Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore History 2

History 2

Published by นางรุ่งนภา ทบวอ, 2019-03-18 04:07:52

Description: History 2

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการเรียน การสรา้ งองคค์ วามรู้ใหมท่ างประวตั ศิ าสตรไ์ ทย เลม่ ท่ี ๒ เรื่อง ขัน้ ตอนวิธกี ารทางประวัติศาสตร์ นางสุนทรา เชยกล่นิ เทศ ครชู านาญการพิเศษ วิชา ประวัตศิ าสตร์ ส๓๑๑๐๓ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๔ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรียนทรายมูลวทิ ยา

สานกั งานเขตการศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต ๒๘ สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

ก คำนำ เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาประวตั ิศาสตรไ์ ทย รหสั วชิ า ส31103 ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 ผ้สู อน ไดจ้ ดั ทาขึน้ ตามหลกั สูตรการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พ.ศ.2551 ไดเ้ รยี บเรยี งขน้ึ อย่างเปน็ ระบบ เพือ่ ใชป้ ระกอบการ เรียนการสอนทีเ่ น้นผู้เรยี นเป็นสาคญั เพ่ือพัฒนาการเรยี นการสอนและสง่ เสริมให้ผเู้ รียนเกดิ การเรียนร้ดู ว้ ย ตนเอง และมีความรู้ความเขา้ ใจในเน้อื หาสาระได้ดีย่ิงขน้ึ ซ่ึงจะชว่ ยพฒั นาความสามารถของนักเรียนอยา่ งเต็ม ศักยภาพ เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชาสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม สาระประวตั ศิ าสตร์ไทย รหัส วิชา ส31103 หน่วยที่ 2 เรอ่ื ง การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวตั ิศาสตร์ไทย เล่มท่ี 2 เรอ่ื ง ขนั้ ตอนของ วิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์ ผจู้ ดั ทาหวงั เป็นอยา่ งยง่ิ วา่ เอกสารประกอบการเรยี นเลม่ นี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างสงู สุดใน การศึกษาสาหรับนกั เรียน และมีประโยชน์ต่อการเรยี นการสอนแก่ครูผ้ใู นในกล่มุ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม และผู้สนใจทัว่ ไป สนุ ทรา เชยกลนิ่ เทศ

สำรบัญ ข เรอื่ ง หน้า คานา ก สารบญั ข คาชแี้ จงการใชเ้ อกสารประกอบการเรยี น 1 สาระสาคัญ 2 จุดประสงค์ 2 แบบทดสอบก่อนเรยี น 3 ข้นั ตอนวิธีการทางประวัติศาสตร์ 5 ความสาคัญของวิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์ 6 ผงั มโนทศั นอ์ งค์ประกอบของวธิ กี ารทางประวัติศาสตร์ 8 บรรณานุกรม 13 ภาคผนวก 14 15 กระดาษคาตอบแบบทดสอบ 16 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน 17 กิจกรรมที่ 1 วธิ กี ารทางประวัติศาสตร์ 19 กจิ กรรมที่ 2 วเิ คราะห์วิธีการทางประวัตศิ าสตร์ 21 กจิ กรรมที่ 3 ขัน้ ตอนวธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์ 23 แบบทดสอบหลงั เรยี น

คำช้ีแจงกำรใชเ้ อกสำรประกอบกำรเรียน รำยวชิ ำสังคมศกึ ษำ ศำสนำและวัฒนธรรม สำระประวตั ิศำสตร์ รหัสวชิ ำ ส31103 ช้ันมธั ยมศกึ ษำปีที่ 4 หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ 2 เรอ่ื ง กำรสรำ้ งองคค์ วำมรู้ใหม่ทำงประวัติศำสตร์ไทย เล่มท่ี 2 เรอื่ ง ขั้นตอนวธิ ีกำรทำงประวัตศิ ำสตร์ เอกสารประกอบการเรยี นชุดนี้ เป็นเอกสารท่ีใช้ประกอบการเรยี น รายวชิ าสังคมศึกษา ศาสนาและ วฒั นธรรม สาระประวัติศาสตร์ รหัสวชิ า ส31103 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยที่ 2 เร่ือง การสร้างองคค์ วามรู้ ใหมท่ างประวัติศาสตร์ไทย เล่มที่ 2 เร่อื ง ข้ันตอนวิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์ จัดทาขึ้นเพ่ือให้นกั เรยี นสามารถ ศกึ ษาไดด้ ้วยตนเองตามลาดับขั้นตอน กจิ กรรมการเรยี นการสอน ดังนี้ 1. กอ่ นการเรยี นด้วยเอกสรประกอบการเรียน นักเรยี นควรศึกษาจุดประสงค์การเรียนรขู้ องเอกสาร ประกอบการเรียนให้เขา้ ใจ เพ่อื เปน็ กรอบแนวทางในการเรยี นรู้ 2. นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนดว้ ยความซ่ือสัตย์ เพื่อวัดความรพู้ ้นื ฐานของตนเองก่อนเรียน แล้วตรวจคาตอนจากเฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น 3. ศึกษาเน้ือหาของเอกสารประกอบการเรียนตามลาดับ ปฏิบตั ิตามขัน้ ตอนที่กาหนดไว้อยา่ ง เคร่งครัดทลี ะขัน้ ตอน พร้อมทั้งตอบคาถามในแต่ละกิจกรรมเพ่ือเป็นการทบทวนความรู้ความเขา้ ใจ ถ้า นักเรยี นมคี วามสงสัย ไมเ่ ขา้ ใจ หรอื เกิดปัญหาในการปฏิบัติกิจกรรม สามารถขอคาปรึกษา และคาแนะนาจาก ครูผสู้ อนไดต้ ลอดเวลา 4. เม่อื ศกึ ษาเนื้อหาและตอบคาถามตามกิจกรรมครบถ้วนแลว้ นักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น พรอ้ มท้งั ตรวจคาตอบจากเฉลพแบบทดสอบหลงั เรยี น ครจู ะทาหนา้ ท่ีเป็นผู้ให้คาแนะนาเปน็ ที่ปรึกษาใหก้ บั นักเรยี น ฉะน้นั ครูจะต้องใหน้ กั เรียนปฏิบัตติ าม ขน้ั ตอนของเอกสารประกอบการเรียน อยา่ งเคร่งครดั และซื่อสัตย์ จึงจะทาให้กระบวนการเรยี นการสอนเป็นไป อย่างมปี ระสิทธภิ าพ หากนักเรยี นไดค้ ะแนนต่ากวา่ เกณฑ์ ให้กลบั มาศกึ ษาเนอื้ หาของเอกสารประกอบการเรยี นอีกครั้ง สว่ นนกั เรียนทีไ่ ดค้ ะแนนผา่ นเกณฑ์แล้ว จึงไปศึกษาเน้ือในเอกสารประกอบการเรียนเลม่ อืน่ ตอ่ ไป

2 สำระสำคญั วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ เปน็ วิธีการหรอื ขน้ั ตอนท่ใี ช้ศึกษาคน้ ควา้ วจิ ยั เก่ียวกับเร่ืองราวทาง ประวตั ศิ าสตร์ โดยอาศัยหลกั ฐาน เพ่อื ฟ้นื เร่อื งราวในอดตี ไดอ้ ย่างถูกต้อง และมีความน่าเช่ือถือ หรือใกล้เคียง ความเป็นจิรงมากที่สุด เพราะได้มีการศกึ ษาอยา่ งเปน็ ระบบ อยา่ งมีขน้ั ตอน มีความระมดั ระวัง รอบครบ โดยผู้ ได้รับการฝกึ ฝนในระเบียบวิธีการทางประวตั ิศาสตร์มาดแี ล้ว จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ 1. บอกความหมายของวธิ ีการทางประวตั ิศาสตรไ์ ด้ 2. บอกความสาคญั ของวิธกี ารทางประวัติศาสตรไ์ ด้ 3. บอกประโยชน์ของวธิ ีการทางประวัตศิ าสตรไ์ ด้ 4. ระบขุ ้ันตอนของวิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง

3 แบบทดสอบกอ่ นเรียน รหัส31103 เอกสำรประกอบกำรเรยี นวชิ ำประวตั ิศำสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษำปที ่ี 4 หน่วยกำรเรียนที่ 2 กำรสรำ้ งองคค์ วำมร้ใู หม่ทำงประวัติศำสตร์ไทย เวลำ 10 นำที เลม่ ท่ี 2 เรือ่ ง ข้ันตอนวธิ กี ำรทำงประวัตศิ ำสตร์ คำช้ีแจง ให้นกั เรยี นเลือกคำตอบท่ีถูกต้องเพียงคำตอบเดียว โดยทำเครื่องหมำย x ลงในกระดำษคำตอบ 1. เพราะเหตุใดจึงต้องใช้วธิ ีการทางประวัติศาสตร์ 4. การกาหนดหัวข้อเรื่องที่จะศกึ ษาจากความสนใจ ศกึ ษาเหตกุ ารณ์ทางประวัติศาสตร์ มีประโยชน์อยา่ งไร ก. เข้าใจขนั้ ตอนในการศึกษาประวตั ศิ าสตร์ ก. ทาใหม้ ีแรงกระตนุ้ ในการศึกษาอย่าง ข. หาความจรงิ จากข้อเท็จจรงิ ทาง ตอ่ เน่อื ง ประวตั ศิ าสตร์ ข. ทาใหเ้ กิดการสรา้ งองค์ความรู้ใหม่ได้ ค. จัดหมวดหมู่ข้อมลู จากหลกั ฐานทาง ค. ทาใหศ้ กึ ษาเรอื่ งท่ีตา่ งจากคนอ่ืน ประวตั ศิ าสตร์ ง. ทาใหส้ ะดวกในการศึกษา ง. หาจดุ ประสงค์ของผสู้ รา้ งหลกั ฐานทาง 5. ลาดบั ขน้ั ตอนในข้อใดถกู ต้องตามวธิ กี ารทาง ประวตั ิศาสตร์ ประวตั ศิ าสตร์ 2. ขอ้ ใดเปน็ ขน้ั ตอนแรกของวิธกี ารทาง ก. กาหนดหัวเรื่อง ประเมินคณุ คา่ ของหลักฐาน ประวตั ิศาสตร์ จดั หมวดหมู่ขอ้ มูล รวบรวมหลกั ฐาน เรียบ ก. การค้นหาขอ้ มลู และรวบรวมหลกั ฐาน เรยี งและมาถงึ ปัจจบุ ัน ข. การอธบิ ายทม่ี เี หตุผล และมีคาตอบท่ชี ัดเจน ข. กาหนดหวั เรื่อง รวบรวมหลักฐาน จดั ค. การตั้งคาถาม และกาหนดประเดน็ หมวดหมู่ข้อมูล ประเมนิ คณุ คา่ ของหลกั ฐาน การศึกษา เรียบเรยี งและนาเสนอข้อมูล ง. การแสวงหาความหมายและความสัมพนั ธ์ ค. เรยี บเรยี งและนาเสนอข้อมลู กาหนดหัว ของข้อมูล เร่อื ง รวบรวมหลักฐาน ขัดหมวดหม่ขู ้อมลู 3. การรวบรวมหลกั ฐานมคี วามสมั พนั ธก์ บั การ ประเมนิ คณุ คา่ ของหลักฐาน กาหนดหัวขอ้ เรื่องที่ศึกษาอย่างไร ง. กาหนดหวั เรือ่ ง รวบรวมหลักฐาน ประเมิน ก. ไมม่ คี วามสัมพนั ธ์กนั คณุ ค่าของหลกั ฐาน จัดหมวดหมขู่ อ้ มลู เรียบ ข. ช่วยทาให้หัวเรอื่ งสัน้ และกระชบั ข้ึน เรียงและนาเสนอ ค. จะกาหนดหัวเรอื่ งจากหลักฐานทรี่ วบรวมได้ ง. รวบรวมหลักฐานที่เก่ียวขอ้ งกบั หัวเรื่องและ มกี ารกาหนดประเดน็ ในการศึกษา

4 6. ขอ้ ความวา่ What When Where Why และ 9. บคุ คลในขอ้ ใดใช้วธิ ีการทางประวัติศาสตรใ์ น How อยูใ่ นขนั้ ตอนใดของวิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์ ขน้ั ตอนการวิเคราะห์หลักฐาน ก. การนาเสนอขอ้ เท็จจริง/การนาเสนอองค์ ก. หนึง่ สืบค้นขอ้ มลู ทางประวัตศิ าสตร์ ความรู้ ข. สอง ตอบคาถามท่กี าหนดไวล้ ่วงหนา้ ค. สาม ประเมนิ ความน่าเชื่อถือของหลกั ฐาน ข. การเชือ่ มโยงความสัมพนั ธ์ของหลักฐาน ง. ส่ี มีการนาเสนอเรอื่ งท่ศี ึกษาอยา่ งมีเหตุมผี ล ค. การวเิ คราะห/์ ตีความ/ประเมนิ หลักฐาน 10. การประเมินคณุ ค่าของหลักฐาน ควรจะ ง. การกาหนดประเด็น/การตง้ั สมมุตฐิ าน พจิ ารณาจากสงิ่ ใดมากท่สี ด 7. เมอ่ื พ.ศ.2475 เกิดเหตุการณอ์ ะไรข้ึน สมชาย ก. ผ้สู รา้ งหลักฐาน คน้ หาหนงั สือทห่ี ้องสมุดและอินเทอรเ์ นต็ การ ข. ท่มี าของหลกั ฐาน กระทาของสมชายดังกลา่ วอยู่ในข้ันตอนใดของ ค. เวลาท่ีสรา้ งหลกั ฐาน วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ ง. สถานท่ที ่พี บหลักฐาน ก. การกาหนดปญั หา ข. การตคี วามหลักฐาน ค. การรวบรวมหลักฐาน ง. การเรยี บเรียงและการนาเสนอ 8. วิธกี ารใดจะช่วยในการประเมนิ ค่าของข้อมูล ก. นาข้อมูลที่ได้จากหลกั ฐานไปใหผ้ ู้เช่ียวชาญ ตรวจสอบ ข. นาข้อมูลทก่ี ล่าวถงึ เร่ืองเดยี วกนั จาก หลักฐานตา่ ง ๆ มาเปรยี บเทยี บ ค. ตรวจสอบเวลาสรา้ งหลกั ฐาน เพราะ หลักฐานทส่ี รา้ งข้ึนก่อนจะนา่ เช่ือถือ มากกว่า ง. ตรวจสอบการอ้างองิ จากหลักฐานชนั้ รอง หากหลกั ฐานใดถูกอา้ งองิ มากแสดงวา่ นา่ เชอื่ ถอื

5 ขั้นตอนวธิ ีกำรทำงประวตั ิศำสตร์ วธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์เป็นกระบวนการศึกษาประวัติศาสตร์ เพ่ือใหไ้ ด้ความรแู้ ละคาตอบที่เช่อื วา่ จะ สามารถสะท้อนข้อเทจ็ จรงิ เกี่ยวกบั อดีตได้ถูกต้องมากทส่ี ุด เนื่องจากหลกั ฐานเกี่ยวกบั อดีตประเภทตา่ ง ๆ มี จานวนมากและหลากหลาย ประกอบกบั เหตุการณ์ที่เกดิ ข้ึนในอดีตนัน้ สว่ นใหญ่ห่างไกลจากปจั จบุ ัน นอกจากน้ี บางคร้งั ยังพบว่าหลกั ฐานท่เี กี่ยวข้องกบั เหตกุ ารณเ์ ดียวกันมขี ้อมลู ขัดแยง้ กัน ดังนนั้ ผู้ศึกษาจึงต้องใช้เหตุผลใน การตรวจสอบความถกู ต้องของหลักฐานและนาไปใชอ้ ยา่ งถูกต้องโดยปราศจากอคติ ดงั นนั้ วธิ ีการศกึ ษาซงึ่ เรยี กวา่ วิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์ จงึ มีความสาคัญในการสรา้ งองค์ความรู้ทางประวตั ิศาสตร์ ควำมหมำยของวธิ กี ำรทำงประวตั ศิ ำสตร์ วธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์ หมายถงึ วธิ กี ารหรอื ข้ันตอนตา่ ง ๆ ท่ีใชใ้ นการศกึ ษาคน้ ควา้ วจิ ยั เกย่ี วกบั เร่อื งราวทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอาศัยจากหลักฐานทเ่ี ป็นลายลักษณ์อักษรเป็นสาคญั ประกอบกับ หลักฐานอน่ื ๆ เชน่ ภาพถา่ ย แถบบันทึกเสยี ง วดี ิทัศน์ หลกั ฐานโบราณคดี เป็นตน้ ท้งั นเ้ี พื่อให้สามารถฟืน้ อดีต หรอื จาลองอดตี ขึน้ มาใหม่ ได้อยา่ งถูกต้องสมบูรณ์และนา่ เชอื่ ถือ 1. กฎหมายตราสามดวง ทีม่ า : https://th.wikipedia.org/wiki/กฎหมายตราสามดวง

6 ควำมสำคัญของวธิ ีกำรทำงประวตั ศิ ำสตร์ วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์ มีความสาคญั คอื ทาให้เรื่องราว กจิ กรรม และเหตกุ ารณท์ ี่เกดิ ขนึ้ ใน ประวัติศาสตรม์ ีความน่าเชื่อถือ มคี วามถูกต้องเปน็ ความจรงิ หรือใกลเ้ คยี งความเป็นจรงิ มากทสี่ ุด เพราะ การศึกษาอยา่ งเปน็ ระบบ อย่างมีขน้ั ตอน มคี วามระมดั ระวัง รอบคอบ โดยผู้ได้รบั การฝึกฝนในระเบยี บวธิ กี าร ทางประวตั ศิ าสตร์มาดีแล้ว สาหรับการศึกษาประวตั ิศาสตรน์ ้นั มีปัญหาทสี่ าคญั อยูป่ ระการหน่ึง คือ อดีตที่มกี ารฟ้ืนหรอื จาลอง ขนึ้ มาใหม่นนั้ มีความถกู ต้อง สมบูรณ์ และเช่อื ถอื ไดเ้ พยี งใด รวมทั้งหลักฐานทเ่ี ป็นลายลักษณ์อักษรและไม่เปน็ ลายลักษณ์อักษรทนี่ ามาใช้ เป็นข้อมลู นั้น มคี วามสมบรู ณม์ ากนอ้ ยแค่ไหน เพราะเหตกุ ารณท์ างประวัตศิ าสตร์มี อยมู่ ากมายเกินกว่าที่จะศึกษาหรอื จดจาได้หมด แตห่ ลักฐานที่ใช้เป็นข้อมูลอาจมีเพยี งบางส่วน ดังน้นั วธิ ีการ ทางประวตั ศิ าสตร์จึงมคี วามสาคัญเพ่ือใช้เป็นแนวทางสาหรับผูศ้ ึกษา ประวัตศิ าสตร์ หรอื ผู้ท่จี ะฝกึ ฝนทกั ษะ ทางประวตั ิศาสตร์จะไดน้ าไปใช้ดว้ ยความรอบคอบ ระมัดระวงั ไม่ลาเอียง และเพ่ือให้เกดิ ความน่าเชอ่ื ถือ ประโยชน์ของวธิ ีกำรทำงประวตั ิศำสตร์ วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตรม์ ีประโยชน์ ทง้ั ตอ่ การศกึ ษาประวัติศาสตร์ทท่ี าให้ได้เรือ่ งราวทาง ประวตั ศิ าสตร์ทนี่ า่ เช่ือถือ ประโยชน์อกี ดา้ นหนงึ่ คอื ผู้ที่ได้รบั การฝกึ ฝนการใชว้ ิธกี ารทางประวตั ศิ าสตรจ์ ะทา ให้เปน็ คนละเอยี ด รอบคอบ มกี ารตรวจสอบเร่ืองราวท่ศี ึกษา รวมท้ังนามาปรับใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ โดยจะ ทาใหเ้ ปน็ ผู้รู้จกั ทาการประเมินเหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ ว่า มคี วามน่าเชอ่ื ถือเพียงใด หรือก่อนจะเชอ่ื ถือข้อมูลของใคร กน็ าวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ไปตรวจสอบก่อน 2. ภาพวาดสมเดจ็ พระนเรศวรไล่จับพระยาจีนจันตุ ท่มี า : http://thainationhistory.blogspot.com/p/blog-page_4858.html

7 ขน้ั ตอนวิธกี ำรทำงประวัติศำสตร์ การศึกษาประวัติศาสตร์ มีความเกีย่ วขอ้ งสมั พันธ์กับหลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์ กาลเวลา และนัก ประวตั ศิ าสตร์ ดังน้นั จาเป็นต้องมวี ธิ ีการในการรวบรวมคน้ คว้าหาข้อมูล เพ่อื นามาวิเคราะห์หาเหตผุ ลและ ข้อสรปุ ซึ่งจะเป็นข้อเท็จจรงิ ทางประวตั ิศาสตร์ทใี่ กลเ้ คียงกบั ความเปน็ จริงมากทส่ี ดุ โดยผู้ศกึ ษาทางด้าน ประวตั ิศาสตรใ์ ช้เพื่อการศกึ ษา ค้นคว้า และเรียบเรียงเหตุการณ์ทางประวตั ิศาสตรจ์ ากหลักฐานตา่ ง ๆ เพื่อให้ ไดข้ ้อมลู ท่ีมีความถูกต้องและชัดเจนมากที่สุด 3. วดี ทิ ศั นข์ ั้นตอนของวธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์ ทม่ี า : https://www.youtube.com/watch?v=rd9TAgnvO0k

8 ผงั มโนทศั น์องค์ประกอบของวิธกี ำรทำงประวตั ิศำสตร์ 1 การกาหนดประเด็น/การตงั้ สมมุติฐาน 2 การรวบรวมหลกั ฐาน อะไร เม่ือไร ที่ไหน ทาไม อย่างไร รวบรวมหลักฐานใหไ้ ด้มากท่ีสุดเพอ่ื จะได้ข้อมลู ท่ีครบถว้ น องคป์ ระกอบของวธิ ีกำรทำง 3 คดั เลอื กหลักฐาน ประวตั ิศำสตร์ ตรวจสอบหลักฐานอย่างรอบครอบมี ความเป็นกลางในการบันทกึ หลักฐาน การนาเสนอขอ้ เทจ็ จรงิ /การนาเสนอองค์ความรู้ 4 การวิเคราะห/์ ตีความ/ประเมิน 6 หลกั ฐาน หลกั ฐานชั้นต้น,หลกั ฐานชนั้ รอง -เปน็ ขัน้ ตอนสุดท้ายของวิธกี ารทาง 5 ประวตั ศิ าสตร์ การเชื่อมโยงความสัมพนั ธ์ของหลกั ฐาน -สรปุ เรยี บเรียงนาเสนอ -มีหลักฐานอ้างอิงชดั เจน การนาหลกั ฐานท่มี ีมาบูรณาการให้เห็นทมี่ าและ สัมพนั ธก์ บั แหล่งทางประวัติศาสตร์ -บอกที่มาของข้อมลู อย่างเปดิ เผย -สามารถตรวจสอบได้

9 วิธกี ำรทำงประวตั ศิ ำสตร์ วิธีการทางประวัติศาสตร์ (Historical Method) เป็นกระบวนการในการศึกษาคน้ คว้าเรอ่ื งราวทาง ประวตั ศิ าสตร์ โดยอาศยั การรวบรวมและวิเคราะหต์ ีความข้อมูลหลกั ฐานอย่างมีเหตุผล จากหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ นกั ประวตั ศิ าสตรศ์ ึกษาเรอ่ื งราวจากหลกั ฐานทีเ่ ป็นลายลกั ษณอ์ ักษรเปน็ หลัก และใช้หลักฐานท่ี ไมเ่ ป็นลายลักษณ์อักษรเป็นส่วนประกอบ เพอื่ ให้ได้องค์ความรูใหมบ่ นพื้นฐานของเหตุผลและการวิเคราะห์ อยา่ งเป็นระบบ วิธกี ารทางประวัติศาสตรน์ ั้นสามารถแบง่ ออกไดเ้ ปน็ 5 ข้นั ตอน ดังนี้ ข้นั ตอนท่ี 1 กำรกำหนดประเดน็ ปญั หำ/กำรตงั้ สมมุติฐำน เป็นขั้นตอนแรกของวธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ ในการกาหนดประเดน็ ที่จะศึกษา ผ้ศู ึกษาอาจกาหนดไว้ กวา้ งๆ ก่อนในตอนแรก แล้วจึงมกี ารกาหนดประเด็นให้แคบลงในภายหลงั เพื่อใหเ้ กดิ ความชัดเจนมากขึ้น ประเด็นปญั หาหรือเร่ืองทผี่ ศู้ ึกษาสนใจทจี่ ะศึกษานั้นมีอยู่หลากหลายและแตกตา่ งกัน ทัง้ นี้ขึ้นอยู่กบั ความ สนใจ และหลกั ฐานทีค่ น้ พบ อยา่ งไรกต็ าม ผศู้ ึกษาจะสามารถกาหนดหัวข้อและขอบเขตเร่ืองทต่ี ้องการศึกษา แต่ยังไมส่ ามารถพฒั นากระบวนการรวบรวมหลกั ฐานหรือการหาข้อมูลได้ จงึ จาเป็นต้องต้ังคาถามเพื่อนาไปสู่ การสบื ค้นข้อมูลหลักฐานเพื่อหาคาตอบ เปน็ การกาหนดเปา้ หมายทช่ี ดั เจนเก่ยี วกับประเด็นท่ตี ้องการศึกษา โดยมตี วั อย่างลักษณะการตงั้ คาถามเบือ้ งต้น ดังน้ี ใคร เปน็ เร่ืองราวท่ีเก่ียวข้องกับใคร อะไร เกดิ อะไรขน้ึ ในเหตุการณ์น้นั ทไี่ หน เกิดเหตกุ ารณข์ นึ้ ทไ่ี หน เมอ่ื ไร เหตุการณ์เกดิ ขน้ึ เมื่อไร ทาไม ทาไมจึงเกิดเหตุการณ์น้นั เปน็ คาถามที่สาคญั ทส่ี ุดใน การศึกษาประวตั ศิ าสตร์ อย่างไร เหตุการณน์ ้ันส่งผลอยา่ งไรในปัจจุบนั

10 4. วดี ทิ ัศนข์ ั้นตอนของวธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์ ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=rd9TAgnvO0k ข้ันตอนท่ี 2 กำรรวบรวมหลกั ฐำน การรวบรวมหลกั ฐาน คอื การรวบรวมหลกั ฐานท่เี กีย่ วขอ้ งกับหวั ขอ้ ท่จี ะศึกษา ทั้งหลักฐานที่เป็นลาย ลกั ษณ์อกั ษรและไมเ่ ปน็ ลายลักษณ์อกั ษร การรวบรวมหลักฐาน ผู้ศกึ ษาตอ้ งทราบวา่ แตล่ ะประเภทมีความสาคัญแตกต่างกนั กล่าวคอื หลกั ฐาน ชัน้ ตน้ มีความสาคญั และมีความน่าเช่ือถือมากกวา่ หลักฐานชั้นรอง แตห่ ลกั ฐานช้ันรองก็จะเป็นตัวชว่ ยอธบิ าย เรื่องราวให้เข้าใจง่ายกวา่ หลักฐานช้นั ต้น ดงั นน้ั การรวบรวมหลักฐานจึงควรเร่มิ จากหลักฐานช้นั รอง แล้วจึง ศกึ ษาหลักฐานชน้ั ตน้ ถา้ เป็นหลกั ฐานที่ไมเ่ ป็นลายลักษณ์อักษรก็ควรเรมิ่ จากการศึกษาผลงานของนักวชิ าการท่ี เชย่ี วชาญกอ่ นท่ไี ปศึกษาจากสถานท่ีจริงหรือของจริง ขนั้ ตอนท่ี 3 กำรประเมนิ คณุ คำ่ ของหลักฐำน การประเมินคุณคา่ ของหลักฐาน หลักฐานทางประวัติศาสตร์จะนามาใชใ้ นการศึกษาคน้ คว้าจะต้อง ผา่ นการประเมินคุณคา่ ก่อนว่ามคี วามน่าเช่อื ถือและมคี ณุ ค่ามากน้อยเพียงใด ซ่ึงเรียกอีกอยา่ งหนง่ึ วา่ “วิพากษ์ วิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์” มี 2 วธิ ี ได้แก่ 1) การประเมินคุณค่าภายนอกหรือวพิ ากษ์ภายนอก โดยประเมินหรอื วิพากษจ์ ากลักษณะทั่วไปของ หลักฐานนน้ั วา่ เป็นของจรงิ หรือของปลอม

11 2) การประเมนิ คุณคา่ ภายในหรอื การวิพากษ์ภายใน โดยประเมนิ หรอื วิพากษ์ข้อมูลในหลักฐานว่ามี ความเชอ่ื ถือมากน้อยเพยี งใด มขี อ้ มลู ที่กล่าวหาว่าไมถ่ ูกตอ้ ง ในการประเมินคุณคา่ ของหลักฐานนัน้ สามารถทา พร้อมกนั ได้ทั้งสองวธิ ี ซง่ึ จะช่วยให้ประหยดั เวลาในการศึกษา ขัน้ ตอนท่ี 4 กำรวเิ ครำะห์ สังเครำะห์ และจัดหมวดหมู่ขอ้ มูล ในขน้ั ตอนนผ้ี ู้ศกึ ษาต้องศกึ ษาขอ้ มลู จากหลกั ฐานท่ีถูกประเมนิ คา่ แลว้ วา่ ถูกต้องและมีความนา่ เช่อื ถือ โดยทราบอย่างชดั เจนแล้วว่าหลกั ฐานนน้ั ให้ข้อมูลทางประวัตศิ าสตรอ์ ะไรบ้าง แล้วนาข้อมูลทีได้มาจดั หมวดหมู่ เชน่ ความเป็นมาของเหตุการณ์ สาเหตุของเหตกุ ารณ์ รายละเอยี ดของเหตกุ ารณ์ และผลของเหตุการณน์ ัน้ ท้ัง ผลดีและผลเสยี จากน้นั ผศู้ ึกษาต้องหาความสัมพนั ธ์ของประเด็นตา่ ง ๆ และตคี วามขอ้ เท็จจรงิ ของข้อมลู โดย การนาหลักฐานท่มี ีความสมั พันธก์ ันมาประกอบการศึกษาซ่ึงจะช่วยให้ผ้ศู กึ ษาสามารถตีความหลักฐานได้ดี ย่ิงข้นึ และควรนาหลักฐานชนั้ รองท่ีมผี ู้ศกึ ษาไว้แล้วมาวเิ คราะหเ์ ปรียบเทยี บด้วย ข้ันตอนท่ี 5 กำรเรียบเรียงหรอื กำรนำเสนอ การเรยี บเรยี งและการนาเสนอจดั เป็นข้นั ตอนสดุ ท้ายของวิธกี ารทางประวัติศาสตร์ ซึ่งมีความสาคญั มาก โดยผศู้ ึกษาประวัติศาสตรจ์ ะตอ้ งนาข้อมลู ทงั้ หมดมารวบรวมและเรียบเรียง พรอ้ มนาเสนอให้ตรงกับ ประเดน็ หรอื หัวเรื่องที่ตนเองสงสยั ตอ้ งการอยากรเู้ พ่ิมเติม ท้ังจากความรูเ้ ดมิ และความรู้ใหม่ รวมไปถึง ความคิดใหมท่ ีไ่ ดจ้ ากการศึกษาครง้ั น้ี ซง่ึ เทา่ กบั เป็นการรื้อฟืน้ หรือจาลองเหตุการณ์ทางประวัตศิ าสตร์ขนึ้ มา ใหม่อยา่ งถกู ต้องและเป็นกลาง ในขั้นตอนการนาเสนอ ผศู้ ึกษาควรอธบิ ายเหตกุ ารณอ์ ย่างมีระบบและมีความสอดคล้องต่อเนื่องเป็น เหตุเป็นผล มีการโตแ้ ย้งหรือสนบั สนนุ ผลการศึกษาวิเคราะห์แต่เดมิ โดยมีข้อมูลสนบั สนุนอยา่ งมนี า้ หนักเป็น กลาง และสรุปผลการศึกษาว่าสามารถใหค้ าตอบท่ผี ศู้ กึ ษามคี วามสงสัย อยากร้เู พียงใด หรือมขี อ้ เสนอแนะให้ สาหรบั ผศู้ ึกษาต่อไปอยา่ งไร

12 จะเห็นได้ว่า วธิ ีการศึกษาประวัตศิ าสตร์ เปน็ วิธีการศึกษาประวตั ิศาสตร์อย่างเปน็ ระบบ มคี วาม ระมัดระวังรอบคอบ มีเหตผุ ลและเป็นกลาง ซ่อื สัตยต์ ่อข้อมูลตามหลักฐานทค่ี น้ ควา้ มาอาจกล่าวไดว้ า่ วธิ กี าร ทางประวตั ศิ าสตรเ์ หมอื นกับ “วิธีการทางวทิ ยาศาสตร์” จะแตกตา่ งกนั ก็เพยี งวิธกี ารทางวิทยาศาสตรส์ ามารถ ทดลองไดห้ ลายครั้ง จนเกิดความแน่ใจในผลการทดลอง แต่เหตุการณท์ างประวตั ศิ าสตร์ไมส่ ามารถทาให้ เกดิ ข้นึ ใหม่ได้อีก ผู้ศึกษาประวตั ิศาสตร์ทด่ี ีจึงเป็นผฟู้ ้ืนอดีตหรอื จาลองอดตี ให้มคี วามถูกต้องและสมบรู ณท์ สี่ ดุ โดยใชว้ ิธีการทางประวตั ศิ าสตร์ เพื่อใหเ้ กิดความเข้าใจในอดีต อันจะนามาสู่ความเข้าใจในปจั จบุ นั วธิ ีกำรทำงวิทยำศำสตร์ เป็นวธิ กี ารแสวงหาความรหู้ รือแก้ปัญหาทางวทิ ยาศาสตร์อย่างเป็นระบบและมลี าดับขัน้ ตอน ดงั น้ี 1. การต้ังปญั หา 2. การสร้างสมมตุ ิฐาน 3. การตรวจสอบสมมตุ ิฐานหรือขน้ั ทดลอง 4. การวเิ คราะห์ข้อมูล 5. การสรุปผล 4. วดี ิทศั น์ข้นั ตอนของวิธีการทางประวัตศิ าสตร์ ท่ีมา : https://www.youtube.com/watch?v=rd9TAgnvO0k

13 บรรณำนุกรม กระทรวงศึกษาธิการ. หลกั สูตรแกนกลำงกำรศกึ ษำข้ันพ้ืนฐำน พุทธศักรำช 2551. กรงุ เทพฯ : ชุมนุม สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จากัด, 2552. สานกั วิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา. ตวั ช้วี ดั และสำระกำรเรยี นร้สู งั คมศึกษำ ศำสนำ และวฒั นธรรม ตำม หลักสูตรแกนกลำงกำรศกึ ษำขั้นพน้ื ฐำน พุทธศักรำช 2551. กรุงเทพฯ : ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย จากัด, 2552. สานักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. แนวปฏบิ ัตกิ ำรวดั และประเมินผลกำรเรยี นรู้. : ชมุ นุมสหกรณ์ การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จากดั , 2552. สานกั วิชาการและมาตรฐานการศึกษา. แนวทำงกำรจัดกจิ กรรมกำรเรยี นร้เู พอ่ื พัฒนำทักษะกำรคิดตำม หลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้นั พ้ืนฐำน พุทธศกั รำช 2551 กลมุ่ สำระกำรเรียนรูส้ งั คมศกึ ษำ ศำสนำ และวัฒนธรรม ระดับมัธยมศึกษำ. : ชมุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จากดั , 2552. ชมพูนทุ นาทีรักษ์ และคณะ. ประวัตศิ ำสตร์ เลม่ 1 ประวัติศำสตรไ์ ทย : เวลาและยุคสมัยทางประวัตศิ าสตร์ ประเด็นวภิ าคบคุ คลสาคัญ และภูมปิ ญั ญาไทย . กรุงเทพฯ : พัฒนาคุณภาพวิชาการ, 2551. ธีระ นุชเป่ียม. ประวตั ศิ ำสตรไ์ ทย. กรงุ เทพฯ : สานกั พิมพ์แมค็ , 2551. ประสทิ ธิ์ เอื้อตระกูลวทิ ย.์ ประวตั ิศำสตรไ์ ทย 4-6. กรุงเทพฯ: สานกั พิมพเ์ อมพันธ์, 2551. สพุ รรณี ชะโลธร และคณะ. ประวัติศำสตร์. กรุงเทพฯ : สานกั พิมพป์ ระสานมติ ร (ปสม.) , 2551.

14 ภำคผนวก

15 ชื่อ – สกลุ กระดำษคำตอบแบบทดสอบ ................................................................................. ชั้น ................ เลขท่ี ........ คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนเลือกคำตอบท่ีถูกต้องเพียงคำตอบเดียว โดยทำเคร่ืองหมำย x ลงในกระดำษคำตอบ ขอ้ ก ข ค ง 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. คะแนนทไ่ี ด้ สรปุ ผลกำรประเมนิ ให้นักเรียนกรอกคะแนนก่อนเรียน ลงในชอ่ งสรปุ ผลการประเมิน และใหค้ ดิ ระดับคุณภาพ ตามเกณฑ์การตัดสิน แลว้ กรอกลงตรงทก่ี าหนดให้ เกณฑ์การตดั สิน ระดบั คณุ ภาพ สรปุ ผลกำรประเมิน ระดับ 0-1 คะแนน ปรบั ปรงุ ระดับ 2-4 คะแนน พอใช้ ( ) ผา่ น ( ) ไมผ่ า่ น ระดับ 5-7 คะแนน ดี .................. ………………… คะแนนท่ไี ด้ ระดบั คณุ ภาพ ระดบั 8-10 คะแนน ดมี าก

16 เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยกำรเรียน กำรสร้ำงองคค์ วำมรใู้ หม่ทำงประวตั ศิ ำสตรไ์ ทย เลม่ ที่ 2 เร่ือง ข้นั ตอนวธิ กี ำรทำงประวตั ศิ ำสตร์ ขอ้ คำตอบ 1. ข 2. ค 3. ง 4. ก 5. ง 6. ง 7. ค 8. ข 9. ค 10. ก

17 กจิ กรรมท่ี 1 วิธีกำรทำงประวัตศิ ำสตร์ คำช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นอธบิ ำยข้ันตอนของวิธีกำรทำงประวัตศิ ำสตรแ์ ต่ละขั้นมำพอสังเขป ขน้ั ท่ี 1 ........................................................... ขน้ั ที่ 2 ........................................................... ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ วิธีกำรทำงประวัตศิ ำสตร์ ขน้ั ท่ี 3 ........................................................... ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ข้ันท่ี 5 ........................................................... ขัน้ ท่ี 4 ........................................................... ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................

18 กิจกรรมที่ 1 แนวคำตอบวิธีกำรทำงประวตั ศิ ำสตร์ คำชแี้ จง ให้นักเรยี นอธบิ ำยขน้ั ตอนของวิธกี ำรทำงประวัตศิ ำสตรแ์ ตล่ ะขน้ั มำพอสังเขป ข้นั ที่ 1 การกาหนดหัวเรือ่ ง เปน็ ข้ันตอนแรก ข้นั ที่ 2 การรวบรวมหลักฐาน ควรรวบรวมทัง้ ของวธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ ผู้ศกึ ษาจะต้อง หลกั ฐานชั้นต้นและหลักฐานชนั้ รอง เก่ียวกบั กาหนดหวั เร่ืองให้กว้างก่อนแลว้ คอ่ ย เรอ่ื งที่เราอยากรหู้ รือสนใจให้ไดม้ ากที่ กาหนดให้แคบลงในภายภายหลงั เพือ่ ให้เกิด ความสะดวกในการศึกษาค้นควา้ วิธีกำรทำงประวตั ิศำสตร์ ขัน้ ท่ี 3 การประเมินคุณคา่ ของหลักฐาน เป็น การประเมนิ ความถูกต้องและนา่ เชือ่ ถอื ของ หลกั ฐานเพราะหลักฐานบางอยา่ งอาจเปน็ ของ ปลอมหรือเขยี นข้นึ โดยบคุ คลทไ่ี ม่มีความรูใ้ น เร่อื งน้นั จรงิ รวมท้ังการไมว่ างตัวเป็นกลางของ ผเู้ ขียนทาใหไ้ ด้ข้อมูลปดิ เบือนไปจากความจริง ข้นั ท่ี 5. การวเิ คราะหแ์ ละสังเคราะหข์ ้อมูล ขน้ั ที่ 4 การจัดหมวดหมูแ่ ละตคี วาม เปน็ การ เป็นข้นั ตอนสดุ ทา้ ยของวิธีการทาง พจิ ารณาข้อมลู ในหลกั ฐานวา่ ผสู้ รา้ งหลักฐานมี ประวัตศิ าสตร์ ซึ่งผูศ้ ึกษาคน้ คว้าจะต้องเรียบ จดุ หมายเบ้อื งต้นอยา่ งไร มจี ุดหมายแผง เรียงเรอ่ื ง หรอื นาเสนอข้อมลู ในลักษณะท่ีเป็น หรอื ไม่ จากนั้นจึงนาข้อมูลมาแยกประเภทโดย การตอบหรืออธิบายความอยากรู้ ข้อสงสยั เรยี นเหตุการณต์ ามลาดบั เวลากอ่ นหลงั หรอื ตลอดจนความรู้ใหม่ความคดิ ใหม่ที่ได้จาก จัดเหตกุ ารณเ์ รื่องเดียวกนั และเกี่ยวข้อง การศึกษาคน้ คว้าน้นั สมั พันธก์ ันไว้ดว้ ยกันเพ่ือความสะดวกในการ สงั เคราะห์

19 กจิ กรรมที่ 2 วธิ กี ำรทำงประวัตศิ ำสตร์ ให้นักเรยี นวิเคราะหข์ ้อมูลท่ีกาหนดใหว้ า่ อยู่ในขน้ั ตอนใดของวิธีการทางประวตั ิศาสตร์ แลว้ นาหมายเลขไปใสไ่ วใ้ นหน้าข้อความทถี่ ูกต้อง คำชี้แจง 1 2 3 การรวบรวมหลกั ฐาน การกาหนดหัวเรื่องที่จะ การประเมนิ คณุ ค่าของหลกั ฐาน ศึกษา 4 5 การวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และจดั หมวดหมู่ การเรียบเรียงหรอื การนาเสนอ ....... 1. กร อธิบายเรือ่ งท่ีจะศึกษาอยา่ งมรี ะบบและมีความสอดคล้องต่อเนือ่ งเปน็ เหตเุ ปน็ ผล ....... 2. การ คน้ พบข้อมูลจากหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ประเภทหลักฐานชนั้ ตน้ และหลักฐานช้ันรอง ....... 3. กงิ่ นาข้อมลู ท้ังหลายมาตคี วามว่า มีข้อเทจ็ จรงิ ใดท่ีซ่อนเร้น อาพรางหรอื ไม่กล่าวถงึ ....... 4. แก้ว กาหนดแนวทางในการคน้ หาเร่อื งราวท่เี กดิ ข้ึนในอดตี ....... 5. กนก รวบรวม คัดเลอื ก ตรวจสอบและประเมนิ ค่าความน่าเชอื่ ถือของหลักฐาน ....... 6. ไก่ ตอ้ งการทราบว่า รัชกาลท่ี 1 ทรงฟื้นฟบู า้ นเมืองในดา้ นใด ....... 7. เกนหลง สมั ภาษณป์ า้ แพว้ เกยี่ วกับการทาตุ๊กตาชาววังท่ตี าบลบางเสด็จ อาเภอปา่ โมกข์ จังหวัดอา่ งทอง ....... 8. จินดา เขยี นรายงานเหตุผลการยา้ ยราชธานีของสมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราช ....... 9. ลดา วเิ คราะห์ว่า พระราชพงศาวดารกรุงรตั นโกสินทร์ รชั กาลท่ี 1 มีจดุ หมายแฝงคือ การยกยอ่ ง เชดิ ชพู ระปรีชาสามารถทางการทหารของรัชกาลท่ี 1 ....... 10. พร ประเมนิ จดหมายเหตคุ วามทรงจาของกรมหลวงนรนิ ทรเทวีว่า เป็นหลักฐานท่ีนา่ เชือ่ ถือเพราะ เปน็ เอกสารส่วนบุคคล

20 กิจกรรมที่ 2 แนวคำตอบ วิธกี ำรทำงประวตั ศิ ำสตร์ ให้นักเรียนวเิ คราะห์ข้อมลู ท่ีกาหนดให้วา่ อยู่ในขน้ั ตอนใดของวิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์ แล้วนาหมายเลขไปใส่ไวใ้ นหนา้ ข้อความทีถ่ ูกต้อง คำชี้แจง 1 2 3 การรวบรวมหลกั ฐาน การกาหนดหัวเรือ่ งทจ่ี ะ การประเมินคณุ คา่ ของหลักฐาน ศกึ ษา 4 5 การวเิ คราะห์ สังเคราะห์ และจดั หมวดหมู่ การเรียบเรยี งหรือการนาเสนอ ...5.... 1. กร อธิบายเรื่องท่จี ะศกึ ษาอย่างมีระบบและมคี วามสอดคล้องต่อเนื่องเป็นเหตุเปน็ ผล ...2.... 2. การ คน้ พบข้อมลู จากหลกั ฐานทางประวัติศาสตรป์ ระเภทหลักฐานชั้นต้นและหลกั ฐานชนั้ รอง ...3.... 3. กง่ิ นาขอ้ มลู ท้งั หลายมาตคี วามวา่ มีข้อเทจ็ จรงิ ใดท่ีซอ่ นเร้น อาพรางหรือไม่กล่าวถึง ...1.... 4. แกว้ กาหนดแนวทางในการค้นหาเรื่องราวท่ีเกิดข้ึนในอดีต ...3.... 5. กนก รวบรวม คดั เลอื ก ตรวจสอบและประเมินค่าความน่าเชอ่ื ถอื ของหลักฐาน ...1.... 6. ไก่ ต้องการทราบว่า รัชกาลท่ี 1 ทรงฟน้ื ฟบู ้านเมืองในดา้ นใด ....2... 7. เกนหลง สมั ภาษณ์ป้าแพ้วเก่ยี วกบั การทาตุ๊กตาชาววงั ท่ตี าบลบางเสด็จ อาเภอป่าโมกข์ จงั หวดั อ่างทอง ...4.... 8. จินดา เขียนรายงานเหตผุ ลการยา้ ยราชธานีของสมเดจ็ พระเจ้าตากสนิ มหาราช ....4... 9. ลดา วิเคราะห์วา่ พระราชพงศาวดารกรงุ รัตนโกสนิ ทร์ รัชกาลที่ 1 มีจุดหมายแฝงคอื การยกย่อง เชิดชพู ระปรชี าสามารถทางการทหารของรัชกาลที่ 1 ...3.... 10. พร ประเมนิ จดหมายเหตคุ วามทรงจาของกรมหลวงนรนิ ทรเทววี า่ เปน็ หลักฐานทีน่ ่าเชอื่ ถือเพราะ เปน็ เอกสารส่วนบุคคล

21 กิจกรรมที่ 3 ขนั้ ตอนวิธกี ำรทำงประวัตศิ ำสตร์ 1 การกาหนดหัวเร่อื งที่จะศกึ ษา 2 การรวบรวมหลกั ฐาน 3 การประเมนิ คุณค่าของหลักฐาน 4 การวเิ คราะห์ สงั เคราะห์และการจดั หมวดหมู่ขอ้ มูล 5 การเรียบเรยี งการนาเสนอ 1. การประเมินความถกู ตอ้ งและความสาคญั ของหลกั ฐาน กรอบที่ ............................ 2. การเลอื กเร่ืองหรือประเด็นทตี่ นเองสนใจหรืออยากรู้ กรอบที่ ............................ 3. การนาเสนอความรูใ้ หมท่ ี่ไดจ้ ากการศกึ ษาค้นควา้ ในรปู แบบการเขยี นรายงานอยา่ งมีเหตุผล กรอบท่ี ............................ 4. การนาขอ้ มูลมาวิเคราะหโ์ ดยเรียงเหตุการณ์ตามลาดับเวลากอ่ น-หลงั และนามาสงั เคราะห์โดยจดั เหตกุ ารณท์ ี่เกี่ยวขอ้ งกันไวด้ ว้ ยกัน กรอบท่ี ............................ 5. การรวบรวมหลักฐานในหัวข้อทต่ี ้องการศึกษาทั้งหลักฐานชน้ั ตน้ และหลกั ฐานชนั้ รอง กรอบที่ ............................

22 กิจกรรมที่ 3 แนวคำตอบข้ันตอนวธิ กี ำรทำง ประวตั ศิ ำสตร์ 1 การกาหนดหวั เรือ่ งท่ีจะศึกษา 2 การรวบรวมหลักฐาน 3 การประเมนิ คุณคา่ ของหลกั ฐาน 4 การวเิ คราะห์ สงั เคราะห์และการจดั หมวดหมู่ข้อมูล 5 การเรียบเรียงการนาเสนอ 1. การประเมินความถูกต้องและความสาคญั ของหลักฐาน กรอบท่ี ............3................ 2. การเลอื กเร่ืองหรอื ประเด็นทต่ี นเองสนใจหรืออยากรู้ กรอบท่ี ............1................ 3. การนาเสนอความรู้ใหมท่ ี่ไดจ้ ากการศึกษาค้นควา้ ในรปู แบบการเขยี นรายงานอยา่ งมีเหตุผล กรอบที่ .............5............... 4. การนาขอ้ มลู มาวิเคราะห์โดยเรยี งเหตุการณ์ตามลาดับเวลาก่อน-หลงั และนามาสังเคราะห์โดยจดั เหตกุ ารณ์ทเี่ ก่ียวข้องกนั ไวด้ ้วยกัน กรอบที่ ..........4.................. 5. การรวบรวมหลกั ฐานในหวั ขอ้ ท่ตี ้องการศึกษาทงั้ หลักฐานช้นั ต้นและหลกั ฐานช้นั รอง กรอบท่ี ..........2..................

23 แบบทดสอบหลังเรียน รหัส31103 เอกสำรประกอบกำรเรียนวชิ ำประวตั ิศำสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษำปที ่ี 4 หน่วยกำรเรียน กำรสรำ้ งองคค์ วำมร้ใู หม่ทำงประวตั ศิ ำสตรไ์ ทย เวลำ 10 นำที เล่มท่ี 2 เร่ือง ขน้ั ตอนวิธีกำรทำงประวตั ศิ ำสตร์ คำช้แี จง ใหน้ ักเรียนเลอื กคำตอบท่ีถกู ต้องเพียงคำตอบเดยี ว โดยทำเคร่ืองหมำย x ลงในกระดำษคำตอบ 1. ลาดับขั้นตอนในข้อใดถูกตอ้ งตามวิธีการทาง 3. ข้อใดเปน็ ขน้ั ตอนแรกของวธิ กี ารทาง ประวัตศิ าสตร์ ประวตั ศิ าสตร์ ก. กาหนดหัวเรอ่ื ง ประเมินคุณคา่ ของหลักฐาน ก. การคน้ หาข้อมูลและรวบรวมหลักฐาน จดั หมวดหมู่ขอ้ มลู รวบรวมหลกั ฐาน เรียบ ข. การอธิบายที่มเี หตุผล และมีคาตอบท่ชี ัดเจน เรยี งและมาถงึ ปัจจุบัน ค. การตงั้ คาถาม และกาหนดประเด็น ข. กาหนดหัวเรอื่ ง รวบรวมหลกั ฐาน จัด การศกึ ษา หมวดหมู่ขอ้ มลู ประเมินคณุ คา่ ของหลกั ฐาน ง. การแสวงหาความหมายและความสัมพันธ์ เรยี บเรยี งและนาเสนอข้อมลู ของข้อมลู ค. เรยี บเรยี งและนาเสนอข้อมูล กาหนดหวั 4. เพราะเหตุใดจงึ ต้องใช้วิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์ เรือ่ ง รวบรวมหลกั ฐาน ขดั หมวดหม่ขู ้อมูล ศกึ ษาเหตุการณ์ทางประวัตศิ าสตร์ ประเมินคณุ คา่ ของหลักฐาน ก. เข้าใจข้นั ตอนในการศึกษาประวตั ิศาสตร์ ง. กาหนดหัวเรอื่ ง รวบรวมหลกั ฐาน ประเมิน ข. หาความจรงิ จากข้อเท็จจริงทาง คณุ คา่ ของหลกั ฐาน จัดหมวดหมขู่ ้อมลู เรยี บ ประวตั ศิ าสตร์ เรยี งและนาเสนอ ค. จัดหมวดหมขู่ ้อมลู จากหลักฐานทาง 2. การรวบรวมหลกั ฐานมคี วามสัมพนั ธก์ ับการ ประวตั ิศาสตร์ กาหนดหัวขอ้ เรื่องท่ีศึกษาอย่างไร ง. หาจดุ ประสงคข์ องผ้สู ร้างหลกั ฐานทาง ก. ไมม่ ีความสมั พนั ธก์ นั ประวัตศิ าสตร์ ข. ช่วยทาให้หัวเร่ืองสน้ั และกระชบั ขึ้น ค. จะกาหนดหวั เร่ืองจากหลกั ฐานท่รี วบรวมได้ ง. รวบรวมหลักฐานทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับหัวเร่ืองและ มีการกาหนดประเดน็ ในการศกึ ษา

24 5. การกาหนดหวั ขอ้ เร่ืองที่จะศึกษาจากความสนใจ 9. เมือ่ พ.ศ.2475 เกิดเหตุการณ์อะไรขนึ้ สมชาย มปี ระโยชน์อย่างไร คน้ หาหนังสือท่ีห้องสมุดและอินเทอร์เนต็ การ ก. ทาให้มแี รงกระตนุ้ ในการศึกษาอยา่ ง กระทาของสมชายดงั กลา่ วอยู่ในขนั้ ตอนใดของ ตอ่ เนื่อง วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ ข. ทาให้เกิดการสรา้ งองคค์ วามร้ใู หม่ได้ ก. การกาหนดปัญหา ค. ทาใหศ้ ึกษาเรอ่ื งที่ตา่ งจากคนอน่ื ข. การตคี วามหลกั ฐาน ง. ทาให้สะดวกในการศึกษา ค. การรวบรวมหลักฐาน 6. ข้อความวา่ What When Where Why และ ง. การเรยี บเรยี งและการนาเสนอ How อยูใ่ นขัน้ ตอนใดของวธิ ีการทางประวัติศาสตร์ 10. บคุ คลในข้อใดใชว้ ิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์ใน ก. การนาเสนอขอ้ เทจ็ จริง/การนาเสนอองค์ ขน้ั ตอนการวิเคราะหห์ ลกั ฐาน ความรู้ ก. หนึ่ง สืบค้นขอ้ มูลทางประวตั ิศาสตร์ ข. การเชือ่ มโยงความสมั พันธ์ของหลักฐาน ข. สอง ตอบคาถามทีก่ าหนดไวล้ ่วงหนา้ ค. การวิเคราะห/์ ตคี วาม/ประเมินหลักฐาน ค. สาม ประเมินความน่าเช่อื ถือของหลกั ฐาน ง. การกาหนดประเด็น/การตง้ั สมมุตฐิ าน ง. สี่ มีการนาเสนอเรื่องที่ศกึ ษาอยา่ งมีเหตุมีผล 7. การประเมินคุณคา่ ของหลกั ฐาน ควรจะพจิ ารณา จากสิง่ ใดมากท่ีสด ก. ผสู้ รา้ งหลักฐาน ข. ท่มี าของหลกั ฐาน ค. เวลาที่สรา้ งหลกั ฐาน ง. สถานท่ีท่ีพบหลกั ฐาน 8. วิธีการใดจะชว่ ยในการประเมินค่าของข้อมูล ก. นาข้อมูลท่ีไดจ้ ากหลกั ฐานไปใหผ้ ู้เชย่ี วชาญ ตรวจสอบ ข. นาขอ้ มูลทก่ี ลา่ วถงึ เรื่องเดยี วกนั จาก หลกั ฐานต่าง ๆ มาเปรียบเทยี บ ค. ตรวจสอบเวลาสรา้ งหลกั ฐาน เพราะ หลักฐานท่สี รา้ งขน้ึ กอ่ นจะนา่ เชื่อถือ มากกว่า ง. ตรวจสอบการอา้ งอิงจากหลักฐานช้นั รอง หากหลักฐานใดถกู อา้ งองิ มากแสดงวา่ นา่ เชื่อถอื

25 เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยกำรเรียน กำรสร้ำงองคค์ วำมร้ใู หม่ทำงประวตั ิศำสตรไ์ ทย เลม่ ที่ 2 เร่ือง ขั้นตอนวิธีกำรทำงประวัติศำสตร์ ข้อ คำตอบ 1. ง 2. ง 3. ค 4. ข 5. ก 6. ง 7. ก 8. ข 9. ค 10. ค

26 ใบบนั ทกึ คะแนน หนว่ ยกำรเรยี น 2 กำรสรำ้ งองคค์ วำมรใู้ หม่ทำงประวตั ศิ ำสตรไ์ ทย เลม่ ที่ 2 เรื่อง ขัน้ ตอนวธิ กี ำรทำงประวตั ศิ ำสตร์ คะแนนทีไ่ ด้ ................... ชื่อ – สกุล ................................................................................ ชนั้ ................. เลขที่ ............ ท่ี กจิ กรรม คะแนน คะแนนทไี่ ด้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน 10 2. กจิ กรรมท่ี 1 10 3. กิจกรรมท่ี 2 10 4. กจิ กรรมท่ี 3 10 5. แบบทดสอบหลงั เรียน 10 50 รวม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook