่ ข้อมลู ช่อื ผู้ใช้ รหัสผา่ น เลขทบี่ ญั ชีธนาคาร หมายเลขบัตร เครดติ ขอ้ มูลสว่ นบุคคลอน่ื ๆ สปายแวร์ (Spyware) คือ โปรแกรมทีฝ่ งั ตวั อยู่ในคอมพวิ เตอรท์ าใหท้ ราบขอ้ มลู ของผ้ใู ชง้ าน โดยทเี่ จา้ ของ เคร่อื งคอมพิวเตอร์น้ันไมท่ ราบว่ามีการดกั ดูข้อมูลอยู่ 2. ผ้สู อนแบง่ กล่มุ ใหผ้ เู้ รียน กลุ่มละประมาณ 3 คน ใหผ้ เู้ รียนเปดิ คอมพวิ เตอร์และเปดิ โปรแกรม Google Slide และใหผ้ ู้เรยี นเพิ่มสมาชิกในกลมุ่ รวมทงั้ ผสู้ อน โดยใช้ E-mail ของ Gmail เพ่ือ ทางานร่วมกันแบบ Real Time โดยไปท่ีคาว่า แชร์ (Share) และเพ่ิม E-mail ของสมาชกิ และผู้สอน ลงไป

3. ผู้สอนอธบิ ายวิธกี ารทากิจกรรม Present Threat information system โดยใหผ้ เู้ รียนเลอื ก รปู แบบภยั คกุ คามดา้ นขอ้ มลู ในคอมพิวเตอร์ ซง่ึ ประกอบไปดว้ ย มัลแวร์ ไวรสั คอมพิวเตอร์ หนอน คอมพวิ เตอร์ มา้ โทรจัน และสปายแวร์ โดยใหเ้ ลือกเรอื่ งทสี่ นใจและหาขอ้ มลู เพ่อื ใสล่ งไปใน Slide โดยกาหนดให้ เนอื้ หาใน Slide จะตอ้ งไม่เกิน 10 Slide และจะตอ้ งประกอบไปด้วย 1. รปู แบบภยั คกุ คามท่เี ลอื กทา 2. รายละเอยี ดของรปู แบบภัยคุกคาม 3. ตวั อย่างขา่ ว 4. วธิ ีการป้องกัน 5. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ 4. ผ้สู อนให้เวลาผเู้ รียนในการทา โดยผสู้ อนคอยดแู ลความเรียบรอ้ ย และคอยให้คาแนะนาเพม่ิ เติม ผ่านการให้บรกิ าร Google Slide 5. ผู้สอนให้แต่ละกล่มุ นา Slide ท่ีทาเสรจ็ แล้ว เผยแพร่ในชอ่ งทางตา่ งๆ เพื่อเปน็ แหล่งความรใู้ ห้กบั บุคคลอื่นๆต่อไป ข้นั สรุป 6. ผสู้ อนสรปุ ใหผ้ ูเ้ รียนฟังว่า แนวโน้มภยั คกุ คามในอนาคตอาจมาในรปู แบบของการแทรกซึมเข้าไปใน โปรแกรมประยุกต์ทีผ่ ู้ใช้งานได้ทาการดาวน์โหลดจากแอปพลิเคชนั โสตรข์ องผใู้ หบ้ ริการ โดยเฉพาะ โปรแกรมของสอ่ื สังคมออนไลน์ เน่อื งจากอปุ กรณพ์ กพา รวมไปถึงโปรแกรมในกลมุ่ ของสังคม ออนไลน์ ตอ้ งมกี ารเข้าสรู่ ะบบการทางานบนอนิ เทอรเ์ นต็ ตลอดเวลา ซงึ่ อาจจะมกี ารลักลอบขโมย ขอ้ มูลตา่ งๆได้ 7. ผู้สอนเปิดโอกาสให้ผ้เู รียนสอบถามเพ่มิ เติม 9. สอื่ การเรยี นรู้ 1. https://www.youtube.com/watch?v=Fmsvq7p-bt4 2. https://www.youtube.com/watch?v=nkRjJMRSWCw 3. ใบความรูท้ ่ี 2 ภัยคุกคามตอ่ เทคโนโลยีสารสนเทศ 4. ใบความรู้ที่ 3 รูปแบบภัยคกุ คามด้านขอ้ มูลในคอมพวิ เตอร์ 5. ใบงานที่ 1.3 รปู แบบของภยั คกุ คาม 6. กิจกรรม Present Threat information system 0

10. การวัดและประเมนิ ผล เครือ่ งมอื เกณฑ์ วธิ กี าร แบบประเมินพฤตกิ รรม คณุ ภาพอย่ใู นระดบั ดี ผา่ น รายบุคคล เกณฑ์ ประเมนิ พฤตกิ รรมกลมุ่ จากการทากจิ กรรมกิจกรรม แบบประเมนิ ผลงาน คุณภาพอย่ใู นระดบั ดี ผ่าน Present Threat เกณฑ์ information system ตรวจใบงานที่ 1.3 รูปแบบ ของภัยคุกคาม

แบบบันทกึ หลงั แผนการสอน ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 จานวน 8 ช่ัวโมง เทคโนโลยี วทิ ยาการคานวณ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เวลาเรียน 2 ช่วั โมง แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2 ภยั คุกคามต่อเทคโนโลยสี ารสนเทศ ผลการเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหาอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะแนวทางแก้ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื …………………….…………….ผสู้ อน (…………………………………) ตาแหน่ง……………………………………… ………………/…………....../…………… ความคิดเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื …………………………….ผู้บริหารสถานศกึ ษา (…………………..…………………………) ตาแหนง่ ……………………………………… ………………/…………....../……………

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 3 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 เทคโนโลยี วิทยาการคานวณ จานวน 8 ชวั่ โมง หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 3 การปอ้ งกันและการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เวลาเรียน 2 ชว่ั โมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชงิ คานวณในการแกป้ ัญหาท่พี บในชวี ติ จรงิ อยา่ งเปน็ ขนั้ ตอน และเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ญั หา ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ รู้เทา่ ทัน และมีจริยธรรม 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด เทคโนโลยสี ารสนเทศ (Information Technology : IT) เป็นเคร่อื งมอื ทม่ี บี ทบาทสาคญั ต่อการเรียนรู้ และการใชช้ ีวิตประจาวัน ในปจั จุบนั มกี ารใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศอยางแพรห่ ลายด้วยประโยชนท์ ่ีหลากหลาย ในการเขา้ ถงึ ขอ้ มูล ผใู้ ชง้ านต้องตระหนักถงึ ความปลอดภัยของเทคโนโลยีสารสนเทศ คอื นโยบาย ข้นั ตอนการ ปฏิบตั ิ และมาตรการทางเทคนคิ ทน่ี ามาใช้ป้องกนั การใชง้ านจากบุคคลภายนอก การเปล่ยี นแปลง การขโมย หรอื การทาความเสียหายตอ่ เทคโนโลยสี ารสนเทศ 3. ตวั ชว้ี ัด/จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ตัวช้วี ัด ว 4.2 ม.1/4 ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั ใชส้ ื่อและแหล่งข้อมูลตามข้อกาหนดและ ข้อตกลง จดุ ประสงค์ 1. บอกวิธีป้องกนั ภัยคกุ คามทางคอมพวิ เตอรไ์ ด้ (K) 2. ใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งระมัดระวังเพอื่ ปอ้ งกันอันตรายจากภัยคมุ คามต่อเทคโนโลยี สารสนเทศ (P) 3. เห็นความสาคญั ของการปอ้ งกันภัยคุกคามทางคอมพิวเตอร์ (A)

4. สาระการเรยี นรู้ 1. ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย เชน่ การปกป้องความเปน็ ส่วนตัวและอัตลักษณ์ 2. การจดั การอัตลักษณ์ เช่น การตง้ั รหัสผา่ น การปกปอ้ ง ขอ้ มลู ส่วนตัว 3. การพจิ ารณาความเหมาะสมของเนอื้ หา เช่น ละเมิดความเป็นส่วนตวั ผู้อ่ืน อนาจาร วจิ ารณ์ ผ้อู นื่ อยา่ ง หยาบคาย 4. ข้อตกลง ขอ้ กาหนดในการใชส้ อ่ื หรอื แหลง่ ขอ้ มูลตา่ ง ๆ เชน่ Creative commons 5. สมรรถนะสาคัญ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร ทกั ษะการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด ทกั ษะการคดิ อยา่ งเปน็ ระบบ ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา ทักษะการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี 6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. ม่งุ มัน่ ในการทางาน 7. ภาระงาน 1. กจิ กรรม Infographic วธิ ีป้องกันภยั คกุ คามทางคอมพิวเตอร์ 8. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1. วิธกี ารสอนแบบสรา้ งสรรคเ์ ปน็ ฐาน (Creativity-Based Learning : CBL) 2. วธิ กี ารสอนโดยการลงมอื ปฏิบตั ิ (Practice)

ชัว่ โมงที่ 1 ข้นั นาเขา้ สบู่ ทเรียน 1. ผู้สอนเปิดคลปิ แนวทางและวธิ ีปอ้ งกันภัยคกุ คามทางคอมพิวเตอร์ จากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=9ln_zUOjkBc&t=44s 2. ผู้สอนถามผเู้ รยี นเพือ่ เป็นการกระต้นุ ให้เกดิ การเรยี นรู้ เชน่ “จากคลิปมีวิธกี ารปอ้ งกันภัยคกุ คามทาง คอมพิวเตอร์มอี ะไรบา้ ง?” แนวคาตอบ : 1. ต้งั สติก่อนเปดิ เคร่อื ง 2. กาหนด Password ให้ยากต่อการคาดเดา 3. ติดตัง้ โปรแกรมป้องกันไวรสั 4. ตรวจสอบและ Update ระบบปฏิบตั ิอยู่เสมอ 5. ไมต่ ิดตง้ั ซอฟตแ์ วรเ์ กินความจาเปน็ 6. ไมเ่ ข้าเว็บไซตท์ ่ไี มเ่ หมาะสม 7. สังเกตความปลอดภยั ของเว็บไซต์ทใ่ี ห้บรกิ ารธรุ กรรมออนไลน์ 8. ไมเ่ ปดิ เผยขอ้ มลู สว่ นตวั 9. ศกึ ษาหาความรู้ 10. สารองข้อมูลท่สี าคญั ขั้นสอน 3. ผู้สอนใหผ้ ู้เรียนเปิดคอมพวิ เตอร์ เพ่อื ทากิจกรรม Infographic วธิ ปี ้องกนั ภยั คุกคามทาง คอมพวิ เตอร์ โดยให้ผ้เู รียนหาข้อมูล เกีย่ วกบั วธิ ปี อ้ งกนั ภยั คุกคามทางคอมพวิ เตอร์ และนามาสรุป ออกแบบเป็น Infographic ทเ่ี ขา้ ใจงา่ ย โดยใชโ้ ปรแกรม Microsoft Power Point ในการออกแบบ 4. ผ้สู อนอธิบายข้ันตอนการออกแบบ Infographic เพื่อนาเสนอข้อมูลให้เขา้ ใจง่าย และนา่ สนใจ คือ 1. ทาความเข้าใจจดุ ประสงคใ์ นการทา 2. วิเคราะหก์ ล่มุ เป้าหมาย 3. กาหนดหวั ข้อ และรวบรวมข้อมูล 4. จัดลาดบั ข้อมูล

5. ผู้สอนให้เวลาผู้เรียนในการออกแบบ Infographic โดยผู้สอนคอยดูแลความเรยี บร้อย และคอยให้ คาแนะนาเพ่ิมเติม 6. ผสู้ อนเนน้ ยา้ ผเู้ รยี นในเรือ่ งของแหลง่ อ้างอิงขอ้ มูล ที่ผ้เู รยี นจะนาขอ้ มูลมาใช้งาน 7. ผู้สอนเปิดตวั อยา่ ง Infographic แบบตา่ ง ๆ ให้ผูเ้ รยี นดู เพอ่ื เป็นแนวทาง ช่ัวโมงท่ี 2 ขัน้ สอน (ต่อ) 1. ผูส้ อนใหผ้ ้เู รียนออกแบบ Infographic ให้เสรจ็ เรียบรอ้ ยอีก 20 นาที 2. เมอื่ ครบกาหนดเวลา ผสู้ อนใหผ้ ูเ้ รียนเปดิ ผลงานไวท้ หี่ นา้ จอคอมพิวเตอร์ และผ้สู อนแจกสตกิ๊ เกอร์ให้ ผเู้ รยี นคนละ 3 ชิ้น ใหผ้ ู้รียนแตล่ ะคน เดนิ ดผู ลงานของนกั เรยี นคนอน่ื ๆ และนาไปตดิ ไวบ้ นหน้า จอคอมพิวเตอรข์ องคนอน่ื ๆในชั้นเรยี นทม่ี ีความน่าสนใจและเขา้ ใจง่าย เหมือนการชมนิทรรศการและ การลงคะแนนเลือกผลงานท่โี ดดเดน่

3. ผสู้ อนให้ผูเ้ รียนกลบั นง่ั ประจาเครอื่ งคอมพิวเตอรข์ องตัวเอง และให้นับสติก๊ เกอรท์ หี่ นา้ จอของตวั เอง นกั เรยี นคนใดไดร้ บั สตก๊ิ เกอรม์ ากทส่ี ุดจะเปน็ ผชู้ นะ และ ผู้สอนให้นกั เรยี นคนนั้นออกมานาเสนอผลง งานหนา้ ชน้ั เรียน เพ่ือให้นักเรียนคนอน่ื ๆช่วยกนั พิจารณาและแลกเปลีย่ นความคดิ เห็น 4. ผสู้ ุ่มผลงานของผู้เรียนคนอ่ืนๆ และให้คาแนะนาเพม่ิ เตมิ 5. ผู้สอนอธบิ ายเพิ่มเติมวา่ วธิ ปี ้องกันภยั คกุ คามทางคอมพิวเตอร์ สามารถสรุปได้เปน็ 10 ขอ้ ดงั น้ี 1. ต้งั สตกิ ่อนเปดิ เครื่องก่อน Login เขา้ ใช้งานคอมพวิ เตอร์ตอ้ งมั่นใจวา่ ไม่มีใครแอบดู Password เมอ่ื ไมไ่ ด้อยูห่ นา้ จอคอมพวิ เตอร์ควรลอ็ คหนา้ จอใหอ้ ยู่ในสถานะที่ตอ้ งใสค่ ่า Login อย่าประมาทในการใชง้ านอินเทอรเ์ น็ต ตระหนกั ไว้ว่าขอ้ มูลความลับ อาจถกู เปิดเผยได้เสมอในโลก ออนไลน์ 2. กาหนด Password ท่ียากแก่การคาดเดาควรมคี วามยาวไม่ตา่ กวา่ 8 ตัวอักษร และใช้ อกั ขระพิเศษ ไม่ตรงกบั ความหมายในพจนานกุ รมเช่น ASDFG@# เพ่อื ใหเ้ ดาได้ยากมากขึ้นและการ ใช้งานอนิ เทอร์เนต็ ทว่ั ไป เช่น การ Login ระบบ e-mail ระบบสนทนาออนไลน์ (Chat) หรอื ระบบ เว็บไซตท์ เ่ี ราเปน็ สมาชิกอยู่ ทางท่ดี คี วรใช้ Password ทตี่ า่ งกันบา้ งพอให้จาได้หรือมเี ครอ่ื งมอื ชว่ ย จา Password เขา้ มาชว่ ย 3. สงั เกตขณะเปดิ เครื่องสังเกตขณะเปดิ เคร่ืองว่ามีโปรแกรมไมพ่ ึงประสงค์รนั มาพร้อมๆ กับการเปดิ เครือ่ งหรือไม่ ถ้าดไู มท่ ัน ใหส้ งั เกตระยะเวลาบูตเครอื่ ง หากนานผดิ ปกติอาจเป็นไปได้ว่า เคร่ืองคอมพิวเตอร์ตดิ ปญั หาจากไวรัส หรอื ปญั หาอ่นื ๆได้ 4. หมั่นตรวจสอบและอพั เดทระบบปฎบิ ัตกิ าร (Operating System) เช่น Window ซอฟต์แวร์ทใี่ ชม้ น่ั ตรวจสอบและอพั เดต OS หรอื ซอฟต์แวรท์ ่ีใช้ใหเ้ ป็นเวอร์ชัน่ ปัจจุบัน โดยเฉพาะ โปรแกรมป้องกันภยั ในเครื่อง เช่น โปรแกรมป้องกนั ไวรสั หรือโปรแกรมไฟรว์ อลล์และควรใช้ ระบบปฏิบัติการ และซอฟต์แวร์ทีม่ ลี ขิ สทิ ธน์ิ อกจากนคี้ วรอพั เดตอนิ เทอร์เน็ตบราวเซอรใ์ ห้ทนั สมัย อยู่เสมอ เนื่องจาก Application Software สมยั ใหม่มกั พึ่งพาอนิ เทอร์เน็ตบราวเซอรก์ อ่ ให้เกดิ ช่อง โหวใ่ หมๆ่ 5. ไม่ลงซอฟตแ์ วร์มากเกินจาเป็นเชน่ Internet Browser E-Mail โปรแกรมทางด้าน เอกสาร ตกแต่งภาพ เสยี ง วีดโี อ โปรแกรมป้องกนั ไวรัส และโปรแกรมไฟรว์ อลล์ 6. ไม่ควรเข้าเว็บไซตเ์ ส่ยี งภัย เชน่ เวบ็ ไซตล์ ามกอนาจาร เวบ็ ไซต์การพนัน เวบ็ ไซต์แนบ ไฟล์ .EXEเวบ็ ไซตท์ ี่ Pop-up หลายเพจ เว็บไซต์ทม่ี ี Linkไมต่ รงกับชื่อ 7. สังเกตความปลอดภยั ของเว็บไซต์ท่ใี หบ้ รกิ าร ธุรกรรมออนไลน์Web e-Commerce ที่ ปลอดภัยควร มีลกั ษณะดงั น้ีมกี ารทา HTTPS เนื่องจาก HTTPS จะมกี ารเขา้ รหัสข้อมูล มใี บรับรอง ทางอเิ ล็กทรอนิกส์ CA (Certificate Authority) เชน่ https://www.facebook.com

8. ไม่เปิดเผยขอ้ มลู สว่ นตวั ผา่ น Social Network เลขที่บตั รประชาชน หนงั สือเดนิ ทาง ประวตั กิ ารทางาน เบอร์โทรศพั ทส์ ว่ นตัว ข้อมลู ทางการแพทยห์ มายเลขบัตรเครดติ 9. ศึกษาถงึ ขอ้ กฎหมายเกี่ยวกับการใช้อินเทอร์เน็ต ศึกษาถงึ ข้อกฎหมายเกย่ี วกบั การใชส้ ื่อ อินเทอรเ์ น็ต ตามพระราชบัญญัติวา่ ดว้ ยการกระทาความผดิ เก่ียวกับคอมพิวเตอรฯ์ โดยไมส่ ง่ ตอ่ ภาพ ลามกอนาจร ภาพทต่ี ัดตอ่ ทาให้ผอู้ ืน่ ได้รบั ความเสียหายอับอาย 10. ไมห่ ลงเชื่อโดยงา่ ยอยา่ เชือ่ ในส่ิงทเ่ี หน็ และงมงายกับขอ้ มูลบนอินเทอร์เน็ต ควรหมัน่ ศึกษาหาความรูจ้ ากเทคโนโลยอี ินเทอร์เน็ต และศึกษาขอ้ มลู ใหร้ อบด้าน กอ่ นเชื่อในส่ิงที่ไดร้ บั รู้ ขั้นสรปุ 6. ผูส้ อนสรปุ ใหผ้ ู้เรียนฟังวา่ เทคโนโลยสี ารสนเทศในปัจจุบนั มีการพัฒนาและเกิดความเปลี่ยนแปลง ข้ึนอย่ตู ลอดเวลา ระบบรักษาความปลอดภัยเทคโนโลยสี ารสนเทศจึงมคี วามจาเป็นและควรได้รบั การ พัฒนาอยา่ งต่อเนอ่ื งตามไปด้วย ระบบรักษาความปลอดภยั เทคโนโลยีสารสนเทศ สามารถจาแนก รูปแบบได้ ดังน้ี 1. ระบบรักษาความปลอดภยั สาหรับเคร่ืองผู้ใช้ 2. ระบบปอ้ งกันการโจรกรรมข้อมูล 3. ระบบการเขา้ รหสั ข้อมูล 4. ระบบปอ้ งกนั การเจาะข้อมูล 5. ระบบปอ้ งกนั แฟ้มข้อมลู สว่ นบุคคล 6. ระบบรักษาความปลอดภยั สาหรับเครือขา่ ย 7. ระบบป้องกันไวรัส 7. ผ้สู อนเปดิ โอกาสใหผ้ เู้ รยี นสอบถามเพม่ิ เตมิ 9. สอ่ื การเรยี นรู้ 1. https://www.youtube.com/watch?v=9ln_zUOjkBc&t=44s 2. กจิ กรรม Infographic วธิ ีป้องกันภัยคุกคามทางคอมพิวเตอร์ 0

10. การวดั และประเมนิ ผล เคร่อื งมือ เกณฑ์ แบบประเมินพฤตกิ รรม คณุ ภาพอยใู่ นระดับ ดี ผ่าน วธิ ีการ รายบคุ คล เกณฑ์ ประเมินพฤตกิ รรมจากการทา กิจกรรม Infographic วธิ ี แบบประเมนิ ผลงาน คุณภาพอยู่ในระดบั ดี ผา่ น ป้องกนั ภยั คกุ คามทาง เกณฑ์ คอมพิวเตอร์ ตรวจผลงานจากกจิ กรรม Infographic วิธีปอ้ งกนั ภยั คุกคามทางคอมพวิ เตอร์

แบบบันทึกหลังแผนการสอน เทคโนโลยี วิทยาการคานวณ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 1 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั จานวน 8 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 3 การป้องกนั และการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เวลาเรยี น 2 ชัว่ โมง ผลการเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหาอปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ…………………….…………….ผู้สอน (…………………………………) ตาแหนง่ ……………………………………… ………………/…………....../…………… ความคิดเหน็ ของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………….ผ้บู รหิ ารสถานศึกษา (…………………..…………………………) ตาแหน่ง……………………………………… ………………/…………....../……………

แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 4 กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 เทคโนโลยี วทิ ยาการคานวณ จานวน 8 ช่วั โมง หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 4 จรรยาบรรณในการใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศ เวลาเรยี น 1 ชวั่ โมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปญั หาท่พี บในชีวิตจรงิ อย่างเป็นขนั้ ตอน และเปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปัญหา ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ รู้เทา่ ทนั และมจี รยิ ธรรม 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด เทคโนโลยสี ารสนเทศ (Information Technology : IT) เป็นเครอื่ งมอื ท่ีมบี ทบาทสาคญั ต่อการเรยี นรู้ และการใชช้ วี ิตประจาวัน ในปัจจุบนั มีการใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศอยางแพร่หลายด้วยประโยชน์ที่หลากหลาย ในการเข้าถงึ ขอ้ มูล ผใู้ ชง้ านต้องตระหนกั ถงึ ความปลอดภัยของเทคโนโลยีสารสนเทศ คอื นโยบาย ข้ันตอนการ ปฏิบัติ และมาตรการทางเทคนคิ ทน่ี ามาใช้ป้องกันการใชง้ านจากบุคคลภายนอก การเปลยี่ นแปลง การขโมย หรอื การทาความเสียหายตอ่ เทคโนโลยสี ารสนเทศ 3. ตัวชว้ี ดั /จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ตัวช้ีวดั ว 4.2 ม.1/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั ใชส้ ื่อและแหล่งข้อมลู ตามข้อกาหนดและ ข้อตกลง จุดประสงค์ 1. บอกได้ว่าจรรยาบรรณในการใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศมีอะไรบา้ ง (K) 2. ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศในชวี ติ ประจาวันอยา่ งมจี รรยาบรรณ (P) 3. เห็นความสาคัญของการใช้สารสนเทศอย่างมจี ริยธรรม (A)

4. สาระการเรยี นรู้ 1. ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย เช่น การปกป้องความเปน็ สว่ นตวั และอตั ลักษณ์ 2. การจดั การอัตลักษณ์ เชน่ การตงั้ รหัสผ่าน การปกปอ้ ง ขอ้ มลู สว่ นตวั 3. การพจิ ารณาความเหมาะสมของเนือ้ หา เชน่ ละเมิดความเป็นส่วนตวั ผู้อ่ืน อนาจาร วิจารณ์ ผู้อ่นื อย่าง หยาบคาย 4. ขอ้ ตกลง ขอ้ กาหนดในการใชส้ ่ือหรือแหล่งขอ้ มูลต่าง ๆ เช่น Creative commons 5. สมรรถนะสาคัญ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร ทักษะการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ ทักษะการคิดอย่างเป็นระบบ ทักษะการคดิ วิเคราะห์ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา ทกั ษะการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี 6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งมน่ั ในการทางาน 7. ภาระงาน 1. กจิ กรรม จดจาทาตาม 8. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 1. วธิ กี ารสอนแบบสร้างสรรค์เป็นฐาน (Creativity-Based Learning : CBL) 2. วิธีการสอนโดยการลงมือปฏบิ ตั ิ (Practice)

ช่วั โมงท่ี 1 ขน้ั นาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ผสู้ อนเปดิ คลิป จรยิ ธรรมในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ จากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=emV1yQGm_fM 2. ผสู้ อนถามผูเ้ รยี นเพ่อื เปน็ การกระตุน้ ใหเ้ กดิ การเรียนรู้ เช่น “จากคลปิ จรยิ ธรรมเกี่ยวกับการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศมีอะไรบ้าง?” แนวคาตอบ : 1. ความเปน็ สว่ นตวั 2. ความถกู ตอ้ ง 3. ความเปน็ เจ้าของ 4. การเข้าถงึ ขอ้ มลู ขนั้ สอน 3. ผู้สอนอธบิ ายว่า จรยิ ธรรม คอื หลักประพฤตปิ ฏบิ ตั ทิ ถ่ี กู ต้องเหมาะสมกับการทาหนา้ ทขี่ องบคุ คล เพือ่ ใชเ้ ปน็ แนวทางในการปฏบิ ัติตนอย่างสมบรู ณ์และสอดคล้องกบั มาตรฐานทด่ี งี ามอนั เป็นท่ยี อมรับ ของสงั คม จรยิ ธรรมในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ คอื หลกั ศลี ธรรมจรรยาทก่ี าหนดขึ้นเพอ่ื ใชเ้ ป็น แนวทางปฏบิ ัติ หรือ ควบคมุ การใชร้ ะบบคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศ เม่ือพจิ ารณาถงึ จรยิ ธรรม เก่ยี วกบั การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ จะแบง่ ออกเป็น 4 ประเด็นคือ ความเป็นส่วนตวั ความเปน็ ส่วนตัวของขอ้ มลู และสารสนเทศ โดยทัว่ ไปหมายถงึ สิทธิท่ีจะอยตู่ ามลาพัง และเปน็ สิทธิท่เี จา้ ของสามารถท่ีจะควบคมุ ขอ้ มูลของตนเองในการเปดิ เผยให้กบั ผอู้ นื่ สทิ ธนิ ใี้ ชไ้ ด้ครอบคลุมท้งั ปัจเจกบคุ คล กลมุ่ บุคคล และองค์กร และหนว่ ยงานตา่ งๆ ความถกู ตอ้ ง ขอ้ มูลควรได้รบั การตรวจสอบความถูกตอ้ งก่อนท่จี ะบนั ทกึ ข้อมูลเก็บไว้รวมถงึ การปรับปรุงข้อมลู ใหม้ คี วามทันสมยั อยู่เสมอ นอกจากน้ี ควรใหส้ ทิ ธิแกบ่ ุคคลในการเขา้ ไปตรวจสอบความถกู ตอ้ งของ ขอ้ มูลตนเองได้

ความเปน็ เจา้ ของ เป็นกรรมสิทธใ์ิ นการถือครองทรพั ยส์ นิ ซ่ึงอาจเป็นทรพั ย์สนิ ท่ัวไปทจี่ ับต้องได้ เชน่ คอมพิวเตอร์ รถยนต์ หรืออาจเปน็ ทรพั ย์สินทางปัญญา ทีจ่ ับต้องไมไ่ ด้ เชน่ บทเพลง โปรแกรมคอมพิวเตอร์ แต่ สามารถถา่ ยทอดและบนั ทึกลงในส่ือต่างๆ ได้ เช่น สง่ิ พิมพ์ เทป ซีดรี อม เป็นต้น การเข้าถึงขอ้ มูล การเขา้ ใช้งานโปรแกรม หรอื ระบบคอมพวิ เตอร์ มักจะมีการกาหนดสิทธิตามระดบั ของผใู้ ชง้ าน ทง้ั น้ี เพ่ือเปน็ การป้องกนั การเข้าไปดาเนินการตา่ งๆ กับข้อมลู ของผใู้ ชท้ ไี่ ม่มีส่วนเกยี่ วขอ้ ง และเปน็ การรกั ษาความลับของขอ้ มลู 4. ผสู้ อนแจกใบความรทู้ ่ี 4 จรรยาบรรณในการใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ พร้อมอธบิ ายใบความรู้ จรรยาบรรณ คอื ประมวลความประพฤติที่ผ้ปู ระกอบอาชีพการงานกาหนดขนึ้ จรรยาบรรณใน การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศมดี ังนี้ 1. ไม่ใชค้ อมพวิ เตอร์เพ่ือกอ่ อาชญากรรมหรอื ละเมิดสิทธผิ อู้ ื่น 2. ไมใ่ ช้คอมพวิ เตอรร์ บกวนการผอู้ ่ืน 3. ไมท่ าการสอดแนม แกไ้ ข หรือเปิดดูไฟล์ของผอู้ ่ืนกอ่ นได้รับอนุญาต 4. ไม่ใช้คอมพวิ เตอร์ในการโจรกรรมขอ้ มลู ขา่ วสาร 5. ไมใ่ ชค้ อมพวิ เตอร์สร้างหลักฐานเทจ็ 6. ไม่ใชค้ อมพวิ เตอร์ในการคัดลอกโปรแกรมทมี่ ีลขิ สทิ ธิ์ 7. ไม่ใช้คอมพวิ เตอร์ในการละเมิดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอรโ์ ดยทตี่ นเองไมม่ สี ิทธิ์ 8. ไมใ่ ช้คอมพวิ เตอรเ์ พอ่ื นาเอาผลงานของผ้อู ื่นมาเปน็ ของตน 9. คานงึ ถึงผลของการกระทาทจี่ ะเกดิ ข้นึ กบั สงั คม 10. ใชค้ อมพิวเตอร์โดยเคารพกฎระเบียบ กตกิ า และมารยาท 5. ผสู้ อนใหผ้ ูเ้ รียนเรมิ่ ทากิจกรรม จดจาทาตาม คอื ให้เวลาผเู้ รยี น 15 นาที ในการจดจา จรรยาบรรณ ในการใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ จากนนั้ ผู้สอนให้ผู้เรยี นออกมาบอกกบั ผสู้ อนวา่ จรรยาบรรณใน การใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศมอี ะไรบา้ ง โดยไม่มใี บความรู้ ผู้เรยี นคนใดสามารถบอกจรรยาบรรณ ไดค้ รบถว้ นจะไดค้ ะแนนเต็ม 6. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนร่วมกันเสนอแนะวา่ การเป็นผ้ใู ชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศทีด่ ี ควรมอี ะไรเพิม่ เติมอีก บ้างหรอื ไม่ แนวคาตอบ : การใช้งานอยา่ งสร้างสรรค์และเกดิ ประโยชน์สูงสดุ

ข้ันสรุป 1. ผสู้ อนสรุปให้ผเู้ รียนเขา้ ใจวา่ จรรยาบรรณเป็นส่งิ ที่ทาให้สงั คมอินเทอร์เน็ตเปน็ ระเบียบความ รบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คมเป็นเร่อื งทจ่ี ะต้องปลกู ฝงั กฎเกณฑ์ มีการวางระเบยี บเพ่อื ใหก้ ารดาเนนิ งานเป็นไป อย่างมรี ะบบและเอ้ือประโยชนซ์ ่งึ กันและกัน มีบทลงโทษและจรรยาบรรณที่ชัดเจน เพอื่ ชว่ ยใหส้ งั คม สงบสขุ และหากการละเมิดรนุ แรงกฎหมายก็จะเข้ามามบี ทบาท หลายเครือข่ายไดอ้ อกกฏเกณฑ์ การใช้งานภายในเครือข่าย เพอื่ ให้สมาชิกในเครอื ขา่ ยของตนยึดถือ ปฏิบตั ติ ามกฏเกณฑ์และไดร้ บั ประโยชน์สูงสุด 2. ผู้สอนและผู้เรยี นรว่ มกนั สรุป การใช้งานอย่างสร้างสรรคแ์ ละเกดิ ประโยชน์จะทาใหส้ งั คมอินเทอร์เน็ตน่าใชแ้ ละเปน็ ประโยชน์ รว่ มกนั อยา่ งดี กจิ กรรมบางอยา่ งท่ไี ม่ควรปฏบิ ัติจะตอ้ งหลกี เลยี่ ง ส่ิงทจี่ ะเป็นผลเสียโดยรวมต่อผู้ใช้ และไมเ่ กดิ ประโยชนใ์ ด ๆ ตอ่ สังคมอินเทอรเ์ น็ต 3. ผูส้ อนเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสอบถามเพ่ิมเติม 9. สอื่ การเรียนรู้ 1. ใบความรทู้ ี่ 4 จรรยาบรรณในการใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ 2. กจิ กรรม จดจาทาตาม 3. https://www.youtube.com/watch?v=emV1yQGm_fM 0 3. 10. การวดั และประเมินผล วธิ กี าร เคร่อื งมือ เกณฑ์ ประเมินพฤติกรรมจากการทา แบบประเมนิ พฤติกรรม คณุ ภาพอยใู่ นระดบั ดี ผ่าน กิจกรรม จดจาทาตาม รายบคุ คล เกณฑ์ ตรวจจานวนข้อ แบบประเมิน จานวนข้อทีผ่ เู้ รยี นสามารถ ของจรรยาบรรณในการใช้งาน นบั จานวนขอ้ ทีผ่ ้เู รยี นสามารถ จาได้ เทคโนโลยสี ารสนเทศ จาก กจิ กรรม จดจาทาตาม จาได้

แบบบนั ทกึ หลงั แผนการสอน ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 จานวน 8 ชัว่ โมง เทคโนโลยี วทิ ยาการคานวณ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เวลาเรียน 1 ชว่ั โมง แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 4 จรรยาบรรณในการใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ ผลการเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปญั หาอปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะแนวทางแกไ้ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื …………………….…………….ผู้สอน (…………………………………) ตาแหน่ง……………………………………… ………………/…………....../…………… ความคดิ เหน็ ของผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ…………………………….ผบู้ ริหารสถานศึกษา (…………………..…………………………) ตาแหน่ง……………………………………… ………………/…………....../……………

แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 5 กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 เทคโนโลยี วิทยาการคานวณ จานวน 8 ชั่วโมง หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 5 ขอ้ กาหนด ข้อตกลงในการใช้แหลง่ ข้อมลู เวลาเรียน 1 ช่ัวโมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชวี ติ จรงิ อยา่ งเปน็ ข้นั ตอน และเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารในการเรียนรู้ การทางาน และการแกป้ ญั หา ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ รู้เทา่ ทัน และมจี ริยธรรม 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology : IT) เป็นเครื่องมือท่มี ีบทบาทสาคัญต่อการเรียนรู้ และการใช้ชวี ติ ประจาวนั ในปจั จุบนั มีการใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศอยางแพรห่ ลายด้วยประโยชน์ทหี่ ลากหลาย ในการเข้าถึงข้อมูล ผู้ใชง้ านต้องตระหนักถงึ ความปลอดภัยของเทคโนโลยสี ารสนเทศ คือ นโยบาย ขน้ั ตอนการ ปฏบิ ตั ิ และมาตรการทางเทคนคิ ทนี่ ามาใชป้ ้องกนั การใช้งานจากบคุ คลภายนอก การเปล่ียนแปลง การขโมย หรือ การทาความเสยี หายต่อเทคโนโลยีสารสนเทศ 3. ตวั ช้ีวดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ตัวชว้ี ัด ว 4.2 ม.1/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั ใชส้ ือ่ และแหล่งข้อมลู ตามข้อกาหนดและ ขอ้ ตกลง จดุ ประสงค์ 1. อธบิ ายเก่ียวกบั ข้อกาหนด ข้อตกลงในการใช้แหลง่ ข้อมูลได้ (K) 2. เลอื กใชส้ ื่อและแหลง่ ข้อมลู ตามข้อกาหนดได้อย่างถูกต้อง (P) 3. เหน็ ประโยชน์ของการใชง้ านสญั ญาอนญุ าต (A)

4. สาระการเรียนรู้ 1. ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย เช่น การปกปอ้ งความเปน็ สว่ นตวั และอตั ลักษณ์ 2. การจดั การอตั ลกั ษณ์ เช่น การตั้งรหัสผ่าน การปกป้อง ข้อมูลส่วนตัว 3. การพิจารณาความเหมาะสมของเน้อื หา เช่น ละเมดิ ความเป็นสว่ นตัวผู้อ่นื อนาจาร วิจารณ์ ผู้อื่นอย่าง หยาบคาย 4. ข้อตกลง ข้อกาหนดในการใช้สือ่ หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เชน่ Creative commons 5. สมรรถนะสาคญั 1. ความสามารถในการสื่อสาร ทกั ษะการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ ทกั ษะการคิดอย่างเปน็ ระบบ ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา ทกั ษะการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ทกั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี 6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุ่งมั่นในการทางาน 7. ภาระงาน 1. ใบงานที่ 1.4 เร่อื ง ประโยชน์ของสัญญาอนุญาต (Creative Commons : CC) 8. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 1. วิธีการสอนแบบสรา้ งสรรค์เป็นฐาน (Creativity-Based Learning : CBL) 2. วธิ กี ารสอนโดยการลงมือปฏบิ ตั ิ (Practice)

ชว่ั โมงที่ 1 ขั้นนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ผู้สอนเปดิ คลิป บทสรุปดราม่า กระทงลิขสทิ ธ์ิ | ข่าววันศุกร์ | ขา่ วชอ่ งวนั | one31 จากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=cWaf3fPRKK0 2. ผู้สอนถามผเู้ รยี นเพอ่ื เปน็ การกระตุ้นให้เกิดการเรยี นรู้ และกระตุน้ ความสนใจของผเู้ รียน เชน่ “ถ้า หากเราสรา้ งชิ้นงานขน้ึ มาชน้ิ หนึง่ ดว้ ยความต้งั ใจ และต้องการใหม้ ชี นิ้ เดียวในโลก ไม่ตอ้ งการใหใ้ คร ลอกเลียนแบบ หรอื ตอ้ งได้รบั การอนญุ าตจากเราก่อนนาผลงานไปใชง้ าน เราจะทาอย่างไรได้บ้าง?” แนวคาตอบ : จัดทาสัญญาอนญุ าต (Creative Commons : CC) ข้ันสอน 3. ผู้สอนแจกใบความรูท้ ่ี 5 สัญญาอนญุ าต (Creative Commons : CC) พร้อมอธบิ ายใบความรู้ สญั ญาอนญุ าตครเี อทีฟคอมมอนส์ (Creative Commons หรอื CC) เปน็ สญั ลักษณ์ ในการเผยแพร่ผลงานทั้งภาพ เสยี ง ข้อมลู งานศลิ ปะ หรือสารสนเทศต่าง ๆ ทงี่ ่ายตอ่ การถูก ละเมิดลิขสิทธ์ิ ให้สามารถนา ข้อมลู หรือสารสนเทศเหลา่ นั้นไปใชง้ านได้โดยไมจ่ า เป็นต้อง ขออนุญาตเจ้าของผลงานอีก Creative common มคี วามเกย่ี วข้องกับสง่ิ ต่อไปน้ี ลิขสทิ ธ์ิ (Copyright) คือ สิทธข์ิ องผูส้ ร้าง โดยสิทธ์นิ ้จี ะรวมไปถึงชน้ิ งาน หรือวธิ ีการ ซง่ึ หลังจาก ท่มี ีการเผยแพร่แลว้ ลขิ สทิ ธิจ์ ะตกเปน็ ของผสู้ ร้ างโดยอัติโนมัติ สิทธบิ ตั ร (Patent) คุ้มครอง กระบวนการในการสรา้ งสรรคผ์ ลงาน สิทธบิ ัตรจะตา่ งจากลิขสิทธ์ิ ทต่ี อ้ งยนื่ ขอจดสิทธิบัตรไปยงั กรมทรัพยส์ นิ ทางปญั ญา มขี ั้นตอนดา้ นเอกสารและค่าใช้จ่ายเกดิ ขนึ้ ทรพั ย์สินทางปัญญา (Intellectual Property) ซึ่งครอบคลุม ลิขสิทธ์ิ สิทธิบตั ร เครอื่ งหมาย การค้า และความลับทางการค้า สัญลกั ษณ์การประกาศสัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ (CC)

แสดงทีม่ า/อา้ งท่ีมา (Attribution – BY) : ต้องแสดงท่ีมาของชนิ้ งานตามรูปแบบทีผ่ สู้ ร้างสรรค์ หรือผอู้ นญุ าตกาหนด ไมใ่ ชเ้ พ่ือการค้า (NonCommercial – NC) : ไม่ใหน้ าข้อมูลไปใช้เพ่ือวัตถปุ ระสงค์ทางการค้า ไมด่ ัดแปลง (No Derivative Works –ND) : ไม่แก้ไข เปล่ยี นแปลง หรือสรา้ งงานจากงานน้ี อนุญาตแบบเดียวกัน (Share Alike – SA) : วา่ ต้องใช้สญั ญาอนุญาตชนิดเดียวกันกบั งาน ดัดแปลงต่อยอดใชส้ ญั ลักษณ์ ท้งั นี้ การกาหนดสญั ญาอนุญาต ทาไดโ้ ดยการระบเุ งื่อนไขร่วมกันไดใ้ น 6 แบบ ดังน้ี Attribution CC – BY ใหเ้ ผยแพร่ ดัดแปลง โดยต้องระบุท่ีมา Attribution CC – BY -SA ให้เผยแพร่ ดัดแปลง โดยต้องระบุท่มี าและต้องเผยแพรง่ าน ดัดแปลงโดยใชส้ ัญญาอนุญาตเดียวกัน Attribution CC – BY -ND ใหเ้ ผยแพร่ โดยตอ้ งระบุทม่ี า แตห่ ้ามดดั แปลง Attribution CC- BY -NC ให้เผยแพร่ ดดั แปลง โดยต้องระบุทม่ี าแต่ ห้ามใช้เพื่อการค้า Attribution CC- BY – NC – SA ใหเ้ ผยแพร่ ดัดแปลง โดยต้องระบทุ มี่ าแต่ห้ามใช้เพอื่ การคา้ และต้องเผยแพร่งานดดั แปลงโดยใชส้ ญั ญาอนุญาตชนดิ เดยี วกนั Attribution CC- BY – NC -ND ให้เผยแพร่ โดยตอ้ งระบุท่มี าแตห่ า้ มดดั แปลงและหา้ มใชเ้ พือ่ การค้า

4. ผูส้ อนแจกใบงานท่ี 1.4 เร่ือง ประโยชน์ของสัญญาอนญุ าต (Creative Commons : CC) พร้อม อธบิ ายวิธกี ารทาใบงาน คือ ให้ผ้เู รียนเขียนประโยชน์ เกี่ยวกับการใช้ Creative Common ใหไ้ ดม้ าก ทส่ี ดุ ภายในเวลา 10 นาที ผเู้ รียนคนใดสามารถเขียนประโยชนไ์ ด้มากทส่ี ดุ จะเปน็ ผู้ชนะ 5. ผูส้ อนสุ่มผู้เรยี นออกมานาเสนอ เกีย่ วกับประโยชน์การใช้ Creative Common โดยผสู้ อนและผ้เู รียน คนอนื่ ๆช่วยกันเสนอแนะ และแลกเปลี่ยนความคดิ เห็นเพ่มิ เตมิ ขน้ั สรปุ 6. ผสู้ อนสรปุ ใหผ้ ู้เรยี นเขา้ ใจว่า ในฐานะที่เราเปน็ บุคคลทีใ่ ชส้ อ่ื หรอื แหล่งข้อมลู ต่างๆ บนอนิ เทอร์เน็ต เราจงึ ควรมมี ารยาทในการใช้สอ่ื หรือ แหลง่ ข้อมลู ดงั นี้ - ตรวจสอบความถูกต้องของขอ้ มลู - ใช้ภาษาทส่ี ุภาพและเป็นทางการในการเผยแพร่ข้อมลู บนอนิ เทอรเ์ น็ต - เผยแพรข่ ้อมลู และข่าวสารท่ีเป็นประโยชนใ์ นทางสร้างสรรค์ - ควรระบแุ หล่งทม่ี า - ไม่ควรเผยแพร่ข้อมลู ขา่ วสาร หรือ โปรแกรมของผอู้ น่ื ก่อนได้รบั อนญุ าต - ไมค่ วรเผยแพร่โปรแกรมทีน่ าความเสียหาย 7. ผู้สอนใหผ้ เู้ รยี นชว่ ยกันเสนอแนะเกี่ยวกับมารยาทในการใช้สอ่ื เพ่ิมเตมิ 8. ผู้สอนเปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรียนสอบถามเพ่ิมเติม 9. ส่อื การเรียนรู้ 1. ใบความรทู้ ่ี 5 สญั ญาอนญุ าต (Creative Commons : CC) 2. ใบงานที่ 1.4 เรอ่ื ง ประโยชน์ของสัญญาอนญุ าต (Creative Commons : CC) 3. https://www.youtube.com/watch?v=cWaf3fPRKK0 0 3. 10. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครือ่ งมอื เกณฑ์ ตรวจ ใบงานท่ี 1.4 เร่ือง แบบประเมิน คณุ ภาพอยูใ่ นระดับ ดี ผ่าน ประโยชน์ของสัญญาอนญุ าต เกณฑ์

แบบบันทกึ หลังแผนการสอน ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 1 จานวน 8 ช่ัวโมง เทคโนโลยี วิทยาการคานวณ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย เวลาเรียน 1 ช่ัวโมง แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 5 ขอ้ กาหนด ข้อตกลงในการใช้แหล่งข้อมลู ผลการเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหาอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ…………………….…………….ผู้สอน (…………………………………) ตาแหนง่ ……………………………………… ………………/…………....../…………… ความคิดเหน็ ของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ…………………………….ผู้บริหารสถานศึกษา (…………………..…………………………) ตาแหนง่ ……………………………………… ………………/…………....../……………


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook