การปรนนบิ ัตบิ ารงุ ๑.ผบช.มงุ่ หวังในการปบ. ในหน้าที่พลขบั (ขัน้ ท่ี ๑)น้นั เพ่อื ประสงค์อะไร ก.ต้องการใหม้ งี านทา ข. เพอื่ ต้องการเบกิ สป. ค.เพอื่ เอาไปแก้ไขข้อบกพร่อง ง.เพอ่ื รักษาง.ยุทโธปกรณ์และเพ่อื ใหม้ ปี ระสิทธิภาพ ๒.การปบ. เมื่อตรวจพบข้อบกพร่องหรอื ทางานไมส่ มบูรณเ์ กนิ ข้ันที่ ๑พลขบั ต้องปฏบิ ตั อิ ยา่ งไร ก.แขวนปูายชะงักใช้งาน ข.รายงาน ผบช.ทราบทนั ที ค.ทาการแก้ซ่อมเองได้เลย ง.ส่งซอ่ มตามสายงานของ ผบช. ๓.จ่าสิบเอกปยิ ะทัศน์ฯ นา รยบ.บรรทุกนา้ ขนาด ๕,๐๐๐ ลิตรไปส่งนา้ ขณะวิง่ อยู่ไดย้ ินเสยี งเครอ่ื งยนต์ดังไม่สม่าเสมอแลว้ จดจา ไป ปบ.เมอ่ื ถงึ หน่วยถอื วา่ เปน็ การ ปบ.หว้ งใด ก.การ ปบ.ขณะใช้งาน ข.การ ปบ.ขณะหยุดพัก ค.การ ปบ. หลังใช้งาน ง.การ ปบ.ก่อนใชง้ าน ๔.ข้อใดกล่าวถูกต้องแล้ว ก.การ ปบ.ขัน้ ๑ เป็นงานในหน้าท่ีพลขบั ทาก็ได้ไม่ทาก็ได้ ข.การ ปบ.ขัน้ ๑ เปน็ การตรวจสภาพทว่ั ไปเพื่อให้ทราบข้อบกพร่องของยทุ โธปกรณ์ ค.การ ปบ.ข้นั ๑ ต้องทาบ่อยๆ เพอื่ จะไดน้ าไปเบิก สป. ง.ทกี่ ล่าวมาแลว้ ถกู ต้องทุกข้อ ๕.การปบ.ในหนา้ ทพ่ี ลขบั (ขั้นท่ี ๑) มีการปบ.หลกั อยู่ ๓ ข้นั คอื ข้อใด ก.ก่อนใช้งาน ขณะใชง้ านและหลังใชง้ าน ข.ก่อนใชง้ าน ขณะหยุดพักและขณะใชง้ าน ค.ขณะหยดุ พัก ขณะใช้งานและในโรงรถ ง.หลงั ใช้งาน ขณะใช้งานและในโรงรถ ๖.การปรนนิบตั บิ ารงุ เปน็ หัวใจสาคญั พลขับจะละเลยเสยี มิได้ คือการ ปบ.ประเภทไหน ก.การ ปบ.รอบ ๓ เดือน ข.การ ปบ. รอบ ๖ เดอื น ค.การ ปบ.ประจาวัน ง.การ ปบ.ประจาสปั ดาห์ ๗.ก่อนนา รยบ.ออกไปใชง้ าน พลขับทาการตรวจสภาพเรียบรอ้ ย เปน็ การตรวจสภาพท่ัวไปด้วยอะไร ก.ตรวจสภาพดว้ ยหู ข.ตรวจสภาพดว้ ยความชานาญ ค.ตรวจสภาพด้วยจมูก ง.ตรวจสภาพด้วยสายตา ๘. พลขับทุกคนที่นารถออกใชง้ านจะต้องมบี ัตรการใชร้ ถประจาวนั เสมอ แต่มีข้อยกเวน้ อะไรบา้ ง ก. ขบั รถเข้าขบวน,ขบั รถพยาบาลฉุกเฉิน ข. ขบั รถพยาบาลฉุกเฉิน,ขับรถปฏบิ ตั งิ านทางยุทธวธิ ี ค. ขบั รถปฏิบตั ิงานทางยทุ ธวิธ,ี ขับรถรับส่งทหารกองเกยี รติยศ ง. ขับรถเขา้ ขบวน,ขับรถปฏบิ ัตงิ านทางยทุ ธวธิ ี ๙. การ ปบ.ประจาวันจะปฏิบัตใิ นกรอบของแบบพมิ พ์ อะไร ก. ทบ. 468 – 360 ข. ทบ. 468 – 310 ค. ทบ. 468 – 201 ง. ทบ. 468 – 378 ๑๐. พลขบั จะกระทาการ ปบ.ขณะใชง้ าน จะกระทาการได้อย่างไร ก. ตรวจดูรอยบริเวณใตร้ ถ ข.ฟงั เสียงและกลิน่ ท่ีผดิ ปกติ ค. ตรวจเคร่อื งช่วยความปลอดภัยขณะขบั รถ ง. สังเกตดูระดบั น้าในเครื่องวัดขณะขบั รถ
วชิ า การปรนนบิ ัตบิ ารงุ ยานยนต์ * ขอ้ ใดกล่าวถูกต้องแลว้ ตอบ : การ ปบ.ข้ัน ๑ เป็นการตรวจสภาพทวั่ ไปเพื่อใหท้ ราบขอ้ บกพร่องของยุทโธปกรณ์ *ผบช.มุ่งหวังในการปบ. ในหน้าทพี่ ลขับ (ขั้นที่๑) นนั้ เพ่ือประสงค์อะไร ตอบ : เพ่อื รักษายุทโธปกรณ์และเพื่อให้มีประสิทธิภาพ *การปรนนบิ ัตบิ ารุงของช่างประจาหน่วยผ้ใู ดเปน็ ผ้ชู ว่ ยชา่ งในการปบ. ตอบ : พลขบั *สาเหตใุ ดจงึ ต้องทาการปรนนบิ ตั บิ ารงุ ขนั้ ๑ก่อน ตอบ : เพือ่ ให้รูส้ าเหตแุ ห่งการชารดุ แล้วดาเนินการแก้ไข *การเติมลมยางเตมิ น้าในหม้อนา้ ทาความสะอาดเป็นการกระทาอะไร ตอบ : การปรนนิบัตบิ ารุง คณุ ลกั ษณะยานยนต์ ๑.คาวา่ “ รถบรรทุก ” ทางทหารหมายความวา่ อะไร ก.รถทีใ่ ช้ล้อสาหรับเคล่ือนย้ายคน ข.รถทใ่ี ชล้ อ้ สาหรบั เคล่ือนย้ายคน,สตั ว์,สิง่ ของ ค.รถทใ่ี ช้ลอ้ สาหรับเคล่ือนยา้ ยคน,อาวุธ,กระสุน,และเคร่ืองมอื เครื่องใช้ ง.รถท่ีใชล้ อ้ หรอื สายพานสาหรับบรรทกุ คน และส่งิ ของทางทหาร ๒.รยบ.๑/๔ ตนั ๔x๔ เอม็ ๑๕๑ เอ.๑ อยากทราบว่า ๔x๔ หมายความว่าอยา่ งไร ก.รถท่ีม๔ี ล้อ เคลื่อนที่ไดท้ ัง้ ๔ ลอ้ ข.รถที่ม๔ี ลอ้ มีกาลังขบั เคลอ่ื น ๔ ลอ้ ค.รถทมี่ ๔ี ลอ้ ลากจงู รถพว่ งทีม่ ีลอ้ ๔ ล้อ ง.รถทม่ี ๔ี ล้อ บรรทกุ กาลงั พลได้ ๔คน ๓.ข้อใดคือความหมายของคาว่า “น้าหนักรถ” ก.น้าหนักสัมภาระหรือผู้โดยสาร รวมท้ังเจ้าหนา้ ทป่ี ระจารถ ข.นา้ หนกั ทั้งหมดของรถท่ีติดต้งั อปุ กรณพ์ ร้อมด้วยเติมน้ามันเช้อื เพลงิ เรยี บร้อย แต่ไม่มีพลประจารถ ค.นา้ หนกั ท้ังหมดของรถท่ีตดิ ตงั้ อปุ กรณพ์ ร้อมเตมิ น้ามันเช้ือเพลิงเรยี บร้อย รวมท้งั พลประจารถ ง.น้าหนกั ของรถทัง้ หมดท่ตี ดิ ตัง้ อุปกรณแ์ ละสามารถปฏิบตั ิการได้ รวมทั้งพลประจารถ และนา้ หนกั สมั ภาระ ๔.ข้อใดต่อไปน้ีคอื “ ระยะสูงพน้ พื้น ” ของรถ ก.ระยะระหวา่ งระดบั พืน้ ดนิ กับความสูงของล้อรถ ข.ระยะระหวา่ งระดบั พน้ื ดินกับพน้ื ใตท้ ้องรถ ค.ระยะระหว่างระดบั พื้นดนิ กับจดุ ทีต่ ่าทีส่ ุดใต้ทอ้ งรถ ง.ระยะระหว่างระดบั พนื้ ดินกับกนั ชนหน้ารถ ๕.ถ้าแบง่ ประเภทยานยนต์ตามลกั ษณะการใชง้ านอยากทราบวา่ รยบ. ๒ ๑/๒ ตัน เอ็ม ๓๕ จะจดั อยูใ่ นยานยนตช์ นดิ ใด ก.ยานยนต์ธุรการ ข.ยานยนต์ใช้งานทั่วไป ค.ยานยนตย์ ุทธวธิ ี ง.ยานยนต์ตดิ ต้ังอปุ กรณ์พิเศษ ๖.ประเภทของยานยนตแ์ บ่งตามลักษณะการใช้งานไดก้ ช่ี นิด ก.๑ ชนดิ ข.๒ ชนดิ ค.๓ ชนิด ง.๔ ชนิด ๗.รถกู้๕ตนั จดั อยใู่ นยานยนต์แบบใด ก.ยานยนตใ์ ช้งานทวั่ ไป ข.ยานยนตร์ บ ค.ยานยนต์ใช้งานพเิ ศษ ง.ยานยนตต์ ดิ ตัง้ อุปกรณ์พเิ ศษ ๘.การปรนนบิ ตั ิบารุงก่อนใช้งานกระทาเพ่ืออะไร ก.ดูความถูกต้องของยานพาหนะ ข.ตรวจระบบตา่ งๆ ของเครอื่ งยนต์ค.ตรวจสภาพการยึดตรึงของตัวรถ ง.ถกู ทกุ ข้อ
๙.ขอ้ ใดคือความหมายของ “ รถพว่ ง ” ? ก. รถทอี่ อกแบบไว้สาหรับลากจงู โดยมีคาน และห่วงสาหรบั เกาะ ข. รถยนต์ทีอ่ อกแบบไวล้ ากจูงได้โดยมีห่วงสาหรบั เกาะ ค. รถยนต์ทีอ่ อกแบบไวส้ าหรบั ลากจงู ได้ทุกสภาพถนนโดยมหี ่วงสาหรับเกาะ ง. รถยนต์ท่อี อกแบบให้มีกาลงั มากๆเพ่ือจะไดล้ ากจูงได้ ๑๐.รยบ. ๑/๔ ตัน ๔ x ๔ เอ็ม ๑๕๑ เอ.๑ อยากทราบวา่ ๑/๔ ตนั หมายถึงอะไร ? ก. นา้ หนักรถ ข. นา้ หนกั บรรทกุ ค. น้าหนักบรรทกุ ในภูมปิ ระเทศ ง. น้าหนักทัง้ หมดของรถ วชิ า คุณลกั ษณะยานยนตท์ หาร * ขอ้ ใดต่อไปน้ีคือ “ ระยะสูงพ้นพน้ื ” ของรถ ตอบ : ระยะระหว่างระดบั พื้นดนิ กบั จุดทตี่ า่ ทสี่ ุดใตท้ ้องรถ * นา้ หนักทั้งหมดของรถทีต่ ิดตั้งยทุ โธปกรณ์พร้อมด้วยเติมนา้ มันเช้ือเพลิง นา้ นา้ มันหล่อล่ืน แตไ่ ม่มีพลประจารถคอื ความหมาย ของคาว่าอะไร ตอบ : น้าหนกั ทั้งหมด * การแบ่งประเภทของยานยนต์ตามลกั ษณะการใชง้ าน จะแบ่งได้ก่ีประเภท อะไรบ้าง ตอบ : ๒ ประเภท ๑. ยานยนตธ์ ุรการ ๒. ยานยนต์ยทุ ธวิธี * ระยะปฏิบตั ิการ หมายความว่าอย่างไร ตอบ : ระยะทางที่ยานยนต์สามารถทางานได้ภายในน้ามนั เชอื้ เพลงิ เต็มถัง * รถกู้ ๕ ตัน จัดอยูใ่ นยานยนตแ์ บบใด ตอบ : ยานยนตต์ ดิ ต้ังอุปกรณ์พเิ ศษ การสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด 1.ข้อใดคือความหมายของการสนับสนนุ ทางอากาศโดยใกลช้ ิด ก. การปฏิบัตทิ ลี่ ึกเข้าไปในดินแดนขา้ ศึก เปูาหมายไมจ่ าเป็นต้องมีการควบคุม ปฏบิ ัตไิ ด้ตามเสรี ตามความริเรม่ิ ของกองทัพอากาศ ข. การปฏบิ ัตทิ างอากาศหรอื การโจมตที างอากาศที่กระทาต่อเปาู หมายของ ขศ. บนผิวพนื้ โดยการรอ้ งขอจากหนว่ ยภาคพน้ื ค. การปฏบิ ตั ไิ ปตามความรเิ ริ่มของกาลังทางอากาศหลงั จากได้วางแผนร่วมกับหนว่ ยกาลังภาคพน้ื ง. การปฏบิ ัติทางอากาศหรือการโจมตที างอากาศที่กระทาต่อเปูาหมายทลี่ ึกเข้าไปในดนิ แดนของ ขศ. หลังจากได้วางแผนรว่ มกับกาลงั ทางอากาศ 2.ขอ้ ใดไมจ่ ัดว่าเปน็ ประเภทของการสนบั สนนุ โดยใกลช้ ดิ ก. การคมุ้ กันขบวนเดินเท้า ข. การบินคุม้ กัน ค. การโจมตีทางอากาศ ง. การขดั ขวางทางอากาศ 3.ผคู้ วบคุมอากาศยานหน้าคือใคร (FAC) ก. ผู้ตรวจการณ์ที่ได้รับการฝึก ข. นายทหารอากาศ (นักบิน) ค. ผบู้ งั คับหน่วยทผ่ี ่านการอบรม ง. ถูกทุกขอ้
4.ในการจัดหน่วยควบคมุ ทางอากาศยทุ ธวธิ ี จะมชี ดุ ผูค้ วบคุมอากาศยานหน้า (ชผคน)ที่จัดสง่ ออกไปปฏบิ ัติการรว่ มกับหน่วย กาลงั ภาคพ้ืน มีหน้าที่ให้คาแนะนาตอ่ ผบ.หน่วยนนั้ เก่ียวกับการขอใช้กาลงั ทางอากาศและทาหนา้ ที่ส่งคาขอไปยังหน่วยเหนือท่มี ี อานาจในการสงั่ ใช้กาลังทางอากาศ อยากทราบวา่ ชผคน.จะจดั สง่ ไปหนว่ ยถึงหนว่ ยภาคพืน้ ระดบั ใด ก. กองทัพภาค ข. กองพล ค. กองกาลงั ผสม ง. กรมและกองพัน 5.ข้อใดเป็นคุณสมบัติของผู้นาอากาศยานหนา้ FORWARD AIR GUIDE (FAG) ก. มีความรยู้ ุทธวธิ ภี าคพ้นื และยทุ ธวิธีอากาศยาน ข. มคี วามรูภ้ าษาองั กฤษและการอา่ นแผนท่ี ค. ผ่านการอบรมหน้าท่ี ผนอ. (FAG) ง. มีควมารู้การติดต่อสอ่ื สาร,ยทุ ธวธิ ภี าคพนื้ และยุทธวธิ ีอากาศยาน 6.พ้นื ทใ่ี นการสนับสนนุ ทางอากาศโดยใกล้ชิด ข้อใดกลา่ วถูกต้อง ก. จากหนา้ สดุ ของการวางกาลงั ฝุายเราไปจนถงึ ขอบหน้าของเขตภายในข้าศึก ข. จากแนวประสานการยิงสนบั สนุนและเขา้ ไปในเขตภายในข้าศึก ค. จากขอบหน้าพน้ื ท่ีการรบไปจนถงึ แนวประสานการยงิ สนับสนนุ ง. จากขอบหนา้ พื้นท่ีการรบไปจนถงึ เขตภายในขา้ ศึก 7.การสง่ คาขอทันที(เรง่ ดว่ น) จะต้องใหค้ าขอถงึ ผูม้ ีอานาจอนุมัติการใช้ บ. ของ ทอ. และจะไดร้ บั การตอบสนองในเวลาอย่างชา้ เทา่ ไร ? ก. 2 ช่ัวโมงเข้ารหัส ข. 6 ช่วั โมงเขา้ รหัส ค. 2 ชั่วโมงไมเ่ ขา้ รหัส ง. 6 ชวั่ โมงไม่เข้ารหัส 8.คาขอทนั ทที ันใดมหี ัวข้ออะไรบา้ ง ? ก. ใคร อะไร ที่ไหน เมอ่ื ไร อยา่ งไร เทา่ ไร ข. ใคร อะไร ทไี่ หน ทาไม เมื่อไร ค. ใคร อะไร ทไ่ี หน เมื่อไร ทาไม อย่างไร ง. ใคร อะไร ท่ไี หน อยา่ งไร 9.กอ่ นทีเ่ คร่อื งบินจะออกจากจุดบนิ วน(CP) นกั บินจาไดร้ บั ข้อมูลข่าวสารจากหนว่ ยภาคพื้นในเรื่องใดบ้าง ข้อใดกล่าวถูกต้อง ก. สภาพอากาศ ลกั ษณะท่ีหมาย สถานการณ์ข้าศึก ข. นามเรยี กขาน จานวนละแบบอากาศยาน เวลาในการให้การสนับสนนุ ค. สภาพอากาศ ลักษณะทีห่ มาย สถานการณ์ข้าศึกและการต่อตา้ น แนวกาลงั ฝาุ ยเดียวกนั การยิงของ ปืนใหญ่ ง. นามเรียกขาน ลกั ษณะทห่ี มาย สภาพอากาศ เวลาในการให้การสนบั สนนุ 10.หลังจากเครื่องบินโจมตเี ปูาหมายแลว้ หนว่ ยภาคพ้นื จะต้องรายงานผลการโจมตีเปาู หมายใหน้ ักบนิ ทราบ ข้อใดกล่าวไม่ ถูกต้องในขั้นตอนนี้ ก. แจ้งตาบลระเบดิ หรือตาบลกระสุนตก ข. แจง้ ผลการทาลายเปาู หมายเป็นเปอร์เซน็ ต์ ค. แจ้งเวลาระเบดิ กระทบเปาู หมาย ง. ปรบั แก้ตาบลกระสุนตกให้นักบนิ 11.การพสิ จู นฝ์ ุายเพื่อต้องการทราบวา่ เป็นหน่วยทหารฝุายเดียวกนั ส่ิงทตี่ อ้ งแสดงนัน้ อย่างไร ? ก. แผ่นผา้ สัญญาณ VS - 17 ปูเป็นตัวอักษร ข. ลข.ควันสีแดง ค. ทัศนสัญญาณ ง. หมายแนว หมายที่ต้งั
12.ในการเตรยี มการในระหวา่ งรออนุมตั คิ าขอ และรออากาศยานมาสนับสนนุ ผบู้ งั คับหน่วยจะตอ้ งกระทา สิ่งใดบา้ ง? ก.ดารงการตดิ ต่อสอ่ื สารกับ ป. หน่วยเหนอื ข.ผบ.หนว่ ย ให้ พลวทิ ยุเปน็ ผใู้ ชว้ ิทยเุ พียงผูเ้ ดียว ค.ใหก้ าลงั พลในหนว่ ยเฉลี่ยกระสุนเตรยี มตะลมุ บอน ง.ถกู ทขุ ้อ 13.ผนู้ าอากาศยานหนา้ (FAG) มีหน้าที่อย่างไร ก. นาอากาศยานเข้าโจมตีเปูาหมายได้ ข. รายงานสภาพอากาศ ค. แนะนา บ.โจมตี เกี่ยวกับทิศทางที่ปลอดภยั ง. ถูกทกุ ข้อ 14.จุดทีไ่ ด้กาหนดอ้างทางภูมิศาสตรบ์ นพนื้ ดนิ หรือบนผวิ น้าใชเ้ พื่อเป็นตาบลให้เคร่ืองบนิ หรือการส่งทางอากาศมาปรากฏทน่ี ้ัน คือความหมายอยา่ งไร ก. ที่ตงั้ ข้าศึก ข. จุดบินวน ค. ทีต่ ้ังฝาุ ยเดยี วกนั ง. ทศิ ทางการโจมตี 15.ในการปูอักษรรหสั บอกฝุายเม่ือ บ. ใกลถ้ ึงทตี่ ้งั หน่วย ใครต้องเปน็ ผู้ส่ังให้ปสู ญั ญาณ ก. นกั บนิ ข. ผบ.หนว่ ย ค. ผนอ. ง. หน.ชดุ ปแู ผน่ ผ้า วชิ าการสนบั สนุนทางอากาศ *ขอ้ ใดไมจ่ ัดวา่ เปน็ ประเภทของการสนับสนนุ โดยใกลช้ ดิ ตอบ : การขดั ขวางทางอากาศ *ผู้ควบคุมอากาศยานหน้าคือใคร (FAC) ตอบ :นายทหารอากาศ (นกั บิน) *ในการจดั หน่วยควบคมุ ทางอากาศยทุ ธวธิ ี จะมีชดุ ผู้ควบคุมอากาศยานหน้า (ชผคน)ที่จดั สง่ ออกไปปฏิบัติการรว่ มกับหน่วยกาลงั ภาคพ้นื มหี น้าที่ใหค้ าแนะนาตอ่ ผบ.หน่วยนั้นเก่ยี วกับการขอใชก้ าลังทางอากาศและทาหนา้ ทีส่ ่งคาขอไปยงั หน่วยเหนือทม่ี ี อานาจในการส่ังใช้กาลังทางอากาศ อยากทราบว่า ชผคน.จะจัดสง่ ไปหน่วยถึงหนว่ ยภาคพน้ื ระดบั ใด ตอบ :กรมและกองพนั *ขอ้ ใดเปน็ คุณสมบตั ขิ องผนู้ าอากาศยานหน้า FORWARD AIR GUIDE (FAG) ตอบ : ผ่านการอบรมหน้าที่ ผนอ. (FAG) *การพิสูจนฝ์ าุ ยเพ่อื ต้องการทราบวา่ เป็นหนว่ ยทหารฝุายเดยี วกันส่ิงท่ีตอ้ งแสดงนน้ั อย่างไร ตอบ : แผน่ ผา้ สญั ญาณ VS - 17 ปูเป็นตัวอักษร *ในการเตรยี มการในระหว่างรออนุมัติคาขอ และรออากาศยานมาสนับสนุน ผู้บังคบั หนว่ ยจะตอ้ งกระทา สงิ่ ใดบ้าง ตอบ :ดารงการตดิ ต่อสื่อสารกับ ป. หน่วยเหนือ * จดุ ท่ไี ด้กาหนดอ้างทางภมู ิศาสตรบ์ นพน้ื ดนิ หรอื บนผิวน้าใช้เพ่อื เปน็ ตาบลให้เคร่ืองบินหรอื การสง่ ทางอากาศมาปรากฏทน่ี ้ันคือ ความหมายอย่างไร ตอบ : จดุ บนิ วน * ในการปูอักษรรหัสบอกฝุายเมือ่ บ. ใกล้ถึงท่ีตัง้ หน่วย ใครต้องเป็นผสู้ ง่ั ใหป้ สู ัญญาณ ตอบ : นักบิน
การดารงชพี ในป่า 1.การทดสอบพชื ทกี่ นิ ได้ กระทาได้อยา่ งไร ก. ชมิ คอย ข. สอบถามชาวบา้ น ค.ดูจากสัตว์ ง. ถกู ทกุ ข้อ 2. กาสรา้ งทีพ่ ักทางทหารกระทาได้ 2 วิธี คอื ก. เรง่ ดว่ น , ถาวร ข. กงึ่ ถาวร , ถาวร ค. กงึ่ เรง่ , เรง่ ด่วน , ถาวร ง. เร่งดว่ น , ก่ึงถาวร 3. การทานา้ ให้สะอาดมกี วี่ ธิ อี ะไรบา้ ง ก. 3 วธิ ี ตม้ , ยาฆ่าเชือ้ , กรอง ข. 3 วธิ ี ตม้ , กล่ัน , ใส่ยาฆ่าเช้อื 2 ชนดิ ค. 3 วธิ ี ยาฆ่าเช้อื , กรอง , ซือ้ ตดิ ตวั ง. ผดิ ทกุ ข้อ 4. สงิ่ สาคัญที่สดุ ในการดารงชพี ในปาุ ได้แก่ ? ก. การมอี าหารรบั ประทานสมบูรณ์ ข. การมนี ้าดม่ื ที่ปลอดภัย ค. การมที ่ีพักที่สุขสบาย ง. การมีกาลังใจและความตั้งใจอันแน่วแน่ 5. ปาุ ในประเทศไทยเราสามารถแบ่งปุาไม้ออกตามลักษณะของปาุ เป็น 2 ชนดิ ได้แก่ ? ก. ปาุ แดงและปุาดงดบิ ข. ปุาดงดิบและปุาผลัดใบ ค. ปุาดงดบิ และปุาเบญจพรรณ ง. ปาุ ดนิ นา้ จดื และปาุ ดินนา้ เคม็ 6. เมอื่ เราอย่ใู นปุาอนั ตรายท่จี ะเกิดกับเรามี 2 ประเภทไดแ้ ก่ ? ก. น้าปาุ และสตั ว์ปาุ ข. พืชที่เป็นพิษและสัตวป์ ุา ค. ธรรมชาตขิ องปาุ และทหารข้าศึก ง. กินอาหารทีเ่ ปน็ พษิ และไข้ปุา 7. ปญั หาใหญ่ๆ ของการดารงชีพ แบง่ ออกเปน็ 3 ประเภทไดแ้ ก่ ? ก. พืช, สตั ว,์ น้า ข. อาหาร, น้า, ท่พี ัก ค. กาลงั พล, อาวุธยุทโธปกรณ์, ยารกั ษาโรค ง. อาวธุ , เคร่อื งนุ่งห่ม, ที่พัก 8. การนอนในปุาท่ีถูกต้องในการดารงชพี ควรเลือกให้ทหารนอนอย่างไร ? ก. นอนสูงกวา่ พน้ื ดิน ข. นอนในพน้ื ทโี่ ลง่ แจ้ง ค. นอนเอาศีรษะเข้าหาต้นไม้ใหญ่ๆ ง. นอนใกลก้ องไฟ 9. การแสวงหาอาหารในปาุ แบ่งออก 2 ชนิด ใหญ่ๆ คือ ? ก. ในน้า,บนพนื้ ดนิ ข. น้า, ที่พัก ค. ในปุาดงดบิ ,ในปาุ โปร่ง ง. สตั ว์,พืช 10. การแบ่งประเภทปญั หาใหญๆ่ ซึง่ เกี่ยวกับการดารงชีพใหเ้ หมาะสมกบั ภูมภิ าคมีอยู่ด้วยกัน 4 ประการ คอื ? ก. ชุดดารงชีพในปาุ ข. ชุดดารงชพี ในทะเล ค. ชุดดารงชพี ในทะเลทราย ง. ถูกทุกขอ้
11. วิธีการติดไฟในขณะทีเ่ ราอย่ใู นปาุ ซงึ่ ไม่มไี มข้ ีดไฟหรือไฟแช็คท่นี าตดิ ตวั ไปวิธกี ารตดิ ไฟทยี่ ากที่สดุ ได้แกช่ นดิ ใด ? ก. หินและเหลก็ ข. ใช้ไม้ถูกนั ค. กระจกและแสงแดด ง. ใชเ้ ชือกปุาน ถกู ับไม้ 12. ร่างกายของคนเรามตี ้องการน้า 1 คน/วนั น้นั 2 - 5 ลิตรการทาน้าแสวงหาไดจ้ ากในปุาให้สามารถ ทาใหส้ ามารถดม่ื ได้ด้วย วธิ ีการใส่ยาฆา่ เชอ้ื ฮาราโฮน 2 เม็ดต่อน้า 1 กระติก ควรใส่ยาแลว้ ทิง้ ไวก้ นี่ าที ? ก. 3 นาที ข. 10 นาที ค. 30 นาที ง. 40 นาที 13. ผลไมแ้ ละพชื ตา่ งๆทเ่ี ราพบในปาุ ซง่ึ จะนามาประกอบอาหารหรอื กนิ นน้ั มวี ิธปี ฏิบตั ดิ ้วยกนั 4 วธิ วี ิธีใดทไี่ มป่ ลอดภยั 100 % การปฏิบัติ 4 วธิ ี ? ก. สอบถามชาวบ้าน ข. ดจู ากสตั ว์ ค. ความค้นุ เคย ง. ชมิ แลว้ คอย 14.เรอ่ื งทส่ี าคัญทส่ี ุดในการดารงชีพอย่ใู นปาุ ซ่งึ เปน็ กญุ แจทจ่ี ะนาไปสู่ความสาเร็จ 8 ประการ คือข้อใด ? ก. SERVIVAL ข. SURVIVEL ค. SURVIVAL ง. SEVRIVAL 15. พืชในประเทศไทยมีประมานกี่ชนดิ ก. สองแสนหา้ หม่ืนชนดิ ข. สามแสนกวา่ ชนิด ค. นับไมถ่ ว้ น ง. ขอ้ ก. และ ข. ถกู ตอ้ งทส่ี ุด การดารงชพี ในปา่ *. เมอ่ื เราอยใู่ นปุาอันตรายทจ่ี ะเกดิ กับเรามี 2 ประเภทได้แก่ ตอบ : ธรรมชาตขิ องปุาและทหารข้าศึก * การนอนในปุาทีถ่ ูกต้องในการดารงชีพควรเลอื กใหท้ หารนอนอย่างไร ตอบ : นอนสงู กวา่ พ้นื ดิน * การแสวงหาอาหารในปุาแบ่งออก 2 ชนดิ ใหญๆ่ คอื ตอบ : สัตว์,พืช *วธิ ีการตดิ ไฟในขณะท่เี ราอย่ใู นปาุ ซ่ึงไม่มีไม้ขดี ไฟหรือไฟแช็คทนี่ าติดตัวไปวิธกี ารตดิ ไฟที่ยากท่ีสดุ ไดแ้ กช่ นิดใด ตอบ : ใชไ้ มถ้ ูกัน *รา่ งกายของคนเรามตี ้องการนา้ 1 คน/วันนน้ั 2 - 5 ลิตรการทานา้ แสวงหาได้จากในปุาใหส้ ามารถ ทาให้สามารถดื่มไดด้ ว้ ย วธิ ีการใสย่ าฆา่ เช้อื ฮาราโฮน2 เมด็ ต่อนา้ 1 กระติก ควรใสย่ าแล้วทิ้งไว้กน่ี าที ตอบ : 30 นาที *ผลไม้และพืชต่างๆที่เราพบในปุาซึ่งจะนามาประกอบอาหารหรอื กินนน้ั มีวิธปี ฏิบตั ดิ ว้ ยกัน 4 วิธีวิธีใดที่ไม่ปลอดภัย 100 % การ ปฏิบัติ 4 วธิ ี ตอบ : ชมิ แลว้ คอย * เรอื่ งทส่ี าคัญท่สี ดุ ในการดารงชพี อยู่ในปุาซึ่งเป็นกุญแจทจ่ี ะนาไปส่คู วามสาเร็จ 8 ประการ คือข้อใด ตอบ : SURVIVAL * พชื ในประเทศไทยมีประมาณกี่ชนิด ตอบ : สามแสนกว่าชนิด
วชิ าครทู หาร ๑. ขอ้ ใดเปน็ เหตุผล และความจาเป็นที่ต้องศึกษาวิชาครูทหาร? ก. เพราะเป็นวิชาท่เี รยี นง่าย ข. เพอื่ ความกา้ วหน้าทางราชการ ค. เพอื่ เปน็ หลักในการอบรมสั่งสอนผู้อื่น ง. เพอื่ ใหม้ ีความรู้ขั้นต้น ๒.การจะเป็นครทู ี่ดแี ละประสบความสาเร็จนนั้ จะต้องมีคุณลกั ษณะอย่างไร สาคญั ท่สี ดุ ? ก. มคี วามรู้กว้างขวางทุกวิชาและประสบการณใ์ นสนามมาก ข. มคี วามร้ใู นบทเรียนท่ีสอนและมเี ทคนิคการสอนดี ค. สอนแบบเดมิ ท่ีรนุ่ พีเ่ คยสอน ง.ควรมียศและตาแหน่งสูงกว่าผู้เรยี น ๓.ลักษณะของครูที่ดีประการหนึง่ คือ จะตอ้ งมวี ญิ ญาณครู คาว่า “วิญญาณครู” นัน้ มีความหมายตรงกบั ของใด? ก. มบี คุ ลกิ ลักษณะเหมาะสมท่จี ะเป็นครู ข. มีความสามารถในการสอนเปน็ อยา่ งดี ค. มีจติ รกั การสอนและพอใจในอาชีพครู ง. เปน็ ผูค้ งแกเ่ รยี น ๔. การฝกึ ภาคสนามของหลกั สตู รตา่ งๆ นัน้ เป็นการนาเอาหลักการสอนขอ้ ใดมาใชม้ ากท่ีสดุ ? ก. การเรา้ ใจ ข.ความสมจรงิ ค. ความรู้เดิม ง. การกระต้นุ ๕. องค์ประกอบของการกล่าวนาทตี่ ้องนามากล่าวเสมอในครง้ั แรกของการสอน คืออะไร ? ก. การแนะนาอปุ กรณก์ ารสอน ข. การแนะนาตวั ครู ค.ความมงุ่ หมายและเหตุผลในการเรยี น ง. ต้องกลา่ วทง้ั หมดทกุ ข้อ ๖. วิธีสอนมีอยูห่ ลายวิธี การเลอื กใชว้ ิธกี ารสอนแบบใดน้ัน จะข้ึนอย่กู บั ปัจจัยในเร่ืองอะไรบา้ ง ? ก.จานวนนักเรียน ข.ความร้เู ดมิ ค. พืน้ ฐานความรขู้ องนักเรยี น ง. ต้องพจิ ารณาทุกข้อท่กี ล่าวมา ๗. วธิ ีการสอนแบบใด ท่ีไม่ทาให้เกดิ ความสนใจ และไม่ส่งเสริมให้นกั เรยี นมที ัศนคติในการเรยี น? ก. วิธีสอนแบบเชงิ แสดง ข. วิธสี อนแบบเชงิ ประชมุ ค.วิธีสอนเชงิ บรรยาย ง. ทกุ วธิ ที ่ีกลา่ วมา ๘.ข้อใดกลา่ วถูกต้องทสี่ ดุ เก่ียวกับการพดู ของครู ? ก. พดู เชน่ เดียวกับการใหโ้ อวาท ข. จังหวะการพูดตอ้ งสม่าเสมอ ค. พูดเชน่ เดียวกับการพดู สนทนา ง. ระดับเสยี งในการพดู ต้องสม่าเสมอ ๙. ผู้ท่ีทาหน้าท่ีครจู าเปน็ อย่างย่งิ ทีจ่ ะต้องเป็นผู้ทีม่ ีความรู้ในเรื่องท่ีสอน มเี ทคนิคการสอนทีด่ ี และท่สี าคญั คือ จะต้องมศี ิลปะในการพูดท่ดี ดี ้วย ดงั นัน้ การพูดจึงเป็นการสร้างสมั ผัสที่ดรี ะหวา่ งครูกบั นักเรยี น อยาก ทราบว่า “การสรา้ งสัมผสั ระหวา่ งครูกบั นกั เรยี น” ตรงกบั ข้อใด ? ก. พูดเมื่อนักเรียนตง้ั ใจฟัง ข. เตรียมการสอนมาเป็นอย่างดี ค. มีทัศนคติท่ดี ี ง. เตรยี มการกล่าวนามาเปน็ อยา่ งดี ๑๐.ในการเตรยี มการสอนของครู เรอ่ื งใดๆ น้ัน สง่ิ แรกที่ครูจะต้องนามาพจิ ารณา คืออะไร ? ก. การทาแบบการสอน ข. วธิ ดี าเนินการสอน ค. เอกสารหรือหลักฐานอา้ งอิง ง.ความม่งุ หมายของบทเรียน
๑๑.แผนการสอน ขอ้ ใดกล่าวถกู ต้องทสี่ ุด ? ก. เพือ่ ใชเ้ ป็นคมู่ ือการสอน ข. เพื่อใหส้ ามารถสอนแทนกันได้ ค. เพ่อื ใชเ้ ปน็ ตารามาทาการสอน ง. เพ่ือใชเ้ ปน็ หลกั ฐานการรับตรวจ ๑๒. หลังจากทาแผนการสอนเรียบรอ้ ยแล้ว ขนั้ ตอนต่อไปจะต้องทาอะไรก่อนทาการสอน ? ก. เขา้ สอนได้ทนั ที ข. เตรียมหลกั ฐานทางธุรการใหเ้ รยี บรอ้ ย ค. ต้องมีการตรวจสอบคร้ังสดุ ท้าย ง. ต้องมีการสักซอ้ มทดลอง ๑๓.“ครจู ะต้องเปน็ ผทู้ ่สี ามารถนาเอาหลักการ วิธีการและเทคนิคการสอนตา่ งๆ ไปใช้ให้บังเกิดผลดี” ข้อความ ดงั กลา่ วอยู่ในคุณลกั ษณะครูที่ดีข้อใด? ก. มีความรใู้ นบทเรยี นท่ีสอน ข. มีบคุ ลิกลักษณะในการเป็นผนู้ า ค. มีความรู้ในเทคนิคการสอน ง. มที ศั นคติทดี่ ตี อ่ อาชีพครู ๑๔.การสอนวิธีใดๆ กต็ าม แบง่ ออกเป็น ๓ สว่ น คือ กล่าวนา อธิบาย และสรุป หรือ ทบทวน อยากทราบว่า การกลา่ วนากระทาเพื่อความมงุ่ หมายอะไร ? ก.ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งครูกบั นักเรยี น ข. กลา่ วเปิดการสอนอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ค. กล่าวในส่ิงท่ีดีตืน่ เตน้ ง. บอกเกณฑ์การวัดผลและประเมินผล ๑๕. วิธสี อนแบบใด เรา้ ใจให้นกั เรียนสนใจ และระวังตวั เพ่ือตอบคาถามอยู่ตลอดเวลาที่ครสู อน ? ก. วิธสี อนเชิงบรรยาย ข. วิธสี อนเชงิ ประชุม ค. วิธีสอนแบบเชงิ แสดง ง. วธิ ีสอนแบบอภิปราย ๑๖.แผนบทเรยี นอย่างน้อยต้องประกอบดว้ ยกส่ี ่วน ? ก. ๔ ส่วน ข. ๓ สว่ น ค. ๒ สว่ น ง. ๑ สว่ น ๑๗.เมอ่ื ทา่ นได้ศึกษาหลกั ของวิชาครูจบลงแลว้ อยากทราบว่าสงิ่ ทที่ า่ นจะไดร้ บั อะไรตอ่ ไปในชวี ิต ? ก. ความเปน็ ครู ข. ความก้าวหนา้ ค. ความรอบรูด้ า้ นวชิ าการ ง. ความม่นั ใจ ๑๘. หลกั การสอนที่ว่าดว้ ย “บอกความม่งุ หมาย” จะนามาใช้ในขัน้ ตอนใดขณะทาการสอน ? ก. ขัน้ ตอนการกลา่ วนา ข. ขนั้ การอภปิ ราย ค. ขั้นการสรุป ง. ข้นั ตอนไหนก็ได้แล้วแตโ่ อกาส ๑๙. ขณะทาการสอนหรอื เม่ือสอนจบบทเรียนแล้ว นักเรียนถามคาถามว่า จานวนคาถามจะเป็นเครื่องบ่งชี้ถงึ เร่อื งอะไรมากท่สี ุด ? ก. บทเรยี นน้นั เป็นเรื่องทยี่ ากมาก ข. บทเรยี นนน้ั ครสู อนได้ดมี าก ค.´บทเรียนนัน้ มีความสาคัญมาก ง. นักเรียนสนใจเรยี นในวชิ านัน้ ๒๐. แบบหรือวธิ ีการสอน ท่ีใช้ในเนือ้ หา จะมีทั้งหมดกีแ่ บบ ? ก. ๒ แบบ ข. ๓ แบบ ค. ๔ แบบ ง. ๕ แบบ
วชิ าครูทหาร *ข้อใดเปน็ เหตุผล และความจาเป็นทต่ี อ้ งศกึ ษาวชิ าครทู หาร ตอบ : เพื่อเปน็ หลักในการอบรมสง่ั สอนผอู้ น่ื *การจะเป็นครูท่ดี ีและประสบความสาเรจ็ น้ัน จะต้องมีคุณลักษณะอย่างไร สาคัญทส่ี ุด ตอบ : มีความรใู้ นบทเรยี นที่สอนและมีเทคนิคการสอนดี *ลกั ษณะของครูท่ดี ีประการหนึ่งคือ จะต้องมวี ิญญาณครู คาว่า “วิญญาณครู” น้นั มีความหมายตรงกับ ของใด ตอบ :มจี ิตรักการสอนและพอใจในอาชีพครู *หลกั การสอนที่วา่ ดว้ ย “บอกความมงุ่ หมาย” จะนามาใช้ในข้นั ตอนใดขณะทาการสอน ตอบ :ข้ันตอนการกล่าวนา *ข้อใดกล่าวถกู ต้องท่ีสุด เก่ยี วกับการพดู ของครู ตอบ :พูดเช่นเดียวกบั การพดู สนทนา * ผูท้ ่ีทาหนา้ ท่ีครจู าเป็นอยา่ งยง่ิ ทีจ่ ะต้องเป็นผ้ทู ี่มคี วามรใู้ นเรอื่ งท่สี อน มีเทคนคิ การสอนท่ดี ี และท่ีสาคญั คือจะตอ้ งมีศิลปะใน การพดู ท่ีดีด้วย ดังนั้น การพูดจงึ เปน็ การสร้างสัมผัสทด่ี ีระหวา่ งครูกบั นักเรยี น อยากทราบวา่ “การสร้างสมั ผัสระหว่างครกู บั นักเรียน” ตรงกบั ขอ้ ใด ตอบ :เตรียมการกล่าวนามาเปน็ อย่างดี *ในการเตรยี มการสอนบทเรยี นเร่อื งใดนัน้ สิ่งแรกทค่ี รจู ะต้องนามาพิจารณา คืออะไร ตอบ :ความมุ่งหมายของบทเรยี น *เปาู หมายหรือแนวทางซ่ึงผู้บังคบั บญั ชาได้นามาใชใ้ นการวางแผน ท่เี นน้ ผลการปฏิบัติจะเริ่มต้นและจบลงทีใ่ ด ตอบ :วตั ถปุ ระสงค์ในการฝึก * หลงั จากทาแผนการสอนเรียบรอ้ ยแลว้ ขั้นตอนต่อไปจะต้องทาอะไรก่อนทาการสอน ตอบ :ต้องมีการตรวจสอบครั้งสดุ ทา้ ย *หนา้ ทแ่ี ละความรบั ผิดชอบเกีย่ วกบั เรื่องการฝกึ น้นั ผู้อานวยการฝกึ คอื ผูท้ ี่รับผิดชอบในเร่อื ง การวางแผนการฝึก , การจัด ระเบยี บการฝึก , การดาเนนิ การฝกึ และการประเมนิ ผลการฝึก สว่ นผฝู้ กึ หรือครฝู ึกมหี นา้ ทแี่ ตกตา่ งจากผู้อานวยการฝึกในเรอ่ื ง อะไร ตอบ :การเตรียมการฝึก วิชาผนู้ าทางทหาร ๑. เคร่อื งชค้ี วามเปน็ ผนู้ ามีอยู่ด้วยกนั หลายประการ อยากทราบวา่ ข้อใดไมใ่ ชเ่ ครื่องช้คี วามเป็นผ้นู า? ก. วินัย ข.กลา้ หาญ ค. ขวญั ง. สมรรถภาพ ๒. ข้อความใดมีความหมายตรงกบั คาวา่ “ความรกั หมู่คณะ” ? ก.ความจงรกั ภักดี ความภาคภูมิใจ ความศรัทราต่อหนว่ ยและบคุ คลทอี่ ยู่รว่ มกัน ข.ความจงรกั ภกั ดี ความภาคภูมใิ จ ความศรทั ราในตัวผ้นู าและหนว่ ยทม่ี ปี ระสิทธภิ าพ ค.ความจงรกั ภกั ดี ความภาคภมู ใิ จ ความศรัทราต่อหน่วยทส่ี มาชิกแต่ละบคุ คลของหน่วย แสดงออกให้เห็น ง.ความจงรักภกั ดที ี่บคุ คลในหนว่ ยมีให้ซงึ่ กันและกัน
๓. “ความเปน็ ผูเ้ ชอื่ ถือได้” มีความหมายตรงกับข้อใด? ก. ได้รบั ความไวว้ างใจและความเชื่อถือจากสงั คม ข. ปฏบิ ตั หิ น้าทดี่ ้วยความถูกตอ้ ง ด้วยความซื่อสตั ย์สจุ ริต ค.การได้รบั ความไว้วางใจในการปฏบิ ัติงานตามหนา้ ท่ีได้อย่างถูกต้อง ง. ปฏิบตั ิงานตามหนา้ ที่ให้สาเรจ็ ลุลว่ งไปดว้ ยดี ๔. บุคคลทส่ี ามารถปฏบิ ตั งิ านได้ทุกสภาวะและตัดใจจากสง่ิ ยัว่ ยุได้ จึงนาไปสู่ความสาเรจ็ ลลุ ว่ งไปดว้ ยดีไม่ ว่าจะอยสู่ ภาพแวดล้อมใดๆ ก็ตามบุคคลเช่นน้ีมีคุณลกั ษณะของผ้นู าเร่ืองใด ? ก.ความอดทน ข. ความเด็ดขาด ค. ความกล้าหาญ ง. ทกุ ขอ้ ท่กี ลา่ วมา ๕. ผู้นาทีไ่ ม่หาความสะดวกสบายและความก้าวหนา้ ให้กบั ตนเองจากความเดือดรอ้ นของผู้อ่ืนและ ผูใ้ ต้บังคบั บัญชาเป็นคุณลกั ษณะของผู้นาขอ้ ใด? ก. ความจงรกั ภักดี ข. ความซอื่ สตั ย์ ค. ความไมเ่ หน็ แกต่ วั ง. ความยุตธิ รรม ๖. ขอ้ ใดเปน็ อานาจหน้าทีต่ ามกฎหมายของแตล่ ะบุคคลในหน่วยทหาร ท่ีมีต่อผูใ้ ต้บงั คับบญั ชาชั้นยศ และอานาจทไี่ ดร้ บั มอบ ? ก. ผู้นา ข. ผูบ้ งั คบั บัญชา ค. การบังคับบัญชา ง. การจัดการ ๗. ขอ้ ใดเป็นรากฐานของพฤติกรรม? ก.ความต้องการบงั คบั บญั ชา ข.ความตอ้ งอันเกดิ จากการเรียน ค. ความต้องการรวมกลมุ่ ง. ถูกทุกขอ้ ๘. ผนู้ าอาศัยหลกั เกณฑ์อะไรเพือ่ เป็นเคร่ืองบง่ บอกผลการปฏิบัตงิ านของหนว่ ยวา่ จะสาเร็จหรอื ลม้ เหลว ? ก. หลกั การผนู้ า ข. คณุ ลักษณะผูน้ า ค. เครือ่ งชี้วัดความเป็นผนู้ า ง. พฤตกิ รรมมนษุ ย์ ๙. ความเจรญิ กา้ วหน้าทางด้านวิทยาการของโลก นน้ั จะเจริญก้าวหนา้ ไปอย่างไม่หยุดย้ังและมีการ พฒั นาให้เจริญยงิ่ ๆ ข้ึนไปตลอดเวลา ทา่ นจะพจิ ารณาคุณลกั ษณะของผนู้ าในเร่ืองใดจงึ จะไดช้ ื่อ วา่ เป็นผูน้ าท่ที ันสมัย? ก.ความรู้ ข. กาลเทศะ ค. ความกระตือรือรน้ ง. ความเป็นผู้เช่อื ถือได้ ๑๐. การปกครองบังคบั บัญชาอย่างตรงไปตรงและ ไม่มีอคติตอ่ ผ้บู ังคับบัญชาคนใด ด้วยความเสมอภาค การ ปฏิบัติเช่นน้ีตรงกบั คณุ ลักษณะผ้นู าเรื่องใด? ก. ความจงรกั ภักดี ข. ความกล้าหาญ ค.ความไม่เหน็ แกต่ วั ง.ความยุติธรรม
๑๑. ข้อใด ผู้นาไม่ควรนาใชม้ ากที่สุดในการจูงใจผ้ใู ตบ้ ังคับบัญชา ? ก. การใหร้ างวัลควรให้ในเวลามกี ารประชุมชแ้ี จง ข. การตาหนคิ วรตาหนิในทีป่ ระชมุ เท่าน้ัน เพื่อให้ทราบด้วยทั่วกัน ค. การให้รางวลั ควรใชเ้ ปน็ คาชมเชยมากกว่าเป็นสง่ิ ของ ง. การตาหนิควรเรียกมาตาหนิสองต่อสอง ๑๒. คาพดู ท่วี า่ “ ไม่ฆ่านอ้ ง ไมฟ่ ูองนาย ไม่ขายเพ่ือน” ไมน่ าปัญหาสว่ นตวั ของผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาของตน ไปนนิ ทาให้ผอู้ ่ืนฟัง ไม่วพิ ากษว์ ิจารณ์ผบู้ ังคบั บญั ชาของตนตอ่ หนา้ ผใู้ ต้บงั คับบัญชาเปน็ คณุ ลกั ษณะ ผนู้ าเร่อื งใด? ก.กาลเทศะ ข.วจิ ารณญาณ ค.ความจงรกั ภักดี ง.การไมเ่ ห็นแกต่ ัว ๑๓.เครอื่ งช้ีความเป็นผนู้ าเป็นสง่ิ ท่ีจะช้ใี ห้เหน็ ถงึ ความสาเร็จหรือความลม้ เหลวในการเปน็ ผู้นาทางทหาร นน้ั ไดแ้ ก่อะไรบ้าง? ก.สมรรถภาพ ข.หลกั การของผ้นู า ค.คุณลกั ษณะของผู้นา ง.พฤตกิ รรมของมนุษย์ ๑๔. การปฏิบตั ิตนยึดมั่นอยูใ่ นหลกั ธรรมและรกั ษาสจั จะวาจาโดยสมา่ เสมอพูดส่ิงใดกป็ ฏบิ ัตติ ามน้นั เป็น คณุ ลักษณะของผู้นาเร่ืองใด ? ก. วจิ ารณญาณ ข. ความอดทน ค. ความยตุ ธิ รรม ง.ความซ่อื สัตย์ ๑๕. ข้อใดเปน็ องคป์ ระกอบของความเป็นผนู้ า ? ก.ตัวผูน้ า ส่งิ แวดล้อม สถานการณ์ ข.ตัวผนู้ า หนว่ ยทหาร สถานการณ์ ค. ตวั ผู้นา หน่วยทหาร ส่งิ แวดลอ้ ม ง. ตวั ผู้นา พฤติกรรม สง่ิ แวดลอ้ ม ๑๖.ถา้ กาลังพลในหน่วยงานของทา่ นมีขดี ความสามารถในการปฏิบัตงิ านตามหน้าทหี่ รือภารกจิ ท่ไี ดร้ ับ มอบอยใู่ นระดับมาตรฐานท่ีสูง แสดงว่าหนว่ ยของท่านมีสถานภาพอย่างไร? ก.มคี วามรกั หม่คู ณะ ข.มขี วญั ดี ค.มีวินยั ดี ง.มีสมรรถภาพดี
๑๗. ความเปน็ ผูน้ าทางทหารเป็นท้ังศาสตรแ์ ละศลิ ป์ ทจี่ ะจูงใจและอานวยการให้ทหารปฏิบตั ภิ ารกิจสาเร็จ โดยให้ผใู้ ต้บังคับบญั ชาตอบสนองอยา่ งไร ? ก. เอาอกเอาใจเรา ข. ประจบสอพลอและเอาของกานัลมาให้ ค. เชื่อฟัง นับถือและรว่ มมอื อยา่ งจริงใจ ง. ปฏบิ ตั งิ านตามคาสง่ั ๑๘.การสร้างความประทับใจ ใหเ้ ป็นทีน่ ยิ มของผู้อืน่ อยู่ตลอดเวลา ท้งั กาย วาจา ใจ คอื ข้อใด? ก.การวางท่าทาง ข.ความยุติธรรม ค.สมรรถภาพ ง.การยอมรับนับถือ ๑๙. บุคลิกลกั ษณะของบคุ คลย่อมจะไมเ่ หมอื นกันจะเปลี่ยนแปลงไปได้ทุกเวลา ปัจจยั ต่างๆท่จี ะกอ่ ให้เกิด บคุ ลกิ ลกั ษณะมีอะไรบ้าง? ก.ประสบการณ์ กรรมพนั ธุ์ สถานการณ์ ข.สง่ิ แวดล้อม ประสบการณ์ สถานการณ์ ค.กรรมพนั ธุ์ สิ่งแวดล้อม ประสบการณ์ ง.กรรมพันธ์ุ ส่ิงแวดล้อม สถานการณ์ ๒๐. ข้อใด คือ ตวั กาหนดทจ่ี ะเปน็ ผู้นาที่ดีและไม่ดี ? ก.มนุษยสมั พันธ์ ข.ตน้ ทุนชวี ิต ค.จติ สานกึ ของบคุ คล ง.ความต้องการทางรา่ งกาย
วชิ า ผูน้ าทางทหาร *ขอ้ ใดเปน็ วตั ถปุ ระสงคส์ ดุ ท้ายของความเป็นผู้นาทางทหาร ตอบ : การปฏบิ ัติภารกจิ ใหส้ าเรจ็ ลุลว่ งไปด้วยดโี ดยสิ้นเปลืองเคร่ืองมือและเวลานอ้ ยท่ีสุด *ขอ้ ใดมีความหมายตรงกับคาวา่ “วนิ ัย” ตอบ :ทัศนคติของบุคคลหรือกลุ่มของบคุ คลท่ีพร้อมจะเช่ือฟังคาสง่ั ในทันที และมีความริเรมิ่ ที่จะปฏบิ ัติในกรณีที่ไม่ได้รับ คาส่งั *คาวา่ “สมรรถภาพ” มคี วามหมายตรงกบั ข้อความใด ตอบ :ขดี ความสามารถของบุคคลและของหนว่ ยท้ังในทางเทคนิค ทางยทุ ธวิธี และทางร่างกาย *บคุ ลกิ ลกั ษณะของบุคคลยอ่ มจะไมเ่ หมือนกันจะเปลี่ยนแปลงไปได้ทุกเวลา ปัจจยั ตา่ งๆ ทจี่ ะก่อใหเ้ กิดบคุ ลกิ ลักษณะมอี ะไรบา้ ง ตอบ :กรรมพนั ธุ์ สง่ิ แวดลอ้ ม ประสบการณ์ *ความต้องการขัน้ มูลฐานของมนษุ ยม์ ีอะไรบา้ ง ตอบ :ความต้องการทางกาย ความตอ้ งการอนั เกิดจากการเรียนรู้ *ความตอ้ งการอนั เกดิ จากการเรียนรู้ทีส่ าคญั มีอะไรบ้าง ตอบ :ความปลอดภัย ความยินยอมของสงั คม การยอมรับนับถอื * “ความจงรักภักดี” มคี วามหมายตรงกับข้อใด ตอบ :เป็นคุณสมบัตขิ องความซือ่ สตั ย์ท่มี ีตอ่ ประเทศชาติ กองทัพบก หน่วยของตน ผอู้ าวุโส ผูใ้ ต้บงั คับบญั ชา มิตรสหาย *ผนู้ าที่ไม่หาความสะดวกสบาย และความก้าวหนา้ ใหก้ ับตนเองจากความเดือดรอ้ นของผูอ้ ่นื เป็นคุณลักษณะของผ้นู าข้อใด ตอบ : ความไมเ่ หน็ แกต่ วั *ในขณะท่ีกาลังเผชญิ หนา้ อยู่ในภาวะคบั ขันและอนั ตราย แต่สามารถควบคุมจติ ใจตนเองใหป้ ฏิบตั งิ านต่อ ไปได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ผู้นาเรือ่ งน้ันมีคณุ ลักษณะผู้นาเรอื่ งใด ตอบ :ความกลา้ หาญ *ผใู้ ตบ้ งั คบั บัญชาของทา่ นคนหน่ึงปฏิบตั งิ านตามหนา้ ท่ีได้อย่างถกู ต้อง และไดร้ ับความไว้วางใจตลอดมา ทา่ นว่าผู้ใต้บงั คับบัญชาของท่านคนนัน้ มคี ุณลักษณะผูน้ าเร่ืองใด ตอบ :ความเป็นผ้เู ชือ่ ถือได้ วิชาการอ่านแผนทแ่ี ละการใชเ้ ขม็ ทิศ 1. รปู ลายเสน้ ทีเ่ ขียนแสดงผิวพ้ืนพภิ พ ลงบนพนื้ ราบตามมาตราส่วน สิง่ ที่มนุษย์สร้างข้ึนและที่ปรากฏตามธรรมชาติจะแสดง ด้วยสัญลักษณ์เส้นและสี เป็นความหมายของอะไร ? ก. สัญลกั ษณ์ของแผนที่ ข. สัญลักษณ์ทางทหาร ค. แผนที่ ง. ถูกทกุ ข้อ 2. แผนทที่ มี่ ใี ช้อยู่ในปจั จุบัน สามารถแบง่ ได้ก่ีประเภท ? ก. 3 ประเภท ข. 5 ประเภท ค. 7 ประเภท ง. ไม่มขี ้อถกู 3.ข้อใดมคี วามหมายเชน่ เดยี วกับคาว่า “เส้นละติจูด” ? ก. เสน้ รุ้ง, เสน้ แวง ข. เสน้ ลองตจิ ูด, เสน้ แวง ค. เสน้ ขนาน, เสน้ ลองติจูด ง. เสน้ รุ้ง, เส้นขนาน
4. แผนท่ีทมี่ ใี ช้อยู่ในประเทศไทย ข้อใดกล่าวถูกต้องทส่ี ดุ ? ก. 1 : 25,000 มีอย่ทู กุ จังหวัด ข. 1 :50,000 มีอยู่ 830 ระวาง ค. 1 : 250,000 มีอยู่ 53 แผ่น ง. ถูกทกุ ข้อ 5. แผนที่ท่เี หมาะแก่การใชร้ บในเมอื ง คือแผนท่อี ะไร ? ก. L 9013 ข. แผนทีต่ วั เมอื ง ค. 1 : 12,500 ง. ถูกทกุ ข้อ 6. ขอ้ ใดไม่ใช่สที ่ใี ชเ้ ขียนสญั ลักษณ์บนแผนที่ ? ก. สนี า้ เงนิ (ฟาู ) ข. สีเหลือง ค. สีเขยี ว ง. สีนา้ ตาลแดง 7. ในปัจจุบันประเทศไทยไดป้ รบั ปรุงแก้ไขแผนทชี่ ุดลา่ สุดออกมาใช้งานเพื่อให้เกดิ ความทนั สมยั และมีความถูกต้องมากยิง่ ข้ึน มี ชอื่ ว่าอะไร ? ก. L 7018 ข. 1501 ค. L 8019 ง. L 9013 8. แผนที่ชดุ ปัจจุบัน มาตราสว่ น 1 : 50,000 ท่ีมีการปรับปรงุ แก้ไขโดยใชพ้ ื้นหลกั ฐานอ้างองิ ทางราบ WGS– 84 จะมี หมายเลขระวางเหมือนเดิม แตช่ ่อื ระวางอาจเปล่ียนไปเนื่องจากสาเหตุอะไร ? ก. มีการเล่อื นขอบระวาง ข. ขอบเขตของแผนท่เี ล่ือนไปจากเดิม ค. มกี ารเปล่ียนระบบในการจัดทา ง. ขนาดแผนที่ใหญ่ขน้ึ กว่าเดิม 9. ในการศกึ ษาเรอ่ื งรายละเอียดขอบระวาง เพราะสาเหตใุ ดจึงหยบิ ยกแผนทมี่ าตราสว่ น 1 : 50,000 มาเป็นแนวทาง ? ก. หน่วยทหารส่วนใหญ่ใชแ้ ผนที่ 1 : 50,000 ข. มรี ายละเอยี ดมากกว่าแผนทีอ่ ่นื ๆ และศกึ ษาทาความเขา้ ใจง่าย ค. มคี วามชดั เจนเน่อื งจากแผนท่ี 1 : 50,000 มีความเป็นมาตรฐานในรายละเอียดค่อนขา้ งสูง ง. ทก่ี ล่าวมาถูกทุกข้อ 10. จะปรากฏอยู่ท่กี ่ึงกลางขอบระวางดา้ นบนและด้านล่างทางซ้าย ปกติใชช้ ือ่ ภมู ิประเทศเดน่ ทางภมู ศิ าสตร์หรือสื่อทาง ธรรมชาติ หรือใช้ช่อื เมอื งที่ใหญ่ เป็นความหมายของคาว่าอะไร ? ก. ชอ่ื ชุด ข. ช่อื มาตราสว่ น ค. ชื่อระวาง ง. หมายเลขลาดบั ชุด 11. เสน้ ขนาน คือเสน้ วงกลมเล็กทลี่ ากรอบโลก และขนานกับเสน้ ศนู ย์สตู ร อยากทราบว่าเสน้ ขนานแต่ละเส้นมคี ่าเทา่ กับเท่าไร ก. 15 องศา ข. 8 องศา ค. 6 องศา ง. 1 องศา 12. เส้นเมอริเดียน คือเส้นที่ลากเชื่อมโยงระหว่างข้ัวโลกเหนือกับข้ัวโลกใต้ โดยท่ีปลายของเส้นจะบรรจบกันที่ขั้วโลกทั้งสอง อยากทราบวา่ เส้นเมอรเิ ดียนรอบโลกมกี ีเ่ สน้ ? ก. 360 เส้น ข. 180 เสน้ ค. 90 เส้น ง. ถกู ทกุ ข้อ 13. ตามราชกิจจานเุ บกษา เลม่ ที่ 36 เมอื่ วันท่ี 21 ม.ี ค. 2462 มีผลบงั คบั ใชต้ ้ังแต่ 1 เม.ย. 2463 กาหนดใหเ้ วลาสาหรบั กรงุ สยามทวั่ ราชอาณาจกั รเป็น 7 ชม. ก่อนเวลากรีนิช ตรงกับสมัยรชั กาลที่เทา่ ไร ? ก. รัชกาลท่ี 5 ข. รชั กาลท่ี 6 ค. รชั กาลที่ 7 ง. ไมม่ ีข้อถกู 14.ในการทาแผนที่ระบบ UTMกรดิ ได้แบง่ โลกออกเป็นกโ่ี ซน ? ก. 15 โซน ข. 30 โซน ค. 45 โซน ง. 60 โซน
15. มาตราส่วนสามารถแยกแผนทีท่ างทหารได้กี่ขนาด ? ข. 3 ขนาด ก. 4 ขนาด ง. ถูกทุกข้อ ค. 2 ขนาด ข. 1/50,000 16. การเขียนมาตราสว่ นของแผนทขี่ ้อใดถูกตอ้ ง? ก. 1 50,000 ค. 1 : 50,000 ง. ถกู ทุกข้อ 17.ทิศมีอยู่ทง้ั หมด 8 ทศิ อยากทราบว่าทิศแตล่ ะทศิ ทามุมเทา่ กนั กี่องศา ? ก. 120 องศา ข. 90 องศา ค. 45 องศา ง. 30 องศา 18. การหาความสูงสาหรบั ประเทศไทย ใช้พ้ืนระดับนา้ ทะเลปานกลาง โดยเลอื กที่เกาะหลกั จงั หวดั ประจวบครี ขี ันธ์ ใช้ ระยะเวลาในการคิดคานวณ 5 ปี มคี า่ เฉลีย่ ความสูงเทา่ ไร ? ก. 1.4477 เมตร ข. 1.7744 เมตร ค. 1.4747 เมตร ง. ไม่มขี ้อถูก 19. ในแผนทแ่ี ตล่ ะระวางของประเทศไทย ผใู้ ช้แผนทีจ่ ะเห็นได้วา่ .....เมื่อทาการวัดมมุ หรือขีดมุมบนแผนท่ีทุกครงั้ ไม่ตอ้ งนาค่า มุมกริดแม่เหลก็ มาคดิ คานวณเลย ทัง้ น้ีเปน็ เพราะสาเหตุอะไร ? ก. ทิศเหนอื แม่เหล็กกบั ทศิ เหนือกรดิ เปน็ ทศิ เดียวกนั ข. ทศิ เหนอื กรดิ กับทิศเหนอื จริงเป็นทศิ เดียวกนั ค. ประเทศไทยมเี ส้นแรงแมเ่ หลก็ ท่ีมคี า่ เบยี่ งเป็น 0 (ศนู ย์) ง. ถูกทุกข้อ 20. จากหลักฐานทไ่ี ด้มีการบันทึกไวเ้ ปน็ ลายลักษณ์อักษร อยากทราบว่าประเทศใดมกี ารใชเ้ ขม็ ทิศเปน็ ประเทศแรกของโลก ? ก. ประเทศอติ าลี ข. ประเทศจีน ค. ประเทศอเมริกา ง. ประเทศสวีเดน วิชา การอ่านแผนท่ี *ทศิ ทางหลัง เปน็ ทิศทางท่ใี ช้เปน็ แนวเร่ิมต้นในการวัด มี ๓ ชนดิ ได้แก่ ทศิ เหนือจริง (รปู ดาว),ทศิ เหนือกริด(อกั ษรGN) และทิศ เหนอื แม่เหนือแม่เหล็ก(หัวลกู ศรผา่ ซีก) อยากทราบว่าทิศเหนอื จรงิ ใช้รูปดาวอะไร ตอบ : ดาวเหนือ *ท่ีหนา้ ปัดเข็มทิศ เปน็ แผน่ ใสลอยตัวอย่บู นแกน และหมุนไปมาได้ ซึง่ มมี าตราวัดมมุ ภาคทิศเหนอื อยู่ ๒ ชนิด อยากทราบวา่ ท่ี มาตราวดั มุมเป็นองศา มีค่าตัวเลขเขียนกากับไว้ชว่ งละเทา่ ไร ตอบ : ๒๐ องศา *เสน้ ชน้ั ความสงู ทีเ่ ขยี นด้วยเส้นประท้งั เสน้ มีทั้งหลกั และรองเขยี นแสดงพ้นื ทีบ่ รเิ วณที่ได้ข้อมูลจากภาพถ่ายทางอากาศไม่ สมบรูณ์หรือบริเวณทีบ่ ินถา่ ยภาพทางอากาศไม่ได้ เป็นความหมายของเส้นช้นั ความสงู อะไร ตอบ : เส้นชัน้ ความสงู โดยประมาณ *การกาหนดจุดท่อี ยู่ ข้อใดกล่าวถูกตอ้ ง ตอบ : การกาหนดจดุ ทอ่ี ยู่ของตนเอง และการกาหนดจดุ ที่อยขู่ องทห่ี มาย * แผนทท่ี ่มี ีใช้อยู่ในกองทัพบก ซึ่งอยู่ใน อจย. ของหน่วย อยากทราบ วา่ หนว่ ยใดเป็นผู้รับผิดชอบ ตอบ : กองบัญชาการกองทัพไทย * การกาหนดจดุ ทีห่ มายลงบนแผนทีโ่ ดยวธิ โี ปล่า เป็นวธิ ีท่เี หมาะอะไร ตอบ : หน่วยขนาดเล็กท่ปี ฏิบัตกิ ารในสนาม
*จากโครงการรว่ มมอื กนั ระหวา่ งประเทศไทย กับประเทศสหรัฐอเมรกิ า ทาใหป้ ระเทศไทยได้มแี ผนทภี่ มู ิประเทศ ชดุ แรกใช้ โดยกรมแผนท่ีทหารเป็นผู้รับผดิ ชอบ อยากทราบวา่ กรมแผนทีท่ หารสงั กัดอยู่หน่วยงานใด ตอบ : กองบญั ชาการกองทพั ไทย * ทาการแบ่งโลกออกเปน็ พนื้ ท่กี วา้ ง ๖ องศา ตะวนั ตก – ตะวนั ออก และยาว ๘ องศาเหนอื – ใต้ จากน้นั กาหนดด้วย “เลขและ อักษร” เรยี กวา่ อะไร ตอบ : เลขอักษรประจากริดโซน * การอ้างกรดิ ทางทหาร (อา่ นพกิ ดั กริด) ท่ีถกู ต้อง อย่างน้อยต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง ตอบ : อกั ษรประจาจัตุรสั ๑๐๐,๐๐๐ เมตร และเลขพิกัดท่ตี ้องการ * ครอบหน้าปดั เขม็ ทิศ ประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง ตอบ : กระจกท่ีมีขีดพรายน้า กบั วงแหวนมีร่องอยู่ ๑๒๐ รอ่ ง * การวดั มุมภาคทิศเหนือ ดว้ ยวิธีจบั เพื่อยกขึ้นเลง็ มวี ธิ กี ารปฏิบตั อิ ยา่ งไร ตอบ : ยกเขม็ ทิศใหอ้ ยใู่ นระดับสายตา เล็งผา่ นช่องเลง็ หลังตรงไปยงั เส้นหนา้ และที่หมาย การเลด็ ลอดหลบหนี 1. ความมุ่งหมายของการเล็ดลอดหลบหนี เพ่ือใหท้ ราบหลักการในข้อใด ? ก. เม่อื ตนเองหรอื หน่วยถูกตัดขาดจากกาลงั สว่ นใหญ่ ข. เมือ่ ตนอยใู่ นเขตหลังของข้าศึก ค. เม่ือตกเป็นเชลยศกึ ง. ทกุ ข้อทีก่ ลา่ วมา 2. การปลอมแปลง ปิดบัง โดยการเดินทางปะปนไปกบั พลเรือน เปน็ การเลด็ ลอดหลงั แนววิธใี ด ? ก. โดยการแทรกซึม ข. เลด็ ลอดโดยการลวง ค. ปฏบิ ตั ิการแบบกองโจร ง. ถูกเฉพาะข้อ ข. และ ค. 3. การเล็ดลอดชนิดใด ปฏบิ ตั ิต่อจากการหลบหนี ก. ระยะใกล้ ข. ระยะไกล ค. แทรกซึม ง. การรบแบบกองโจร 4. การตกลงใจทาการตง้ั รบั ณที่ม่ันปัจจุบันตอ้ งอาศัยปจั จัยอะไรบ้าง ? ก. เวลา, ลักษณะภูมปิ ระเทศ, ลมฟูาอากาศ ข. สถานการณ์, กาลังขา้ ศึก, ภารกจิ ค. กาลงั ฝุายเรา, กาลงั ฝุายขา้ ศึก, ลกั ษณะภมู ิประเทศ ง. เวลา, ข่าวสารเกย่ี วกบั ข้าศึก, สป.ต่าง ๆ , กาลังท่ีจะทาการตา้ นทาน ณ ที่มั่นต้งั รับ 5. การเล็ดลอดหมายถึง ? ก. การปฏิบตั ทิ กุ วถิ ีทางเพอ่ื ใหพ้ น้ จากท่ีคมุ ขงั ข. การปฏิบตั ิทุกวถิ ีทางเพอ่ื ให้พ้นจากการทรมาน ค. การปฏิบตั ทิ ุกวถิ ีทางเพอื่ ให้พน้ จากการถูกจับ ง. การปฏบิ ัติทุกวิถีทางเพ่ือให้พน้ จากพนื้ ท่ีการรบ 6. เม่ือท่านตกเปน็ เชลยศกึ ควรตอบคาถามในเรื่องอไรบ้าง ? ก. ยศ, ช่อื , สกลุ , หมายเลขประจาตัว ข. ยศ, ชอื่ , สกลุ , ภมู ิลาเนา, หมายเลขประจาตวั ค. ยศ, ชอ่ื , สกุล, ภูมลิ าเนา, สงั กัด, หมายเลขประจาตัว ง. ยศ, ชือ่ , สกุล, วันเดอื นปเี กิด, หมายเลขประจาตวั
7. การวางแผนในการเล็ดลอดหลบหนีวิธีแทรกซมึ จะอาศัยปจั จัยทีส่ าคัญอะไรบา้ ง ? ก. ที่อยู่ปัจจุบัน, การวางกาลังของขา้ ศึก, ทัศนวิสัย, สมรรถภาพของผเู้ ลด็ ลอด ข. เวลา, ข้าศกึ , ภูมปิ ระเทศ, ลมฟูาอากาศ ค. เวลา, ข้าศึก, ขวัญ, ทัศนวิสยั ง. ข้าศึก, ภมู ปิ ระเทศ, ลมฟาู อากาศ 8. การปฏิบตั ิการเล็ดลอดหลบหนี ทบ.ไดม้ อบความรับผดิ ชอบใหก้ บั หน่วยใด ? ก. ขว.ทบ. ข. ขกท.ทบ. ค. นสศ. ง. ศปก.ทบ. 9. ขอ้ ใดเปน็ สาเหตุที่ไม่คดิ จะหลบหนี ? ข. ไม่วางแผน ก. ขาดการฝกึ ง. ความหวาดกลัว ค. ความเพกิ เฉย 10. ข้อใดไม่ใช่คุณค่าของการหลบหนี ? ก. อิสระภาพ ข่าวสารทางทหาร ข. เพ่มิ กาลงั ใหฝ้ าุ ยเดยี วกนั ควบคุมไว้ ค. บัน่ ทอนกาลงั รบขา้ ศึกให้เกดิ ความวุ่นวาย ง. ทาให้ข้าศึกขวญั ต่า 11.ประเภทของการเล็ดลอดแบง่ ออก 2 ประเภท ได้แกอ่ ะไรบา้ ง ? ก. 1.ประเภทระยะใกล้ 2.ประเภทระยะยาว ข. 1.ประเภทระยะใกล้ 2.ประเภทหลังแนวรบ ค. 1.ประเภทระยะใกล้ 2.ประเภทระยะไกล ข. รู้ทีต่ ั้ง,การวางกาลังของข้าศึก ง. 1.ประเภทใกล้ประชิด 2.ประเภทไม่ประชดิ ง. ทกี่ ล่าวมาถูกทกุ ขอ้ 12.ข้อใดกล่าวถงึ การเล็ดลอดระยะใกล้ได้ถูกต้อง ? ก. มสี ภาพรา่ งกายด,ี รทู้ ิศทางระยะทาง ค. มอี าหารและเสือ้ ผา้ 13.การเล็ดลอดระยะไกลวิธใี ดเป็นวธิ ีทีด่ ีที่สดุ ? ก. การแทรกซึม ข. การลวง ค. กองโจร ง. แบบผสม 14.การส่งกลับข้าศึกไปยงั พื้นท่สี ว่ นหลักตอ้ งทาการส่งกลบั ไปจนถึงหนว่ ยระดับใด ? ก. กองทัพภาค ข. กองพล ค. กรม ง. กองพนั 15.การปฏบิ ตั ิต่อเชลยศึกข้อใดถูกต้องท่สี ดุ ? ก. จับกมุ ,ค้น,แยก,รวดเร็ว,พทิ ักษ์ ข. ค้น,จับกมุ ,แยก,เงยี บ,รวดเรว็ ค. จับกุม,ค้น,แยก,เงียบ,รวดเร็ว, ง. ค้น,แยก,เงยี บ,เร็ว.พิทักษ์
วิชาการเล็ดลอดหลบหนี *เม่ือท่านตกเปน็ เชลยศึกควรตอบคาถามในเร่ืองอไรบ้าง ตอบ :ยศ, ชือ่ , สกลุ , วันเดอื นปเี กดิ , หมายเลขประจาตัว *การวางแผนในการเล็ดลอดหลบหนวี ธิ แี ทรกซึมจะอาศยั ปัจจยั ทสี่ าคญั อะไรบ้าง ตอบ :ที่อยปู่ ัจจุบัน, การวางกาลงั ของข้าศึก, ทศั นวสิ ยั , สมรรถภาพของผู้เลด็ ลอด *การปฏิบัติการเลด็ ลอดหลบหนี ทบ.ได้มอบความรับผดิ ชอบให้กบั หนว่ ยใด ตอบ : นสศ. *ข้อใดเป็นสาเหตุที่ไม่คิดจะหลบหนี ตอบ :ความหวาดกลัว *ข้อใดไม่ใช่คณุ ค่าของการหลบหนี ตอบ :ทาใหข้ า้ ศึกขวญั ต่า *การเล็ดลอดระยะไกลวธิ ีใดเป็นวธิ ีท่ดี ที สี่ ุด ตอบ : การแทรกซึม *การส่งกลับขา้ ศกึ ไปยังพ้ืนทสี่ ่วนหลกั ตอ้ งทาการส่งกลับไปจนถึงหนว่ ยระดับใด ตอบ : กองทัพภาค *การปฏิบตั ติ ่อเชลยศึกข้อใดถูกตอ้ งท่ีสดุ ตอบ :ค้น,แยก,เงียบ,เร็ว.พิทักษ์ สะกดรอย 1. การสะกดรอยด้วยสายตามิใชข่ องใหมแ่ ท้จรงิ คอื ของเกา่ ทีพ่ รานปาุ ได้ปฏิบัติมาแลว้ หรือนักเรียนก็เคยปฏิบตั ิมานกั สะกดรอย จะต้องเป็นผู้มีความรู้ในเร่อื งใด ? ก. รูจ้ ักการเอาใจใส่ ข. รู้จกั การสงั เกตสิ่งเล็กๆน้อยๆ ค. ร้หู ลกั การตรวจการณ์ ง. ท่ีกลา่ วมาถูกทุกขอ้ 2. ลักษณะการปฏบิ ัติงานของชุดสะกดรอยมหี ลายประการเชน่ เปน็ ชุดแก้ปัญหาให้ ผบช.ปฏบิ ตั ิงานเมื่อ ผบช.ส่งั , ชุดสะกดรอย ปฏิบัตงิ านใกล้ขา้ ศึก 100 - 200 เมตรจุดอ่อนของนักสะกดรอยได้แก่ ? ก. ห้ามขาดการฝกึ ฝนเกิน 3 เดือนและตอ้ งฝึกตนเองสัปดาหล์ ะ 2 ครงั้ ข. หา้ มขาดการฝึกฝนเกนิ 2 เดอื นและตอ้ งฝึกตนเองสปั ดาห์ละ 2 คร้ัง ค. ห้ามขาดการฝึกฝนเกิน 2 เดอื นและตอ้ งฝึกตนเองสัปดาหล์ ะ 3 ครัง้ ง. หา้ มขาดการฝกึ ฝนเกนิ 3 เดือนและต้องฝึกตนเองสัปดาหล์ ะ 3 คร้ัง 3.คุณลักษณะของนกั สะกดรอยท่ดี ปี ระกอบดว้ ย สายตาดี, ปัญญาดี, ความจาดี, อดทน, แขง็ แรง เปน็ พล ลว.นาดี ประเภทการ สะกดรอย 3 อย่าง คือ ? ก. สายตา, ดมกลิ่น. การสงั เกต ข. สายตา, จมูกด,ี การสงั เกต ค. สายตา, ดมกล่นิ , การฟงั เสียง ง. สายตา, จมูกดี, การจาดี 4. สง่ิ ท่ีนักสะกดรอยไม่ควรทา 5 ประการคืออย่าก้มหนา้ หารอยตลอดเวลา, อย่าเสียงดัง, อย่าจบั ต้นไม้, อยา่ หลอกตวั เอง, อยา่ ไปเม่ือเหนือ่ ยปจั จัยที่มีผลกระทบต่อการสะกดรอยมีอะไรบ้าง ? ก. แดด, ลม, ฝุน, ระยะทาง ข. แสง, เสยี ง, เวลา, เหนือ่ ย ค. แดด, ลม, ฝน, เวลา ง. แสง, เสยี ง, ฝน, เวลา
5. ลกั ษณะรอยที่พบเกิดจากข้าศกึ เคล่ือนท่เี รว็ ๆ หรอื วง่ิ รอยจะมลี ักษณะอยา่ งไร ? ก. รอยหา่ ง, รอยกระจาย, รอยตื้น ข. รอยหา่ ง, รอยค่อย, รอยลกึ ค. รอยหา่ ง, รอยกระจาย, รอยเป็นแนวเดยี วกัน ง. รอยห่าง, รอยลกึ , รอยเป็นแนวเดียวกัน 6. ประเภทของรอยมรี อยบนพน้ื ดนิ และรอยระดับสูงเมอ่ื ท่านสะกดรอยแล้วรอยหายท่านควรทาอย่างไร ? ก. ถอยหลังกลับไปเร่ิมตน้ ใหม่ ข. แยกกันเดินหาใหท้ ว่ั ค. ถอยหลงั ไป 4 - 5 กา้ วเริม่ คน้ หาอยา่ งเปน็ ระบบ ง. จบภารกิจ 7. ขา่ วสารอะไรท่ีไดจ้ ากรอย ? ก. จานวนคน, ทศิ ทาง, อายคุ น, เพศชาย – หญงิ ข. ทิศทาง, ความเรว็ , อายขุ องรอย, มขี องหนกั หรือไม่ ค. เพศชาย – หญงิ , ยุทโธปกรณ์, เวลา, ขวัญ ง. ยุทโธปกรณ์, เวลา, ทศิ ทาง, มขี องหนัก 8. การคานวณจานวนคนมีสตู รการคานวณอย่างไร ? ก. ขีดกรอบยาว36 น้วิ หารดว้ ย 2 ข. ขีดกรอบยาว18 นวิ้ ค. หารอยเท้าหลกั ง. ที่กลา่ วมาถกู ทกุ ขอ้ 9. รอยตอ่ ไปนี้อะไรจดั เป็นรอยบนพ้ืนดิน ? ก. รอยนา้ กระเพื่อม ข. รอยมือจบั บนตน้ ไม้ ค. ก่งิ ไม้หรอื ใบไม้หกั ง. ใยแมลงมุม 10. การลวงและการต่อตา้ นการสะกดรอยเปน็ ลักษณะพงึ ประสงค์ของหนว่ ยทหาร เพอื่ การต่อตา้ นการติดตามของขา้ ศึก ข้อใด ไม่ใช่ ก. จงใจนาออกนอกทาง, ลวงเข้าพน้ื ท่ีซุม่ ข. คงหลังคอยกลบเกลื่อนร่องรอย ค. แยกออกเปน็ กลมุ่ เล็ก ๆ ง. หักกิง่ ไม้ทาเคร่ืองหมายตลอดทาง 11. การหาจานวนคนรอยเทา้ ถ้ารอยเทา้ ไม่ชัดเจน จะใชว้ ิธีใดในการหาจานวนคนจากรอย ก. ขีดกรอบยาว 36 นิว้ แลว้ หารดว้ ย 2 ข. ขีดกรอบยาว 18 นว้ิ ค. หารอยเทา้ หลกั ง. ข้อ ก. และ ข. ถกู 12.ข้อไม่ใชก่ ารลวง ? ก. เดินถอยหลัง ข. ค่อยๆ วิง่ ทีละคน ค. กวาดรอยบนพน้ื ทางเดนิ ง. เดินในรอ่ งนา้ 13. ปจั จยั ทช่ี ่วยในการสังเกตการณเ์ กี่ยวกับเงามี ๒ ลกั ษณะคือ ? ก. เงาตามธรรมชาติและเงาท่ีมนุษย์สรา้ งข้นึ ข. เงาจากแสงอาทติ ย์และเงาจากแสงไฟ ค. เงาภายในและเงาภายนอก ง. เงาบนพื้นดนิ และเงาเหนือพนื้ ดิน 14.ประเภทของรอยมีอยู่ 2 ประเภทได้แก่อะไร ? ก. รอยระดับสูง,รอยบนพ้ืนดนิ ข.รอยระดับต่า,รอยระดับสูง ค. รอยระดบั สงู ,รอยระดบั กลาง ง. รอยระดบั สูง,รอยระดบั เดียวกัน 15.ขอ้ ใดคือคุณลักษณะของรอย ? ก. ลกั ษณะเฉพาะตวั ,การแบนราบ ข. การเคล่ือนยา้ ย,การเปล่ยี นสี ข. สงิ่ ที่ถกู ท้ิงไว้หรอื ขยะ,การรบกวน ง. ถูกทุกข้อ
วชิ าการสะกดรอย * ลกั ษณะการปฏิบตั ิงานของชุดสะกดรอยมีหลายประการเช่นเป็นชุดแก้ปัญหาใหผ้ บช.ปฏิบัติงานเมอ่ื ผบช.ส่ัง, ชดุ สะกดรอย ปฏบิ ตั งิ านใกล้ขา้ ศกึ 100 - 200 เมตรจุดอ่อนของนักสะกดรอยได้แก่ ตอบ :ห้ามขาดการฝึกฝนเกิน 3 เดือนและตอ้ งฝึกตนเองสปั ดาหล์ ะ 2 ครงั้ *คุณลกั ษณะของนักสะกดรอยทีด่ ปี ระกอบด้วย สายตาดี, ปญั ญาดี, ความจาดี, อดทน, แขง็ แรง เป็นพล ลว.นาดี ประเภทการ สะกดรอย 3 อยา่ ง คือ ตอบ : สายตา, ดมกลิ่น, การฟังเสียง * ส่งิ ที่นักสะกดรอยไม่ควรทา 5 ประการคืออย่าก้มหนา้ หารอยตลอดเวลา, อยา่ เสียงดงั , อย่าจับต้นไม้, อยา่ หลอกตวั เอง, อยา่ ไปเม่ือเหนื่อยปจั จัยท่ีมผี ลกระทบต่อการสะกดรอยมีอะไรบ้าง ตอบ : แดด, ลม, ฝน, เวลา *ลักษณะรอยท่พี บเกดิ จากข้าศกึ เคล่ือนทีเ่ รว็ ๆ หรือ ว่ิง รอยจะมลี กั ษณะอยา่ งไร ตอบ :รอยห่าง, รอยลึก, รอยเป็นแนวเดยี วกัน * ประเภทของรอยมรี อยบนพืน้ ดนิ และรอยระดบั สงู เม่ือท่านสะกดรอยแล้วรอยหายท่านควรทาอยา่ งไร ตอบ :ถอยหลังไป 4 - 5 กา้ วเรม่ิ คน้ หาอยา่ งเป็นระบบ * ขา่ วสารอะไรท่ีได้จากรอย ตอบ :ทศิ ทาง, ความเรว็ , อายุของรอย, มีของหนกั หรอื ไม่ *รอยตอ่ ไปนอ้ี ะไรจดั เป็นรอยบนพ้ืนดิน ตอบ : รอยนา้ กระเพื่อม * การลวงและการต่อต้านการสะกดรอยเป็นลักษณะพึงประสงคข์ องหนว่ ยทหาร เพื่อการต่อตา้ นการติดตามของข้าศกึ ข้อใด ไมใ่ ช่ ตอบ : หักกงิ่ ไมท้ าเครื่องหมายตลอดทาง ข้อสอบวิชาสอ่ื สาร ๒๐ ข้อ ๑. ชุดวิทยุ PRC-624 สามารถตง้ั ความถลี่ ่วงหนา้ ได้ก่ชี ่อง ? ก. ๒ ช่อง ข. ๕ ชอ่ ง ค. ๑๐ ชอ่ ง ง. ๑๒ ชอ่ ง ๒. ข่ายวทิ ยุใน มว.ปล. ของกองรอ้ ย อวบ. มวี ทิ ยุ PRC-624 จานวนกี่เครอื่ ง ? ก. ๔ เครื่อง ข. ๕ เครื่อง ค. ๖ เครอ่ื ง ง. ๘ เครอ่ื ง ๓. ชดุ วิทยุ AN/PRC-77 มยี ่านความถ่ีใช้งานต้งั แต่เท่าไรถงึ เทา่ ไร ? ก. 30.00 – 75.95 MHz ข. 53.95 – 70.95 MHz ค. 30.00 – 52.95 MHz ง. 53.95 – 75.95 MHz ๔. ชุดวิทยุ AN/PRC - 77 มีระยะการสือ่ สารประมาณเท่าไร ? ก. 8 และ 12 กม. ข. 5 และ 8 กม. ค. 8 และ 12 ไมล์ ง. 5 และ 8 ไมล์ ๕. ชดุ วิทยุ AN/PRC-77 สามารถตงั้ ความถี่ลว่ งหนา้ ได้กี่ช่องสถานี ? ก. ๒ ช่อง ข. ๓ ชอ่ ง ค. ๑๐ ชอ่ ง ง. ๕ ชอ่ ง ๖. อุปกรณช์ นดิ ใด ไม่ใช่ สว่ นประกอบชดุ ของ CE-11 ? ก. RL-39 (โครงล้อ) ข. ST-34 , 35 (สายผา้ ใบ) ค. TA-1/PT ง. DR-8 (ลอ้ ม้วนสาย)
๗. โทรศัพท์สนาม TA-1/PT เปน็ โทรศัพท์ใช้กาลงั งานประเภทใด ? ก. หมอ้ ไฟรว่ มเฉพาะสัญญาณเรยี ก ข. กาลงั งานเสยี ง ค. หมอ้ ไฟประจาเครื่อง ง. หมอ้ ไฟรว่ ม ๘. โทรศพั ท์ TA – 1/PT เม่อื ใชก้ บั สาย WD – 1/TT สามารถทาการติดตอ่ ส่ือสาร ในระยะทางไกลสดุ เท่าไร ? ก. ๑๕ กม. ข. ๑๖ กม. ค. ๑๗ กม. ง. ๑๘ กม. ๙. เมอื่ มสี ัญญาณเรยี กเขา้ TA-1/PT จะแสดงสัญญาณเตอื นการเรียกเข้าในลักษณะใดบ้าง .? ก. เสียงสญั ญาณ ข. แสงสญั ญาณ ค. เสยี งสัญญาณและแสงสญั ญาณ ง. เสยี งสัญญาณและทัศนะสัญญาณ ๑๐. โทรศัพท์ TA – 312/PT มรี ะยะในการกร่งิ เรยี ก ไกลสุดเทา่ ไร ? ก. ๓๕ กม. ข. ๓๖ กม. ค. ๓๗ กม. ง. ๓๘ กม. ๑๑. ตสู้ ลับสายฉกุ เฉนิ SB – 993/GT ประกอบดว้ ย อะแดพเตอร์ U – 184/GT ๗ ตัว ซ่ึงทาด้วยพลาสตกิ ใส ทาใหส้ ามารถรบั ทางสายไดส้ งู สุด ก่ที างสาย ? ก. ๖ ทางสาย ข. ๗ ทางสาย ค. ๘ ทางสาย ง. ๙ ทางสาย ๑๒. ตสู้ ลบั สาย SB – 22/PT หนกั ประมาณ ๓๐ ปอนด์ สามารถรบั ทางสายได้ ๑๒ ทางสาย ถา้ ต่อพ่วง ๒ เคร่ือง เขา้ ดว้ ยกนั สามารถรบั ทางสายไดส้ ูงสุด ก่ีทางสาย ? ก. ๒๔ ทางสาย ข. ๒๕ ทางสาย ค. ๒๙ ทางสาย ง. ๓๐ ทางสาย ๑๓. ตสู้ ลบั สาย SB – 22/PT หนกั ประมาร ๓๐ ปอนด์ สามารถรับทางสายได้ ๑๒ ทางสาย ถ้าตอ่ พว่ ง ๒ เครือ่ ง เข้าด้วยกัน สามารถรับทางสายไดส้ งู สุด กี่ทางสาย ? ก. ๒๔ ทางสาย ข. ๒๕ ทางสาย ค. ๒๙ ทางสาย ง. ๓๐ ทางสาย ๑๔. ขา่ ยการส่ือสารทางสายของ พัน.ร. ต้องใช้ ตสู้ ลบั สาย SB – 22/Pt กีต่ ู้ ? ก. ๑ ตู้ ข. ๒ ตู้ ค. ๓ ตู้ ง. ๔ ตู้ ๑๕. ตสู้ ลับสาย SB – 86/P สามารถรับทางสายได้ ๓๐ ทางสาย ถ้าตอ่ พ่วง ๒ เคร่อื งเข้าด้วยกนั สามารถรบั ทางสายได้สูงสดุ กี่ทางสาย ? ก. ๕๘ ทางสาย ข. ๕๙ ทางสาย ค. ๖๐ ทางสาย ง. ๖๑ ทางสาย ๑๖. ระเบยี บการวทิ ยุโทรศพั ท์กาหนดขนึ้ เพื่ออะไร ? ก. เร่งรดั การส่งขา่ วให้เรว็ ขึน้ และลดความผดิ พลาดให้น้อยลง ข. ช่วยลดการฝุาฝนื การรกั ษาความปลอดภยั ใหน้ ้อยลง ค. ชว่ ยใหใ้ ชก้ ารติดต่อสื่อสารทางวิทยมุ ีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ง. หลีกเลี่ยงความสับสนระหวา่ งตัวอกั ษร
๑๗. ตัวอกั ษรภาษาไทยสองตัวทีจ่ ะต้องอ่านออกเสียงต่างออกไปจากปกติ คือ ? ก. ขอ – ขา้ ว และ สอ – เสอื ข. ขอ – ข้าว และ สอ – สิงโต ค. ขอ – ไข่ และ สอ – สงิ โต ง. ขอ – ไข่ และ สอ – เสอื ๑๘. นามสถานเี ป็นนามทตี่ งั้ ขึ้นมาเพ่ืออะไร ? ก. แทนชื่อนามหนว่ ย ข. แทนชือ่ นามขา่ ย ค. แทนชอ่ื นามรวม ง. แทนชื่อนามเรยี กขาน ๑๙. นามในการเรยี กขาน มี ๓ ชนิด อะไรบา้ ง ? ก. นามสถานี นามรวม นามหมู่ ข. นามสถานี นามรวม นามขา่ ย ค. นามสถานี นามหน่วย นามขา่ ย ง. นามสถานี นามรวม นามหน่วย ๒๐. ในกรณีที่ท่านสง่ ข่าวผดิ (พูดผดิ ) ทา่ นจะใช้คาพดู ตามระเบียบการวิทยุโทรศพั ท์ ว่าอยา่ งไร ? ก. ผดิ – หยดุ ข. ผิด – จุด ค. ผิด – ขอแก้ ง. ผิด – ขอแก้ไข วิชาสอ่ื สาร การสือ่ สารทางสาย * การส่ือสารทางสายใชส้ าหรับทาอะไร ข้อใดกลา่ วผดิ ตอบ : การสง่ คาสง่ั ยุทธการ / คาสงั่ การรบอืน่ ๆท่ีมีข้อความยาวมากๆ * สายโทรศพั ทส์ นาม WD – 1 / TT หนง่ึ เสน้ หรอื สายตวั นา ๑ คู่สาย ท่รี ะยะความยาว ๑ ไมล์ มีจานวน รอยตอ่ สายเทา่ ไร ถงึ จะถือวา่ เปน็ สายทีเ่ สอ่ื มสภาพ ตอบ : จานวน ๓๐ รอยต่อ การสื่อสารทางวทิ ยุ *วตั ถปุ ระสงค์ในการฝึก -ศกึ ษา เร่อื งการสื่อสารทางวิทยุ ในหลกั สูตรของท่าน มไี วเ้ พ่ืออะไร ยกเว้น ขอ้ ใดท่ี กล่าวไมถ่ ูกต้อง ตอบ : ปอู งกันอปุ กรณช์ ารุดเนอื่ งจากขาดการปรนนิบัติบารงุ และลดอนั ตรายจากไฟฟาู แรงสูงได้ * ขอ้ ดขี องการส่อื สารทางวิทยุ ทก่ี ล่าววา่ มีความอ่อนตัวหมายความว่าอย่างไร ข้อใดท่ีกลา่ วไมถ่ กู ต้อง ตอบ : เปน็ วธิ ีการสื่อสารทีร่ ักษาความปลอดภยั ได้ดี *การเลือกทีต่ ัง้ สถานวี ิทยทุ ดี่ คี วรเลือกทต่ี ้งั ในข้อใด ตอบ : พ้ืนดินมคี วามชื้นสงู ซึ่งสามารถนาไฟฟาู ได้ดี ระเบยี บการวิทยุโทรศพั ท์ *ระเบยี บการวทิ ยโุ ทรศพั ท์กาหนดขนึ้ เพ่ืออะไร ตอบ :เรง่ รดั การส่งข่าวใหเ้ รว็ ข้ึนและลดความผิดพลาดให้น้อยลง * ตวั อกั ษรภาษาไทยสองตวั ที่จะตอ้ งอ่านออกเสียงตา่ งออกไปจากปกติ คือ ตอบ : ขอ – ข้าว, สอ – สิงโต * ตวั อักษรภาษาอังกฤษ ตัว “ T ”อา่ นวา่ อะไร ตอบ :TAMGO (แท้ง – โก) การเขียนข่าว *กระดาษเขยี นข่าวแบบ สส.๗ หนง่ึ ชุดจะมอี ยู่ ๓ แผ่น (๓ สี) ประกอบดว้ ยสีอะไรบา้ ง ตอบ :สขี าว สีเหลือง สชี มพู *ลกั ษณะของขา่ วที่ดี ๓ ประการ คืออะไร ตอบ :ชดั เจน กะทัดรัด สมบรู ณ์
วชิ ายุทธวธิ ี ๑. ความมุง่ หมายหลักของการรบดว้ ยวิธรี กุ คอื ข้อใด ? ก. เพือ่ ยึดรกั ษาภมู ิประเทศสาคญั ข. เข้าประชิดและตรงึ กาลังข้าศกึ ไว้ ค. ทาลายกาลงั รบของขา้ ศึก ง. เพ่ือลวงและหันเหการปฏิบตั ิของข้าศึก ๒. ข้อความทก่ี ลา่ วส้ัน ๆ วา่ “ ค้น–ตรงึ –สรู้ บ–ติดตาม และ ทาลาย ” เป็นหลักการทางยุทธวิธขี ้อใด ? ก. ความม่งุ หมายของการรบดว้ ยวธิ รี กุ ข. หลกั นิยมในการรบด้วยวิธีรุก ค. หลกั พื้นฐานของการรบด้วยวิธีรุก ง. แบบของการดาเนินกลยุทธ์ ๓. ผลสาเร็จของการรบด้วยวิธรี กุ คือข้อใด ? ก. เปน็ การรบผสมเหล่า ข. มีการจโู่ จม และอ่อนตวั ค. มคี วามอ่อนตัว ง. สามารถยดึ ท่ีหมาย และทาการรบแตกหัก ๔. หลกั พ้นื ฐานการรบดว้ ยวธิ รี ุก มกี ่ีประการ ? ก. ๘ ประการ ข. ๙ ประการ ค. ๑๐ ประการ ง. ๑๑ ประการ ๕. หลกั พื้นฐานทางยทุ ธวธิ ขี องการรบด้วยวิธีรกุ ผบ.หน่วย ไดค้ ดิ และดัดแปลงมาจาก ? ก. หลกั การสงคราม ข. หลกั นยิ มการรบทางยุทธวธิ ี ค. หลักการรบดว้ ยวิธีรุก ง. ถกู ทุกข้อที่กล่าวมา ๖. หลักพน้ื ฐานทางยุทธวิธขี องการรบด้วยวิธรี ุก ข้อใด ? จะใช้ในโอกาสท่ยี งั มิไดป้ ะทะกบั ข้าศึก หรอื เมื่อข้าศึกผละออกจากการรบ ก. ให้ไดเ้ ปรียบและดารงการเกาะ ข. คล่คี ลายสถานการณ์ ค. ขยายผลเมอ่ื ทราบจุดอ่อนของขา้ ศึก ง. ครองความเป็นฝาุ ยรเิ ริม่ ๗. อานาจกาลังรบสูงสุด และการเขา้ โจมตตี ่อทห่ี มายได้อยา่ งรนุ แรง จะได้ผลจะต้องประกอบดว้ ย ? ก. กาลัง ท่ตี ง้ั การประกอบกาลงั และการวางกาลงั ข. การเข้าตดี ้วยการยิง ผสมผสานกับ การดาเนนิ กลยุทธ์ ค. การเตรียม และ การวางแผนทีด่ ี ง. มีการลาดตระเวนทด่ี ี และให้เสรกี ารปฏิบตั ิแก่ ผบ.หน่วยรอง ๘. การจดั การระวังปอู งกนั และความมัน่ คงแก่หนว่ ย เปน็ หลกั พน้ื ฐานทางยุทธวิธขี องการรบดว้ ยวิธรี กุ ขอ้ หน่ึง อยากทราบวา่ การจดั การระวังปูองกนั มีลกั ษณะอย่างไร ? ก. เปน็ การจัดระเบยี บใหม่ ข. การเสริมความมนั่ คง ค. การรายงานผลการปฏิบัติ ง. การจดั ยามคอยเหตุ
๙. หลกั พ้นื ฐานทางยุทธวธิ ขี องการรบด้วยวิธีรุก เปน็ การปฏบิ ัตกิ ารทจ่ี าเป็น เพ่ือทราบเกี่ยวกบั กาลัง ท่ตี ้ัง การประกอบกาลงั และ การวางกาลังของขา้ ศึก คอื ข้อใด ? ก. คล่คี ลายสถานการณ์ ข. ใหไ้ ดเ้ ปรยี บและดารงการเกาะ ค. ยึดและควบคุมภูมิประเทศสาคญั ง. ครองความเปน็ ฝุายรเิ รม่ิ ๑๐. ลักษณะของการเขา้ ตี แบ่งออกได้กลี่ ักษณะอะไรบ้าง ? ก. ๒ ลักษณะ คอื เข้าตีเร่งรีบ และ เข้าตเี รง่ ดว่ น ข. ๒ ลกั ษณะ คอื เข้าตีเร่งรบี และ เขา้ ตีประณตี ค. ๓ ลักษณะ คือ เข้าตีประสาน , เคล่ือนท่ีเข้าปะทะ และ เข้าตีประณตี ง. ๓ ลกั ษณะ คือ เขา้ ตีเรง่ รบี , เคล่ือนทเี่ ขา้ ปะทะ และ ไลต่ ดิ ตาม ๑๑. แบบของการดาเนนิ กลยทุ ธ์ ขอ้ ใดกลา่ วถกู ต้อง ? ก. เคล่ือนทเี่ ข้าปะทะ , การเข้าตี , การขยายผล และ การไล่ติดตาม ข. ตีตรงหน้า , เจาะ , โอบ , ตลบ และ แทรกซึม ค. ตตี รงหน้า , เจาะ , โอบล้อม , โอบ ๒ ปกี และ แทรกซมึ ง. ถกู ทกุ ข้อ ๑๒. แบบของการดาเนินกลยทุ ธ์ แบบใดท่ีมีความเหมาะสมนอ้ ยทส่ี ดุ ? ก. ตีโอบ ข. ตีตรงหน้า ค. ตเี จาะ ง. ตตี ลบ ๑๓. ความมงุ่ หมายของการตีโอบ เพ่ืออะไร ? ก. เขา้ ตที างปกี ที่ค้นพบ ข. หลีกเลยี่ งการรบแตกหัก ค. เขา้ ยึดทหี่ มาย ง. ถูกทุกข้อท่ีกลา่ วมา ๑๔. ขอ้ พิจารณาของ ผบ.หน่วย ในการเลอื กใช้แบบของการดาเนินกลยทุ ธ์ แบบใดนัน้ ขึ้นอยู่กับ ? ก. การวเิ คราะหภ์ ารกิจ และ ลักษณะของพ้นื ทป่ี ฏบิ ัติการ ข. การวางกาลังของท้งั ๒ ฝุาย (ฝาุ ยเรา,ฝาุ ยขา้ ศกึ ) ค. กาลังรบเปรียบเทียบของทั้ง ๒ ฝุาย ง. ทกุ ข้อท่ีกล่าวมาไมน่ ่าจะผดิ ๑๕. ชนดิ ของการรบดว้ ยวธิ รี กุ มกี ่ชี นิด อะไรบา้ ง ? ก. ๔ ชนิด คอื การเคลอ่ื นที่เขา้ ปะทะ ,การเขา้ ตี ,การขยายผล และ การไล่ตดิ ตาม ข. ๔ ชนิด คือ การเคล่ือนทเี่ ขา้ ปะทะ , การเขา้ ตีเรง่ ด่วน ,การเข้าตีประณีต และการไลต่ ดิ ตาม ค. ๓ ชนิด คอื การเคลื่อนท่ีเขา้ ปะทะ , การเขา้ ตีประสาน และการขยายผล ง. ๓ ชนิด คอื การเคลอื่ นที่เข้าปะทะ , การเข้าตี และ การเสรมิ ความมัน่ คง ณ ท่ีหมาย ๑๖. ความมุง่ หมายของการเคลอ่ื นท่เี ข้าปะทะ คอื ขอ้ ใด ? ก. เขา้ ปะทะหรือไดป้ ะทะกับขา้ ศึก ข. คลี่คลายสถานการณด์ ้วยการเข้าตีเร่งด่วน หรือเข้าตีประณีต ค. การท่ที หารเคลื่อนทีเ่ ขา้ หาข้าศึกแตย่ งั ไม่มีการปะทะ ง. ถกู ท้งั ข้อ ก. และ ข. ๑๗. วธิ กี ารเคลอื่ นท่ี หรอื เทคนิคการเคล่อื นที่แบบใดท่ีเหมาะสมท่ีสุดในโอกาสที่ปะทะกับขา้ ศึก ? ก. การเคลื่อนท่ีทางยทุ ธวธิ ี ข. การเดินทาง ค. การเดนิ ทางเฝูาตรวจ ง. การเดินทางเฝูาตรวจสลบั
๑๘. วธิ กี ารเดินทางเฝูาตรวจสลบั ในระหว่างท่ีชดุ ยิง ก.หยุดการเคลื่อนทเ่ี ฝูาตรวจชดุ ยงิ ข. เคลอ่ื นท่ีไป ข้างหนา้ ปกตจิ ะเคลือ่ นที่ลา้ ไปข้างหนา้ ระยะประมาณเทา่ ใด ? ก. ไมเ่ กนิ ๑๕๐ เมตร ข. ๒๐๐ เมตร ค. ๒๕๐ เมตร ง. ๓๐๐ เมตร ๑๙. ในการเคลอื่ นท่เี ข้าปะทะของหมวดปนื เล็ก ซ่ึงทาหนา้ ท่ีเป็นหมวดนา ปกติ ผบ.มว.จะได้รับมอบอะไร จาก ผบ.ร้อย. ? ก. ที่หมาย , เสน้ แบง่ เขต ข. ที่หมาย , เขตจากดั การรุก ค. ทห่ี มาย , เสน้ หลักการรกุ ง. ท่ีหมาย , ข่าวสารขา้ ศึก ๒๐. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ภารกจิ ของหมวด เมอ่ื เปน็ หมวดนา ? ก. ปูองกนั การจู่โจม แจ้งทีต่ ้ังข้าศึก และเครอ่ื งกดี ขวาง ข. ชว่ ยเหลือการเคล่อื นที่ของกองร้อยไปข้างหนา้ ค. ทาลายข้าศึกตามความสามารถของหมวด และคลี่คลายสถานการณ์อย่างรวดเรว็ ง. เขา้ ประชดิ และทาลายข้าศึก ๒๑. ภารกิจของ มว.ปล.ในการเข้าตี คือข้อใด ? ก. เขา้ ประชิดขา้ ศึก ทาลายขา้ ศึก หรือจับขา้ ศึกเปน็ เชลย ข. ยบั ย้งั ขา้ ศกึ ด้วยการยงิ ค. ผลักดันขา้ ศกึ ด้วยการรบประชดิ ง. ไม่มีข้อใดถูกก ๒๒. การจดั กาลงั ในการเข้าตีประกอบด้วย ๓ ส่วน คือสว่ นอะไรบา้ ง ? ก. สว่ นบังคบั บญั ชา , สว่ นดาเนินกลยทุ ธ์ , สว่ นกองหนุน ข. ส่วนบงั คบั บัญชา , ส่วนดาเนนิ กลยุทธ์ , สว่ นยิงสนับสนนุ ค. ส่วนระวังปูองกนั , สว่ นดาเนินกลยุทธ์ , สว่ นยิงสนบั สนุน ง. สว่ นบงั คบั บญั ชา , ส่วนเขา้ ตหี ลกั , สว่ นเขา้ ตีสนบั สนุน ๒๓. หมู่ ปก.เอม็ .๖๐ , คจตถ.ในอัตราของ มว.ปล.ใครเป็นผสู้ ง่ั ใชโ้ ดยตรง ? ก. ผบ.หมู่ ปล. ข. ผบ.มว.ค.๖๐ ค. ผบ.มว.ปล. ง. ผบ.ร้อย. ๒๔. แผนการเขา้ ตี ประกอบดว้ ย แผนใดบ้าง ? ก. แผนการบังคบั บัญชา ข. แผนการดาเนนิ กลยุทธ์ ค. แผนการยิงสนับสนุน ง. ถูกเฉพาะข้อ ข. และ ค. ๒๕. แผนการดาเนินกลยุทธ์ คอื แผนการใช้ หมู่ ปล.ตา่ ง ๆ ซึ่งเปน็ สว่ นดาเนนิ กลยทุ ธ์ แผนนีจ้ ะต้อง ประกอบด้วยสิ่งใดบ้าง ? ก. เสน้ ทาง , รูปขบวน , การเข้าตะลุมบอน , การเสริมความมั่นคง , การควบคมุ ข. เส้นทาง , รปู ขบวน , การเข้าตะลุมบอน , การใช้ระหว่างเคลื่อนท่ี , การควบคมุ ค. การเคลื่อนท่ี , การผา่ นแนว , การปะทะข้าศึก , การปะทะข้าศึก , การเขา้ ตะลุมบอน ง. การใชใ้ นข้นั ต้น , การใชร้ ะหวา่ งเคลื่อนที่ , การเข้าตะลุมบอน , การควบคุม ๒๖. แผนการดาเนินกลยทุ ธ์ คือ แผนการใช้อาวธุ ในอัตรา และ อาวธุ สมทบ เพื่อสนับสนุนการเข้าตี การ ใช้ หมู่ ปก. มกี ารใช้อยู่กห่ี นทางปฏิบัติ ? ก. ๒ หนทางปฏิบตั ิ ข. ๓ หนทางปฏบิ ตั ิ ค. ๔ หนทางปฏิบัติ ง. ๕ หนทางปฏบิ ตั ิ
๒๗. พนื้ ท่ีท่เี หมาะสมใชเ้ ป็นท่ีรวมพล ควรมีลักษณะอย่างไร ? ก. มีการกาบงั และซ่อนพราง ข. พื้นที่กว้างขวางกระจายกาลงั ได้ ค. พน้ จากระยะยงิ ของ ป.และ ค. ง. ถูกทุกข้อ ๒๘. ในทีร่ วมพล ตอ้ งเตรียมการปฏบิ ัตใิ นเรอ่ื งใดบา้ ง ? ก. การจัดกาลังรบ ข. การซ่อมบารงุ ค. การส่งกาลงั ง. ถูกทกุ ข้อ ๒๙. “ ที่ต้ังซึ่งมีการกาบังและซ่อนพรางแห่งสดุ ทา้ ยใกล้แนวออกตี ซ่ึงหมวดจะวางกาลังในรปู ขบวนเขา้ ตี และประสานการปฏิบัติคร้ังสุดท้ายก่อนผา่ นแนวออกตี มว.ปล.จะติดดาบปลายปืน ณ พื้นท่ีนี้ ” หมายถงึ ข้อใด ? ก. ที่รวมพล ข. แนวออกตี ค. ฐานออกตี ง. ทหี่ มาย ๓๐. แนวออกตี คือ แนวซึ่งประสานการเรมิ่ ต้นในการเข้าตี ซงึ่ อยู่หา่ งจากทรี่ วมพลระยะประมาณเท่าใด ? ก. ๔ กม.หรอื เดินประมาณ ๑ ชม. ข. ๔ – ๖ กม.หรือ เดนิ ประมาณ ๒ ชม. ค. ๓ – ๔ ไมล์ หรอื เดินประมาณ ๓ ชม. ง. ๕ – ๖ ไมล์ หรอื เดนิ ประมาณ ๔ ชม. ๓๑. แนวปะสานการปฏบิ ตั ิขั้นสดุ ทา้ ย ใชใ้ นการปรับรปู ขบวน เล่อื นหรือยา้ ยการยงิ สนับสนุน แนวน้ีจะ อยู่ห่างจากท่หี มายประมาณเทา่ ใด ? ก. ๕๐ – ๑๐๐ เมตร ข. ๑๐๐ – ๑๕๐ เมตร ค. ๑๐๐ – ๒๐๐ เมตร ง. ๒๐๐ – ๓๐๐ เมตร ๓๒. ลกั ษณะท่ีหมายของ มว.ปล.ซ่ึง ผบ.ร้อย.กาหนดให้ ควรมีลักษณะใด ? ก. สงั เกตเหน็ งา่ ยในภูมิประเทศ ข. ต้องบรรลคุ วามสาเร็จร่วมกัน ค. เมื่อยดึ ไดต้ ้องควบคมุ ได้ ง. ถกู ทกุ ข้อ วชิ ายุทธวิธี หลักการรบด้วยวิธรี กุ *ความมงุ่ หมายหลักของการรบดว้ ยวธิ ีรกุ คือข้อใด ตอบ : การทาลาย กาลงั รบข้าศกึ *การปฏบิ ัตกิ ารรบด้วยวธิ ีรกุ การเข้าตีมี ๒ ลกั ษณะอะไรบ้าง ตอบ : การเข้าตีเรง่ รีบ, การเข้าตีประณตี *หน่วยใด เปน็ หน่วยที่เหมาะสมในการขยายผล ตอบ : หน่วยยานเกราะและทหารราบยานเกราะ *แนวประสานการปฏบิ ตั ิขั้นสุดท้าย ใช้ในการเล่ือนหรือย้ายการยงิ สนบั สนุนและการปรับรูปขบวนของ กาลังสว่ นเขา้ ตีก่อนเข้าตะลุมบอน แนวนีจ้ ะอยูห่ า่ งจากทห่ี มายในระยะประมาณเท่าใด ตอบ : ๑๐๐ - ๑๕๐ ม. *แนวออกตี คือ แนวซึง่ ประสานการเรมิ่ ตน้ ในการเข้าตี ซ่งึ อย่หู ่างจากทีร่ วมพลระยะประมาณ เท่าใด ตอบ : ๔ กม. หรอื เดินประมาณ ๑ ชม.
บุคคลทาการรบและยทุ ธวธิ ขี ั้นพน้ื ฐาน * การกาหนดระยะเปาู หมายอาจจะเป็นกลุ่มทหาร ยานพาหนะ ยทุ โธปกรณ์ อาคารโรงเรอื น ด้วยสายตาหรอื ยุทโธปกรณ์ โดยมี ความคลาดเคล่ือนไมเ่ กนิ ก่เี ปอร์เซน็ ต์ ตอบ : ๒๐ % * ระเบียบการนาหน่วยขน้ั ท่ี 1 การรบั ภารกจิ สามารถรับไดใ้ นลักษณะใดบา้ ง ตอบ : 1. คาสั่งเตรียม 2. คาสั่งยทุ ธการ 3. คาสั่งเป็นส่วนๆ * คาสั่งยุทธการจะกลา่ วถงึ ภารกจิ ของหน่วย กล่าวถึงการปฏิบตั ิอย่างย่อทจี่ ะใหห้ น่วยปฏบิ ตั ใิ ห้สมบูรณ์และความมุ่งหมายในการ ปฏบิ ัติ ภารกจิ นามาจากการวเิ คราะห์ เม่ือทาการประมาณสถานการณ์ ภารกจิ ต้องกลา่ วซา้ ๒ คร้งั เสมอโดยตลอด องค์ประกอบ ของภารกจิ มอี ะไรบ้าง ตอบ : ใคร ,ทาอะไร,เมอ่ื ใด,ทไี่ หน,และทาไม * ทหารปฏบิ ตั ิการยืนลักษณะทา่ ตรงสะพายอาวุธปืน M.16ด้านไหล่ขวาชมู ือขนึ้ เหนือศรีษะเหยียดตรงนิ้วทั้งหา้ เรยี งชิดตดิ กัน เวยี งแขนไปดา้ นหลงั ลกั ษณะวงกลมเปน็ การให้ทศั นะสญั ญาณอะไร ตอบ : รปู ขบวนแถวตอน รปู ขบวนทาการรบ * รูปขบวนทาการรบของหมู่ ปล. รูปขบวนทีเ่ หมาะสมทจี่ ะเข้าตะลุมบอนต่อข้าศึก คอื ตอบ : รูปขบวนหน้ากระดาน * รูปขบวนหมู่แถวตอน เป็นรปู ขบวนที่เหมาะสาหรบั ใช้ในการเคลอื่ นทขี่ ้อดีมีไวว้ ่าอยา่ งไร ตอบ : 1. สะดวกในการควบคุม 2. การระวังปอู งกนั รอบตวั 3. เคลอื่ นทีไ่ ด้เร็ว * ผบ.หมู่เรียกกาลังพลให้จัดรูปขบวนแถวตอน โดยแต่ละชุดยิงอยู่ในรูปขบวนสามเหล่ียมแหลมหน้า อยากทราบว่ากาลังพลแต่ ละชุดยิงระยะตอ่ ระยะเคียงหา่ งเท่าไร ตอบ : ๑๐ เมตร * การที่ ผบ.หมู่ ใหส้ ญั ญาณจัดรูปขบวนหน้ากระดานอยากทราบว่า หน.ชดุ ยิง ก. และ ข. หา่ งจาก ผบ.หมู่ กเี่ มตร ตอบ : ๒๕ เมตร * เมอื่ จดั รูปขบวนหมวดแถวหนา้ กระดาน เพอื่ เตรียมตะลุมบอนต่อข้าศึก มีขอ้ ดีคือ ตอบ : อานาจการยิงข้างหน้าดี * ปืนกลเปน็ อาวธุ ยงิ สนบั สนุนของหมวด อยากทราบว่า ๑ หมู ปก. มกี าลงั พลกนี่ าย ตอบ : ๙ นาย * ในเม่ือจัดรูปขบวนหมวดสามเหล่ียมแหลมหน้า หมู่นากับหมู่ทางปีกขวา และปีกซ้าย ระยะห่างระหว่าง หมู่นากับหมู่ทางปีก ระยะกีเ่ มตร ตอบ : ๘๐ เมตร ระบบปฏบิ ัติการในสนามรบ , การเตรยี มตวั เพ่ือทาการรบ * โดยปกติ ผบ.หน่วย จะอาศยั ขา่ วกรองจากทีใ่ ดเปน็ หลักในการปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ทุกครง้ั ตอบ : หน่วยเหนอื * ขา่ วสารตา่ ง ๆ ทไ่ี ด้มา จะสมบูรณ์จนกลายเป็นข่าวกรอง หลงั จาก ตอบ : ตคี วามแลว้ * การจัด มว.ปล.ของหนว่ ย ร.มาตรฐาน (๕๐ นาย) ประกอบไปดว้ ยสว่ นใดบา้ ง ตอบ : บก.มว. , ๑ หมู่ ปก. , ๓ หมู่ ปล. * เครอ่ื งมือหลกั ในการดาเนินกลยทุ ธ์ของ ผบ.มว. คือ ตอบ : ๓ หมู่ ปล.ในอตั รา
* โดยปกติการปฏบิ ัตงิ านหลักด้านการช่วยรบ ภายใน มว.ปล. จะมใี ครบ้างเปน็ ผู้ช่วยเหลอื ผบ.มว. ตอบ : รอง ผบ.มว. , ส.ประจาหมวด * การวางแผนการใชเ้ วลาของ ผบ.หน่วย จะกาหนดไว้อยา่ งไร ตอบ : ใช้เวลาไม่เกิน ๑/๓ หลักการรบด้วยวิธีรับ *ข้อใดกล่าวถงึ ระดับของการตา้ นทาน ในการรบดว้ ยวิธีรับ ไดถ้ ูกต้อง ตอบ : การต้งั รับ – การรบหน่วงเวลา - ฉากกาบัง *แนวขอบหน้าพ้ืนท่ีการรบ ของหน่วย ทีแ่ ทจ้ ริง จะเกดิ ขึ้นเมื่อใด ตอบ : กาลังของ มว.ปล.ในแนวหน้าได้เข้าพ้ืนท่วี างตัวเรยี บรอ้ ยแลว้ *พนื้ ท่ที ่ีไม่มีกาลงั เข้ายดึ ครอง และไม่อยู่ในระยะยิงหวังผลของอาวุธเบา คอื พ้นื ทใ่ี นข้อใด ตอบ : ชอ่ งวา่ งระหว่างหน่วยในการต้งั รบั *พืน้ ทีท่ ่ีไม่มีกาลงั เข้ายึดครอง แต่อย่ใู นระยะยงิ หวังผลของอาวุธเบา คือ พื้นทใ่ี นขอ้ ใด ตอบ : ระยะเคยี งระหวา่ งหน่วยในการตั้งรบั *ระยะระหวา่ งท่ตี ้ังจรงิ ของหมู่ ปล.กับทต่ี ้ังเพิ่มเตมิ ของหมู่ ปล. เป็นคาจากัดความของระยะในข้อใด ตอบ : ช่องวา่ ง *ภารกิจของ มว.ปล.ในการตง้ั รบั คือข้อใด ตอบ : ยับย้ังขา้ ศึกดว้ ยการยิงหนา้ ทม่ี นั่ , ผลักดันข้าศึกด้วยการยงิ สนับสนุน *ในการจัดตั้งยามระวงั ปูองกัน เปน็ มาตรการระวงั ปอู งกนั ในการต้งั รบั ประเภทใด ตอบ : มาตรการเชิงรบั ๑. ลาดบั ข้ันตอนมาตรฐานของ มว.ปล.ในการตง้ั รบั ประกอบด้วย ขั้นตอนใดบ้าง ก. การวางแผน , การตกลงใจ , การปฏิบัติ ข. การเตรยี มการ , การวางแผน , การปฏบิ ตั ิ ค. การเตรยี มการ , การตกลงใจ , การปฏบิ ัติ ง. การเตรียมการ , การปฏิบตั ิ , การเสริมความม่นั คงฯ ๒. ขอ้ ใดกลา่ วถงึ การปฏิบัติ ในขนั้ ตอนของการเตรยี มกาลังเขา้ ทาการรบ ได้ถกู ต้อง ก. เลือกใชเ้ ส้นทางที่มีการกาบังและซอ่ นพราง ข. การตรวจสอบ และการเบิกรบั สป.ต่างๆ ค. การเลือกพื้นทรี่ ะดมยงิ ของหมวด ง. การปรบั ปรงุ ทมี่ น่ั ตั้งรบั ๓. ขอ้ ใดกลา่ วถงึ การปฏิบัติ ในขนั้ ตอนของการค้นหาขา้ ศึก ได้ถูกต้อง ก. เลือกใชเ้ ส้นทางท่ีมกี ารกาบงั และซอ่ นพราง ข. การตรวจสอบ และการเบกิ รบั สป.ตา่ งๆ ค. การเลอื กพื้นทีร่ ะดมยิงของหมวด ง. การใช้เคร่ืองมอื เฝาู ตรวจเวลากลางคนื ๔. ข้อใดกล่าวถึง การปฏิบตั ิ ในข้นั ตอนของการตา้ นทานในการตั้งรบั ได้ถูกต้อง ก. การเลือกพืน้ ทร่ี ะดมยงิ ของหมวด และการสรา้ งลวดหนามและสนามทุน่ ระเบิด ข. ปก.และ อว.อตั โนมตั ทิ าการยงิ ในแนวทิศทางยิงหลกั หรือ ในแนวยิงฉากปอู งกนั ข้ันสุดท้าย ค. การรอ้ งขอและปรับการยิง อว.เลง็ จาลอง เม่ือข้าศกึ เข้ามาในระยะยิงทาลายได้สูงสุด ง. การจัดการระวังปูองกัน และการจัดตัง้ ข่ายการติดต่อสอ่ื สารขนึ้ ใหม่ ๕. ข้อใดกลา่ วถงึ การปฏิบัติ ในข้นั ตอนของการเสริมความมนั่ คงและการจัดระเบยี บใหม่ ได้ถูกต้อง ก. การเลือกพนื้ ท่รี ะดมยงิ ของหมวด และการสร้างลวดหนามและสนามท่นุ ระเบิด ข. ปก.และ อว.อตั โนมัตทิ าการยงิ ในแนวทิศทางยิงหลกั หรอื ในแนวยิงฉากปูองกนั ข้นั สดุ ทา้ ย ค. การรอ้ งขอและปรับการยิง อว.เลง็ จาลอง เม่ือข้าศกึ เข้ามาในระยะยงิ ทาลายได้สูงสุด ง. การจัดการระวังปอู งกนั และการจัดตัง้ ข่ายการตดิ ต่อส่ือสารขน้ึ ใหม่
๖. การตรวจการสร้างลวดหนามและสนามทนุ่ ระเบิด เพ่ือใหแ้ นใ่ จว่าลวดหนามปูองกนั ตนอยหู่ ่างจากแนว ที่มน่ั พน้ ระยะขวา้ งลกู ระเบิด และแนวลวดหนามยทุ ธวิธีวางถัดจากแนวยงิ ฉากปอู งกันฯเขา้ มาทางแนว ท่ีม่ันฝุายเรา จัดอยู่ในขั้นตอนใดของการตง้ั รบั ก. ขน้ั การเตรียมกาลังเขา้ ทาการรบ ข. ขนั้ การเคลอ่ื นที่ไปยังทีม่ น่ั ตงั้ รบั ค. ขั้นการจดั เตรยี มท่ีมัน่ ตง้ั รับ ง. ขัน้ ปฏบิ ตั เิ มอ่ื เกิดการปะทะขา้ ศึก ๗. เมอื่ ผบ.มว.ค้นพบข้าศกึ และทาการร้องขอและปรับการยงิ อว.เล็งจาลอง รวมทงั้ การยิงของ อว.เล็งตรง ต้งั แตร่ ะยะไกล จดั อยู่ในขน้ั ตอนใดของการตั้งรับ ก. ขน้ั การเตรยี มทมี่ ั่นตั้งรบั ข. ขนั้ การคน้ หาท่ีตั้งข้าศึก ค. ข้ันปฏิบตั เิ มือ่ เกดิ การปะทะขา้ ศึก ง. ขน้ั การต้านทานข้าศึก ๘. การตดิ ตอ่ ส่ือสารจาก ทก.หลัก ของ มว.ไปยัง ทก.รอ้ ย. โดยปกติ จะใช้เคร่ืองมือส่ือสาร ชนดิ ใด ก. ใชโ้ ทรศัพท์ ข. ใช้วทิ ยุ ค. ใชโ้ ทรศพั ท์ และวทิ ยุ ง. ใชโ้ ทรศัพท์ และพลนาสาร ๙. การตดิ ต่อส่อื สารจาก ทก.หลัก ของ มว.ไปยงั ทก.สารอง ของ มว. โดยปกติ จะใชเ้ ครอื่ งมือส่อื สาร ชนดิ ใด ก. ใชโ้ ทรศพั ท์ ข. ใชว้ ทิ ยุ ค. ใชโ้ ทรศัพท์ และวิทยุ ง. ใช้โทรศพั ท์ และพลนาสาร ๑๐. อาวุธหลักของหมวดในการตง้ั รบั ท่ีใชย้ ิงต่อทหารราบเดินเทา้ ของข้าศกึ ไดแ้ ก่ อาวธุ ชนดิ ใด ก. ปนื กล ข. ปนื เลก็ ค. เคร่ืองยงิ จรวดต่อส้รู ถถัง ง. ปืนยงิ เครือ่ งยงิ ลกู ระเบดิ ๑๑. แนวยงิ ทกี่ าหนดไว้ลว่ งหนา้ เพื่อการยงิ กวาดสกดั การเข้าตะลุมบอนของข้าศึก คือแนวยงิ ในขอ้ ใด ก. แนวยิงในทิศทางยิงหลกั ข. แนวยิงในทิศทางยงิ สารอง ค. แนวยงิ ปูองกันระยะใกล้ ง. แนวยงิ ฉากปูองกันขั้นสดุ ทา้ ย ๑๒. ในการวางการยิงของปืนกล โดยปกติจะวางไปในทิศทางใด ก. วางตามแนวยิงฉากปูองกนั ข้นั สดุ ทา้ ย ข. วางตามทิศทางยิงหลกั ค. วางได้ท้งั ขอ้ ก และข้อ ข พร้อมกัน ง. วางได้ตามข้อ ก หรือ ข้อ ข อยา่ งใดอย่างหน่งึ ๑๓. ผู้ที่เลอื กที่ต้งั ยงิ ขัน้ ตน้ และเขตการยิงใหก้ ับ อาวธุ ตอ่ สู้รถถงั ทีม่ ีอยูใ่ น หมวดหรือมาสมทบ คอื ใคร ก. ผบ.มว. ข. รอง ผบ.มว. ค. ผบ.หมู่ ปล.ท่ี อว.ตถ.ตั้งยงิ ในพืน้ ท่ี ง. พลยิงอาวุธตอ่ สรู้ ถถัง ๑๔. ทีม่ นั่ ท่ที หาร หรอื พลประจาปืน หรือหน่วยใช้ทาการตั้งรบั จนบรรลุภารกจิ ของตนเองได้ คือทม่ี น่ั ชนิดใด ก. ท่มี ั่นรบ ข. ทมี่ ัน่ หลัก ค. ทีม่ ั่นสารอง ง. ท่มี ั่นเพ่มิ เติม ๑๕. ทีม่ ่นั ซ่งึ ทหารแตล่ ะคน พลประจาปืน หรือทั้งหน่วยสามารถทาการต้ังรับได้ครอบคลมุ เขตรบั ผิดชอบ เหมอื นที่ม่ันตง้ั รบั หลกั คอื ที่มั่นชนดิ ใด ก. ทมี่ ่ันรบ ข. ทมี่ ่นั หลกั ค. ทม่ี ั่นสารอง ง. ทีม่ น่ั เพ่ิมเตมิ ๑๖. ที่มน่ั ตงั้ รับของหมู่ปืนเล็ก โดยทั่วไปหมปู่ ืนเล็กสามารถวางกาลังต้ังรบั และรับผิดชอบกว้างด้านหนา้ ไดป้ ระมาณเท่าใด ก. ประมาณ ๓๐ - ๑๐๐ เมตร ข. ประมาณ ๑๕๐ - ๒๐๐ เมตร ค. ประมาณ ๒๐๐ - ๒๕๐ เมตร ง. ประมาณ ๒๕๐ - ๓๐๐ เมตร
๑๗. ข้อพจิ ารณาในการกาหนดระยะหา่ งระหว่างท่ีม่ันภายในหมู่ ขึ้นอยู่กบั ปจั จัยในข้อใด ก. ความกวา้ งเขตการตง้ั รบั ของหมู่ ข. การระวงั ปอู งกันการแทรกซมึ ของขา้ ศึก ค. การปูองกันอนั ตรายจากลกู ระเบิดขว้างของข้าศึก ง. ทีก่ ลา่ วมาคือปัจจัยที่ตอ้ งพจิ ารณาท้ังส้ิน ๑๘. การกาหนดมาตรการควบคมุ การยิงในการต้ังรับตอ่ อาวุธทุกชนิด จะมผี รู้ ับผดิ ชอบในการควบคมุ แตล่ ะ ชนิดของอาวธุ อยากทราบว่า ปนื เล็กกล ,ปืนเล็กยาว และ เอม็ .๒๐๓ ใครเป็นผคู้ วบคมุ การยงิ ก. ผบ.มว.ปล. ข. รอง ผบ.มว.ปล. ค. ผบ.หมู่ ปล. ง. ผบ.หมู่ ปล.และ หน.ชดุ ยิง ๑๙. มาตรการควบคมุ การยิง ทีใ่ ช้เพื่อมอบความรับผิดชอบ และใหอ้ าวธุ ตา่ งๆวางการยิงใหค้ รอบคลมุ กวา้ งด้านหนา้ และทาบ ทบั กันกบั หนว่ ยข้างเคียงดว้ ย คือ มาตรการควบคุม ในข้อใด ก. เขตการยิง ข. พ้ืนท่ีระดมยิง ค. จดุ ระดมยิง ง. พน้ื ท่ีสังหาร ๒๐. มาตรการควบคุมการยิง ท่ีใชเ้ พื่อรวมอานาจการยิงของอาวุธชนดิ ต่างๆไปยังพื้นทนี่ ้ันๆ คอื มาตรการ ควบคุม ในข้อใด ก. เขตการยงิ ข. พื้นทีร่ ะดมยิง ค. จุดระดมยิง ง. พื้นท่สี ังหาร ๒๑. ในการประสานงานของหนว่ ยระหว่าง หมู่ หมวดขา้ งเคียง ในพืน้ ทีต่ ง้ั รบั โดยปกติแลว้ มกั จะกระทาใน ลักษณะใด ก. จากหน่วยทางขวาไปยังหนว่ ยทางซ้าย ข. จากหนว่ ยทางซ้ายไปยงั หนว่ ยทางขวา ค. จากดา้ นหนา้ ไปทางดา้ นหลัง ง. กระทาตามข้อ ข และข้อ ค รวมกนั ๒๒. ขอ้ ใด คือ ความมุ่งหมายหลกั ของการยิงฉากปูองกนั ขั้นสุดทา้ ย ในการตง้ั รับ ก. เพอื่ ทาลายการเข้าตะลุมบอนในระยะใกลข้ องข้าศกึ ต่อทม่ี น่ั ฝาุ ยต้งั รับ ข. เพอ่ื ทาลายการเข้าตะลมุ บอนในระยะไกลของข้าศกึ ต่อท่ีมน่ั ฝาุ ยตั้งรบั ค. เพ่อื ทาลายขา้ ศึก ก่อนการเขา้ โจมตีในระยะใกล้ของขา้ ศึกต่อทม่ี นั่ ฝุายต้ังรับ ง. เพอื่ ทาลายข้าศึก กอ่ นการเข้าโจมตใี นระยะไกลของขา้ ศึกต่อท่มี นั่ ฝาุ ยตั้งรับ ๒๓. การสง่ กาลงั เพ่ิมเติมในการตงั้ รับของหมวดปืนเลก็ จะใช้ระบบ “ตามแผนงาน” ซ่ึงมีอยู่ ๓ วธิ ี อยากทราบ วา่ เมื่อกองร้อยส่ง สป.และยทุ โธปกรณไ์ ปยงั หลมุ บคุ คลแต่ละหลมุ เปน็ การสง่ สป.วิธใี ด ก. วธิ กี ารส่งกาลงั เพม่ิ เติมแบบสง่ ถึงทีต่ งั้ หลุมบคุ คล ข. วิธีการสง่ กาลังเพ่มิ เติมแบบแจกจา่ ย ณ ตาบลจา่ ย ค. วธิ ีการสง่ กาลังเพ่มิ เตมิ แบบวางสงิ่ อุปกรณ์ไว้ล่วงหนา้ ง. ใช้ไดท้ ุกวธิ ที ีก่ ล่าวมา ๒๔. การสง่ กาลังเพ่มิ เติม โดยทหารต้องออกจากหลมุ บคุ คลของตนมารับ สป.ยังตาบลจา่ ยของกองร้อย เป็นการส่ง สป.วธิ ใี ด ก. วิธีการส่งกาลังเพ่ิมเตมิ แบบส่งถึงท่ตี ั้งหลมุ บุคคล ข. วิธีการส่งกาลงั เพ่ิมเติมแบบแจกจ่าย ณ ตาบลจ่าย ค. วิธีการส่งกาลงั เพิม่ เติมแบบวางส่ิงอุปกรณ์ไว้ลว่ งหน้า ง. ใช้ได้ทุกวิธีท่ีกลา่ วมา
๒๕. การสง่ กาลังเพ่ิมเติม โดยกองร้อยวาง สป.และยุทโธปกรณ์ไวล้ ่วงหน้าตามเสน้ ทางที่หมวดจะไปวางกาลัง ตามแผนของกองร้อย และจัดเป็นวธิ ที ีใ่ ชก้ นั มากในการรบดว้ ยวิธีรบั คือ การส่ง สป.วิธีใด ก. วิธีการสง่ กาลังเพ่ิมเตมิ แบบส่งถึงท่ตี ง้ั หลมุ บุคคล ข. วิธีการส่งกาลงั เพมิ่ เตมิ แบบแจกจ่าย ณ ตาบลจ่าย ค. วธิ ีการส่งกาลังเพมิ่ เติมแบบวางส่งิ อุปกรณไ์ วล้ ่วงหน้า ง. ใช้ไดท้ ุกวธิ ีทีก่ ลา่ วมา หลักการร่นถอย * ข้อใดไมใ่ ชก่ ารปฏิบตั กิ ารรน่ ถอย ตอบ : การลดระยะหา่ งข้าศกึ * แบบการร่นถอยมีกแี่ บบอะไรบา้ ง ตอบ : ๓ แบบ คอื การถอนตวั จากการรบ, การรบหน่วงเวลา และ การถอย * การถอนตวั เมอื่ ขา้ ศึกกดดัน หน่วยปฏบิ ตั จิ ะจดั กาลงั อย่างไร ตอบ : ส่วนใหญ่ และ สว่ นกาบงั * หมวดปนื เล็กถอนตวั นอกความกดดัน เมื่อจดั ผแู้ ทนไปตรวจทีม่ นั่ ตั้งรับแหง่ ใหม่ ผ้บู ังคับหมวดจะแนะนา ใหป้ ฏบิ ัตใิ นเร่ืองต่างๆ เพ่ือลดความสับสนของหน่วย ข้อใดไม่ใช่ ตอบ : ทห่ี มายและแนววางกาลังหน่วยขา้ งเคียง * การปฏิบัติของสว่ นท่ีเหลือไว้ปะทะของหมวด ถ้า นร. เปน็ ผบ.ส่วนทีเ่ หลอื ไว้ปะทะ จะนากาลงั พลไปพบ ใคร ณ ทรี่ วมพลของกองร้อย ตอบ : รอง ผบ.ร้อย * กาลงั ส่วนใหญแ่ ละสว่ นทเ่ี หลือไว้ปะทะ จะถูกนาไปจากที่รวมทพี่ ลของกองร้อยไปเข้าที่มัน่ ใหม่ โดยจะพบ กับตวั แทนของหมวด ณ ท่ีใด ตอบ : จดุ แยกหมวด ๑. การปฏบิ ัตทิ างทหารท่ีกระทาเพื่อก่อให้เกิดการสญู เสียแก่กาลงั ข้าศึกให้มากที่สุดเท่าท่ีสถานการณจ์ ะอานวยให้ และปฏิบัติ ตามลาดับคือ การตง้ั รับ, การรบดว้ ยวธิ ีรุก การถอนตัวจากการบ และการรบหนว่ งเวลา ในทุกโอกาสทจี่ ะก่อใหเ้ กิดการสูญเสยี ตอ่ ข้าศึก โดยใชก้ ารยงิ และการดาเนนิ กลยทุ ธใ์ หไ้ ด้ผลสงู สดุ เมือ่ กาลังรบของฝาุ ยเข้าตีมขี ีดความสามารถเทา่ เทียมกบั ฝุายตั้งรบั จะตอ้ งเรม่ิ ปฏบิ ตั ิการรบดว้ ยวิธีรกุ โดยการใช้หน่วยกองหนนุ ของตน สาหรบั การปฏิบัตกิ ารรบด้วยวิธรี ่นถอย หน่วยปฏบิ ัตมิ ักมี ขวัญและกาลังใจต่า ดงั นนั้ เพ่ือใหห้ นว่ ยสามารถปฏบิ ตั ิภารกจิ ได้เป็นผลสาเรจ็ ผู้บงั คบั หนว่ ยจะต้องมวี ิธีการฟนื้ ฟู ดารงรักษา ขวญั กาลังใจ ให้ทหารภายใตก้ ารบังคบั บัญชาของตนมีขวญั และจติ ใจรุกรบอย่เู สมอ การปฏบิ ัตใิ นข้อใดไม่ถกู ต้อง ? ก. ขจัดข่าวลอื ข. การกวดขันระเบยี บวนิ ยั ค. ใชล้ ักษณะผนู้ าอย่างสูง ง. การโฆษณาชวนเชื่อ ๒. ความมงุ่ หมายของการปฏบิ ัตกิ ารร่นถอย ก็เพอื่ จะรกั ษาความเป็นกลมุ่ ก้อนของกาลังรบเอาไว้ จนกวา่ จะมโี อกาสท่จี ะทาการบ ดว้ ยวิธรี ุก การปฏบิ ัติการรน่ ถอยจะกระทา เพื่อเหตผุ ลประการใดประการหนงึ่ หรือหลายประการกไ็ ด้ อยากทราบวา่ แบบ/ ประเภทของการรบดว้ ยวิธีการน่ ถอยมีกีแ่ บบ? ก. ๒ แบบ นอกความกดดนั , ภายใตค้ วามกดดัน ข. ๒ แบบ ไมส่ มัครใจ, สมคั รใจ ค. ๓ แบบ การถอนตัว, การรบหน่วงเวลา, การถอย ง. ๔ แบบ การรบหน่วงเวลาหน้า, การถอนตวั , การต้ังรับ, การถอย
๓. “การจดั กาลงั เคล่ือนท่หี า่ งออกจากข้าศึก โดยอาจเกดิ จากการบังคบั หรือความสมัครใจกไ็ ดแ้ ต่ไม่วา่ กรณีใดก็ตาม ในการ เคลื่อนยา้ ยมาขา้ งหลังจะตอ้ งไดร้ บั การอนมุ ตั ิจากผบู้ ังคับบัญชาชั้นสูงก่อนเสมอ การปฏิบตั กิ ารนี้จะปฏิบตั ิเพ่ือรบกวน สรา้ ง ความยงุ่ ยาก ทาใหข้ ้าศึกกระจดั กระจาย เสียเวลา และทาลายข้าศึก การปฏิบตั กิ ารนีเ้ พื่อใหไ้ ด้เวลา หลีกเลย่ี งการรบภายใต้ เงือ่ นไขที่เสยี เปรยี บหรือดงึ ข้าศกึ ให้เข้ามาอยูใ่ นพ้ืนท่ีที่ไม่เอ้ืออานวย” กลา่ วถึงการรบชนิดใด ? ก. การรบดว้ ยวิธรี ุก ข. การรบดว้ ยวิธีรบั ค. การรบด้วยวิธรี ่นถอย ง. การรบหน่วงเวลา ๔.วัตถุประสงค์ในการรบดว้ ยวธิ รี น่ ถอย ข้อใดกลา่ วถูกต้อง ก. หลีกเลี่ยงการรบภายใตส้ ภาพการณ์ที่ไมพ่ ึงประสงคข์ องฝาุ ยเรา ข. ดึงข้าศึกเขา้ สู่พ้นื ทีท่ เ่ี กื้อกูลต่อการปฏิบัติของฝุายเรา ค. รบกวนขา้ ศกึ ทาให้ข้าศกึ อ่อนกาลงั ลง ง. ทก่ี ล่าวมาถูกทุกข้อ ๕. ปกตผิ ้บู ังคับบญั ชามักจะเลอื กใชก้ ารรน่ ถอยในลักษณะใด เป็นวิธที พี่ ึงประสงค์ในการถอนตวั ของหน่วย เป็นวิธที ่ดี ีท่สี ดุ ? ก. ข้าศกึ ไม่กดดนั ข. ข้าศึกกดดนั ค. ไม่สมัครใจ ง. ถอนตัวกลางวนั ๖. การถอนตัวภายใตค้ วามกดดัน ปกติ ผบ.รอ้ ย มักจัดส่วนกาบงั ของกองร้อย เอง โดยพิจารณาจัดจากหนว่ ยในข้อใด ? ก. สว่ นระวงั ปอู งกนั ข. ส่วนตั้งรบั หนา้ ค. กองหนุน ง. หน่วยข้างเคียง ๗. การถอนตัวเม่ือข้าศกึ กดดัน หนว่ ยปฏิบตั จิ ะจดั กาลังอย่างไร ก. สว่ นใหญ่ และ ส่วนกาบงั ข. ส่วนใหญ่ และ สว่ นเหลอื ไวป้ ะทะ ค. ส่วนรบปะทะ, ส่วนหนุน และสว่ นเพมิ่ เติม ง. สว่ นใหญ่, ส่วนนอ้ ย และ สว่ นต้านทาน ๘. การปฏบิ ัตติ ามระเบียบการนาหนว่ ยของ ผบ.หน่วย ในข้ันการ ลว. ถา้ ผบ.หนว่ ยไม่สามารถทาการ ลว.ได้จะต้องกาหนด ตัวแทนในการ ลว. ในการปฏิบตั กิ ารถอนตวั นนั้ โดยปกติ ผบ.ร้อย.กาหนดใหใ้ คร เป็นผ้ทู ี่ไป ลว. ที่มัน่ ใหมแ่ ทน ผบ.ร้อย.? ก. รอง ผบ.ร้อย. ข. รอง ผบ.มว.ปล. ค. ผบ.มว.ค.๖๐ ง. จ่ากองร้อย ๙. การปฏิบัตติ ามระเบียบการนาหนว่ ยของ ผบ.หนว่ ย ในขัน้ การ ลว. ถ้า ผบ.หนว่ ยไมส่ ามารถทาการ ลว.ไดจ้ ะต้องกาหนด ตัวแทนในการ ลว. ส่วนตวั แทนของ ผบ.มว.ปล.ไดแ้ กข่ ้อใด.? ก. รอง ผบ.ร้อย. ข. รอง ผบ.มว.ปล. ค. ผบ.มว.ค.๖๐ ง. จ่ากองร้อย ๑๐. รอ้ ย.อวบ.ในการถอนตวั มอบภารกิจให้กับสว่ นที่เหลอื ไวป้ ะทะ ทาการลวงและตา้ นทานข้าศึก หากทา่ นปฏิบตั หิ น้าท่ี ผบ. รอ้ ย.จะแนะนาให้สว่ นที่เหลอื ไว้ปะทะปฏบิ ตั อิ ย่างไรจงึ จะมีประสทิ ธภิ าพสูงสดุ ในการลวง ? ก. เพมิ่ เจา้ หนา้ ท่ี ลว.ด้านหลังให้มากขึน้ ข. แสร้งทาใหเ้ หมอื นกับส่วนใหญ่มากท่ีสุด ค. แสดงการเคลอื่ นย้ายกาลงั โดยเปิดเผย ง. ใช้แสงไฟ เสียงแตรของยานยนต์ บอกที่ตงั้ การบรรทกุ เมื่อสว่ นใหญ่ถอนตวั แลว้ ๑๑. ในการกาหนดมาตรการควบคุมการถอนตวั ผู้ท่กี าหนดที่รวมพลของ มว.คอื ขอ้ ใด ? ก. ผบ.พนั . ข. ผบ.ร้อย. ค. ผบ.มว.ค.๖๐ ง. ผบ.มว.ปล.
๑๒. ในการกาหนดมาตรการควบคมุ การถอนตัวผู้ที่กาหนดทร่ี วมพลของ หมู่ ปก.คือข้อใด ? ก. ผบ.พัน. ข. ผบ.ร้อย. ค. รอง ผบ.มว.ปล. ง. ผบ.มว.ปล. ๑๓. ในการการถอนตัวนอกความกดั ดนั ทีร่ วมพลของ มว.อยู่บรเิ วณใดของพ้ืนที่กองร้อย ? ก. หนา้ มว.ปล.ในแนวหน้า ข. ดา้ นข้างเคียงกนั กับ มว.ปล.ในแนวหน้า ค. หนา้ มว.หนุน ของกองร้อย ง. หลงั มว.หนุน ของกองร้อย ๑๔. ในระหว่างการถอนตวั นอกความกดดนั ผบ.สว่ นที่เหลอื ไวป้ ะทะของกองร้อยคือขอ้ ใด ? ก. รอง ผบ.ร้อย. ข. จ่ากองรอ้ ย ค. ผบ.มว.ค.๖๐ ง. ผบ.มว.ปล. ๑๕. การปฏบิ ัตขิ องกองร้อยในการถอนตัว เมื่อจัดผู้แทนหนว่ ยไปตรวจท่ีมนั่ ใหม่ ตวั แทนกองร้อยจะแนะนาให้ปฏบิ ตั ิในเรอื่ งตา่ ง ๆ เพอื่ ลดความสบั สนของหน่วย ในขอ้ ใดกลา่ วไม่ถูกต้อง ? ก. แบ่งเขตการวางกาลงั ให้กับ มว.ต่าง ๆ ข. การวางกาลังใหด้ ารงไวเ้ หมอื นท่ีมนั่ เดมิ ค. ใกลเ้ วลาใหร้ อรบั กาลงั สว่ นใหญ่/ส่วนทเ่ี หลือไว้ปะทะ ณ จดุ แยกกองรอ้ ย จุดแยก มว. ง. ทีห่ มายและแนววางกาลงั หนว่ ยข้างเคยี ง ๑๖. สว่ นท่ีเหลือไว้ปะทะของกองร้อย จะถอนตวั เม่ือใด ? ก. ตามกาหนดเวลาในแผน/คาสัง่ ข. ตามคาสั่งของ ผบ.สว่ นท่เี หลอื ไว้ปะทะของกองรอ้ ย ค. ตามแผนของกองร้อย ง. ถกู ทุกข้อ ๑๗. การถอนตัวเม่ือข้าศึกกดดนั ผบ.ร้อย. ควรจะถอนอาวุธชนดิ ใดท้ายสดุ ในการถอนตัว ก. ปก.เอ็ม.๖๐ ในหมู่ ปก. ข. เครื่องยิงลูกระเบิด เอ็ม.๒๐๓ ค. ปลย.เอม็ ๑๖ ง. เคร่ืองยิงลกู ระเบดิ ๖๐ มม. ๑๘. ในภารกิจท่ีกองร้อยทาหน้าทีเ่ ปน็ ส่วนกาบงั ของกองพันในการถอนตวั เมื่อขา้ ศึกกดดัน ผทู้ ่ีกาหนดทตี่ ง้ั ขน้ั ตน้ ของส่วนกาบัง คือข้อใด ? ก. ผบ.พนั . ข. ผบ.ร้อย. ค. ผบ.มว.ค.๖๐ ง. ผบ.มว.ปล. ๑๙.แนวความคิดพน้ื ฐานสาหรับการรบหน่วงเวลาขอ้ ใดกล่าวไมถ่ ูกตอ้ ง ก. การรักษาเสรีของการดาเนนิ กลยทุ ธ์ ข. บบี บังคับให้ฝาุ ยขา้ ศกึ ทาการวางกาลงั อยา่ งต่อเนื่อง ค. ทาการแลกเวลาทีเ่ พ่ือใหไ้ ด้พื้นท่ี ง. หนว่ ยทาการเคล่อื นย้ายไปยังท่มี ่ันรบข้ันตอ่ ไป ๒๐. วธิ ีการปฏิบตั ิการรบหน่วงเวลามวี ธิ อี ะไรบ้าง ก. รงั้ หนว่ งและต้งั รับ ข. แถวตอนและหนา้ กระดาน ค. ลาดบั ขัน้ และสลบั ขนั้ ง. แนวขั้นและเขตปฏิบัตกิ าร ๒๑. หลักนยิ มการหนว่ งเวลาในลักษณะพ้นื ท่ปี ฏิบตั ิการกว้างด้านหน้ามาก มักใช้การรบหนว่ งเวลาประเภทใด? ก. การรบหน่วงเวลาทมี่ ัน่ ตามลาดบั ขนั้ ข. การรบหนว่ งเวลาที่ม่ันสลับขนั้ ค. การรบหนว่ งเวลาทม่ี ่นั แข็งแรง ง. การรบหนว่ งเวลาท่มี ัน่ คล่องตวั
๒๒. แนวท่ีม่ันรบหน่วงเวลาแต่ละแนว ควรจะหา่ งกันประมาณเท่าใด ในแงค่ ิดทางยุทธวิธีจึงจะเป็นระยะทีเ่ หมาะสม ? ก. พน้ ระยะยิงของ ค. และ ป.ข้าศกึ ข. เดินภายใน ๑ ชัว่ โมง ค. สุดระยะของ พัน.ป.ชต.ของกรม ง. ความลกึ ของกองพันรบหน่วงเวลา ๒๓. ปจั จยั ในการเลอื กแบบการรบหน่วงเวลาขน้ึ อยกู่ บั อะไร ก. ความกวา้ งของเขตปฏิบตั กิ าร ข. ความสมั พนั ธข์ องอานาจกาลังรบฝาุ ยตรงข้าม ค. ความคล่องแคลว่ ของฝาุ ยตรงขา้ มและจานวนท่ีต้ังของทม่ี ั่นรบหนว่ งเวลาในทางลกึ ง. ถกู ทกุ ข้อ ๒๔. ปัจจัยในการเลือกแบบการรบหนว่ งเวลา กรณที ใ่ี ชอ้ านาจกาลงั รบเปรยี บเทยี บฝาุ ยเราตอ่ ฝาุ ยข้าศึก ในอตั ราส่วนเท่าใด ? ก. ๓ : ๑ ข. ๔ : ๑ ค. ๕ : ๑ ง. ๖ : ๑ ๒๕. แนวที่มัน่ รบหน่วงเวลา ไมค่ วรมีลกั ษณะอยา่ งไร ก. เปน็ สนั เขาตัดกบั แนวทางการรุกของข้าศึก มเี คร่ืองกีดขวางตรงหนา้ ข. มกี ารตรวจการณ์ และทาการยงิ ไดร้ ะยะไกล ค. มกี ารกาบังซ่อนพราง มีข่ายถนนและเสน้ ทางถอนตวั กาบงั และซ่อนพราง ง. มีภูมิประเทศสาคัญหนา้ แนวท่ีม่นั ๒๖. การถอยเปน็ การเคล่อื นย้ายหนว่ ย เพือ่ เพ่ิมระยะห่างระหว่างหน่วยถอยกับขา้ ศึก ให้ออกหา่ งจากกัน จะปฏบิ ตั ิได้เมื่อ ? ก. หนว่ ยไมไ่ ด้ปะทะกับขา้ ศึก ,หน่วยไดจ้ ดั รูปขบวนการเดินทางเสร็จเรยี บรอ้ ยแลว้ ข. หนว่ ยพยายามผละออกจากการปะทะ ค. หน่วยถูกกดดันดว้ ยกาลงั ง. หน่วยถกู กดดันดว้ ยการยิงของ ค.และ ป.ขา้ ศึก ๒๗. โดยปกติแล้วการถอยจะไมป่ ฏบิ ัติเมื่อใด ? ก. ไม่ได้ปะทะกบั ขา้ ศกึ ข. ขา้ ศึกเขา้ ตี ค. หน่วยไดจ้ ดั รปู ขบวนเดนิ ทางเสรจ็ เรยี บร้อย ง. ขา้ ศกึ ไม่กดดัน ๒๘. วธิ ีการปฏิบตั กิ ารในลกั ษณะทเ่ี ปน็ การปฏบิ ัติของหน่วยที่ไม่ได้ปะทะกบั ขศ. ฝุายเราจัดกาลงั เคลื่อนที่ไปขา้ งหลงั ออกห่าง จากข้าศึกอยา่ งมรี ะเบยี บ หมายถงึ การปฏบิ ัติการร่นถอยแบบใด ? ก. การถอนตวั นอกความกดดัน ข. การถอนตวั ภายใต้ความกดดนั ค. การรบหนว่ งเวลา ง. การถอย ๒๙. การถอยนนั้ เปน็ การปฏิบัติในลักษณะทีห่ นั หลังใหก้ ับข้าศึกฉะนั้นในสว่ นท่ี ผบ.หนว่ ยจะตอ้ งจัดกาลงั ให้มีความพรอ้ มรบท่ีเขม้ แข็งคือส่วนใด ? ก. กองกระหนาบ ข. กองระวังหนา้ ค. ส่วนลาดตระเวน ง. กองระวังหลัง ๓๐. การปฏบิ ตั ิการรน่ ถอย เป็นการปฏิบัตกิ ารเคลอื่ นยา้ ยหน่วยลงมาทางข้างหรอื ข้างหลังอยา่ งเปน็ ระเบียบ ถ้าเปน็ การ เคลื่อนยา้ ยด้วยเท้า ระยะทเ่ี หมาะสม คือ ข้อใด ? ก. ประมาณ ๒๕ กม.ลงมา ข. ประมาณ ๓๐ – ๔๐ กม. ค. ประมาณ ๓๕ – ๔๕ กม. ง. ประมาณ ๔๕ – ๕๐ กม.
การลาดตระเวนเดนิ เท้าต่อต้านระเบดิ แสวงเครอื่ ง * การเคลอ่ื นที่แบบเดินทาง ผบ.หมู่ จะเคลือ่ นที่อยู่ในส่วนใดของหมู่ ตอบ : ชุดยงิ นา * ในการจัดแบง่ หนา้ ทข่ี องชดุ ลาดตระเวนการเคล่อื นท่ีแบบเดนิ ทาง อยากทราบวา่ หน.ชุดยงิ มีหนา้ ท่อี ะไร ตอบ : ประเมินสถานการณต์ ลอดเวลา * การเคลอ่ื นที่ในรูปขบวนตวั เอก็ ซ์ (X) พลยงิ เอ็ม ๒๐๓ มหี น้าท่อี ะไรในชดุ ยงิ นา ตอบ : รวป.ให้กับคู่บัดดข้ี า้ งหนา้ * การเคล่ือนทด่ี ว้ ยรปู ขบวนตัววาย (Y) เม่ือตรวจพบวัตถตุ ้องสงสัย สิ่งแรกท่ีตอ้ งกระทาคอื ตอบ : กาหนดจดุ ท่ีอันตราย ข้อสอบการสังเกตและการประเมินสถานการณ์ * ส่ิงทตี่ ้องกระทาก่อนการปฏิบตั ิงานในพ้ืนที่ จชต. ขอ้ ใดกลา่ วถกู ต้องท่สี ดุ ตอบ : ก่อนการใชถ้ นน/เส้นทางทกุ ครั้ง ตอ้ งมีการวางแผนการใชเ้ สน้ ทาง โดยการสังเกตและการประเมินภัยคุกคาม * วงรอบการทางานผู้ก่อความไมส่ งบ ข้อใดกล่าวถกู ต้องที่สุด ตอบ : 1. หาข่าว : จะมีการเฝาู ตดิ ตามการปฏิบตั ิงานของฝุายเราอยู่ตลอดเวลา 2. เฝาู ตรวจ : เมื่อกาหนดเปูาหมายแล้ว จะเลอื กโอกาสที่จะเข้าโจมตีต่อฝุายเรา 3. แน่นอนจึงลงมอื : เพอื่ ลดการสญู เสียและลดการถูกติดตามจับกุม การลาดตระเวน ปปส. ๑. เม่อื ผบู้ ังคับหมู่ร้สู กึ ว่าอยู่ใกล้กับข้าศึก ผู้บังคบั หมู่จะใช้วิธกี ารเคล่อื นท่ีแบบใด ก. วธิ กี ารเคล่อื นท่ีแบบเดนิ ทาง ข. วิธกี ารเคลื่อนที่แบบเดินทางเฝาู ตรวจ ค. วิธีการเคลอ่ื นทแ่ี บบเฝูาตรวจเป็นหว้ งๆ ง. วธิ ีการเคลอื่ นทแ่ี บบผสม ๒. ระเบยี บการนาหน่วย ข้ันท่ี ๔ ในระดับหมวด ใครเป็นผู้ควบคมุ หนว่ ย ก. ผบ.หมู่ ปืนกล หรือ ผบ.หมู่ ปล. ข. ผบ.หมู่ ปล. หรอื รอง ผบ.มว.ปล. ค. รอง ผบ.มว.ปล. หรอื รอง ผบ.มว.ค.๖๐ ง. หน.ชุดยงิ อาวโุ ส หรือ ผบ.หมู่ ปล. ๓. ระเบียบการนาหน่วย ขน้ั ที ๘ กล่าวถงึ กจิ ทคี่ วรซักซ้อมการปฏบิ ัติ ข้อใดกลา่ วผดิ ก. การปฏบิ ตั ิ ณ ทห่ี มาย ข. การปฏบิ ตั ิ ณ พ้นื ท่ีเตรยี มตะลมุ บอน ค. การปฏิบัตฉิ บั พลัน ง. การปฏิบตั ิ ณ พื้นที่เขตหลัง ๔. ระเบียบการนาหนว่ ย ข้ันการกากับดูแล กล่าวถึงการตรวจขน้ั สุดทา้ ยของ ผบ.หมวดและ รอง ผบ.หมวด อยากทราบวา่ ตรวจในเร่ืองอะไรบา้ ง ก. ข้อบกพร่องของการตรวจคราวกอ่ น ข. เครอื่ งแตง่ กาย ค. การพราง ง. ถูกทุกข้อ
๕. การเคลอ่ื นท่แี บบเดนิ ทาง ผบ.หมู่ จะเคลื่อนท่ีอยูใ่ นส่วนใดของหมู่ ก. ชดุ ยงิ นา ข. ชดุ ยงิ ตาม ค. ปดิ ทา้ ยขบวน ง. พลยิง ปลก. ๖. การ ปปส. ท่ีมคี วามรุนแรงท่สี ุดคอื พื้นที่อะไร ก. พื้นทส่ี ีแดง ข. พนื้ ทีส่ ีเหลอื ง ค. พื้นทส่ี เี ขียว ง. พื้นทส่ี ีส้ม ๗. พน้ื ทีท่ ีร่ ัฐบาลกาหนดใหเ้ ป็นพ้ืนที่ช่วงชงิ คอื พื้นท่ี ก. พื้นที่สแี ดง ข. สีเหลอื ง ค. เขยี ว ง. ส้ม ๘. พน้ื ทท่ี ี่อยู่ในความควบคุมของรัฐบาล ไดแ้ ก่พนื้ ท่อี ะไร ก. พืน้ ทส่ี แี ดง ข. พน้ื ที่สีเหลือง ค. พน้ื ทสี่ ีเขยี ว ง. พน้ื ท่ีสีส้ม ๙. ขั้นของการกอ่ ความไม่สงบมีกี่ข้นั ก. ๒ ข้นั ข. ๓ ขน้ั ค. ๔ ขนั้ ง. ๕ ขน้ั ๑๐.ค้นหา จากัดกลไกและดาเนินงานของขบวนการก่อความไมส่ งบเพ่ือตัดสมั พันธ์และสรา้ ง ก. การปรับปรุงสภาพแวดล้อมช่วยเหลอื ประชาชน ข. การพิทักษ์ทรัพยากรและประชาชน ค. การปราบปรามกองกาลงั ง. ถูกทุกข้อ ๑๑.การเคลอื่ นทแ่ี บบเดินทาง ผบ.หมู่ จะเคลอ่ื นที่อยใู่ นส่วนใดของหมู่การปรับปรุงสภาพแวดล้อมชว่ ยเหลอื ประชาชน ก. ชุดยิงนา ข. ชุดยิงตาม ค. ปิดทา้ ยขบวน ง. พลยิง ปลก. ๑๒.เพือ่ ไมใ่ หเ้ กดิ ความเหน่อื ยลา้ ควรผลัดเปล่ียน ลว.นา ทุกก่ีนาที ก. ๑๐ นาที ข. ๒๐ นาที ค. ๓๐ นาที ง. ๔๐ นาที
๑๓.ในการจดั แบ่งหน้าที่ของชดุ ลาดตระเวนการเคลอ่ื นท่ีแบบเดินทาง อยากทราบวา่ หน.ชดุ ยิง มหี นา้ ทอ่ี ะไร ก. ประเมนิ สถานการณ์ตลอดเวลา ข. ทาหนา้ ทโ่ี จมตีขน้ั ต้น ค. ทาหนา้ ที่คุ้มกนั ระวงั ปูองกนั ง. วางแผนการเคลื่อนท่ี ๑๔.การเคลือ่ นทีใ่ นรูปขบวน ตัวเอก็ ซ์ (X) พลยงิ เอ็ม ๒๐๓ มหี น้าท่ีอะไรในชดุ ยิงนา ก. ประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา ข. เคล่อื นที่ไปกับ หน.ชดุ ยิงนา ค. เคลื่อนที่ไปกบั พล.ปล. ง. รวป.ใหก้ ับคู่บดั ดี้ข้างหน้า ๑๕.การเคลื่อนท่ดี ว้ ยรูปขบวนตัววาย (Y) เม่อื ตรวจพบวัตถุต้องสงสัย ส่งิ แรกทีต่ ้องกระทาคือ ก. ลว.สองขา้ งทาง ข. ตรวจจดุ ที่อยขู่ องตนเอง ๕-๑๕-๒๕ ค. กาหนดจดุ ที่อันตราย ง. วเิ คราะหพ์ ้นื ที่ ๑๖.เมือ่ มีความเป็นไปได้ทจี่ ะเกิดการปะทะกับ ผกร. ควรใชเ้ ทคนิคการเคล่ือนทแ่ี บบใด ก. การเคลือ่ นที่แบบเดนิ ทาง ข. การเคล่อื นท่ีแบบเดนิ ทางเฝาู ตรวจ ค. การเคล่ือนที่แบบชดุ ยิงนา ง. การเคล่ือนทแ่ี บบเดินทางเฝูาตรวจ-เคล่ือนท่ีสลับ ๑๗.เมอื่ ผู้บังคับหมูร่ ู้สึกวา่ อยู่ใกลก้ ับขา้ ศกึ ผู้บงั คับหมู่จะใชว้ ิธกี ารเคลือ่ นท่ีแบบใด ก. วิธีการเคลอื่ นท่ีแบบเดนิ ทาง ข. วธิ ีการเคล่อื นท่ีแบบเดินทางเฝูาตรวจ ค. วธิ กี ารเคลอ่ื นทีแ่ บบเฝูาตรวจเปน็ ห้วงๆ ง. วิธีการเคลื่อนทแี่ บบผสม ๑๘.ระเบยี บการนาหน่วย ขนั้ ท่ี ๔ ในระดบั หมวด ใครเปน็ ผู้ควบคุมหน่วย ก. ผบ.หมู่ ปืนกล หรอื ผบ.หมู่ ปล. ข. ผบ.หมู่ ปล. หรอื รอง ผบ.มว.ปล. ค. รอง ผบ.มว.ปล. หรือ รอง ผบ.มว.ค.๖๐ ง. หน.ชดุ ยงิ อาวโุ ส หรอื ผบ.หมู่ ปล. ๑๙.ระเบยี บการนาหน่วย ขน้ั ที ๘ กล่าวถึง กิจท่คี วรซักซ้อมการปฏิบตั ิ ขอ้ ใดกลา่ วผดิ ก. การปฏบิ ตั ิ ณ ทีห่ มาย ข. การปฏิบัติ ณ พื้นท่ีเตรียมตะลมุ บอน ค. การปฏิบัตฉิ บั พลัน ง. การปฏบิ ัติ ณ พ้ืนท่ีเขตหลัง
๒๐.ระเบียบการนาหน่วย ขั้นการกากับดูแล กล่าวถงึ การตรวจข้ันสดุ ท้ายของ ผบ.หมวดและรอง ผบ.หมวด อยากทราบว่า ตรวจในเร่อื งอะไรบา้ ง ก. ขอ้ บกพร่องของการตรวจคราวกอ่ น ข. เครอื่ งแต่งกาย ค. การพราง ง. ถกู ทุกข้อ ๒๑.หลักการในการปอู งกนั การปราบปรามการกอ่ ความไมส่ งบที่ดีควรมลี ักษณะอยา่ งไร ก. มเี อกภาพในการปฏิบตั ิ,ให้ขา่ วกรองมากท่สี ดุ , ลดความรุนแรงใหเ้ หลอื น้อยท่ีสดุ ข. การเตรียมการฝกึ กาลังพลให้มปี ระสิทธภิ าพและเข้าใจพน้ื ท่ปี ฏิบัติการ ค. เข้าใจปญั หาที่เกดิ ข้นึ หนว่ ยมีงบประมาณเพียงพอ ง. มีการวางแผนทด่ี ี สามารถปฏิบตั ติ ามแผนเผชญิ เหตไุ ด้ตลอด ๒๔ ชม. ๒๒.การพฒั นาประเทศ, การพัฒนาชมุ ชน, การพฒั นาพเิ ศษ ( เฉพาะพื้นท่)ี และการช่วยเหลอื ประชาชน กล่าวถึง กาหนดการในการ ปปส. เร่อื งอะไร ก. ยทุ ธศาสตรพ์ ัฒนาและการเสริมความมนั่ คง ข. การใชม้ าตรการหลกั ๓ เสริม ๒ ค. การปรับปรงุ สภาพแวดล้อมช่วยเหลอื ประชาชนและทรัพยากร ง. ถูกทุกข้อ ๒๓.ภูมิประเทศสาคญั ยิ่งในการปฏบิ ตั ทิ างทหารในการ ปปส. คือ ก. ฐานปฏิบตั กิ ารกองโจร ข. หัวหนา้ กลมุ่ ขบวนการ ค. ประชาชนในพน้ื ท่ี ง. พน้ื ทปี่ ฏิบัตกิ ารรบั ผดิ ชอบ ๒๔.การแบ่งพืน้ ที่ในการ ปปส.”กองรอ้ ย” โดยใช้เสน้ แบง่ เขตการปกครองกระทรวงมหาดไทย คอื ก. จงั หวัด ข. อาเภอ ค. ตาบล ง. หมบู่ ้าน ๒๕.การแบง่ มอบพ้ืนท่ีในการ ปปส. “กองพันทหารราบ” โดยใชเ้ สน้ แบง่ เขตการปกครองกระทรวงมหาดไทย คือ ? ก. จังหวัด ข. อาเภอ ค. ตาบล ง. หมู่บ้าน
๓๓. การเสรมิ ความม่นั คง ณ ทีห่ มายและจดั ระเบยี บใหม่ ต้องทาทันทที ่ยี ึดทห่ี มายได้ การจดั วางกาลงั มอบเขตการยิง ดดั แปลงภูมิประเทศ ปูองกนั การตโี ต้ตอบจากข้าศึก โดยใชห้ ลักการอะไร ? ก. หลักการเขา้ ตี ข. หลกั การตัง้ รบั ค. หลักการร่นถอย ง. หลกั การรบหนว่ งเวลา ๓๔. ภารกจิ ของหมู่ปนื กลในการเขา้ ตี คืออะไร ? ก. สนบั สนุน มว.ปล.อยา่ งใกล้ชดิ ข. ผลกั ดันขา้ ศึก ค. ยบั ยัง้ ข้าศกึ ง. ไม่มขี อ้ ใดถูก ๓๕. ลกั ษณะทตี่ ้งั ยิงของปืนกล ควรมลี กั ษณะอยา่ งไร ? ก. ตรวจการณเ์ หน็ เปูาหมาย ข. มพี ืน้ การยงิ ดี ค. มกี ารกาบังและซ่อนพราง ง. ถูกทกุ ข้อ ๓๖. การเขา้ ตีในเวลากลางคืนของ มว.ปล. กระทาเพื่อส่งิ ใด ? ก. ชิงความได้เปรียบ ข. ขยายผลแห่งความสาเรจ็ ค. หลีกเลย่ี งการสญู เสีย ง. ถูกทุกข้อ ๓๗. จดุ แยกหมวด ในการเข้าตีเวลากลางคืน ใครเปน็ ผู้กาหนด ? ก. ผบ.พัน. ข. ผบ.รอ้ ย. ค. ผบ.มว. ง. ผบ.หมู่ ๓๘. แนวปรบั รูปขบวน ผบ.ร้อย.เป็นผ้กู าหนด อยู่หา่ งจากทีห่ มายประมาณเทา่ ใด ? ก. ๑๐๐ – ๒๐๐ เมตร ข. ๑๕๐ – ๒๐๐ เมตร ค. ๑๐๐ – ๑๕๐ เมตร ง. ๒๐๐ – ๓๐๐ เมตร ๓๙. การติดต่อสื่อสารในการเข้าตเี วลากลางคืน จะใช้การตดิ ตอ่ สือ่ สารทางใดเปน็ หลกั จนกว่าขา้ ศกึ จะตรวจพบ ? ก. วทิ ยุ ข. ทา่ สญั ญาณ ค. โทรศัพท์สนาม ง. เสยี งสญั ญาณ ๔๐. ชุดลาดตระเวนของ มว.ประกอบด้วยกาลงั ๔ – ๖ นาย มีใครบา้ ง ? ก. ตัวแทน บก.มว. ๒ นาย , ตวั แทน หมู่ ปล.หมู่ละ ๑ นาย ข. ตวั แทน บก.มว. ๑ นาย , ตวั แทน หมู่ ปล.หมลู่ ะ ๑ นาย ค. ตัวแทน บก.มว. ๒ นาย , ตวั แทนหมู่ ปล.,หมู่ ปก. หมู่ละ ๑ นาย ง. ตวั แทน บก.มว. ๑ นาย , ตัวแทนหมู่ ปล.,หมู่ ปก.หม่ลู ะ ๑ นาย
วชิ า พลแมน่ ปืน (15 ข้อ) 1. ทา่ ยิงท่มี ่ันคงทส่ี ุดคอื ท่าใด ? ก. ท่านอนยิง ข. ทา่ ยนื ยิง ค. ท่าน่งั สูงยงิ ง. ได้ทุกท่า 2. ศนู ย์ “ L ” ใชย้ งิ ระยะเท่าใด ? ก. เกินกวา่ 300 เมตร ข. ต่ากวา่ 300 เมตร ค. 0 – 200 เมตร ง. 0 – 100 เมตร 3. การหมนุ ศูนยห์ นา้ ทวนเข็มนาฬกิ า จะทาใหร้ อยกระสุนถกู สูงขึ้นหรือตา่ ลง ? ก. สูงขน้ึ ข. ไมม่ ีผล ค. ออกขวา ง. ตา่ ลง 4. วิธแี กอ้ าการส่ายของปนื ขณะทท่ี าท่ายงิ และเลง็ อยูน่ นั้ จะตอ้ งแก้อย่างใด ? ก. การเลง็ ข. การกะระยะ ค. การมอง ง. ทา่ ยิงและการควบคุมไก 5. หนง่ึ คลิกของควงมุมสงู และควงมมุ ทศิ ของปนื เล็กยาว เอ็ม.16 ในระยะ 25 เมตร จะเลอื่ นรอยกระสนุ ถูกกซ่ี ม.? ก. 0.7 ซม. ข. 2.4 ซม. ค. 2.8 ซม. ง. 3 ซม. 6. ท่ายงิ พืน้ ฐานในการฝึกพลแม่นปืนมกี ท่ี า่ ก. 5 ท่า ข. 4 ท่า ค. 3 ทา่ ง. 2 ท่า 7. ในเร่ืองของหลักพื้นฐานการยิงปนื 4 ประการ “ทา่ ยิงท่มี ่ันคง” ในการวางศอกขา้ งท่ีไม่ถนัด ต้องวางในตาแหนง่ ใด ขอ้ ใดกลา่ ว ถกู ต้องทสี่ ุด? ก. วางไวใ้ ต้ตัวปนื ข. วางไวข้ ้างตัวปืน ค. วางไว้ในตาแหนง่ ท่ถี นัด ง. ไมม่ ีข้อถูก 8. การใช้ศนู ยห์ ลงั ของ ปลย.เอม็ 16 A 1 ในการยงิ ปรับปืนในสนาม 1000 นิ้ว (25 เมตร) ข้อใดถูกต้อง ? ก. ใช้ศูนยร์ ะยะใกล้ ข. ใช้ศนู ยร์ ใู หญ่ ค. ใชศ้ ูนย์ระยะไกล ง. ใชศ้ นู ย์ R 9. ข้อใดกล่าวถงึ หลักพื้นฐานการยงิ ปืน 4 ประการ ได้ถูกต้องท่ีสุด ก. ทา่ ยงิ ท่มี ่นั คง, การเล็ง, การควบคุมลมหายใจ, การลั่นไก ข. ทา่ ยงิ ทม่ี ่นั คง, การจดั ภาพศูนย์พอด,ี การจดั ศนู ย์นั่งแทน่ , การลั่นไก ค. ทา่ ยงิ ทมี่ ัน่ คง, การเล็ง, การลั่นไก, การเลง็ ตาม ง. ทา่ ยงิ ทม่ี ่นั คง, การเลง็ , การผ่อนคลาย, การล่นั ไก
10. ในการปรบั ศูนย์ ปลย. เอม็ 16 A 1 เมอื่ ต้องการใหต้ าบลกระสนุ ถูกสงู ข้ึนต้องทาอยา่ งไร? ก. หมุนศนู ยห์ นา้ ตามเข็มนาฬิกา ข. หมุนศนู ย์หนา้ ตามลูกศร UP ค. หมุนศนู ยห์ น้าตามลูกศร R ง. ข้อ ก. และข้อ ข. ถูก 11. ข้อใดกล่าวถงึ ความมุ่งหมายของการยงิ จดั กลุ่ม ไดต้ ้องทส่ี ุด? ก. การยงิ ใหก้ ระสุนถูกเปูาเป็นกลุ่มเล็ก และกลุ่มกระสนุ คงที่ ข. การยงิ ให้กระสนุ ถูกกึ่งกลางเปูา ค. การยา้ ยตาบลกระสนุ ให้ถูกเปูา ง. ไม่มีข้อถกู 12. ข้อใดกล่าวถงึ การล่นั ไกได้ถูกตอ้ งทีส่ ดุ ก. ลนั่ ไกอย่างเร็ว ข. ลั่นไกโดยการค่อยๆสรา้ งแรงบบี ค. ลนั่ ไกท่ีละคลิก ง. ลั่นไกโดยใชป้ ลายนว้ิ โดยค่อยๆสร้างแรงบีบ 13. ในเรือ่ งของหลกั พ้นื ฐานการยิงปืน 4 ประการ “การเล็ง”ประกอบด้วย ศนู ย์หลัง ศูนย์หนา้ และเปูา ตาผู้ยงิ จะต้องจ้องท่ี จดุ ใด? ก. เปูา ข. ศูนยห์ ลงั ค. ศนู ยห์ น้า ง. ถกู ทุกข้อ 14. ในการปรับ ปลย. เอม็ 16 A 1 เมอื่ ต้องการปรับใหต้ าบลกระสนุ ถกู ไปทางซา้ ย ต้องปรบั ศนู ย์หลังอย่างไร? ก. ตามลกู ศร L ข. ตามลกู ศร R ค. ทวนลูกศร L ง. ทวนลกู ศร R 15. การปรับศูนย์ ปลย. เอม็ 16 A 1 ในระยะ 25 เมตร ท้ังทางทศิ และทางระยะ 1 คลิก จะมีคา่ เทา่ ไร? ก. 0.77 มลิ ลิเมตร ข. 0.7 มิลลเิ มตร ค. 0.77 เซนติเมตร ง. 0.7 เซนตเิ มตร
วิชา พลแม่นปนื *ท่ายงิ ท่ีม่ันคงท่สี ุดคือทา่ ใด ตอบ : ทา่ นอนยิง *ศนู ย์ “ L ” ใชย้ งิ ระยะเท่าใด ตอบ : เกนิ กว่า300 เมตร *การหมนุ ศนู ย์หนา้ ทวนเข็มนาฬกิ าจะทาให้รอยกระสนุ ถูกสงู ขึน้ หรือตา่ ลง ตอบ : ต่าลง *วิธีแก้อาการส่ายของปนื ขณะท่ที าท่ายงิ และเลง็ อยนู่ นั้ จะต้องแกอ้ ยา่ งใด ตอบ : ทา่ ยงิ และการควบคุมไก *ทา่ ยงิ พ้นื ฐานในการฝกึ พลแมน่ ปืนมกี ี่ทา่ ตอบ : 2 ทา่ *การใช้ศูนยห์ ลังของ ปลย.เอ็ม16 A 1 ในการยงิ ปรบั ปืนในสนาม 1000 น้วิ (25 เมตร) ข้อใดถูกต้อง ตอบ : ใชศ้ นู ย์ระยะไกล *ข้อใดกลา่ วถึงหลักพ้นื ฐานการยงิ ปืน 4 ประการ ได้ถูกตอ้ งที่สดุ ตอบ : ท่ายิงท่มี ่ันคง, การเลง็ , การควบคมุ ลมหายใจ, การลั่นไก *ในการปรับ ปลย. เอม็ 16 A 1 เม่อื ต้องการปรบั ใหต้ าบลกระสุนถกู ไปทางซ้าย ต้องปรบั ศนู ย์หลังอยา่ งไร ตอบ : ทวนลกู ศร R วชิ า หลักยิงปืนเลก็ *การกะระยะด้วยสายตาโดยวิธีกาหนดหนว่ ยหลัก100 เมตรโดยวธิ ีนบั ก้าวควรฝกึ ให้ทหารสามารถกะระยะไดถ้ ูกต้องและ แมน่ ยาได้ไกลสดุ ถงึ ระยะประมาณเทา่ ใด ตอบ : 500 เมตร *การยิงปลย.ให้วิถกี ระสุนสงู ไมเ่ กนิ ความสงู ของคนยนื (180 ซม.) ยา่ นอันตรายจะมีถงึ ระยะประมาณเทา่ ใด ตอบ : 700 เมตร *เปาู หมายทมี่ ลี ักษณะความกว้างและความลึกเกือบเท่ากันเปาู หมายลกั ษณะนีเ้ รียกว่าอย่างไร ตอบ : เปูาหมายเป็นพ้ืนที่ *ในการยงิ ตะลุมบอนเคร่ืองยิงลูกระเบิดเอม็ .79 หรอื เอ็ม.203 จะไม่ทาการยิงด้วยกระสุนระเบดิ ใกลก้ บั ทหารฝาุ ยเดียวกันใน ระยะประมาณก่ีเมตร ตอบ : 31 เมตร *ประเภทการยงิ ของปืนเล็กยาวและปืนเลก็ กลมีกีป่ ระเภท อะไรบา้ ง ตอบ : 2 ประเภท คอื การยิงเก่ยี วกับเปาู หมาย และการยิงเกย่ี วกับพ้ืนที่ *การกะระยะด้วยสายตาทีแ่ ม่นยาน้ัน ทหารสามารถฝึกได้ถึงระยะเท่าไร ตอบ : 500 หลา *ข้อใดกลา่ วถงึ “กระสุนวิถี” ปนื เลก็ ยาว ทีถ่ กู ต้องคอื ขอ้ ใด ตอบ : ทางเดนิ ของลูกกระสุนทีแ่ ล่นออกไปจากปากลากล้องปืน จนถงึ เปาู หมายหรือตาบลกระสุนตก *ข้ออธิบายถึง “การยงิ กวาด” ได้ถูกต้องทสี่ ดุ ตอบ : การยิงกวาด คือการยงิ ในระยะไม่เกนิ 600 เมตร ยอดกระสนุ วิถีสูงไม่เกิน 1 เมตร หรอื เอวของคนยืน
วชิ าอาวธุ ปพ.๘๖ * อัตรากระสุนมลู ฐานของ ปพ.๘๖ กีน่ ดั ตอบ : ๒๑ นัด/กระบอก * ทา่ ยิงปกติของ ปพ.๘๖ คอื ข้อใด ตอบ : ทา่ ยืนยงิ ปลย.๑๑ * ข้อใดคอื โอกาสใช้เล็งท่ีศนู ย์บาก ปลย.๑๑ ตอบ : ทัศนะวสิ ัยไมด่ ี เปาู เคล่ือนทรี่ ะยะไมเ่ กิน ๑๐๐ ม. * ปลย.๑๑ ระบายความร้อนด้วยอากาศ แตม่ รี ะบบการทางานดว้ ยอะไร ตอบ : ด้วยการถอยหลงั ของสว่ นเคลือ่ นที่ ปลย. เอม็ ๑๖ เอ ๑ * ในระยะ ๒๕ เมตร หมุนศนู ย์หนา้ ของ ปลย.เอม็ .๑๖ เอ ๑ ไป ๑ คลก๊ิ จะเลื่อนตาบลกระสนุ ไปเท่าใด ตอบ : ๐.๗ ซม. * ศนู ย์หลงั ของ ปลย. เอม็ ๑๖ เอ ๑ ท่มี เี คร่ืองหมายตวั L ใชส้ าหรบั ยงิ ระยะใด ตอบ : ๓๐๐ - ๕๐๐ เมตร * อตั รากระสนุ มูลฐานของ ปลย.เอ็ม.๑๖ เอ ๑ คือข้อใด ตอบ : ๓๘๐ นดั ปลย. เอ็ม. ๑๖ เอ. ๒ * การปรับศนู ย์หลงั ทางทศิ ปลย.เอม็ .๑๖ เอ.๒ จานวน ๑ คล๊ิกในระยะ ๒๕ เมตร หรือในสนาม ๑,๐๐๐ นวิ้ จะเปล่ยี นตาบล กระสนุ ถูกไปเทา่ ไร ตอบ : ๐.๓๓ มม. * ทจี่ านปรบั ทางระยะของ ปลย.เอ็ม.๑๖ เอ ๒ สามารถเลื่อนระยะได้เท่าไรถงึ เทา่ ไร ตอบ : ๓๐๐ – ๘๐๐ เมตร * ระยะยงิ หวังผลเปน็ จดุ ของ ปลย.เอ็ม.๑๖ เอ ๒ ขอ้ ใดถูก ตอบ : ๕๕๐ เมตร ปลย.เอ็ม.๑๖ เอ ๔ * กอ่ นทาการยิงปรับศูนยร์ บของ ปลย. เอ็ม ๑๖ เอ ๔ ในสนาม ๑,๐๐๐ นว้ิ จะต้องตง้ั จานปรับทางระยะเทา่ ใด ตอบ : ๖/๓ +๒ คลกิ๊ * ที่จานปรับทางระยะของ ปลย.เอม็ .๑๖ เอ ๔ สามารถเลอ่ื นระยะได้เทา่ ไรถึงเท่าไร ตอบ : ๓๐๐ – ๖๐๐ เมตร ปลย.ทาโวร์ * การปรับกลอ้ งเลง็ สะท้อนภาพ MEPRO ในทางทิศและทางระยะ จานวน ๑ คลก๊ิ ในระยะ ๒๕ เมตร หรือในสนาม ๑,๐๐๐ น้วิ จะเปลย่ี นตาบลกระสนุ ถูกไปเท่าไร ตอบ : ๑ ซม. * ขอ้ ใดไม่ใช่สาเหตใุ นการติดขัดของ ปลย.ทาโวร์ สาเหตทุ ่ี ๑ (ตาแหน่งหน้าลูกเล่อื นปิด) ตอบ : กระสุนซอ้ น * อะไรคือข้อได้เปรยี บของปนื เลก็ ยาวแบบ bull pup ตอบ : ลากลอ้ งยาว, ปืนสัน้
ปลก. เอ็ม. ๒๔๙ (มินมิ ิ) * ระยะยงิ ปลก. เอ็ม. ๒๔๙ (มนิ มิ ิ) ข้อความต่อไปนข้ี ้อใดกลา่ วไมถ่ ูกต้อง ตอบ : ระยะการยิงกวาดพืน้ ท่ีลาดเสมอ ๗๐๐ ม. * ปลก.เอ็ม.๒๔๙ มนิ ิมิ การปรบั ทางระยะที่ศนู ยห์ ลัง (ศูนย์ร)ู ระยะ ๑๐๐ เมตรหมุน ๑ คลก๊ิ หรอื ครง่ึ รอบจะเปล่ียนรอย กระสนุ ถูกไปเทา่ ไร ตอบ : ๕ ซม. * ปลก. เอ็ม. ๒๔๙ (มินมิ )ิ การยงิ ปรบั ศนู ยร์ บ ในระยะ ๑๐๐ เมตร ต้ังศูนย์ระยะ ๓๐๐ เมตร มมุ ทิศ ๐ (ศนู ย์) ต้องการให้กล่มุ กระสนุ อยบู่ รเิ วณใดของตาบลเลง็ ตอบ : สูงจากตาบลเลง็ ๑๒.๕ ซม. ปลก.เนเกฟ * ในการปรับศนู ย์ของ ปลก.เนเกฟ ในระยะ ๒๕ เมตร ในทางทิศและทางระยะทีศ่ นู ย์หนา้ มคี ่าเท่ากันอยากทราบวา่ หมุน ๒ คลก๊ิ จะเปลย่ี นตาบลกระสนุ ถกู เทา่ ไร ตอบ : ๑.๔ ซม. * ในการยิงปรบั ศนู ย์รบ ปลก. เนเกฟ ระยะ ๒๕ เมตร กลุม่ กระสุนจะต้องอย่บู ริเวณใด ตอบ : สูงจากตาบนเลง็ ๐.๘ ซม. * หลักการใหญ่ ๆ ในการทางานของ ปลก.เนเกฟ มดี ังต่อไปน้ขี ้อใดกลา่ วไม่ถกู ต้อง ตอบ : ทางานด้วยสว่ นเคลอื่ นท่ี ปก.เอ็ม.๖๐ * ปก.เอ็ม.๖๐ ใน ๑ หมู่ ปก. จะมกี าลงั พลกี่นาย ตอบ : ๙ นาย * กระสนุ ปก.เอ็ม.๖๐ ขนาด ๗.๖๒ x ๕๑ มม. นาโตม้ กี ชี่ นิด ตอบ : ค. ๖ ชนิด * การอ่านมาตราทรี่ าวสา่ ยปืน ปก.เอ็ม.๖๐ ขอ้ ใดกล่าวไม่ถูกต้อง ตอบ : จากจดุ กึ่งกลางไปทางขวา ๔๕๐ มลิ เลียม ปก.๓๘ * ระยะยิงหวังผลของ ปก.๓๘ เท่าไร ตอบ : ๑,๘๐๐ ม. * อัตรากระสนุ มูลฐาน ของ ปก.๓๘ ใน ๑ กระบอกจะมีกระสุนจานวนกี่นดั ตอบ : ๓,๑๐๐ นดั * ปก.๓๘ เมอ่ื พับศนู ยห์ ลงั ลง (ศูนยร์ )ู สามารถตั้งระยะยิงไดเ้ ท่าไร ตอบ : ๒๐๐ – ๘๐๐ เมตร ค.เอ็ม.๒๐๓ * ถ้าทาการยิง ค.ขนาด ๔๐ มม.เอ็ม.๒๐๓ กระสุนไมล่ ั่นหรือลั่นชา้ ให้ทาการปฏบิ ตั อิ ยา่ งไร ตอบ : คอย ๓๐ วนิ าที * ค.ขนาด ๔๐ มม. เอม็ .๒๐๓ ระยะยงิ หวังผลเปน็ จุดและเป็นพน้ื ทีเ่ ทา่ ใด ตอบ : เป็นจดุ ๑๕๐ เมตร เปน็ พน้ื ท่ี ๓๕๐ เมตร * ค.เอ็ม.๒๐๓ ขนาด ๔๐ มม. ระยะท่ีปลอดภัยในการฝึก(กระสนุ ระเบิดและซ้อมยิง)คือระยะใด ตอบ : ๘๐ เมตร
ค.อตั โนมตั ิ ๔๐ มม. * อัตรามลู ฐานกระสุน ค.อัตโนมตั ิ ๔๐ มม. มีจานวน เทา่ ไร (ตามคาส่งั ทบ.) ตอบ : ๓๒๐ นดั * การบรรจุกระสนุ ค.อัตโนมัติ ๔๐ มม. ข้อใดต่อไปนีก้ ลา่ วไมถ่ ูกต้อง ตอบ : ก่อนบรรจุกระสุนตอ้ งดึงคันรง้ั ลกู เลื่อนมาข้างหลงั สดุ * ค.อตั โนมตั ิ ๔๐ มม. ระยะยิงทีป่ ลอดภยั ในการยิงกระสุนระเบดิ แรงสงู และกระสนุ ระเบิดแรงสูงสองความมุง่ หมายในการฝกึ ก่ีเมตร ตอบ : ไมน่ อ้ ยกว่า ๒๐๐ เมตร ปรส.ขนาด ๘๔ มม. CARL-GUSTAF M 3 * ปืนไร้แรงสะท้อน ขนาด ๘๔ มม. แบบ เอ็ม.๓ มีระยะหวังผลเท่าไร เม่ือใช้กล้องเล็งและกระสุน HEAT 551 ตอบ : เปาู หมายอยู่กับท่ี ๗๐๐ เมตร เปาู หมายเคลอ่ื นที่ ๔๐๐ เมตร * กระสนุ ปรส.ขนาด ๘๔ มม. แบบ เอม็ .๓ (CARL-GUSTAF M 3) ทใี่ ชท้ างยุทธวธิ มี ี ๕ ชนิด สาหรับกระสุนทใ่ี ช้ได้ อเนกประสงค์ คือท้ังทาลายยานเกราะ,ทตี่ ง้ั ยงิ และเปูาหมายอน่ื ๆ คือกระสุนชนิดใด ตอบ : HEDP 502 * พน้ื ที่อันตรายทา้ ยเคร่ืองยิงของ ปรส.๘๔ มม.เอ็ม.๓ มีระยะเทา่ ไร ตอบ : ๖๕ เมตร เคร่อื งยิงลกู ระเบดิ ขนาด ๖๐ มม. * การตั้ง ค.ปกติควรตง้ั กล้องเล็งอย่างไร ตอบ : ตั้งมมุ ทิศ ๐ * ข้อใดคอื สว่ นประกอบของกล้องเล็ง เอ็ม.๔ ตอบ : ควงมุมสูง * ข้อใดไมใ่ ชค่ ุณลกั ษณะของ ค. ขนาด ๖๐ มม. ตอบ : ใช้กล้องเล็ง เอ็ม.๕๓ เท่านั้น เปน็ เครอ่ื งช่วยเล็ง อาวธุ กลุ่มสังคมนิยม * ปลย.SKS.(เซกาเซ) ซองกระสนุ ซงึ่ ตดิ กบั ตัวปืน สามารถบรรจุกระสุนได้ก่นี ดั ตอบ : ๑๕ นัด * ปลย.AK.๔๗ ใชก้ ระสุนขนาดกี่มม. ตอบ : ๗.๖๒ x ๓๙ มม. * อาวุธปนื ชนดิ ใดท่ีมีดาบปลายปนื ติดอยทู่ างด้านข้างของตัวปนื ตอบ : ปลย.คารไ์ บน์ M ๑๔๙๙ วตั ถุระเบิดและการทาลาย * ระบบการจุดระเบิดด้วยเชอ้ื ปะทุชนวนมอี งคป์ ระกอบการจุดอยา่ งไร ตอบ : เคร่ืองจุดชนวน - ชนวนฝักแคเวลา – เชื้อปะทุชนวน – ดนิ ระเบิด * ระบบการจุดระเบิดด้วยเช้ือปะทไุ ฟฟาู มอี งคป์ ระกอบการจดุ ระเบิดอยา่ งไร ตอบ : ตูจ้ ดุ ระเบดิ - สายไฟฟาู คู่ – เชอื้ ปะทุไฟฟูา- ดนิ ระเบดิ * ดินระเบดิ ชนิดใด ทไ่ี วต่อการระเบดิ มากท่สี ดุ ตอบ : อาร์.ดี.เอ๊กซ์ ทุ่นระเบดิ * ทนุ่ ระเบิดสงั หารบคุ คลแบบ M ๑๔ ทางานดว้ ยน้าหนักกดเท่าไร ตอบ : ๒๐-๓๕ ปอนด์
* ทุ่นระเบดิ สงั หารบุคคลแบบ M ๑๘ A ๑ มีระยะหวงั ผลเทา่ ไร ตอบ : ๕๐ เมตร * พลุส่องสว่าง แบบ M ๔๙ A ๑ เม่อื เกดิ การทางานข้ึนสามารถส่องสว่างได้นานเทา่ ไร ตอบ : ๕๕ – ๗๐ วินาที กับระเบิด * ข้อใดเปน็ องคป์ ระกอบของการจดุ ระเบิด กบั ระเบิดแสวงเครื่องพวกใชเ้ ชอ้ื ปะทุชนวน ตอบ : ดนิ ระเบิด , เชอ้ื ปะทุชนวน และเครื่องจดุ ระเบิดมาตรฐาน * ข้อใดเป็นองค์ประกอบของการจดุ ระเบิด กับระเบิดแสวงเครือ่ งพวกใชเ้ ชือ้ ปะทุไฟฟูา ตอบ : ดนิ ระเบิด , เชือ้ ปะทุไฟฟูา , สวทิ ช์จุดระเบิด และแบตเตอรี่ * ข้อใดไม่ใชข่ ้อพจิ ารณาในการวางกบั ระเบิด ตอบ : ความไม่อยากร้อู ยากเห็น ระเบิดแสวงเคร่ือง * ANFO คือ อะไร ตอบ : แอมโมเนยี มไนเตรท + นา้ มันเชื้อเพลิง * ข้อใดคือหลักเกณฑท์ ใ่ี ช้จาแนกวัตถุต้องสงสยั ออกจากส่ิงของทัว่ ไป ตอบ : ๓ ไม่ ๑ ดู * ระบบจดุ ระเบดิ แบบใดเหมาะสาหรับเปาู หมายเคลอ่ื นท่ี ตอบ : บงั คบั จุดดว้ ยสายไฟฟาู คู่ ป้อมสนาม * หลุมตอ่ ไปน้ี หลมุ ใดทีม่ ีความลึกระดับเอวเท่าน้นั ตอบ : ค. ๖๐ แบบหลมุ บุคคล ๒ หลมุ * ขอ้ ใดเปน็ ขนาดของหลมุ บุคคลเด่ียวท่ีถกู ต้อง ตอบ : กว้าง ๒ ฟุต ยาว ๓ ๑/๒ ฟุต ลึกระดบั อกผใู้ ช้ * มลู ดนิ ของหลมุ บุคคลแบบมาตรฐาน ปกตจิ ะมโี ดยรอบหลุม ๔ ดา้ น ขนาดของมนู ดนิ ที่ถูกต้องคือข้อใด ตอบ : กว้าง ๓ ฟุต สงู ๖ น้วิ เครอ่ื งกีดขวาง * เครื่องกีดขวางลวดหนามทางยุทธวิธจี ะจัดสรา้ งอยู่หนา้ แนวตั้งรบั ดังน้ี ตอบ : ตามแนวยิงปูองกันขั้นสุดทา้ ยของฝาุ ยเรา * เครือ่ งกีดขวางลวดหนามปูองกันตนจะจดั สร้างอยูห่ นา้ แนวต้งั รบั ให้อย่หู า่ งพอพ้นระยะขวา้ งระเบดิ โดยปกติ ตอบ : ระยะ ๓๐ – ๑๕๐ เมตร * การพนั ลวดเข้ากับเสาเหล็กเกลยี วมอี ยู่ ๒ แบบดังน้ี ตอบ : การพันลวดกบั ตาบนและตากลาง
วชิ า การรอ้ งขอการปรับการยงิ ค.- ป.(เพ่มิ 20 ข้อ) 1. เคร่ืองมอื เครือ่ งใช้ของผู้ตรวจการณ์ ท่ใี ช้วดั มุมทางระดบั เพอื่ นามาคานวณการย้ายยงิ เรยี กว่าอะไร ? ก. แผน่ เรขายิง ข. เข็มทิศ แบบ เอ็ม.2 ค. กลอ้ งส่องสองตา ง. ขอ้ ข.และ ค. ถูกต้อง 2. เปูาหมายทเี่ หมาะสมจะทาการยิงดว้ ย ค.หรอื ป. มากกว่าการใชอ้ าวธุ ชนิดอนื่ ๆ ทาการยงิ คอื ? ก. ปืนกล ข. คลัง ค. ทหารขุดดิน ง. เปูาหมายท่ีอยหู่ ลงั เนิน 3. การกาหนดทตี่ ้ังเปาู หมายด้วยวิธีพิกดั ตารางท่ีถูกต้องคอื การบอกอะไร ? ก. มมุ ภาค,พิกดั ข. พกิ ัด,มุมภาค ค. พิกัด,ระยะ ง. พิกัด,มมุ ภาค,ระยะ 4. ความถูกต้องในการบอกท่ตี ั้งเปาู หมาย การย้ายทางขา้ งหรอื การแกท้ างขา้ ง บอกเป็นจานวนเตม็ เท่าไร ? ก. 1 เมตร ข. 5 เมตร ค. 10 เมตร ง. 50 เมตร 5. ความถกู ตอ้ งในการบอกทศิ ทาง ผ้ตู รวจการณจ์ ะต้องบอกเป็นจานวนเตม็ ก่ีมลิ เลยี ม ? ก. 5 มลิ เลียม ข. 10 มลิ เลียม ค. 20 มลิ เลยี ม ง. 50 มลิ เลยี ม 6. “หัวหนิ จาก สวนสน” เปน็ นามเรียกขานระหว่าง ผตน.กับ ศอย. เปน็ องคป์ ระกอบคาขอยงิ วา่ ดว้ ยเรอ่ื งอะไร ? ก. คาส่งั เตอื น ข. นามขา่ ยสื่อสาร ค. การแสดงตนของ ผตน. ง. คาสั่งเตรยี ม 7. ทา่ นเป็น ผต.ตรวจพบท่ตี ั้ง ปก.2 กระบอก วัดมมุ ภาคได้ 6000 มิลเลยี ม กะระยะได้ 2300 เมตร วัดมมุ ด่ิง -13 มลิ เลยี ม ที่ อยขู่ องทา่ นได้กรุยไว้ในแผน่ เรขายิงแลว้ ท่านตดั สนิ ใจบอกท่ีตงั้ เปูาหมายดว้ ยวธิ ใี ด ? ก. วธิ ีพกิ ัดตาราง ข. วธิ ียา้ ยจากจุดทีท่ ราบ ค. วิธโี ปล่าร์ ง. วิธีใช้สูตรมิลเลียม 8. เมอ่ื ผตน.สง่ คาขอยิงไปหมดแล้ว นกึ ขนึ้ ได้ว่าไดส้ ง่ ระบบผดิ จะตอ้ งใชค้ าพดู ว่าอย่างไร ไปยัง ศอย. ? ก. หยดุ ยงิ ข. เลกิ ยงิ ค. ผิดหยดุ ,หยดุ ยิง เลิกยงิ ง. ผิดหยดุ แลว้ ส่งขอ้ ความทีถ่ ูกไปใหม่ 9. มาตรามุมทศิ ของ เข็มทิศ เอ็ม.2 หนึ่งขีด มคี ่ากี่มลิ เลยี ม ? ก. 10 เมตร ข. 10 มิลเลยี ม ค.20 มลิ เลียม ง. 5 เมตร 10. มาตราทางระดับหนึง่ ช่อง มีค่าเท่ากบั ก่ีมิลเลียม ? ก. 10 เมตร ข. 10 มลิ เลยี ม ค.20 มลิ เลียม ง. 5 เมตร 11. เข็มทิศ เอ็ม.2 จะมีตวั เลขกากับไวท้ ุก ๆ ก่ีมิลเลยี ม ? ก. 100 มิลเลียม ข. 200 มลิ เลยี ม ค.50 มลิ เลียม ง. 200 เมตร 12. มาตราทางระดับของกล้องส่องสองตา แบง่ ออกเป็นกช่ี ่อง ? ก. 10 ชอ่ ง ข. 20 ช่อง ค.50 ชอ่ ง ง. 40 ช่อง 13. เขม็ ทศิ เอม็ .2 สามารถวัดมมุ ภาคไดส้ ูงสุดก่ีมิลเลยี ม ? ก. 1600 มลิ ข. 3200 มลิ เลยี ม ค.4800 มลิ เลียม ง. 6400 มิลเลยี ม
14. เข็มทศิ เอ็ม.2 จะมตี ัวเลขคู่กากบั ไวต้ ้งั แต่ 0 ถงึ 6200 โดยเว้นห่างกันเท่าไร ? ก. 100 มลิ เลยี ม ข. 200 มลิ เลียม ค.300 มลิ เลียม ง. 400 มิลเลยี ม 15. วสั ดทุ ีใ่ ช้ทาแผน่ พดั ตรวจการณ์ คือขอ้ ใด ? ก. พลาสติก ข. วสั ดุโปรง่ ใส ค. วัสดุโปร่งแสง ง. วัสดหุ นาแขง็ แรง 16. การวัดมมุ ด้วยมือน้นั อยากทราบวา่ ถา้ วดั มมุ เปาู หมายได้ นิ้วชีถ้ ึงน้วิ นาง มคี า่ เท่าใด ? ก. 30 มิลเลยี ม ข. 70 มลิ เลยี ม ค.100 มิลเลียม ง. 125 มลิ เลียม 17. การกาหนดทต่ี ง้ั เปาู หมายของผตู้ รวจการณ์หนา้ ท่ีนยิ มใช้มีกวี่ ิธี ? ก. 1 วธิ ี ข. 2 วธิ ี ค.3 วธิ ี ง. 4 วธิ ี 18. การทาความสะอาดเลนสข์ องกลอ้ งส่องสองตา ควรใช้อะไร ? ก. นา้ สบู่ ข. กระดาษทิชชู่ ค.กระดาษเชด็ เลนส์ ง. กระดาษใดกไ็ ด้ 19. การกาหนดที่ต้ังเปูาหมายท่ีบอก “มุมภาค, ระยะ, สูงข้นึ /ต่าลง” เปน็ การกาหนดทต่ี ้งั เปูาหมายแบบใด ? ก. แบบพกิ ัดตาราง ข. พกิ ดั โปล่าร์ ค.แบบย้ายจากจดุ ทท่ี ราบ ง. แบบหมายตาบลระเบดิ 20. การดาเนนิ ภารกจิ ยิงของ ผตู้ รวจการณ์หนา้ มีกี่ขน้ั ? ก. 2 ขน้ั ข. 3 ข้นั ค.4 ขั้น ง. 5 ขั้น
วิชาการรอ้ งขอการปรับการยิงค.- ป. *เปาู หมายทีเ่ หมาะสมจะทาการยงิ ดว้ ยค.หรอื ป.มากกวา่ การใช้อาวธุ ชนิดอ่นื ๆทาการยิงคือ ตอบ : เปูาหมายที่อยหู่ ลังเนิน *ความถูกต้องในการบอกทตี่ ้งั เปาู หมายการยา้ ยทางข้างหรือการแก้ทางข้างบอกเปน็ จานวนเตม็ เท่าไร ตอบ : 50 เมตร *ความถูกต้องในการบอกทศิ ทางผู้ตรวจการณจ์ ะตอ้ งบอกเป็นจานวนเตม็ กีม่ ิลเลียม ตอบ : 10 มิลเลียม *ท่านเปน็ ผต.ตรวจพบทตี่ ัง้ ปก.2 กระบอกวัดมมุ ภาคได้ 6000 มลิ เลียมกะระยะได้2300 เมตรวัดมุมดงิ่ -13 มลิ เลยี มที่อยู่ ของทา่ นได้กรยุ ไวใ้ นแผ่นเรขายิงแล้วท่านตดั สินใจบอกทต่ี ้ังเปาู หมายดว้ ยวิธีใด ตอบ : วิธโี ปลา่ ร์ *เม่ือผตน.ส่งคาขอยิงไปหมดแลว้ นึกขนึ้ ไดว้ ่าได้ส่งระบบผดิ จะต้องใช้คาพดู ว่าอยา่ งไรไปยังศอย. ตอบ : ผดิ หยดุ แล้วสง่ ข้อความท่ีถูกไปใหม่ *มาตรามมุ ทิศของ เข็มทิศ เอ็ม.2หนึ่งขดี มีค่ากม่ี ิลเลียม ตอบ : 20 มลิ เลยี ม *มาตราทางระดับหนึง่ ช่อง มีค่าเท่ากบั ก่มี ิลเลียม ตอบ : 10 มลิ เลยี ม *เขม็ ทิศ เอม็ .2 จะมตี วั เลขกากบั ไวท้ ุก ๆ กี่มลิ เลยี ม ตอบ : 200 มลิ เลยี ม *มาตราทางระดับของกล้องส่องสองตา แบ่งออกเป็นก่ีช่อง ตอบ : 10 ช่อง *เข็มทิศ เอม็ .2จะมีตวั เลขคูก่ ากับไว้ตง้ั แต่ 0 ถงึ 6200 โดยเวน้ ห่างกนั เทา่ ไร ตอบ : 200 มิลเลยี ม
Search
Read the Text Version
- 1 - 50
Pages: