หนว่ ยท1ี่ ความหมายองค์ประกอบศิลป์ หวั ข้อเร่อื ง (Topics) 1.1 ความหมายขององค์ประกอบศลิ ป์ 1.2 ความสาคญั ขององค์ประกอบศลิ ป์ 1.3 ทศั นศลิ ป์ 1.4 ทัศนธาตุ แนวคดิ สาคญั (Main ldea) ในปจั จบุ นั เทคโนโลยกี า้ วเข้าสู่การนาสมยั ไม่วา่ จะมองไปทางใด จะพบวา่ คอมพิวเตอรไ์ ด้เขา้ มามีบทบาท ในงานต่าง ๆ มากย่ิงข้ึนรวมไปถึงงานดา้ นกราฟิกที่ไดม้ ีการนาเอาคอมพิวเตอร์เขา้ มาสร้างสรรค์ในช้ินงานการ ออกแบบและเกิดพฒั นาอย่างต่อเนือ่ ง ซึง่ ในหน่วยการเรียนนจ้ี ะศึกษาและทาความเข้าใจกบั คอมพิวเตอร์ที่ใช้ใน งานกราฟิก สมรรถนะย่อย (Element of Competency) แสดงความรเู้ ก่ียวกับความหมายองค์ประกอบศิลป์ จดุ ประสงคก์ ารปฏิบตั ิ (Performance Objectives) 1. บอกความหมายขององค์ประกอบศลิ ป์ 2. อธบิ ายเกี่ยวกบั หลักการขององคป์ ระกอบศิลป์ 3. อธิบายเกยี่ วกับทศั นศลิ ป์ 4. อธิบายเกยี่ วกับทศั นธาตุ
1.1 ความหมายขององคป์ ระกอบศลิ ป์ คาว่าองค์ประกอบ ตามความหมายพจนานุกรมราชบณั ฑิตยสถาน คอื สว่ นตา่ งๆ ที่ประกอบกนั ทาให้เกดิ รูปรา่ งใหม่ข้ึนโดยเฉพาะ องคป์ ระกอบศิลป์ หมายถึง ส่งิ ท่ศี ิลปินและนักออกแบบใช้เป็นส่ือในการแสดงออกและสร้างความหมาย โดยนามาจัดเขา้ ดว้ ยกันและเกิดรูปร่างอนั เด่นชัด องค์ประกอบศลิ ป์ ยังเปน็ เครอื่ งหมายหรือรปู แบบที่นามาจัดรวมกันแลว้ เกิดรปู รา่ งต่างๆทแี่ สดงออกใน การสอ่ื ความหมายและความคดิ สร้างสรรคแ์ ละเปน็ ศิลปะที่มนษุ ย์สรา้ งขึ้นเพ่ือแสดงออกทางอารมณ์ ความรสู้ ึก ความคดิ หรือความงดงามซึ่งประกอบดว้ ยส่วนท่มี นุษยส์ ร้างขึน้ และส่วนทเ่ี ป็นการแสดงงออกอันเป็นผลทเ่ี กิดจาก โครงสร้างทางวตั ถุต่างๆสว่ นประกอบตา่ งๆของศิลปะ เช่น จดุ เส้น รูปร่าง ขนานสัดสว่ น น้าหนัก แสงเงา ลกั ษณะ พ้ืนผิว ทว่ี า่ ง และสี 1.2 ความสาคัญขององคป์ ระกอบศิลป์ ในการสรา้ งสรรคผ์ ลงานศลิ ปะในสาขาต่างๆไมว่ า่ จะเปน็ สาขาวจิ ติ รศลิ ปห์ รอื ประยกุ ต์ศิลป์ผสู้ รา้ งสรรคต์ ้องมีความรู้ เบ้ืองตน้ ด้านศิลปะมาก่อน และศกึ ษาถงึ หลักการองค์ประกอบพืน้ ฐาน 1.2.1 องค์ประกอบที่สาคัญ การจัดวางองค์ประกอบเหล่านีน้ ้นั รวมถึงการกาหนดสี ในลักษณะตา่ งๆ เพิ่มเตมิ ให้เกิดความเข้าใจ เพ่ือ เวลาท่ีสร้างผลงานศิลปะจะได้ผลงานท่มี ีคุณคา่ ความหมายและความงามเป็นท่ีน่าสนใจแกผ่ ู้พบเห็น หากสร้างสรรค์ ผลงานโดยขาดองคป์ ระกอบศิลป์ ผลงานนั้นอาจดูด้อยค่า หมดความหมายหรือไมห่ นา้ สนใจไปเลย ดังนน้ั จะเห็นได้ ว่าองค์ประกอบศิลป์นน้ั มีความสาคัญอย่างมากในการสรา้ งงานศลิ ปะ องค์ประกอบศิลป์ เปน็ เสมือนหวั ใจดวงหน่ึงของการทางานศลิ ปะ เพราะในงานองคป์ ระกอบศลิ ปห์ นึง่ ชิ้น จะประกอบไปดว้ ย การรา่ งภาพ(วาดเสน้ ) การจัดวางใหเ้ กิดความงาม (จัดภาพ) และการใชส้ (ี ทฤษฎีส)ี ซ่ึงแตล่ ะ อยา่ งจะต้องเรียนรสู้ รู่ ายละเอียดลึกลงไปอีก องคป์ ระกอบศิลป์จงึ เป็นพน้ื ฐานสาคัญทีร่ วบรวมความรหู้ ลายๆอยา่ ง ไวด้ ว้ ยกัน จงึ ต้องเรยี นรู้ก่อนทจ่ี ะศึกษาในเรื่องอน่ื ๆ (อนนั ต์ ประภาโส) องคป์ ระกอบศิลป์ จดั เปน็ วชิ าทมี่ ีความสาคัญสาหรบั ผศู้ ึกษางานศิลปะ หากวา่ ความรู้ความเขา้ ใจในวิชาน้ี แล้ว ผลงานท่ีสรา้ งขึน้ มากย็ ากทปี่ ระสบความสาเร็จ โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ งานศิลปะสมยั ใหม่ทีม่ กี ารแสดงเฉพาะ เสน้ สี แสง เงา น้าหนกั พนื้ ผิว จังหวะ และบรเิ วณทว่ี า่ ง มีความจาเป็นอยา่ งยิ่งตอ้ งนาหลกั กรองคป์ ระกอบศิลป์มาใช้
1.2.2 หลกั การจัดองคป์ ระกอบพ้นื ฐาน 1. เอกภาพ(Unity) หมายถึง ความเปน็ อันหนง่ึ อนั เดยี วกัน ความสอดคล้องกลมกลืน เป็นหน่วย เดยี วกัน ดว้ ยการจัดองค์ประกอบให้มคี วามสัมพนั ธเ์ กย่ี วข้องกันเปน็ กล่มุ ก้อนไมก่ ระจดั กระจาย โดยการจัด ระเบียบของรปู ทรง จงั หวะ เน้ือหาให้เกิดดลุ ยภาพจะได้ส่ืออารมณ์ ความรู้สกึ ความหมายได้ง่ายและรวดเร็ว ภาพที่มเี อกภพ ภาพท่ีไมม่ เี อกภาพ รูปท่ี 1.1 การจดั องค์ประกอบ 2. ดุลยภาพ (Balance) ความสมดุลหรอื ดุลยภาพ หมายถึง ความเทา่ กนั เสมอกนั มนี ้าหนกั หรอื ความ กลมกลืนพอเหมาะพอดี โดยมีแกนสมมตทิ าหน้าท่ีแบ่งภาพให้ซ้ายขวา บน ล่าง ให้เท่ากนั การเท่ากันอาจไม่ เท่ากันจริง ๆ ก็ได้ แต่จะเท่ากันในความรูส้ กึ ตามทต่ี ามองเห็นความสมดุลแบ่งเป็น 2 ประเภท ดงั นี้ (1) ความสมดลุ 2 ขา้ งเท่ากนั (Symmetrical Balance) หมายถงึ การจัดวางองคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ของ ศลิ ปะใหท้ ้ัง 2 ขา้ งแกนสมมติมขี นาด สัดส่วน และน้าหนกั เท่ากัน หรือมรี ปู แบบเหมือนกันคล้ายกัน (2) ความสมดลุ 2 ข้างไม่เทา่ กัน (Asymmetrical Balance) หมายถึง การจัดองค์ประกอบของศิลปะ ทั้ง 2 ขา้ งแกนสมมติมีขนาดสดั ส่วนนา้ หนกั ไม่เท่ากนั ไม่เหมือนกัน ไมเ่ สมอกัน แต่สมดลุ กนั ในความร้สู ึกความ สมดุล 2 ข้างไม่เท่ากนั คือภาพมีความสมดุลของเนือ้ หาและเร่ืองราวแตไ่ ม่เท่ากนั ในเร่ืองขนาด นา้ หนัก 3. จดุ เด่น (Dominance) หมายถึงสว่ นสาคญั ที่ปรากฏชัด สะดดุ ตาทส่ี ดุ ในงานศลิ ปะ จดุ เดน่ จะช่วย สรา้ งความน่าสนใจในผลงานให้ภาพเขยี นมีความสวยงาม มีชีวติ ชีวายิง่ ขนึ้ จุดเดน่ เกดิ จากการจดั วางท่ี เหมาะสม และร้จู ักการเนน้ ภาพ (Emphasis) ท่ดี ี จดุ เดน่ มี 2 แบบ คอื (1) จุดเดน่ หลกั เป็นภาพท่ีมีความสาคญั มากท่ีสุดในเรื่องท่ีจะเขยี น แสดงออกถงึ เรื่องราวที่ ชัดเจน เดน่ ชดั ท่ีสุดในภาพ (2) จดุ เด่นรอง เปน็ ภาพประกอบของจุดเด่นหลกั ทาหนา้ ท่ีสนบั สนุนจดุ เดน่ หลัก ให้ภาพมีความสวยงาม ยิ่งขึ้น เช่น ในภาพจดุ เด่นรองไดแ้ ก่ รูปเรือ 4. ความขัดแยง้ (Contrast) ขัดแยง้ ดว้ ยรูปทรงขดั แย้งดว้ ยขนาดขัดแย้งดว้ ยเส้นขัดแย้งดว้ ยผิวขัดแย้ง ด้วยสคี วามขัดแย้งทก่ี ลา่ วมาถกู จดั วางเพื่อใหเ้ กิดความงามทางศลิ ปะ
5. ความกลมกลนื (Harmony) ภาพดา้ นลา่ งเป็นความกลมกลืนด้านเรอ่ื งราวทส่ี อดคล้องเป็นเรื่องราว เกี่ยวกับธรรมชาติ และเปน็ ความกลมกลืนในเรื่องสีวรรณะเดยี วกัน 1.3 ทัศนศลิ ป์ ทัศนศิลป์ คือ กระบวนการถ่ายทอดผลงานทางศลิ ปะ การทางานศิลปะอยา่ งมจี ติ นาการความคิด สรา้ งสรรคม์ รี ะบบระเบยี บเป็นขัน้ เป็นตอนการสร้างสรรค์งานอยา่ งมปี ระสิทธิภาพสวยงาม มกี ารปฏิบัติงานตาม แผนและมีการพฒั นาผลงานใหด้ ีขน้ึ ต่อเนื่อง ทัศนศิลป์คอื การรบั รู้ทางจักษุประสาท โดยการมองเหน็ สสาร วัตถุ และสรรพสิ่งตา่ ง ๆ ทีเ่ ข้ามากระทบ รวมถงึ มนุษย์ และสตั ว์ จะด้วยการหยุดนงิ่ หรือเคล่ือนไหวกต็ าม หรอื จะด้วยการปรุงแต่ง หรือไม่ปรุงแต่งกต็ าม กอ่ ให้เกดิ ปัจจัยสมมุตติ อ่ จติ ใจ และอารมณ์ของมนุษย์ อาจจะเปน็ ไปในทางเดียวกันหรือไม่ก็ตาม ทัศนศลิ ป์เปน็ การแปลความหมายทางศิลปะ ท่ีแตกต่างกันไปแตล่ ะมุมมอง ของแต่ละบคุ คล ในงานศลิ ปะ ช้นิ เดียวกัน ซ่ึงไรข้ อบเขตทางจนิ ตนาการ ไม่มกี รอบทแ่ี นน่ อน ข้ึนกับอารมณ์ของบุคคลในขณะทัศน์ศลิ ป์นน้ั แนวคิดทัศนศลิ ป์เป็นศิลปะที่รับรไู้ ด้ด้วยการมอง ได้แก่รปู ภาพวิวทิวทัศน์ท่วั ไปเป็นสาคัญอันดบั ตน้ ๆ รปู ภาพคน เหมอื น ภาพล้อ ภาพส่ิงของต่างๆกล็ ้วนแล้วแตเ่ ป็นเร่อื งของทศั นศิลปด์ ว้ ยกันทั้งส้ิน ซ่งึ ถ้ากลา่ วว่าทัศนศลิ ป์เปน็ ความงามทางศิลปะท่ีไดจ้ ากการมอง หรอื ทศั นา น่นั เอง รปู ท่ี 1.3 ภาพทัศนศิลป์แบบไทย
1.4 ทัศนธาตุ 1. จดุ (Dot) หมายถงึ รอยหรือแตม้ ท่ีมีลกั ษณะกลมๆ ปรากฏทีผ่ ิวพ้นื ไม่มีขนาด ความกว้าง ความยาว ความหนา เปน็ ส่งิ ที่เลก็ ทส่ี ุดและเปน็ ธาตเุ ร่มิ แรกทที่ าใหเ้ กิดธาตุอนื่ ๆ ขึ้น จดุ เปน็ ตน้ กาเนิดของเส้น รูปรา่ ง รปู ทรง แสงเงา พ้นื ผิว ฯลฯ เช่น นาจุดมาวางเรียงตอ่ กันจะเกิดเปน็ เสน้ และการนาจดุ มาวางให้เหมาะสมกจ็ ะเกดิ เป็นรูปรา่ ง รูปทรง และลกั ษณะผิวได้ 2. เสน้ (Line) คือ จุดหลาย ๆ จดุ ต่อกนั เป็นสาย เป็นแถวแนวไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งเปน็ ทางยาว หรือจดุ ทเี่ คล่ือนที่ไปในทิศทางใดทศิ ทางหนึ่งด้วยแรงผลกั ดัน หรือรอยขูดขีดเขียนของวตั ถเุ ปน็ รอยยาว เสน้ นอน ให้ความรสู้ กึ กวา้ งขวาง เงยี บสงบนิ่ง ราบเรยี บ ผ่อนคลายสายตา เส้นตัง้ ให้ความรสู้ กึ สงู สงา่ มั่นคง แข็งแรง รุ่งเรือง เสน้ เฉยี ง ให้ความรสู้ ึกไม่มั่นคง เคลอ่ื นไหวรวดเรว็ แปรปรวน เสน้ โคง้ ให้ความรสู้ ึกอ่อนไหว สภุ าพอ่อนโยน สบาย นมุ่ นวล เย้ายวน เส้นประ ––––––– ใหค้ วามรู้สึกไมต่ ่อเนื่อง ไม่มั่นคง ไม่แน่นอน 1.4.2 รูปร่างและรูปทรง รูปรา่ ง (Shape) หมายถงึ เส้นรอบนอกทางกายภาพของวตั ถุ สงิ่ ของเครื่องใช้ คน สัตว์ และ พชื มี ลักษณะเป็น 2 มิติ มคี วามกวา้ งและความยาว รูปร่าง แบง่ ออกเปน็ 3 ประเภท คอื 1.รูปรา่ งธรรมชาติ (Natural Shape) หมายถงึ รูปร่างท่ีเกดิ ข้ึนเองตามธรรมชาติ เชน่ คน สัตว์ และ พชื เปน็ ตน้ 2.รูปรา่ งเรขาคณติ (Geometrical Shape) หมายถงึ รปู รา่ งทมี่ นุษย์สรา้ งข้ึนมีโครงสร้าง แนน่ อน เชน่ รปู สามเหลี่ยม รูปสเ่ี หล่ยี ม และรูปวงกลม เปน็ ตน้
3.รปู รา่ งอสิ ระ (Free Shape) หมายถงึ รูปร่างท่เี กิดขนึ้ ตามความต้องการของผสู้ รา้ งสรรค์ ให้ ความรูส้ กึ ท่เี ป็นเสรี ไม่มโี ครงสรา้ งท่ีแน่นอนของตวั เอง เป็นไปตามอทิ ธพิ ลของส่งิ แวดล้อม เชน่ รูปร่างของหยด น้า เมฆ และควนั เป็นต้น รูปที่ 1.4 รูปรา่ งและรปู ทรงเลขาคณิต รปู ทรง (Form) หมายถึง โครงสรา้ งท้งั หมดของวัตถทุ ่ีปรากฎแกส่ ายตาในลักษณะ 3 มิติ คือ มที ้ังสว่ นกว้าง ส่วนยาว ส่วนหนาหรอื ลึก คือ จะให้ความรู้สกึ เปน็ แทง่ มเี นอ้ื ทภ่ี ายใน มี ปรมิ าตร และมนี ้าหนัก รปู ท่ี 1.5 รูปมิตแิ ละเงา 1.4.3 สี พ้นื ผิว การใชผ้ วิ น้าหนักอ่อน-แก่ (Value) หมายถึง จานวนความเข้ม ความอ่อนของสตี า่ ง ๆ และแสงเงาตามที่ ประสาทตารับรู้ เมอ่ื เทยี บกับนา้ หนกั ของสีขาว-ดา ความออ่ นแกข่ องแสงเงาทาให้เกดิ มติ ิ เกดิ ระยะใกลไ้ กลและ สัมพันธ์กับเรื่องสีโดยตรง สี (Color) หมายถึง สิ่งท่ีปรากฏอยู่ท่ัวไปรอบ ๆ ตัวเรา ไม่วา่ จะเปน็ สีทเ่ี กดิ ข้ึนเองในธรรมชาติ หรอื ส่งิ ที่มนษุ ย์สรา้ งขึน้ สีทาให้เกิดความร้สู กึ แตกต่างมากมาย เช่น ทาให้รสู้ ึกสดใส รา่ เริง ตื่นเต้น หมน่ หมอง หรอื เศรา้ ซึมได้ เป็นต้น
สแี ละการนาไปใช้ 1.วรรณะของสี (Tone) จากวงจรสีธรรมชาติ ในทางศิลปะได้มีการแบ่งวรรณะของสีออกเป็น 2 วรรณะ คือ สีวรรณะรอ้ น ได้แก่สีที่ให้ความร้สู กึ อบอุน่ หรือรอ้ น เชน่ สีเหลือง สม้ เหลอื ง ส้ม ส้ม แดง แดง มว่ งแดง เปน็ ตน้ ส่วนสวี รรณะเย็น ไดแ้ ก่ สีทใี่ หค้ วามรสู้ ึกเยน็ สงบ สบาย เช่น สีเขยี ว เขยี ว เหลือง เขียวน้าเงิน นา้ เงนิ ม่วงน้าเงิน มว่ ง เปน็ ตน้ 2.ค่าของสี (Value of color) หมายถงึ สีใดสหี นึง่ ทาใหค้ ่อย ๆ จางลงจนขาวหรอื สวา่ งและทาให้ค่อย ๆ เข้มขนึ้ จนมืด 3.สเี อกรงค์ (Monochrome) หมายถึง สที แี่ สดงอิทธิพลเด่นชัดออกมาเพยี งสีเดยี ว หรือใชเ้ พยี งสี เดียวในการเขยี นภาพโดยใหค้ ่าของสีออ่ น กลาง แก่ คล้ายกบั ภาพถ่าย ขาว ดา 4.สีสว่ นรวม (Tonality) หมายถงึ สีใดสีหนึ่งทีใ่ หอ้ ิทธพิ ลเหนือสีอื่นทงั้ หมด เช่น การเขยี นภาพ ทิวทัศน์ ปรากฏสีส่วนรวมเปน็ สีเขยี ว สีน้าเงนิ เปน็ ต้น 5.สที ี่ปรากฏเดน่ (Intensity) 6.สีตรงขา้ มกันหรือสีตดั กนั (Contrast) หมายถึง สีท่ีอยู่ตรงกนั ขา้ มในวงจรสธี รรมชาติ เชน่ สีแดงกับ สเี ขียว สนี ้าเงินกบั สสี ม้ สีม่วงกบั สีเหลอื ง 1.4.4 บริเวณวา่ ง (Space) หมายถงึ บริเวณท่ีเปน็ ความวา่ งไม่ใชส่ ว่ นที่เป็นรูปทรงหรอื เน้อื หา ในการจัดองคป์ ระกอบใดก็ตามถ้าปล่อยใหม้ พี น้ื ท่วี ่างมากและใหม้ รี ูปทรงน้อย การจดั น้ันจะให้ ความรูส้ ึกอา้ งอ้าง โดดเด่ยี ว 1.4.5 พืน้ ผวิ (Texture) หมายถงึ พน้ื ผิวของวตั ถุตา่ ง ๆ ที่เกดิ จากธรรมชาตแิ ละมนษุ ย์สร้างสรรค์ข้นึ พืน้ ผวิ ของวัตถุทีแ่ ตกตา่ งกัน ย่อมให้ความรูส้ กึ ที่แตกต่างกันด้วย สรุปสาระสาคัญ การจัดองค์ประกอบศิลป์ การจะวางวตั ถุ การใช้พน้ ที่ สัดส่วน การกาหนดเส้น สี แสง เงา การจัดวาง ตาแหนง่ วัตถุ และการใชช้ นดิ ของการจดั วัตถแุ บบต่าง ๆ ล้วนแลว้ แต่เปน็ องค์ประกอบศิลป์ก่อใหเ้ กดิ การลงตวั ของ ชน้ิ งาน
แบบฝึกหัดหนว่ ยท่ี 1 ความหมายองค์ประกอบศิลป์ คาส่งั จงตอบคาถามตอ่ ไปนี้ให้สมบรู ณ์ 1. ธาตุหมายถงึ อะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.ทศั นศิลปห์ มายถงึ อะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3.องคป์ ระกอบศลิ ป์คอื อะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. เอกภาพหมายถึงอะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5.ทัศนศลิ ป์กับทัศนธาตุต่างกันอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยหน่วยที่ 1 ความหมายองค์ประกอบศิลป์ คาส่ัง จงทาเครือ่ งหมายกากบาท (×) ทบั ขอ้ ทีถ่ กู ต้องทส่ี ุด 1. ข้อใดเปน็ หลกั การออกแบบในงานกราฟิก ก. มเี อกภาพ ข. ความเปน็ ปัจจบุ ัน ค. ความทนั สมัย ง. ความลา้ ลกึ 2. ขอ้ ใดไมใชห่ ลักการจดั องค์ประกอบศลิ ป์ ก. จุดเด่น ข. เอกภาพ ค. จุดสมดลุ ง. จุดรอง 3. หลักองค์ประกอบศิลปห์ มายถึงข้อใด ก. การนาองค์ประกอบต่างๆ ของศิลปะมาแยกเพื่อสร้างคุณค่า ข. การนาองค์ประกอบตา่ งๆ ของศิลปะมาสัมพนั ธก์ ันเพื่อใหเ้ กดิ คณุ ค่าทางความงาม ค. ผสมกลมกลืนให้เกิดมติ ิใหม่ ง. ถกู ทัง้ ข้อ ข. และ ค. 4. จดุ เดน่ ตรงกบั ข้อใด ก. Harmony ข. Contrast ค. Dominance ง. Unity 5. ความกลมกลนื ตรงกบั ข้อใด ก. Harmony ข. Contrast ค. Dominance ง. Unity
6. ความสมดุลตรงกบั ขอ้ ใด ก. Harmony ข. Contrast ค. Dominance ง. Unity 7. ลกั ษณะโดดเดน่ ของเอกภาพคืออะไร ก. ความเด่นชัด ข. ปรากฏชัด ค. ความเป็นหน่ึงเดียว ง. สร้างจดุ สนใจ 8. Contrast ตรงกบั ขอ้ ใด ก. ความขัดแย้ง ข. เอกภาพ ค. ความสมดลุ ง. ความกลมกลืน 9. สมดลุ แบ่งออกไดท้ ัง้ หมดกี่ประเภท ก. 2 ประเภท ข. 3 ประเภท ค. 4 ประเภท ง. 5 ประเภท 10. จุดเดน่ แบง่ ได้เป็นกีป่ ระเภท ก. 2 แบบ ข. 3 แบบ ค. 4 แบบ ง. 5 แบบ
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: