Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการเขียนบทความทางวิชาการ

คู่มือการเขียนบทความทางวิชาการ

Published by QA RMUTK, 2020-01-07 00:56:32

Description: คู่มือการเขียนบทความทางวิชาการ

Search

Read the Text Version

คมู่ อื การเขยี นบทความทางวชิ าการ

คำนำ การจดั การความรู้ (Knowledge Management) มคี วามสาคัญต่อการพฒั นาระบบองค์กร บคุ ลากรภายในองค์กรมบี ทบาทหนา้ ที่ที่จะต้องพัฒนาความรขู้ องตนเองอย่างสมา่ เสมอ เพื่อให้เกิด เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ บุคลากรต้องรับข้อมูลข่าวสารและองค์ความรู้ต่าง ๆ เพ่ือนามา ประมวลผลความรู้และประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และเหมาะสมต่อ สถานการณ์ ขั้นตอนหนึ่งท่ีสาคัญในกระบวนการจัดการความรู้ คือ การจัดเก็บความรู้ ประสบการณ์ของบุคลากรภายในองค์กร ซ่ึงไดจ้ ากการแลกเปล่ียนเรียนรู้ (Knowledge Sharing) โดยได้จัดเก็บความรู้และปรับปรุงเป็นชุดความรู้ในลักษณะคู่มือ สาหรับประเด็นในการจัดการ ความรู้คร้ังนม้ี ีจุดมุ่งหมายเพ่ือให้คณาจารย์ นักศกึ ษา และบุคลากรทั้งภายในและภายนอกองค์กร มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเขียนบทความทางวิชาการโดยในที่น่ีมุ่งเน้นไปท่ีบทความวิจัย ซ่ึงทางคณะเล็งเห็นว่าองค์ความรู้จากโครงงานของนักศึกษาที่ได้จัดทาระหว่างเรียนน้ันมีประโยชน์ เป็นอย่างมาก ดังน้ันการเผยแพร่องค์ความรู้ท่ีได้จากโครงงานของนักศึกษาผ่านบทความวิจัยจะ ช่วยสรา้ งความเข้มแข็งทางวิชาการและส่งเสรมิ ให้เกดิ การเรียนรู้รว่ มกนั อย่างมีประสิทธภิ าพยง่ิ ขึ้น คณะกรรมการการจัดการความรู้ คณะครศุ าสตรอ์ ตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลกรงุ เทพ

สำรบญั หนำ้ เนอื้ หำ 1 1 ความหมายของบทความทางวิชาการ (บทความวจิ ัย) 4 ลกั ษณะของบทความทางวิชาการ (บทความวจิ ยั ) องค์ประกอบของบทความทางวิชาการ (บทความวิจัย) 15 เอกสารอ้างองิ ภาคผนวก บทความทางวชิ าการ (บทความวิจยั ) ของนกั ศกึ ษาและ 16 คณาจารยค์ ณะครุศาสตรอ์ ุตสาหกรรมท่เี ผยแพร่

ควำมหมำยของบทควำมทำงวิชำกำร (บทควำมวิจัย) บทความทางวิชาการ (บทความวิจัย) (Research Article) เป็นรูปแบบของความเรียงแบบหนึ่งท่ี นาเอาองค์ความร้ทู ไ่ี ด้จากการวิจัยมาเขียนใหม่ในประเด็นทผ่ี ู้เขียนต้องการนาเสนอองคค์ วามรู้จากงานวจิ ัยของ ตนเองซึ่งสกัดและสรุปออกมา มีการกาหนดปัญหา วัตถุประสงค์ท่ีชัดเจน มีการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปผลการวิจัยนาไปสู่ความก้าวหน้าทางวิชาการ ทั้งนี้ข้อค้นพบจากงานวิจัยเรื่องหน่ึงอาจมี หลากหลายประเด็น ดังน้ันในการเขียนบทความวิจัยสามารถนาขอ้ คน้ พบเหล่าน้ันมาเขียนเปน็ บทความวิจัยได้ มากกวา่ หนง่ึ เร่อื งกไ็ ด้ ลักษณะของบทควำมทำงวิชำกำร (บทควำมวจิ ยั ) บทความวิจัยเป็นเอกสารทางวิชาการประเภทหน่ึงที่ผู้เขียนนาเอาสาระสาคัญของงานวิจัยออกมา เขียนเป็นบทความท่ีมีความกระชับมากกว่ารายงานวิจัย (เล่ม รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ 5 บท) และมลี ักษณะทแ่ี ตกตา่ งจากรายงานวิจยั ดงั น้ี นำเสนอในพ้ืนทจี่ ำกดั ทันสมัย ทนั เหตกุ ำรณ์ มคี ณุ ภำพตำมมำตรฐำนทำงวิชำกำร 1| คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

ควำมแตกตำ่ งระหวำ่ งบทควำมทำงวิชำกำร (บทควำมวิจยั ) กับรำยงำนวิจัย 1. นำเสนอในพ้ืนท่ีจำกัด คือ นักวิจัยเขียนบทความวิจัยในรูปบทความวิชาการ (Academic Article) เพื่อนาเสนอข้อค้นพบเชิงประจักษ์ นวัตกรรมท่ีเป็นผลงานการศึกษาค้นคว้าวิจัยของตน ผ่าน ทางส่ืออิเล็กทรอนิกส์และส่ือส่ิงพิมพ์ วารสาร ซึ่งมีจานวนหน้าที่จากัด รวมทั้งการเผยแพร่ในที่ประชุม วิชาการ ซึ่งมีเวลาท่ีจากัด ดังนั้นบทความวิจัยต้องมีลักษณะ “กระชับ ตรงประเด็น และไม่ยำว จนเกินไป” 2. ทันสมัย ทันเหตุกำรณ์ คือ บทความวิจัยอาจนาเสนอเนื้อหาบางส่วนของรายงานวิจัยเล่มน้ัน ๆ ตามขอบข่ายที่ผู้เขียนกาหนด ในระหว่างการดาเนินการวิจัยนักวิจัยอาจตัดตอนผลจากการวิจัยนาร่องหรือ ผลงานวิจัยบางส่วนเพื่อนาเสนอเป็นบทความวิจัยเพื่อเผยแพร่หรือตรวจสอบความคิดได้ เช่น ส่วนท่ีเป็นผล การสังเคราะห์จากการทบทวนวรรณกรรม ส่วนที่เป็นผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ เป็นต้น บทความวิจัยจึง อาจเป็นส่วนหน่ึงของรายงานวิจัยท่ีนาเสนอก่อนที่จะมีรูปเล่มรายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ นอกจากนี้บทความ วจิ ยั ยังเป็นสารสนเทศที่ทันเหตุการณ์มากกวา่ รายงานวิจยั ที่มีการเผยแพรเ่ มือ่ เสรจ็ สิน้ โครงการวิจยั 3. มีคุณภำพตำมมำตรฐำนทำงวิชำกำร คือ บทความวิจัยที่พิมพ์เผยแพร่ตามมาตรฐานสากล ส่วนใหญ่มีคุณภาพสูงกว่ารายงานการวิจัยโดยทั่วไป เนื่องจาก ต้องผ่านการตรวจสอบเน้ือหาสาระและ รูปแบบให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานของวารสารหรอื คณะกรรมการในการจดั การประชุมกอ่ นไดร้ ับอนุมตั ิให้ พิมพ์เผยแพร่บทความวิจยั ในวารสารหรอื นาเสนอบทความวจิ ยั ในท่ีประชุมวชิ าการน้ัน 2| คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

ลักษณะของบทความทางวชิ าการ (บทความวจิ ยั ) ทม่ี คี ุณภาพ ควรประกอบไปดว้ ย 1. ถูกตอ้ งตามหลักเกณฑม์ าตรฐานทางวชิ าการ 2. มีการวิเคราะห์ประเด็นตามหลักวิชาการ มีการสรุปประเด็น มีการสังเคราะห์ความรู้จากแหล่ง ตา่ ง ๆ สอดแทรกความคิดรเิ รม่ิ หรือมอี งค์ความรใู้ หม่ทีเ่ ปน็ ประโยชน์ 3. มีการเน้นย้าประเด็นสาคัญที่ต้องการนาเสนอด้วยประโยคใจความสาคัญ หรือสาระสาคัญที่โดดเด่น เนื้อความตลอดเรือ่ งควรกล่าวยา้ ประเดน็ หลักสาคญั ของเน้อื เร่ือง 4. มีการคน้ คว้าอ้างองิ จากแหล่งอ้างอิงทเี่ ชือ่ ถือได้ เนื้อหามคี วามทนั สมยั อา้ งอิงอยา่ งเป็นระบบ 5. มีการนาเสนอข้อมูลที่เข้าใจง่ายและเป็นระบบ มีตาราง แผนภูมิประกอบตามความจาเป็นเพื่อให้เข้าใจง่าย และชดั เจน ใช้คาศัพท์และภาษาทางวิชาการอยา่ งเหมาะสม 6. ได้รับการยอมรับเผยแพร่ นาเสนองานประชุมวิชาการ หรือตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการต่าง ๆ และ มีการนาไปใชอ้ ้างองิ และใช้ประโยชน์ในวงกว้าง นอกจากนี้ลักษณะของบทความวจิ ยั อาจยดึ ตามหลัก 7C ดังนี้ 1. ควำมถกู ตอ้ ง 2. ควำมมีเหตุผล 3. ควำมกระจ่ำงแจง้ (Correctness) (Cogency) (Clarity) 4. ควำมสมบูรณ์ 5. ควำมกะทัดรดั 6. ควำมสม่ำเสมอ (Completeness) (Concise) (Consistency) 7. ควำมเช่ือมโยง (Concatenation) โดยสรุป: บทความวิจัยเป็นการนาข้อมูลหรือองค์ความรู้ท่ีได้จากการวิจัยมาประมวลและ เขียนให้ครอบคลุมสาระตามรูปแบบและจานวนหน้าตามท่ีแหล่งเผยแพร่กาหนด ดังน้ัน ควรเขียนให้กระชับ ครบถ้วน ทันสมัย ชัดเจน สอดคล้อง และสัมพันธ์เช่ือมโยงอย่างมีศาสตร์ และศิลป์ 3| คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

องค์ประกอบของบทควำมทำงวิชำกำร (บทควำมวจิ ัย) ในการจัดทาบทความทางวชิ าการ (บทความวิจยั ) ควรจดั ทาโดยคานงึ ถงึ องค์ประกอบทั่วไปดังน้ี 1. ชอื่ เร่ือง (Title) เป็นชื่อที่มาจากช่ืองานวิจัย ควรเขียนให้กระชับ และแสดงส่ิงที่ต้องการศึกษาโดยย่อ ได้แก่ ตัวอย่าง วัตถุประสงค์ และวิธีการวิจัย ไว้ในชื่อบทความ โดยมีคาสาคัญหรือคาดัชนีเพื่อสืบค้น ไม่ควรใช้คา ฟมุ่ เฟอื ยและคายอ่ เทคนคิ กำรเขยี น : ชื่อเรื่องท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษต้องมีความหมายตรงกัน ไม่ยาวจนเกินไป มีคาสาคัญของเร่ืองชัดเจน สาหรับช่ือเรื่องภาษาอังกฤษเฉพาะตัวอักษรแรกของช่ือเร่ืองใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ นอกนน้ั ใหใ้ ช้ตวั พิมพ์เลก็ ยกเว้นชอ่ื เฉพำะ ทงั้ นี้ขนึ้ อยกู่ ับข้อกาหนดของแหล่งตีพิมพ์ ตัวอยำ่ งกำรต้ังช่ือเรื่องบทควำมวจิ ัย บทความวจิ ัยของ บญุ ธดิ า ชนุ งาม (2561) บทความวิจัยของ ประภสั สร วงษด์ ี (2562) บทความวิจัยของ เกศศักดด์ิ า ศรโี คตร และ วรางคณา เหนือคูเมอื ง (2560) 4| คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

2. บทคัดย่อ (Abstract) เป็นการเขียนสรุปการทาวิจัยทั้งหมด โดยบทคัดย่อเป็นเน้ือหาสาระส่วนที่นาเสนอวัตถุประสงค์ของ การวิจัย วิธีการวจิ ัย และผลการวิจยั โดยสรุป เพอื่ ใหผ้ ู้อ่านเข้าใจภาพรวมของงานวจิ ัยทง้ั ฉบับ โดยจะต้องเขียนสรุป ให้กระชับ ได้ใจความ และเข้าใจได้ง่าย ทั้งน้ีให้แสดงคาสาคัญจากช่ือเรื่องไว้ในท้ายบทคัดย่อ ควรเลือกคาสาคัญท่ี เก่ยี วขอ้ งกบั บทความโดยส่วนใหญ่จะกาหนดไวต้ ามเกณฑ์ของแต่ละวารสารซง่ึ ทั่วไปกาหนดไว้ 3-5 คา เทคนคิ กำรเขียน : บทคัดย่อมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ องค์ประกอบของบทคัดย่อประกอบด้วย ส่วนนา วัตถุประสงค์ วิธีการดาเนินการวิจัย ผลการวิจัยและสรุป เรียบเรียงเป็นร้อยแก้วเขียนต่อกันให้ ส้ัน กะทัดรัด ชัดเจนและเข้าใจได้ง่าย สื่อสารให้ผู้อ่านเข้าใจได้โดยไม่ต้องอ่านรายงานฉบับสมบูรณ์ ควรมี ความยาว 100-300 คา ตัวอย่ำงกำรเขยี นบทคดั ย่อภำษำไทยและภำษำอังกฤษ บทความวิจยั ของ บญุ ธิดา ชนุ งาม (2561) 5| คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

ตัวอย่ำงกำรเขียนบทคัดย่อภำษำไทยและภำษำอังกฤษ บทความวิจัยของ ประภสั สร วงษ์ดี (2562) 6| คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

7| คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

3. บทนำ (Introduction) เป็นการเสนอปัญหา การกาหนดขอบเขตของปัญหา และจุดประสงค์ท่ีจะทาการวิจัย เพ่ือให้ผู้อ่าน เข้าใจถึงปัญหาการวิจัย เน้ือหาสาระในส่วนนาของบทความวิจัยประกอบด้วยส่วนสาคัญ 4 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรกที่จะต้องบรรยายให้ผู้อ่านได้ทราบว่า บทความวิจัยน้ีพัฒนามาจากผลงานวิจัยที่มีก่อนหน้านี้อย่างไร และนาเข้าสู่ปัญหาวิจัย ส่วนที่สองกล่าวถึงปัญหาวิจัยและวัตถุประสงค์การวิจัย โดยอาจยกสถานการณ์และ บอกเหตุผลประกอบว่าทาไมปัญหาน้ีจึงต้องนามาแก้ไข และงานวิจัยนี้จะช่วยให้เกิดประโยชน์อะไรได้ ส่วนท่ีสาม คือ ข้อมูลสนับสนุนที่มาจากการทบทวนวรรณกรรม รายงานเอกสารท่ีเก่ียวข้องกับการวิจัยเฉพาะ สว่ นที่เป็นทฤษฎีและงานวิจัยท่ีสาคัญที่นาไปสู่การสร้างกรอบแนวคิดและสมมุติฐานการวิจัย และส่วนสุดท้าย คือ รายงานระบุเหตุผลพร้อมเอกสารอ้างอิงในการเลือกวิธีดาเนินการวิจัยที่ใช้ในบทความวิจัยน้ีเพ่ือเตรียม ผอู้ า่ นใหส้ ามารถเชอ่ื มโยงความคดิ กบั เนอื้ หาสาระในส่วนท่จี ะนาเสนอต่อไป 8| คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

เทคนคิ กำรเขียน : ควรเขียนปูพื้นฐานเพื่อดึงความสนใจของผู้อ่านก่อนเข้าสู่เรื่อง ควรเขียนให้กระชับ ตรงประเดน็ ไม่ยืดเย้ือ โดยจบั ประเด็นจากช่ือเรอื่ งแลว้ นาเข้าสู่เนอ้ื หา ช้ใี ห้เหน็ ว่าประเด็นปัญหาท่ตี ้องการ จะค้นคว้าหาคาตอบนน้ั มีความสาคัญอยา่ งไร ทาไมจงึ ตอ้ งทาวจิ ยั ถ้าไมท่ าจะเกิดผลเสยี อยา่ งไร ตวั อยำ่ งกำรเขยี นบทนำ สา บทความวิจัยของ ประภัสสร วงษด์ ี (2562) 9| คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

4. วัตถุประสงคก์ ำรวจิ ัย (Objective) เป็นการบอกจดุ มุ่งหมายทนี่ ักวจิ ยั ตอ้ งการคน้ ควา้ หาคาตอบตามปญั หาวจิ ยั เทคนิคกำรเขียน : • เขยี นอยใู่ นรูปของประโยคบอกเลา่ • ใชภ้ าษาส่ือสารทช่ี ัดเจนตรงประเดน็ ถงึ สิ่งท่ีนักวิจยั ต้องการจะทา • อาจเขยี นแยกเป็นข้อ ๆ ตามลาดับความสาคัญ ตวั อยำ่ งกำรเขยี นวตั ถุประสงคก์ ำรวจิ ัย บทความวจิ ยั ของ บุญธิดา ชุนงาม (2561) บทความวิจัยของ ประภัสสร วงษด์ ี (2562) 10 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

5. วิธีดำเนนิ กำร (Methodology) เนื้อหาสาระในส่วนวิธีการนาเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีดาเนินการวิจัย ซึ่งเป็นการเขียนเพื่อให้ ทราบว่าข้อมูลของงานวิจัยน้ีถูกรวบรวมหรือถูกสร้างขึ้นได้อย่างไร กรณีที่เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ประกอบด้วยการบรรยายลกั ษณะของประชากร กลุม่ ตัวอยา่ ง และวิธีการทไ่ี ดม้ าซง่ึ กลมุ่ ตัวอย่าง ความสมบูรณ์ ของกลุม่ ตัวอย่าง นยิ ามตัวแปร เครือ่ งมือวิจัยและคณุ ภาพเคร่ืองมือ วิธกี ารรวบรวม และวเิ คราะห์ข้อมูล กรณี เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ประกอบด้วย การบรรยายสนาม (Field) ที่ศึกษา การเลือกและลักษณะของกรณี (Case) ที่ศึกษา ผู้ใหข้อมูลสาคัญ (Key Informant) ขอบข่ายของข้อมูล วิธีการและเคร่ืองมือท่ีใช้ในการ รวบรวมข้อมลู และการวเิ คราะหข์ อ้ มลู เพ่อื ใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจรายละเอียดวิธีการว่าเหมาะสมกับปัญหาวจิ ยั นั้น ๆ เทคนคิ กำรเขยี น :  อธิบายข้นั ตอนการวจิ ยั ดว้ ยภาษาท่เี ข้าใจงา่ ย กลำ่ วถงึ วธิ ดี ำเนินกำรวจิ ัยใน 3 ประเดน็ คือ ประชำกร และกล่มุ ตัวอย่ำง เครอ่ื งมือทใ่ี ชใ้ นกำรเกบ็ รวบรวมข้อมลู กำรวเิ ครำะห์ขอ้ มลู และสถติ ิที่ใช้  ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ควรอธิบายถึงประชากรที่ทาการศึกษา การกาหนดขนาดกลุ่ม ตัวอยา่ งและวธิ ีการสมุ่ ตวั อยา่ ง โดยระบุจานวนที่ชัดเจน  เคร่ืองมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ควรแสดงขั้นตอนให้ชัดเจนว่าผู้วิจัยสร้างเคร่ืองมือและ ตรวจสอบคุณภาพอย่างไร ระบุค่าคุณภาพให้ชัดเจน อธิบายการนาเครื่องมือไปเก็บรวบรวม ขอ้ มูล  การวิเคราะหข์ ้อมลู และสถิติท่ีใช้ ระบแุ นวทางในการวิเคราะห์ขอ้ มลู ว่าดาเนินการอยา่ งไร เทคนิค ทางสถิตทิ ีเ่ ลอื กใช้ควรสอดคล้องและเหมาะสมกับวัตถุประสงค์การวิจยั  การใช้ภาษาควรใชค้ าในภาษาไทย หากคาศัพท์น้ันยังไมเ่ ปน็ ทเี่ ผยแพร่ ควรระบุคาภาษาต่างประเทศ ไว้ในวงเล็บ ในกรณีที่ไม่สามารถหาคาไทยได้หากต้องเขียนทับศัพท์ ควรเขียนคาให้ถูกต้องตาม หลักเกณฑข์ องราชบัณฑิตยสถาน 11 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

6. ผลกำรวิจยั (Results) เป็นการเขียนเพื่อแสดงรายละเอียดผลที่ได้จากการทาวิจัย และถอดความหมายจากผลการทดลอง หรอื ขอ้ มลู ทไ่ี ด้มาจากการวิเคราะห์ ผลการวิจัยนอ้ี าจนาเสนอด้วยรูปแบบที่ทาใหเ้ ข้าใจงา่ ย เชน่ นาเสนอในรูป ตาราง แผนสถิติ แผนภาพ ในส่วนนี้ควรนาเสนอตารางและภาพประกอบเท่าท่ีจาเป็น ท้ังน้ีผลการวิเคราะห์ท่ี สาคัญในตารางหรือภาพต้องบรรยายรายละเอียดในส่วนที่เป็นข้อความด้วย มิใช่นาเสนอเฉพาะตารางหรือรูป โดยไม่มีการบรรยาย เทคนคิ กำรเขียน :  ควรยึดวัตถุประสงค์ และสมมติฐานของการวิจัย (ถ้ามี) เป็นหลัก นาเสนอเรียงตามลาดับของ วตั ถปุ ระสงค์การวิจยั  ชี้ใหเ้ หน็ วา่ ผลการวจิ ยั บรรลุวัตถปุ ระสงค์อย่างไร สอดคล้องกบั สมมตฐิ านท่วี างไว้หรอื ไม่ อย่างไร  บรรยายรายละเอยี ดและนาเสนอขอ้ มลู ดว้ ยตาราง แผนภมู ิ รปู ภาพเพอื่ ให้เขา้ ใจไดง้ ่าย ตัวอย่ำงกำรเขยี นผลกำรวจิ ัยนำเสนอด้วยตำรำง บทความวิจัยของ ประภัสสร วงษ์ดี (2562) 12 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

ตัวอยำ่ งกำรเขยี นผลกำรวจิ ยั นำเสนอด้วยแผนภำพ บทความวิจัยของ ประภัสสร วงษ์ดี (2562) 7. กำรอภปิ รำยผลและ/หรอื กำรสรุป (Discussion and/or Conclusion) เปน็ การให้คาวิจารณ์ แนะนา และอภิปรายผลของการวิจัยทเ่ี กดิ ข้ึนว่าเปน็ เพราะเหตใุ ด อธบิ ายสาเหตุ การเกิดผล การเปรียบเทียบผลกับข้อมูลหรือข้อสรุปท่ีได้มาจากการทบทวนวรรณกรรม หรือข้อมูลของ งานวิจัยของผู้อื่นท่ีมีการรายงานไว้แล้วมาสนับสนุน รวมท้ังตอบสมมุติฐานในกรณีที่กาหนดไว้ว่าเป็นตาม สมมุติฐานที่กาหนดไว้หรือไม่ เพราะเหตุผลใด ทั้งนี้ อาจนาข้อสังเกตหรือข้อค้นพบที่เกิดขึ้นในระหว่างการ ดาเนินงานวจิ ยั มาใช้เป็นเหตุผลประกอบการอภิปรายผลได้ 13 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

เทคนิคกำรเขยี น :  ไม่ควรเขียนเน้ือหาซ้าซ้อนกับผลการวิจัยแต่ควรสรุปประเด็นและสาระสาคัญให้สอดคล้องกับ วัตถปุ ระสงค์ทกี่ าหนดไว้  อธิบายและขยายความผลการวิจัยท่ีค้นพบว่าสอดคล้องหรือไม่สอดคล้องกับกรอบแนวคิดและ สมมติฐานการวิจยั หรอื ไม่ อย่างไร  ประเด็นที่ควรคานึงถึงในการเขียนเน้ือหาในส่วนการวิเคราะห์และอภิปรายผลต้องเป็นไปอย่างมี หลักการ ทฤษฎี หรือหลักฐานอ้างอิงที่เช่ือถือได้และถูกต้องตามหลักวิชาการมีความเป็นเหตุ เปน็ ผล 8. ขอ้ เสนอแนะ (Recommendation) เป็นการนาเสนอว่าผลจากการวิจัยนั้นสามารถนาไปประยุกต์ใชก้ ับเหตุการณ์จริงได้อย่างสมเหตุสมผล และมีแนวโน้มว่าจะเป็นไปได้ โดยทั่วไปการเขียนข้อเสนอแนะจะเขียนเป็น 2 แนวทาง คือ 1) ข้อเสนอแนะใน การนาผลวิจัยไปใช้ในทางปฏบิ ัติหรือข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และ 2) ข้อเสนอแนะในการวิจัยต่อไป เพือ่ เป็น การพฒั นาต่อเน่อื งให้ได้องคค์ วามรู้เพมิ่ เติมจากการพิสูจนต์ ามข้อเสนอทมี่ ีผลกระทบต่องานวิจยั 9. เอกสำรอ้ำงอิง (References) เป็นการแสดงรายการหลักฐานต่าง ๆ ท่ีนามาใช้ประกอบการเขียนบทความ ซึ่งรูปแบบการอ้างอิงให้ ยดึ ตามเกณฑ์ที่แต่ละวารสารกาหนด 14 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

เอกสำรอำ้ งองิ เกศศักดิ์ดา ศรีโคตร และวรางคณา เหนือคูเมือง. (2560). การศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้ตัวตรวจจับทาง อเิ ลก็ ทรอนกิ สส์ าหรบั ระบบแจง้ เตอื นเด็กติดค้างในรถยนต์. วารสารวจิ ัย มทร.กรุงเทพ, 11(1), 34-39. คณะอัญมณี มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี. (2556). คู่มือการเขียนบทความทางวิชาการ KM : KNOWLEDGE MANAGEMENT. สบื คน้ จาก http://gems.chanthaburi.buu.ac.th/ documents/article.pdf นงลักษณ์ วิรัชชัย. (2555). รูปแบบและลักษณะของบทความวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารตามมาตรฐานสากล. วารสารศิลปากรศกึ ษาศาสตรว์ ิจัย, 4(1), 7-16. บุญธิดา ชุนงาม. (2561). การเสริมสร้างแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ในการเรียนวิชาหลักการออกแบบและพัฒนา โปรแกรมโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ร่วมกับเครือข่ายสังคมออนไลน์. วารสาร มทร.อีสาน ฉบับมนุษยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์, 5(2), 86-98. ประภัสสร วงษ์ดี. (2562). รูปแบบการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการทาวิจัย ในช้ันเรียนของนักศึกษาครูสาขาช่างอุตสาหกรรม. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 21(1), 109-126. พร้อมภัค บึงบวั และคณะ. (มปป.). การเขยี นบทความวิชาการและการเขียนบทความวจิ ัย. สบื ค้นจาก http://www.nidtep.go.th/2017/publish/doc/20180515.pdf มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลกรงุ เทพ. (มปป.) รูปแบบบทความวิจัยของวารสารวจิ ยั มทร.กรงุ เทพ. สนื ค้น จาก http://journal.rmutk.ac.th/index.php/rmutk/index _______. (2562). รูปแบบบทความวิจัยของการประชุมวิชาการระดับชาติ และนานาชาติ CreTech: International & National Conference on Creative Technology. สืบคน้ จาก http://utkcretech. rmutk.ac.th/ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต. (มปป.). รูปแบบบทความวิจัยของวารสาร Journal of Multidisciplinary in Social Sciences. สนื ค้นจาก http://jmss.dusit.ac.th/ _______. (มปป.). รูปแบบบทความวิจัยของวารสาร Journal of Food Health and Bioenvironmental Science. สนื ค้นจาก http://jfhb.dusit.ac/ 15 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

ภำคผนวก บทควำมทำงวิชำกำร (บทควำมวิจัย) ของนักศกึ ษำและคณำจำรยค์ ณะครศุ ำสตรอ์ ุตสำหกรรมที่เผยแพร่

17 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

18 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

19 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

20 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

21 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

22 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

23 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

24 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

25 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

26 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

27 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

28 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

29 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

30 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

31 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

32 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

33 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

34 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

35 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

36 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

37 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

38 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

39 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

40 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

41 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

42 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

43 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

44 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

45 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

46 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร

47 | คู่ มื อ ก า ร เ ขี ย น บ ท ค ว า ม ท า ง วิ ช า ก า ร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook