Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สรุปเนื้อหาพืชน่ารู้

สรุปเนื้อหาพืชน่ารู้

Published by thadsaneeputnok2020, 2020-06-01 02:57:23

Description: สรุปเนื้อหาพืชน่ารู้

Search

Read the Text Version

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 พืชน่ารู้ สาหรบั นกั เรียนชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จดั ทาโดย นางสาวทศั นี พฒุ นอก ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะครชู านาญการ โรงเรยี นหนองจอกพิทยานสุ รณ์ สานกั งานเขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร

ก คานา หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 กาหนดให้มกี ารจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ใหผ้ ู้เรียน ได้ลงมือปฏบิ ัติ เพื่อใหผ้ ู้เรียนได้ใช้ทักษะทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะในศตวรรษ ที่ 21 ส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาความคิดในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบ เสาะหาความรู้ รวมท้ังปลูกฝัง คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์อย่างสร้างสรรค์ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ดังนั้น ครูผู้สอนจะต้องพัฒนากระบวนการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ ให้กับผู้เรียน ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาศักยภาพของตนเอง โดยการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่เน้น ผเู้ รียนเปน็ สาคัญ หนังสอื อ่านเพ่ิมเตมิ น้ีจดั ทาขนึ้ เพื่อส่งเสรมิ การเรียนรู้ สาระที่ 1 วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ ตวั ช้ีวัด ว 1.2 ป.4/1 บรรยายหนา้ ทีข่ องราก ลาต้น ใบ และดอก ของพืชดอก โดยใชข้ อ้ มูลที่ รวบรวมได้ และ ว 1.3 ป.4/2 จำแนกพืชออกเป็นพชื ดอกและพืชไม่มดี อก โดยใช้กำรมีดอกเป็น เกณฑ์ โดยใชข้ อ้ มลู ท่ีรวบรวมได้ ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่า หนังสืออ่านเพ่ิมเติมฉบับนี้จะเป็นประโยชน์สูงสุดในการท่ีจะ พัฒนาผู้เรียนให้บรรลุผลจุดประสงค์การเรียนรู้ และส่งผลให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามมาตรฐานการ เรยี นรู้และตัวชีว้ ดั ของหลกั สูตรกลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ต่อไป ทัศนี พฒุ นอก ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการ

สารบญั ข เรือ่ ง หน้า คานา ก สารบญั ข การจาแนกพชื 1 หน้าทส่ี ว่ นต่างๆ ของพืชดอก 6 รากพชื นา่ รู้ 7 ลาต้นพชื น่ารู้ 8 ใบพชื นา่ รู้ 9 ดอกไมน้ ่ารู้ 11 บรรณานกุ รม 13

1 การจาแนกพชื พชื รอบตวั เรามมี ากมายหลายชนิด พชื บาง ชนดิ ตน้ สูงใหญ่ พชื บางชนิดตน้ เล็ก พชื บางชนิด มีดอก บางชนิดไม่มีดอก พืชแต่ละชนิดมีลักษณะบางอย่าง เหมือนกัน และมีลักษณะบางอย่าง แตกต่างกัน ดังนั้น เพ่ือให้ง่ายต่อการศึกษา นักวิทยาศาสตร์ได้แยกพืช ออกเป็น 2 ประเภท ตาม การมดี อก โดยแบง่ เปน็ พชื มีดอกและพชื ไมม่ ดี อก พืชไมม่ ีดอก เป็นพืชท่ีมีสว่ นประกอบตา่ งๆ ไมค่ รบ คือ ไม่มีดอก ผล และเมลด็ อาจมีราก ลาตน้ และใบเหมือนพชื ดอก ตัวอย่างพชื ไม่มดี อกเชน่ มอส ปรง เฟนิ แปะกว๊ ย เฟิรน์ ตน้ ปรง ท่มี า : http://www.thaigoodview.com/node/47328 แปะ๊ กว๊ ย ทม่ี า : http://www.thaigoodview.com/node/47328

2 มอสส์ หญา้ ถอดปล้อง ผกั แวน่ ชายผ้าสีดา เฟิรน์ ข้าหลวงหลังลาย เฟริ น์ ก้านดา จอกหูหนู แหน ย่านลเิ ภา ผกั กดู ทม่ี า : http://tc.mengrai.ac.th/rungrat/page5/plant1.htm พชื ดอก เป็นพชื ท่มี สี ว่ นประกอบตา่ งๆ ครบ คือ มรี าก ลาตน้ ใบ ดอก ผล และเมลด็ เม่ือ เจรญิ เติบโตเต็มทแ่ี ลว้ จะมีดอก เชน่ กหุ ลาบ ชบา ทานตะวนั มะมว่ ง มะพร้าว มะเขอื มะเขือเทศ ตะไคร้ ข้าว ออ้ ย ขา่ ทานตะวนั มะเขอื เทศ ไผ่

3 ชบา ดาวเรือง ทานตะวัน สุพรรณิการ์ บวั หลวง ดอกโสน ดอกแก้ว พทุ ธรกั ษา ราชพฤกษ์ บานบุรี จาปูน ทีม่ า : http://growyourplant.com/

4 กาหลง บวั ผดุ กระเจียว ดอกเฟ่อื งฟ้า ดอกมะลิ ดอกโกมาชมุ ดอกกันเกรา ดอกลน่ั ทมขาว (จาปาขาว) ดอกบัวแดง ดอกรองเท้านารี ดอกลาดวน ดอกพวงแสด ทีม่ า : http://growyourplant.com/

ตารางที่ 1 แสดงลกั ษณะของพืชดอกและพชื ไมม่ ีดอก 5 พชื ดอก (Flowering) พชื ไมม่ ดี อก (Non-flowering)  เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้วจะสร้างดอก  เป็นพชื ทีไ่ มม่ ีดอกเลยตลอดการดารงชวี ติ เพอ่ื ใชใ้ นการสืบพนั ธ์ุ  สว่ นใหญม่ ีการสืบพันธโ์ุ ดยการสรา้ งสปอร์  มีส่วนประกอบคือ ราก ลาต้น ใบ และ  มีสว่ นประกอบคือราก ลาตน้ และใบ ดอก  บางชนิดไม่มีราก ท่ีแท้จริง แต่มีส่วน  ใช้ลักษณะของราก ลาต้น ใบ จานวนใบ คล้ายรากและทาหนา้ ทเี่ หมอื นราก เรยี กว่า เลยี้ ง และจานวนกลีบดอกเป็นเกณฑ์จัดกลุ่ม รากเทยี ม เชน่ มอส พืชไดเ้ ป็น พืชใบเลยี้ งเด่ียวและพชื ใบเล้ียงคู่ พืชดอก พชื ไมม่ ีดอก พชื ที่มีสว่ นประกอบตา่ งๆ พชื พชื ทมี่ สี ่วนประกอบต่างๆ ครบ คอื มีราก ลาต้น ใบ ดอก ไม่ครบ และทีส่ าคญั คอื ผลและเมล็ด เม่ือเจริญเติบโต ไมม่ ดี อก แต่อาจมีราก เตม็ ทแี่ ลว้ จะมดี อก ซึ่งดอกคอื ลาต้น ใบ เหมือนกับ อวยั วะสบื พันธุ์ของพืช เชน่ พชื ดอก เช่น เฟิน ผักแว่น เฟอ่ื งฟ้า บัว กลว้ ย มอส ปรง  แผนภาพความคิดแบบเปรียบเทียบ พชื ไม่มีดอกกบั พืชดอก 

6 หน้าที่ส่วนตา่ งๆ ของพืชดอก ราก - มหี น้าทีย่ ดึ ลาตน้ ให้ติดกับพน้ื ดิน - ดูดน้าและธาตุอาหารที่ละลายอยู่ในดิน แลว้ ลาเลียงไปส่วนต่างๆ ของพืช โดย ผา่ นท่อลาเลยี งของลาต้นหรอื กงิ่ ลาตน้ - มหี น้าทช่ี กู ิ่งก้าน ใบ และดอก เป็นทางลาเลียงน้าและธาตอุ าหารท่รี ากดดู ขนึ้ มา สง่ ตอ่ ไปยงั ใบและสว่ นต่างๆ ของพชื และลาเลยี งอาหารท่ีใบสรา้ งขน้ึ สง่ ผ่านลาต้น ไปยงั รากและส่วนอน่ื ๆ ผ่านท่อลาเลียง ใบ - มหี นา้ ที่สร้างอาหาร คายน้า ดดู และคายแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และแกส๊ ออกซเิ จน ดอก - มีหนา้ ท่ีชว่ ยล่อแมลงใหม้ าผสมเกสรและทาหนา้ ที่สืบพันธ์ุ ผลและเมล็ด - มีหนา้ ทีใ่ ช้ในการขยายพนั ธุ์ เมื่อนาเมล็ดพืชไปเพาะจะงอกเป็นตน้ ใหมไ่ ด้

7 รากพชื นา่ รู้ รากของพืชทาหน้าที่ยดึ ลาต้นใหต้ ้ังตรงอยู่บนดิน ดูดน้าและธาตอุ าหารทลี่ ะลายอยใู่ น ดนิ แลว้ ลาเลยี งขน้ึ ไปยังสว่ นอื่นของพืช ซง่ึ ส่วนมากจะขึ้นไปทใี่ บ โดยผา่ นทางลาต้นหรือกิ่ง และ รากของพืชบางชนดิ ยงั ทาหน้าที่สะสมอาหาร เช่น แคร์รอต ผกั กาดหวั มนั แกว มันสาปะหลัง รากแครร์ อต รากผักกาดหวั รากแขนง รากแก้ว รากฝอย รากหญ้า รากข้าวโพด รากของพชื ชนิดตา่ งๆ ทม่ี า : แผนการจัดการเรยี นรู้สถาบนั พัฒนาคณุ ภาพวิชาการ (พว.)

ลาตน้ พชื นา่ รู้ 8 ลาต้นเป็นทางลาเลียงน้าและธาตุอาหารจากรากไปสู่ส่วนต่างๆ ของพืช เพื่อนาไปใช้ใน กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง และลาเลียงอาหารที่ใบสร้างขึ้นไปยังส่วนต่างๆ โดยผ่านระบบ ทอ่ ลาเลียง ท่อลาเลยี ง คอื กลุ่มเซลลข์ องพชื ท่ที าหน้าท่ลี าเลียงน้าและอาหาร ระบบท่อลาเลียงในพืช มีเน้ือเยื่อแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. เน้ือเยื่อลาเลียงน้า (ไซเล็ม : xylem) เป็นกลุ่มเซลล์ที่เรียงต่อกันต้ังแต่ราก ลาต้น กิ่ง จนถึงใบ และ 2. เน้ือเยื่อลาเลียงอาหาร (โฟล เอ็ม : phloem) เป็นกลุม่ เซลล์ทเ่ี รยี งตวั ต่อเนอื่ งจากใบไปตามกิ่ง ลาต้น และราก ลาตน้ ของพชื ทาหน้าที่เป็นทางลาเลียงนา้ และธาตอุ าหารท่ีรากดูดข้ึนมาส่งต่อไปยังใบและส่วน อ่นื ๆ ของพชื และลาเลยี งอาหารทใ่ี บสร้างขึ้นส่งผา่ นไปยังรากและส่วนอ่นื ๆ ของพชื ชกู ่ิงกา้ น ใบ และ ดอก ให้ไดร้ ับแสงและสะสมอาหาร ภาพลาตน้ พืช ทม่ี ำ : ทศั นี พุฒนอก

9 ใบพชื นา่ รู้ ภาพใบพชื ทีม่ ำ : ทัศนี พฒุ นอก ใบ เปน็ สว่ นของพชื ที่เจริญเตบิ โตออกมำจำกกิ่งหรอื ลำต้น มีลกั ษณะแบนรูปร่ำงตำ่ งกนั ตำม ชนดิ ของพืช ส่วนใหญ่มีสเี ขียว ประกอบดว้ ย กำ้ นใบ แผน่ ใบ เสน้ ใบ และเสน้ กลำงใบ หนา้ ทีข่ องใบ  คำยนำ ทำงปำกใบในรูปของไอนำ (แกส๊ )  สรำ้ งอำหำร จำกกระบวนกำรสงั เครำะห์ดว้ ยแสง  หายใจ โดยมกี ารแลกเปล่ียนแกส๊ ทางปากใบ การคายนา้ ของพืช การคายนา้ ของพชื หมายถงึ การกาจัดน้าทม่ี ีปริมาณมากเกินพอออกจากพืช โดยกาจดั ออก ในรูปของไอน้าผ่านทางปากใบ การคายน้าช่วยลดอุณหภูมิท่ีใบพืช และทาให้บรรยากาศเกิดความ ชมุ่ ช้นื ใบเป็นสว่ นของพืชที่ทาหนา้ ที่คายนา้ การคายนา้ มีสว่ นช่วยในการลาเลียงน้าจากรากมาสู่ลา ต้น กิ่ง และใบ คือ หากพืชคายน้าออกไปมาก จะมีการลาเลียงน้ามาก ทาให้ใบพืชมีความชุ่มช้ืน และชว่ ยลดอณุ หภมู ภิ ายในลาต้นและทใี่ บดว้ ย

10 การสรา้ งอาหารของพืช พืชสามารถสร้างอาหารเองได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสง อาหารท่ีพืชสร้างคือ น้าตาล ซึ่งจะเปล่ียนเป็นแป้ง สามารถทดสอบได้โดยใช้สารละลายไอโอดีน ถ้าพืชชนิดน้ันมีแป้งสะสมอยู่ สารละลายไอโอดนี จะเปลีย่ นจากสเี หลืองน้าตาลเปน็ สีน้าเงินเกอื บดา การสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืช ปจั จยั ในการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื ผลผลิต 1. คลอโรฟิลล์ เป็นตัวดูดกลืนแสง เพื่อนา 1. น้าตาลกลูโคส อาหารท่ีพืชสร้างขึ้นคือ แสงมาใช้เปน็ แหล่งพลังงาน น้าตาล ซ่ึงจะถูกลาเลียงไปเล้ียงส่วนต่างๆ ของ 2. แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ พืชจะดูดแก๊ส พืช ส่วนทเ่ี หลอื พชื จะเกบ็ สะสมไว้ในรูปของแป้ง คาร์บอนไดออกไซด์เข้าทางปากใบเพ่ือใช้ 2. แก๊สออกซิเจน พืชคายแก๊สออกซิเจนออก เป็นวัตถดุ ิบในการสงั เคราะหด์ ้วยแสง ทางปากใบ เพอื่ นาไปใช้ในการหายใจ 3. น้า พืชดูดน้าผ่านรากและลาเลียงขึ้นสู่ใบ 3. น้า พืชคายน้าออกทางปากใบช่วยให้อากาศ เพือ่ ใช้เป็นวัตถดุ บิ ในการสังเคราะหด์ ้วยแสง ชุม่ ชนื้ ������������������ ������������ ������������ ������������������������������ ������������������ ทีม่ า : ส่อื slide PPT บรษิ ัท อกั ษรเจรญิ ทัศน์ อจท. จากัด

ดอกไมน้ า่ รู้ 11 หนา้ ทีข่ องดอก  ชว่ ยล่อแมลงใหม้ าผสมเกสร  ทาหน้าท่สี ืบพันธุ์ ภาพดอกไม้ ทมี่ ำ : ทศั นี พุฒนอก สว่ นประกอบสาคญั ของดอก 1. กลีบเลย้ี ง ทาหน้าทีห่ ่อหมุ้ สว่ นของดอกขณะท่ยี ังตูม และป้องกันอันตรายจากแมลง 2. กลีบดอก มหี นา้ ทหี่ อ่ หุม้ เกสรขณะที่ยงั อ่อน มักมีสีสนั และกลิ่น ชว่ ยลอ่ แมลงใหม้ าผสมเกสร 3. เกสรเพศผู้ ทาหน้าทีส่ ร้างเซลล์สบื พันธุ์เพศผู้ ประกอบด้วย - อบั เรณู เป็นแหลง่ สรา้ งและเกบ็ ละอองเรณู ซงึ่ ภายในมีเซลลส์ ืบพันธเุ์ พศผู้ - กา้ นชอู บั เรณู ทาหน้าที่ ชอู บั เรณู 4. เกสรเพศเมยี ทาหนา้ ทสี่ ร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศเมยี ประกอบด้วย - ยอดเกสรเพศเมยี ลกั ษณะเปน็ ปุม่ มีขนหรือยางเหนยี วๆ สาหรับจับละอองเรณูทป่ี ลิวมา หรือแมลงพามา - กา้ นเกสรเพศเมยี ทาหน้าท่ชี ูยอดเกสรเพศเมีย - รังไข่ ภายในมีออวลุ ในออวุลมไี ข่ ซึ่งเป็นเซลลส์ ืบพันธุ์เพศเมยี

กลีบดอก ยอดเกสรเพศเมีย 12 ก้านเกสรเพศเมยี เกสรเพศเมยี อับเรณู เกสรเพศผู้ กา้ นชูอับเรณู รงั ไข่ กลีบเล้ียง กา้ นดอก ภาพส่วนประกอบของดอก ทม่ี า : สื่อ slide PPT บรษิ ัท อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จากัด ปรบั ปรุงภาพโดย ทศั นี พุฒนอก

13 บรรณานกุ รม บรษิ ัท อกั ษรเจริญทัศน์ อจท. จากดั .(18 มกราคม 2561). Slide PowerPoint_สือ่ ประกอบการสอน วิทยาศาสตร์ เล่ม1 ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 (Online). สบื คน้ เมอ่ื 20 มนี าคม 2563 , จาก www.aksorn.com. พมิ พพ์ ันธ์ เดชะคปุ ต์ และคณะ.(2562). หนงั สือเรียนรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 4. พมิ พ์ครง้ั ท่ี 2. กรุงเทพฯ : สานักพมิ พ์ บรษิ ทั พฒั นาคุณภาพวิชาการ (พว.) จากดั . พิมพ์พันธ์ เดชะคปุ ต์ และคณะ.(2562). คมู่ อื ครเู พ่อื ใชค้ ่กู บั หนงั สือเรยี นรายวชิ า พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 4. พิมพค์ รั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : สานกั พิมพ์ บรษิ ัทพฒั นาคุณภาพวิชาการ (พว.) จากัด. โรงเรยี นหนองจอกพทิ ยานุสรณ์.(2563). หลกั สตู รสถานศึกษา หลกั สูตรกลุ่มสาระการ เรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์. กรงุ เทพมหานคร : โรงเรียนหนองจอกพทิ ยานสุ รณ์ สถาบนั พฒั นาคณุ ภาพวิชาการ (พว.).(2562). ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาการคิด วเิ คราะห์ฯ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4. กรุงเทพฯ : สานกั พิมพ์ บริษัทพฒั นาคุณภาพ วชิ าการ (พว.) จากัด. สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, กระทรวงศึกษาธิการ.(2561). ตวั ชีว้ ัดและสาระการเรียนรแู้ กนกลาง กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พช์ ุมชนสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จากดั . ------------.(2561). คู่มอื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ เลม่ 1 ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 (คู่มอื ครอู ิเล็กทรอนกิ ส์). กรงุ เทพฯ: สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลย.ี -----------.(2561). หนงั สอื เรยี นรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ เล่ม 1 ชัน้ ประถมศกึ ษา ปที ่ี 4 ตามมาตรฐานการเรียนร้แู ละตัวช้วี ัดกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. พมิ พค์ รั้งที่ 3. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว. .


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook