กีฬาเทนนิส

กีฬาเทนนิส น.ส.เจริญา มูลต้น ม.4/1 เลขที่12

คำนำ หนังสือเล่มนี้มีเนื้อเกี่ยวกับทางวิชาการในเรื่องกีฬา เทนนิส จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้ที่สนใจในกีฬาเทนนิสได้ ศึกษาข้อมูลเบื้องต้น ประวัติความเป็นมา กฎกติกา และ ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับกีฬาเทนนิส ทางผู้จัดทำหวังเปฺ็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็น ประโยชน์ต่อการหาความรู้ไดอย่างมีประสิทธิภาพเป็นไป ตามหลักการและจุดมุ่งหมาย และขอขอบคุณเว็บไซต์ที่ ให้ข้อมูลในการทำหนังสือเล่มนี้ให้สำเร็จลุล่วงด้วยดีไว้ ณ โอกาสนี้ ผู้จัดทำ

สารบัญ ประวัติเทนนิส 1 กติกา 2 มารยาทผู้เล่น 8 มารยาทผู้ชม 10 ทักษะเบื้องต้นของเทนนิส 11

ประวัติกีฬาเทนนิส เทนนิส หรืออีกชื่อหนึ่ง ลอนเทนนิส (LawnTennis) ได้มีการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรไว้ว่า มี การเล่นครั้งแรกในประเทศอิตาลี เมื่อปี พ.ศ. 2098 จนกระทั่งในศตวรรษที่ 16 และ 17 ได้แพร่สู่ประเทศ อังกฤษ แต่ในช่วงศตวรรษที่ 18 ได้ซบเซาลง และเริ่มหันมาเป็นที่นิยมกันอีกครั้งเมื่อราวศตวรรษที่ 19 โดย ในปี พ.ศ. 2416 พันตรี Walter C. Wingfield แห่งกองทัพบกอังกฤษได้นำกีฬาเทนนิสมาดัดแปลง การเล่นใหม่ จากแต่เดิมเล่นกันในที่ร่มมีหลังคา ย้ายไปเล่นกันในสนามกลางแจ้งแทน ในปี พ.ศ. 2417 กีฬาเทนนิสได้เริ่มแพร่หลายเข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงได้มีการจัดการแข่งขัน เทนนิสครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาที่สนามนาฮันต์ ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2419 ต่อมาในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2424 ได้มีการประชุมเพื่อก่อตั้งสมาคมลอนเทนนิสแห่งสหรัฐอเมริกาขึ้น โดย James White และ F. Artier Junior ก่อนที่ทางสมาคมได้จัดการแข่งขันเทนนิสแห่งชาติขึ้นครั้งแรกที่โรดไอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2424 แล้วจึงย้ายไปจัดการแข่งขันที่เวสต์ไซด์ เทนนิสคลับ ฟอเรสต์ฮิล นิวยอร์ก ในประเทศไทย ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าใครคือผู้นำกีฬาเทนนิสเข้ามาสู่ ประเทศไทย แต่มีการสันนิษฐานว่า เริ่มมีการเล่นกัฬาเทนนิส ในสมัยรัชกาลที่ 5 คาดว่านำเข้ามาโดยชาวอังกฤษและชาว อเมริกันที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย และประชาชนเพิ่งจะ เริ่มให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ในราวปี พ.ศ. 2460 จึงได้มี การตั้งสโมสรเทนนิสขึ้นอย่างเป็นทางการ ในปี พ.ศ. 2469 ต่อมาพระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจรัส กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ได้ทรงจัดตั้งสมาคมชื่อ \"ลอนเทนนิส สมาคมแห่งประเทศไทย\" และได้ทรงดำรงตำแหน่งนายกของ ลอนเทนนิสสมาคมเป็นคนแรก พร้อมทั้งได้ออกกฎข้อบังคับ ของสมาคมฯ ขึ้นใช้เป็นมาตรฐานทั่วไป ซึ่งได้ใช้เป็น บรรทัดฐานมาจนถึงปัจจุบันนี้ และได้มีการจัดการแข่งขันให้ กว้างขวางขึ้น ซึ่งแบ่งการแข่งขันออกเป็นหลายประเภท เช่น ประเภทชายเดี่ยว ประเภทชายคู่ ประเภทหญิงเดี่ยว ประเภท หญิงคู่ ประเภทคู่ผสม เป็นต้น

กติกา สนามเทนนิส สนามเทนนิสจะต้องเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยาว 78 ฟุต (23.77 เมตร) กว้าง 27 ฟุต (8.23 เมตร) โดยสนามจะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน แบ่งกึ่งกลางด้วยตาข่าย ยึดกับเสา 2 ต้นที่อยู่ห่างจากสนาม ข้างละ 3 ฟุต (0.914 เมตร)

กติกา ลูกเทนนิส ลูกเทนนิสจะมีลักษณะกลมเสมอกันทั้งลูก หุ้มด้วยผ้าสักหลาดสีขาวหรือสีเหลือง มีเส้น ผ่าศูนย์กลางมากกว่า 6.35 เซนติเมตร และ ต้องมีน้ำหนักมากกว่า 2 ออนซ์ (56.7 กรัม)

กติกา ไม้เทนนิส ไม้เทนนิสจะต้องมีลักษณะเรียบ ประกอบด้วยเอ็นถัก เป็นแบบเดียวกันติดกับกรอบ และเอ็นต้องถักแบบสลับหรือ มัดติดกันตรงบริเวณที่เอ็นซ้อนกัน มีความสม่ำเสมอ โดย เฉพาะบริเวณตรงกลางของไม้ โดยไม้เทนนิส 1 ไม่ จะไม่ สามารถขึงเอ็นมากกว่า 1 ชุด กรอบและด้าม ต้องมีความ ยาวทั้งหมดไม่เกิน 32 นิ้ว (81.28 เซนติเมตร) และกรอบ ต้องกว้างไม่เกิน 12 1/2 นิ้ว (31.75 เซนติเมตร) บริเวณ พื้นที่สำหรับขึงเอ็นต้องมีความยาวไม่เกิน 15 1/2 นิ้ว (39.37 เซนติเมตร) และกว้างไม่เกิน 11 1/2 นิ้ว (29.21 เซนติเมตร)

กติกาการเล่น ผู้เสิร์ฟและผู้รับ ผู้เล่นจะต้องอยู่คนละฝั่งของตาข่าย ผู้ที่ส่งลูกก่อนคือ \"ผู้เสิร์ฟ\" ส่วนอีกฝ่ายคือ \"ผู้รับ\" ในกรณีที่ผู้เล่นพยายามเสิร์ฟลูกล้ำแนว เส้นสมมติที่ลากตรงต่อจากตาข่ายออกไป จะถือว่าไม่เสียแต้ม เว้น แต่ผู้เล่นจะเสิร์ฟล้ำเข้าไปในสนามของคู่ต่อสู้ ทั้งนี้ผู้รับสามารถยืน อยู่ในตำแหน่งใดของสนามในด้านของตนเองก็ได้ ซึ่งไม่จำเป็น ต้องอยู่ในเส้นขอบของสนาม การเลือกแดนและเลือกเสิร์ฟ การเลือกแดนและการเลือกเสิร์ฟ จะชี้ขาดด้วยการเสี่ยง โดยผู้เล่น ที่เป็นผู้ชนะ มีสิทธิ์เลือกก่อนหรือให้คู่ต่อสู่เลือกก่อนก็ได้ การเสิร์ฟ ก่อนเสิร์ฟ ผู้เล่นที่เป็นฝ่ายเสิร์ฟต้องยืนข้างหลังเส้นด้วยเท้าทั้งสอง ข้าง (ให้เส้นหลังอยู่ระหว่างตาข่ายกับผู้เสิร์ฟ) โดยอยู่ระหว่างเส้น สมมติที่ลากตรงต่อออกไปจากจุดกึ่งกลาง จากนั้นให้ผู้เล่นที่เป็น ฝ่ายเสิร์ฟ ใช้มือโยนลูกขึ้นไปในอากาศ แล้วใช้ไม้เทนนิสตีลูก นั้นก่อนที่จะตกถึงพื้น เมื่อไม้สัมผัสลูก ถือว่าการเสิร์ฟเสร็จสิ้น

กติกาการเล่น การเสิร์ฟลูกที่สอง เมื่อเสิร์ฟลูกแรกเสีย ผู้เสิร์ฟจะต้องเสิร์ฟอีกลูกหนึ่งจากหลัง สนามด้านเดิมที่เสิร์ฟลูกแรกไปแล้ว แต่ในกรณีลูกแรกที่ เสิร์ฟเสียนั้นเป็นเพราะผู้เสิร์ฟยืนผิดด้าน ให้ผู้เสิร์ฟ เสิร์ฟ ใหม่อีก 1 ลูก จากหลังอีกด้านหนึ่ง ลูกเสิร์ฟเสีย ในกรณีที่ถือว่า ลูกเสิร์ฟเสีย มีดังนี้ 1. ผู้เสิร์ฟทำผิดกติกา 2.ผู้เสิร์ฟตีลูกอย่างเจตนา แต่ไม่ถูก 3.ลูกที่เสิร์ฟไปนั้น สัมผัสสิ่งติดตั้งถาวรอย่างใดอย่างหนึ่ง ก่อน สัมผัสพื้น (ยกเว้นตาข่ายและแถบขึงตาข่าย) 4.แต่ในกรณีที่หลังจากโยนลูกเพื่อเสิร์ฟแล้ว ผู้เสิร์ฟเปลี่ยนใจ ไม่ตีลูกแล้วใช้มือรับลูกไว้ จะถือว่าลูกนั้นไม่เสีย

กติกาการเล่น วิธีนับแต้มในแต่ละเกม วิธีการนับแต้มของกีฬาเทนนิส คือ แต้มที่ 1 นับ 15 แต้มที่ 2 นับ 30 แต้มที่ 3 นับ 40 หากผู้เล่นคนใดได้แต้มที่ 4 ก่อน จะถือว่าเป็นผู้ชนะในเกมแต่ถ้าในกรณีที่ผู้เล่นทั้งสอง ฝ่ายได้แต้มสามแต้มเท่ากันให้ขานแต้มว่า ดิวซ์ (Deuce) ฝ่ายได้แต้มก่อนให้ขานแต้มว่า ได้เปรียบ และถ้าผู้เล่นคน เดิมได้แต้มต่อไปอีกหนึ่งแต้ม ผู้เล่นคนนั้นชนะในเกมทันที แต่หากยังไม่ได้แต้ม ต้องมาดิวซ์กันใหม่จนกว่าจะมีฝ่ายใดได้ 2 แต้มติด จึงจะเป็นผู้ชนะในเกมนั้น

มารยาทผู้เล่น ต้องมีทัศนคติที่ดีต่อเทนนิส เรียนรู้กติกาการเล่น ต้องแต่งกายสุภาพและถูกต้องกับกฎกติกาของสนาม ปัจจุบันสโมสรส่วนใหญ่จะเน้นเฉพาะให้สวมรองเท้า เทนนิส(พื้นยาง) เตรียมอุปกรณ์การเล่นของตัวเองให้พร้อม แสดงกริยา วาจาสุภาพเรียบร้อย รู้จักกล่าวคำขอโทษ ขอบคุณ และชมเชย ผู้ร่วมเล่นเสมอ ควรลงสนามตามลำดับ มาก่อน-หลัง (ตามคิว) และควร เปิดโอกาสให้เด็ก สตรีและผู้สูงอายุ เข้าร่วมเล่นบ้างใน บางโอกาส เพื่อสังคมและส่งเสริมเยาวชน ไม่ควรหน่วงเหนี่ยวการกระทำ เพื่อให้เกิดความล่าช้าใน การเล่นต่อคู่แข่งขัน หรือเมื่อมีสมาชิกหลายคนกำลังรอ ลงเล่น ไม่ควรนำเครื่องดื่มของมึนเมาเข้าไปดื่มในสนามเทนนิส

มารยาทผู้เล่น ไม่ควรก้าวหรือกระโดข้ามตาข่าย ในขณะเปลี่ยนแดน หรือเก็บลูกบอล เล่นด้วยความเต็มใจ และเต็มความสามารถ โดยให้ความ สนใจกับเกมการเล่น ไม่ส่งเสียงเอ็ดตะโร หรือเสียงที่ก่อให้เกิดความรำคาญต่อ เพื่อนร่วมเล่น ซื่อสัตย์ต่อการขาน ลูกออก ลูกดี ถ้าหากไม่แน่ใจให้ ขาน\"เล็ต\"(Let)เพื่อเล่นใหม่ได้ รับฟังคำตัดสินของผู้เล่นฝ่ายตรงกันข้าม หากจะโต้แย้ง ต้องมีเหตุผลอย่างเพียงพอ ไม่ควรเดินหรือวิ่งผ่านสนาม ในขณะที่มีการเล่นแต้มกัน อยู่ เมื่อเลิกเล่นแล้วทุกครั้ง ควรยกมือไหว้ขอบคุณคู่เล่นทุก ครั้งไป ควรหย่อยตาข่ายทุกครั้งเมื่อเล่นเสร็จเป็นคู่สุดท้าย

มารยาทผู้ชม ไม่ควรเดินหรือวิ่งเปลี่ยนที่นั่งในขณะที่นักเทนนิสกำลัง เล่นแต้มอยู่ เพราะนักเทนนิสต้องการสมาธิมากในการ แข่ง ปรบมือเมื่อแต้มจบสิ้นเท่านั้น และควรเป็นลูกที่ทำแต้มได้ ไม่ใช่เมื่อนักเทนนิสตีเสียเอง ไม่ควรพูดคุย หรือส่งเสียงดัง ไม่แสดงกริยา วาจาโต้แย้งการตัดสินของกรรมการผู้ ตัดสิน ปรบมือให้เกียรตินักเทนนิสทั้งคู่ เมื่อเดินลงสนามก่อน แข่งขัน และเดินออกจากสนามเมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน ปรบมือให้เกียรตินักเทนนิสทั้งคู่ เมื่อทำแต้มที่สวยงาม หรือที่ประทับใจ ไม่ตะโกนหรือใช้สัญญาณโค้ชนักเทนนิสขณะอยู่ใน สนามแข่งขัน ไม่ดุหรือว่ากล่าวนักเทนนิสในขณะแข่งขัน (ส่วนใหญ่จะ เป็นผู้ปกครอง โค้ช หรือผู้สนับสนุนของนักเทนนิส)

ทักษะเบื้องต้น การเคลื่อนไหวเท้า ( Footwork ) การสร้างความคุ้นเคย กับลูกบอล (Ball Sense) เทคนิคง่ายๆ ในเรื่องการฝึกการเคลื่อนไหวเท้า สามารถ ฝึกได้หลายวิธีอาจใช้อุปกรณ์หรือไม่ใช้ก็ได้ เช่น การก สามารถทำการฝึกได้โดยใช้ทั้งอุปกรณ์ ระโดดเชือก สิ่งที่สำคัญมากในเรื่องของการเคลื่อนไหว และมือเปล่า การสร้างความคุ้นเคยกับ เท้าคือการยืนหรือเคลื่อนที่อยู่บนปลายเท้าตลอดเวลา ลูกบอลด้วยมือเปล่านั้น เป็นสิ่งแรกที่ผู้เล่น จังหวะการก้าวเท้าก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นก้าวแรกในการ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่จะต้องฝึกระบบประสาท เคลื่อนที่ แต่ทั้งนี้การเคลื่อนไหวเท้าได้ดีมีประสิทธิภาพ การทำงานของกล้ามเนื้อ ให้มีความสัมพันธ์กัน จะต้องเริ่มต้นจากท่าพร้อมที่ดีด้วยแบบฝึกที่ช่วยพัฒนา ระหว่าง มือ ตา และเท้า การเคลื่อนไหวเท้า เช่นการฟุตเวิร์คเหวี่ยงไม้,การวิ่งเอาไม้ แตะกรวย (โคน) การเคลื่อนที่ตามทิศทางบอล และการ การก้าวเท้าเข้าตีลูก ใช้สปีดแลดเดอร์ (ลักษณะคล้ายบันได) ผู้เล่นก้าวเท้าซ้ายพร้อมกับตีลูกในลักษณะ การทรงตัว (Balance) เปิดหน้าไม้รับบอล เพื่อให้สัมผัสลูกใน ลักษณะกระแทกบอล ค่อนไปทางด้านใต้ การทรงตัวเป็นสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญมากในการตีเทนนิส การทรงตัวที่ดี ลูกเล็กน้อย ซึ่งจะช่วยให้สามารถควบคุม จะช่วยทำให้ผู้เล่นเหวี่ยงไม้ตีลูกได้อย่างแม่นยำและสามารถควบคุมลูกไป ลูกได้ง่ายขึ้น ยังทิศทางที่ต้องการได้ การที่ผู้เล่นจะสามารถตีเทนนิสให้ได้ดีในแต่ละ ผู้เล่นก้าวเท้าขวาพร้อมกับตีลูกในลักษณะ สโตรคนั้น ผู้เล่นจำเป็นต้องมีทักษะดังต่อไปนี้ เปิดหน้าไม้รับบอล เพื่อช่วยในการถ่าย 1. ความสามารถในการคาดคะเนในทิศทางและการกระดอนของลูกที่จะตี น้ำหนักตัว (พลังในการตีจะมาจากการถ่าย 2. ปฎิกริยาตอบสนองของร่างกายในการที่จะเคลื่อนที่เข้าตีลูก น้ำหนักตัวจากเท้าหลัง ซึ่งก็คือเท้าซ้ายสำหรับ 3. การทรงตัวที่ดี เพราะเมื่อเราสามารถเคลื่อนที่ไปในตำแหน่งที่จะตีลูก ผู้เล่นที่ถนัดมือขวา) แล้วการทรงตัวถือเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะช่วยให้ผู้เล่นสามารถตีลูกได้อย่าง รุนแรง แม่นยำ และเต็มไปด้วยประสิทธิภาพการทรงตัวแบ่งได้เป็น 2 ประการคือ 1. การทรงตัวเมื่อร่างกายอยู่นิ่ง เช่น การยืนรับลูกเสิร์ฟ 2. การทรงตัวขณะที่ร่างกายเคลื่อนที่ เช่น การวิ่งตีลูก