Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สื่อการสอนดนตรี ป 4 เล่ม 1 ครูเชาว์

สื่อการสอนดนตรี ป 4 เล่ม 1 ครูเชาว์

Published by nong.sins888, 2020-05-20 14:39:01

Description: สื่อการสอนดนตรี ป 4 เล่ม 1 ครูเชาว์

Search

Read the Text Version

วชิ าดนตรี ส่ือการสอน กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ศลิ ปะ 1เรือ่ ง ประเภทของเคร่อื ง ป.4 เล่ม ดนตรไี ทย นายเชาวลติ สินสถติ พร ครู โรงเรียนบา้ นย่านดินแดง อาเภอ พระแสง จงั หวดั สรุ าษฎร์ธานี สังกัดสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาสรุ าษฎรธ์ านี เขต 3

คานา สอื่ การสอน รายวิชาพืน้ ฐานดนตรี–นาฏศิลปช์ ัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 เลม่ นี้ จัดทาข้ึน ตามหลกั สตู รแกนกลางการสกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 โดยมี เป้าหมายใหน้ กั เรียน ผสู้ อนใช้ เปน็ สอ่ื ในการจดั การเรยี นรู้ เพอื่ พัฒนานักเรียนให้ มี คณุ ภาพตามสาระเรยี นรู้ ตวั ชี้วัด และสาระการเรียนรู้ แกนกลาง ทีห่ ลกั สตู รได้ กาหนด รวมทั้งพฒั นา สมรรถนะสาคญั ตามท่ตี อ้ งการทง้ั ด้านการสอื่ สาร การคิด การ แก้ปัญหา การใชท้ กั ษะชีวิต การใช้เทคโนโลยี ตลอดจนพฒั นานกั เรยี นให้ มี คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ทาประโยชน์ ให้ สามารถดารงชีวติ อยู่ ร่วมกบั ผู้ อ่นื ใน สงั คมไทยและสังคมโลกได้ อย่างมีความสขุ สอ่ื การสอนรายวชิ าพนื้ ฐานดนตรี–นาฏศิลป์ เล่มนีย้ ึดแนวคดิ การจัดการเรียนรู้ ท่เี นน้ ผู้เรยี นเปน็ สาคญั ใชห้ ลกั การเสริมสรา้ งใหน้ กั เรียนมีความรู้ความเข้าใจ ธรรมชาติ ของเครอ่ื งดนตรี นักเรียนมคี วามสามารถในการปฏบิ ตั ิเครอื่ งดนตรโี ดยใชข้ บวนการ เรยี นการสอนแบบ (Active Learning) และเรยี นรโู้ ดยใชส้ มองเป็นฐาน (Br based Learning) ซ่งึ เนน้ การเรยี นรู้ใหต้ รงกบั การเรยี นรู้ (Learning Styles) เนน้ สรา้ ง ความสขุ ความเขา้ ใจของผูเ้ รียน ซึง่ เป็นส่ิงทผี่ ูส้ อนได้ตั้งเปา้ หมายไว้ การจัดทาสอื่ การสอนดนตรี–นาฏศิลป์ เล่มนผี้ จู้ ดั ทาซึ่งเปน็ ครผู ู้สอนในรายวิชา ดนตรีได้กาหนดหน่วยการเรยี นรู้และออกแบบการเรียนรู้ แบบฝกึ ทกั ษะ กระบวนการ ทางดนตร–ี นาฏศลิ ป์กจิ กรรมเสนอแนะ และคาถามทบทวน อยใู่ นเลม่ นีด้ ว้ ย หวงั เป็นอย่างย่ิงว่า ส่ือการสอน รายวิชาพนื้ ฐาน ดนตรี–นาฏศลิ ป์ เลม่ นีจ้ ะทาให้ผุ้ เรียนพฒั นาความรดู้ า้ นดนตรี–นาฏศลิ ป์ตรงตามเปา้ หมายของพระราชบญั ญตั ิ การศกึ ษาแหง่ ชาติ พทุ ธศกั ราช 2542 เชาวลิต สนิ สถิตพร ผจู้ ัดทา

ดนตรีไทย ส่อื การสอน วิชาดนตรี

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 ประเภทของเครอ่ื งดนตรีไทย และสากล 1 มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชี้วดั ศ 2.1 ป.4/2 จำแนกประเภทของเครอ่ื งดนตรที ใ่ี ชใ้ นเพลงทฟ่ี งั ป.4/6 ใชแ้ ละเกบ็ เคร่อื งดนตรอี ย่ำงถกู ตอ้ งและปลอดภยั 2 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด เครอ่ื งดนตรที ใ่ี ชใ้ นเพลงทฟ่ี งั มหี ลำยประเภท ซง่ึ แต่ละประเภทจะมเี สยี งทแ่ี ตกต่ำงกนั กำรใชเ้ ครอ่ื ง ดนตรจี ะตอ้ งดแู ลเกบ็ รกั ษำเครอ่ื งดนตรไี ดอ้ ย่ำงถูกวธิ ี 3 สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง 1) ประเภทของเครอ่ื งดนตรี 2) เสยี งของเครอ่ื งดนตรแี ต่ละประเภท 3) กำรใชแ้ ละกำรดูแลรกั ษำเครอ่ื งดนตรขี องตน 3.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถิน่ (พจิ ำรณำตำมหลกั สตู รสถำนศกึ ษำ) 4 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 4.1 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะกำรสงั เกต 2) ทกั ษะกำรจำแนกประเภท 3) ทกั ษะกำรนำควำมรไู้ ปใช้ 4.2 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 5 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ สือ่ การสอน วิชาดนตรี

ประเภทของเคร่ืองดนตรีไทย เครอื่ งดนตรีไทย คอื สิง่ ทส่ี รา้ งข้ึนสาหรับทาเสียงใหเ้ ปน็ ทานอง หรือจงั หวะ วธิ ที ท่ี าใหม้ เี สยี งดังข้ึนนั้นมี อยู่ 4 วธิ ี คือ • ใชม้ อื หรือสงิ่ ใดส่ิงหนง่ึ ดีดที่สาย แลว้ เกดิ เสยี งดังข้นึ ส่งิ ท่ีมสี ายสาหรบั ดีด เรยี กว่า \"เครื่องดีด\" • ใช้เส้นหางมา้ หลายๆ เสน้ รวมกนั สไี ปมาที่สาย แลว้ เกิดเสยี งดงั ขึน้ สิ่งที่มสี ายแลว้ ใช้เส้นหางม้าสใี ห้เกิด เสียงเรยี กว่า \"เครื่องส\"ี • ใชม้ ือหรอื ไม้ตีท่ีสงิ่ นนั้ แล้วเกิดเสียงดังข้ึน ส่งิ ทีใ่ ช้ไม้หรอื มือตี เรียกวา่ \"เครือ่ งตี\" • ใชป้ ากเป่าลมเข้าไปในส่งิ นั้น แล้วเกดิ เสียงดังขน้ึ สิ่งที่เป่าลมเขา้ ไปแล้วเกิดเสียงเรียกวา่ \"เครอ่ื งปา่ \" เครอื่ งดดี เคร่อื งดีดทกุ อยา่ งจะตอ้ งมีส่วนท่เี ป็นกระพงุ้ เสียง บางทกี เ็ รยี กว่า กะโหลก สาหรับทาให้ เสยี งท่ดี ดี นัน้ ก้องวานดงั ข้นึ อกี เคร่ืองดีดของไทยทใ่ี ชใ้ นวงดนตรแี ต่โบราณเรยี กว่า \"พณิ \" ซ่ึงมาจากภาษาของชาว อินเดยี ที่วา่ \"วณี า\" ในสมยั หลงั ๆ ต่อมาจงึ บญั ญัตชิ ่ือเป็นอยา่ งอนื่ ตามรูปรา่ งบา้ ง ตามภาษาของชาติ ใกลเ้ คียงบ้าง เช่น\"กระจบั ป่ี\" ซ่งึ มีกระพงุ้ เสยี งรปู แบน ด้านหน้าและด้านหลัง กลมรี คลา้ ยรปู ไข่ มคี ัน ตอ่ ยาวเรยี วขึ้นไป ตอนปลายบานและงอนโคง้ ไปขา้ งหลังเรยี กว่า ทวน มี สายทาด้วยเอน็ หรอื ไหม 4 สาย ขงึ ผา่ นหนา้ กะโหลกตามคนั ข้ึนไปจนถงึ ลกู บดิ 4 อัน ผูกปลาย สายอนั ละสาย มีนมตดิ ตามคัน ทวนสาหรับกดสายลงไปติดสนั นม ให้เกดิ เสียงสูงตา่ ตามประสงค์ ผู้ดีดต้องน่งั พับเพียบทางขวา วางตวั กระจับปี่ (กะโหลก) ลงตรงหน้าขาขวา กดนว้ิ ตามสายดว้ ยมือ ซ้าย ดีดด้วยมือขวา รปู กระจับป่ี (หรือ พณิ ) ของไทยมีลักษณะดงั ในภาพ พณิ สอ่ื การสอน วิชาดนตรี

กระจบั ปี่ เครอื่ งดดี ของไทยท่ีใช้กนั อยู่อย่างแพรห่ ลายในปัจจุบนั ก็คอื \"จะเข้\" จะเขเ้ ป็นเครอ่ื งดีดท่วี าง นอนตามพ้นื ราบ ทาด้วยไม้ท่อนขุดเป็นโพรงภายใน ไม้แกน่ ขนนุ เปน็ ดีท่ีสุด ดา้ นล่างมี กระดานแปะเป็นพ้นื ท้อง เจาะรูระบายอากาศพอสมควร มีเทา้ ตอนหัว 4 เท้า ตอนท้าย 1 เท้า รวม เปน็ 5 เทา้ มีสาย 3 สาย สายเอก (เสยี งสูง) กับสายกลางทาด้วยเอน็ หรอื ไหม สาย ต่าสุด ทาด้วย ลวดทองเหลืองเรียกวา่ สายลวด ขึงจากหลักตอนหัวผา่ นโต๊ะและนม ไปลอด หย่อง แลว้ พนั กับ ลกู บดิ สายละลูก มนี มต้งั เรียงลาดบั บนหลัง 11 นม สาหรบั กดสายใหแ้ ตะ เปน็ เสยี งสูงตา่ ตามต้องการ การดดี ต้องใชไ้ มด้ ีดทาด้วยงาช้างหรอื กระดูกสตั ว์ เหลากลม เรียวแหลม ผูกพนั ตดิ กบั น้ิวชี้ มือขวา ดดี ปัดสายไปมา ส่วนมือซ้ายใช้น้ิวกดสายตรงสันนม ตา่ งๆ ตามต้องการ จะเข้ สอื่ การสอน วชิ าดนตรี

เคร่ืองสี เคร่ืองดนตรีที่ตอ้ งใชเ้ ส้นหางมา้ หลายๆ เส้นรวมกนั สีไปบนสายซ่ึงทาดว้ ยไหมหรือเอน็ น้ี โดยมาก เรียกวา่ \"ซอ\" ท้งั น้นั ซอของไทยท่ีมีมาแต่โบราณกค็ ือ \"ซอสามสาย\" ใชบ้ รรเลงประกอบ ในพระราช พธี ีสมโภชตา่ งๆ ซอสามสายน้ี กะโหลกสาหรับอุม้ เสียง ทาดว้ ยกะลามะพร้าวตดั ขวางใหเ้ หลือพูท้งั สามอยดู่ า้ นหลงั ขึงหนา้ ดว้ ยหนงั แพะหรือหนงั ลูกววั มีคนั (ทวน) ต้งั ต่อจากกะโหลก ข้ึนไปยาว ประมาณ 1.20 เมตร ทาดว้ ยงาชา้ งหรือไมแ้ ก่น กลึงตอนปลายใหส้ วยงาม มีลูกบิดสอด ขวางคนั ทวน 3 อนั สาหรับพนั ปลายสาย เร่งใหต้ ึง หรือหยอ่ นตามตอ้ งการ มีทวนล่างต่อลงไป จากกะโหลก กลึงให้ เรียวเลก็ ลงไปจนแหลม เลี่ยมโลหะตอนปลาย เพื่อใหแ้ ขง็ แรงสาหรับปักลงกบั พ้นื สายท้งั สามน้นั ทา ดว้ ยไหมหรือเอน็ ขึงจากทวนล่างผา่ นหนา้ ซอซ่ึงมีหยอ่ งรองรับข้ึนไปตามทวน และร้อยเขา้ ในรู ไปพนั ลูกบิดสายละอนั ส่วนคนั ชกั หรือคนั สีน้นั ทาคลา้ ยคนั กระสุน ขึงดว้ ยเส้น หางมา้ หลายๆ เส้น สีไปมา บนสายท้งั สามตามตอ้ งการ สิ่งสาคญั ของซอสามสายอยา่ งหน่ึง คือ \"ถ่วงหนา้ \" ถ่วงหนา้ น้ี ทาดว้ ยโลหะ ประดิษฐใ์ หส้ วยงาม บางทีถึงแก่ฝังเพชรพลอยกม็ ี แต่จะตอ้ งมีน้าหนกั ไดส้ ่วนสมั พนั ธ์กบั หนา้ ซอ สาหรับติดตรงหนา้ ซอตอนบนดา้ นซา้ ย ถา้ ไมม่ ีถ่วงหนา้ แลว้ เสียงจะดงั อูอ้ ้ีไม่ไพเราะ ซอสามสาย สือ่ การสอน วิชาดนตรี

ซอด้วง เปน็ เครื่องสีทีม่ ี 2 สายเรียกว่า สายเอก และสายทุ้ม ตัวกระพุ้งอุ้มเสยี งเรยี กว่า กระบอก เพราะมรี ูปอย่างกระบอกไม้ไผ่ ทาด้วยไม้เน้ือแข็งหรอื งาชา้ ง ขึงหน้าด้วยหนังงู เหลอื ม ถ้าไมม่ ีกใ็ ชห้ นังแพะหรอื หนงั ลูกวัว มีทวน (คัน) เสียบกระบอกยาวขึ้นไป ตอน ปลายเปน็ ส่ีเหล่ียม โอนไปทางหลงั มลี ูกบิดสาหรบั พนั ปลายสาย 2 อนั เน่ืองจากซอด้วง เป็นซอเสียงเล็กแหลม จึง ใชส้ ายท่ีทาดว้ ยไหมหรือเอ็นเปน็ เสน้ เลก็ ๆ ส่วนคนั ชักน้นั รอ้ ย เสน้ หางม้าใหเ้ ข้าอยู่ในระหว่างสาย ท้ังสอง ซอด้วง สือ่ การสอน วิชาดนตรี

ซออู้ เปน็ เครื่องสีที่มสี าย 2 สาย ทาด้วยไหมหรือเอ็น เรียกว่า สายเอกและสายทุ้มเช่น เดียวกับซอด้วง แตก่ ะโหลกซง่ึ เปน็ เคร่ืองอุ้มเสยี งทาด้วยกะลามะพรา้ ว ตัดตามยาวให้พูอย่ขู า้ งบน ขงึ หนา้ ดว้ ยหนงั แพะหรอื หนังลกู วัว มที วน (คัน) เสียบยาวขน้ึ ไปกลึงกลมตลอดปลาย มีลูกบิด สาหรับพันสาย 2 อัน คนั ชักนน้ั ร้อยเสน้ หางมา้ ให้อยู่ภายในระหว่างสายทั้งสอง ซออู้ การเรียกสายของเคร่อื งดนตรี ทงั้ เคร่ืองดีด และเคร่ืองสีว่า \"เอก\" และ \"ทมุ้ \" น้ี เรียกตามลกั ษณะของ เสยี ง สายทม่ี ีเสียงสูงก็เรยี กว่า สายเอก สายทมี่ ีเสียงตา่ ก็เรียกวา่ สายทมุ้ ตลอดจน เครอ่ื งตที ี่จะกลา่ ว ตอ่ ไปนกี้ ็อนุโลมเช่นเดียวกนั เครอ่ื งทมี่ เี สียงสูงก็เรยี กวา่ เอก เครื่องท่ีมีเสียงต่า กเ็ รียกวา่ ทุม้ ส่อื การสอน วชิ าดนตรี

เคร่ืองตี เคร่อื งดนตรีที่ตีแลว้ ดังเปน็ เพลงหรอื เป็นจังหวะมีมากมาย จะกล่าว เฉพาะทค่ี วรจะรู้จักและ ใช้กันอยทู่ ่ัวไปดังน้ี กรบั เป็นเครื่องตที ่ีเม่ือตแี ล้วดงั กรับ - กรับ กรบั อย่างหนงึ่ เป็นไม้ไผผ่ ่าซีก 2 อัน ถือ มือละอนั แลว้ เอาทางผวิ ไมต้ ีกัน เรยี กว่า \"กรบั คู่\" หรอื \"กรบั ละคร\" เพราะโดยมากใช้ประกอบการเล่นละคร กรับ อกี อย่างหน่งึ เป็นกรบั ท่ีทาด้วยไมเ้ น้อื แข็งหรอื งาช้าง เป็นซกี หนาๆ ประกบ 2 ข้าง แล้วมแี ผ่น โลหะ หรอื ไม้ หรืองา ทาเป็นแผน่ บางๆ หลายๆ อันซอ้ นกนั อยู่ขา้ งใน เจาะรตู อนโคน รอ้ ยเชือก เหมอื นพดั เรียกว่า \"กรับพวง\" กรบั พวง ส่ือการสอน วชิ าดนตรี

ระนาดเอก ลกู ระนาดทาด้วยไม้ไผ่บง หรือไมช้ ิงชัง ไมพ้ ะยงู และไม้มะหาด ลกู ระนาด ฝานหวั ทา้ ยและ ท้องตอนกลาง ตดั ให้มีความยาวลดหล่นั กนั ตามลาดบั ของเสยี ง โดยปกติมี 21 ลกู เรียงเสยี งต่าสงู ตามลาดบั ลกู ระนาดทุกลูกเจาะรรู ้อยเชือกหัวทา้ ยแขวนบนรางซง่ึ มีรปู โค้งขึ้น มีเท้า รูปส่เี หล่ยี ม ตรง กลางสาหรับตั้ง ไมส้ าหรับตีมี 2 อยา่ งคือ ไม้แข็ง (เมอ่ื ต้องการเสยี งดังแกรง่ กร้าว) และไม้นวม (เมื่อ ตอ้ งการเสยี งเบาและนุม่ นวล) ระนาดเอก ระนาดทมุ้ ลูกระนาดเหมอื นระนาดเอก แต่ใหญ่และยาวกว่า มี 17 ลูก รางทแี่ ขวนนั้น ด้านบนโค้งขึ้น แต่ ดา้ นล่างตรงขนานกบั พ้นื ราบ มีเทา้ เลก็ ๆ ตรงมุม 4 เท้า ไม้ตใี ช้แต่ไม้นวม ระนาดทุ้ม สอ่ื การสอน วชิ าดนตรี การเทยี บเสยี งระนาดเอก และ ระนาดทมุ้ เมื่อตอ้ งการใหส้ งู ต่า ใช้ ขผี้ ้ึงผสมกับผงตะกั่ว ตดิ ตรงหัวและ ทา้ ยด้านลา่ ง ถว่ งเสียงตามต้องการ

ระนาดเอกเหลก็ ลกู ระนาดทาด้วยเหลก็ วางเรยี งบนราง ไม่ต้องเจาะรูรอ้ ยเชอื กมี 20 ลกู หรอื มากกว่าน้นั ถ้าลูกระนาดทาด้วยทองเหลืองกเ็ รยี กวา่ ระนาดทอง ระนาดเอกเหลก็ ระนาดทุม้ เหล็ก เหมือนระนาดเอกเหล็กทุกประการ นอกจากลกู ระนาดใหญ่และยาวกว่า มี 17 ลกู ถา้ ทา ด้วยทองเหลืองก็เรยี ก ระนาดทุ้มทอง ระนาดทุ้มเหลก็ การเทียบเสยี งระนาดเอกเหลก็ และ ระนาดทุ้มเหล็กนี้ ใชต้ ะไบถูหวั ทา้ ย ด้านล่างและท้องลูก ระนาด ไมใ่ ช้ ขผ้ี ึ้งผสมผงตะถ่ัวติด เม่ือตอ้ งการให้ ลกู ไหนเสียงสูงข้ึน กต็ ะไบหวั หรือ ท้ายให้บาง ถ้าต้องการใหต้ า่ กต็ ะไบ ท้องให้บาง ส่ือการสอน วิชาดนตรี

ฆอ้ ง ทาด้วยโลหะ เปน็ แผ่นกลม ตรงกลางมีปุ่มกลมนนู ข้ึนสาหรบั ตี ขอบนอกหักมุมลงรอบตวั เป็นรูปเหมือนฉตั ร ฆอ้ งมีหลายชนิด คือ ฆ้องโหมง่ เปน็ ฆอ้ งขนาดเขือ่ ง ขนาดตง้ั แตเ่ ส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ฆ้องโหม่ง 30 เซนติเมตร ถึง 45 เซนติเมตร โดยปกตใิ ช้แขวนไมข้ าหยัง่ 3 อัน หรอื ทาเป็นรปู อย่างอนื่ ตดี ้วยไมซ้ ึ่งพนั ด้วย ผ้าเป็นปุม่ ตอนปลาย เสยี ง ดงั โหม่ง - โหม่ง จงึ เรียกชอื่ ตามเสียง ฆอ้ งวงใหญ่ ฆอ้ งวงใหญ่ มี 16 ลกู ขนาดลดหลน่ั กันไปตามลาดับ ลูกต้นขนาด ใหญ่ เสียงตา่ อย่ทู าง ซา้ ยของผตู้ ี ลูกยอดขนาดเล็ก เสยี งสูง อยู่ ทางขวาของผู้ตี ทุกลูกผกู บนรา้ นซึ่งทาเป็นวงรอบตัว คนตี เวน้ ดา้ นหลังไว้ ผู้ตนี ่ังในกลางวง ตีดว้ ยไม้ทท่ี าด้วยแผ่นหนงั หนา ตดั เปน็ วงกลม มดี า้ ม เสียบตรงรูกลางแผ่นหนัง ส่อื การสอน วิชาดนตรี

ฆอ้ งวงเล็ก ฆ้องวงเลก็ รูปรา่ งลักษณะเหมือนฆ้องวงใหญ่ แตม่ ีขนาดเล็กกวา่ เทา่ นั้น มจี านวนลูกฆ้อง 18 ลกู การเทยี บเสยี งฆ้องวงใหญแ่ ละฆอ้ งวงเลก็ นี้ ใชข้ ้ีผง้ึ ผสมกบั ผงตะกั่ว ตดิ ตรงด้านล่างของ ปมุ่ ฆอ้ ง เพ่ือใหไ้ ดเ้ สียงสูงตา่ ตามตอ้ งการ ฉิ่ง ทาด้วยโลหะหล่อหนา รปู เหมือนฝาชี ปากกวา้ งประมาณ ๖ เซนตเิ มตร มรี ตู รงกลาง สาหรับร้อยเชือก สารับหน่งึ มี 2 อัน เรียกวา่ คู่ ตใี ห้ทางปากเข้ากระทบประกบกันดงั ฉ่ิง - ฉับ ฉงิ่ สอ่ื การสอน วิชาดนตรี

ฉาบ ทาดว้ ยโลหะหล่อ บางกวา่ ฉิ่ง รปู เหมือนฉงิ่ แต่มชี านต่อ ออกไปรอบตวั สารับหนึ่ง มี 2 อนั เรียกวา่ คู่ เหมอื นกัน ฉาบ นม้ี ี 2 ขนาด อยา่ งเล็กขนาดเสน้ ผา่ นศนู ย์กลางประมาณ 13 เซนตเิ มตร เรียกว่า \"ฉาบเล็ก\" อย่างใหญข่ นาดเส้นผา่ น ศนู ยก์ ลางประมาณ 25 เซนติเมตร เรียกวา่ \"ฉาบใหญ่\" ฉาบเลก็ ฉาบใหญ่ สื่อการสอน วิชาดนตรี

ตะโพน เป็นเครือ่ งตที ีข่ ึงหนงั 2 หน้า ตวั หนุ่ ทาด้วยไม้ ตรงกลางปอ่ ง ภายในขดุ เป็นโพรง หนงั ท่ีขงึ หน้าเจาะรูรอบ มเี ส้นหนังเล็กๆ ควน่ั เป็น เกลียวถกั เรยี กว่า \"ไสล้ ะมาน\" ใชห้ นังตดั เป็นแถบเลก็ ๆ เรียกว่า \"หนงั เรียด\" รอ้ ยไส้ละมานโยงท้งั สองหน้า เรง่ เสียงตามตอ้ งการ ตรงกลางมหี นงั เรยี ดพันเป็น \"รัดอก\" วางนอนบนเท้า ซง่ึ ทาด้วยไมเ้ ขา้ รปู กับหนา้ ตะโพน หน้าใหญเ่ รียกว่า \"หน้าเทง่ \" หน้าเล็กเรียกวา่ \"หน้ามดั \" เวลาจะตตี ้องตดิ ข้าวสุกผสมกบั ขีเ้ ถา้ ทางหนา้ เทง่ ถว่ งเสยี งใหพ้ อเหมาะ ตะโพน กลองทดั เปน็ เครือ่ งตีท่ที าดว้ ยไมท้ ่อน กลงึ ให้ กลองทัด ไดร้ ูปและสัดสว่ น ภายในขุดเปน็ โพรง ขึง หนา้ ท้ังสองข้าง ดว้ ยหนังวัวหรอื หนงั ควาย ตรึงด้วยหมดุ (เรียกวา่ แส้) สอื่ การสอน วชิ าดนตรี ขนาดหน้ากลองเส้นผา่ นศนู ย์ กลางประมาณ 46 เซนติเมตร เท่ากันทงั้ สองหนา้ ตวั กลองยาวประมาณ 51 เซนติเมตร มหี ู สาหรับแขวนเรยี กว่า หรู ะวงิ 1 หู ชุดหน่ึงมี 2 ลูก ลูกเสยี งสงู เรียกว่า ตัวผู้ ลูกเสียงตา่ เรยี กวา่ ตวั เมยี ก่อนจะใช้ต้องตดิ ข้าวสุกผสมกบั ขเ้ี ถ้าบดใหเ้ ขา้ กนั ติดตรง กลางหน้าลา่ งซึ่งไมไ่ ด้ใช้ตี เพื่อ ใหเ้ สียงนุ่มนวลขนึ้ ใชต้ ี ด้วยไม้ท่อนยาวประมาณ 50 เซนตเิ มตร

กลองแขก กลองแขก เป็นกลองที่มีรูปร่างยาวประมาณ ๕๗ เซนติเมตร ขึงหนา้ ดว้ ยหนังแพะหรือ หนงั ลูกวัว หน้าขา้ งหนึ่งใหญ่ กวา้ ง ประมาณ 20 เซนตเิ มตร เรียกวา่ \"หน้ารุย่ \" หนา้ ขา้ งเลก็ กว้าง ประมาณ 17 เซนติเมตร เรยี กว่า \"หนา้ ต่าน\" มสี ายโย่งเร่ง เสยี งถึงกันทง้ั สองหน้าห่างๆ ทาดว้ ย หวายผ่าซีก และอกี เสน้ หนึ่งพนั ยดึ สายเป็นคู่ๆ รอบกลองเรียกวา่ รัดอก สารับหนึง่ มี 2 ลูก ลกู เสียงสูงเรยี กวา่ ตัวผู้ ลูกเสยี งตา่ เรยี กว่า ตวั เมยี ใช้ตดี ้วยมือทั้งสองหนา้ โทน เปน็ เครือ่ งตที ี่ขึงหนงั หนา้ เดยี ว รปู ร่างตอนตน้ โต แลว้ คอ่ ย โทนรามะนา เรยี วลงไป ตอนสุดผาย ออกนดิ หนอ่ ย มสี ายโยงเร่งเสียงจาก หนา้ มาถงึ คอ ซึ่งมอี ยู่ 2 อย่างคอื โทนมโหรีกับโทนชาตรี รูปร่าง ลักษณะต่างกนั เลก็ นอ้ ย รามะนา เปน็ เครื่องตีทขี่ ึงหนังหน้าเดยี ว รูปรา่ งแบน (หรือสัน้ ) มี 2 อย่าง คอื รามะนา ลาตัด และรามะนามโหรี รามะนาตัดนนั้ มี ขนาดใหญ่ แต่จะไม่พดู ถงึ เพราะมิได้อยู่ในวงดนตรี จงึ กลา่ วแต่ เฉพาะรามะนาทใี่ ช้ในวงมโหรีเทา่ นั้น ส่ือการสอน วชิ าดนตรี

เครอื่ งเป่า เครื่องดนตรไี ทยท่ใี ช้ลมเปา่ แลว้ ดงั เปน็ เสยี งนั้น แบง่ ออกได้เปน็ 2 ประเภท ประเภทท่ีหนึ่งต้องมีล้นิ ท่ที าด้วยใบตาลเสียบตรงปลาย กาพวดท่ีทาจากทองเหลืองหรือเงนิ สอดใสเ่ ขา้ ไว้ เมื่อเป่าลมเขา้ ไป ล้นิ กจ็ ะเตน้ ไหว ใหเ้ กิดเสยี ง เรียกว่า \"ป\"่ี อกี ประเภทหน่ึงไม่มีลนิ้ แตม่ ีรบู ังคบั ทาให้ลมทเ่ี ป่าหักมมุ แลว้ เกดิ เป็นเสยี งข้ึน เรยี กว่า \"ขลยุ่ \" ทัง้ ปแี่ ละขลุ่ย ลกั ษณนามเรียกวา่ \"เลา\" ซึง่ มีอยู่หลายประเภท แต่จะกล่าวเฉพาะท่ีควรรเู้ ทา่ นัน้ คือ ปใี่ น ทาดว้ ยไม้ชิงชังหรือไม้พะยูง กลึงใหป้ ่องกลาง ปใ่ี น และบานปลายทั้ง 2 ข้างเล็กนอ้ ย เจาะเปน็ รกู ลวง ภายใน มีรสู าหรับปดิ เปดิ นวิ้ ใหเ้ ปน็ เสียงสูงตา่ เจาะ ทตี่ ัวปี่ 6 รู 4 รูบนเรียงตาม ลาดบั แล้วเวน้ ห่าง พอควรจึงถึง 2 รลู า่ ง ล้ินป่ีทาดว้ ยใบตาลตดั กลมมน ซอ้ น 4 ชน้ั ผูกติดกับ หลอดโลหะทเ่ี รียกว่า \"กาพวด\" สอดกาพวดเข้าในรูป่ีด้านบนแลว้ จึงเป่า ส่ือการสอน วชิ าดนตรี

ป่ีชวา ป่ชี วา รูปรา่ งเหมือนปีไ่ ฉน แตใ่ หญก่ วา่ ยาวประมาณ 39 เซนติเมตร บรรเลงร่วมในวง เครือ่ งสายป่ชี วา และป่พี าทยน์ างหงส์ ป่ีมอญ เปน็ เคร่อื งเปา่ ในตระกูลป่ี ไทยไดแ้ บบอยา่ งมาจากมอญ ป่ี ปมี่ อญ ชนิดนี้แบ่งเป็น 2 ท่อน ท่อนแรกเรียกว่า\"ตัวเลา\" ทาด้วยไมจ้ รงิ กลึงใหก้ ลมเรียวยาว ภายในโปรง่ ตลอด ตอนปลายกลึงผายออก สือ่ การสอน วิชาดนตรี เล็กน้อย ถดั ลงมากลึงเปน็ ลูกแก้วคัน่ สาหรับผกู เชือกโยงกับตวั ลาโพง ทตี่ วั เลาด้านหนา้ เจาะรู 7 รู เรยี งตามลาดบั เพื่อเปิดปิดนิว้ บังคับเสียง ด้านหลังตอนบนเจาะอีก 1 รูเปน็ \"รนู ้ิวคา\" อีกทอ่ น หน่งึ เรยี กว่าลาโพง ทาดว้ ยทองเหลืองหรอื สแตนเลส ลกั ษณะ คล้ายดอกลาโพง แต่ใหญก่ ว่า ปลายผายบานงุ้มขึ้น ตอนกลาง และตอนปลายตีเป็นลูกแก้ว ตวั เลาป่จี ะสอดใสเ่ ข้าไปในลาโพง โดยมีเชือกเคยี นเปน็ ทกั ษณิ าวฏั ในเงื่อน\"สบั ปลาช่อน\" ยึด ระหวา่ งลกู แกว้ ลาโพงป่กี ับลูกแกว้ ตอนบนของตัวเลาปี่ เพอื่ ไมใ่ ห้ หลดุ ออกจากกันง่ายๆ ปม่ี อญใชเ้ ลน่ ในวงปี่พาทย์มอญและเลน่ ประกอบเพลงออกภาษา ในภาษามอญ

ขล่ยุ หลบิ ขลยุ่ เปน็ เครือ่ งเป่าที่ไม่มีล้นิ ทาด้วยไมร้ วก (ที่ทาด้วยไม้ชงิ ชงั ขลุ่ยเพยี งออ หรืองาช้างกม็ ี) มีรูสเ่ี หลย่ี มผืนผ้าอยดู่ า้ นใต้ ซง่ึ ทาให้ลมหักมุมลง เรียกวา่ รูปากนกแกว้ รทู ี่สาหรบั ปดิ เปิดนิว้ บังคับ เสียงสูงต่าอยู่ ขลุ่ยอู้ ด้านบน 7 รู และ ด้านลา่ งเรียกวา่ รูน้วิ คา้ อีก 1 รู ดา้ นขวามีรู สาหรับปดิ เยื่อ (เยื่อ ในปล้องไมไ้ ผ่หรือเยื่อหัวหอม) เพื่อใหเ้ สยี ง แตก (เมอื่ ต้องการ) ขลุ่ยรูปร่างอย่างเดียวกนั น้ีมี 3 ขนาด คือ \"ขลุ่ยหลิบ\" ขนาดเล็ก มีเสียงสูง ยาวประมาณ 36 เซนติเมตร \"ขลุ่ยเพยี งออ\" ขนาดกลาง เสียงระดับกลาง ยาวประมาณ 45 เซนตเิ มตร และ \"ขลยุ่ อู้\" ขนาดใหญ่ มเี สียงต่า ยาว ประมาณ 60 เซนตเิ มตร ส่อื การสอน วิชาดนตรี

บรรณานุกรม กมล ราพงึ และ ดนตรีไทย. รวมบทความเกยี่ วกบั ดนตรีไทย. กรุงเทพฯ : โรงพิมพพ์ ิฆเณศ, 2517 พิมพค์รง้ั ที่1. กรมวชิ าการ . วิชาดนตรศี ึกษา ศ207 และ ศ208 . กรงุ เทพฯ : องค์การคา้ ของคุรสุ ภา, 2523 พมิ พคร์ ้ังที่ 2 วิชา ศ 021 ศ022 สังคีตนยิ ม ช้ันมธั ยมศึกษา ตอนปลาย. กรุงเทพฯ : ไทยวฒั นาพานิช, 2525. พิมพคร์ ง้ั ท่ี1. ศลิ ปศกึ ษา (วิชาเลือก ศ121, ศ122) ดนตรีไทย - ขับร้องไทย. กรงุ เทพฯ :2522. พิมพค์ร้งั ท่ี1. กรมศิลปากร. งานสงั คตี ศิลป กรมศลิ ปากร 2492 -2494. พระนคร : กรมศลิ ปากร, 2494. กรองทอง โพธิยารมย์. การใช้หลกสั ตู รนาฏศิลปชั้นสูง พุทธศักราช 2527. กฤษณะ ชินฉัตร์. ‚ดนตรีควรจะปรับปรงุ ,‛ ธรรมศาสตร์สังคตี ฉบบั พรรณนา. กรงุ เทพมหานคร :โรงพิมพ์ พิฆเณศ, 2518 สื่อการสอน วชิ าดนตรี

นายเชาวลิต สนิ สถติ พร ครู โรงเรยี นบ้านยา่ นดินแดง อาเภอ พระแสง จงั หวัดสุราษฎร์ธานี สงั กดั สานักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษาสุราษฎร์ธานี เขต 3


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook