Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์

การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์

Published by junjira2mu, 2022-06-08 03:58:06

Description: การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์

Search

Read the Text Version

ตั้งวงเล่า เอางานวิจัยไปใช้ประโยชน์ สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ

ตั้งวงเล่าเอางานวิจัยไปใช้ประโยชน์ เจ้าของลิขสิทธิ์ สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ จัดพิมพ์และเผยแพร่ สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ เลขที่ 319 ถนนไทยพันทา ตำบลโพธิ์ สถาบันวิจัยและพัฒนา อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ 33000 มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ โทรศัพท์ 045-643600 ต่อ 9409-9410 website : http://www.research.sskru.ac.th/

คำนำ สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ เป็นศูนย์กลางในการ อำนวยการและสนับสนุนการทำวิจัย พร้อมทั้งให้คำปรึกษางานวิจัยและบริการวิชาการ อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง ทั้งภายในท้องถิ่นและ มหาวิทยาลัย ดังวิสัยทัศน์ \"ประยุกต์ใช้องค์ความรู้ เชิดชูท้องถิ่นและชุมชน พัฒนาคน ด้วยนวัตกรรม\" ที่ผ่านมาสถาบันวิจัยและพัฒนา ได้ผลักดันให้นักวิจัยนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งสถาบันวิจัยและพัฒนา ได้บอกเล่า พรบ.ส่งเสริมการใช้ ประโยชน์งานวิจัยแะนวัตกรรม รวมถึงผลงานวิจัยที่นำไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม โดยแบ่งการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์เป็น 5 ด้าน ดังนี้ 1. การนำไปใช้ประโยชน์เชิงนโยบาย 2. การนำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ 3. การนำไปใช้ประโยชน์เชิงวิชาการ 4. การนำไปใช้ประโยชน์เชิงสาธารณะ 5. การนำไปใช้ประโยชน์เชิงพื้นที่ เพื่อเผยแพร่ให้แก่หน่วยงานหรือผู้ที่สนใจได้ศึกษา และนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ ต่อไป

\"ประยุกต์ใช้องค์ความรู้ เชิดชูท้องถิ่นและชุมชน พัฒนาคนด้วยนวัตกรรม\"

สารบัญ 01 พรบ.ส่งเสริมการใช้ประโยชน์งานวิจัยแะนวัตกรรม 03 มหาวิทยาลัย กับ การนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ 05 ปัจจัยความสำเร็จการนำวิจัยไปใช้ประโยชน์ 06 การนำไปใช้ประโยชน์เชิงนโยบาย 07 การนำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ 08 การนำไปใช้ประโยชน์เชิงวิชาการ 09 การนำไปใช้ประโยชน์เชิงสาธารณะ 10 การนำไปใช้ประโยชน์เชิงพื้นที่

1 อ้างอิงจาก สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.)

2 ทำความรู้จักพระราชบัญญัติส่งเสริม การใช้ประโยชน์งานวิจัยและนวัตกรรม พระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์งานวิจัยและ นวัตกรรม คือ กฎหมายที่สนับสนุนให้ผู้รับทุนหรือนักวิจัยสามารถ เป็นเจ้าของผลงานวิจัยที่ได้รับทุนจากหน่วยงานของรัฐได้ เพื่อนำ ผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์หรือ สาธารณประโยชน์ได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น พระราชบัญญัติฉบับนี้ จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกิดการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่ เกิดจากการสนับสนุนทุนวิจัยและนวัตกรรมของรัฐไปใช้ประโยชน์ แก้ปัญหาเรื่องสิทธิความเป็นเจ้าของ ผลงานวิจัยระหว่างหน่วยงานให้ทุนกับผู้รับทุน และเมื่อหน่วยงานผู้รับทุน ซึ่งส่วนใหญ่เป็น มหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัย ได้เป็นเจ้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรม จะช่วยให้ Startup และ SME สามารถรับถ่ายทอดเทคโนโลยีจากมหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัยได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น ส่งผลช่วยให้ เกิดจำนวน Startup และ SME ที่ใช้เทคโนโลยีในการประกอบธุรกิจ ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดระบบเศรษฐกิจ นวัตกรรมได้ นอกจากนี้ ยังช่วยยกระดับงานวิจัยในสถาบัPนNวิจัยและมหาวิทยาลัยของรัฐ โดยเพิ่มแรงจูงใจให้ สถาบันวิจัยและนักวิจัย ผลิตผลงานวิจัยฯ ที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของภาคผลิตและ บริการ เพื่อให้ประเทศไทยก้าวข้ามกับดักประเทศรายได้ปานกลางพร้อมมุ่งสู่การเป็นประเทศรายได้สูง

3 มหาวิทยาลัย กับ การนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ PN

4 การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ 01 02 03 04 05 การนำไปใช้ การนำไปใช้ การนำไปใช้ การนำไปใช้ การนำไปใช้ ประโยชน์ ประโยชน์ ประโยชน์ ประโยชน์ ประโยชน์ เชิงนโยบาย เชิงพื้นที่ เชิงพาณิชย์ เชิงวิชาการ เชิงสาธารณะ

5 ปัจจัยความสำเร็จ การนำวิจัยไปใช้ประโยชน์ มีระบบและกลไกการบริหารจัดการ การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ โดยมีการกำหนดในแผนการปฏิบัติ งานให้ชัดเจน มีการพัฒนาข้อเสนอโครงการ รวมถึงการ 01 ออกแบบกระบวนการวิจัยแบบมีส่วนร่วมกับ ผู้ใช้ประโยชน์และตรงตามความต้องการ ของชุมชนหรือองค์กร 02 มีความร่วมมือกับชุมชนและองค์กร โดยใช้ความรู้เป็นฐาน เปิดใจกับการ แลกเปลี่ยนของชุมชนและองค์กร 03 มีการติดตาม หรือให้ความ ช่วยเหลือเมื่อชุมชนหรือ 04 องค์กรต้องการเพื่อความ ต่อเนื่อง และยั่งยืน

การนำไปใช้ประโยชน์ 6 เชิงนโยบาย \"การนำไปใช้ประโยชน์เชิงนโยบายเป็นการใช้ ประโยชน์จากผลงานวิจัยเชิงนโยบายในการนำไปใช้ ประกอบเป็นข้อมูลการประกาศใช้กฎหมาย หรือ การจัดทํายุทธศาสตร์การสร้างเศรษฐกิจชุมชนเพื่อส่ง กำหนดมาตรการ กฎเกณฑ์ต่างๆ โดยองค์กร หรือ เสริมการท่องเที่ยวเชิงพื้นที่ ตําบลกู่ อําเภอปรางค์กู่ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เป็นต้น\" จังหวัดศรีสะเกษ ดร.ชูวิทย์ นาเพีย หัวหน้าโครงการวิจัย การสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนเป็นการวางรากฐากความเข้ม ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์การสร้างเศรษฐกิจชุมชนเพื่อส่งเสริมการท่อง แข็งของประเทศ โดยเฉพาะการนำทรัพยากร หรือศักยภาพของ เที่ยวเชิงพื้นที่ ตำบลกู่ อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ ผู้นำชุมชน ชุมชน หรือทุนทางสังคมที่มีอยู่ในชุมชนมาสร้างมูลค่าเพิ่มจะเป็น ได้นำแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าว ไปสู่การจัดทำแผนปฏิบัติการ สร้าง กลไกสำคัญที่ทำให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่ของตนเอง ความเข้มแข็งให้กับชุมชนตามแนวทางการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายได้ ตำบลกู่ อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นตำบลที่มีสถานที่ท่อง ตกลงร่วมกัน รวมถึงนำไปวางแผนพัฒนาตำบลอีกด้วย เที่ยวที่สำคัญ จุดเด่นของตำบลกู่ คือมีผู้นำและชุมชนที่เข้มแข็ง มีอัตลักษณ์ ของชุมชน มีอาหารที่เป็นอัตลักษณ์ มีขนบธรรมเนียม ประเพณีและ วัฒนธรรมที่น่าสนใจดึงดูดนักท่องเที่ยวให้แวะเยี่ยมชมมากมาย การ จัดทำแผนยุทธศาสตร์การสร้างเศรษฐกิจชุมชนเพื่อส่งเสริมการท่อง เที่ยวเชิงพื้นที่ ตำบลกู่ โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนจะช่วยให้ชุมชนมี การบริหารจัดการทรัพยากรและศักยภาพของชุมชนอย่างเป็นระบบ ชุมชนจะมีความเข้มแข็ง ผู้นำและชุมชนร่วมมือกันในการพัฒนา ชุมชน ทรัพยากรบุคคลในพื้นที่จะได้รับการพัฒนาศักยภาพ ลด ความเหลื่อมล้ำ ชุมชนมีภูมิคุ้มกัน และเกิดชุมชนต้นแบบ

7 การพัฒนาผลิตภัณฑ์ “ขนมไปรกระสัง” ขนมภูมิปัญญากูย สู่ธุรกิจเชิงพาณิชย์ การนำไปใช้ประโยชน์ ผศ.ดร.สหัสา พลนิล หัวหน้าโครงการวิจัย เชิงพาณิชย์ ตำบลกู่ อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นตำบลที่มีสถาน \"การนำไปใช้ประโยชน์ ที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ และเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวร่วมกับ เชิงพาณิชย์ คือ งานวิจัยที่นำ อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ผามออีแดง วัดล้านขวด วัดไพร ไปสู่การพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ พัฒนา และสถานที่อื่นๆ จุดเด่นของตำบลกู่ คือมีผู้นำและชุมชนที่ หรือผลิตภัณฑ์ซึ่งก่อให้เกิด เข้มแข็ง มีอัตลักษณ์ของชุมชน มีอาหารที่เป็นอัตลักษณ์ ของชา รายได้ หรือนำไปสู่การเพิ่ม วกูย คือขนมไปรกระซัง ขนมที่อยู่คู่กับคนส่วยหรือกูย มาราวๆ ประสิทธิภาพการผลิต สองร้อยปี มีการถ่ายทอดความรู้จากรุ่นสู่รุ่น ปัจจุบันมีนักท่อง เป็นต้น\" เที่ยวให้ความสนใจการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมมากยิ่งขึ้น การ พัฒนาผลิตภัณฑ์ “ขนมไปรกระสัง” ขนมภูมิปัญญากูย สู่ธุรกิจ เชิงพาณิชย์ เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะสร้างรายได้ให้กับชุมชน ชุมชนมีความเข้มแข็ง ลดการพึ่งพาจากภายนอก รวมถึงการ อนุรักษ์ ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมด้านอาหารให้คงอยู่สืบไป ผลการวิจัยพบว่า ชุมชนมีความต้องการพัฒนาขนม แป้ง ภายนอก ไส้ขนม ให้มีรสเค็ม หวาน และบรรจุภัณฑ์ ให้มีความ หลากหลายมากขึ้น พฤติกรรมการตัดสินใจซื้อขนมของนักท่อง เที่ยว ส่วนมากเป็นผู้หญิง สถานภาพเป็นคนโสด นิยมซื้อ ผลิตภัณฑ์ OTOP ด้านอาหาร และให้ความส าคัญกับส่วนประสม ทางการตลาด ด้านผลิตภัณฑ์มากที่สุด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ แป้งมันเทศสีม่วง แป้งจากฟักทองผสมมันเทศ แป้งไดฟูกุ ไส้ถั่วแดงกวน ไส้แกงกะหรี่ไก่

8 การนำไปใช้ประโยชน์ เชิงวิชาการ \"การนำองค์ความรู้จากผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ผลงาน ตีพิมพ์ในวารสารระดับ นานาชาติ ระดับชาติ หนังสือ ตำรา บทเรียน ไปเป็น ประโยชน์ด้านวิชาการ การเรียนรู้ การเรียน การสอน ในวงนักวิชาการและ ผู้สนใจด้านวิชาการ รวมถึงการนำผลงานวิจัยไปวิจัยต่อยอด หรือ การนำไปสู่ ผลิตภัณฑ์และกระบวนการ ไปใช้ในการเสริมสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยี \" ผลในการต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และปกป้องเบต้าเซลล์ของ ตับอ่อนของสารสกัดไผ่จืด (Pogonatherum paniceum (Lamk) Hack) ไผ่จืด (Pogonatherum paniceum (Lamk) Hack) เป็นพืชที่พบ ผศ.ดร.พัชรวรรณ สิทธิศาสตร์ ได้ในประเทศไทย และถูกใช้สำหรับการรักษาโรคหลายชนิด แต่ยัง หัวหน้าโครงการวิจัย ขาดข้อมูลพื้นฐานและงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนฤทธิ์ทาง เภสัชวิทยา ดังนั้นการศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบหา สารสกัดไผ่จืดอาจจะมีสารกลุ่มฟีนอลิคและฟลาโวนอยด์เป็น สารสำคัญและฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดจากไผ่จืดที่ องค์ประกอบส่วนใหญ่ และสารดังกล่าวเป็นที่รู้ดีถึงคุณสมบัติต้าน สกัดด้วย 80% เอทานอล ผลการศึกษาพบว่าสารสกัดไผ่จืด อนุมูลอิสระ เมื่อตรวจสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดไผ่จืด ประกอบด้วยปริมาณของสารประกอบฟีนอลิคและฟลาโวนอยด์ พบว่าสารสกัดไผ่จืดมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระด้วยความสามารถใน จากการวิเคราะห์องค์ประกอบของน้ำมันหอมระเหยในสารสกัดไผ่ การรีดิวซ์เฟอร์ริก และยับยั้งอนุมูลอิสระชนิด DPPH นอกจากนี้ จืดโดยเทคนิค GC-MS พบว่าสารสกัดไผ่จืดประกอบด้วย γ- สารสกัดไผ่จืดยังมีคุณสมบัติในการลดการสร้างอนุมูลอิสระที่เกิด sitosterol, phytol, stigmasterol, dl-α-tocopherol, vanillin ภายในเซลล์แมคโครฟาจ RAW264.7 ที่ถูกกระตุ้นด้วย tert-butyl และ coumarin เป็นต้น การวิเคราะห์หาสารพฤษเคมีในสารสกัดไผ่ hydroperoxide เมื่อใช้ probe เรืองแสง DCFH-DA จากผลการ จืดด้วยวิธี LC-MS จากตัวอย่าง 7 fraction ที่ผ่านการแยกด้วยโค ศึกษาบ่งชี้ว่าฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดจากไผ่จืดอาจเป็น รมาโท กราฟีแบบคอลัมน์ และจากการตรวจสอบมวลสเปกตรัม ผลมาจากสารองค์ประกอบที่ค้นพบเหล่านั้น ของสารพบว่า

9 การนำไปใช้ประโยชน์ เชิงสาธารณะ \"ผลงานวิจัยที่นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่สาธารณชนในเรื่องต่างๆ ทีทำให้คุณภาพชีวิตและ เศรษฐกิจของประชาชนดีขึ้น ได้แก่การใช้ประโยชน์ด้านสาธารณสุข ด้านการบริหารจัดการ สำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ด้านการส่งเสริมประชาธิปไตยภาคประชาชน ด้านศิลปะและวัฒนธรรม ด้านวิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น\" การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมตามแนวคิดการเรียนรู้แบบผสมผสาน เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะ ของผู้นำชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ผศ.ดร.นภวรรณ ชาติมนตรี หัวหน้าโครงการวิจัย ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะได้รับความร่วมมือจากคนในชุมชนที่ร่วมกันคิด และร่วมกันพัฒนา และยังต้องมีผู้นำที่เข้มแข็ง มีวิสัยทัศน์ มีความรู้ความสามารถในการนำพาชุมชนไปสู่เป้าหมายที่ ต้องการ หากผู้นำมีสมรรถนะในการใช้การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศแล้ว ผู้นำจะมีแนวทางในการส่งเสริมหรือสร้าง โอกาสในการแข่งขันให้กับชุมชนของตนเอง ได้อย่างมาก ดังนั้นผู้นำต้องพัฒนาทักษะในการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศของตนเองให้สูงขึ้น แต่ทักษะการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นจะต้องสอดคล้องกับงานหรือเป้าหมาย ที่จะนำไปใช้ในการพัฒนาชุมชนของตนเองด้วย ผู้วิจัยได้ทำการสำรวจสมรรถนะที่จำเป็น ความสามารถที่มี และสำรวจความต้องการในการฝึกอบรมในด้านการ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อนำไปใช้ในการเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานของชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี จากนั้นนำข้อมูลที่ได้จากการสำรวจมาวิเคราะห์เพื่อจัดทำร่างหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของ ชุมชนตามวัตถุประสงค์และขอบเขตที่ตั้งไว้ และนำเสนอผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อประเมินคุณภาพหลักสูตร หลังจากที่ หลักสูตรผ่านการประเมินคุณภาพแล้ว ผู้วิจัยได้นำหลักสูตรไปใช้ฝึกอบรมผู้นำชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ที่ เป็นกลุ่มตัวอย่างตามขั้นตอนการดำเนินงานของหลักสูตร และทำการประเมินผลการใช้หลักสูตรเป็นขั้นสุดท้าย

10 การนำไปใช้ประโยชน์ \"การนำผลงานการวิจัย ไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ เชิงพื้นที่ เจาะจงพื้นที่นั้นๆ\" การพัฒนาและสร้างทุนชุมชนของผู้ร่วมพัฒนาความ สร้างทุนชุมชนของผู้ร่วมพัฒนาความมั่นคงตามแนวชายแดนโดย มั่นคงตามแนวชายแดนโดยกระบวนการมีส่วนร่วมใน กระบวนการมีส่วนร่วมในจังหวัด ศรีสะเกษ แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน จังหวัดศรีสะเกษ ประกอบด้วย ขั้นตอนที่ 1 ประชุมเตรียมความพร้อมและวางแผนใน การดำเนินกิจกรรม ขั้นตอนที่ 2 ลงมือปฏิบัติตามแผนดำเนินการ รศ.ดร.เอมอร แสนภูวา ตามกิจกรรมในแต่ละพื้นที่ ขั้นตอนที่ 3 ประเมินผลและสรุปการ หัวหน้าโครงการวิจัย ดำเนินการตามกิจกรรม ปัจจุบันนี้เมื่อมองถึงศักยภาพของกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาความมั่นคง แนวทางการพัฒนาทุนชุมชนสู่กลุ่มอาชีพที่ยั่งยืนของผู้ ตามแนวชายแดน เพื่อการพัฒนาและเป็นส่วนหนึ่งของทุนชุมชน ร่วมพัฒนาความมั่นคงตามแนวชายแดนโดยกระบวนการมีส่วนร่วม สังคม กลุ่มคนเหล่านี้สามารถเป็นพลังที่สำคัญในการขับเคลื่อน ในจังหวัดศรีสะเกษ 15 แนวทาง ประกอบด้วย 1) การพัฒนาความรู้ ชุมชนให้เข้มแข็งได้อย่างดียิ่ง โดยดึงเขาเข้ามาสู่กระบวนการมีส่วน เพิ่มเติมเกี่ยวกับเห็ด 2) การพัฒนาความรู้กลุ่มเพื่อให้เป็นทุนชุมชน ร่วมชุมชน ภาคีเครือข่ายในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการพัฒนาทั้งด้าน ในประเด็นเกี่ยวกับการบริหารจัดการกลุ่ม 3) การพัฒนาทุนชุมชนสู่ เศรษฐกิจ สังคมชุมชนต่อไปได้ จากเหตุผลและปัญหาข้างต้น ผู้วิจัย การเป็นกลุ่มอาชีพที่ยั่งยืนต้องมีกิจกรรมกลุ่มที่มีความต่อเนื่อง 4) จึงต้องการพัฒนาและสร้างทุนชุมชนของผู้ร่วมพัฒนาความมั่นคง การพัฒนาสมาชิกให้มีอุดมการณ์หรือเป้าหมายในเรื่องเดียวกัน 5) ตามแนวชายแดนโดยกระบวนการมีส่วนร่วมในจังหวัดศรีสะเกษ ทั้ง การพัฒนาสร้างโอกาสให้สมาชิกเข้าถึงกิจกรรม 6) การพัฒนาผู้นำ ชุมชน ภาคีเครือข่ายในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจ 7) การพัฒนาความรู้ด้านการตลาด 8.การพัฒนาการแปรรูปของ สังคมชุมชน และการมีทัศนคติเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาทั้ง ผลิตภัณฑ์ 9) การพัฒนาเรื่องการวางแผนการขับเคลื่อนกิจกรรม ด้านความมั่นคงและด้านอื่นๆของประเทศชาติทั้งในปัจจุบันและ ของกลุ่ม 10) การขยายพื้นที่ในการพัฒนากลุ่ม 11) การพัฒนาสร้าง อนาคตต่อไป แรงบันดาลใจของสมาชิกกลุ่ม 12) การสร้างกระบวนการเรียนรู้และ ระบบการพัฒนาเพื่อการพึ่งพาตนเองของชุมชน 13) ประสานเครือ ข่ายความร่วมมือกับของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 14) การช่วยเหลือจาก ภาครัฐในการพัฒนากลุ่มอาชีพเพิ่มรายได้ และ 15) การสนับสนุน การเรียนรู้เพื่อพัฒนาเป็นวิสาหกิจชุมชน

สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ เลขที่ 319 ถนนไทยพันทา ตำบลโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ 33000 โทรศัพท์ 045-643600 ต่อ 9409-9410 WEBSITE : HTTP://WWW.RESEARCH.SSKRU.AC.TH/


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook