Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 7_บทที่ 2_V1

7_บทที่ 2_V1

Published by narapon, 2020-05-13 10:51:05

Description: 7_บทที่ 2_V1

Search

Read the Text Version

บทท่ี 2 ทฤษฎแี นวคดิ และงานวจิ ยั ท่ีเกยี่ วข้อง งานวิจัยน้ีเป็ นการศึกษาวิธีการทาเหมืองกระบวนการ การทาเหมืองกระบวนการ เพื่อเพ่ิม ประสิทธิภาพใหแ้ ก่กระบวนการขายรถยนต์ ผวู้ จิ ยั ไดศ้ ึกษาเอกสารและวรรณกรรมท่ีเกี่ยวขอ้ งดงั น้ี 2.1 เหมืองกระบวนการ 2.2 บนั ทึกเหตกุ ารณ์กระบวนการซ้ืออาหารของนกั เรียน 2.3 Fuzzy Miner 2.4 ภาวะน้าหนกั เกินและโรคอว้ นในเดก็ วยั เรียน 2.5 งานวจิ ยั ที่เก่ียวขอ้ ง 2.1 เหมืองกระบวนการ เหมืองกระบวนการ คือเทคนิคการวเิ คราะห์ขอ้ มูลท่ีโดยมีส่วนสาคญั แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ การ คน้ พบกระบวนการ, การตรวจสอบความสอดคลอ้ ง และการปรับปรุงให้ดีข้ึน ดงั รูปท่ี 4 โดยขอ้ มูลท่ี นามาวเิ คราะห์น้นั จะใชข้ อ้ มลู บนั ทึกเหตุการณ์ (Event log) ที่ผใู้ ชง้ านกระทาข้ึนจริงบนระบบ รูปที่ 4 ภาพรวมของการทาเหมืองกระบวนการ

5 เป็ นเทคนิคการวิเคราะห์กระบวนการในการค้นหาคุณค่า (value) ที่จะสามารถหาโมเดลของ กระบวนการใหม่ จากข้อมูลท่ีเกิดข้ึนจริ งในบันทึกเหตุการณ์ (event log) ทาให้สามารถมองเห็น กระบวนการการซ้ืออาหารของนกั เรียนไดอ้ ย่างชดั เจนมากข้ึน โดยการนาขอ้ มูลมาวิเคราะหน์ ้นั เพื่อเป็นการ เปรียบเทียบรูปแบบการทางานแบบเดิมท่ีเป็นอยแู่ ละนามาปรับปรุงการกาหนดนโยบายการซ้ืออาหารภายใน โรงเรียน เพื่อนาไปสู่การสร้างความเขา้ ใจหรือขอความร่วมมือแก่ผูป้ กครองในการบริโภคอาหารของ นกั เรียนท่ีมีน้าหนกั เกินเกณฑใ์ หเ้ กิดพฤติกรรมการบริโภคท่ีมีคณุ ภาพของนกั เรียนอยา่ งยง่ั ยนื โครงสร้างการจดั เตรียมขอ้ มูลสาหรับการจดั ทา Process mining ประกอบดว้ ยขอ้ มูลที่เป็นบนั ทึกใน ระบบสารสนเทศที่มีการใช้งานในชีวิตประจาวนั ของโรงเรียน เคร่ืองมือท่ีใช้งาน โครงสร้างโรงเรียน ซอร์ฟแวร์ที่ใชง้ านในโรงเรียนรูปแบบขอ้ มูล หรือระบบจดั การฐานขอ้ มูลท่ีใชง้ าน ซ่ึงขอ้ มูลท้งั หมดน้ีเป็ น แหล่งเริ่มต้นของข้อมูลเพ่ือจัดทา Process mining ในกระบวนการจัดเตรียม โดยประเภทของ Process Mining แบง่ ออกเป็น 3 ประเภทของการทางานดงั น้ี 2.1.1 การคน้ พบ (process discovery) เทคนิคการคน้ พบจะนาบนั ทึกเหตกุ ารณ์ (Event Log) มาสร้างแบบจาลองการ ทางาน ของ กระบวนการได้ การคน้ พบกระบวนการเป็นประเภทของเหมืองกระบวนการ เพ่อื ช่วยในการคน้ พบ ปัญหาคอขวดหรือขอ้ ผิดพลาดที่มีอยใู่ นระบบ หลายองคก์ รใหค้ วามสนใจเม่ือไดเ้ ห็นเทคนิคการคน้ พกระบวนการน้ีเพียงแค่ใชบ้ นั ทึกเหตุการณ์ในการทางานจริง 2.1.2 การตรวจสอบความถูกตอ้ งของขอ้ มลู (conformance checking) ทาการตรวจสอบและเปรี ยบเทียบแบบจาลองของกระบวนการกับบัน ทึกเหตุการณ์ ที่ เกิดข้ึนจริง โดยการตรวจสอบความสอดคลอ้ งสามารถใชต้ รวจสอบวา่ กระบวนการทางานท่ีบนั ทึก ไวใ้ นบนั ทึกเหตุการณ์มีความสอดคลอ้ งกบั แบบจาลองหรือไม่ และสามารถตรวจสอบแบบจาลอง ไดเ้ ช่นเดียวกนั เน่ืองจากอาจมีแบบจาลองหลายประเภทท่ีผิดพลาด การพิจารณาตรวจสอบความ สอดคลอ้ งสามารถนามาประยุกตใ์ ชก้ บั แบบจาลององค์กร แบบจาลองข้นั ตอน หรือ นโยบายทาง ธุรกิจ และอ่ืน ๆ 2.1.3 การปรับปรุงกระบวนการใหด้ ีข้นึ (enhancement) การปรับปรุงหรือขยายแบบจาลองกระบวนการท่ีมีอยู่ดว้ ยการใช้บนั ทึกเหตุการณ์ของ กระบวนการจริง เป็นการขยายขีดความสามารถของแบบจาลองกระบวนการที่มีอยูท่ ี่เนน้ ไปในเรื่อง ของการไหลของการควบคุมการ (control flow) ไปในมุมมองอื่นๆ เช่น มุมมองดา้ นองค์กร เวลา เครือข่ายสังคม เป็ นตน้ หรือการออกแบบ แบบจาลองใหม่เพื่อแก้ปัญหาต่างๆในแบบจาลองเดิม เช่น ปัญหาคอขวด เป็นตน้

6 2.2 บันทึกเหตุการณ์ บนั ทึกเหตกุ ารณ์ คอื ชุดขอ้ มูลที่เกิดจากการใชง้ านของผใู้ ชบ้ นระบบซอฟตแ์ วร์ และถกู บนั ทึกลง บนฐานขอ้ มลู เพ่ือนามาแสดงรายงานหรือนามาวเิ คราะหผ์ ลดว้ ยเทคนิคต่างๆ โดยส่วนสาคญั ประกอบดว้ ย กรณี (Case), กิจกรรม (Activity) ทรัพยากร (Resource) และประทบั เวลา (Timestamp) ดงั รูปที่ 3 รูปท่ี 5 ตวั อยา่ งบนั ทึกเหตกุ ารณ์

7 2.2.1 ความตอ้ งการข้นั ต่าสาหรับการบนั ทึกเหตกุ ารณ์ ขอ้ มูลคอลมั น์ตรวจสอบ การวิเคราะห์ความเป็ นไปไดท้ ี่มีในภายหลงั และเหล่าน้ีเป็ นสิ่งท่ีตอ้ งการ จริงๆ ในการทาเหมืองกระบวนการที่เขา้ มาเล่นตามรูปแบบของเมนทอล โมเดล ก่อนที่จะอธิบายตอ้ งระบุ อยา่ งนอ้ ย 3 องคป์ ระกอบ : Case ID, Activity and Timestamp 2.2.1.1 Case ID รูปที่ 2.2.1.1 ข้นั ตอนการเลือก Case ID Case เป็ นกรณีเฉพาะของกระบวนการ ส่ิงที่ได้อย่างแม่นยาตามความหมายของเหตุการณ์ อยู่ใน สถานการณ์ท่ีข้ึนอยกู่ บั ประสิทธิภาพของกระบวนการ ตวั อยา่ งเช่น: • ในกระบวนการซ้ืออาหารของนกั เรียน การจดั การการซ้ืออาหารหน่ึงเป็นเหตุการณ์หน่ึง • ในโรงเรียนน้ี นกั เรียนจะผา่ นการซ้ืออาหารจากร้านคา้ หน่ึงในกระบวนการ สาหรับเหตุการณ์ท่ีตอ้ งรู้วา่ เพ่ือใหก้ ารทาเหมืองกระบวนการน้นั เครื่องมือท่ีสามารถเปรียบเทียบ การปฏิบัติของกระบวนการกับนักเรียน ดังน้ันจะต้องมีมากกว่าหน่ึงคอลัมน์ที่จะระบุตัวตนของการ ดาเนินการเดียวของกระบวนการ และระบเุ หตุการณ์ (Case ID )

8 2.2.1.2 Activity รูปท่ี 2.2.1.2 ข้นั ตอนการเลือก Activity เป็ นรูปแบบกิจกรรมหน่ึงข้นั ตอนในกระบวนการ ยกตวั อย่างเช่น กระบวนการการขาย อาหารของร้านคา้ ภายในโรงเรียนข้นั ตอนเหล่าน้ีอาจเกิดข้ึนมากกว่าหน่ึงคร้ังสาหรับกรณีเดียว ในขณะที่ ไม่ใช่ทุกคนที่ตอ้ งการจะใหเ้ กิดข้ึนตลอดเวลา และควรจะมีชื่อร้านคา้ เพื่อความแตกต่างกนั ของกระบวนการ การขายอาหารแต่ละร้านคา้ หากมีเพียงหน่ึงร้านค้า สาหรับแต่ละกรณีน้ัน ข้อมูลของรายละเอียดจะไม่ เพียงพอ ขอ้ มลู ของรายละเอียดจะตอ้ งอยใู่ นระดบั การทาธุรกรรม และระดบั ของ Caseไมค่ วรไหลไปรวมกนั

9 2.2.1.3 Timestamp รูปท่ี 2.2.1.3 ข้นั ตอนการเลือก Timestamp สามสิ่งจาเป็ นท่ีสาคญั สาหรับการทาเหมืองกระบวนการ คือ การมีคอลมั น์ประทบั เวลาที่ บ่งช้ีว่า เมื่อมีกิจกรรมที่เกิดข้ึนน้ัน เวลาเป็ นสิ่งสาคญั สาหรับการวิเคราะห์พฤติกรรมตามระยะเวลาของ กระบวนการ แตเ่ พือ่ สร้างคาสั่งของกิจกรรมในบนั ทึกเหตุการณ์ 2.3 Fuzzy miner Fuzzy miner เป็ นหน่ึงใน อลั กอริทึมในการคน้ พบกระบวนการระยะแรก เป็ นอลั กอริทึมโดย ตรงท่ีทาหนา้ ที่แกไ้ ขปัญหาของตวั เลขขนาดใหญ่ กิจกรรมและพฤติกรรมที่ไม่มีโครงสร้างระดบั สูง (รูปท่ี 3) เพ่ือช่วยผใู้ ชส้ ารมารถโตต้ อบสารวจกระบวนการจากการบนั ทึกเหตกุ ารณ์ส่วนใหญ่ Fuzzy miner เป็นเคร่ืองมือที่ใชใ้ นการทาเหมืองกระบวนการที่มีประสิทธิภาพสูงและง่ายต่อการใชง้ าน เป็นเครื่องมือที่จะ ช่วยจดั การกบั ขอ้ มูลบนั ทึกเหตุการณ์ท่ีมีขนาดใหญ่และมีความซับซ้อน โดยโปรแกรม จะมีส่วนเสริมตวั กรองขอ้ มูล เพื่อใช้ในการจดั การบนั ทึกเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึน เช่น Time Frame, Variation, Performance ซ่ึง ภายในตวั โปรแกรมมีอลั กอริทึมหลกั ท้งั หมด 2 ตวั คือ Fuzzy Miner, Time Performance ใช้หาขอ้ เท็จจริง ของบนั ทึกเหตุการณ์ และยงั มีส่วนเสริมในการช่วยสรุปสถิตภายในตวั โปรแกรม ที่สาคญั อีกประการหน่ึง คือ Disco สามารถรับขอ้ มูลที่อย่ใู นรูปแบบของ csv ได้ ทาใหม้ ีความสะดวกในการใชง้ าน พร้อมท้งั สามารถ

10 export ขอ้ มูลออกไปเพ่ือใชใ้ นการวิเคราะห์ดว้ ยอลั กอริทึมอื่นๆ ไดอ้ ีกดว้ ย Fuzzy Miner เป็ นส่วนหน่ึงของ การกระจายอยา่ งเป็นทางการของชุดเคร่ืองมือ ProM สาหรับกระบวนการขดุ โดยมีวตั ถุประสงคค์ ือเพ่ือให้ ผูใ้ ช้สามารถสารวจกระบวนการจากบันทึกเหตุการณ์ ส่ิงท่ีน่าสังเกตมากท่ีสุดคือ Fuzzy Miner เหมาะ สาหรับการขุดกระบวนการท่ีไม่มีโครงสร้างน้อยซ่ึงแสดงพฤติกรรมท่ีไม่มีโครงสร้างและขดั แยง้ จานวน มาก เม่ือเราทาการช้ีเฉพาะประเภทของขอ้ มลู เรียบร้อยแลว้ ในการวเิ คราะห์ความถี่การซ้ืออาหารของ นกั เรียนเมื่อใช้ Fuzzy Miner จากโปรแกรม Disco เพอื่ ให้โปรแกรมสามารถแสดงผลไดต้ รงตาม วตั ถุประสงคใ์ นการวิเคราะห์ขอ้ มูล ผวู้ ิจยั เลือกขอ้ มลู ช้ีเฉพาะสาหรับกลุม่ เดก็ ท่ีมีน้าหนกั เกินเกณฑ์ มาตรฐานที่เลือกรับประทานอาหารประเภทต่าง ๆ โดยใช้ Filter ในการเลือกกล่มุ ขอ้ มลู แสดงดงั รูปท่ี 6 รูปท่ี 8 แสดงการใช้ Filter เพ่ือเลือกเฉพาะชุดขอ้ มูลท่ีตอ้ งการวิเคราะห์

11 รูปที่ 9 แสดงการใช้ Filter เพ่ือเลือกเฉพาะชุดขอ้ มูลที่ตอ้ งการวเิ คราะห์ เมื่อประมวลดว้ ยโปรแกรม Disco ภายหลงั จาก Filter กลุ่มขอ้ มลู แลว้ โปรแกรมจะแสดงผลของการ ทางานผา่ น Fuzzy Miner แสดงดงั รูปที่8 รูปที่ 10 แสดงผลการวิเคราะหด์ ว้ ย Fuzzy Miner จากโปรแกรม Disco

12 วเิ คราะห์การบริโภคอาหารของกลมุ่ นกั เรียนท่ีมีน้าหนกั เกินเกณฑม์ าตรฐานจากโมเดล Fuzzy Miner ของกล่มุ นกั เรียนที่มีน้าหนกั เกินเกณฑม์ าตรฐาน แสดงใหเ้ ห็นวา่ มีการบริโภค ดงั รูปท่ี 10 รูปท่ี 11 โมเดล Fuzzy Miner การบริโภคอาหารของนกั เรียนกลุ่มน้าหนกั เกิณเกณฑม์ าตรฐาน เปรียบเทียบพฤติกรรมการบริโภคอาหารของเด็กนกั เรียนที่เกณฑน์ ้าหนกั ปกติ แสดงดงั รูปท่ี 11กบั นกั เรียนที่มีน้าหนกั เกินเกณฑม์ าตรฐานแสดงดงั รูปที่ 12 รูปท่ี 12 โมเดล Fuzzy Miner ของกลุม่ นกั เรียนท่ีมนี ้าหนกั เกินเกณฑม์ าตรฐาน

13 รูปที่ 13 โมเดล Fuzzy Miner ของกลุ่มนกั เรียนที่มนี ้าหนกั ปกติ 2.4 ภาวะนา้ หนักเกนิ และโรคอ้วนในเด็กวัยเรียน ภาวะน้าหนกั เกิน (overweight) หมายถึง ภาวะที่เกิดจากการไดร้ ับพลงั งานจากอาหารเกิน ความตอ้ งการ ของร่างกาย และเก็บสะสมไวจ้ นเกิดอาการปรากฏ เช่น ไดร้ ับสารอาหารที่ใหพ้ ลงั งานมาก เกินไป จนมีการสะสม พลงั งานไวใ้ นร่างกายในรูปแบบของไขมนั ทาเกิดโรคอว้ น (obesity) ตามมาซ่ึง อาจก่อให้เกิดผลกระทบในภายหลงั ได้ 2.4.1 ความสาคัญของปัญหาโรคอ้วนในเด็กวัยเรียน ประเทศไทย มีแนวโนม้ โรคอว้ นในเด็กวยั เรียนเพิม่ สูงข้นึ ทุกปี โดยเฉพาะเด็กวยั เรียน การ แพร่กระจายของปัญหาภาวะอว้ นส่วนใหญจ่ ะพบมากในเขตเมืองทุกภูมิภาคของประเทศ จากการศึกษาวิจยั ในต่างประเทศพบวา่ เด็กอว้ น 1 ใน 4 จะมีโอกาสเป็นผใู้ หญท่ ี่อว้ น และหากเป็นวยั รุ่นอว้ นจะมีโอกาสสูงถึง 3 ใน 4 ผลกระทบจากการเป็นโรคอว้ นจะทาใหเ้ กิดปัญหาท้งั ดา้ นร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และเศรษฐกิจ ทางดา้ นร่างกายพบวา่ โรคอว้ นท่ีเกิดข้ึนในเดก็ เป็นสาเหตุสาคญั ของโรคไม่ติดต่อเร้ือรัง อื่นๆ เช่นเดียวกบั ที่เกิดข้ึนในผใู้ หญ่ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดนั โลหิตสูง โรคปอดและทางเดินหายใจ อดุ ตนั หวั ใจวาย โรคกระดูกและขอ้ โรคผิวหนงั ที่มีลกั ษณะผวิ คล้าหนาเหมือนกามะหยี่ บริเวณซอกคอ รักแร้ ขอ้ พบั ต่างๆ และขาหนีบ เป็นตน้ ในเดก็ อายุ 5-17 ปี พบวา่ เดก็ อว้ นมีปัจจยั เส่ียงต่อโรคหวั ใจ และหลอดเลือดมากกวา่ เด็ก ปกติ โดยมีแนวโนม้ เป็นโรคความดนั โลหิตสูงเพม่ิ ข้นึ 2-4.5 เทา่ และภาวะไขมนั ในเลือดสูงเพิ่มข้นึ 3-7 เทา่ ทางดา้ นจิตใจพบวา่ โรคอว้ นทาใหเ้ สียบคุ ลิกภาพและถกู ลอ้ เลียน จึงทาใหเ้ ด็กเกิดปมดอ้ ย และมีความกดดนั เด็กอว้ นบางคนแยกตวั ออกจากกลุม่ เพื่อน มีปัญหาในการเขา้ สงั คม ในเด็กท่ีอว้ นรุนนแรงจะมีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ทาใหน้ อนกรน เน่ืองจาก ร่างกายไดร้ ับออกซิเจนนอ้ ยเกิดการคงั่ ของกา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์ และหยดุ หายใจขณะหลบั เป็นช่วงๆ อาการเหลา่ น้ีจดั อยใู่ นกล่มุ ที่เรียกวา่ Pickwickian Syndrome ซ่ึงบางคนอาจมีอาการทางไตร่วมดว้ ย ผลเสีย

14 จากเกิดภาวะดงั กล่าว ทาใหเ้ ดก็ นอนหลบั ไม่เพยี งพอ และจะนงั่ หลบั ทุกคร้ังเมื่อนงั่ เรียนทาใหผ้ ลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนตกต่า ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เด็กอว้ นท่ีป่ วยเป็นโรคแทรกซอ้ นทาใหค้ รอบครัวตอ้ งเสีย คา่ ใชจ้ ่ายในการรักษาพยาบาลเพ่ิมข้ึน และทาใหร้ ัฐบาลตอ้ งแบกรับภาระคา่ ใชจ้ ่ายในการรักษาพยาบาล โรคเร้ือรังอนั เกิดจากโรคอว้ นหลายพนั ลา้ นบาทตอ่ ปี 2.4.2 สาเหตุของภาวะเริ่มอ้วนและอ้วน โรคอว้ นเกิดข้นึ ไดจ้ ากหลายสาเหตุ ปัจจยั ท่ีทาให้เกิดโรคอว้ น ไดแ้ ก่ พนั ธุกรรม สรีรวิทยา และส่ิงแวดลอ้ มซ่ึงปัจจยั ทางส่ิงแวดลอ้ มเป็นปัจจยั ที่สาคญั ที่สุดเนื่องมาจากส่ิงแวดลอ้ มท่ี เปล่ียนแปลงไป และสามารถปรับเปลี่ยนแกไ้ ขได้ โรคอว้ นในเดก็ ส่วนใหญ่เกิดจากความผิดปกติของการเผาผลาญพลงั งาน เป็นผลจากความ ไมส่ มดุลระหวา่ งพลงั งานที่ไดร้ ับและพลงั งานท่ีเผาผลาญ ทาใหเ้ กิดการสะสมพลงั งานในรูปของ Triglycerides ในเน้ือเยอ่ื ไขมนั ซ่ึงอาจเกิดจากปัจจยั ตา่ งๆ เช่น • พนั ธุกรรม พบวา่ เดก็ ท่ีมีพอ่ แม่พีน่ อ้ งอว้ นมีโอกาสที่จะเกิดโรคอว้ นได้ อยา่ งไรก็ดี ในปัจจุบนั เช่ือวา่ โรคอว้ นเป็นผลจากพนั ธุกรรมร่วมกบั ส่ิงแวดลอ้ ม เช่น การรับประทานอาหารและการ ดาเนินชีวติ • ความผิดปกติของฮอร์โมน เช่น ขาดฮอร์โมนท่ีช่วยในการเจริญเติบโต ขาดฮอร์โมนไทรอยด์ มี ฮอร์โมน กลโู คคอร์ติคอยดเ์ กิน ซ่ึงมกั พบในกลุ่มเด็กที่อว้ นและเต้ียท่ีมีระดบั สติปัญญาปกติ • พฤติกรรมการรับประทานอาหารและการดาเนินชีวิต เช่น รับประทานอาหารและเคร่ืองดืมท่ี ใหพ้ ลงั งานสูง ขาดการออกกาลงั กายอยา่ งสม่าเสมอ • โรคหรือกลมุ่ อาการท่ีมีภาวะอว้ นร่วมดว้ ย (อาการและอาการแสดงดูรายละเอียดตาราง) 1) โรคหรือกลมุ่ อาการทางพนั ธุกรรม ไดแ้ ก่ Prader-Willi syndrome, Laurence-Moon- Biedlsyndrome, Bardet-Biedl syndrome, Alstrom syndrome 2) โรคของระบบต่อมไร้ทอ่ Cushing ’syndrome, Hypothyroidism, Growth hormone deficiency, Pseudohypoparathyroidism, Hypothalamic dysfunction

15 กลุ่มอาการ อาการและอาการแสดง โรค/กล่มุ อาการทางพนั ธุกรรม Prader-Willi syndrome ลกั ษณะหนา้ ตาผิดปกติ มือเทา้ ขนาดเลก็ hypogonadism สติปัญญาและ พฒั นาการชา้ มีปัญหาการกิน เล้ียงไม่โต และ hypotonia ในวนั ทารก Laurence-Moon-Biedl Truncal obesity สติปัญญาและพฒั นาการชา้ กวา่ ปกติ นิ้วผิดปกติ syndrome (syndactyly หรือ polydactyly), nephropathy, retinopathy, hypogonadism Bardet-Biedl syndrome จอประสาทตาเสื่อม นิ้วผิดปกติ (syndactyly หรือ polydactyly), สติปัญญาชา้ Alstrom syndrome จอประสาทตาเส่ือม หูหนวก เบาหวาน hypogonadism โรคของระบบต่อมไร้ท่อ Cushing ’syndrome Truncal obesity, hirsutism, moon facies, buffalo hump, violaceous striae, ความดนั โลหิตสูล เบาหวาน Hypothyroidism ตวั เต้ีย ผิวหนงั หยาบ ผมหยาบ ซึม เสียงแหบ เบื่ออาหาร ลิ้นใหญ่ ไม่ แสดงความรู้สึก พฒั นาการทางเพศชา้ Growth hormone deficiency ตวั เต้ีย อว้ นนอ้ ยถึงปานกลาง Pseudohypoparathyroidism ตวั เต้ีย หนา้ กลม มือเทา้ ส้ัน ตอ้ กระจก ผวิ แหง้ หยาบ เลบ็ และผม แตกหกั งา่ ย สติปัญญาพฒั นาการชา้ hypocalcemia, hyperphosphatemia, subcutaneous calcification Hypothalamic dysfunction ปวดศีรษะ ตามวั ชกั papilledema, hypothyroidism, adrenal insufficiency, temperature dysregulation, coma ตารางแสดง โรค/กลุ่มอาการทางพนั ธุกรรมและโรคของระบบตอ่ มไร้ท่อที่มีภาวะอว้ นร่วมดว้ ย 2.4.3 ผลกระทบและโรคแทรกซ้อนทางร่างกาย 1. การเจริญเติบโตเขา้ สู่วยั หนุ่มสาวเร็ว ในเดก็ ที่อว้ นจะมีปริมาณไขมนั สะสมในร่างกายมาก มกั เป็นหนุ่มเป็นสาวเร็วกวา่ เด็กในวยั เดียวกนั ผลจากการท่ีเดก็ มีน้าหนกั มากหรืออว้ น โดยเฉพาะเดก็ หญิงจะ มีประจาเดือนเร็วกวา่ เด็กท่ีมีน้าหนกั ปกติในวยั เดียวกนั (โดยทว่ั ไปเด็กหญิงจะเริ่มมีประจาเดือนเมื่ออายุ เฉล่ีย 11-12 ปี ) แตใ่ นเดก็ อว้ นมกั จะมีเร็วกวา่ และยงั พบวา่ มีความสมั พนั ธโ์ ดยตรงกบั อตั ราการเพิม่ ของ ปริมาณไขมนั ในร่างกาย ส่งผลตอ่ การเริ่มมีประจาเดือนคร้ังแรก และความสม่าเสมอของการมีประจาเดือน ซ่ึงเดก็ อาจจะยงั ไมพ่ ร้อมท่ีจะดูแลตนเองได้ และบ่อยคร้ังแพทยพ์ บวา่ เดก็ มีหนา้ อกก่อนอายุ 8 ปี ภาวะน้ีอาจ จาเป็นตอ้ งปรึกษาแพทยเ์ พ่ือรับคาปรึกษา

16 2. โรคขอ้ และกระดูก เด็กและวยั รุ่นท่ีอว้ น พบวา่ มีความผิดปกติของกระดูกและขอ้ ร้อยละ 50-70 เด็กอว้ นจะมีอาการปวดกระดูกและกลา้ มเน้ือตา่ งๆ เช่น กระดูกสันหลงั ขอ้ สะโพก ขอ้ เขา่ ขอ้ เทา้ มี การเคล่ือนไหวลดลง เทา้ แบน ทาใหเ้ ดินลาบากและมีท่าเดินที่ผิดปกติ น้าหนกั ตวั ท่ีมากเกินวยั จะกดลงบน กระดูกอ่อนและแผน่ เยอ่ื เจริญ (growth plate) ของกระดูกขาของเดก็ ทาใหเ้ กิดความผิดปกติของขอ้ ท่ีรับ น้าหนกั โดยเฉพาะขอ้ เข่า พบบอ่ ยท่ีสุด ไดแ้ ก่ ขาโก่ง ซ่ึงเด็กเลก็ ท่ีเป็นโรคอว้ น จะมีขาโก่งเพม่ิ ข้ึนอยา่ ง ต่อเนื่อง เกิดจากน้าหนกั ตวั ทาอนั ตรายต่อแผน่ เยอื่ เจริญกระดูกเขา่ ดา้ นใน ส่วนวยั รุ่นโรคอว้ นมกั มีขาท่อน บนใหญ่ ทาใหเ้ กิดอนั ตรายต่อหวั กระดูกและตน้ ขา (femur) เกิดโรคหวั กระดูกสะโพกเลื่อน และ knock knees เกิดจากน้าหนกั ท่ีกดลงบน growth plate ของกระดูกท่ียงั ไมป่ ิ ด การแกไ้ ขทาไดโ้ ดยการลดน้าหนกั และใชอ้ ุปกรณ์ช่วยเดิน 3. โรคเบาหวานหรือความผิดปกติของการเผาผลาญอาหารจาพวกแป้งและน้าตาล ความ ผิดปกติของการเผาผลาญอาหารจาพวกแป้งและน้าตาล ทาใหเ้ กิดภาวะด้ือต่ออินซูลินซ่ึงเป็นสาเหตุของ โรคเบาหวาน เดก็ หรือวยั รุ่นที่อว้ นและมีผิวหนงั หนาคล้าบริเวณคอและรักแร้ท่ีเรียกวา่ “อแคนโธซิสนิกริ แคน” (Acanthosis Nigricans) พบวา่ มีภาวะด้ืออินซูลิน ซ่ึงเป็นสาเหตุของท่ีนาไปสู่การเกิดโรคเบาหวาน ชนิดที่ 2 ได้ โดยเฉพาะถา้ มีญาติพนี่ อ้ งเป็นเบาหวานร่วมดว้ ย พบวา่ เดก็ อว้ นที่มีพอ่ หรือแมเ่ ป็นเบาหวานมี โอกาส ร้อยละ 14 หากพอ่ และแม่ เป็นเบาหวานโอกาสเสี่ยงจะสูงถึง ร้อยละ 40 4. ไขมนั ในเลือดสูง ระดบั ไขมนั ในเลือดของเด็กและวยั รุ่นอว้ น โดยมี LDL-C (Low Density Lipoprotein Cholesterol) สูง กลไกเหมือนกบั ในผใู้ หญ่ท่ีอว้ น ทาใหเ้ กิดโรคหลอดเลือดตบั แขง็ และ โรคหวั ใจ 5. ความดนั โลหิตสูง เดก็ อว้ นจะมีความดนั โลหิตสูงกวา่ เดก็ ท่ีไมอ่ ว้ น โดยเฉพาะในกลุ่มท่ีมี ไขมนั สะสมบริเวณหนา้ ทอ้ ง (abdominal obesity) เดก็ อว้ นมีความดนั โลหิตสูงจะมีปริมาณเลือดท่ีออกจาก หวั ใจ (cardiac output) และปริมาณเลือดในหลอดเลือด (intravascular volume) เพ่ิมข้ึน ระบบประสาท อตั โนมตั ิ sympathetic ทางานเพิ่มข้ึน ทาใหม้ ีการคง่ั ของเกลือโซเดียมในร่างกาย การท่ีระดบั ของอินซูลินใน เลือดสูงข้ึนและความดนั โลหิตสูงเป็นปัจจยั เสี่ยงท่ีสาคญั ของโรคหลอดเลือดหวั ใจอดุ ตนั 6. ภาวะนอนกรนและหยดุ หายใจขณะนอนหลบั พบไดใ้ นเด็กท่ีน้าหนกั เกิน 150% ของเดก็ วยั และเพศเดียวกนั ระยะแรกจะเหมือนการนอนกรนตอ้ งพลิกตวั ไปมา ถา้ ยงั อว้ นต่อไปกจ็ ะเกิดภาวะคลา้ ย อาการสาลกั สะดุง้ ต่ืนเป็นผลจากการหยดุ หายใจเป็นพกั ๆ ขณะท่ีนอนหลบั มีผลทาใหพ้ กั ผอ่ นไม่เพียงพอ ง่วงนอนตอนกลางวนั ทาใหผ้ ลสัมฤทธ์ิทางการเรียนตกต่า ถา้ เป็นมากทาใหเ้ กิดความผิดปกติของระบบ ประสาทส่วนกลางมีผลตอ่ การควบคุมการหายใจ เกิดภาวะที่เรียกวา่ “พิควิคเกียน” (Pick Wicking syndrome) ควรรีบใหก้ ารดูแลรักษาหากปลอ่ ยไวอ้ าจทาใหเ้ สียชีวติ ได้ 7. ระบบทางเดินอาหารและโรคตบั พบปัญหาแทรกซอ้ นในเด็กท่ีเป็นโรคอว้ น ไดแ้ ก่ GERD (Gastroesophageal reflux disease) รวมท้งั ปัญหา esophagitis พบวา่ ม ีคี วามสัมพนั ธก์ บั น้าหนกั ตวั ท่ี เพม่ิ ข้นึ นิ่วในถุงน้าดี (cholelithiasis) พบวา่ เดก็ ที่เป็นโรคอว้ นมีความเส่ียงตอ่ การเกิดน่ิวในถงุ น้าดี ร้อยละ 8-

17 33 เนื่องจากน้าดีมีระดบั cholesterol สูงข้นึ โดยสัดส่วนของกรดน้าดี และ phospholipids ไม่ไดเ้ พ่มิ ข้ึน รวมท้งั ถุงน้าดีการบีบตวั นอ้ ย มกั มีอาการอาเจียน ตวั เหลือง ปวดทอ้ งและกดเจ็บบริเวณช่องทอ้ งดา้ นขวาบน การตรวจทางหอ้ งปฏิบตั ิการอาจพบ คา่ bilirubin, AST, ALT และ GGT สูงข้นึ การตรวจ ultrasound abdomen มกั ช่วยในการวินิจฉยั นอกจากน้ีพบวา่ ร้อยละ 50 ของโรคถุงน้าดีอกั เสบ (cholecystitis) ในวยั รุ่น สมั พนั ธ์กบั โรคอว้ น ภาวะ non-alcoholic fatty liver disease (NAFLD) เป็นภาวะที่มีไขมนั (triglycerides) สะสมในเซลลต์ บั (hepatocytes) มีความสมั พนั ธก์ บั โรคอว้ นพบวา่ ปัญหามาจากภาวะด้ืออินซูลิน (insulin resistance) และการอกั เสบเร้ือรัง หรือภาวะ metabolic syndrome พบในเด็กท่ีเป็นโรคอว้ นรุนแรง ร้อยละ 40-50 ในเด็ก ท่ีเป็นโรคอว้ นไมถ่ ึงข้นั รุนแรงกพ็ บได้ มกั ตรวจพบระดบั เอน็ ไซมใ์ นตบั สูงข้ึน 8. โรคผิวหนงั ท่ีพบไดบ้ ่อยคอื โรคเช้ือราท่ีผวิ หนงั ผวิ หนงั อกั เสบติดเช้ือไดง้ า่ ยโดยเฉพาะใน เด็กอว้ น ท่ีเป็นโรคเบาหวานทาใหผ้ วิ หนงั อกั เสบรุนแรง และลกุ ลามจนเกิดภาวะติดเช้ือในกระแสโลหิตได้ 2.4.4 ผลกระทบทางด้านสังคมและจิตใจ เดก็ อว้ นมกั จะเขา้ สู่วยั หนุ่มสาวเร็วกวา่ เด็กท่ีมีน้าหนกั ปกติในวยั เดียวกนั เพราะการเขา้ สู่วยั หนุ่มสาวเร็วมีความสัมพนั ธก์ บั ปริมาณไขมนั ในร่างกาย มีการศึกษาพบวา่ เดก็ ท่ีเป็นหนุ่มสาวเร็วกวา่ เพื่อน ในวยั เดียวกนั มกั จะมีความภาคภมู ิใจในตนเองต่า(Self-esteem) ซ่ึงเด็กอว้ นมกั จะตวั โตกวา่ เด็กในวยั เดียวกนั ดงั น้นั เดก็ กลุม่ น้ีมกั ถกู คาดหวงั จากผใู้ หญท่ ี่ไมท่ ราบอายจุ ริงมากกวา่ วยั ท่ีแทจ้ ริง ทาใหเ้ พ่ิมความวติ กกงั วล กดดนั ในตวั เด็ก รวมท้งั อาจสะสมความรู้สึกผดิ ความลม้ เหลว ไมป่ ระสบความสาเร็จในตวั เดก็ เองไดง้ า่ ย ซ่ึง ผลน้ีสามารถนาไปสู่ความไม่ภาคภูมิใจในตนเอง ขาดความเช่ือมน่ั ในตวั เอง ความไม่กลา้ ในการสร้าง สมั พนั ธภาพกบั ผใู้ หญแ่ ละบคุ คล รอบขา้ งแยกตวั ออกจากเพ่อื นฝงู มีอาการซึมเศร้า เฉื่อยชา การตดั สินใจทา อะไรกม็ กั จะชา้ กวา่ เด็กคนอื่นๆ เกิดความยดึ ติดกบั ครอบครัวมากเกินไป หรือแยกตวั ออกจากสังคม ซ่ึงมี สาเหตจุ ากปัจจยั ภายในและภายนอก คือ 1. ปัจจยั ภายใน เป็ นปัญหาที่เกิดจากตวั เด็กเอง เช่น เด็กที่อว้ นมกั รู้สึกไม่พึงพอใจกบั รูปร่าง ของตนเอง รู้สึกเป็ นปมด้อยและทาให้ขาดความม่นั ใจ (Self-Esteem Issues) ในการทากิจกรรมต่างๆ ใน ชีวิตประจาวนั บ่อยคร้ัง อาจจะมีอารมณ์กา้ วร้าวรุนแรงมากกวา่ เด็กที่น้าหนกั ปกติ มกั พบว่าเด็กอว้ นมีปัญหา พฤติกรรมและอารมณ์แบบเก็บกดไวภ้ ายใน (Internalizing Problems) เด็กจะมีอาการเครียด วิตกกงั วล หรือ มีความผิดปกติเกี่ยวกับพฤติกรรมการกิน (Eating Issues) เช่น โรคกินมากเกินไป (Binge Eating Disorder) ซ่ึงเป็ นสาเหตุหน่ึงท่ีทาให้เด็กอ้วนมากข้ึนและอาจจะแสดงออกทางด้านพฤติกรรมและอารมณ์แบบ ตรงไปตรงมา (Externalizing Problems) เช่น แสดงความกา้ วร้าว และไม่สามารถควบคุมอารมณ์ฉุนเฉียวได้ 2. ปัจจยั ภายนอก ซ่ึงเป็ นผลกระทบที่เกิดจากผูอ้ ่ืน ไดแ้ ก่ ครอบครัว เพ่ือน และค่านิยมของ สังคมโดยเด็กมกั รู้สึกแปลกแยกเม่ือเปรียบเทียบตนเองกบั เพ่ือนและมกั ใส่ใจกบั สิ่งที่ผอู้ ื่นกระทาต่อตนเอง อยา่ งไรก็ตามเด็กอว้ นมกั ไดร้ ับการกระทาจากผอู้ ื่นในทางลบมากกวา่ เด็กน้าหนกั ปกติ เช่น เด็กอว้ นมกั เป็นท่ี

18 ล้อเลียนหรือกล่ันแกล้ง ของเพ่ือนๆ ส่งผลให้เด็กอ้วนเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าสูงกว่า (Higher Level of Depression) ท่ีสาคัญไปกว่าน้ันการท่ีครอบครัวมองว่าเด็กอ้วนเป็ นปัญหาอาจนาไปสู่ปัญหาทางจิต (Psychological Issues) อ่ืนๆ ที่อาจส่งผลระยะยาวตอ่ ตวั เดก็ มากข้ึนไปอีก 2.4.5 เกณฑ์การประเมนิ และการวินิจฉัยโรคอ้วนในเดก็ วยั เรียน โรคอว้ น (obesity) เป็นภาวะท่ีมีไขมนั สะสมในร่างกายมากกวา่ ปกติจนเกิดผลเสียต่อสุขภาพ โดยมีหลกั เกณฑก์ ารวินิจฉยั ทางเวชปฏิบตั ิตามคาแนะนาขององคก์ ารอนามยั โลก ดงั น้ี เกณฑ์การประเมิน ปกติ ท้วม เร่ิมอ้วน โรคอ้วน น้ า ห นั ก ต า ม เก ณ ฑ์ ≥-1.5 S.D. ถึง +1.5 S.D. >+1.5 S.D. ถึง ≤+2 S.D. >+2 S.D. ถึง ≤+3 S.D. >+3 S.D. ส่วนสูง ตาราง เกณฑก์ ารประเมิน น้าหนกั ตามเกณฑส์ ่วนสูง การวินจิ ฉัยโรคอ้วนในเด็ก 1. น้าหนกั ตวั ของเด็กสูงกวา่ ค่ามธั ยฐานของน้าหนกั ตามเกณฑส์ ่วนสูงของเด็ก (median of weight for- height) เกิน 3 เท่าของค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation, S.D.) โดยใช้เกณฑ์อ้างอิงของ กระทรวงสาธารณสุข 2. การประเมินความรุนแรง ของโรคอว้ นในเวชปฏิบัติ ใช้ค่าร้อยละของน้าหนักอา้ งอิงตามเกณฑ์ ส่วนสูง (% weight-for-height, % W/H) แนวทางเวชปฏิบตั ิ เร่ิมอ้วน โรคอ้วน โรคอ้วนอันตราย ปัจจบุ ัน (morbid obesity) >+2 S.D. ถึง <+3 S.D. >+3 S.D. %W/H >200 (overweight) (obesity) ตาราง เกณฑก์ ารแบ่งความรุนแรงของโรคอว้ นในเดก็

19 น้าหนกั ตามเกณฑส์ ่วนสูง วิธกี ารอ่านกราฟ น้าหนกั ตามเกณฑอ์ ายุ แสดงความอว้ น – ผอม แสดงการเจริญเติบโตดา้ นน้าหนกั 1.กาหนดจุดส่วนสูงตามแนวนอน ลากเส้น ส่วนสูงตามเกณฑอ์ ายุ 1.กาหนดจุดอายุตามแนวนอน ลากเส้นตรง ตรงข้นึ ไป ตามเส้นกราฟ แสดงการเจริญเติบโตดา้ นความสูง 2.กาหนดจุดน้าหนักท่ีแนวต้งั ลากเส้นขวาง 1.กาหนดจุดอายุตามแนวนอน ลากเส้นตรง ข้ึนไป ตามเสน้ กราฟ ให้ตดั กบั ส่วนสูง เรียกวา่ “จุดตดั ” ข้นึ ไป ตามเส้นกราฟ 2.กาหนดจุดน้าหนักที่แนวต้งั ลากเส้นขวาง 3.อ่านผลตรงจดุ ตดั ตามขอ้ ความท่ีระบไุ ว้ 2.กาหนดจุดส่วนสูงท่ีแนวต้งั ลากเส้นขวาง ใหต้ ดั กบั เสน้ อายุ เรียกวา่ “จุดตดั ” ให้ตดั กบั เส้นอายุ เรียกวา่ “จดุ ตดั ” 3.อ่านผลตรงจุดตดั ตามขอ้ ความท่ีระบไุ ว้ 3.อา่ นผลตรงจุดตดั ตามขอ้ ความท่ีระบไุ ว้

20 น้าหนกั ตามเกณฑส์ ่วนสูง วิธกี ารอ่านกราฟ น้าหนกั ตามเกณฑอ์ ายุ แสดงความอว้ น – ผอม แสดงการเจริญเติบโตดา้ นน้าหนกั 1.กาหนดจุดส่วนสูงตามแนวนอน ลากเส้น ส่วนสูงตามเกณฑอ์ ายุ 1.กาหนดจุดอายุตามแนวนอน ลากเส้นตรง ตรงข้นึ ไป ตามเส้นกราฟ แสดงการเจริญเติบโตดา้ นความสูง 2.กาหนดจุดน้าหนักท่ีแนวต้งั ลากเส้นขวาง 1.กาหนดจุดอายุตามแนวนอน ลากเส้นตรง ข้ึนไป ตามเสน้ กราฟ ให้ตดั กบั ส่วนสูง เรียกวา่ “จุดตดั ” ข้นึ ไป ตามเส้นกราฟ 2.กาหนดจุดน้าหนักที่แนวต้งั ลากเส้นขวาง 3.อ่านผลตรงจดุ ตดั ตามขอ้ ความท่ีระบไุ ว้ 2.กาหนดจุดส่วนสูงท่ีแนวต้งั ลากเส้นขวาง ให้ตดั กบั เส้นอายุ เรียกวา่ “จุดตดั ” ใหต้ ดั กบั เส้นอายุ เรียกวา่ “จดุ ตดั ” 3.อา่ นผลตรงจุดตดั ตามขอ้ ความท่ีระบไุ ว้ 3.อา่ นผลตรงจุดตดั ตามขอ้ ความท่ีระบไุ ว้

21 2.4.6 เป้าหมายในการดูแลรักษาเด็กเริ่มอ้วนและอ้วน จากผลการศึกษาที่ผา่ นมา พบวา่ การควบคมุ อาหาร การเพม่ิ การเคลื่อนไหวร่างกาย การออก กาลงั กายและการปรับพฤติกรรมบนพ้ืนฐานของครอบครัวที่มีผปู้ กครองเป็นแบบอยา่ งของการมีสุขนิสยั ท่ีดี และช่วยสนบั สนุนในการดูแลเดก็ โรคอว้ น เป็นโปรแกรมการรักษาที่ไดผ้ ลจริงในการควบคมุ น้าหนกั ระยะ ยาวดีกวา่ การรักษาดว้ ยการควบคมุ อาหารหรือการออกกาลงั กายอยา่ งเดียว การกาหนดเป้าหมายเบ้ืองตน้ ในการดูแลรักษา 3 ดา้ น คือ 1. ดา้ นน้าหนกั การดูแลน้าหนกั ตวั มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พือ่ ควบคุมน้าหนกั ตวั ใหค้ งที่หรือลดลงโดยมีส่วนสูง เพิ่มข้ึนตามปกติรักษามวลกลา้ มเน้ือไม่ใหล้ ดลง และป้องกนั ภาวะแทรกซอ้ น รวมท้งั ปัญหาดา้ นจิตใจ โดย แบง่ ได้ 3 ระดบั ดงั น้ี - เด็กท่ีเริ่มอว้ น (W/H > +2 S.D. ถึง <+3 S.D.) หรือเด็กท่ีมีปัญหาโรคอว้ นอายุ 7 ปี ข้ึนไป ที่ ไมถ่ ึงเกณฑอ์ ว้ นรุนแรงและไมม่ ีภาวะแทรกซอ้ น ควรดูแลใหน้ ้าหนกั ตวั คงท่ีโดยแนะนาใหบ้ ริโภคอาหาร ตามความตอ้ งการของร่างกายเหมือนเด็กท่ีมีน้าหนกั ปกติ คือ วนั ละ 1,600 กิโลแคลอรี และติดตามการ เจริญเติบโตดา้ นน้าหนกั และส่วนสูง เพ่ือดูความเปลี่ยนแปลงทุก 2-6 เดือน - เด็กโรคอว้ นอายุ 7 ปี ข้ึนไป ท่ีไมม่ ีภาวะแทรกซอ้ น ไมเ่ ป็นกลุ่มเส่ียงและไมถ่ ึงเกณฑอ์ ว้ น รุนแรงควรควบคุมอาหารท่ีใหพ้ ลงั งานสูงประเภทขา้ ว แป้ง น้าตาลและไขมนั และเพม่ิ กิจกรรมทางกาย เพ่ิมข้ึนเพื่อลดน้าหนกั และติดตามการเจริญเติบโตโดยใชน้ ้าหนกั ตามเกณฑส์ ่วนสูง เพื่อดูความเปล่ียนแปลง ทกุ 2-6 เดือน - เดก็ โรคอว้ นอายุ 7 ปี ข้ึนไป ท่ีมีภาวะแทรกซอ้ น เป็นกลมุ่ เสี่ยง อว้ นรุนแรง หรือมีผลเจาะ เลือดผดิ ปกติ ควรควบคมุ อาหารและเพม่ิ กิจกรรมทางกาย โดยต้งั เป้าหมาย คือใหม้ ีน้าหนกั ตวั ลดลงร้อยละ 5-10 ของน้าหนกั เดิม ซ่ึงจะสามารถลดความรุนแรงของโรคอว้ นและภาวะแทรกซอ้ นได้ ท้งั น้ีในเด็กที่มี ความดนั โลหิตสูง หรือเบาหวาน ควรลดน้าหนกั ตามเป้าหมายดงั กลา่ ว ภายใน 1 ปี หรือลดลงรวดเร็วกวา่ น้นั หากมีภาวะแทรกซอ้ นที่รุนแรงมากข้ึนโดยลดพลงั งานลง 500-1,000 กิโลแคลอรีต่อวนั จะทาใหน้ ้าหนกั ตวั ลดลง 0.5-1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ ร่วมกบั การเพมิ่ การเคล่ือนไหวร่างกายเป็นประจา ติดตามการ เจริญเติบโตดา้ นน้าหนกั และส่วนสูงเพอื่ ดูความเปลี่ยนแปลงทกุ 2-6 เดือน และอาจตอ้ งส่งปรึกษาแพทย์ เฉพาะทางกรณีมีภาวะแทรกซอ้ น 2. ดา้ นพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม มีเป้าหมายอยทู่ ี่การบริโภคอาหารลดลงและเพ่มิ การเคล่ือนไหว ร่างกายไดแ้ ก่ การสร้างพฤติกรรมใหม่ ปรับพฤติกรรมเดิมใหเ้ หมาะสม และการจากดั พฤติกรรมที่ไม่ เหมาะสม โดยการใหค้ วามรู้ เพ่ือใหเ้ กิดความตระหนกั อยากเปล่ียนแปลงการฝึกใหเ้ กิดความเคยชินและ ประพฤติตอ่ เนื่องเป็นเวลานานอยา่ งนอ้ ย 6 เดือน การทากลมุ่ บาบดั การตรวจสอบตนเอง โดยบนั ทึกการ บริโภคอาหาร (food diary)เพ่อื ประเมินพฤติกรรมการบริโภคอาหาร การวางแผนและเรียนรู้วธิ ีการหลีกเลี่ยง

22 เพ่ือพฒั นาทกั ษะในการแกป้ ัญหาการเสริมแรงดา้ นบวกสาหรับพฤติกรรมท่ีพึงประสงค์ การจดั ส่ิงแวดลอ้ ม ในบา้ น และการใหผ้ ปู้ กครองมีส่วนร่วมมีความสาคญั มาก โดยผปู้ กครองควรเป็นแบบอยา่ งท่ีดีและช่วย ประคบั ประคองใหก้ ารรักษาประสบความสาเร็จไดใ้ นเบ้ืองตน้ และตอ่ เน่ืองในระยะยาว 3. ดา้ นดูแลรักษาภาวะแทรกซอ้ น จาเป็นตอ้ งส่งปรึกษาแพทยผ์ เู้ ชี่ยวชาญในสาขาท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ภาวะแทรกซอ้ นที่พบ ไดแ้ ก่ ศลั ยกรรมกระดูกและขอ้ เวชศาสตร์ฟ้ื นฟู ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบทางเดินหายใจ และจิตวทิ ยา เป็นการรักษาแบบสหวชิ าชีพ(Multi-disciplinary) ในบางรายแพทยผ์ เู้ ชี่ยวชาญจาเป็นตอ้ งพจิ ารณารับไว้ รักษาในโรงพยาบาล เพ่ือป้องกนั อนั ตรายจากการควบคุมอาหารที่ไม่เหมาะสมและเกิดการขาดสารอาหาร และรักษาภาวะแทรกซอ้ นท่ีรุนแรง รวมท้งั ติดตามการเจริญเติบโตของเดก็ และภาวะแทรกซอ้ นเป็นระยะๆ ตามความเหมาะสม 4. แนวทางการป้องกนั โรคอว้ นในเดก็ แพทยเ์ วชปฏิบตั ิทวั่ ไปและกมุ ารแพทย์ มีบทบาทหนา้ ท่ีในการป้องกนั โรคอว้ นในเด็ก โดยการ ใหค้ วามรู้ในการบริโภคอาหารสุขภาพ และเพมิ่ การเคลื่อนไหวร่างกายแก่ผมู้ ารับบริการในสถานพยาบาล และชุมชน พอ่ แมแ่ ละผปู้ กครองของเดก็ ที่มีภาวะน้าหนกั เกิน ควรไดร้ ับคาแนะนาเรื่องอาหาร การ เคลื่อนไหวร่างกาย และการปรับเปล่ียนพฤติกรรมใหเ้ หมาะสม เพ่ือเป็นแนวทางในการดูแลเดก็ อยา่ ง เหมาะสม และมีสุขภาพดีตอ่ ไป 2.4.7 บทบาทผู้บริหารสถานศึกษา ผลกั ดนั ใหเ้ กิดการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนท้งั ในและรอบร้ัวโรงเรียน ไดแ้ ก่ ครู แกนนา นกั เรียน นกั เรียน สมาคมหรือชมรมผปู้ กครอง ผปู้ ระกอบการร้านคา้ แผงลอยหาบเร่ ร้านคา้ ในชุมชน หน่วยงานในพ้ืนที่ เช่น เทศบาล อบต. ในการจดั การแกไ้ ขปัญหาภาวะอว้ นของนกั เรียน และมีนโยบาย/ มาตรการ/ขอ้ ตกลงดงั น้ี 1. การจดั /จาหน่ายอาหาร อาหารวา่ ง นม ขนม และเคร่ืองดื่ม ในโรงเรียน/ร้านคา้ ท่ีจาหน่าย อาหารในโรงเรียนตอ้ งเป็นประเภท Healthy food และ Healthy snack เทา่ น้นั 2. การออกกาลงั กายเพมิ่ ชว่ั โมงพลศึกษาเป็น 2 ชว่ั โมงต่อสปั ดาห์ จดั เวลาวา่ งใหน้ กั เรียนได้ วง่ิ เล่นอยา่ งเป็นอิสระ สนบั สนุนอุปกรณ์การออกกาลงั กายใหเ้ พียงพอและจดั หาสถานท่ีปลอดภยั ในการ ออกกาลงั กาย การปรับสิ่งแวดลอ้ มท่ีเอ้ือต่อการแกป้ ัญหาภาวะอว้ นท้งั ดา้ นอาหาร และการออกกาลงั กาย 3. นกั เรียนเริ่มอว้ นและอว้ น : จดบนั ทึกการบริโภคอาหารและการออกกาลงั กายรายสัปดาห์ ระยะเวลา 3-6 เดือน เพื่อส่งครูอนามยั /ครูประจาช้นั เพ่ือใหค้ าปรึกษาดา้ นการบริโภคอาหารท่ีถูกตอ้ ง และ ส่งตอ่ ใหค้ รูพลศึกษาจดั โปรแกรมการออกกาลงั กายที่เหมาะสม 4. ครูโภชนาการ : ปรับเมนูอาหารกลางวนั ของโรงเรียนตามมาตรฐานโภชนาการครบ 5 หมู่ ปริมาณสดั ส่วนเหมาะสมกบั ความตอ้ งการของร่างกาย เนน้ การจดั ผกั ผลไม้ เพมิ่ ข้นึ และลดหวาน มนั เคม็

23 5. ครูผสู้ อน : มีการบูรณาการเรื่อง โรคอว้ น ธงโภชนาการ ผกั -ผลไม้ อาหารลดหวานมนั เคม็ และการออกกาลงั กายเพอ่ื ป้องกนั ภาวะอว้ น อยา่ งนอ้ ย 5 กล่มุ สาระ เช่น สุขศึกษาและพลศึกษา วทิ ยาศาสตร์การงานพ้ืนฐานอาชีพและเทคโนโลยี ภาษาองั กฤษ คณิตศาสตร์ เป็นตน้ 6. คณะครู : ร่วมจดั คา่ ยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเด็กอว้ นกลมุ่ เสี่ยง 7. แกนนานกั เรียน นกั เรียน ผปู้ กครอง : เฝ้าระวงั และติดตามนาหนกั 2-6 เดือน รวมถึงการ ปรับเปล่ียนพฤติกรรมการบริโภคอาหารและการออกกาลงั กายเป็นรายบุคคล 2.4.8 การปรับเปลย่ี นพฤตกิ รรมการบริโภคอาหารและการออกกาลงั กายสาหรับเดก็ อ้วน หลกั การลดภาวะเร่ิมอว้ นและอว้ นทาไดโ้ ดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมให้ เหมาะสม การที่บุคคลจะมีพฤติกรรมสุขภาพท่ีพงึ ประสงค์ เพอ่ื ลดปัจจยั เสี่ยงตอ่ การเกิดโรคเร้ือรัง จะ เก่ียวขอ้ งกบั ปัจจยั หลายดา้ นท้งั ดา้ นจิตวิทยา สงั คม และสิ่งแวดลอ้ ม รวมถึงแนวคิดในการเสริมสร้างพลงั ใจ การที่บคุ คคลจะเปล่ียนแปลงพฤติกรรมไดน้ ้นั ก็ต่อเม่ือมีความเช่ือวา่ การกระทาดงั กลา่ วก่อใหเ้ กิดผลลพั ธท์ ่ี ตอ้ งการและมีความเชื่อวา่ ตนเองสามารถที่จะกระทาพฤติกรรมดงั กล่าวไดส้ าเร็จ พฤติกรรม หมายถึง การกระทาทกุ อยา่ งของมนุษย์ ไม่วา่ การกระทาน้นั ผกู้ ระทาจะทาโดยรู้ตวั หรือไม่รู้ตวั ซ่ึงเป็นการแสดงออกในการตอบสนองหรือการตอบโตส้ ิ่งใดสิ่งหน่ึงในสภาพการณ์ใด สภาพการณ์หน่ึงการแสดงออกหรือตอบสนองตอ่ พฤติกรรมที่แสดงออกมาใหค้ นอ่ืนเห็นเรียกวา่ พฤติกรรม ภายนอก (Overt Behavior) และพฤติกรรมท่ีเป็นความรู้สึกนึกคิดและความในใจของแต่ละคนเรียกวา่ พฤติกรรมภายใน (Covert Behavior)เช่น การร้องไห้ การกิน การอ่านหนงั สือ และการคิด การปรับพฤติกรรมในเด็กอว้ นกลมุ่ เส่ียง เป็นการกาหนดพฤติกรรมท่ีตอ้ งการใหเ้ ปล่ียนแปลง และคน้ หาปัจจยั หรือสาเหตทุ ่ีเก่ียวขอ้ งกบั พฤติกรรมน้นั ๆ เพื่อจะไดว้ างแผนจดั การลดพฤติกรรมที่ไมพ่ งึ ประสงค์ และเพิ่มพฤติกรรมท่ีพึงประสงคแ์ ทนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม โดยมีหลกั การดงั น้ี การประเมินพฤติกรรม (Self-monitoring) เป็นการติดตามพฤติกรรมการกินและการออกกาลงั กายของเดก็ อว้ นกลมุ่ เสี่ยง โดยใหเ้ ดก็ จดบนั ทึกพฤติกรรมการบริโภคอาหารและการเคลื่อนไหวออกแรง ของตนเอง (Food diary) เช่น 1. กินอาหารปริมาณมากเพียงใด มากเกินความตอ้ งการของร่างกายหรือไม่ 2. กินอะไรบา้ ง มีผลดีต่อสุขภาพหรือไม่ 3. กินอาหารกบั ใครบา้ ง 4. กาลงั ทาอะไรในขณะกินอาหาร ก่อนกินอาหาร และหลงั กินอาหาร 5. มีการเคลื่อนไหวออกแรง หรือใชพ้ ลงั งานเพ่อื เผาผลาญไขมนั ในร่างกายมากนอ้ ยเพียงใด 6. อารมณ์ขณะกินเป็นอยา่ งไร มีผลทาใหน้ กั เรียนกินอาหารมากข้ึนหรือไม่ ประโยชน์ท่ีไดร้ ับจากการจดบนั ทึกและประเมินพฤติกรรมน้ี จะทาใหเ้ ด็กอว้ นกลุม่ เสี่ยงหรือ ผใู้ หค้ าปรึกษาสังเกตเห็นรายละเอียดในส่ิงที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทาใหส้ ามารถวเิ คราะห์ไดว้ า่ พฤติกรรมที่

24 เกิดข้นึ น้นั มีสาเหตุมาจากอะไร จะทาใหท้ ราบถึงพฤติกรรมที่เป็นปัญหา และนาไปสู่การต้งั เป้าหมายถึง พฤติกรรมที่ตอ้ งการทาใหส้ าเร็จไดอ้ ยา่ งชดั เจน การตระหนกั รู้ (Awareness) คอื การเขา้ ใจแบบแผนพฤติกรรมของตนเอง ซ่ึงไดจ้ ากการนาเอา ผลของการประเมินพฤติกรรมตวั เองท่ีไดจ้ ดบนั ทึกไวม้ าวิเคราะห์ร่วมกนั เช่น เด็กมกั กินขนมเมื่อออกไป เท่ียวกบั เพ่อื นดงั น้นั เด็กที่ควรระมดั ระวงั เร่ืองของการกินขนม หรือสอนใหเ้ ลือกกินอาหารวา่ งที่มีพลงั งาน ต่าเมื่อออกไปเท่ียวกบั เพอ่ื นแทน การต้งั เป้าหมาย (Gold setting) การต้งั เป้าหมายควรทาท้งั เป้าหมายระยะส้ัน และเป้าหมาย ระยะยาวเกี่ยวกบั พฤติกรรมการรับประทานอาหารและการออกกาลงั กาย เป้าหมายที่ต้งั ควรเป็นพฤติกรรมที่ พงึ ประสงคท์ ี่เด็กอว้ นกลุ่มเส่ียงทาไดจ้ ริง และผปู้ กครองตอ้ งมีส่วนร่วมในการต้งั เป้าหมายร่วมกนั การหาส่ิงกระตุน้ (Stimulus control) เป็นการหาส่ิงกระตุน้ ที่ทาใหเ้ กิดการกิน เพ่อื ให้หลีกเลี่ยง สิ่งที่มากระตนุ้ น้นั ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง เช่น เด็กจะเกิดความอยากกินเมื่อเห็นอาหารท่ีตนเองชอบ อาหารหรือ ขนมที่ผปู้ กครองซ้ือมาตุนไวท้ ่ีบา้ นหรือในตูเ้ ยน็ หรือประเภทท่ีมีสีสันสวยงามน่ากิน ดงั น้นั ผปู้ กครองไม่ ควรซ้ืออาหารและขนมมาตุนไวใ้ นปริมาณที่มากเกินไป หากจาเป็นตอ้ งซ้ือควรจดั เกบ็ ไวใ้ นภาชนะท่ีมิดชิด เพอ่ื ไมใ่ หเ้ ดก็ เห็นและเกิดความอยากกิน การควบคมุ ส่ิงกระตนุ้ จะตอ้ งฝึกใหเ้ ด็กรู้จกั สงั เกตตนเองวา่ สัญญาณที่ทาให้ตนเองอยากกิน อาหารน้นั คือ ความหิว หรือความอยาก ผใู้ หค้ าปรึกษาควรแนะนาใหเ้ ดก็ รู้จกั การวิเคราะห์วา่ ส่ิงที่เป็น ตวั กระตุน้ น้นั มาจากสาเหตุใด เช่น สถานที่ เหตุการณ์ หรือความรู้สึก ท่ีเป็นตวั กระตุน้ ทาใหเ้ กิดพฤติกรรม การกินที่ไมถ่ กู ตอ้ งซ่ึงอาจตอ้ งใชห้ ลายวิธี เพอ่ื ตดั ลกู โซ่พฤติกรรมท่ีนาไปสู่การกินใหไ้ ดผ้ ลดียง่ิ ข้ึน เช่น 1. การทากิจกรรมอ่ืนๆ ที่ทาใหเ้ พลิดเพลินจนลืมอารมณ์นึกอยากกิน 2. ใชว้ ธิ ีวางแผนการกิน โดยกาหนดสถานที่ และเวลาใหแ้ น่นอน 3. ใชว้ ธิ ีเปล่ียนส่ิงแวดลอ้ มใหก้ บั เดก็ ที่เป็นสาเหตนุ าไปสู่การกิน เช่น ถา้ เดก็ ไมส่ ามารถ เปล่ียนส่ิงแวดลอ้ มที่ลอ้ มรอบตวั เขาได้ ควรแนะนาใหห้ ลีกเล่ียงการเดินไปสถานที่ที่เป็นแหล่งอาหารหรือ หากอาหารท่ีเดก็ ชอบจดั วางอยใู่ นตาแหน่งท่ีมองเห็นไดง้ ่าย ก็ควรเปล่ียนที่วางอาหารใหมโ่ ดยจดั วางใหพ้ น้ นอกสายตา ไมค่ วรเกบ็ อาหาร ขนม และเคร่ืองดื่มไวใ้ นตูเ้ ยน็ หอ้ งครัว และบนโต๊ะอาหารท่ีสาคญั ท่ีสุดคือ ผปู้ กครองไมค่ วรซ้ืออาหารเขา้ บา้ น 4. ควรแนะนาใหผ้ ปู้ กครองจากดั เงินคา่ ขนมในแต่ละวนั ให้เฉพาะท่ีจาเป็นเท่าน้นั เพ่ือลดการ เขา้ ถึงแหล่งอาหาร 5. ใชว้ ิธีการยบั ย้งั โดย ฝึกใหเ้ ด็กสารวจนิสยั การกินของตนเอง และปรับพฤติกรรมใหถ้ ูกตอ้ ง ซ่ึงส่วนใหญ่มกั จะพบวา่ เดก็ ท่ีเริ่มอว้ นและอว้ น จะกินอาหารในปริมาณมากเกินความตอ้ งการของร่างกาย โดยอาจกระทาแบบไมร่ ู้ตวั

25 การหาสิ่งยบั ย้งั (Inhibitors) เป็นการหาสิ่งยบั ย้งั ที่จะช่วยหยดุ ย้งั พฤติกรรมการกินของเด็กได้ เช่น เดก็ จะหยดุ กินอาหารเมื่อมีเพ่อื นมาชวนไปเล่นนอกบา้ น ซ่ึงเป็นการเปลี่ยนความสนใจไปยงั ส่ิงท่ีชอบ มากกวา่ ดงั น้นั ผปู้ กครองอาจสนบั สนุนใหเ้ ดก็ ไดอ้ อกไปเล่นกบั เพอ่ื น หรือเป็นฝ่ายชกั ชวนเด็กใหม้ ีกิจกรรม นอกบา้ นร่วมกนั อยา่ งสม่าเสมอ การปรับเปล่ียนความคิด (Cognitive restructuring) เป็นการปรับเปล่ียนความคดิ ใหเ้ ป็ นไปใน เชิงบวกสร้างความมนั่ ใจในตนเอง และม่งุ เนน้ ไปทางการกระทาท่ีเป็นบวก เช่น หากเด็กต้งั ใจจะลดน้าหนกั แตเ่ ผลอกินไอศกรีมเดก็ อาจจะรู้สึกผิดและคิดวา่ ตนเองไม่สามารถที่จะลดน้าหนกั ได้ ซ่ึงผปู้ กครองควรสอน เดก็ ใหป้ รับความคดิ ใหม่วา่ การท่ีเดก็ กินไอศกรีมน้นั อาจทาใหน้ ้าหนกั ไมล่ ด แต่เหตกุ ารณ์น้ีไมไ่ ดเ้ ป็นปัจจยั สาคญั ท่ีจะทาใหเ้ ดก็ ลม้ เลิกความคิดท่ีจะลดน้าหนกั ใหไ้ ดต้ ามเป้าหมาย และจะเป็นขอ้ เตือนใจไมใ่ ห้เกิดข้ึน อีกในอนาคต การใหร้ างวลั (Rewards) เป็นการสร้างแรงจูงใจในการปรับเปล่ียนพฤติกรรมการใหร้ างวลั ควรใหเ้ มื่อเด็กปรับพฤติกรรมไดด้ ี มีพฤติกรรมใหม่ที่ดีเกิดข้ึน หรือลดความถ่ีของพฤติกรรมท่ีไม่พึง ประสงค์ เช่น ลดการด่ืมน้าอดั ลมออกกาลงั กายสม่าเสมอ เป็นตน้ รางวลั ท่ีใหค้ วรเป็นรางวลั ที่ส่งเสริม พฤติกรรมเขงิ บวก เช่น อปุ กรณ์กีฬา หรืออาจเป็นการพาไปเที่ยวในสถานท่ีท่ีเด็กชอบก็ได้ แตไ่ ม่ควรเป็ น รางวลั ที่เกี่ยวกบั อาหาร นอกจากน้ีคาชมเชยก็เป็นสิ่งสาคญั ท่ีจะทาใหเ้ ด็กมีความภาคภูมิใจในเอง ที่สามารถ ปรับพฤติกรรมได้ และยงั เป็นแรงเสริมท่ีดีที่จะทาใหก้ ารเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมน้นั เป็นพฤติกรรมถาวร ตอ่ ไป 2.4.9 โภชนาการสาหรับเดก็ เร่ิมอ้วนและอ้วน การลดปัญหาภาวะเริ่มอว้ นและอว้ น สามารถดาเนินการไดโ้ ดยการปรับพฤติกรรมให้ถกู ตอ้ ง เหมาะสมท้งั ดา้ นการบริโภคอาหารและการออกกาลงั กาย ซ่ึงเป็นท้งั การป้องกนั มิใหเ้ ด็กวยั เรียนมีภาวะเริ่ม อว้ นและอว้ น และหากอว้ นแลว้ กช็ ่วยใหส้ ามารถควบคุมน้าหนกั ได้ โดยดาเนินการตามข้นั ตอนและเทคนิค ต่างๆ ดงั น้ี ขอ้ แนะนาดา้ นการบริโภคอาหารที่เหมาะสมสาหรับเดก็ เริ่มอว้ นและอว้ น ในการจดั อาหารกลางวนั 1. ครูควรจดั อาหารเพื่อลดภาวะอว้ นในเดก็ นกั เรียน โดยคานึงถึงพลงั งาน สารอาหารที่เด็ก ตอ้ งการเพื่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ควรจากดั อาหารในกลมุ่ ท่ีใหพ้ ลงั งานสูง ไขมนั และไปเพม่ิ ในกลุม่ ผกั และผลไมท้ ี่ใหส้ ารอาหารตวั อื่นๆ เช่น แคลเซียม ธาตุเหลก็ วิตามินเอ ใยอาหาร และแร่ธาตอุ ่ืนๆ ใน ขณะเดียวกนั ตอ้ งคานึงถึงความชอบของเด็กดว้ ย 2. การจดั เมนูอาหารเพือ่ ใหไ้ ดค้ ุณค่าโภชนาการ 2.1 ตอ้ งครบ 5 หมู่และหลากหลาย 2.2 ขา้ วท่ีใหเ้ ดก็ กิน ควรปรับเปลี่ยนเป็นขา้ วกลอ้ งแทนขา้ วขาวหรือผสมกนั โดยเริ่มจาก ปริมาณนอ้ ย

26 เมื่อเดก็ เร่ิมยอมรับ จึงค่อยเพิ่มปริมาณจนสามารถกินไดท้ ้งั หมด ขอ้ สาคญั ครูควรแนะนาให้ ผปู้ กครองปฏิบตั ิเช่นเดียวกบั ที่บา้ น - เพม่ิ ปริมาณผกั ในม้ืออาหารทุกคร้ัง และควรใหม้ ีหลากหลายสี รวมถึงแนะนาใหผ้ ปู้ กครอง ปฏิบตั ิ เช่นเดียวกบั ท่ีบา้ น - ลดการจดั อาหารที่มีกะทิเป็นส่วนประกอบ ใหเ้ หลือสปั ดาห์ละ 1 คร้ัง หรือทดแทนดว้ ยนม ถว่ั เหลือง หรือกะทิ ธญั พชื แทน - เน้ือสัตว์ ควรเลือกชนิดท่ีไม่ติดมนั และหนงั - ควรจดั อาหารประเภทถวั่ เมล็ดแหง้ และผลิตภณั ฑ์ เสริมหรือเป็นส่วนประกอบของอาหาร เช่น เพ่มิ เตา้ หูใ้ นก๋วยจบั๊ แทนเน้ือสัตวช์ นิดอ่ืน ฟองเตา้ หูผ้ สมในผดั วนุ้ เส้นหรือแกงจืด เป็นตน้ - ใชเ้ ครื่องปรุงรสท่ีมีการเสริมสารไอโอดีนในการปรุงอาหารทุกคร้ัง เช่น เกลือเสริม ไอโอดีนน้าปลา ซอสซีอิ้วท่ีมีการเสริมไอโอดีน - เลือกวธิ ีการปรุงอาหารดว้ ยการตม้ น้ึง ยา ต๋นุ ลวก อบ แทนการผดั ทอด หรืออาหารท่ีใส่ กะทิไม่ควรจดั วางเครื่องปรุงรส เช่น น้าปลา น้าตาล เพอ่ื ลดพลงั งานส่วนเกิน 3. การแบ่งม้ืออาหารแบ่งเป็นม้ืออาหารหลกั 3 ม้ือ อาหารวา่ งอีก 1-2 ม้ือ 4. อาหารท่ีนามาจดั ควรเลือกวตั ถุดิบในการประกอบอาหารท่ีสะอาด ปลอดภยั และถกู หลกั สุขาภิบาลอาหาร 5. การจดั ชุดสารับอาหารกลางวนั ต่อสปั ดาห์ ควรคานึงถึงส่ิงตอ่ ไปน้ี - อาหารจานเดียวไมเ่ กิน 1 คร้ัง - ผลไม้ ไม่นอ้ ยกวา่ 3 คร้ัง - ขนม ไม่เกิน 2 คร้ัง - ใชเ้ กลือ น้าปลา ซีอิ้ว ซอสปรุงรส เสริมสารไอโอดีนในการปรุงประกอบอาหาร - ใชป้ ลา เป็นส่วนประกอบในอาหารไม่นอ้ ยกวา่ 1 คร้ัง - ไข่ 1-2 ฟอง - เลือกใชอ้ าหารที่มีความเขม้ ขน้ ของสารอาหาร เช่น ตบั เลือด เตา้ หู้ ปลาที่กินได้ ท้งั ตวั 1 คร้ัง - ถวั่ เมลด็ แหง้ 1 คร้ัง 6. เลือกใชเ้ น้ือสัตวท์ ี่ไขมนั ต่า เช่น ปลา เน้ือหมูไมต่ ิดมนั และหนงั 7. อาหารกลางวนั ที่จดั ตอ้ งมีรสชาติไมห่ วาน ไมม่ นั ไม่เคม็ ควรแนะนาการบริโภคอาหารตาม สัดส่วนโภชนาการ ดงั น้ี

27 กลุ่มอาหารและปริมาณ คาแนะนา ขา้ ว-แป้ง 8 ทพั พี กลุ่มขา้ ว-แป้ง กินปริมาณมากท่ีสุด ให้สารอาหารหลกั คือ คาร์โบไฮเดรท เป็นแหล่งพลงั งานหลกั และควรเลือกชนิดที่ขดั สีนอ้ ย เช่น ขา้ วกลอ้ ง แนะนา ให้กินขา้ วเป็ นอาหารหลกั ส่วนอาหารประเภทแป้ง เช่น บะหมี่ ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน ขนมปัง ขา้ วโพด สปาเกต็ ต้ี ฯลฯ กินสลบั ไดบ้ างม้ือ อาหารในกลุ่มน้ี ควรกินแบบกระจายพลงั งาน คือไม่กินมากในม้ือใดม้ือหน่ึง โดยม้ือเยน็ ตอ้ ง กินให้ปริมาณนอ้ ยที่สุด ผกั 4 ทพั พี กลุ่มผกั กินปริมาณรองลงมา ผักให้วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารสูง มี ประโยชน์ช่วยในการขบั ถ่าย แนะนาให้กินผกั ทุกม้ือ เนน้ ผกั ใบเขียว เพราะมี วิตามินและแร่ธาตุ ควรกินผกั สีอนื่ ๆ เพิ่มเติมในม้ืออาหารดว้ ย ตวั อย่างเช่น ม้ือเชา้ กิน 1 ทพั พี ม้ือกลางวนั และม้ือเยน็ กิน 1½ ทพั พี ผลไม้ 3 ส่วน กลุ่มผลไม้ กินปริมาณรองลงมา ผลไมม้ ีวิตามินแร่ธาตุ และใยอาหารสูง มี ประโยชน์ช่วยในการขบั ถ่ายเช่นเดียวกนั แนะนาให้กินผลไม้ทุกม้ือ หลัง อาหาร หรือจะกินผลไมเ้ ป็นอาหารว่างกไ็ ด้ ตัวอย่าง ผลไม้ 1 ส่วน เช่น กล้วยหอม ½ ผล กล้วยน้าวา้ 1 ผล เงาะ 4 ผล ส้มเขียวหวาน 1 ผลใหญ่ ผลไมช้ ิ้นใหญ่ควรหั่นเป็ นชิ้นพอคา ไดแ้ ก่ แตงโม มะละกอ สบั ปะรด แคนตาลูป ประมาณ 6-8 คา กินไดม้ ้ือละ 1 ส่วน หากควบคมุ นา้ หนกั ควรเลือกชนิกหวานน้อยหรือไม่หวาน เน้ือสัตว์ 6 ชอ้ นกินขา้ ว กลุ่มเน้ือสัตว์ ถว่ั เมลด็ แห้งและไข่ กินปริมาณพอเหมาะ กลุ่มน้ีให้สารอาหาร ประเภทโปรตีน ช่วยในการเจริญเติบโตและซ่อมแซมส่วนท่ีสึกหรอ ควร เลือกกินเน้ือสัตวท์ ่ีมีคุณภาพดี ไม่ติดมนั และหนงั ให้กินสลบั กบั ไข่ ถวั่ เมล็ด แหง้ และผลิตภณั ฑ์ เช่น เตา้ หู้ ควรกินม้ือละ 2 ชอ้ นกินขา้ ว หากควบคุมน้าหนัก เลือกกินเนื้อสัตว์ท่ีมีคุณภาพดี ให้พลังงานต่า เช่น ปลา อกไก่ไม่ตดิ หนัง เนื้อแดงไม่ตดิ มันและหนงั เป็ นต้น นม 2 แกว้ กลมุ่ นม กินปริมาณพอเหมาะ นมให้สารอาหารประเภทโปรตีนและแคลเซียม ช่วยในการสร้างกระดูกและฟัน ทาให้กระดูกมีความแข็งแรง กินม้ือว่างเชา้ และม้ือวา่ งบา่ ย แทนอาหารวา่ ง หากควบคมุ น้าหนัก ให้ด่ืมนมรดจืดพร่องมันเนยแทน น้ามนั น้าตาล เกลือ ควรกินใหน้ อ้ ย ๆ เท่าที่จาเป็น ตาราง แสดงชนิดและปริมาณอาหารสาหรับเด็กนกั เรียน อายุ 6-13 ปี ควรกินใน 1 วนั 1,600 กิโลแคลอรี

28 การจดั อาหารเพ่ือควบคมุ นา้ หนัก 1,200 กโิ ลแคลอรี การกินอาหารในปริมาณที่พอเหมาะและเพียงพอกบั ความตอ้ งการของร่างกาย จะทาใหม้ ีภาวะ โภชนาการท่ีดี ไมม่ ีภาวะเริ่มอว้ นและอว้ น ซ่ึงโดยปกติแลว้ เดก็ วยั เรียนอายุ 6-13 ปี จะตอ้ งไดร้ ับพลงั งานจาก อาหาร วนั ละ1,600 กิโลแคลอรี แต่หากเม่ือไหร่เดก็ เร่ิมมีภาวะอว้ น อว้ นมาก หรืออว้ นอนั ตราย จาเป็นตอ้ ง ลดพลงั งานจากอาหารลงใหเ้ หลือวนั ละ 1,200 กิโลแคลอรี ควบคูไ่ ปกบั การออกกาลงั กายเพม่ิ ข้นึ เพือ่ ให้ ร่างกายไดเ้ ผาผลาญพลงั งานมากข้ึน การกินอาหารลดพลงั งานควรทาในช่วงส้ัน ๆ เพราะอาหารยงั มี ความสาคญั ต่อการเจริญเติบโตของเดก็ และเม่ือเดก็ มีภาวะโภชนาการลดลงอยใู่ นเกณฑป์ กติแลว้ ใหก้ ิน อาหารพลงั งาน 1,600 กิโลแคลอรีเทา่ เดิมโดยเนน้ การจดั อาหารที่ใหพ้ ลงั งานสูงประเภทขา้ ว แป้ง น้าตาล และไขมนั ดงั ตวั อยา่ งการลดอาหาร 1,200 กิโลแคลอรี

29 อาหารชุดที่ 1 ตัวอย่างอาหาร 1,200 กิโลแคลอรี สาหรับ 1 สัปดาห์ อาหารเช้า ขา้ วกลอ้ ง 1½ ทพั พี อาหารว่างเช้า ตม้ จบั ฉ่าย อาหารกลางวัน - หวั ไชเทา้ ผกั คะนา้ 1 ทพั พี อาหารว่างบ่าย - ผกั กาดขาว ผกั ค่นื ช่าย 1 ทพั พี อาหารเย็น - เตา้ หูเ้ หลือง 2 ชอ้ นกินขา้ ว - หมูเน้ือแดง 1 ชอ้ นกินขา้ ว สม้ เขยี วหวาน 1 ผลใหญ่ และ 1 ผลเลก็ นมสดพร่องมนั เนย 1 แกว้ เสน้ หมี่น้าไก่ - เสน้ หมี่ 1½ ทพั พี - ถวั่ งอก 1 ทพั พี - อกไก่หรือสนั ในไก่ฉีกเป็นเส้น 2 ชอ้ นกินขา้ ว มะละกอสุก 9 ชิ้นคา นมสดพร่องมนั เนย 1 แกว้ ขา้ วกลอ้ ง 1 ทพั พี แกงส้มผกั กาดขาว - เน้ือปลา 1 ชอ้ นกินขา้ ว - ผกั กาดขาว 1 ทพั พี - น้าพริกแกงส้ม ปลากะพงอบ - เน้ือปลากะพง 2 ชอ้ นกินขา้ ว - บร็อคโคลี 1 ทพั พี แตงโม 6 ชิ้นคา

30 อาหารชุดที่ 2 ขา้ วกลอ้ ง 1½ ทพั พี อาหารเช้า แกงจืดตาลึง อาหารว่างเช้า - ผกั ตาลึง 2 ทพั พี อาหารกลางวัน - หมูเน้ือแดงสบั 1 ชอ้ นกินขา้ ว ไข่เจียว อาหารว่างบ่าย - ไข่ไก่ 1 ฟอง อาหารเย็น - น้ามนั พชื เลก็ นอ้ ย มะละกอสุก 9 ชิ้นคา นมสดพร่องมนั เนย 1 แกว้ บะหม่ีหมแู ดง - บะหม่ี 1½ ทพั พี - หมูเน้ือแดง 2 ชอ้ นกินขา้ ว - ผกั กวางตงุ้ 1 ทพั พี สบั ปะรด 9 ชิ้นคา นมสดพร่องมนั เนย 1 แกว้ ขา้ วกลอ้ ง 1 ทพั พี ไก่อบ - อกไก่ไม่ติดหนงั 1½ ชอ้ นกินขา้ ว - แครอท ถวั แขก 1 ทพั พี ตม้ ยาปลาทนู ้าใส - ปลาทู 1½ ชอ้ นกินขา้ ว (1½ ตวั เลก็ ) - เห็ดฟาง 1 ทพั พี ส้มเขยี วหวาน 1 ผลใหญ่

อาหารชุดที่ 3 31 อาหารเช้า ขา้ วตม้ ปลา อาหารว่างเช้า - ขา้ วกลอ้ ง 1½ ทพั พี อาหารกลางวัน - เน้ือปลากะพง 3 ชอ้ นกินขา้ ว - เห็ดหอม และค่นื ช่าย 1 ทพั พี อาหารว่างบ่าย - ตน้ หอม ผกั ชี เลก็ นอ้ ย อาหารเยน็ กลว้ ยน้าวา้ 1 ผล หรือกลว้ ยหอม 1½ ผล และพุทรา 1 ผล นมสดพร่องมนั เนย 1 แกว้ ขา้ วคลุกกะปิ - ขา้ วกลอ้ ง 1½ ทพั พี - หมูเน้ือแดง 1½ ชอ้ นกินขา้ ว - ไข่ไก่ ½ ฟอง - มะม่วงซอย แตงกวา หอมแดง 2 ทพั พี มะละกอ 8 ชิ้นคา นมสดพร่องมนั เนย 1 แกว้ ขา้ วกลอ้ ง 1 ทพั พี แกงป่ าไก่ - อกไก่ไมต่ ิดหนงั 1½ ชอ้ นกินขา้ ว - มะเขือเปราะ ฟักทอง ถวั่ ฝักยาว ชะอม หรือผกั อ่ืน ๆ 2 ทพั พี - น้าพริกแกงป่ า ไข่ตม้ - ไขไ่ ก่ 1 ฟอง สบั ปะรด 6 ชิ้นคา

32 อาหารชุดท่ี 4 แซนวิชทนู ่า อาหารเช้า - ขนมปังโฮวีท 2 แผน่ - ปลาทนู ่า 2 ชอ้ นกินขา้ ว อาหารว่างเช้า - ผกั กาดหอม มะเขือเทศ 1 ทพั พี อาหารกลางวัน สบั ปะรด 8 ชิ้นคา อาหารว่างบ่าย นมสดพร่องมนั เนย 1 แกว้ อาหารเย็น เก๊ียวกงุ้ น้า - เกี๊ยวกุง้ 4 ตวั - กุง้ สด 2 ชอ้ นกินขา้ ว - ผกั กวางตงุ้ 1½ ทพั พี เงาะ 6 ผล นมสดพร่องมนั เนย 1 แกว้ ขา้ วกลอ้ ง 1 ทพั พี แกงจืดผกั กาดขาวไก่สับ - ผกั กาดขาว 1 ทพั พี - อกไก่ไมต่ ิดหนงั 1½ ชอ้ นกินขา้ ว ผกั พริกขงิ หมูถวั่ ฝักยาว - หมูเน้ือแดง 1 ชอ้ นกินขา้ ว - ถว่ั ฝักยาว 1 ทพั พี - น้าพริกแกงเผด็ ชมพู่ 2 ผล

อาหารชุดที่ 5 33 อาหารเช้า ขา้ วผดั ส่ีสหาย อาหารว่างเช้า - ขา้ วกลอ้ ง 1½ ทพั พี อาหารกลางวัน - หมูเน้ือแดง 1 ชอ้ นกินขา้ ว - ไขไ่ ก่ 1 ฟอง อาหารว่างบ่าย - ฟักทอง แครอท ถวั่ ฝักยาว มะเขอื เทศ 2 ทพั พี อาหารเย็น มะละกอสุก 6 ชิ้นคา นมสดพร่องมนั เนย 1 แกว้ ก๋วยเต๋ียวน้า - เสน้ ใหญ่ 1½ ทพั พี - หมูเน้ือแดง 1 ชอ้ นกินขา้ ว - ลกู ชิ้นปลา 1 ชอ้ นกินขา้ ว ( 2 ลกู ) - ผกั ชี ตน้ หอม ถว่ั งอก 1 ทพั พี สบั ปะรด 9 ชิ้นคา นมสดพร่องมนั เนย 1 แกว้ ขา้ วกลอ้ ง 1 ทพั พี แกงเลียงกุง้ สด - กุง้ สด 1 ชอ้ นกินขา้ ว - กุง้ แหง้ 1 ชอ้ นกินขา้ ว - ฟักทอง บวบ ตาลึง ใบแมงลกั ขา้ วโพดอ่อน 2 ทพั พี ปลาอบมะเขือเทศ - ปลาดอลล่ีหรือปลากะพง 2 ชอ้ นกินขา้ ว - มะเขือเทศ 2 ลกู ใหญ่ ฝรั่ง ½ ผล

อาหารชุดที่ 6 34 อาหารเช้า ขา้ วตม้ ไก่ อาหารว่างเช้า - ขา้ วกลอ้ ง 1½ ทพั พี อาหารกลางวัน - อกไก่หรือสนั ในไก่ ไม่ติดมนั และหนงั 2 ชอ้ นกินขา้ ว - เห็ดหอม ½ ฟอง อาหารว่างบ่าย - ตน้ หอม ผกั ชี เลก็ นอ้ ย อาหารเยน็ - ชีอิ๊วขาว เลก็ นอ้ ย มะละกอสุก 9 ชิ้นคา นมสดพร่องมนั เนย 1 แกว้ ขา้ วผกั กุง้ ใส่ไข่ - ขา้ วกลอ้ ง 1½ ทพั พี - กุง้ สด 2 ชอ้ นกินขา้ ว - ไขไ่ ก่ 1 ฟอง - แตงกวา ตน้ หอม มะเขือเทศ 1½ ทพั พี - น้ามนั พืชเลก็ นอ้ ย ซุปใส่ผกั - หอมใหญ่ มะเขอื เทศ แครอท คื่นช่าย ½ ทพั พี สม้ เขียวหวาน 1 ผลใหญ่ และ 1 ผลเลก็ นมสดพร่องมนั เนย 1 แกว้ ขา้ วกลอ้ ง 1 ทพั พี ผดั ผกั รวมมิตร - ผกั กาดขาว แครอท ถวั่ ฝักยาว 1½ ทพั พี - น้ามนั พืชเลก็ นอ้ ย ตม้ ยาปลากะพงน้าใส - ปลากะพง 2 ชอ้ นกินขา้ ว - เห็ดนางฟ้า 1 ทพั พี - น้าปลา มะนาว ชมพู่ 2 ผล

35 อาหารชุดท่ี 7 อาหารเช้า ขนมปัง ไข่ดาว - ขนมปังโฮลวีท 2 แผน่ - ไขไ่ ก่ 1 ฟอง - แฮม 2 ชอ้ นกินขา้ ว ( 1 ชิ้น) - แตงกวา แครอท มะเขือเทศ 1½ ทพั พี หมายเหตุ : ไข่ดาวน้า และแฮมลวก ไมใ่ ชน้ ้ามนั มะละกอสุก 8 ชิ้นคา อาหารว่างเช้า นมสดพร่องมนั เนย 1 แกว้ อาหารกลางวัน เสน้ หม่ีลกู ชิ้นปลา - เสน้ หมี่ 1 ทพั พี - ลกู ชิ้นปลา 2 ชอ้ นกินขา้ ว ( 4 ลกู ) - ผกั ชี ตน้ หอม ถวั่ งอก 2 ทพั พี ถว่ั เขยี วตม้ น้าตาลทรายแดง - ถว่ั เขียว 2 ชอ้ นกินขา้ ว - น้าตาลทรายแดงเลก็ นอ้ ย อาหารเย็น ขา้ วกลอ้ ง 1 ทพั พี หมูอบ - สนั ในหมู 1 ชอ้ นกินขา้ ว - ถว่ั แขก ½ ทพั พี - แครอท ½ ทพั พี แกงจืดฟักเขยี ว - ฟักเขยี ว 1 ทพั พี - สันในไก่ 1 ชอ้ นกินขา้ ว - ซีอ๊ิวขาวเลก็ นอ้ ย ฝร่ัง ½ ผล และพทุ รา 1 ผล หมายเหตุ : 1. รายการอาหารที่จดั ใน 1 สปั ดาห์สามารถสลบั เปลี่ยนได้ 2. รายการอาหารที่มีผกั เป็นส่วนประกอบสามารถปรับเปล่ียนเป็นผกั ท่ีชอบได้ โดยเนน้ ผกั ใบ 3. รายการอาหารที่เป็นผลไม้ สามารถปรับเปล่ียนไดต้ ามใจชอบ โดนเนน้ ผลไมท้ ่ีหวานนอ้ ย 4. รายการอาหารที่ตอ้ งใชน้ ้ามนั เป็นส่วนประกอบ ควรใชใ้ นปริมาณนอ้ ยท่ีสุด 5. การปรุงอาหารโดยภาพรวมเนน้ รสชาติไมห่ วาน ไมม่ นั และไมเ่ คม็

36 การกนิ อาหารลดพลงั งานสาหรับเดก็ ทมี่ ีภาวะอ้วน การกินอาหารใหไ้ ดค้ ณุ ค่าทางโภชนาการสูง จะตอ้ งกินให้หลากหลายครบ 5 หมู่ ปริมาณและ สดั ส่วงตอ้ งเหมาะสมกบั วยั ดงั น้นั หากเรากินอาหารไมร่ ะมดั ระวงั ตามใจปาก กินทุกคร้ังท่ีมีความอยากโดย ไมต่ ้งั สติพิจารณาไตร่ตรองวา่ เป็นความหิวหรือความอยากกนั แน่ กอ็ าจทาใหก้ ินเยอะโดยไมร่ ู้ตวั เป็นผลทา ใหน้ ้าหนกั เพิ่มข้นึ จนเป็นโรคอว้ นไดใ้ นท่ีสุด เทคนิคที่แนะนาสาหรับการกินอาหารเพือ่ ลดพลงั งาน คอื 1. ควรกินขา้ วกลอ้ งมากกวา่ ขา้ วขาว เพราะขา้ วกลอ้ งมีวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหารสูงกวา่ ขา้ ว ขาวและขา้ วขาวทาใหร้ ะดบั น้าตาลในเลือดเพมิ่ ข้ึนเร็ว 2. ลดขา้ วม้ือละ 1 ทพั พี สามารถลดพลงั งานไดม้ ้ือละ 80 กิโลแคลอรี 3. ควรกินเน้ือสัตวท์ ี่มีคณุ ภาพดี คอื เน้ือแดงไม่ติดมนั และไม่มีหนงั ควรกินปลา และอกไก่ เลาะหนงั ออก 4. ลดเน้ือสตั วต์ ิดมนั คร้ังละ 1 ชอ้ นกินขา้ ว สามารถลดพลงั งานไดค้ ร้ังละ 35 กิโลแคลอรี 5. กินผกั ใบใหม้ ากกว่าผกั หวั เพราะผกั หวั มีแป้ง ใหพ้ ลงั งานสูงกวา่ และควรกินผกั ให้ หลากหลายสีเพราะสารสีในผกั (พฤกษเคมี) มีคุณสมบตั ิในการป้องกนั โรคแตกต่างกนั 6. ควรกินผลไมส้ ดรสหวานนอ้ ย เช่น ฝรั่ง ชมพู่ พุทรา มะละกอ แตงโม กลว้ ย ส้ม ควรงด ผลไมส้ ดท่ีมีรสหวานจดั เช่น มะม่วงสุก ทุเรียน ลิน้ จ่ี ลาไย องุ่น ฯลฯ รวมท้งั ผลไมเ้ ชื่อม แช่อิ่ม ดองกวน อบแหง้ เพราะมีความเขม้ ขน้ ของน้าตาลสูงกวา่ ผลไมส้ ด 7. ควรกินอาหารท่ีใชน้ ้ามนั ในการปรุงอาหารเพยี ง 1 ม้ือต่อวนั เท่าน้นั และใชป้ ริมาณน้ามนั ใหน้ อ้ ยท่ีสุดและควรงดอาหารประเภททอดน้ามนั ลอย หากลดไดว้ นั ละ 3 ชอ้ นชา สามารถลดพลงั งานไดว้ นั ละ 135 กิโลแคลอรี เช่น ลดไก่ทอดชิ้นเลก็ 1 ชิ้น 8. ลดน้าตาลไดค้ ร้ังละ 1 ชอ้ นชา สามารถลดพลงั งานไดค้ ร้ังละ 15 กิโลแคลอรี เช่น งด น้าอดั ลม 1 กระป๋ อง สามารถลดพลงั งานได้ 195 กิโลแคลอรี 9. ดื่มนมพร่องมนั เนย แทนนมรสจืด หรือนมปรุงแตง่ รสอ่ืนๆ สามารถลดพลงั งาน ไดค้ ร้ังละ 30 กิโลแคลอรี และสามารถลดไขมนั อิ่มตวั และคอเลสเตอรอลไดพ้ ร้อมๆ กนั 10. ควรกินอาหารประเภทตม้ น่ึง ต๋นุ ลวก อบ แทนอาหารประเภททอด ผดั อาหารที่มีเนย และ กะทิ 11. ควรงดเติมเครื่องปรุง เช่น น้าตาล น้าปลา ในอาหารจานเดียว เพ่ือเป็นการป้องกนั ไม่ให้ ร่างกายไดร้ ับพลงั งานเกิน และความเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเร้ือรัง

37 ข้อแนะนาในการบริโภคอาหารเพ่ือป้องกนั ภาวะเร่ิมอ้วนและอ้วนในเดก็ วัยเรียน • ไม่ควรงดอาหารม้ือเชา้ ควรใหก้ ินอาหารเป็นเวลา ปริมาณพอเหมาะ และสร้างวินยั ในการกิน • ควบคมุ ปริมาณพลงั งานท่ีไดร้ ับจากอาหาร โดยควบคุมปริมาณท่ีบริโภค ลดการบริโภคไขมนั อ่ิมตวั เช่น ไขมนั จากสตั ว์ เนย กะทิ น้ามนั มะพร้าว น้ามนั ปาลม์ เป็นตน้ อาจใหน้ มจืดท่ีมีไขมนั ต่าลดการบริโภค น้าตาลเพ่อื ลด glycemic load • เพิม่ การบริโภคใยอาหารจากผกั ผลไมส้ ด และธญั พชื ที่ไมผ่ า่ นการขดั สี (whole grain cereals) • ควรหลีกเล่ียงการกินอาหารที่มีพลงั งานสูง แตส่ ารอาหารต่า เช่น น้าอดั ลม น้าหวาน รวมท้งั ขนม ขบเค้ยี ว • ควรหลีกเล่ียงการกินอาหารนอกบา้ น และอาหารจานด่วน (fast food) • ไมค่ วรสะสมอาหารและขนมในบา้ น ไม่ใหอ้ าหารและขนมแก่เด็กเป็นรางวลั ข้อแนะนาด้านการออกกาลงั กายทเี่ หมาะสมสาหรับเดก็ เร่ิมอ้วนและอ้วน การออกกาลงั กายสาหรับเดก็ ท่ีมีปัญหาภาวะอว้ นและมีโรคประจาตวั ตอ้ งทราบขอ้ มลู พ้ืนฐาน เก่ียวกบั ขอ้ จากดั ของเดก็ วา่ มีปัญหาเรื่องขอ้ เขา่ และประสารทสัมผสั บกพร่องหรือไม่ เพอื่ จะไดว้ างแผนการ ใหค้ าแนะนาในการออกกาลงั กายอยา่ งถกู ตอ้ ง และไม่ทาใหเ้ กิดการบาดเจ็บจากการออกกาลงั กาย การออกกาลงั กายท่ีเหมาะสมสาหรับเด็กควรใหม้ ีความเหนื่อยระดบั ปานกลาง (สามารถพูดคุย กบั คนขา้ งๆไดร้ ู้เรื่องไม่เหน่ือยหอบ) ถึงระดบั หนกั แทบทกุ วนั สิ่งสาคญั การออกกาลงั กายหรือการเลน่ กีฬา สาหรับเด็กควรเนน้ ท่ีความสนุกสนาน ซ่ึงอาจจะเป็นการเลน่ กีฬา การเดินเล่น ป่ันจกั รยาน หรือการร่วมเล่น ในชว่ั โมงพละศึกษาเป็นส่วนหน่ึงของการดาเนินชีวิตประจาวนั โดยสรุป การออกแรง-ออกกาลงั เป็นประจาเทียบเทา่ การเดินเร็ววนั ละ 30 นาทีข้ึนไปมีส่วน ช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ลดคอเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) และลดไตรกลีเซอไรด์ (TG) ไป พร้อมๆ กนั ขอ้ แนะนาให้เพม่ิ การเคลื่อนไหวร่างกาย (Physical activity) โดยการลดพฤติกรรมที่อยนู่ ่ิงๆ เช่น การดูโทรทศั น์ และเลน่ เกมคอมพวิ เตอร์ พบว่ามีความสาคญั มากกวา่ การเพมิ่ การเคลื่อนไหวร่างกาย มี ขอ้ แนะนาใหเ้ ดก็ อายุต้งั แต่ 2 ปี ข้ึนไป ดูโทรทศั นแ์ ละเลน่ เกมคอมพวิ เตอร์ ไมเ่ กินวนั ละ 2 ชว่ั โมง ควรเพิม่ การเคลื่อนไหว ระดบั ปานกลางถึงระดบั หนกั นาน 60 นาที และ 30 นาที ตามลาดบั และควรสนบั สนุนใหม้ ี กิจกรรมเคลื่อนไหว ร่างกายท้งั ครอบครัว สร้างนิสัยการออกกาลงั กายในชีวติ ประจาวนั เช่น การทางานบา้ น การเดินและขี่จกั รยาน แทนการนงั่ รถ เป็นตน้ การเลน่ กีฬาในเดก็ วยั เรียน เพื่อใหเ้ ดก็ ไดเ้ รียนรู้กฎ กติกาและ การอยรู่ ่วมกบั ผอู้ ่ืน

38 ตัวอย่าง การออกกาลงั กายระดบั ปานกลาง 1. เดิน 3.2 กิโลเมตร ในเวลา 30 นาที 2. ว่ิง 2.4 กิโลเมตร ในเวลา 10 นาที 3. ปั่นจกั รยาน 8 กิโลเมตร ในเวลา 30 นาที หรือ 4 กิโลเมตร ในเวลา 15 นาที 4. เตน้ ราหรือเตน้ แอโรบิกที่เร็ว 30 นาที 5. กระโดดเชือก 15 นาที 6. เลน่ บาสเกต็ บอล 15 นาที 7. เลน่ วอลเลยบ์ อล 45 นาที ตวั อย่าง อาหารท่ใี ห้พลงั งานสูงกบั การออกกาลงั กายทเี่ ผาผลาญพลงั งานให้หมดไป 1. พิซซ่า 1 ชิ้น ขนาดกลาง ใหพ้ ลงั งาน 500 กิโลแคลอรี : จะตอ้ งวา่ ยน้า ประมาณ 1 ชว่ั โมง เศษ 2. แฮมเบอร์เกอร์ไก่ 1 ชิ้น ใหพ้ ลงั งาน 318 กิโลแคลอรี : จะตอ้ งกระโดดเชือกประมาณ 30 นาที 3. ไก่ทอด 1 น่อง ใหพ้ ลงั งาน 280 กิโลแคลอรี : จะตอ้ งเดินเร็วประมาณ 1 ชวั่ โมง 4. มนั ฝรั่งทอด (size เลก็ = 40 กรัม) ใหพ้ ลงั งาน 375 กิโลแคลอรี : จะตอ้ งวิ่งประมาณ 40 นาที 5. ขา้ วมนั ไก่ 1 จาน ใหพ้ ลงั งาน 600 กิโลแคลอรี : จะตอ้ งปั่นจกั รยาน 1 ชว่ั โมง 6. น้าอดั ลม 1 กระป๋ อง ใหพ้ ลงั งาน 325 กิโลแคลอรี : จะตอ้ งเลน่ บาสเก็ตบอล ประมาณ 45 นาที 7. ไอศกรีม 1 ถว้ ยเลก็ (1 กอ้ นใหญห่ รือ 2 กอ้ นเลก็ ) ใหพ้ ลงั งาน 193 กิโลแคลอรี : จะตอ้ งวิง่ ประมาณ 20 นาที ท่ีมา : แนวทางการคดั กรอง ส่งต่อและแกป้ ัญหาเด็กอว้ นกลุม่ เส่ียงในสถานศึกษา สถานบริการสาธารณสุข และคลินิก DPAC สานกั โภชนาการ กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข ISBN : 978-616-11-2609-4

39 การระบุชนิดอาหารและปริมาณแครอลอี่ าหารที่ส่งผลให้เกดิ นา้ หนกั เกินเกณฑ์มาตรฐาน ในข้นั ตอนการวิเคราะห์กล่มุ อาหารที่นกั เรียนนิยมบริโภค ผวู้ จิ ยั ไดท้ าการ filter ขอ้ มูลโดย เลือกแสดงผลเฉพาะกลมุ่ เด็กนกั เรียนท่ีมีน้าหนกั เกณฑป์ กติสามารถแสดงรายการอาหารไดด้ งั รูปที่ 13 และ แสดงผลเฉพาะกลุ่มเดก็ นกั เรียนที่มีน้าหนกั เกินเกณฑม์ าตรฐานดงั รูปท่ี 14 ซ่ึงสามารถเปรียบเทียบรายการ อาหารยอดนิยมของเด็กนกั เรียนท้งั 2 กลุ่มไดต้ ามตารางท่ี 4.3.1 รูปท่ี 14 แสดงรายการอาหารท่ีนิยมเฉพาะกล่มุ เดก็ นกั เรียนที่มีน้าหนกั เกณฑ์ รูปที่ 15 แสดงรายการอาหารที่นิยมเฉพาะกลุม่ เดก็ นกั เรียนท่ีมีน้าหนกั เกินเกณฑม์ าตรฐาน

40 อาหาร 5 ประเภทที่นกั เรียนนิยมบริโภคใน ปี การศึกษา 2560 ชนิดอาหาร ปริมาณแคลอร่ี กลุม่ น้าหนกั เกินเกณฑ์ กลมุ่ น้าหนกั ปกติ บริโภคคิดเป็น % บริโภคคิดเป็น % นมเยน็ หลายรสขนาดกลาง 425 17.08% 14.57% ขา้ วมนั ไก่ 597 12.58% 14.80% น้าหวานแบบขวด 100 9.37% 8.55% ขนมโตเกียว+ขนมขบเค้ยี ว 684 6.10% 6.22% ขนมโตเกียว 484 4.83% 4.85% ตารางที่ 4.3.1 แสดงรายการอาหารยอดนิยม 5 ประเภทของเดก็ นกั เรียนท้งั 2 กลมุ่ เพอื่ ใหผ้ ลการดาเนินงานชดั เจนยง่ิ ข้ึน ผวู้ จิ ยั ไดก้ าหนดช่วงเวลาการรับประทานอาหารใน 1 วนั ของ กลมุ่ นกั เรียนตวั อยา่ งท่ีมีน้าหนกั เกินเกณฑม์ าตรฐาน มีการบริโภคอาหารต่อวนั มากกว่า 3 รายการ สามารถ แสดงการกาหนดช่วงเวลาไดด้ งั รูปที่ 15 และแสดงใหเ้ ห็นถึงรายการอาหารท่ีซ้ือในช่วง 1 วนั ดงั รูปท่ี 1 รูปที่ 16 แสดงการกาหนดช่วงเวลาขอ้ มลู การซ้ืออาหารใน 1 วนั จากนกั เรียนกลุ่มตวั อยา่ ง

41 รูปที่ 16 แสดงรายการอาหารที่เกิดจากการซ้ือขายใน 1 วนั จากนกั เรียนกลุ่มตวั อยา่ ง ผวู้ ิจยั ไดท้ าการแทนคา่ จานวนแคลอร่ีที่ไดร้ ับจากการรับประทานอาหารของนกั เรียนกลุม่ ตวั อยา่ งเพ่อื เปรียบเทียบกบั จานวนแคลอร่ีโดยทว่ั ไปที่คนปกติควรจะไดร้ ับจาก คานวณไดจ้ ากสมการ ความตอ้ งการพลงั งาน = น้าหนกั (กิโลกรัม) x 30 ในคนท่ีมีกิจกรรมปกติหรือคนทว่ั ๆไป สามารถแสดงผลไดต้ ามตารางที่ 4.3.2 **ท้งั น้ี ในการคานวณจากสมการ ไม่ไดร้ วมค่าแคลอร่ีในม้ือเชา้ และม้ือเยน็ ของเดก็ นกั เรียน ตารางท่ี 4.3.2 ตารางแสดงการคานวณแคลอร่ีอาหารในโรงเรียน 1 วนั จากกลุ่มตวั อยา่ ง

42 3. แคลอรี่ แคลอรี่ หรือ แคลอรี (calorie) คือ หน่วยในการวดั พลงั งาน ที่เรามกั จะเห็นไดจ้ ากฉลากขา้ งกล่อง บรรจุอาหารตา่ ง ๆ ซ่ึงมีไวเ้ พื่อบอกปริมาณแคลอรี่ของอาหารท่ีไดร้ ับประทานเขา้ ไป เพราะร่างกายตอ้ งการ พลงั งาน โดยแคลอรี่ในระบบเมตริกจะถูกแทนท่ีดว้ ย หน่วยจูล (joule) ในระบบ SI แต่จะนิยมใชแ้ คลอร่ีเป็น หน่วยท่ีใชบ้ อกพลงั งานจากอาหาร (food energy) โดยหน่วยนิยมของแคลอร่ีจะมีอยดู่ ว้ ยกนั 2 รูปแบบ คือ 3.1 Small calorie (แคลอร่ีเลก็ ) เป็นหน่วยของปริมาณความร้อน โดย 1 แคลอร่ี จะหมายถึงปริมาณ ความร้อนที่ทาใหน้ ้าบริสุทธ์ิ 1 กรัม มีอณุ หภมู ิเพม่ิ ข้นึ 1 องศาเซลเซียส ท่ีความดนั บรรยากาศ 1 แคลอร่ี จะเทา่ กบั 4.186 จูล (joule) 3.2 Large calorie (แคลอร่ีใหญ)่ เป็นหน่วยของพลงั งานท่ีไดจ้ ากการเผาผลาญอาหาร แคลอร่ีสาหรับ อาหาร (food calorie) จะเป็น large calorie โดย 1 แคลอร่ีอาหาร จะมีคา่ เทา่ กบั 1 กิโลแคลอรี่ (kcal) หรือ 1,000 แคลอรี่ ซ่ึงอาจจะเรียกเพยี ง \"แคลอรี่\" แทนการเรียกช่ือเตม็ วา่ \"กิโลแคลอร่ี\" ก็ได้ โดยจะ มีค่าเทียบเทา่ กบั พลงั งานที่ทาใหน้ ้า 1 กิโลกรัม มีอุณหภูมิเพมิ่ ข้ึน 1 องศาเซลเซียส หรือเท่ากบั 4.186 กิโลจูล (kilojoule หรือ KJ) สรุป แคลอรี่ (cal) คือ หน่วยวดั พลงั งาน โดยหน่ึงแคลอรี่ก็คอื ปริมาณที่ทาใหน้ ้า 1 กรัม มีอุณหภูมิ เพิม่ ข้ึน 1 องศาเซลเซียส ส่วนพลงั งานท่ีใชใ้ นร่างกายหรือพลงั งานที่ไดร้ ับจากอาหารจะเรียกเป็น \"กิโลแคลอ รี่\" (kcal) ซ่ึงมีไวเ้ พอ่ื บอกใหเ้ ราทราบวา่ อาหารที่เรารับประทานมีแคลอร่ีเทา่ ไหร่ แลว้ เราควรจะเลือก บริโภคอาหารชนิดใด เพ่ือให้เพียงพอในชีวติ ประจาวนั ที่มา: https://medthai.com/แคลอรี่/ 4. ความต้องการพลงั งานต่อวนั การรับประทานอาหารที่มากเกินจานวนแคลอร่ีที่ร่างกายตอ้ งการ เป็นปัจจยั หลกั ท่ีก่อใหเ้ กิดโรค อว้ น ซ่ึงร่างกายแต่ละคนน้นั มีความตอ้ งการพลงั งานท่ีแตกตา่ งกนั ไป คานวณไดจ้ ากสมการ ความตอ้ งการพลงั งาน = น้าหนกั (กิโลกรัม) x 30 ในคนท่ีมีกิจกรรมปกติหรือคนทว่ั ๆไป แต่หากเป็นบคุ คลที่นงั่ เฉยๆ ไม่มีการเคลื่อนไหวจะมีความตอ้ งการพลงั งานนอ้ ยกวา่ จึงตอ้ งใชค้ ่า 20-25 เป็น ตวั คูณกบั น้าหนกั ตวั และในทางกลบั กนั หากเป็นบุคคลท่ีออกกาลงั กายอยา่ งหกั โหม ร่างกายจะตอ้ ง การพลงั งานมากกวา่ ใหใ้ ช้ 35 เป็นตวั คูณกบั น้าหนกั ตวั

43 เพอ่ื ควบคุมน้าหนกั เราจึงไม่ควรรับประทานอาหารที่มีแคลอร่ีโดยรวมเขา้ ไปเกินกวา่ ท่ีร่างกายตอ้ งการ ยกเวน้ วา่ จะมีการออกกาลงั กาย เพ่ือชดเชยจานวนแคลอรี่ท่ีรับเขา้ มาอยา่ งเพยี งพอ ดงั น้นั หากเราหนกั 60 กิโลกรัม เราจาเป็นตอ้ งบริโภคใหไ้ ด้ 60 x 30 = 1,800 กิโลแคลอร่ี ใน 1 วนั ถึง เพยี งพอใหร้ ่างกายทางานไดต้ ามปกติ ในปัจจุบนั มีการคานวณอตั ราการเผาผลาญพลงั งานอยา่ งละเอียดมากข้นึ ซ่ึงจะช่วยบอกพลงั งานท่ี ตอ้ งการในแตล่ ะวนั โดยมีสูตรดงั น้ี สาหรับผชู้ าย = 66.5 + (13.75 × น้าหนกั ตวั เป็นกิโลกรัม) + (5.003 × ส่วนสูงเป็นซม.) - (6.775 × อาย)ุ สาหรับผหู้ ญิง = 655.1 + (9.563 × น้าหนกั ตวั เป็นกิโลกรัม) + (1.850 × ส่วนสูงเป็นซม.) - (4.676 × อาย)ุ จากสูตรดา้ นบน แสดงใหเ้ ห็นวา่ น้าหนกั ส่วนสูงและอายุมีผลตอ่ การเผาผลาญพลงั งาน เม่ือหาคา่ อตั ราการ เผาผลาญพลงั งานมาไดแ้ ลว้ ก็จะสามารถนามาคานวณการเผาผลาญพลงั งานของร่างกายในแต่ละวนั ได้ โดย นามาคูณตวั แปรดา้ นล่าง นง่ั อยกู่ บั ท่ีเกือบท้งั วนั แทบไมไ่ ดข้ ยบั ตวั ใหน้ าอตั ราการเผาผลาญพลงั งาน x 1.2 ออกกาลงั กายหรือเล่นกีฬาเลก็ นอ้ ย 1-3 วนั ต่อสัปดาห์ ใหน้ าอตั ราการเผาผลาญพลงั งาน x 1.375 ออกกาลงั กายหรือเลน่ กีฬาปานกลาง 3-5 วนั ต่อสปั ดาห์ ใหน้ าอตั ราการเผาผลาญพลงั งาน x 1.55 ออกกาลงั กายหรือเลน่ กีฬาอยา่ งหนกั 6-7 วนั ต่อสัปดาห์ ใหน้ าอตั ราการเผาผลาญพลงั งาน x 1.725 ออกกาลงั กายหรือเล่นกีฬาอยา่ งหกั โหม สองคร้ังต่อวนั ใหน้ าอตั ราการเผาผลาญพลงั งาน x 1.9 พลงั งานท่ีตอ้ งการสาหรับแต่ละคนน้นั ไม่เทา่ กนั ดงั น้นั การทราบค่าพลงั งานที่ร่างกายเราตอ้ งการ จึงเป็นประโยชน์อยา่ งยง่ิ ในการช่วยควบคุมน้าหนกั นอกจากการกินแลว้ การออกกาลงั กายกส็ าคญั ไมแ่ พก้ นั เพราะการออกกาลงั กายคอื การใชพ้ ลงั งานออกไป และช่วยเสริมสร้างกลา้ มเน้ือ สุขภาพ และอารมณ์ใหด้ ี ยง่ิ ข้นึ ดว้ ย 2.5 งานวจิ ัยที่เก่ยี วข้อง กระบวนการจดั การข้อมูลเพื่อใช้วเิ คราะห์ผลด้วยวิธีกระบวนการเหมืองข้อมูล (The process of data management for analyzing data process mining) (เอนก นามขันธ์ , เสาวภา เมืองแก่น) งาน วิจัย ฉบับ น้ี นาเส นอก ระบ วนการบ ริ หารและจัดการข้อมูลโดยก ารใช้วิเค ราะห์ผลด้วยวิธี กระบวนการเหมืองขอ้ มูลเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของกระบวนการการทางานในระบบสารสนเทศ ด้วย โปรแกรม DISCO หรือ ProM ซ่ึงการส่งขอ้ มูลเขา้ ไปประมวลผลใน DISCO หรือ ProM ตอ้ งจดั รูปแบบ

44 ขอ้ มูลให้เหมาะสมในการประมวลผล ดงั น้นั รูปแบบขอ้ มูลท่ีเหมาะสมง่ายต่อการประมวลผล ควรจดั ให้อยู่ ในรูปแบบ CSV และในปัจจุบันองค์การส่วนใหญ่ได้นาระบบสารสนเทศเข้ามาช่วยสนับสนุนการ ดาเนินงานทางธุรกิจอยา่ งแพร่หลายองคก์ ารใดสามารถบริหารจดั การขอ้ มูลมหาศาล (Big data) ทางธุรกิจ ของตนเองไดด้ ี และ สามารถวิเคราะห์จุดไดเ้ ปรียบ เสียเปรียบ หรือแนวทางปรับกระบวนการการทางานไดถ้ ึงระดบั การ ทางานเชิงพฤติกรรมโดยใช้ขอ้ มูลเชิงประวตั ิ (Event logs) จะทาให้องค์การมีความไดเ้ ปรียบและสามารถ แข่งขนั กบั คู่แขง่ รวมท้งั กา้ วทนั เทคโนโลยที ี่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วหรือกา้ วสู่ยคุ Thailand 4.0 ดงั น้นั การ จดั การขอ้ มูลใหเ้ หมาะสมต่อการวเิ คราะหผ์ ลจึงเป็นจุดเร่ิมตน้ ท่ีสาคญั ผวู้ ิจยั จึงไดท้ ดลองเขียนชุดคาสงั่ SQL Command และ Visual Basic.Net พบว่าสามารถจดั เตรียมตามวิธีท่ีผูว้ ิจยั ทดลองได้ และนาไปใช้วิเคราะห์ พบว่าคนหน่ึงคน ในหน่ึงวนั ใชเ้ วลาเดินโดยเฉลี่ยเท่าไร ใชเ้ วลาว่ิงโดยเฉลี่ยเท่าไร อยู่เฉย ๆ ใชเ้ วลาเท่าไร และยงั สามารถทราบถึงพฤติกรรมของผู้ใช้มือถือด้วยว่าส่วนใหญ่มกั จะทากิจกรรมใดในแต่ละวนั และ นอกจากน้ีผูว้ ิจยั ไดท้ ดลองกับขอ้ มูลกระบวนการขายสินคา้ ชนิดหน่ึงพบว่าวิธีกระบวนการเหมืองขอ้ มูล ดงั กลา่ วสามารถใชไ้ ดจ้ ริง ขอ้ เด่นของงานวิจยั น้ี คือในบทความของงานวิจยั ฉบบั น้ีไดอ้ ธิบายข้นั ตอนการนาบนั ทึกเหตุการณ์ ออกมาจากฐานขอ้ มูลและนาข้อมูลลงโปรแกรม DISCO เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของกระบวนการการ ทางานในระบบสารสนเทศ ขอ้ ดอ้ ยของงานวิจยั น้ี คือ วิธีค่อนขา้ งยงุ่ ยากไม่เหมาะกบั ผูท้ ่ีเริ่มตน้ จึงจาเป็นตอ้ งให้ผูม้ ีประการณ์ ในดา้ นการดูแลฐานขอ้ มลู เป็นผดู้ ูแลในข้นั ตอนการนาบนั ทึกเหตกุ ารณ์ออกมาวิเคราะห์ วเิ คราะห์แนวทางแก้ปัญหากระบวนการทางานของระบบด้วย Fuzzy Miner ทม่ี ีต่อการตดั สินใจรับ วัตกรรมการจัดการจัดการเรียนการสอนผ่านเว็บ (เอนก นามขันธ์ , ทมนีสุกใส) (Probloem Solving Analysis of E-Learning System by Using the Fuzzy Miner Model Affected on the Innovation Adoption Decision of Web Instruction Management) งานวิจยั ฉบบั น้ีนาเสนอเกี่ยวกบั การเรียนการสอนผ่านเวบ็ ซ่ึงเป็ นทางเลือกเพื่อใช้เป็ นสื่อสาหรับ การเรียนการสอน ดว้ ยการนาแนวทางการพฒั นาระบบการจดั การศึกษา เพื่อยกระดบั การศึกษาอย่างเท่า เทียมกนั เทคโนโลยดี ิจิทลั มีบทบาทสาคญั อย่างยง่ิ สาหรับการพฒั นา และส่งเสริมการเรียนการสอนผ่านเวบ็ เพ่ือการเรียนรู้ตลอดชีวิต ผูเ้ รียนสามารถเพิม่ ทกั ษะ และต่อยอดการเรียนรู้ของตนเองได้ คณะผจู้ ยั เลง็ เห็นถึง ความสาคญั ต่อการพฒั นาการเรียนการสอนผ่านเวบ็ จึงไดว้ ิจยั ประเด็นปัญหากระบวนการการทางานของ ระบบดว้ ย Model Fuzzy Miner และวิเคราะหป์ ระเด็นท่ีส่งผลให้เกิดกระบวนการการตดั สินใจรับนวตั กรรม การจดั การเรียนการสอนผา่ นเวบ็ ผลการวิจยั พบวา่ ประเด็นปัญหาเกี่ยวกบั กิจกรรมการเขา้ ใชง้ านระบบ เป็น

45 กิจกรรมท่ีเกิดประเด็นปัญหาจากการทางานของระบบอยา่ งชดั เจน เน่ืองจากระบบไม่สามารถส่ง email ยื่น ยนั ตวั ตนไปใหแ้ ก่ผูใ้ ชง้ าน ส่งผลให้ผใู้ ชง้ านไม่สามารถเขา้ ใชง้ านระบบได้ รวมท้งั ทาใหท้ ราบว่าการเขา้ ใช้ งานระบบการเรียนการสอนผา่ นเวบ็ ของมหาวิทยาลยั ธนบุรีมีปริมาณการใชง้ านท่ีสูงโดยมีหตุการณ์(Event) ที่เกิดข้ึน 133,225 เหตุการณ์ จากประเด็นปัญหาดังกล่าวจึงมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจรับนวตั กรรมใน ทางตรง อนั เนื่องมาจากพฤติกรรมการใชง้ านของผูเ้ รียนท่ีรับรู้ถึงความสามารถของนวตั กรรมไดอ้ ยา่ งชดั เจน แลว้ เห็นถึงอรรถประโยชน์ที่ดีกว่าส่ิงที่มีอยู่ อีกท้งั สอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมและค่านิยมขณะน้นั อยา่ งชดั เจน ดงั น้นั มหาวิทยาลยั ธนบุรี ควรศึกษาความเป็นไปไดใ้ นคนของขีดความสามารถของเคร่ืองแม่ข่าย (Server) ว่าสามารถรองรับกับปริมาณการใช้งานของผูใ้ ช้งานท่ีเพ่ิมข้ึน และให้สอดคลอ้ งกับนโยบายของภาครัฐ เก่ียวกบั แผนพฒั นาดิจิทลั เพอื่ เศรษฐกิจและสงั คม ขอ้ เด่นของงานวิจยั น้ี คือในบทความของงานวิจยั ฉบบั น้ีการนาเหมืองกระบวนการมาช่วยวิเคราะห์ ระบบการเรียนการสอนดว้ ย Model Fuzzy Miner เพ่ือให้ถึงปัญหาของการทางานของระบบรวมท้งั การเขา้ ใชง้ านระบบการเรียนการสอนผา่ นเวบ็ ขอ้ ดอ้ ยของงานวิจยั น้ี คือ วิธีค่อนขา้ งย่งุ ยากไม่เหมาะกบั ผูท้ ่ีเร่ิมตน้ จึงจาเป็นตอ้ งให้ผมู้ ีประการณ์ ในดา้ นขีดความสามารถของระบบ และเครื่องแม่ข่าย (Server) เพื่อจะไดส้ ามารถรองรับกบั ปริมาณการใช้ งานของผใู้ ชง้ าน Günther, Christian W., and Wil MP Van Der Aalst. งานวิจัยเรื่ อง\"Fuzzy mining–adaptive process simplification based on multi-perspective metrics.\" งานวจิ ยั ฉบบั น้ีไดอ้ ธิบายเก่ียวกบั ปัญหาเทคนิคการทาเหมืองกระบวนการแบบต้งั เดิม เม่ือนามาใช้ ไปกบั กระบวนการที่ขนาดใหญ่ท่ีมีโครงสร้างนอ้ ยมกั จะพบไดบ้ อ่ ยในทางปฏิบตั ิ ต่อมาไดม้ ีการวเิ คราะห์ สาเหตปุ ัญหาเหล่าน้ี ซ่ึงอยไู่ มต่ รงกนั ในระหวา่ งข้นั พ้นื ฐาน สมมุติฐานของการทาเหมืองกระบวนการแบบ ด้งั เดิมและลกั ษณะของกระบวนการในชีวิตจริง จากการวิเคราะหน์ ้ี ไดม้ ีการพฒั นาการปรับไดท้ าใหเ้ ขา้ ใจ ง่ายและการทาใหม้ องเห็นภาพเทคนิคสาหรับรูปแบบกระบวนการ ซ่ึงจะข้ึนอยกู่ บั สองตวั ช้ีวดั ความสาคญั และความสัมพนั ธ์ ซ่ึงไดอ้ ธิบายกรอบสาหรับการสืบมาจากตวั ช้ีวดั เหล่าน้ีบนั ทึกการตรากฎหมาย ซ่ึง สามารถปรับใหเ้ ขา้ กบั สถานการณ์โดยเฉพาะและการวิเคราะห์คาถามในขณะที่ละเอียดของข้นั ตอนโครง ร่างภายนอกและตวั ช้ีวดั ท่ีทาใหม้ ีวธิ ีการบงั คบั ในระดบั สากล นอกจากน้ียงั เป็นหน่ึงในจุดอ่อนของมนั ใน การหา\"สิทธิ\" การต้ังค่าพารามิเตอร์บางคร้ังอาจจะใช้เวลานาน ดังน้ันข้ันตอนต่อไปจะจดจ่อในการได้รับ พารามิเตอร์ระดบั ที่สูงข้ึนและการต้งั ค่าเร่ิมตน้ ท่ีเหมาะสม ในขณะท่ีพารามิเดอร์ที่เต็มรูปแบบสาหรับผใู้ ช้ ข้นั สูง การทางานต่อไปจะจดจ่อในการขยายชุดของการใช้งานตวั ช้ีวดั และการปรับปรุงข้นั ตอนวิธีการที่ เรียบง่ายมนั เป็นความเชื่อของเราท่ีดาเนินการทาเหมืองในการสั่งซ้ือที่จะมีความหมายมากข้ึนและกลายเป็ น

46 ที่ใชบ้ งั คบั ในความหลากหลายของการต้งั คา่ ในทางปฏิบตั ิความตอ้ งการที่จะแกไ้ ขปัญหา มนั มีกระบวนการ ท่ีไม่มีโครงสร้างเราได้แสดงให้ห็นว่าความปรารถนาในการจาลองพฤติกรรมแบบต้งั เดิมที่สมบูรณ์ของ กระบวนการในลกั ษณะท่ีแม่นยาขดั แยง้ กบั เป้าหมายเดิม นั่นคือการที่จะให้ผูใ้ ช้ที่มีเขา้ ใจขอ้ มูลระดบั สูง ความสาเร็จของการทาเหมืองกระบวนการจะข้ึนอยู่กับมนั ว่าสามารถท่ีรักษาความสมดุลของเป้าหมายที่ ขัดแยง้ กันเหล่าน้ีได้อย่างสมเหตุสมผล การทา Fuzy Miner เป็ นข้นั ตอนแรกในทิศทางท่ี มีการยอมรับ งานวิจยั น้ีได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิเทคโนโลยี STW ส่วนวิทยาศาสตร์ประยุกต์ของ NWO และ โปรแกรมเทคโนโลยขี องกระทรวงเนเธอร์แลนดข์ องการกระทรวงเศรษฐกิจ ขอ้ เด่นในงานวิจยั น้ี คือในบทความของงานวิจยั ฉบบั น้ีไดอ้ ธิบายปัญหาของการทาProcess Mining แบบด้งั เดิมในการใชเ้ ทคนิคเม่ือกระบวนการท่ีมีโครงสร้างนอ้ ยกว่าท่ีปรากฏบ่อยในการปฏิบตั ิงานโดยหลงั จากการวิเคราะห์มีการพฒั นาทาให้เขา้ ใจง่ายและปรับเทคนิคการแสดงสาหรับโมเดลการประมวลผลซ่ึงจะ ข้นึ อยกู่ บั ตวั ช้ีวดั ในเรื่องของความสาคญั และความสัมพนั ธ์ และไดอ้ ธิบายกรอบสาหรับการวดั เหล่าน้ีไดม้ า จากบนั ทึกถูกตอ้ งตามกฎหมาย ซ่ึงสามารถปรับเปลี่ยนให้ใชก้ บั สถานการณ์โดยเฉพาะอย่างย่ิงและคาถาม การวิเคราะห์ ในขณะท่ีการต้งั คา่ อยา่ งละเอียดของข้นั ตอนวิธีการและตวั ช้ีวดั ขอ้ ดอ้ ยในงานวิจยั น้ี คือ การต้งั ค่าพารามิเตอร์บางคร้ังอาจจะใช้เวลานาน ดงั น้นั การทางานวิจยั น้ี ควรจะเนน้ การขยายชุดของการใชง้ านตวั ช้ีวดั และการปรับปรุงข้นั ตอนวธิ ีการทาใหเ้ ขา้ ใจงา่ ยมากข้ึน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook