1 คอมพิวเตอร์ทางานอย่างเป็นระบบ (System) หมายถึงภายในระบบงานคอมพิวเตอร์ประกอบด้วย องค์ประกอบย่อยท่ีมีหน้าท่ีเฉพาะ ทางานประสานสัมพันธ์กันเพ่ือให้งานบรรลุตามเป้าหมาย ในระบบงาน คอมพิวเตอร์การที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียวจะยังไม่สามารถทางานได้ด้วยตัวเองซึ่งหากจะให้ คอมพวิ เตอรท์ างานได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพแล้วระบบคอมพิวเตอร์ควรประกอบไปด้วยองค์ประกอบ คือ ฮารด์ แวร์ ซอฟต์แวร์บคุ ลากรขอ้ มูลสารสนเทศและกระบวนการทางาน 1.1.1 ฮารด์ แวร์ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) เป็นองค์ประกอบของตัวเคร่ืองที่สามารถจับต้องเป็นรูปธรรม เช่นตัวเคร่ือง จอภาพ เคร่ืองพมิ พ์ คยี บ์ อร์ดเป็นต้นซง่ึ สามารถแบ่งส่วนพ้ืนฐานของฮาร์ดแวรเ์ ป็น 4 หน่วยดงั น้ี รูปท่ี 1.1 ฮารด์ แวร์ (ทม่ี า : www.kritayanee.blogspot.com)
2 1. หน่วยรับข้อมูล (Input Unit) ทาหน้าที่รับข้อมูลหรือโปรแกรมเข้าสู่เคร่ืองคอมพิวเตอร์เพ่ือส่ง ต่อให้หน่วยประมวลกลางไดด้ าเนินการจัดการประมวลผลให้ไดม้ าซงึ่ ผลลัพธ์ทต่ี อ้ งการหรือสารสนเทศสาหรับนาไป ประกอบการตัดสินใจในการปฏิบัติงานซึ่งการนาเข้าของหน่วยรับข้อมูลสามารถนาเข้าได้จากหลากหลายอุปกรณ์ ไดแ้ ก่ แป้นพมิ พ์ เมาส์ เคร่ืองสแกนเครือ่ งรูดบัตร Digitizer เป็นตน้ รปู ที่ 1.2 หนว่ ยรับข้อมลู (ทมี่ า : www.nook–nisakorn.blogspot.com) 2. หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU) หรือเรียกโดยท่ัวไป คือ ไมโครโปรเซสเซอร์ทาหน้าท่ใี นการประมวลผลข้อมูล เร่ิมต้นด้วยรับข้อมูลจากหน่วยรับข้อมูลนามาทาการคานวณ และเปรยี บเทียบ ตลอดดาเนนิ การควบคุมการปฏิบัติการให้เป็นไปตามได้รับคาสั่ง พร้อมทั้งประสานงานกับหน่วย ท่เี กี่ยวขอ้ งอื่น เชน่ หน่วยแสดงผล หน่วยความจา เพื่อให้การปฏิบตั ิการเปน็ ไปดว้ ยความเรียบร้อย รปู ที่ 1.3 หนว่ ยประมวลผลกลาง (ทีม่ า : www.winboardgroup.com) 3. หน่วยเก็บขอ้ มูล (Storage) ซ่งึ สามารถแยกตามหน้าท่ไี ด้เป็น 2 ลักษณะ คอื (1) หน่วยเก็บข้อมูลหลักหรือความจาหลัก (Primary Storage หรือ Main Memory) ทาหน้าที่เก็บโปรแกรมหรือข้อมูลที่รับมาจากหน่วยรับข้อมูลเพื่อเตรียมส่งให้หน่วยประมวลผลกลางทาการ ประมวลผลและรับผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลเพ่ือส่งออกหน่วยแสดงข้อมูลต่อไปซ่ึงอาจแยกได้เป็น 2 ประเภท คือ RAM (Random Access Memory) ท่ีสามารถอ่านและเขียนข้อมูลได้ในขณะที่เปิดเครื่องอยู่แต่
3 เมื่อปิดเคร่ืองข้อมูลใน RAM จะหายไป ส่วน ROM (Read Only Memory) จะอ่านได้อย่างเดียว เป็น หน่วยความจาที่มีซอฟต์แวร์หรือข้อมูลอยู่แล้ว หน่วยความจานี้แม้ไม่มีไฟเลี้ยงแต่ข้อมูลจะไม่หายไป เช่น เก็บ BIOS (Basic Input Output system) โปรแกรมฝังไว้ใช้ตอนเปิดเครื่อง เพ่ือให้เคร่ืองคอมพิวเตอร์เริ่มต้นทางาน เปน็ ตน้ (2) หน่วยเก็บข้อมูลสารอง (Secondary Storage) เป็นหน่วยที่ทาหน้าที่เก็บข้อมูลหรือ โปรแกรมท่จี ะป้อนเขา้ สูห่ นว่ ยความจาหลักภายในเคร่ืองก่อนทาการประมวลผลโดยซีพียูรวมทั้งเป็นท่ีบันทึกข้อมูล เชน่ ฮารด์ ดสิ ก์ (Hard disk) DVD ตลอดจนแฟลชไดร์ฟทมี่ คี วามจุสงู ราคาประหยดั 4. หน่วยแสดงข้อมูลหรือเอาต์พุต (Output Unit) ทาหน้าท่ีในการแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการ ประมวลผล ได้แก่ จอภาพ และเครือ่ งพิมพ์ เป็นต้น ทัง้ 4 ส่วนจะเช่ือมตอ่ กนั ด้วยบสั (Bus) 1.1.2 ซอฟต์แวร์ (Software) ซอฟต์แวร์ คือ โปรแกรมหรือชุดคาส่ัง ท่ีส่ังให้ฮาร์ดแวร์ทางานรวมไปถึงการควบคุมการทางานของ อุปกรณแ์ วดล้อมตา่ ง ๆ เชน่ ฮาร์ดดสิ ก์ดสิ กไ์ ดร์ฟ ซีดีรอม อุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ เป็นต้น ซอฟต์แวร์เป็นสิ่งที่มอง ไม่เหน็ จับตอ้ งไมไ่ ด้ แตร่ บั รกู้ ารทางานของมันไดซ้ ึ่งต่างกับ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ที่สามารถจับต้องได้ ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภทคอื 1. ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) คือโปรแกรมที่ใช้ในการควบคุมระบบการทางานของ เครื่องคอมพิวเตอรท์ ้งั หมดเชน่ การบทู เคร่ือง การสาเนาข้อมลู การจัดการระบบของดิสก์ชุดคาส่ังที่เขียนเป็นคาสั่ง สาเร็จรูป โดยผู้ผลิตเคร่ืองคอมพิวเตอร์และมีมาพร้อมแล้วจากโรงงานผลิต การทางานหรือการประมวลผลของ ซอฟต์แวร์เหล่านี้ ข้ึนกับเคร่ืองคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องระบบของซอฟต์แวร์เหล่านี้ ออกแบบมาเพื่อการปฏิบัติ ควบคมุ การทางานของฮารด์ ดิสก์ทุกอยา่ ง และอานวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งาน แบ่งออกเปน็ 4 ประเภท คอื (1) โปรแกรมระบบปฏิบัติการ (Operating System) เป็นโปรแกรมท่ีใช้ควบคุมและติดต่อกับ อุปกรณ์ต่าง ๆ ของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะการจัดการระบบของดิสก์การบริหารหน่วยความจาของระบบ กล่าวโดยสรุปคือ หากจะทางานใดงานหน่ึงโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ ในการทางานแล้วจะต้องติดต่อกับ ซอฟต์แวร์ระบบก่อน ถ้าขาดซอฟต์แวร์ชนิดนี้จะทาให้เคร่ืองคอมพิวเตอร์ ไม่สามารถทางานได้ตัวอย่างของ ซอฟตแ์ วรป์ ระเภทน้ี ได้แก่ โปรแกรมระบบปฏบิ ตั กิ าร Unix Linux DOS และWindows เช่น 95, 98, me, 2000, NT, XP, Vista, 7, 8 เปน็ ตน้ (2) ตัวแปลภาษา (Translator) จาก Source Code ให้เป็น Object Code (แปลจากภาษาที่ มนุษยเ์ ข้าใจ ใหเ้ ป็นภาษาที่เครื่องเข้าใจเปรียบเสมอื นล่ามแปลภาษา) เปน็ ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการแปลภาษาระดับสูง ซึ่งเป็นภาษาใกล้เคียงภาษามนุษย์ ให้เป็นภาษาเคร่ืองก่อนที่จะนาไปประมวลผลตัวแปลภาษาแบ่งออกเป็นสอง ประเภทคือ คอมไพเลอร์ (Compiler) และอินเตอร์พีทเตอร์ (Interpeter) คอมไพเลอร์จะแปลคาสั่งในโปรแกรม ท้ังหมดก่อนแล้วทาการลิ้ง (Link) เพ่ือให้ได้คาส่ังที่เคร่ืองคอมพิวเตอร์เข้าใจส่วนอินเตอร์พีทเตอร์จะแปลทีละ ประโยคคาสงั่ แลว้ ทางานตามประโยคคาสงั่ นน้ั การจะเลอื กใช้ตัวแปลภาษาแบบใดน้นั จะขนึ้ อยู่กับภาษาที่ใช้ในการ เขียนโปรแกรม ซึ่งมี 2 แบบได้แก่ภาษาแบบโครงสร้าง เช่น ภาษาเบสิก (Basic) ภาษาปาสคาล (Pascal) ภาษาซี (C) ภาษาจาวา (Java) ภาษาโคบอล (Cobol) ภาษา SQL
4 ภาษา HTML เป็นต้น ภาษาแบบเชิงวัตถุ (Visual หรือ Object Oriented Programming) เช่น Visual Basic,Visual C หรือ Delphi เปน็ ตน้ (3) ยูติลิต้ี โปรแกรม (Utility Program) เป็นซอฟต์แวร์ท่ีใช้อานวยความสะดวกให้เครื่อง คอมพิวเตอรส์ ามารถทางานไดส้ ะดวกรวดเรว็ และช่วยเพ่ิมประสิทธิภาพการทางานได้ดีข้ึน เช่น ช่วยในการสารอง ข้อมลู ในฮารด์ ดสิ ก์ ตรวจสอบความถกู ต้องของข้อมูลจัดระเบยี บของข้อมลู ในฮารด์ ดิสก์ เปน็ ตน้ โปรแกรมในกลมุ่ น้ี เช่น Scandisk, Disk Fragmentation (4) ติดต้ังและปรับปรุงระบบ (Diagnostic Program) เป็นซอฟต์แวร์ช่วยทาหน้าท่ีตรวจสอบ ข้อผดิ พลาดในการทางานของอุปกรณต์ ่าง ๆ และเม่ือพบข้อผิดพลาดจะแจ้งข้ึนบนหน้าจอภาพ โปรแกรมในกลุ่มนี้ เชน่ NORTON QAPLUS 2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) คือ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่ทาให้ คอมพิวเตอร์ทางานต่าง ๆ ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ไม่ว่าจะด้านเอกสาร บัญชี การจัดเก็บข้อมูล เป็นต้นซอฟต์แวร์ ประยกุ ต์สามารถจาแนกได้เป็น 2 ประเภท คอื (1) ซอฟต์แวร์สาหรับงานเฉพาะด้าน (Special Purpose Software) คือโปรแกรมซึ่งเขียนขึ้น เพอื่ การทางานเฉพาะอย่างท่ีเราต้องการบางท่ีเรียกว่า User’s Program เช่น โปรแกรมการทาบัญชีจ่ายเงินเดือน โปรแกรมระบบเช่าซื้อ โปรแกรมการทาสินค้าคงคลัง เป็นต้นซ่ึงแต่ละโปรแกรมก็มักจะมีเงื่อนไขหรือแบบฟอร์ม แตกต่างกันออกไปตามความต้องการหรือกฎเกณฑ์ของแต่ละหน่วยงานท่ีใช้ ซึ่งสามารถดัดแปลงแก้ไขเพ่ิมเติม (Modifications) ในบางส่วนของโปรแกรมได้เพ่ือให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้และซอฟต์แวร์ประยุกต์ท่ีเขียน ขน้ึ นีโ้ ดยส่วนใหญม่ กั ใชภ้ าษาระดบั สงู เปน็ ตัวพัฒนา (2) ซอฟต์แวร์สาหรับงานท่ัวไป (General Purpose Software) เป็นโปรแกรมประยุกต์ที่มี ผู้จัดทาไว้เพ่ือใช้ในการทางานประเภทต่าง ๆ ท่ัวไป โดยผู้ใช้คนอ่ืน ๆ สามารถนาโปรแกรมนี้ไปประยุกต์ใช้กับ ข้อมูลของได้แต่จะไม่สามารถทาการดัดแปลง หรือแก้ไขโปรแกรมได้ดังน้ันการใช้โปรแกรมสาเร็จรูปจึงเป็นสิ่งท่ี อาน ว ย คว าม สะด ว ก แล ะเ ป็น ประ โ ย ช น์ อย่ าง ย่ิง ตัว อย่ าง โ ป รแก รม สา เร็ จรู ปที่นิ ยม ใช้ ไ ด้แ ก่ MS–Office, Lotus, Adobe Photoshop, SPSS, Internet Explorer และ เกมตา่ ง ๆ เปน็ ตน้ 1.1.3 บุคลากร บุคลากร (People ware) บุคลากรจะเป็นสิ่งสาคัญที่จะเป็นตัวกาหนดถึงประสิทธิภาพถึง ความสาเรจ็ และความคุ้มคา่ ในการใช้งานคอมพวิ เตอรซ์ ึ่งสามารถแบง่ บุคลากรตามหน้าที่เกี่ยวข้องตามลักษณะงาน ได้ 6 ดา้ น ดังนี้ 1. นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ (Systems Analyst and Designer : SA) ทาหน้าท่ีศึกษา และรวบรวมความต้องการของผู้ใช้ระบบและทาหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างผู้ใช้ระบบและนักเขียนโปรแกรม (Programmer) หรือปรบั ปรงุ คุณภาพงานเดมิ นักวิเคราะห์ระบบต้องมีความรู้เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ พื้นฐาน การเขยี นโปรแกรมและควรจะเป็นผูม้ คี วามคิดรเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์มมี นุษย์สัมพันธท์ ่ีดี 2. โปรแกรมเมอร์ (Programmer) คือ บุคคลท่ีทาหน้าท่ีเขียนซอฟต์แวร์ต่าง ๆ (Software) หรือ เขียนโปรแกรมเพ่ือสั่งงานให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทางานตามความต้องการของผู้ใช้ โดยเขียนตามแผนผังท่ี นักวเิ คราะห์ระบบได้เขียนไว้
5 3. ผู้ใช้ (User) เป็นผู้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งจะเป็นผู้ปฏิบัติหรือกาหนดความต้องการในการใช้ ระบบคอมพวิ เตอรว์ ่าทางานอะไรได้บ้าง ผใู้ ชง้ านคอมพิวเตอรท์ ่วั ไปจะต้องเรยี นรวู้ ธิ ีการใช้เครื่อง และวิธีการใช้งาน โปรแกรมเพอ่ื ใหโ้ ปรแกรมท่ีมอี ยูส่ ามารถทางานไดต้ ามทต่ี ้องการ 4. ผู้ปฏิบัติการ (Operator) สาหรับระบบขนาดใหญ่ เช่น เมนเฟรม จะต้องมีเจ้าหน้าที่ คอมพิวเตอร์ที่คอยปิดและเปิดเคร่ือง และเฝ้าดูจอภาพเม่ือมีปัญหาซึ่งอาจเกิดขัดข้องจะต้องแจ้ง System Programmer ซ่งึ เปน็ ผดู้ ูแลตรวจสอบแก้ไขโปรแกรมระบบควบคุมเครอ่ื ง (System Software) อีกทีหนึ่ง 5. ผู้บรหิ ารฐานขอ้ มลู (Database Administrator : DBA) กลมุ่ บคุ คลท่ที าหน้าที่ดูแลข้อมูลผ่าน ระบบจัดการฐานข้อมูลซง่ึ จะควบคุมใหก้ ารทางานเป็นไปอย่างราบร่นื นอกจากน้ียังทาหน้าท่ีกาหนดสิทธิการใช้งาน ข้อมูลกาหนดในเรื่องความปลอดภัยของการใช้งานพร้อมท้ังดูแลดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์(Database Server) ให้ ทางานอย่างปกตดิ ้วย 6. ผู้จัดการระบบ (System Manager) คือ ผู้วางนโยบายการใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็นไปตาม เป้าหมายของหน่วยงาน เป็นผู้ที่มีความหมายต่อความสาเร็จหรือล้มเหลวของการนาระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ งานเปน็ อย่างมาก 1.1.4 ข้อมูลและสารสนเทศ 1. ข้อมูล (Data) หมายถึง ข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้น แล้วใช้ตัวเลขตัวอักษร หรือ สัญลักษณต์ า่ ง ๆ ทาความหมายแทนส่ิงเหล่าน้ัน เช่น คะแนนสอบของนักเรียน, อายุของพนักงานในบริษัท, ราคา ขายของหนังสือในรา้ นหนงั สือและคาตอบทผ่ี ู้ถกู สารวจตอบในแบบสอบถาม 2. สารสนเทศ (Information) หมายถึง ข้อสรุปต่าง ๆ ที่ได้จากการนาข้อมูลมาทาการวิเคราะห์ หรอื ผา่ นวธิ กี ารท่ี ได้กาหนดขนึ้ ท้ังนี้เพ่ือนาข้อสรุปไปใชง้ านหรืออ้างอิง เช่น เกรดเฉลี่ยของนักเรียน, อายุเฉลี่ยของ พนกั งานในบริษทั , ราคาขายสงู สุดของหนงั สือในร้านหนังสือและข้อสรปุ จากการสารวจคาตอบในแบบสอบถาม 1.1.5 กระบวนการทางาน กระบวนการทางาน (Procedure) องค์ประกอบด้านน้ีหมายถึงกระบวนการทางานเพ่ือให้ได้ผลลัพธ์ ตามต้องการในการทางานกับคอมพิวเตอร์ผู้ใช้จาเป็นต้องทราบข้ันตอนการทางานเพ่ือให้ได้งานท่ีถูกต้องและมี ประสทิ ธิภาพ ซึง่ อาจจะมีข้ันตอนสลบั ซับซ้อนหลายขั้นตอนดังนั้นจึงมีความจาเป็นต้องมีคู่มือปฏิบัติงาน เช่น คู่มือ ผใู้ ช้ (user manual) หรอื คูม่ ือผดู้ ูแลระบบ (operation manual) เป็นต้น 1.2.1 จอภาพ จอภาพ (Monitor) เป็นอปุ กรณแ์ สดงผลท่มี ีความสาคญั มากท่ีสุดเพราะจะติดต่อโดยตรงกับผู้ใช้ชนิด ของจอภาพท่ีใชใ้ นเครือ่ งพซี โี ดยท่วั ไปจะแบง่ ได้เป็น 3 ประเภท คือ
6 รูปท่ี 1.4 จอภาพแบบนูนหรือจอซีอาร์ที (CRT) (ทม่ี า : http://phototrw.blogspot.com) รปู ที่ 1.5 จอภาพแบบแบนหรือจอแอลซีดี (LCD) รูปท่ี 1.6 จอภาพแบบแบนหรอื จอแอลอดี ี (LED) (ที่มา : http://www.plazathai.com) (ท่มี า : http://www.lazada.co.th) 1.2.2 เคส เคส (Case) คือ โครงหรือกล่องสาหรับประกอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ไว้ภายในการ เรียกช่ือ และขนาดของเคสจะแตกต่างกันออกไปซึ่งในปัจจุบันมีหลายแบบที่นิยมกันแล้วแต่ผู้ซื้อสามารถเลือกซ้ือ ตามความเหมาะสมของงานและสถานท่นี ้ัน รูปท่ี 1.7 เคส (case) (ทีม่ า : http://notebookspec.com) 1.2.3 พาวเวอรซ์ ัพพลาย
7 พาวเวอร์ซัพพลาย (Power Supply) เป็นอุปกรณ์ที่ทาหน้าท่ีในการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับชิ้นส่วน อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ซึ่งถ้าคอมพิวเตอร์มีอุปกรณ์ต่อพ่วงจานวนมาก เช่น ฮาร์ดดิสก์ซีดีรอมไดร์ฟดีวีดีไดร์ฟควร เลือกพาวเวอร์ซัพพลายท่ีมจี านวนวัตต์สงู เพื่อให้สามารถ จา่ ยกระแสไฟได้เพยี งพอ รปู ท่ี 1.8 Power Supply (ท่มี า : www.savetechcomputer.com) 1.2.4 คียบ์ อรด์ (Keyboard) คีย์บอรด์ (Keyboard) เปน็ อุปกรณใ์ นการรับขอ้ มูลที่สาคญั ทสี่ ดุ มลี กั ษณะคล้ายแป้นพิมพ์ของเครื่อง พิมพ์ดีด มีจานวนแป้น 84–105 แป้น ขึ้นอยู่กับแป้นที่เป็นกลุ่มตัวเลข (Numeric keypad) กลุ่มฟังก์ชัน (Function keys) กลุ่มแป้นพิเศษ (Special–purpose keys) กลุ่มแป้นตัวอักษร (Typewriter keys) หรือกลุ่ม แป้นควบคุมอ่ืน ๆ (Control keys) ซึ่งการส่ังงานคอมพิวเตอร์และการทางานหลาย ๆ อย่างจาเป็นต้องใช้ แปน้ พมิ พเ์ ป็นหลัก รปู ที่ 1.9 Keyboard (ทม่ี า : www.ict456.com) 1.2.5 เมาส์
8 เมาส์ (Mouse) อุปกรณ์รับข้อมูลที่นิยมรองจากคีย์บอร์ด เมาส์จะช่วยในการบ่งชี้ตาแหน่งว่าขณะนี้ กาลังอยู่ ณ จุดใดบนจอภาพเรียกว่าตัวช้ีตาแหน่ง (Pointer) ซึ่งอาศัยการเลื่อนเมาส์ แทนการกดปุ่มบังคับทิศทาง บนคยี บ์ อร์ด รูปที่ 1.10 Mouse (ที่มา : http://notebookspec.com) 1.2.6 เมนบอรด์ เมนบอร์ด (Main board) แผ่นวงจรไฟฟ้าแผ่นใหญ่ที่รวมเอาช้ินส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่สาคัญ ๆมาไว้ ด้วยกนั ซงึ่ เป็นส่วนท่คี วบคุม การทางานของ อุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในพีชีทั้งหมดมีลักษณะเป็นแผ่น รูปร่างส่ีเหล่ียม แผ่นท่ีใหญ่ที่สุดในพีชีซ่ึงจะรวบรวมเอาชิปและไอชี (IC = Integrated Circuit) รวมท้ังการ์ดต่อพ่วงอ่ืน ๆ เอาไว้ ด้วยกันบนบอร์ดเพยี งอนั เดยี วเครอ่ื งพีชที ุกเครื่องไมส่ ามารถทางานไดถ้ ้าขาดเมนบอรด์ รปู ท่ี 1.11 Mainboard (ท่ีมา : http://thai.alibaba.com) 1.2.7 ซีพยี ู (CPU) หรือหนว่ ยประมวลผลกลาง ซีพียู (CPU) หรือหน่วยประมวลผลกลาง เรียกอีกช่ือหน่ึงว่าโปรเซสเซอร์ (Processor) หรือ ชิป (chip) นับเป็นอุปกรณ์ท่ีมีความสาคัญมากท่ีสุดของฮาร์ดแวร์เพราะมีหน้าท่ีในการประมวลผลจากข้อมูลที่ผู้ใช้ ป้อนเข้ามาทางอุปกรณ์นาเข้าข้อมูลตามชุดคาส่ังหรือโปรแกรมท่ีผู้ใช้ต้องการใช้งานหน่วยประมวลผลกลาง ประกอบด้วยสว่ นสาคัญ 3 สว่ น คือ
9 1. หน่วยคานวณและตรรกะ (Arithmetic & Logic Unit: ALU) หน่วยคานวณตรรกะ ทาหน้าที่ เหมือนกับเครื่องคานวณอยู่ในเคร่ืองคอมพิวเตอร์โดยทางานเก่ียวกับการคานวณทางคณิตศาสตร์ เช่น บวก ลบ คูณ หารอีกท้ังยังมีความสามารถอีกอย่างหน่ึงที่เคร่ืองคานวณธรรมดาไม่มี คือความสามารถในเชิงตรรกะศาสตร์ หมายถึงความสามารถในการเปรียบเทียบตามเงื่อนไขและกฎเกณฑ์ทางคณิตศาสตร์เพื่อให้ได้ คาตอบออกมาว่า เง่อื นไข นน้ั เป็นจรงิ หรอื เท็จได้ 2. หน่วยควบคุม (Control Unit) หน่วยควบคุม ทาหน้าท่ีควบคุมลาดับข้ันตอนการประมวล ผลรวมไปถึงการประสานงานกับอุปกรณ์นาเข้าข้อมลู อุปกรณแ์ สดงผลและหน่วยความจาสารองด้วย ตัวอย่างซีพียู ทมี่ ีจาหน่ายในท้องตลาด ไดแ้ ก่ Intel Core i5–3439Y and Core i7–3689Y รปู ท่ี 1.12 CPU (ท่มี า : http://android.16mb.com) 1.2.8 การ์ดแสดงผล การด์ แสดงผล (Display Card) การด์ แสดงผลใชส้ าหรับเก็บข้อมูลที่ได้รับมาจากซีพียูโดยท่ีการ์ดบาง รุ่นสามารถประมวลผลได้ในตัวการ์ดซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระการประมวลผลให้ซีพียูจึงทาให้การทางานของ คอมพิว เต อร์น้ันเร็ ว ข้ึน หลัก การ ทางา นพื้ นฐ าน ของการ์ ดแสดงผล จะเริ่มต้ นข้ึนเมื่อ โ ปรแกร ม ตา่ ง ๆ ส่งข้อมลู มาประมวลผลท่ี ซพี ยี เู มือ่ ซพี ยี ปู ระมวลผลเสร็จแล้ว จะส่งข้อมูลท่ีจะนามาแสดงผลบนจอภาพมาท่ี การ์ดแสดงผล จากนั้นการ์ดแสดงผล ก็จะส่งข้อมูลน้ีมาท่ีจอภาพ ตามข้อมูลท่ีได้รับมาการ์ดแสดงผลรุ่นใหม่ ๆ ท่ี ออกมาสว่ นใหญ่ ก็จะมวี งจรในการเรง่ ความเรว็ การแสดงผลภาพสามมิติ และมีหน่วยความจามาให้มากพอสมควร รปู ที่ 1.13 การด์ แสดงผล (ทม่ี า : http://it.excise.go.th/review1.htm)
10 1.2.9 แรม แรม (RAM) ย่อมาจากคาว่า Random–Access Memory เป็นหน่วยความจาหลักแต่ไม่ถาวรซึ่ง จะต้องมีไฟมาหล่อเล้ียงอุปกรณ์ตลอดในการทางานโดยถ้าเกิดไฟฟ้ากระพริบหรือดับข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ใน หนว่ ยความจาจะหายไปทันทีโดยหลักการทางานคร่าว ๆ ของแรมน้ันเรมิ่ ต้นทรี่ บั ขอ้ มูลจากผู้ใช้ผ่านอุปกรณ์ Input จากนั้นก็จะส่งข้อมูลไปยัง CPU ในการประมวลผล เมื่อ CPU ประมวลผลเสร็จแล้วแรมจะรับข้อมูลที่ได้รับการ ประมวลผลแลว้ ออกไปยังอุปกรณ์ Output ตอ่ ไปโดยหนว่ ยความจาแรมท่ีใชใ้ นปจั จบุ นั มีหลายชนิด เช่น SDRAM, DDR–RAM, RDRAM รปู ที่ 1.14 แรม SDRAM, DDR–RAM, RDRAM, DDR2, DDR3, DDR4 (ทม่ี า : www.mistermart.com) 1.2.10 ฮาร์ดดิสก์ ฮาร์ดดิสก์ (Hard disk) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลหรือโปรแกรมต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ โดยฮาร์ดดิสค์จะมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมท่ีมีเปลือกนอกเป็นโลหะแข็งและมีแผงวงจรสาหรับการควบคุมการ ทางานประกบอยู่ท่ีด้านล่างพร้อมกับช่องเสียบสายสัญญาณและสายไฟเลี้ยง ส่วนประกอบภายในจะถูกปิดผนึกไว้ อย่างมิดชิดโดยฮาร์ดดิสก์ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยแผ่นจานแม่เหล็ก (platter) สองแผ่นหรือมากกว่ามาจัด เรียง อยู่บนแกนเดียวกันเรียก Spindle ทาให้แผ่นแม่เหล็กหมุนไปพร้อม ๆ กันจากการขับเคลื่อนของมอเตอร์แต่ละ หน้าของแผน่ จานจะมีหัวอ่านเขยี นประจาเฉพาะโดยหัวอ่านเขียนทุกหัวจะเชื่อมติดกันคล้ายหวีสามารถเคล่ือนเข้า ออกระหว่างแทรก็ ต่าง ๆ อย่างรวดเร็วซง่ึ อินเตอรเ์ ฟสของฮารด์ ดสิ ก์ทใี่ ช้ในปจั จบุ ัน
11 รูปท่ี 1.15 ฮารด์ ดิสก์แบบ SATA และ IDE (ท่ีมา : http://www.riverplus–ipc.com/storage.html) 1.2.11 CD–ROM/CD–RW/DVD/DVD–RW CD–ROM/CD–RW/DVD/DVD–RW เป็นไดร์ฟสาหรับอ่านข้อมูลจากแผ่นซีดีรอม หรือดีวีดีรอมซึ่ง ถ้าหากต้องการบันทึกข้อมูลลงบนแผ่นจะต้องใช้ไดร์ฟที่สามารถเขียนแผ่นได้ คือ CD–RW หรือ DVD–RW โดย ความเรว็ ของ ซดี รี อมจะเรยี กเป็น X เชน่ 16X, 32X หรือ 52X โดยจะมี Interface เดยี วกับ Harddisk รูปท่ี 1.16 CD–ROM รปู ที่ 1.17 CD–RW (ท่ีมา : www.pittjug.org) (ทมี่ า : http://web.yru.ac.th) รูปที่ 1.18 DVD รูปที่ 1.19 DVD–RW (ทีม่ า : www.store.generalsales.com) (ท่มี า : www.cnunisson.en.made–in– china.com) 1.2.12 Blu–ray and HD–DVD
12 Blu–ray and HD–DVD BLU–RAY และ HD DVD เป็นเทคโนโลยีวิดีโอท่ีให้รายละเอียด และ ความชัดเจนทาง ด้านภาพสูงเหมือนชมภาพยนตร์จากต้นฉบับผู้ผลิตหนังรายใหญ่ ความเป็นมาของ เทคโนโลยี ระบบภาพ/เสียง ซึ่งเป็นจอภาพแบบ CRT ท่ีมีการทางานแบบ INTERLACED ด้วยการสแกนเส้นภาพสลับกัน ระหว่างแนวนอนกับแนวตั้ง ทาให้เกดิ การกะพริบของภาพ สาหรับระบบวีดีโอ HD ท่ีให้ความชัดเจนสูงจาเป็นต้อง มีโทรทัศน์ท่ีรองรับระบบวีดีโอความชัดเจนสูงด้วย ซ่ึงใช้สัญญาณภาพแบบ Progressive Scan ที่ทาให้เกิดความ สบายตาในการชม รวมถึงความตอ่ เน่ืองของภาพ รปู ที่ 1.20 Blu–ray and HD–DVD (ท่ีมา : http://www.ign.com) หลักการทางานเบ้ืองต้นของระบบคอมพิวเตอร์ เร่ิมจากผู้ใช้ทาการกรอกข้อมูลหรือคาสั่งผ่านทางอุปกรณ์ รับข้อมูล (Input Devices) ซึ่งข้อมูลหรือคาสั่งต่าง ๆ ที่รับเข้ามาจะถูกนาไปเก็บไว้ท่ีหน่วยความจาหลัก (Memory) จากน้นั กจ็ ะถูกนาไปประมวลผลโดยหนว่ ยประมวลผลกลาง (Central Processing) แล้วนาผลที่ได้จาก การประมวลผลมาเก็บไว้ในหน่วยความจาแรมพร้อมทั้งแสดงออกทางอุปกรณ์แสดงผล (Output Devices) ดังน้ัน ระบบคอมพวิ เตอร์จึงประกอบดว้ ย 4 ส่วนดว้ ยกนั ไดแ้ ก่ส่วนอุปกรณร์ ับขอ้ มลู ส่วนประมวลผลกลาง หนว่ ยความจา และอุปกรณ์แสดงผลคอมพวิ เตอร์มีหลกั การทางานอยู่ 4 ขน้ั ตอน คือ 1.3.1 หน่วยรบั ขอ้ มลู คอมพิวเตอร์ หน่วยรับข้อมูลคอมพิวเตอร์จะรับข้อมูลและคาสั่งผ่านอุปกรณ์นาเข้าข้อมูลและคาสั่ง ได้แก่เมาส์ (Mouse), แป้นพมิ พ์ (Keyboard)
13 รปู ท่ี 1.21 เมาส์ (ท่มี า : www.logitech.com) รปู ท่ี 1.22 แปน้ พิมพ์ (ทีม่ า : http://purttiyagone29.blogspot.com) 1.3.2 ประมวลผลข้อมูล ประมวลผลข้อมูล หรือ CPU (Central Processing Unit) ใช้คานวณและประมวลผลคาสั่งต่าง ๆ ตามโปรแกรมทก่ี าหนดทาหนา้ ท่ีประมวลผลข้อมูลตามคาสง่ั ทีร่ บั มาจากหน่วยรับข้อมูลประกอบด้วยหน่วยคานวณ และตรรกะ และหน่วยควบคุม อุปกรณ์ที่ทาหน้าที่ในการประมวลผล เรียกว่าไมโครโพรเซสเซอร์ (Microprocessor) มีลักษณะเป็นวงจรอเิ ล็กทรอนกิ ส์ซงึ่ ถูกตดิ ตง้ั ไวใ้ นคอมพิวเตอร์ รปู ที่ 1.23 CPU (ทม่ี า : www.quickpcextreme.com) 1.3.3 จดั เก็บข้อมลู คอมพวิ เตอร์ จัดเก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์จะเก็บข้อมูลลงในอุปกรณ์ท่ีเก็บข้อมูลเพื่อให้สามารถนามาใช้ใหม่ได้ใน อนาคต เช่น ฮาร์ดดิสก์ ดิสก์เกตแผ่นซีดี และอุปกรณ์เก็บข้อมูลชนิดพอร์ตยูเอสบีไดร์ฟซ่ึงหน่วยเก็บข้อมวลนี้ สามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท คอื 1. หนว่ ยความจาหลกั สามารถแบง่ ตามลักษณะการเกบ็ ข้อมูลไดด้ ังน้ีคือ
14 (1) หน่วยความจาช่ัวคราว คือ หากเกิดไฟดับระหว่างใช้งาน ข้อมูลจะหาย เรียกว่า หนว่ ยความจา แรม (Random Access Memory : RAM) รูปที่ 1.24 แรม (RAM) (ทีม่ า : http://www.taringa.net) (2) หน่วยความจาถาวร (Read Only Memory : Rom) คือ เป็นหน่วยความจาถาวรท่ีเก็บ ข้อมูลไว้ในคอมพิวเตอร์ได้แม้ว่าจะไม่มีประจุไฟฟ้ามาหล่อเลี้ยงก็ตามจุดประสงค์หลัก ๆ ของรอม คือ การเก็บ ข้อมูลสาคญั ๆ ไว้เพือ่ ป้องกันการถูกเล่นงานจากไวรสั รปู ที่ 1.25 รอม (ROM) (ท่ีมา : www.bunniestudios.com) 2. หน่วยความจาสารอง คือ หน่วยความจาท่ีช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถเก็บข้อมูลได้มากข้ึนได้แก่ ฮารด์ ดสิ ก์ (Hard disk) แผ่นซดี ี และอุปกรณเ์ กบ็ ข้อมูลชนดิ พอรต์ ยูเอสบี
15 รปู ท่ี 1.26 ฮาร์ดดสิ ก์ (ที่มา : www.sinkardd.com) รูปท่ี 1.27 ยเู อสบีแฟลชไดร์ฟ (ท่ีมา : www.geeksugar.com) 1.3.4 แสดงผลข้อมลู เมื่อทาการประมวลผลแล้ว คอมพิวเตอร์จะแสดงผลลัพธ์ผ่านอุปกรณ์ที่ทาหน้าท่ีแสดงข้อมูลเช่น จอภาพ (Monitor) ลาโพง (Speaker) เคร่อื งพมิ พ์ (Printer) พลอ็ ตเตอร์ (plotter) เปน็ ต้น จอซีอารท์ ี (CRT) จอแอลซดี ี (LCD) จอแอลอดี ี (LED) รปู ที่ 1.28 จอภาพ (ทมี่ า : http://www.tohome.com)
16 รปู ที่ 1.29 ลาโพง (ทม่ี า : www.buycoms.com) เคร่ืองพมิ พ์ (Printer) ปัจจุบนั มี 4 ประเภท ไดแ้ ก่ 1. เคร่อื งดอตเมทริกซ์ (Dot Matrix) รปู ท่ี 1.30 เครอ่ื งดอตเมทริกซ์ (ทมี่ า : www.chkspec.com) 2. เครือ่ งพิมพ์แบบพน่ หมกึ (Ink–Jet Printer) รูปที่ 1.31 เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (ทีม่ า : www.taradplaza.com) 3. เครอื่ งพมิ พเ์ ลเซอร์ (Laser Printer)
17 รปู ท่ี 1.32 เครอ่ื งพิมพ์เลเซอร์ (ที่มา : www.fotofile.net) 4. พล็อตเตอร์ (plotter) รปู ท่ี 1.33 พลอ็ ตเตอร์ (ที่มา : www.printersiam.com)
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: