ประมวลเรอ่ื งการประชุมวิชาการทางสตั วแพทยและการเลีย้ งสัตว คร้ังที่ ๓๓ Proceedings of the 33rd Thai Veterinary Medical Associationโรงแรมโซฟเ ทล เซน็ ทารา แกรนด กรงุ เทพฯ ๓๑ ตลุ าคม - ๒ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๐ Sofitel Centara Grand Bangkok 31 October – 2 November 2007โรคสําคญั ทส่ี งผลกระทบตอ การเพาะเลย้ี งสตั วน้ําในประเทศไทย ชาญณรงค รอดคาํ ภาควชิ าจุลชวี วทิ ยา คณะสัตวแพทยศาสตร จฬุ าลงกรณมหาวิทยาลยัปจ จุบนั ลกั ษณะการเพาะเล้ียงสัตวน้ําในประเทศไทยได ตา ง ๆ มากข้ึน จึงเรยี บเรยี งและนําเสนอรายละเอียดโดยขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอยางรวดเร็วอยางเห็นไดชัดเจน ยอของโรคติดเช้ือตาง ๆ ในสัตวนํ้า รวมทั้งการรักษากลายเปนลักษณะของอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมการ และการปอ งกนั โรคไว โดยจาํ แนกโรคติดเชื้อในสัตวนํ้าเพาะเล้ียงสัตวน้ําเนนการเพม่ิ ผลผลิตใหเพยี งพอตอความ ทสี่ ง ผลกระทบตอการเพาะเล้ียงสัตวน้ําในประเทศไทยตองการของตลาดจนบางครงั้ เกดิ สภาพการเพาะเล้ียงสตั ว ออกตามประเภทของสัตวน้ํา ไดแก โรคติดเช้ือในปลานํ้ า ท่ี มี ค ว า ม ห น า แ น น ข อ ง จํ า น ว น สั ต ว นํ้ า ต อ พื้ น ที่ โรคตดิ เชอ้ื ในกุง ตา ง ๆ และโรคติดเชอ้ื ในกบเพาะเลย้ี งมากเกินไปหรอื ทเ่ี รียกวา Intensive aquaculture โรคติดเชอื้ ที่พบบอ ยในปลา (Infectious diseases inซึ่งสภาพการเลี้ยงเชนนี้มักกอใหเกิดปญหาตอสุขภาพ fishes)ของสัตวน้าํ และสง่ิ แวดลอ มไดงา ยเน่อื งจากการกอ ใหเกิดสภาพเครียดตอสตั วน ้ํา สภาพแวดลอมในการเลี้ยงไมถูก 1. โรคแผลตามลําตวั (Ulcerative disease)สุขลักษณะและเกิดการผลิตและสะสมของเสียจําพวก สาเหตุ เกดิ จากการตดิ เชื้อแบคทีเรียตา ง ๆ เชน แอโรโมสารอินทรียและอนินทรียตาง ๆ ข้ึนอยางมากมาย นาส ไฮโดรฟล ลา (Aeromonas hydrophila) และซูโดโมตัวอยางของสัตวนํ้าที่มีการเพาะเลี้ยงกันอยางหนาแนน นาส แอรูจิโนซา (Pseudomonas aeruginosa)ในประเทศไทยมีอยูหลายชนิด เชน ปลานิล ปลาทับทิม อาการ ระยะเร่ิมแรกปลามีอาการเกล็ดหลุดรวง สวนปลากระพง กุงกุลาดํา กุงขาว และกุงแชบวย หรือ บริเวณรอบๆเกล็ดท่ีหลุดออกน้ันเกล็ดจะตั้งขึ้นหรือเกิดแมกระทั่งสัตวครึ่งบกคร่ึงน้ําเชนกบ เปนตน ปญหา ลกั ษณะของดรอปซี่ (Dropsy) คืออาการตวั บวมและเกล็ดสุขภาพหรอื โรคตา ง ๆ ของสัตวน้ําในประเทศไทยที่เกิด ตั้ง ถาเปนปลาไมมีเกล็ดบริเวณน้ันจะบวมขึ้นและมีสีจากการเพาะเลี้ยงสัตวน าํ้ อยา งหนาแนนและขาดการดูแล แ ด ง ต อ ม า ผิ ว ห นั ง จ ะ เ ริ่ ม เ ป อ ย เ ป น แ ผ ล ลึ ก จ น เ ห็ นและจัดการทเี่ หมาะสมมมี ากมายหลายปญหา ซ่ึงลวนแต กลามเนื้อ โดยแผลท่ีเกิดจะกระจายไปทั่วตัวและเปนจะเพม่ิ ขึน้ ทกุ ๆ วันโดยเฉพาะอยางย่ิงปญหาของโรคติด สาเหตุใหปลาติดโรคเช้ือราแทรกซอนตอไป ปลาท่ีมักเชอ้ื ชนิดตา งๆ ไมว าจะเปนโรคติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส พบบอยวาเปน โรคน้ไี ดแก ปลาดุก ปลาบู ปลาชอน และเชื้อรา โปรโตซัว และปรสติ ตา งๆ ทางภาครัฐไมวาจะ ปลาสวยงามตา ง ๆเปนกรมประมง หรือกรมปศุสัตวไดใหความเอาใจใส การปองกนั และรักษาดูแลปญ หาโรคติดเชือ้ ตาง ๆ เหลาน้เี สมอมาไมวาจะเปน 1. ใชย าปฏชิ วี นะจาํ พวกไนโตรฟรู าโซน (Nitrofurazone)ในดา นการดแู ลสุขภาพ การตรวจวินิจฉัยหรือการรักษา ในอัตราสว น 1-2 มิลลิกรมั ตอน้ํา 1 ลติ ร แชน าน 2-3 วนัโรค สัตวแพทยก็เปนบุคคลากรอีกสายงานหนึ่งท่ีมี 2. แชป ลาทเี่ ปน โรคในสารละลายออกซเี ตตรา ซัยคลนิบทบาทสําคญั ที่จะมสี ว นชวยพัฒนาใหการเพาะเล้ียงสัตว (Oxytetracycline) หรือเตตรา ซยั คลนิ (Tetracycline) ในน้ําประสบผลสําเร็จมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะอยางยิ่งหนาท่ี อัตราสวน 10-20 มลิ ลกิ รมั ตอนาํ้ 1 ลติ ร นาน 1-2 วันในการตรวจวนิ จิ ฉัย ควบคมุ ปอ งกัน และรักษาโรคตาง ๆ ตดิ ตอ กนั 3-4 ครัง้ หรอื อาจใชย าปฏิชวี นะชนดิ อ่นื ๆในสัตวนํ้า เพื่อใหสัตวแพทยท่ีตองปฏิบัติงานทางดาน ตามความเหมาะสมหรอื ตามผลการตรวจหาความไวรับสัตวน ํ้ารวมทง้ั ผทู ต่ี องเกี่ยวของกับการเพาะเล้ียงสัตวน้ํา ของเชือ้ ตอยาปฏิชีวนะเกิดความเขาใจในรายละเอียดของโรคติดเชื้อในสัตวน้ํา 3. การฆาเชือ้ ในบอเลย้ี งโดยใชปูนขาวในอัตรา 50-60 กโิ ลกรมั /ไร 319
ประมวลเรื่องการประชมุ วิชาการทางสตั วแพทยแ ละการเล้ยี งสตั ว คร้งั ท่ี ๓๓ Proceedings of the 33rd Thai Veterinary Medical Associationโรงแรมโซฟเ ทล เซน็ ทารา แกรนด กรุงเทพฯ ๓๑ ตลุ าคม - ๒ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๐ Sofitel Centara Grand Bangkok 31 October – 2 November 20073. โรคคอรมั นารสิ (Columnaris disease) หรือ อาการ มีจดุ กลมขาวเลก็ ๆ ตามลําตัว จะสังเกตเห็นไดชัด ทคี่ รีบ ปลามีอาการควงสวา นเปน ครัง้ คราว บางครั้งปลาโรคตดิ เชือ้ แฟลกซแิ บคเตอร( Flexibacteriosis) จะเอาตวั ถูกับกระชงั พลกิ ตัวไปมาในปลาขนาดเล็กหากสาเหตุ เกิดจากแบคทีเรียในสกลุ ฟลาโวแบคทีเร่ียม ทิ้งไวระยะหนึ่งอาการจะเปล่ียนไป คือลําตัวจะคล้ําลง เร่ิมมีอุจจาระยาวติดอยูที่รูทวารหนัก ปลาไมกินอาหารFlavobacterium columnare (ชอื่ เดมิ คอื Flexibacter หรือกินอาหารนอยลงอยางเห็นไดชัดและ ชอบมา รวมกลุมท่ีผิวนํ้า มีการเปดปดของเหงือกท่ีผิดปรกติcolumnaris) และ แฟลกซแิ บคเตอร มาริติมสั หรือท่ชี าวบารเรียกวา ปลาหายใจหอบ และตายในท่ีสุด พ บ โ ร ค ไ ด บ อ ย ทั้ ง ใ น ป ล า ก ะ พ ง ข า ว แ ล ะ ป ล า ก ะ รั ง(Flexibacter maritimus) ตดิ เชอ้ื แทรกซอ นเขา ไป การรักษา ทําไดโดยการแชปลาในนํ้ายามาลาไคทกรีนหลงั จากปลาเกิดแผลถลอกตา ง ๆ โดยเฉพาะอยา งย่งิ แผล เขมขน 0.1 - 0.15 สวนในลานสวน (ppm.) ผสมถลอกหลงั จากการคัดแยก กับฟอรมาลีนเขมขน 25 สวนในลานสวน แชนาน 2-3 วัน โดยเปลี่ยนนํ้าและยาพรอมกับเปล่ียนภาชนะท่ีเลี้ยงอาการ ปลามักมีแผลเล็กๆ ตามตวั หางกุด มีตะกอนสี ปลาดวยทุกวนั และควรรีบรกั ษาเมอ่ื ปลาเรมิ่ เปน โรคเหลืองบริเวณแผลเหลา นค้ี ลายโรคเหงอื กเปอ ย แตมี การปอ งกัน ทําโดยการทําความสะอาดและฆาเชื้อกระชัง สวงิ และอุปกรณอืน่ ๆ ทใี่ ชอยางสม่ําเสมอ และในชวงท่ีลกั ษณะท่แี ตกตางออกไป คือ ปลาจะมเี กลด็ สําหรบั อากาศเย็น ๆ แมปลาไมเปนโรคก็ควรแชยาสัปดาหละ คร้ัง และเลี้ยงปลาดวยอาหารท่ีมีคุณคาทางโภชนาการอาการในปลากะรงั ซึ่งอยใู นนํ้าเคม็ มเี กล็ดหลุดเปน แถบๆ ครบถวนอยูตลอดเวลา จะชวยใหปลาแข็งแรงตานทานมองดูเหมือนแผลไฟไหมหรือนํ้ารอ นลวก โรคอกี ทางหนง่ึการรกั ษา ทาํ โดยผสมยาออกซเิ ตตราไซคลิน 5. โรคหนอนสมอ (Lerneosis) สาเหตุ เกิดจากหนอนสมอ (Lernia) จะมีลักษณะคลาย(Oxytetracycline) ใหปลากินในอตั ราสวน 150-200 สมอ ยาวเหมือนเสนดาย มีความยาว 6-12 มิลลิเมตร กวา ง 0.5-1.2 มิลลิเมตร เมื่อวงจรของหนอนสมอโตเต็มมิลลิกรัม ตอ อาหาร 1 กิโลกรมั พรอมกับแชปลาในดาง วัยแลวจะเปน อนั ตรายกบั ปลา โดยท่ีหนอนสมอ จะเจาะ ท่ีลําตัวของปลาทําใหปลาติดเชื้อ และจะวางไขบนทับทบิ เขมขม 2 สวนในลา นสว น (ppm.) นาน 30 นาที ผวิ หนงั ของปลาดว ยวนั ละครง้ั เปน เวลาตดิ ตอ กนั นาน 3 วนั อาการ ปลาจะมีอาการซึม เบื่ออาหาร ผอมแหง กระพุง แกม เปด อา มีจดุ สีแดงเปน จํา้ ๆ ตามลําตวั ครบี และเหงอื กการปองกัน ตอ งคดั ปลาอยางระมัดระวังไมใหเกล็ดหลุด อาจจะมีอาการอกั เสบรว มดวยหรือผิวหนังถลอก โดยเฉพาะในฤดูรอ น ควรคดั แยกปลา การรักษา ใชม าลาไคทก รีนความเขม ขน 0.1 สวนในลา น สวน (ppm.) แชต ิดตอ กันประมาณ 5 ครง้ั แตละครง้ั หา งเฉพาะชวงเชาหรอื ชว งเย็นเทานั้น เพือ่ เปน การลด กันประมาณ 1 สัปดาหความเครียดใหแ กปลา การปองกนั ทําไดโ ดยเม่ือนาํ ปลาใหมจากท่ีอื่นมาเลี้ยง ควรสุมปลาตรวจกอนลงเลีย้ ง หากพบหนอนสมอควร4. โรคจุดขาว (White spot disease)สาเหตุ เกดิ จากซลิ เิ อตโปรโตซวั (Cilicate protozoa) ที่เกิดโรคกับปลานํ้ากรอยและนาํ้ เคม็ จัดอยูในสกุลครบิ โตแครีออน (Cryptocaryon sp.) และ ทเ่ี กิดโรคกับปลาน้าํจืดจดั อยูในสกุล อิ๊กไทออฟทิเรียส Ichthyophthirius sp.หรือที่เรียกกนั วาอ๊ิก (Ich) โปรโตซัวจะเขา มาเกาะตามภาชนะท่ใี ชอนุบาลหรือเล้ยี ง หรอื ตามวตั ถใุ นแหลงน้ําเมอ่ื สภาวะแวดลอ มเหมาะสม เชน อากาศเย็นท่จี ะแตกตวัออกมาวา ยน้าํ เขามาเกาะปลาบริเวณผวิ ตัวและเหงือก ทาํใหเ ซลลบผุ ิวของผวิ ตวั และเหงอื กเพมิ่ จํานวนหนาขนึ้มาก เกดิ ความผดิ ปกตจิ นเหงือกแลกเปลี่ยนออกซิเจนไดนอยลงหรอื ไมสามารถแลกเปล่ยี นออกซิเจนไดจนกระทง่ั ปลาตายได 320
ประมวลเรอื่ งการประชุมวิชาการทางสตั วแพทยและการเล้ียงสัตว ครงั้ ท่ี ๓๓ Proceedings of the 33rd Thai Veterinary Medical Associationโรงแรมโซฟเ ทล เซน็ ทารา แกรนด กรุงเทพฯ ๓๑ ตลุ าคม - ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ Sofitel Centara Grand Bangkok 31 October – 2 November 2007กาํ จดั ดวยมาลาไคทก รีน กอนปลอยลงเล้ียงรวมกบั ปลา อาการ สีลําตัวจะคลาํ้ ลง ครีบหลังหรือครีบหางจะขาดลุยอ่นื เหงอื กอาจซีดและช้ํา พบโรคบอยทงั้ ในปลากะพงขาว ปลากะรงั และปลาชนดิ อื่น ๆ6. โรคปลงิ ใส (Flukes infestation)สาเหตุ เกิดจากปรสิตพวกตวั แบน (Fluke) หรือที่เรยี กวา การรกั ษา แชปลาในฟอรมาลนี เขมขน 250 สวนในลานปลิงใส ซง่ึ แบง เปน ปลงิ ใสทผี่ ิวหนัง (Skin flukes, สวน (ppm.) นาน 30 นาที เพยี งครงั้ เดยี วGyrodactylus ) และปลงิ ใสที่เหงอื ก (gill flukes,Dactylogyrus) จดั อยูในกลุม monogenetic trematode การปองกัน ทาํ โดยการหมนั่ ทาํ ความสะอาดกระชัง เพาะเลีย้ ง โดยการเปล่ยี นกระชงั บอ ย ๆ (2 เดือนตอ ครงั้อาการ ปลิงใสเขาไปเกาะตามตัวและเหงือก สีลําตัวจะ เปนอยา งตํ่า) ฆา เชอ้ื โรคที่กระชังโดยการแชใ นน้ํายาคล้าํ ลง อากระพุงแกม ทผ่ี ิวน้ํา เมื่อเปดดูเหงือกจะเห็นขีด คลอรีนเขมขน 30 กรัม ตอนํ้า 1,000 ลติ ร นาน 2 คืน แลวขาวเล็กๆ ติดอยูและหากมีปรสิตเกาะอยูมากๆ จะ นาํ ไปตากใหแหงมองเห็นเหงือกมีสภาพแดงชํ้าเปนชวงๆ ปลากินอาหารนอยลงกวาปกติ และมีอัตราการตายสูงถึง 40 % พบทั้ง 8. โรคเห็บปลา (Fish’s tick infestation)ในปลากะพงขาวและปลากะรงั สาเหตุ เกิดจากปรสติ ในสกุล Caligus sp. ไปเกาะทีใ่ ต เกลด็ ดูดเลือดปลา และทําใหเ กดิ แผลขน้ึการรักษา1. แชใ นนํ้ายาดิพเทอรเ รก็ ซเ ขมขน 0.25 - 0.5 สวนใน อาการ ระยะแรกปลาจะพลิกตัวเพอื่ ถูกับกระชังบอย หากลานสวน (ppm.) นาน 2-3 วัน โดยเปลยี่ นนาํ้ และยาทุก สงั เกตดีๆ จะมองเหน็ เหบ็ ปลาตัวใสๆ เกาะอยูตามลาํ ตวัวนั ระยะตอมาจะเหน็ ครีบชํา้ บางครั้งเกลด็ ชา้ํ มเี ลือดออก2. แชใ นฟอรม าลีนเขม ขน 250 สวนในลานสวน (ppm.) หรอื ตกเลอื ดตามซอกเกลด็ และในท่ีสดุ มีแผลเกิดข้นึ ตามนาน 30 นาที วนั ละครงั้ ติดตอ กัน 3 วนั หรือจนกระทัง่ ลําตวั และตาย ปลา ท่ีไมต ายแตม ีแผลอาจไดรบั การติดหาย เมือ่ เรมิ่ มอี าการตอ งรีบรักษาหากท้ิงไวนานเมอื่ เชื้อแทรกซอ นจากเชอื้ แบคทีเรียหรือเชือ้ ราจนกระท่งั ตายปรสติ ขยายพนั ธุจะมีผลทําใหอ ตั ราการตายสูงมาก แมจะ ไดเปน ปลาขนาดโตถงึ 12 น้ิวกต็ ายได การปองกัน ทําโดยการสุมปลามาตรวจหากพบวามีการปองกนั ทาํ ไดโ ดยเมอ่ื นําปลาใหมจากที่อนื่ มาเลย้ี ง ปรสิตตัวนี้อยูแมเพียงเล็กนอย ตองกําจัดใหหมดกอนควรสุมปลามาตรวจกอ นนาํ ลงเลี้ยง หากพบปลิงใสเพยี ง ปลอยลงแหลง เพาะเล้ียงและพยายามดูแลปลาใหแข็งแรงเล็กนอยควรกําจัดดวยนํา้ ยาฟอรมาลนี เขม ขน 250 สว น จะมภี ูมิตานทานไมต ดิ เชือ้ ไดงา ยในลา นสวน (ppm.) นาน 30 นาที กอ นปลอยลงเลี้ยงรวมกับปลาอนื่ 9. โรคสเตรปโตคอคโคซีสหรือโรคสมองและเยื่อหุม สมองอักเสบจากเชื้อสเตรปโตคอคคัส (Streptococcosis7. โรคเห็บระฆงั (Trichodina infestation) or Streptococcal meningoencephalitis)สาเหตุ เกิดจากซีลีเอด โปรโตซัว (Ciliate protozoa) ใน สาเหตุ เกิดจากแบคทีเรียในสกุลสเตรปโตคอคคัสสกุล ทริคอดินา (Trichodina sp.) ซึ่งเรียกกันทั่วไปวา (Streptococcus sp.) โดยเฉพาะอยางย่ิง Streptococcusเหบ็ ระฆัง โปรโตซัวชนิดนี้สามารถเพิ่มจํานวนไดดีใน iniae และ S. agalactiae เขา ไปทําลายอวัยวะภายใน โดยแหลงนํ้าทีม่ กี ารถา ยเทนา้ํ ไมด ี หรอื แหลง น้าํ ท่สี กปรกจาก ติดเช้ือทงั้ จากอาหารจากการนําปลาเปนโรคเขาฟารม มักการใหอาหารมากเกนิ ไป อาหารท่ีเหลือจะเปนของเสียที่ พบโรคในปลานลิ และปลานิลทับทิมตกตะกอนสะสมอยทู ีพ่ ้ืนดินจะเปนท่ีอยูอาศัยของปรสิตพวกนี้ สภาพแวดลอมที่ไมดีจะทําใหปลาออนแอปรสิต อาการ ปลาวายน้ําเฉ่ือยมาก หรือลักษณะการวายน้ําจะเขา ไปเกาะทําลายปลาทนั ที เปล่ียนไป ตาโปนออกมา และมีแผลนูนชํ้าบริเวณโคน ครีบหลัง เมื่อผาซากจะพบลักษณะตับบวมโตและช้ํา มา มและไตบวมโต 321
ประมวลเร่อื งการประชมุ วิชาการทางสัตวแพทยแ ละการเลย้ี งสตั ว คร้ังที่ ๓๓ Proceedings of the 33rd Thai Veterinary Medical Associationโรงแรมโซฟเ ทล เซน็ ทารา แกรนด กรุงเทพฯ ๓๑ ตลุ าคม - ๒ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๐ Sofitel Centara Grand Bangkok 31 October – 2 November 2007การรักษา ใชยาปฏิชีวนะ เชน ออกซิเตตราไซคลิน การรกั ษา ยังไมม ยี าและสารเคมีท่ีใชใ นการรกั ษา(Oxytetracycline) ผสมอาหารในอัตราสวนยา 150มิลลิกรัม/อาหาร 1 กิโลกรัม ใหกินติดตอกัน 5 วัน การปองกนั ในชว งอนุบาลลกู ปลาวัยออนมาอนบุ าลเปน ปลาวยั รนุ ใหใ ชลกู ปลาท่ีเกดิ จากไขร นุ แรกของแมปลาการปอ งกนั ทําไดโดยใหปลากินอาหารท่ีสดอยูเสมอ ไมควรนําปลาเปนโรคมาเลีย้ งปนกับปลาท่ีไมเปนโรค ควร เทา น้ัน หลกี เล่ียงการใชล ูกปลาจากไขท ีฟ่ ก รุนหลงั ๆ จะผา นการตรวจและรกั ษาใหหายเสยี กอ น ชวยลดการเกดิ โรคน้ใี นโรงเพาะฟกไดมาก10. โรคหูดปลา(Lymphocytosis) 12. โรคอริ ิโดไวรัส (Iridovirus disease)สาเหตุ เกิดจากไวรสั จาํ พวก ลิมโฟซิสตสิ(lymphocystis) สาเหตุ เกดิ จากเชอื้ ไวรสั ในกลุมอิรโิ ดไวรัส (iridovirus) เขาไปทาํ ลายอวัยวะสรา งเลือด ซึ่งมอี ยูในไต และมา มอาการ เชื้อไวรัสจะเขาไปทาํ ใหเ ซลลผวิ หนงั ขยายตวัอยา งผิดปกติ ทําใหเ กิดการนูนขึ้นมาของเนอ้ื เยอื่ บน อาการ ออนเพลีย ลาํ ตัวซีด ไมก ินอาหาร ตายอยา งผิวหนงั สว นตางๆ ของปลา ทาํ ใหมตี ุมเลก็ ๆ ใสคลา ยเมด็ เฉียบพลนั ภายในระยะเวลา 2 - 3 วนั หลังจากแสดงสาคูจบั กนั เปนกอนตดิ อยตู ามครีบ และครบี หาง ขนาด อาการ พบโรคนบี้ อยในปลากะพงแดง และปลากะพงและจาํ นวนของตมุ เหลา น้ัน แตกตา งกันออกไป ตมุ ขาวเหลา นจ้ี ะมลี กั ษณะเปน เมด็ เลก็ ๆ รวมกนั เปนกลมุ เม่ือ การรกั ษา ยังไมมียาและสารเคมีในการรักษาสัมผัสดูจะมีความออ นนุม พบโรคไดบอยในปลากะพง การปองกัน ควรหลกี เลยี่ งการคัดแยกหรือขนยายปลาในขาวและปลาสวยงามตา งๆการรักษา ไมต อ งใชย า เมื่อพบโรคน้ี ใหดูแลสขุ ภาพปลา ฤดูแลง และควรพถิ ีพิถนั ในการจับปลา เมอ่ื ยา ยบอ หรอืใหแ ขง็ แรง ประมาณ 30 – 40 วนั กอน เนอ้ื น้ันกจ็ ะหาย กระชังไปเอง โรคตดิ เชือ้ ท่พี บบอ ยในกงุ ชนดิ ตาง ๆ (Infectiousการปองกัน อยา นําปลาเปน โรคมาเลี้ยงรวมกบั ปลาปกติ diseases in shrimps)พรอมกับดูแลสขุ ภาพปลาใหแขง็ แรงอยูเสมอ11. โรคระบบประสาทตาและสมองเส่ือมจากเช้ือไวรัส 1. โรคตวั แดงดวงขาว (White spot disease)(viral encephalopathy and retinopathy) หรือโรคควง สาเหตุ เกดิ จากเชือ้ ไวรสั ไวท สปอรท ซินโดรม (whiteสวาน spot syndrome virus, WSSV) WSSV เปน เชื้อไวรัสท่ีสาเหตุ เกดิ จากเชื้อไวรสั ในกลุมโนดา ไวรสั (Nodavirus) เขาไปทาํ ลายเซลลเ ยอื่ บุผิวใตเ ปลอื ก เหงอื ก อวัยวะสรางเขา ไปทําลายระบบประสาท สมอง และตา เม็ดเลือด ตอ มนํ้าเหลอื งและเมด็ เลือด โดยทาํ ใหอาการ เริ่มตนดวยการลอยตวั ขึ้นมาทผ่ี วิ นาํ้ เปน ครัง้ คราวโดยวา ยนํ้าขน้ึ มาหมนุ ตวั ควงสวาน แลว จมลงไปอกี นวิ เคลียสของเซลลตา ง ๆ เหลา นน้ั มลี กั ษณะบวมโต มกัอาการเชน นี้ เปนอยูน านประมาณ 2-3 วนั กจ็ ะลอยตัวอยู เกดิ โรคในกุงกลุ าดํา(Penaeus monodon)ท่ผี วิ นาํ้ อยา งถาวร และเปลย่ี นเปน อาการตัวงอ ทองบวม อาการ กงุ มลี ําตวั สแี ดงและมักจะพบดวงสีขาวมีมากกวาปกติ ในปลาวยั ออ นและวยั รุนจะตาย ประมาณ เสน ผาศนู ยก ลาง 0.1-2 มม. ท่ีเปลือกรวมดวย กุง เปนโรค90-100% ภายใน 1-2 วัน หลงั จากแสดงอาการ แตในปลา จะวายนํ้าบรเิ วณผิวนา้ํ หรือเกยขอบบอ ไมม ีแรงดีดตวั กนิขนาดโตกวานนั้ จะตายชา อาจใชเวลานานเปนเดือน พบ อาหารลดลงบางครงั้ มีอาการลอกคราบไมอ อกหรือลอกโรคบอ ยในปลาเกา คราบแลวไมแขง็ ตวั ตัวน่ิม กุงทเ่ี ปน โรคจะคอ ยๆ ทยอย ตายไปเรอื่ ยๆ ภายใน 4-5 วัน กงุ ตายสงู ถงึ 80-100% แต ถามีการจัดการบอ ทด่ี จี ะสามารถยดื อายกุ ารตายออกไป ได การรักษา ยังไมมียาและสารเคมเี ฉพาะในการรกั ษา การปองกัน ลดปรมิ าณอาหาร 10-20 % พรอ มท้ัง 322
ประมวลเร่อื งการประชุมวชิ าการทางสัตวแพทยและการเลีย้ งสัตว ครงั้ ท่ี ๓๓ Proceedings of the 33rd Thai Veterinary Medical Associationโรงแรมโซฟเ ทล เซน็ ทารา แกรนด กรงุ เทพฯ ๓๑ ตุลาคม - ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ Sofitel Centara Grand Bangkok 31 October – 2 November 2007ปรบั ปรงุ คณุ ภาพนํ้าและสภาพพื้นบอใหดีโดยใชปนู ขาว อาการ โรคมักเกิดกับกุง P. vannamei ในระยะโพสลาร2-5 กก./ไร สาดไปท่ัวๆ บอ จากนน้ั ใชคลอรนี ผง 0.5-1 วา (Post larva, PL) ในชวง 14-40 วัน หลังจากลูกกุงลง อยูในบอเลยี้ ง แตบ างกรณีก็จะเกิดในกุงระยะโตกวานี้ไดกก./ไร โรยทวั่ บอในชวงกอนใหอาหาร 1 ชั่วโมงทาํ ทุก ลกั ษณะอาการท่สี ังเกตไดชดั เจนแบง ได 3 ระยะ ไดแกม้อื หรอื ม้ือเวน มอ้ื ติดตอ กัน 3 วัน ขณะทท่ี ําตอ งเปด - ระยะที่หนึ่ง ระยะติดเชื้อรุนแรง เปนระยะที่มีการติด เช้ือในเน้ือเยื่อช้ันนอกอยางรุนแรง ทําใหกุงตายในเครื่องตนี า้ํ ตลอดเวลา ทงั้ นเ้ี พือ่ ฟน ฟูคณุ ภาพนา้ํ และฆา ปริมาณสูงถึง 40-90 % กุงลําตัวมีสีชมพูแดงโดยเฉพาะ บริเวณแพนหาง และระยางคขาทั้งหมดซ่ึงมักถูกเรียกวาเชอื้ ลูกกงุ ที่นํามาเล้ียงตอ งมคี วามแข็งแรง ลาํ ตวั ยาว โรคหางแดง (red-tail disease) เมื่อนําไปดูดวยกลองระยางคต า งๆไมมเี ชอ้ื โรคเกาะ ควรตรวจหาเช้ือดว ย จลุ ทรรศนจ ะเห็นปลายรยางคเร่ิมมีอาการกรอนและเนา อาการอืน่ ๆ ไดแก เปลือกน่ิม ลําไส ไมมีอาหารและจะปฏกิ ิริยาลูกโซโ พลเี มอเรส (Polymerase chain reaction, ตายเมื่อกุงลอกคราบ กงุ ปว ยทีย่ ังวา ยนาํ้ ไดจะเริ่มเขาขอบ บอPCR) กอนปลอ ยเลย้ี ง ควรปลอ ยลกู กุง ลงเล้ยี งในอัตราไม - ระยะท่ีสอง เปนระยะทไี่ วรสั ผานเขาสูอวยั วะนํ้าเหลืองเกนิ 60,000 ตวั /ไร ควรจะเวนการเล้ยี งในชว งทเี่ หน็ วา (Lymphoid organs) ของกุงทรี่ อดตายจากระยะแรก เปน เวลา 2-3 วนั ถาเชือ้ มปี ริมาณมากกุงจะทยอยตายไปเร่ือยดินฟา อากาศผดิ ปกตหิ รอื ไมเ หมาะสมเน่อื งจากปริมาณ ๆ บริเวณเปลอื กกุงอาจมจี ุดแผลสนี ้ําตาลดาํ ปรกกฎใหแพลงกต อนนีอ้ าจมปี รมิ าณสงู จนเกิดการตายของกุง เห็นบา ง กงุ ทม่ี แี ผลอาจจะมีเปลอื กนมิ่ หรือเปลือกแข็ง ปกตดิ ีและอาจไมแ สดงลักษณะลําตวั สแี ดงหรือหางแดงพรอมกันท้งั บอ และควรปองกันอยาใหมีตวั พาหนะหรือ บางตัวยังกินอาหารไดตามปกติ ซ่งึ จะรอดไปถึงระยะที่ 3ตัวนาํ เชื้อโรคตัวแดงดวงขาว ไดแก กุง เคย หรอื กุง ชนดิ - ระยะทส่ี าม ระยะติดเชือ้ แบบเรือ้ รงั คอื กงุ ท่ีรอดตาย จากการตดิ เชื้อระยะ 1 และ ผา นระยะ 2 จนถึงระยะ 3 จะอน่ื ๆ ตลอดจนปูชนิดตาง ๆ ในบอ เปน ตวั แพรกระจายเช้อื (carrier) ไปสตู วั อ่นื ๆ ทาํ ให เกิดการแพรกระจายโรคไดอยางรวดเร็ว อาจพบแผลจดุ2. โรคหัวเหลอื ง (Yellow head disease, YHD) ดาํ ตามเปลอื กในระยะน้ีสาเหตุ เกดิ จากเช้อื ไวรสั YBV (Yellow-head การรักษา ยงั ไมมสี ารเคมหี รือยาชนดิ ไหนรักษาไดbaculovirus) ซง่ึ เปน RNA ไวรสั การปองกันและควบคุมโรคอาการ บริเวณหัวจะบวมโตมีสเี หลอื งชดั สามารถตดิ เชือ้ 1. ใชล กู กุงท่ผี ลิตมาจากพอ แมพันธทุ ี่ผา นกา รับรองวา ปลอดเช้อื และคดั เลอื กพนั ธแุ บบปลอด TSVไดบริเวณเหงอื กตอ มนา้ํ เหลือง อวยั วะสรางเมด็ เลือดและ เทา น้ัน โดยการนําเขา จะตอ งมีเอกสารรับรองจากสถาบัน ทีเ่ ช่อื ถือไดเม็ดเลือด กุงวายเกยขอบบอ และมีการตายอยางตอ เน่อื งบรเิ วณตบั และตบั ออ นบวมโตและมสี เี หลอื งชัดเจน กงุ 2. ตรวจสอบการมเี ชอ้ื ในลูกกงุ โดยสมุ ตวั อยางไป ตรวจ Reverse transcriptase-PCR (RT-PCR) กอนลงจะตายอยางรวดเรว็ หมดบอภายใน 2-3 วนั เลย้ี งการรักษา ยังไมมสี ารเคมีหรอื ยาชนิดไหนรักษาได 3. ลงลกู กุงดวยความหนาแนนท่ีเหมาะสมกับ ศกั ยภาพของบอ และเครอ่ื งมอื อปุ กรณ มีการดูแลจดั การท่ีการปองกนั ทําโดยการจัดการคุณภาพนา้ํ และสภาพแวดลอมตางๆ ใหมีความเหมาะสม การคดั ลูกกุงที่ปลอดเชอื้ และควบคุมแบคทเี รียกอ โรค หากในพนื้ ทท่ี ่ีมีการระบาดของโรคและการเล้ยี งรนุ ท่ีผา นมามีกุง เปนโรคภายในฟารม ดว ยควรจะตองมกี ารฆาเชือ้ กาํ จัดพาหะตา งๆ ไดแ ก กุง และปทู อ่ี าศยั อยู ซ่งึ เปน พาหะนําเชอื้ โดยใชค ลอรีนผงหรือสารกาํ จดั พาหะ3. โรคทอรา ซนิ โดรม (Taura Syndrome; TS)สาเหตุ เกิดจาก Taura Syndrome Virus (TSV) อยูในกลุม Picornaviridae เปน RNA ไวรัส สามารถกอโรคในกุง Penaeid หลายชนิด และกอโรคมากที่สุดในกุงPenaeus vannamei 323
ประมวลเรอื่ งการประชมุ วิชาการทางสตั วแพทยแ ละการเลยี้ งสัตว ครงั้ ท่ี ๓๓ Proceedings of the 33rd Thai Veterinary Medical Associationโรงแรมโซฟเ ทล เซน็ ทารา แกรนด กรุงเทพฯ ๓๑ ตุลาคม - ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ Sofitel Centara Grand Bangkok 31 October – 2 November 2007ดีตลอดระยะการเลีย้ ง ปนเปอนออกมากับอจุ จาระซึ่งทําใหเชอ้ื ตดิ ตอ ไปยังกุง 4. คดั กงุ ทีเ่ ปน โรคข้นึ มาทําลายดวยความรอ นให ตัวอื่น ๆ ไดหมดทกุ วัน เมอื่ จับกงุ ท่เี หลือขายหมดบอแลว ตองเขม งวดในการบําบดั น้าํ และดนิ พรอ มท้ังเคร่อื งมอื อาการ กุงกินอาหารดใี นชว งแรก หลงั จากนัน้ 2 วันกงุ กนิอปุ กรณทุกชนิดในบอกอ นนํากุง ลงเลี้ยงรุน ตอ ไป โดยการใชค ลอรนี แลว ตากแดดใหแหง อยางนอ ย 3-4 วนั อาหารนอยลง ออ นแอ แตเขายอมาก กุงไมมีอาหารใน 5. ใหบ ําบดั เครือ่ งมอื เครอื่ งใช รวมถึงอปุ กรณและ ลาํ ไส ตัวหลวม สเี ขม มกี ารทยอยตายมากขน้ึ ทกุ วนั ตายบคุ ลากรใหแนใจวา ไมมเี ช้ือโรคติดคา งอยูกอนท่จี ะนาํ ลงไปในบอ และควรกรองนํา้ กอนที่จะเขาบอดว ย หมดภายใน 1 สัปดาห4. โรควบิ ริโอซีส (Vibriosis) การปองกนั ทาํ ไดโดยการดแู ลจดั การในเรือ่ งการเตรยี มสาเหตุ เกิดจากการตดิ เชื้อวิบรโิ อ (Vibrio sp.) สกุลตา ง บอ การเตรยี มน้าํ และการควบคมุ คณุ ภาพนํา้ อยางถกู วธิ ีๆ เชน V. parahaemolyticus, V. harveyi, V. alginolyticusและ V. anguillarum การเลือกลกู กงุ ที่มคี ณุ ภาพดี มีความแขง็ แรง และปลอยอาการ การอักเสบบรเิ วณตับ ตบั ออ น ตบั ฝอ ซึ่งเปน กลมุ ลูกกงุ ใหถกู วธิ ี ตองเลอื กพอแมพ นั ธุทีป่ ราศจาก MBVอาการเฉพาะของการติดเชอื้ แบคทีเรยี ในกุงท่ีเรียกวา เนคโครไตซ่ิง เฮพาโตแพนคลเี อไตติส (Necrotising โดยการนําอจุ จาระมาตรวจโดยการยอ มสีมาลาไคทก รนีhepatopancreatitis) การกินอาหารลดลงและทยอยตายเร่ือยๆ ในชวงท่ีมีการเกิดระบาดมากโดยเฉพาะในขณะที่ (Malachite green) สว นลกู กงุ กต็ องมีการตรวจกรองโรคนาํ้ มคี วามเคม็ สงู ประมาณ 20-30 สว นในหน่งึ พันสวน กอ นนาํ ปลอยลงบอ(ppt.) 6. โรคเสยี้ นดําการรกั ษา ใชสารเคมีกลุมไอโอดีน หรอื ใชยาปฏชิ วี นะท่ีเหมาะสม สาเหตุ เกิดจากเช้อื แบคทเี รีย วบิ รโิ อ วัลนฟิ คัส (Vibrioการปองกัน ทาํ ไดโ ดยการควบคมุ ปรมิ าณอาหารที่ใหอ ยู vulnificus)ในระดบั เหมาะสม การเปลีย่ นแปลงคณุ ภาพนา้ํ และการควบคมุ ปจ จัยตา งๆ ใหอ ยใู นเกณฑท เ่ี หมาะสม อาการ มักพบจดุ สีดําหรือเสย้ี นสดี ํา บริเวณรอยตอ ระหวา งเปลือกแตล ะปลอ งหรอื บริเวณใตแ พนหาง เมอื่5. โรคตายเดอื นหรือโรคตดิ เช้อื ไวรสั โมโนดอน(Monodon Baculovirus infection, MBV) แกะเปลือกออกจะพบแผนแบนๆ สดี ํามรี ูปรางไมสาเหตุ เกิดจากเชอ้ื ไวรสั โมโนดอน แบคคลูโลไวรสั(Monodon Baculovirus) ท่ีติดมาจากพันธุกงุ ซึง่ มักติดเชื้อ แนน อนใตเ ปลอื กดานในบางตัวจะพบลักษณะเปนเส้ียนแทรกซอ นมาจากการจัดการไมดี คณุ ภาพน้ําเปลย่ี นแปลงบอย ทําใหก งุ เครยี ด ออ นแอ ไวรัสชนิดน้ีจะพบอยใู น ดําฝงลกึ ลงไปในกลา มเนอื้ เม่ือนํากุงไปตมใหสกุ จะเหน็นิวเคลยี สของอารเ ซลลของตับและตบั ออน(Hepatopancreas) ทาํ ใหเ ซลลเ กดิ การอกั เสบ นิวเคลยี ส เส้ยี นดาํ ในกลา มเนือ้ ไดชดั เจน เนอื่ งจากบรเิ วณรอยตอของเซลลข ยายใหญ ในระยะตดิ ตอเช้อื ไวรสั จะหลุดจาก ระหวา งเปลอื กแตละปลอ งจะมีสวนทบ่ี อบบางของชัน้ตบั และตบั ออนเขา ไปที่ระบบทางเดนิ อาหารและ เปลือกแบคทีเรีย สามารถท่จี ะเขา ไปไดงา ยกวาบรเิ วณ อนื่ ๆ การปองกนั การใชย าตา นจุลชพี ผสมกบั อาหารใหก งุ กนิ จะไม สามารถทําใหเ สยี้ นหมดไปได โรคติดเชอ้ื ทพี่ บบอ ยในกบเพาะเล้ียง (Infectious diseases in farm frogs) 1.โรคตดิ เชื้อแบคทเี รียในระยะลูกออด สาเหตุ เกิดจากเช้อื แบคทเี รียในกลมุ Flexibacter (Flexibacter sp.) อาการ ลกู ออ ดจะมีลําตวั ดา งคลายโรคตวั ดา งในปลาดกุ จากนน้ั จะเร่ิมพบอาการทองบวมและตกเลอื ดตามครบี 324
ประมวลเรอ่ื งการประชุมวิชาการทางสัตวแพทยและการเลีย้ งสัตว คร้ังที่ ๓๓ Proceedings of the 33rd Thai Veterinary Medical Associationโรงแรมโซฟเทล เซน็ ทารา แกรนด กรุงเทพฯ ๓๑ ตุลาคม - ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ Sofitel Centara Grand Bangkok 31 October – 2 November 2007หรอื ระยางคตา งๆ กรัม/อาหาร 1 กิโลกรัมตอวันกนิ ตดิ ตอกนั จนกวาอาการการรักษา จะดขี ้ึน หรอื ใหกนิ ไมน อ ยกวาครัง้ ละ 5-7 วัน เพอ่ื1. ใชเกลือแกงแชในอัตรา 0.5% (5 กโิ ลกรมั ตอ นํ้า 1ลูกบาศกเมตร) นาน 3-5 วัน ปองกนั การติดเชอ้ื ในกบทีเ่ หลือ นอกจากน้ีแลว จะตอ ง2. ใชย าออกซีเตตราซยั คลนิ แชในอัตรา 10-20 กรัมตอนาํ้1 ลูกบาศกเ มตร ติดตอ กนั ทุกวันนาน 3-5 วัน แยกกบใหป ริมาณนอยลงจากเดมิ หากมีการติดเชื้อการปองกัน อนุบาลลกู ออ ดในความหนาแนนท่เี หมาะสมตารางเมตรละ 1,000 ตัว และคัดขนาดทุกๆ 2-3 วนั ตอ Elizabethkingia sp. ดวยการรกั ษาดว ยยาปฏิชีวนะทใ่ี ชครง้ั จนกระท่งั เปนลกู กบแลวอนบุ าลใหไดข นาด 1-1.5อตั ราความหนาแนนตารางเมตรละ 250 ตวั จากน้ันจึง กันอยทู ั่ว ๆ ไปอาจไมไ ดผลโดยเฉพาะในตวั ทปี่ ว ยหนกัปลอยลกู กบลงเลย้ี งในอตั ราตารางเมตรละ อาจตองมกี ารทาํ การตรวจหาความไวรบั ตอยาปฏชิ ีวนะ100 ตัว และตองมีการเปล่ยี นถายน้ําสม่าํ เสมอ และรกั ษาความสะอาดของบอ อนบุ าลเปน อยา งดี เนอื่ งจาก Elizabethkingia sp. เปน เช้อื แบคทเี รยี ท่ีดื้อตอ2. โรคตดิ เช้ือแบคทเี รียหลายชนิดในระยะตัวเต็มวัย ยาปฏิชีวนะหลายชนดิ(Common bacterial infections in adult frogs)สาเหตุ สาเหตุโนมนําเกิดจากสภาพบอสกปรกมากจน การปองกัน เมอื่ เริ่มเลยี้ งควรปลอ ยกบลงเลี้ยงในอัตราไมเกิดการตดิ เชอ้ื แบคทเี รยี ชนดิ ตางๆ หลายชนิด ทพ่ี บบอยไดแก อีลิซาเบทคงิ เกีย (Elizabethkingia sp.) หรอื ช่อื หนาแนน คอื ปลอยในอัตราสว น 50-70 ตวั ตอตารางเดมิ คือ คริสซีโอแบคทีเรย่ี ม(Cryseobacterium sp.) เมตร และไมนาํ กบทมี่ าจากฟารม ที่มีประวตั กิ ารเกิดโรคหรอื ฟลาโวแบคทเี รยี่ ม (Flavobacterium sp.),Streptococcus sp., Staphylococcus sp., Pseudomonas sp. รายแรง เชน ตาขุน คอเอยี ง หรอื ขาแดงและ Aeromonas sp. 3. โรคทเ่ี กิดจากโปรโตซัวในทางเดินอาหาร (Protozoaอาการ มลี ักษณะเปนจุดแดงๆ ตามขาและผวิ ตัวโดยเฉพาะดา นทองจนถึงแผลเนา เปอ ยบรเิ วณปาก ลําตวั infection)และขา ตบั มขี นาดใหญข้ึน และมจี ดุ สีเหลืองซอ นๆกระจายอยทู ั่วไป ไตขยายใหญ บางครัง้ พบตุมสีขาว สาเหตุ เกดิ จากโปรโตซวั ในกลุม Opalina sp. และกระจายอยู ลกั ษณะตาขาว ขนุ บอด เกดิ การอกั เสบท่ตี า Balantidium sp.มีหนองในชองหนาตา มอี าการทางประสาทโดยกบจะนอนหงายทอ ง แสดงอาการควงสวา น คอเอียง กบบางตวั อาการ เบือ่ อาหาร ซูบผอม สีลําตัวซีดหรือมสี ลี ําตัวจะบวมน้ํา พบนํ้าคั่งใตผ วิ หนังและมนี ้าํ ในชองทอ ง ผดิ ปรกติไป มีการเคลือ่ นไหวลองลงและชา มากการรกั ษา ทําไดโดยลดความรนุ แรงของโรค โดยแยกตวัปว ยออกและฆา เชือ้ โรคในบอโดยใชยาฆาเชือ้ เชน การรกั ษา ใชย าเมทโทรนดิ าโซล (Metronidazole) ผสมไอโอดนี เปนตน หรือ อาจใชดา งทับทิม 5-8 กรัม/นาํ้ 1ลูกบาศกเมตร สาดใหท ัว่ บอ ตดิ ตอ กนั 3 วัน และผสมยา อาหารใหก นิ ในอตั รา 3-5 กรมั /อาหาร 1 กโิ ลกกรัม กินปฏิชีวนะ เชน เอนโรฟลอ็ คซาซิน (Enrofloxacin)หรือ ติดตอ กนั คร้ังละ 3 วัน และเวน ระยะ 3-4 วัน แลว ใหยาซํ้าออกซเี ตต-ตรา ซยั คลนิ (Oxytetracycline) ในอัตรา 3-5 อกี 2-3 ครงั้ หรือจนกวากบจะมีอาการดีข้นึ และกิน อาหารตามปกติ 4. โรคขาแดง (Red leg disease) สาเหตุ มักเกิดจากการตดิ เชอื้ แบคทีเรยี แอโรโมนาส ไฮโดรฟลา (Aeromonas hydrophila) เชอ้ื นส้ี ามารถ ติดตอไดโดยการท่ีกบปกติกินกบท่ีปว ย อาการ เบือ่ อาหาร นาํ้ หนกั ลด ผิวหนงั สีผิดปกติ ซมึ มี การเคลอื่ นไหวชาลง ไมส นใจสิง่ แวดลอ ม เสียการทรง ตวั มีจดุ เลอื ดออกตามตัว และมแี ผลเกิดขน้ึ ชกั ขากระตุก และมผี ืน่ แดงบรเิ วณโคนขาหลงั ซึง่ เปนลกั ษณะรอยโรค เฉพาะ มอี าการของโลหิตจาง เลือดแขง็ ตัวชา และมี เลือดออกบรเิ วณอวัยวะภายใน มนี ้าํ ในชอ งทอ ง (ascites) ตบั มีสีแดง คั่งเลือด (congestion) บางครงั้ พบจดุ ขาวๆ กระจายทั่วตบั กบท่ีเปนโรคนี้มีอัตราการตายคอ นขางสงู 325
ประมวลเรอื่ งการประชมุ วิชาการทางสัตวแพทยและการเลยี้ งสตั ว ครั้งท่ี ๓๓ Proceedings of the 33rd Thai Veterinary Medical Associationโรงแรมโซฟเ ทล เซน็ ทารา แกรนด กรุงเทพฯ ๓๑ ตุลาคม - ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ Sofitel Centara Grand Bangkok 31 October – 2 November 2007การรกั ษา ใชก บกนิ ยาปฏิชีวนะเตรทตราไซคลิน เอกสารอา งองิ(Tetracycline) 50-100 มลิ ลิกรัม / น้าํ หนกั กบ 1 กิโลกรัม 1. เตม็ ดวง สมศริ ิ, สปุ ราณี ชินบุตร และ บรรเจิด ซยิ ะอาจผสมยาในอาหารหรือแชก บกไ็ ด ทาํ รว มกับแชกบใน พงษ. (2537). การศึกษาการเกิดโรคขาแดงในกบนาดางทับทิม 5-8 สวนในลานสว น (ppm.) (5-8 กรัม/นาํ้ 1 Rana tigerina.รายงานการสมั มนาวิชาการประจําปตัน) หรือไอโอดนี เพื่อฆาเชอ้ื โรคในนาํ้ และลดปริมาณ 2537. กรมประมง กรุงเทพฯอาหารทใ่ี หลง 2. ลิลา เรืองแปน และ ชัยวฒุ ิ สดุ ทองคง โรคท่พี บในการปองกนั ทาํ ไดโดยการรกั ษาความสะอาด การฆา เช้ือ ฟารมเลยี้ งและทําใหกงุ ตาย ฯ ในบทความ online เรอื่ ง โรค ยาและสารเคมี โดย สถาบนั วจิ ัยการอุปกรณและแยกออกจากกัน การฆาเช้อื ในนํ้าทีใ่ ชเล้ยี ง เพาะเล้ียงสัตวน ํ้าชายฝง สืบคนจากดว ยคลอรีน 0.5-1 ppm. หากมกี บตายในบอ ใหร ีบ http://www.nicaonline.comนําออกไปทันที สวนอาหารทใ่ี ชเ ล้ียงควรพถิ พี ถิ นั ไมใ ช 3. สถาบนั วิจัยการเพาะเลยี้ งสัตวนาํ้ ชายฝง โรคของกุงอาหารท่บี ูดเนา ปลอ ยกบลงเลยี้ งในอัตราไม กลุ าดํา โรคที่พบในกงุ แชบว ย โรคของปลาน้ํากรอยหนาแนน คอื ปลอยในอัตราสวน 50-70 ตัวตอตาราง และโรคของกบ ในบทความ online เรื่อง โรค ยาและเมตร และไมน าํ กบทม่ี าจากฟารมทีม่ ปี ระวตั ิการเกดิ ขา สารเคมี โดย สถาบันวิจัยการเพาะเลี้ยงสตั วน าํ้ ชายฝงแดงโรคตดิ เช้ือของสัตวน ้ําตา งๆ ดังกลาวมาแลว เปน สืบคน จาก http://www.nicaonline.comเพยี งโรคที่พบไดบอย ๆ กบั การเพาะเลย้ี งสตั วนํ้าใน 4. อรณุ ชมุ แกว (2548). การจดั การสุขภาพกบ สาํ นกั สขุประเทศไทย ยงั มีโรคตดิ เช้อื อกี หลายชนิดที่เปน โรคที่ ศาสตรสัตวและสุขอนามยั ท่ี 9 กรมปศสุ ตั ว สบื คนOffice International des Epizooties Aquatic Animal จากhttp://www.dld.go.th/region9/index.htmlHealth Standards Commission (OIE AAHSC) ใหค วาม 5. Austin B. and Austin D.A. (1999). Bacterial Fishสนใจ และประเทศตา งๆ ที่เปนประเทศสมาชิกของ OIE Pathogens: Disease of Farmed and Wild Fish. 3rd revตอ งจัดทาํ Regional Aquatic Animal Disease Report ทุก ed. Springer-Praxis.,Chichester, UK.ป ดังนั้นในฐานะทส่ี ตั วแพทยไทยมีหนา ท่ีท่ตี อ งอภิบาล 6. Bondad-Reantaso M.G. et al. (2001). Asia Diagnosticสตั วน าํ้ ทง้ั ท่เี ปนสัตวนํ้าสวยงามและสตั วเ ศรษฐกิจหนา ท่ี guide to aquatic animal diseases. FAO fisheriesในการทาํ ใหส ัตวน ้ําปราศจากโรคระบาดตางๆ ที่อยใู น technical paper no 402 supplement 2. Rome, FAO.List ของ OIE เหลาน้จี ึงเปนหนาท่ีโดยตรงที่สตั วแพทยท ่ี 240 p.ปฏิบัติงานทางดานสตั วน ํ้าไมค วรมองขา ม นอกจากเรอ่ื ง 7. Kim et al., (2005). Transfer of Chryseobacteriumของการรกั ษาและอภบิ าลสตั วนํา้ แลวเรอ่ื งของความ meningosepticum and Chryseobacterium miricola toปลอดภยั ของประชาชนที่บรโิ ภคสัตวน า้ํ ก็เปนเรื่องทสี่ ัตว Elizabethkingia gen. nov. as Elizabethkingiaแพทยไ มควรละเลยโดยเฉพาะอยา งยง่ิ เรอ่ื งของการใชยา meningoseptica comb. nov. and Elizabethkingiaและสารเคมีตาง ๆ ทอี่ าจสงผลกระทบตอ ประชาชน miricola comb. nov. Int J Syst Evol Microbiol.ผูบริโภคหรือสภาพแวดลอ ม 55:1287-1293. 8. Noga, E. J. (2000). Fish Disease: Diagnosis and Treatment. 2nd ed. Mosby-Year book, Inc. 9. Office International des Epizooties (OIE). (2007). Aquatic Animal Health Code 2007. 326
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: