~ 235 ~ 2. การพจิ ารณาวนิ ิจฉยั อุทธรณโ ทษไมรายแรง การพิจารณาวินจิ ฉยั อทุ ธรณโทษไมร ายแรง มหี ลักเกณฑในการพจิ ารณา ดังนี้ 2.1 ถา เห็นวา การส่งั ลงโทษถูกตองและเหมาะสมกบั ความผิดแลวใหมมี ติยกอุทธรณ 2.2 ถาเห็นวาการสั่งลงโทษไมถูกตองหรือไมเหมาะสมกับความผิด และเห็นวา ผูอ ุทธรณไดก ระทาํ ผิดวนิ ัยไมร ายแรง แตค วรไดรับโทษหนักข้ึน ใหมีมติใหเพิ่มโทษเปนสถานโทษ หรืออตั ราโทษที่หนักขึ้น 2.3 ถาเห็นวาการส่ังลงโทษไมถูกตองหรือไมเหมาะสมกับความผิด และเห็นวา ผูอุทธรณไดกระทําผิดวินัยไมรายแรง ควรไดรับโทษเบาลง ใหมีมติใหลดโทษเปนสถานโทษ หรืออตั ราโทษทเี่ บาลง 2.4 ถาเห็นวาการส่ังลงโทษไมถูกตองหรือไมเหมาะสมกับความผิด และเห็นวา ผูอุทธรณไดกระทําผิดวินัยไมรายแรง ซึ่งเปนการกระทําผิดวินัยเล็กนอยและมีเหตุอันควร งดโทษ ใหม มี ตใิ หส ัง่ งดโทษโดยทาํ เปนทณั ฑบนเปน หนงั สือหรือวา กลา วตกั เตอื นกไ็ ด 2.5 ถาเห็นวาการส่ังลงโทษไมถูกตอง และเห็นวาการกระทําของผูอุทธรณไมเปน ความผิดวินยั หรือพยานหลักฐานยงั ฟง ไมไดวาผูอทุ ธรณกระทาํ ผดิ วนิ ัย ใหมีมตใิ หยกโทษ 2.6 ถาเห็นวาขอความในคําสั่งลงโทษไมถูกตองหรือไมเหมาะสม ใหมีมติใหแกไข เปลีย่ นแปลงขอความใหเปนการถกู ตองเหมาะสม 2.7 ถาเห็นวาการส่ังลงโทษไมถูกตองหรือไมเหมาะสมกับความผิด และเห็นวากรณี มีมูลท่ีควรกลาวหาวาผูอุทธรณกระทําผิดวินัยอยางรายแรง ใหมีมติใหผูบังคับบัญชาแตงตั้ง คณะกรรมการสอบสวนวินยั อยา งรา ยแรง ตามมาตรา 98 วรรคสอง และดําเนินการตามกฎหมาย ตอไป 2.8 ในกรณีท่ีเห็นวาเปนความผิดวินัยอยางรายแรงกรณีความผิดท่ีปรากฏชัดแจง ตามที่กําหนดในกฎ ก.ค.ศ. หรือเห็นวาผูอุทธรณกระทําผิดวินัยอยางรายแรงและไดมีการ ดําเนินการทางวินัยตามมาตรา 98 วรรคสองแลว ใหมีมติเพ่ิมโทษเปนปลดออกหรือไลออก จากราชการ
~ 236 ~ 2.9 ถาเห็นวาการสั่งลงโทษไมถูกตองหรือไมเหมาะสมกับความผิด และเห็นวา ผูอุทธรณมีกรณีที่สมควรแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนหรือใหออกจากราชการ กรณี ไมเล่ือมใสในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริยทรงเปนประมุข ตามรัฐธรรมนูญแหง ราชอาณาจักรไทย ตามมาตรา 110 (4) หรือกรณีหยอนความสามารถในอันท่ีจะปฏิบัติหนาที่ ราชการ บกพรองในหนาที่ราชการ หรือประพฤติตนไมเหมาะสมกับตําแหนงหนาท่ีราชการ ตามมาตรา 111 หรือกรณีมีมลทินหรือมัวหมองในกรณีที่ถูกสอบสวน ตามมาตรา 112 ใหม ีมติใหผบู ังคับบัญชาแตงต้ังคณะกรรมการสอบสวน และดําเนินการตามกฎหมายตอไป 2.10 ถาเห็นสมควรดําเนินการโดยประการอื่นใด เพ่ือใหมีความถูกตองตามกฎหมาย และมีความเปนธรรม ใหมมี ติใหด าํ เนินการไดต ามควรแกกรณี การออกจากราชการของผูอุทธรณไมเปนเหตุท่ีจะยุติการพิจารณาอุทธรณ แตจะมีมติใหเพ่ิมโทษ ตาม 2.2 หรือใหแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนหรือใหออก ตาม 2.9 ไมได และถาเปนการออกจากราชการเพราะตาย จะมีมติใหแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัย อยางรา ยแรง ตาม 2.7 หรือจะมีมติเพม่ิ โทษเปนปลดออกหรือไลอ อก ตาม 2.8 ไมไดเ ชนเดยี วกนั ในกรณีที่มีผูถูกลงโทษทางวินัยในความผิดที่ไดกระทํารวมกัน และเปนความผิด ในเรื่องเดียวกัน โดยมีพฤติการณแหงการกระทําอยางเดียวกัน เมื่อผูถูกลงโทษคนใดคนหน่ึง ใชสิทธิอุทธรณคําสั่งลงโทษดังกลาว และผลการพิจารณาเปนคุณแกผูอุทธรณ แมผูถูกลงโทษ คนอื่นจะไมไดใชสิทธิอุทธรณหากพฤติการณของผูไมไดใชสิทธิอุทธรณเปนเหตุในลักษณะคดี อนั เปน เหตุเดยี วกบั กรณีของผูอุทธรณแลว ใหมีมติใหผูที่ไมไดใชสิทธิอุทธรณไดรับการพิจารณา การลงโทษใหม ผี ลในทางทเ่ี ปนคุณเชนเดยี วกับผูอุทธรณด วย 3. การพจิ ารณาวินจิ ฉัยอุทธรณโ ทษรายแรง การพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณโทษวินัยรายแรง ใหนําหลักเกณฑในการพิจารณา วินิจฉัยโทษไมร า ยแรงมาใชโดยอนุโลม
~ 237 ~ 4. การสง่ั การตามมติ เม่ือ อ.ก.ค.ศ.เขตพ้ืนที่การศึกษา อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ต้ัง หรือ ก.ค.ศ. แลวแตกรณี ไดมีมติแลว ผูมีอํานาจตามมาตรา 53 ตองสั่งหรือปฏิบัติใหเปนไปตามนั้น และผูอุทธรณ จะอุทธรณตอไปอีกไมได เมื่อผูบังคับบัญชาไดสั่งหรือปฏิบัติตามมติดังกลาวแลว ตองมีหนังสือ แจงใหผ อู ทุ ธรณท ราบ พรอ มท้ังแจงสิทธิการฟองคดีตอศาลปกครองภายใน 90 วัน ใหผูอุทธรณ ทราบดวย เวนแตกรณีท่ีเปนการพิจารณาอุทธรณโทษวินัยไมรายแรง แลวเพ่ิมโทษจาก ภาคทัณฑ ตัดเงินเดือน หรือลดขั้นเงินเดือน เปนโทษปลดออกหรือไลออก หรือใหออก ท่ีไมใชโทษ ใหแจงสิทธิการอุทธรณ หรือรองทุกขแลวแตกรณี ตอ ก.ค.ศ.ไดอีกคร้ังหน่ึง ภายใน 30 วัน นบั แตว นั ไดรับแจง ผลการพจิ ารณาอุทธรณ 5. รปู แบบการวินจิ ฉยั การจัดทํารายงานการประชุมและการจัดทํามติของ อ.ก.ค.ศ.เขตพ้ืนที่การศึกษา อ.ก.ค.ศ. ท่ี ก.ค.ศ. ตั้ง หรือมติ ก.ค.ศ. แลวแตกรณี ใหดําเนินการจัดใหมีเหตุผลไวในคําวินิจฉัยดวย ตามนยั พระราชบัญญตั วิ ธิ ปี ฏิบตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 6. สิทธิของผอู ทุ ธรณกรณียกอทุ ธรณหรือเปลีย่ นแปลงโทษ 6.1 ในกรณีท่ี อ.ก.ค.ศ.เขตพ้ืนท่ีการศึกษา อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง หรือ ก.ค.ศ. มีมติ ใหยกอุทธรณ หรือเพ่ิมโทษ หรือลดโทษ ผูอุทธรณจะอุทธรณตอไปไมได เวนแตกรณีมีมติให เพ่ิมโทษจากโทษภาคทัณฑ ตัดเงินเดือน หรือลดขั้นเงินเดือน เปนโทษปลดออกหรือไลออก จากราชการ หรือมีมติใหส่ังใหออกจากราชการ ผูอุทธรณมีสิทธิท่ีจะอุทธรณหรือรองทุกข แลว แตกรณี ตอ ก.ค.ศ. ตามมาตรา 122 ไดอีกครง้ั หนง่ึ 6.2 กรณีการพิจารณาอุทธรณคําส่ังลงโทษปลดออกหรือไลออกจากราชการ เม่อื ก.ค.ศ. มีมตเิ ปน ประการใดแลว ผูอทุ ธรณจะอทุ ธรณหรอื รอ งทกุ ขตอ ไปอกี ไมไ ด 6.3 เมื่อ ก.ค.ศ. มีมติใหยกโทษ หรือใหลดโทษจากโทษวินัยรายแรงเปนภาคทัณฑ ตัดเงินเดือน หรือลดขั้นเงินเดือน และใหผูอุทธรณกลับเขารับราชการตามเดิม ก็ใหผูมีอํานาจ
~ 238 ~ ตามมาตรา 53 สั่งใหผูอุทธรณกลับเขารับราชการในตําแหนงและวิทยฐานะเดิม หรือตําแหนง ในระดับเดียวกันท่ีตองใชคุณสมบัติเฉพาะที่ผูนั้นมีอยู แนวทางปฏิบัติผูบังคับบัญชาตองยกเลิก คําสั่งเดิม และส่ังใหผูอุทธรณกลับเขารับราชการ ในการส่ังใหผูอุทธรณกลับเขารับราชการ ตอ งสง่ั เปนปจจบุ ัน เมอ่ื สั่งกลับเขา รับราชการแลวในกรณที มี่ โี ทษจึงสั่งลงโทษไปตามมติ 6.4 ในกรณีท่ีสั่งใหผูอุทธรณกลับเขารับราชการ มาตรา 124 บัญญัติวา ใหนํามาตรา 103 มาใชบังคับโดยอนุโลม กลาวคือ กฎหมายรับรองใหผูอุทธรณมีสถานภาพเปนขาราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาตลอดระยะเวลาท่ีถูกปลดออกหรือไลออกจากราชการ เสมือนเปน ผูถูกสั่งพักราชการ และไมมีกรณีท่ีจะตองออกจากราชการดวยเหตุอื่น ผูอุทธรณจึงมีสิทธิ นับอายุราชการตอเนื่อง และมีสิทธิไดรับเงินเดือนในระหวางถูกปลดออกหรือไลออกจากราชการ 32 ทั้งนี้ มขี อ สงั เกตวา ตองเปนกรณถี งึ ที่สดุ แลว เทานน้ั 6.5 ในกรณีท่ีอุทธรณฟงขึ้นในประเด็นขอกฎหมาย เน่ืองจากการลงโทษไมเปนไป ตามกระบวนการขั้นตอน ที่กฎหมายกําหนด ทําใหคาํ สงั่ ลงโทษเปนคําสัง่ ทไี่ มชอบดวยกฎหมาย ผูบังคับบัญชา จึงตองยกเลิกคําสั่งและสั่งใหผูอุทธรณกลับเขารับราชการ ( เวนแตเปนกรณี ถกู พักราชการหรอื ใหอ อกจากราชการไวกอ น) แลวดําเนนิ การทางวินัยแกผูอุทธรณใ หม คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ท่ี อ. 315/2549 หนวยงานจะเบิกจายเงินเดือน ในระหวางที่มิไดมาปฏิบัติราชการใหแกขาราชการซ่ึงถูกส่ังปลดออกหรือไลออกจากราชการ โดยไมชอบดวยกฎหมายไดก ็ตอ เม่ือการดําเนินการทางวินัยถึงท่ีสดุ แลว หากภายหลงั จากมีคําส่ัง เพิกถอนคําส่ังปลดออกหรือไลออกจากราชการแลว ยังมีการแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวน ทางวนิ ัยในขอหาเดมิ อกี ไมว า จะเปน ความผิดวนิ ยั อยางรายแรงหรอื ไมก ็ตาม ถอื ไดวา กระบวนการ ดาํ เนินการทางวนิ ัยยังไมถ งึ ทสี่ ดุ หนว ยงานจงึ ยังไมม หี นาที่เบกิ จายเงนิ เดือนดังกลา ว 32 ระเบยี บกรมบัญชีกลาง วา ดวยการจายเงินเดอื นใหแ กข าราชการซ่ึงออกจากราชการโดยคาํ สัง่ ลงโทษทางวินยั หรอื คําสัง่ ใหอ อกจากราชการแลว ไดรบั การพิจารณายกเลกิ เพกิ ถอน หรอื เปลี่ยนแปลงคําส่ังเปนอยา งอื่น พ.ศ. 2551
~ 239 ~ 7. ผลของคาํ วินิจฉัยอทุ ธรณ ผลของคาํ วนิ จิ ฉยั อุทธรณ หรือมติขององคคณะผูมีอํานาจพิจารณาอุทธรณมีผลผูกพัน หนวยงานและผูบังคบั บัญชาใหตอ งปฏิบตั ิใหเ ปนไปตามคําวินจิ ฉัย หรือตามมตนิ ั้น 7.1 ในกรณีส่ังยกอทุ ธรณ มีผลเทา กับผูอุทธรณไดรับโทษตามคาํ ส่งั เดิมของผบู งั คับบญั ชา 7.2 ในกรณีสั่งเพ่ิมโทษ คําส่ังเพ่ิมโทษมีผลลบลางคําสั่งลงโทษเดิมของผูบังคับบัญชา และถอื วาผูอุทธรณถ กู ลงโทษตามคําสงั่ เพม่ิ โทษนนั้ 7.3 ในกรณีสั่งลดโทษ คําสั่งลดโทษมีผลลบลางคําสั่งลงโทษเดิมของผูบังคับบัญชา และถอื วา ผูอทุ ธรณถ กู ลงโทษตามคาํ ส่ังลดโทษนนั้ 7.4 ในกรณีส่ังยกโทษ คําส่ังยกโทษมีผลลบลางคําส่ังลงโทษเดิมของผูบังคับบัญชา และถือวา ผูอทุ ธรณไ มเ คยถกู ลงโทษในกรณนี นั้ อนง่ึ คาํ สั่งลงโทษเดิมน้นั ตองเก็บรวมไวในสาํ นวนเพื่อเปน หลกั ฐานดวย 8. อุทธรณที่ไมอาจรบั ไวพ จิ ารณาได อทุ ธรณท ่ไี มอาจรบั ไวพ ิจารณาไดตามกฎหมาย คือ 8.1 อทุ ธรณท ยี่ ่ืนเกนิ 30 วนั 8.2 อทุ ธรณท ผ่ี อู ุทธรณไมล งลายมอื ชื่อในหนังสอื อุทธรณ 8.3 อทุ ธรณที่เปนการอทุ ธรณแทนผูอนื่ 8.4 อุทธรณทไี่ มม ีสาระ
บทที่ 8 การรอ งทุกข การจัดใหมีหลักประกันเพ่ือความเปนธรรมสําหรับขาราชการ เปนหลักการที่สําคัญ ประการหนึ่งในการบริหารงานบุคคล อันเปนการเสริมสรางขวัญกําลังใจและประสิทธิภาพ ในการปฏิบัติงานของขาราชการ โดยมีจุดมุงหมายที่สําคัญเพ่ือคุมครองปองกันมิใหขาราชการ ถูกกล่ันแกลง หรอื ไดร บั การปฏบิ ตั โิ ดยไมเปนธรรม ความหมาย การรองทุกข หมายถึง การที่ขาราชการรองขอความเปนธรรมขอใหแกไขปญหาที่เห็นวา ตนไมไ ดรับความเปนธรรมหรือมีความคับของใจเนื่องจากการกระทําของผูบังคับบัญชา ในเร่ือง เก่ียวกับการบริหารงานบุคคล ไมวาการกระทําน้ันจะเปนการใชอํานาจตามกฎหมาย หรือ เปน การใชดลุ พนิ จิ ของผูบงั คับบัญชา ผูอยูใตบ งั คบั บญั ชายอมมีสทิ ธิรองทุกขไ ดโ ดยชอบ ความสําคญั การรองทุกข เปนวิธีการหนึ่งที่เปดโอกาสใหผูอยูใตบังคับบัญชาไดระบายความคับของใจ ในการปฏิบัติของผูบังคับบัญชาเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลที่ไดปฏิบัติตอตนวา เปนการกระทํา ที่ไมถูกตอง ทั้งน้ี เพื่อผูบังคับบัญชาจะไดทบทวนการปฏิบัติตอผูอยูใตบังคับบัญชา และแกไข ในส่ิงที่ไมถูกตอง หรือชี้แจงเหตุผลความถูกตองที่ไดปฏิบัติไปใหผูรองทุกขทราบและเขาใจ หรือใหผูบังคับบัญชาเหนือข้ึนไปไดพิจารณาใหความเปนธรรมตามสมควร ซึ่งจะกอใหเกิด ความสัมพันธอันดีระหวางผูบังคับบัญชากับผูอยูใตบังคับบัญชา โดยกระบวนการรองทุกข กาํ หนดใหมีการรองทุกขดวยวาจาเพื่อไดทําความเขาใจกันกอน หากไมเปนที่พอใจจึงใหรองทุกข เปนหนังสือ นอกจากนั้นการรองทุกขยังเปนชองทางใหมีการตรวจสอบและถวงดุลการใชอํานาจ ของผูบ งั คับบญั ชาใหเปนไปโดยถูกตอ งและเปน ธรรมดว ย
~ 241 ~ ข้ันตอนและวธิ ีการรองทกุ ข 1. ผูมีสทิ ธริ อ งทุกข 1.1 เปนขา ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา 1.2 ถูกกระทบสิทธิหรือไมไดร บั ความเปน ธรรมจากการปฏิบตั ขิ องผบู งั คบั บัญชา 2. เหตทุ ีจ่ ะรองทกุ ข 2.1 ไมไดรับความเปนธรรม หรือคับของใจจากการกระทําของผูบังคับบัญชา เชน การชว ยราชการ, การยาย, การเลือ่ นขัน้ เงินเดอื น, การบรรจุและแตงตั้ง ฯลฯ 2.2 ถูกตง้ั คณะกรรมการสอบสวนทางวนิ ัย ตามมาตรา 98 2.3 ถูกสั่งพักราชการ ตามมาตรา 103 กรณีถูกกลาวหาวากระทําผิดวินัยอยางรายแรง จนถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน หรือถูกฟองคดีอาญา หรือตองหาวากระทําความผิดอาญา เวนแตเปนความผดิ ที่ไดกระทําโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 2.4 ถูกส่ังใหออกจากราชการไวกอน ตามมาตรา 103 และเปนกรณีเขาเหตุตาม ขอ 2.3 2.5 ถูกสงั่ ใหอ อกจากราชการ ขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาอาจถูกสั่งใหออกจากราชการไดหลายกรณี ตามมาตรา 107 แหงพระราชบัญญัติระเบียบขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 เชน (1) ถูกส่งั ใหอ อกจากราชการเพราะขาดคุณสมบัติท่ัวไป หรือขาดคุณสมบัติเฉพาะ สําหรบั ตาํ แหนงอยกู อ นบรรจุ (มาตรา 49) (2) ถูกสั่งใหออกจากราชการเพราะทดลองปฏิบัติหนาท่ีราชการ หรือเตรียม ความพรอมและพัฒนาอยางเขม แลวปรากฏวาไมเหมาะสมที่จะใหรับราชการตอไป เน่ืองจาก ผลการประเมินการปฏิบัติหนาท่ีราชการ หรือเตรียมความพรอมและพัฒนาอยางเขม ต่ํากวา เกณฑที่ ก.ค.ศ. กําหนด (มาตรา 56)
~ 242 ~ (3) ถูกส่ังใหอ อกจากราชการไวก อ น เพอื่ รอฟงการสอบสวนพิจารณา (มาตรา 103) (4) ถูกส่งั ใหอ อกจากราชการเพราะเหตรุ ับราชการนาน (มาตรา 110) (5) ถูกส่งั ใหอ อกจากราชการเพอื่ รับบําเหน็จบาํ นาญเหตุทดแทน (มาตรา 110) (6) ถกู สง่ั ใหอ อกจากราชการเพราะเหตเุ จ็บปวยไมอาจปฏิบตั ิหนา ท่ีราชการได (7) ถูกส่ังใหออกจากราชการ เพราะสมัครไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค ของทางราชการ (8) ถูกส่ังใหออกจากราชการเพราะขาดคุณสมบัติท่ัวไปตามมาตรา 30 (1) (4) (5) (7) (8) หรือ (9) (9) ถกู สั่งใหอ อกจากราชการเพราะเหตุทางราชการเลกิ หรอื ยุบตําแหนง (10) ถกู สัง่ ใหอ อกตามมาตรา 30 (3) (11) ถูกสั่งใหออกจากราชการเพราะหยอนความสามารถในอันที่จะปฏิบัติหนาที่ ราชการ หรอื บกพรอ งในหนา ทรี่ าชการ หรอื ประพฤติตนไมเหมาะสมกับตําแหนงหนาท่ีราชการ (มาตรา 111) (12) ถูกสั่งใหออกจากราชการเพราะมีมลทินมัวหมองในกรณีท่ีถูกสอบสวน (มาตรา 112) (13) ถูกส่ังใหออกจากราชการเพราะตองรับโทษจําคุกโดยคําสั่งศาล หรือ โดยคําพิพากษา ถึงที่สุดใหจําคุก โดยศาลไมรอการลงโทษในความผิดท่ีไดกระทําโดยประมาท หรือความผิด ลหุโทษ ซ่ึงยังไมถึงกับจะตองถูกลงโทษปลดออกหรือไลออก ซ่ึงผูบังคับบัญชา จะสงั่ ใหผนู ัน้ ออกจากราชการเพอ่ื รบั บาํ เหน็จบํานาญเหตุทดแทนได (มาตรา 113) (14) ถูกส่งั ใหออกจากราชการเพ่ือไปรบั ราชการทหาร (มาตรา 114) (15) ถกู สั่งใหอ อกจากราชการเพราะมีเหตสุ มควรใหออกอยูกอนวันโอนมาบรรจุ (มาตรา 118) (16) ถูกสั่งใหออกจากราชการเพราะถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ตามมาตรา 109
~ 243 ~ 3. วิธกี ารรอ งทุกข ถาผูรองทุกขไมประสงคจะปรึกษาหารือ หรือปรึกษาหารือแลวไมเปนท่ีพอใจก็อาจ ดาํ เนนิ การตอไปได ดงั นี้ 3.1 ทาํ หนังสือรอ งทุกขลงลายมือช่ือพรอ มทอ่ี ยขู องผรู องทกุ ข 3.2 หนังสือรองทุกขตองมีสาระสําคัญท่ีแสดงขอเท็จจริงและเหตุผลใหเห็นวา ไมไดรับความเปนธรรมหรือมีความคับของใจอยางไร และแจงความประสงคของการรองทุกข พรอ มพยานหลกั ฐานท่มี ี 3.3 ยน่ื ภายใน 30 วัน นบั แตวนั ทไ่ี ดท ราบหรอื ควรทราบเหตแุ หง การรอ งทกุ ข 3.4 รองทุกขไ ดสาํ หรับตนเองเทาน้ัน จะรองทกุ ขแ ทนผอู ่นื หรือใหผูอื่นรองทุกขแทน ไมได 3.5 การยื่นหนังสือรองทุกข ผูรองทุกขอาจนําไปยื่นเองหรือสงทางไปรษณียก็ได โดยถือวนั ท่ที ่ไี ปรษณยี ประทับตรารับที่ซองเปน วนั สงหนงั สือรอ งทุกข 3.6 ผรู องทุกขจะย่ืนหรือสง หนังสือรองทุกข พรอมกบั สาํ เนารับรองถูกตอ งหน่ึงฉบับ ผานผูบังคับบัญชาผูเปนเหตุแหงการรองทุกขก็ได และใหผูบังคับบัญชานั้นสงหนังสือรองทุกข พรอมท้ังเอกสารหลักฐานท่ีเกี่ยวของ โดยใหมีคําชี้แจงประกอบดวย เพ่ือประกอบการพิจารณา ของผูมอี ํานาจพิจารณารองทุกข ภายใน 7 วันทําการ นับแตวันท่ีไดร บั หนงั สือรอ งทกุ ข สิทธขิ องผรู อ งทุกข 1. สทิ ธทิ จ่ี ะขอแถลงการณด ว ยวาจา ในการรองทุกข ถาผูรองทุกขประสงคจะขอแถลงการณดวยวาจา ใหแจงความ ประสงคไวในหนังสือรองทุกขดวย หรือจะทําเปนหนังสือตางหากก็ได โดยยื่นหรือสงตรงตอ อ.ก.ค.ศ.เขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษา หรอื อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตง้ั หรือ ก.ค.ศ. แลวแตกรณี กอ นเริ่มพจิ ารณา เรอื่ งรอ งทุกข
~ 244 ~ 2. สิทธทิ จ่ี ะรองทุกขห รือสงเอกสารเพม่ิ เตมิ เม่ือไดย่ืนหนังสือรองทุกขไวแลว ผูรองทุกขจะย่ืนหรือสงหนังสือรองทุกข หรือ เอกสารเพ่ิมเติมกอนที่ผมู อี าํ นาจพจิ ารณาเรอ่ื งรอ งทกุ ขจะเร่มิ พจิ ารณาเร่ืองรอ งทกุ ขกไ็ ด 3. สทิ ธิท่ีจะคดั คานอนุกรรมการหรือกรรมการผูพ ิจารณารอ งทกุ ข ผูรองทุกขมีสิทธิคัดคานอนุกรรมการ หรือกรรมการผูพิจารณาเร่ืองรองทุกข ถาผูนั้น มีเหตอุ ยางหนงึ่ อยา งใด ดงั ตอไปน้ี (1) เปน ผบู งั คับบัญชาผเู ปนเหตุแหง การรองทกุ ข (2) มสี ว นไดเ สยี ในเรื่องท่รี องทกุ ข (3) มสี าเหตุโกรธเคืองผูร องทุกข (4) เปนคูสมรส บพุ การี ผูสืบสันดาน หรือพ่ีนองรวมบิดามารดา หรือรวมบิดาหรือ มารดากบั ผูบ งั คับบัญชาผูเ ปนเหตุแหงการรองทกุ ข 4. สิทธิที่จะขอถอนเรื่องรองทกุ ข ในกรณีที่ผูรองทุกขไมประสงคจะใหมีการพิจารณาเร่ืองรองทุกขตอไป จะขอถอน เร่ืองรองทุกขกอนที่ผูมีอํานาจพิจารณารองทุกขจะพิจารณาเสร็จสิ้นก็ได โดยทําเปนหนังสือยื่น หรือสงตอผูมีอํานาจพิจารณารองทุกข เมื่อไดถอนเรื่องรองทุกขแลว การพิจารณาเรื่องรองทุกข น้นั เปน อนั ระงับ 5. สิทธทิ จี่ ะฟองคดตี อ ศาลปกครอง ในกรณที ผ่ี ูรอ งทุกขไ มพ อใจคําวนิ จิ ฉัยรองทุกข ผูรองทุกขมีสิทธิฟองคดีตอศาลปกครอง ไดต ามหลักเกณฑทีก่ าํ หนดในกฎหมายวาดว ยการจดั ต้งั ศาลปกครองและวธิ พี ิจารณาคดปี กครอง ผูมอี าํ นาจพิจารณารอ งทุกข 1. ขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาท่ีสังกัดเขตพื้นท่ีการศึกษา ใหรองทุกขได ดังน้ี
~ 245 ~ (1) ในกรณีที่เหตุรองทุกขเกิดจากนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี เลขาธิการ หรือคําส่ังของ ผบู งั คับบัญชาซึ่งสั่งการตามมติของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา หรือกรณีเหตุรองทุกข เกิดจาก การถกู ส่งั พักราชการตามมาตรา 103 ใหร องทุกขตอ ก.ค.ศ. และให ก.ค.ศ. เปนผูพิจารณา (2) ในกรณที ่เี หตรุ องทุกขเกิดจากผูบังคับบัญชาตั้งแตผูอํานวยการสํานักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษาลงมา ใหรองทุกขตอ อ.ก.ค.ศ.เขตพ้ืนท่ีการศึกษา และให อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา เปน ผูพิจารณา 2. ขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มิไดสังกัดเขตพื้นท่ีการศึกษา ใหรองทุกขได ดงั นี้ (1) ในกรณีท่ีเหตุรองทุกขเกิดจากนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเจาสังกัด ปลัดกระทรวง หรือคําสั่งของผูบังคับบัญชาซึ่งส่ังการตามมติของ อ.ก.ค.ศ. ท่ี ก.ค.ศ. ตั้ง หรือกรณีเหตุรองทุกข เกดิ จากการถูกสง่ั พกั ราชการตามมาตรา 103 ใหร องทุกขต อ ก.ค.ศ. และให ก.ค.ศ. เปน ผูพจิ ารณา (2) ในกรณีท่ีเหตุรองทุกขเกิดจากปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการ อธิบดีหรือ ตําแหนงที่เรียกชื่ออยางอื่นที่มีฐานะเทียบเทา อธิบดีการบดีหรือตําแหนงท่ีเรียกช่ืออยางอ่ืน ท่ีมีฐานะเทียบเทาผูอํานวยการสํานัก ผูอํานวยกอง ผูอํานวยการสถานศึกษา หรือตําแหนง ที่เรียกชื่ออยางอ่ืนท่ีมีฐานะเทียบเทา ใหรองทุกขตอ อ.ก.ค.ศ. ท่ี ก.ค.ศ. ตั้ง และให อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง เปน ผพู ิจารณา ขัน้ ตอนการดําเนินการ 1. เมื่อไดรับหนังสือรองทุกขแลว ใหสํานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา หนวยงานหรือ สวนราชการที่ทําหนาที่เลขานุการ แลวแตกรณี มีหนังสือแจงพรอมทั้งสงสําเนาหนังสือรองทุกข ใหผูบังคับบัญชาผูเปนเหตุแหงการรองทุกขทราบโดยเร็ว และใหผูบังคับบัญชาสงเอกสาร หลักฐานที่เกยี่ วของพรอมคาํ ชีแ้ จงไปเพอื่ ประกอบการพิจารณา ภายใน 7 วันทําการ นับแตวันท่ี ไดรับหนงั สือ
~ 246 ~ 2. เจาหนาที่ผูรับผิดชอบการพิจารณาเร่ืองรองทุกข ตองตรวจสอบขอเท็จจริงและ ขอ กฎหมาย รวบรวมเอกสารหลกั ฐานทเ่ี ก่ียวของ สรปุ และทาํ ความเห็นเสนอท่ีประชุมพิจารณา 3. ในกรณีท่ีผูรองทุกขขอแถลงการณดวยวาจา หาก อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นท่ีการศึกษา อ.ก.ค.ศ. ท่ี ก.ค.ศ. ตั้ง หรือ ก.ค.ศ. เห็นวาการแถลงการณดวยวาจาไมจําเปนแกการพิจารณาวินิจฉัย เร่อื งรอ งทุกข จะใหง ดการแถลงการณด ว ยวาจาเสียก็ได 4. ในกรณที น่ี ัดใหผ ูร อ งทกุ ขมาแถลงการณดวยวาจาตอท่ีประชุม ใหแจงใหผูบังคับบัญชา ผูเปนเหตุแหงการรองทุกขทราบดวยวา ถาประสงคจะแถลงแกก็ใหมาแถลงหรือมอบหมาย เปนหนังสือใหเจาหนาท่ีท่ีเกี่ยวของเปนผูแทนมาแถลงตอท่ีประชุมครั้งนั้นก็ได ทั้งน้ี ใหแจง ลวงหนาตามควรแกกรณี และเพื่อประโยชนในการแถลงแกดังกลาว ใหผูบังคับบัญชาผูเปนเหตุ แหงการรอ งทุกขหรือผแู ทนเขา ฟง คําแถลงการณด ว ยวาจาของผูรองทกุ ขไ ด การพจิ ารณาวนิ จิ ฉัยเรอื่ งรอ งทกุ ข 1. ให อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา อ.ก.ค.ศ. ท่ี ก.ค.ศ. ตั้ง หรือ ก.ค.ศ. พิจารณาวินิจฉัย เรื่องรอ งทุกขใ หแ ลวเสรจ็ ภายใน 30 วัน นับแตว ันไดรับหนังสือรองทุกข และเอกสารหลักฐาน คําชี้แจงจากผูบังคับบัญชาแลว แตถามีความจําเปนไมอาจพิจารณาใหแลวเสร็จภายในเวลา ดังกลาว ใหขยายเวลาพิจารณาไดอีกไมเกิน 30 วัน และใหบันทึกแสดงเหตุผลความจําเปน ที่ตอ งขยายเวลาไวดวย 2. เมื่อครบกําหนดขยายเวลา 30 วันแลว การพิจารณายังไมแลวเสร็จใหขยายเวลา พิจารณาไดอกี ไมเ กนิ 30 วัน แตทั้งนี้ใหพิจารณากําหนดมาตรการท่ีจะทําใหการพิจารณาแลวเสร็จ โดยเร็ว และบันทึกไวเ ปน หลักฐานในรายงานการประชมุ ดว ย 3. การพิจารณาเรื่องรองทุกข ให อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นท่ีการศึกษา อ.ก.ค.ศ. ท่ี ก.ค.ศ. ต้ัง หรือ ก.ค.ศ. พิจารณาถึงเหตุแหงการไมไดรับความเปนธรรม หรือเหตุแหงความคับของใจ เนื่องจากการกระทําของผูบังคับบัญชา หรือเหตุแหงการแตงต้ังคณะกรรมการสอบสวน และ ในกรณีจําเปนและสมควรอาจขอเอกสารและหลักฐานท่ีเก่ียวของเพ่ิมเติม รวมท้ังคําชี้แจง
~ 247 ~ จากหนวยราชการ รัฐวิสาหกิจ หนวยงานอ่ืนของรัฐ หางหุนสวน บริษัท หรือบุคคลใด ๆ หรือขอใหผูแทนหนวยราชการ รัฐวิสาหกิจ หนวยงานอ่ืนของรัฐ หางหุนสวน บริษัท หรือ บุคคลใด ๆ มาใหถ อยคําหรอื ชีแ้ จงขอ เท็จจรงิ เพื่อประกอบการพิจารณาได 4. เม่ือ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นท่ีการศึกษา อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ต้ัง หรือ ก.ค.ศ. ไดพิจารณา วินจิ ฉยั เรอื่ งรอ งทกุ ขแ ลว (1) ถาเห็นวาเหตุท่ีทําใหไมไดรับความเปนธรรม หรือเหตุแหงความคับของใจ หรือ การแตงต้ังคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยนั้น ผูบังคับบัญชาไดใชอํานาจหนาท่ีปฏิบัติตอ ผูรอ งทุกขช อบดวยกฎหมายแลว ใหม มี ติยกคํารองทกุ ข (2) ถาเห็นวาเหตุท่ีทําใหไมไดรับความเปนธรรม หรือเหตุแหงความคับของใจ หรือ การแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยนั้น ผูบังคับบัญชาไดใชอํานาจหนาท่ีปฏิบัติตอ ผูรองทุกขโดยไมชอบดวยกฎหมาย ใหมีมติเพิกถอนหรือยกเลิกการปฏิบัติหรือใหขอแนะนํา ตามท่ีเห็นสมควร เพ่ือใหผูบังคับบัญชาปฏิบัติใหถูกตองตามระเบียบและแบบธรรมเนียมของ ทางราชการ (3) ถาเห็นสมควรดําเนินการโดยประการอื่นใด เพ่ือใหมีความถูกตองตามกฎหมาย และมีความเปนธรรม ใหม ีมตใิ หด าํ เนนิ การไดต ามควรแกกรณี (4) ถาเห็นวาการรองทุกขไมเปนไปตามหลักเกณฑ กลาวคือ การรองทุกขตองทําเปน หนังสือลงลายมือชื่อย่ืนภายในเวลา 30 วัน ย่ืนตอผูมีอํานาจพิจารณาตามที่กฎหมายกําหนด ใหมีมตไิ มรับคํารอ งทกุ ข กรณีผูรองทุกขไมลงลายมือชื่อในหนังสือรองทุกข อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเกี่ยวกับ การอุทธรณและการรองทุกข (ทท่ี ําการแทน ก.ค.ศ.) ในคราวประชุมคร้ังที่ 7/2552 เมื่อวันท่ี 24 เมษายน 2552 เห็นวาเปนคํารองทุกขที่ไมชอบดวยกฎหมายที่จะรับไวพิจารณาวินิจฉัย จึงมีมติ ไมร ับคํารอ งทุกขไวพ จิ ารณา
~ 248 ~ (5) มติของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นท่ีการศึกษา อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ต้ัง หรือ ก.ค.ศ. ใหเปนทีส่ ุด หากผูรองทุกขยังไมพอใจอาจใชสิทธิฟองคดีตอศาลปกครองไดภายใน 90 วัน นับแตวันไดรับ แจงคาํ วินจิ ฉัยรองทุกข 5. การพิจารณามีมติขางตน ใหบันทึกเหตุผลของการพิจารณาวินิจฉัยไวในรายงาน การประชมุ ดว ย 6. เม่ือไดมีมติดังกลาวแลว ใหผูบังคับบัญชาส่ังหรือปฏิบัติใหเปนไปตามมตินั้น ในโอกาสแรกท่ีทําได ในกรณีที่มีเหตุผลความจําเปนจะใหมีการรับรองรายงานการประชุม เสยี กอนก็ได และเมื่อไดสัง่ หรอื ปฏิบตั ติ ามมติดงั กลาวแลว ใหแจงใหผูรองทุกขทราบเปนหนังสือ โดยเรว็ การนับระยะเวลา การนับระยะเวลา 30 วัน สําหรับเวลาเร่ิมตนใหนับวันถัดจากวันแรกแหงเวลาน้ัน เปนวันเริ่มนับระยะเวลา สวนเวลาส้ินสุด ถาวันสุดทายแหงระยะเวลาตรงกับวันหยุดราชการ ใหน บั วนั เรม่ิ เปดทําการใหมเ ปนวนั สุดทายแหง ระยะเวลา
บรรณานุกรม สาํ นกั งาน ก.ค.ศ. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. รวมกฎหมาย กฎ ระเบียบการบรหิ ารงานบุคคล ดา นกฎหมายของขา ราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา : โรงพิมพคุรสุ ภา, 2549 สํานักงานศาลปกครอง. แนวคําวนิ จิ ฉัยคดีปกครองเกีย่ วกับวินัยขาราชการ : กรงุ เทพฯ, 2551 สํานกั งานศาลปกครอง. บทวเิ คราะหเ หตุแหง การฟองคดปี กครองเกีย่ วกบั วินัยขาราชการ, 2549 มลู นิธวิ จิ ยั และพฒั นากระบวนการยุติธรรมทางปกครอง. สรปุ แนวทางการปฏบิ ัติ ราชการ จากคําวนิ ิจฉัยของศาลปกครองสูงสดุ เร่ือง การบรหิ ารงานบคุ คลภาครฐั : บรษิ ทั บพธิ การพิมพ จาํ กัด, 2551 สํานกั งานศาลปกครอง. สรุปหลักปฏิบตั ริ าชการจากคาํ วินิจฉยั ของศาลปกครองสงู สุด พ.ศ. 2548 : บรษิ ัทยูเน่ียนอุลตรา ไวโอเรต็ จํากดั , 2550 อนันต จินดารตั น. คาํ อธิบายวินยั ขา ราชการครแู ละการออกจากราชการ : โรงพมิ พการศาสนา, 2542 สถาบนั วิจัยและใหคําปรกึ ษาแหงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร. รายงานการศึกษาวจิ ยั เรื่อง การพัฒนามาตรฐานโทษทางวินยั สาํ หรบั ขา ราชการครแู ละบคุ ลากร ทางการศึกษา : กรุงเทพฯ, 2551 อนันต จินดารัตน. คูม ือการดําเนนิ การทางวินยั สาํ หรบั ขาราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา : โรงพิมพก ารศาสนา, 2541 สํานักงานศาลปกครอง. รายงานการปฏบิ ตั ิงานศาลปกครองและสํานกั งานศาลปกครอง ประจาํ ป 2547 ประวีณ ณ นคร. พระราชบัญญตั ริ ะเบยี บขา ราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 สรุปสาระสําคญั และคาํ อธบิ ายรายมาตรา : สวัสดิการสาํ นกั งาน ก.พ., 2551
~ 250 ~ อําพล เจรญิ ชวี นิ ทร. หลกั กฎหมายจากคาํ ส่ังศาลปกครองสูงสดุ พ.ศ. 2544 : สาํ นกั พิมพ นิติธรรม, 2544 เอกศักด์ิ คงตระกลู . การบริหารงานบคุ คลขาราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา : วารสารวชิ าการศาลปกครอง ปท ี่ 6 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม – สิงหาคม), 2549 สพุ จน แสงครุธ. ศกึ ษากรณกี ารกระทาํ ผดิ วินยั ของขาราชการครู สังกดั สาํ นกั งานคณะกรรมการ การศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน ระหวา งป พ.ศ. 2535 – 2538 วทิ ยานพิ นธก ารศกึ ษาหาบัณฑติ : มหาวทิ ยาลยั บูรพา, 2541 กาํ พล วนั ทา. อํานาจในการออกคําส่ังลงโทษทางวินยั ขาราชการครู : วทิ ยานพิ นธนิติศาสตร มหาบัณฑติ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร, 2543 สติธร ธนานิธิโชต.ิ พฤตกิ รรมนิยม (Behavioralism) และสถาบันนิยม (Institutionalism) ในการเมืองเรือ่ งการเลือกตงั้ ของไทย : วารสารสถาบันพระปกเกลา ปท ่ี 5 ฉบบั ท่ี 3 กนั ยายน – ธนั วาคม 2550 สํานักงาน ก.ค. รายงานการศึกษาแนวทางการพัฒนาครูตามแนวพระราชดาํ รขิ อง พระบาทสมเดจ็ พระเจาอยหู ัว : 2544 สาํ นกั งาน ก.พ. คมู อื การดําเนนิ การทางวินัย : กลมุ โรงพิมพส าํ นักบรหิ ารกลาง สาํ นักงาน ก.พ., 2549 สํานกั งาน ก.ค.ศ. กระทรวงศกึ ษาธิการ. คมู ือการบรหิ ารงานบุคคลของขา ราชการครแู ละ บคุ ลากรทางการศกึ ษา : โรงพมิ พ สกสค. ลาดพราว, 2552 สํานกั งาน ก.ค.ศ. กระทรวงศึกษาธิการ. คูมือการดาํ เนินการทางวินัยสําหรับขา ราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา : โรงพิมพองคการคาของ สกสค. , 2550 ราชบัณฑติ ยสถาน. พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2542 : นานมบี ุคสพ ับลเิ คช่นั ส กรุงเทพมหานคร, 2546
~ 251 ~ ไพโรจน สติ ปรีชา. การบรหิ ารงานบคุ คลในราชการพลเรือนไทย : บรษิ ัทสาํ นกั พิมพ ไทยวฒั นาพานิช จํากัด กรุงเทพฯ, 2523 สาํ นักงานศาลปกครอง. สรุปแนวทางปฏบิ ตั ริ าชการจากคาํ วนิ จิ ฉยั ของศาลปกครองสูงสดุ เรื่อง การบรหิ ารงานบคุ คลภาครัฐ : บรษิ ทั บพี ิธการพิมพ จาํ กัด, 2551 มนญู สะมาลา. ปญ หาเก่ยี วกับการพจิ ารณาวนิ ัยขา ราชการ : วทิ ยานพิ นธนิตศิ าสตรมหาบัณฑิต บัณฑิตวทิ ยาลัย จุฬาลงกรณม หาวิทยาลยั , 2539 สุวรรณ ชนะสงคราม. การทํารายงานการสอบสวน, เอกสารอัดสําเนาประกอบการบรรยาย, 2550 สาํ นกั งานปฏริ ูปการศึกษา. ขอ วเิ คราะหเ กี่ยวกับการจัดระบบองคกรกลางบริหารงานบคุ คล ในหนว ยงานทางการศึกษา : กลุม งานกฎหมาย กรงุ เทพฯ, 2545 สาํ นกั งาน ก.ค.ศ. กระทรวงศึกษาธกิ าร, รายงานการวจิ ัยการศกึ ษาสภาพและความคาดหวัง ในการปฏบิ ตั ิงานของคณะอนกุ รรมการขาราชการครู, 2552 สถาบันวิจัยและใหค ําปรกึ ษาแหงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร. รายงานการศกึ ษาวิจัย เรือ่ ง การพฒั นามาตรฐานโทษทางวินัยสาํ หรบั ขา ราชการครแู ละบุคลากร ทางการศกึ ษา, 2551 สถาบันวิจยั และใหค าํ ปรึกษาแหง มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร. รายงานการศกึ ษาวิจัย เร่อื ง การพฒั นากฎหมายวา ดวยการบรหิ ารงานบคุ คลของขา ราชการครแู ละบุคลากร ทางการศกึ ษา, 2552 สํานกั งานกิจการสตรแี ละครอบครวั กระทรวงพฒั นาสงั คมและความม่ันคงของมนุษย www.women family.go.th 2 women2/Gender New. 8 มนี าคม 2553
~ 252 ~
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376