บทความนา่ รูด้ ้านการศกึ ษา : ครูจะพฒั นาผเู้ รยี น สมู่ าตรฐานสากลในศตวรรษที ๒๑ ได้อยา่ งไร เรยี บเรยี งโดย ณรงค์วิทย์ สงิ คิบุตร ------------------------------------------------------------------------------------------------------------- หนา้ | 1 “ ครูจะพฒั นาผเู้ รยี น สมู่ าตรฐานสากลในศตวรรษที ๒๑ ได้อยา่ งไร” ปจจุบัน ในประเทศและสังคม โลกทีมีการพัฒนาก้าวไกลแล้ว ไมว่ ่าจะเปนด้านความเจริญทาง เทคโนโลย ี การคมนาคม หรือ การขนสง่ ต่างๆนัน ล้วนแล้วแต่ เปนปจจัยเกือหนุนทําให้เกิด ความเปลียนแปลงในสังคมมนุษย์ได้ แม้กระทังการศึกษาในยุคปจจุบันก็ได้มีการเปลียนแปลงไป ตามยุคตามสมัยอยูต่ ลอดเวลาตามวิถีทางสงั คมมนุษยแ์ ละความก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยีทีไร้ขดี จํากัด การศึกษาไทย แม้ว่าจะมีการเปลียนแปลงตามยุคตามสมัย และวิถีความเปลียนแปลงของ สังคมโลก โดยเฉพาะประเทศทีมีการพัฒนาแล้วก็ตาม หลักสูตรและวิธีการจัดการเรียนรู้ใหม ่ ๆ ยังไมส่ ามารถบง่ ชีให้ครูผู้สอนเห็นว่าผู้เรียนเกิดความเปลียนแปลงในการเรยี นรูแ้ ละยกระดับผล สัมฤทธิทางการเรียนให้สูงขึนทังหมดทัวประเทศได้ ซึงขณะเดียวกันครูผู้สอนก็ได้พยายามอยา่ ง เต็มทีเพือหาวิธีทีจะทําให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรูท้ ีเหมาะสม และนํามาเพือการยกระดับผลสัมฤทธิ ทางการเรียนให้สูงขึน สําหรับการสอนภาษาไทยนัน ไมว่ ่าสังคมโลกจะเปลียนแปลงไปในทิศทางอยา่ งไรก็ตาม กระบวนการในการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาภาษาไทยก็ยังคงมงุ่ เน้นให้ผู้เรียนเกิดทักษะทีจําเปน ในด้านของการสือสาร การฟง พูด อ่าน เขียน ให้มีประสิทธิภาพ โดยทังหมดจะต้องให้ผู้เรียน สามารถเข้าใจหลักภาษาและวรรณคดีไทยอยา่ งเห็นคุณค่า ในฐานะทีเปนมรดกทางวัฒนธรรม โดยครูผู้สอนจําเปนทีจะต้องหาเทคนิควิธีเพือจะให้นกั เรยี นได้เกิดความรูค้ วามเขา้ ใจในเนอื หา วิชามากยิงขึน ซึงผู้เขียนจะได้นําเสนอรูปแบบและวิธีการจัดการเรยี นรู้ภาษาไทยในสาระการ เรียนรู้ต่างๆ โดยใช้บันได ๕ ขัน ของการพัฒนาผู้เรียนสูม่ าตรฐานสากลในศตวรรษที ๒๑ ดังต่อ ไปน ี การพัฒนาผู้เรียนสูม่ าตรฐานสากลในศตวรรษที ๒๑ นัน หมายความว่า เปนวิธีทีครูผู้สอน ภาษาไทยจะต้องสามารถบูรณาการ จัดการเรียนการสอน โดยมุง่ เน้นการเสริมสร้างความรู ้ ความ สามารถของผู้เรียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนในศตวรรษที ๒๑ ตามหลักสูตร การศึกษาขันพืนฐาน ๒๕๕๑ ให้สอดคล้องกับปฏิญญาว่าด้วยการจัดการศกึ ษาของ UNESCO
บทความนา่ รูด้ ้านการศกึ ษา : ครูจะพฒั นาผเู้ รยี น สมู่ าตรฐานสากลในศตวรรษที ๒๑ ได้อยา่ งไร เรยี บเรยี งโดย ณรงค์วิทย์ สงิ คิบุตร ------------------------------------------------------------------------------------------------------------- หนา้ | 2 ประการแรก คือการเรียนเพือให้มีความรู้ในสิงต่างๆ อันจะเปนประโยชน์ต่อไป เชน่ การรู้จัก แสวงหาความรู ้ การต่อยอดความรู้ทีมีอยู ่ การสร้างความรู้ขึนใหม ่ (Learning to know) ประการ ทีสอง คือการเรียนเพือปฏิบัติลงมือทํา นําไปสูก่ ารประกอบอาชีพจากความรู้ทีได้มา และการ สร้างประโยชน์แก่สังคม (Learning to do) ประการทีสาม คือการเรียนรู้เพือการดําเนินชีวิตอยู่ รว่ มกับคนอืนได้อยา่ งมีความสุข เชน่ การเรียน ครอบครัว สังคมและการทํางาน (Learning to live together ) ประการสุดท้าย คือ การเรียนรู้เพือรู้จักตนเองอยา่ งถ่องแท้ รู้ถึงศักยภาพ ความ ถนัดและความสนใจของตนเอง และสามารถวางแผนชีวิตให้แก่ตนเองได้ (Learning to be) บันได ๕ ขัน ของการพัฒนาผู้เรียนสูม่ าตรฐานสากลในศตวรรษที ๒๑ (Five Steps for Student Development) คือการจัดการเรียนการสอนเพือให้ผู้เรียนมศี ักยภาพ และคุณลักษณะ ตามมาตรฐานสากล โดยจะต้องเปนบุคคลทีมีคุณภาพ มีทักษะในการค้นคว้า แสวงหาความรู้และ มีความรู้พืนฐานทีจําเปน โดยครูผู้สอนจะต้องพยายามจัดการเรียนรูใ้ ห้ผู้เรยี นสามารถเรยี นรู้และ เข้าถึงองค์ความรู้ด้วยตนเองได้ (Constructivism) ซึงบันได ๕ ขันของการพัฒนาผู้เรียนสู่ มาตรฐานสากล ยังสามารถทีจะนํามาใช้ในการบูรณาการจัดการเรยี นรูใ้ นรายวิชาภาษาไทยได้ ซึง มีขันตอนของบันได ๕ ขัน สูว่ ิธีการและการจัดการเรียนรูใ้ นบริบทและขนั ตอนต่อไปน ี ๑. ขันการตังคําถาม/สมมติฐาน (Learning to Question) เปนขันตอนทีครูผู้สอนจะ ต้องฝกให้ผู้เรียนได้รู้จักคิด สังเกต ตังคําถาม และเกิดการเรียนรูจ้ ากการตังคําถาม ๒. ขันการสบื ค้นความรูแ้ ละสารสนเทศ (Learning to Search) ครูผู้สอนจะต้องฝกให้ผู้ เรียนแสวงหาความรู ้ สืบค้นข้อมูล จากแหล่งข้อมูลและสารสนเทศต่างๆ จากการฝกปฏิบัติและ การทดลอง ตลอดจนการเก็บข้อมูล เปนต้น ๓. ขันการสรา้ งความรู ้ (Learning to Construct) เปนสิงสําคัญเชน่ เดียวกันทีครูผู้สอน จะต้องฝกให้ผู้เรียนนําความรู้จากการศึกษาค้นคว้า การทดลอง มาใช้ในการถกแถลง แสดงความ คิดเห็น อภิปรายความรู้รว่ มกัน เพือนําไปสกู่ ารสรุปและสรา้ งองค์ความรู ้ ๔. ขันการสอื สารและนําเสนออยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ(Learning to Communication) เปนการฝกให้ผู้เรียนนําความรู้ทีได้มาสือสารอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ เชน่ การพูด การอ่าน การเขียน หน้าชัน ๕. ขันการบรกิ ารสงั คมและจิตสาธารณะ (Learning to Serve) คือการทีครูผู้สอนจะ ต้องฝกให้ผู้เรียนนําความรู้มาสูก่ ารปฏิบัติ สามารถเชือมโยงความรู้ไปสูก่ ารทําประโยชน์ให้กับ สังคม อันจะสง่ ผลต่อการมีจิตสาธารณะของผู้เรยี นและการบรกิ ารสังคม
บทความนา่ รูด้ ้านการศกึ ษา : ครูจะพฒั นาผเู้ รยี น สมู่ าตรฐานสากลในศตวรรษที ๒๑ ได้อยา่ งไร เรยี บเรยี งโดย ณรงค์วิทย์ สงิ คิบุตร ------------------------------------------------------------------------------------------------------------- หนา้ | 3 จากข้างต้น เปนเพียงขันตอนและบันไดทีครูผู้สอนภาษาไทยจะต้องสามารถนํามาใช้ในกา รบูรณาการการจัดการเรียนรู้ในรายวิชา เพือสง่ เสริมให้ผู้เรียนได้องค์ความรู้จากการสังเกตและ ตังคําถาม สง่ เสริมให้ผู้เรียนสามารถสืบค้นข้อมูลและรู้จักวิธีการแสวงหาความรู ้ สง่ เสริมให้ผู้เรียน สามารถสร้างองค์ความรู้และนําความรู้ทีได้มาถกปญหา แสดงความรู้ความคิด อันนําไปสูก่ าร สร้างองค์ความรู้และมุมมองทีหลากหลาย สง่ เสริมให้ผู้เรียนสามารถนําความรู้ทีได้มาใช้ในการ สือสารด้วยวิธีต่างๆ ตลอดจนสง่ เสริมให้ผู้เรียนสามารถเชือมโยงองค์ความรู้ทีมอี ยูม่ าใช้ในการ สร้างประโยชน์แก่สังคมโดยมีจิตสาธารณะควบคู่กับการจัดการเรียนการสอน อยา่ งไรก็ตาม แม้ว่าทฤษฎีและขันตอนจะกล่าวไว้อยา่ งชดั เจนก็ตาม สิงทีจะนํามาสู่ ประโยชน์สูงสุดต่อผู้เรียนได้นัน คงหนีไมพ่ ้นกระบวนการปรับเปลียนวิธีสอนของครูควบคู่กับการ หลอมรวมพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนให้เกิดความเปลียนแปลงไปในทิศทางของหลักการ ซึง ครูผู้สอนอาจยุง่ ยากต่อการเปลียนแปลงและปฏิบัติในสงิ ใหมๆ่ แต่ก็ไมล่ ําบากมากจนเกินไปหาก ครูผู้สอนภาษาไทยยอมรับและมีความมุง่ มันทีจะเปลียนแปลงวิธีการสอนของตน วิธีวิทยาการการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยใช้บนั ได ๕ ขัน ของการพัฒนาผู้เรียนสู่ มาตรฐานสากลในศตวรรษที ๒๑ (Five Steps for Student Development) เปนแนวทางของวิธี สอนทีมีความสัมพันธ์กันอยา่ งลงตัวกับทฤษฏีการสร้างสรรค์ความรู ้ (Constructivism) โดยการ สง่ เสริมให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงกระบวนการเรยี นรู ้ และสามารถสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง อันมาจากข้อสงสัยและการตังคําถามเพือให้เกิดการเรยี นรูแ้ ละการหาคําตอบ ทังนีครูผู้สอนเปน เพียงผู้ทําหน้าทีจัดประสบการณ์ในการเรียนรู ้ คอยกระตุ้น ประคับประคอง ให้คําปรึกษาแก่ผู้ เรียนอยา่ งใกล้ชิด แต่อยา่ งไรก็ตามเพือให้เกิดความทันสมัยและความเปลียนแปลงสังคมโลก ผู้ เขียนจึงขอยกตัวอยา่ งนําเสนอแนวทางวิธวี ิทยาการการจัดการเรยี นรู้ภาษาไทยโดยใช้บนั ได ๕ ขันของการพัฒนาผู้เรียนสูม่ าตรฐานสากลบางสาระดังน ี การสอนหลักภาษาไทย จากประสบการณ์ตรงทีผู้เขียนได้สอนนักเรียนระดับชันประถม ศึกษาและมัธยมศึกษาเปนเวลานับสิบป จะเห็นได้ว่าการสอนหลักภาษาไทย เปนเรืองทีค่อนข้าง ยุง่ ยากสําหรับครูผู้สอนและผู้เรียนมาก อาจเปนเพราะเนือหาทีค่อนข้างยาก ซับซ้อน มีกฎเกณฑ์ ทีเข้าใจยาก ซึงบอ่ ยครังจะเห็นว่าผู้เรียนไมค่ ่อยสนใจเรียนรู้เท่าทีควร พอถึงชัวโมงทีจะต้องสอน หลักภาษาไทย จําเปนมากทีจะต้องหาวิธีการทีหลากหลายเพือดึงดูดความสนใจผู้เรยี น วิธีการสอนหลักภาษาไทยทีเหมาะสมนัน จําเปนมากทีครูจะต้องปลูกฝงให้ผู้เรียนเห็นคุณ
บทความนา่ รูด้ ้านการศกึ ษา : ครูจะพฒั นาผเู้ รยี น สมู่ าตรฐานสากลในศตวรรษที ๒๑ ได้อยา่ งไร เรยี บเรยี งโดย ณรงค์วิทย์ สงิ คิบุตร ------------------------------------------------------------------------------------------------------------- หนา้ | 4 ประโยชน์จากการเรียนหลักภาษา สอนให้ผู้เรียนได้ทราบกฎเกณฑ์ทางภาษาเฉพาะทีจําเปน เชน่ ประโยคและโครงสร้างของประโยคในภาษาไทย คําและหน้าทีของคําในภาษาไทย รูปลักษณ์คํา ไทย เปนต้น เพือให้ผู้เรียนได้นําความรู้เหล่านันไปใช้ในการสอื สาร ฟง พูด อ่าน เขียน โดยให้หลัก ภาษาไทยได้เกิดความสัมพันธ์กับการใช้ภาษาไทย ครูจะต้องสอนหลักภาษาไทยโดยการฝกทักษะ ทังสีให้แก่ผู้เรียนในชันเรียนโดยให้มีการซักถาม พูดอธิบาย แลกเปลียนความรู ้ ความคิด ต่อ ประเด็นของเนือหาหลักภาษาไทยทีครูกําลังสอน ซึงครูสามารถนําบันได ๕ ขันมาใช้ในการจัดการ เรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน นําขันตอนทัง ๕ ขันมากําหนดกิจกรรมลงสูแ่ ผนการจัดการเรียนรู ้ และนํา แผนการจัดการเรียนรู้ไปใช้ และสร้างประสบการณใ์ ห้แก่ผู้เรยี นตามขันตอนคือ ขันแรก ครูคอยกระต้นุ ใหผ้ เู้ รยี นมกี ารตังคําถาม ใหร้ ูจ้ ักการสงั เกต ในประเด็นและกฎ เกณฑ์ของหลักภาษาไทย จากนันครูและนักเรียนชว่ ยกันเลือกประเด็นคําถามทีมปี ระโยชน์ต่อ การเรียนรู้มาใช้เปนประเด็นในการค้นคว้าหาคําตอบรว่ มกัน ยกตัวอยา่ งการสอนเรืองภาษาต่าง ประเทศในภาษาไทย อาจกระตุ้นให้ผู้เรียนได้เกิดข้อคําถาม ซึงข้อคําถามของผู้เรียนอาจถามว่า ภาษาต่างประเทศในภาษาไทย มีภาษาอะไรบ้าง ? วิธีสังเกตภาษาต่างประเทศแต่ละภาษามีวิธี การสังเกตอยา่ งไร ? เพราะเหตุใดภาษาไทยจึงต้องมีภาษาต่างประเทศเขา้ มาปะปนในภาษาไทย ? ซึงคําถามของผู้เรียนทังหมดนีจะนําไปสูก่ ารค้นหาคําตอบในขันทีสอง ขันทสี อง คือ การสบื ค้นความรูแ้ ละสารสนเทศ ซงึ ครูจะต้องมบี ทบาทในการแนะนํา แหล่งวิทยาการต่างๆ ให้ผู้เรียนได้แสวงหาความรู้ด้วยตนเอง โดยนําเอาข้อคําถามต่างๆทีเปน ประเด็นในชันเรียนมาสืบค้นหาข้อมูล ครูจะต้องทําหน้าทีประคับประคองให้ผู้เรียนได้เกิดการ เรียนรู้อยา่ งเหมาะสม เพือให้ผู้เรียนสามารถนําเอาข้อมูลทีได้จากการค้นคว้ามาจัดกิจกรรมในชัน เรียนอีกครังหนึงในขันทีสาม ขันทสี าม คือการสรา้ งองค์ความรู ้ โดยใหผ้ เู้ รยี นนําเอาข้อมูลความรูท้ ไี ด้มานันมานํา เสนอและช่วยกันอภิปรายเพิมเติม เปดโอกาสให้ผู้เรียนมีการถกประเด็นรว่ มกัน เชน่ เพราะเหตุ ใดภาษาไทยจึงต้องมีภาษาต่างประเทศเขา้ มาปะปนในภาษาไทย ? ประเด็นคําตอบของผู้เรียน แต่ละคนนันอาจมีความแตกต่างกัน ซึงขึนอยูก่ ับประสบการณ์และการเรียนรู้เปนสาํ คัญ โดยครู จะต้องคอยกระตุ้นให้ผู้เรียนแต่ละคนได้อภิปรายความรู้มีการวิพากษ์วิจารณ์ความรู ้ ทีได้มารว่ ม กันเพือเปนการสรุปและสร้างองค์ความรู้ จากนนั ในขันทีส ี ขันทสี ี เปนการสอื สารและนําเสนออยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ เปนขันตอนทีสง่ เสริมให้ผู้เรียน ได้มีการนําเอาความรู้จากการค้นคว้าด้วยตนเองมาใช้ในกระบวนการของการสือสารในรูปแบบ ต่างๆ เชน่ กําหนดให้ผู้เรียนนําเนือหาสาระทีได้จากการศกึ ษาค้นคว้ามาใช้ในการสือสาร เชน่
บทความนา่ รูด้ ้านการศกึ ษา : ครูจะพฒั นาผเู้ รยี น สมู่ าตรฐานสากลในศตวรรษที ๒๑ ได้อยา่ งไร เรยี บเรยี งโดย ณรงค์วิทย์ สงิ คิบุตร ------------------------------------------------------------------------------------------------------------- หนา้ | 5 เขียนสือสารความรู้ในรูปแบบการเขียนเรียงความ การเขียนบทความ การเขียนวิเคราะห์วิจารณ ์ ตลอดจนการพูดหน้าชันเรียนในรูปแบบต่างๆ อาจเปนการพูดนําเสนอข้อมูล การพูดวิเคราะห์ วิจารณ์และการพูดแสดงความคิดเห็น ซึงการนําเสนอทักษะการสือสารด้วยการพดู หากจะให้เกิด รูปธรรมและชินงานของผู้เรียน ครูอาจกําหนดให้ผู้เรียนได้อัดคลิปวีดีโอมาสง่ โดยใช้เครืองมือ สือสารในชีวิตประจําวันทีผู้เรียนมีอยูห่ รือหาได้ง่าย ๆ เชน่ โทรศัพท์มือถือ หรือกล้องดิจิตอล เปนต้น ซึงกิจกรรมในชันเรียนลักษณะนีจะชว่ ยให้ผู้เรยี นเกิดการตืนตัว สนใจในวิธีการนําเสนอ และการสือสารรูปแบบต่างๆได้ ขันทหี า้ เปนขันของการบรกิ ารสงั คมและจิตสาธารณะ หลังจากทีผู้เรียนได้มีการสือสาร ด้วยวิธีต่างๆแล้ว ข้อมูลความรู้ทีผู้เรียนได้มีการสือสารโดยการบันทึกไว้ในลักษณะต่างๆ ในขันที ส ี เชน่ คลิปวีดีโอการพูดสือสารลักษณะต่างๆ เรียงความ บทความ เกียวกับภาษาต่างประเทศใน ภาษาไทย ทีเปนผลงานนักเรียน ครูอาจจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้มีการเผยแพรอ่ งค์ความรู ้ สง่ เสริม ให้ผู้เรียนตระหนักและเห็นคุณค่าในผลงานของตน แล้วนําผลงานของตนมาเผยแพรใ่ นกิจกรรม ต่างๆ เชน่ การจัดนิทรรศการผลงานคลิปวิดีโอ งานเขียน เพือเผยแพรอ่ งค์ความรู้แก่คนอืนใน โรงเรียน เปนต้น เพือให้การจัดการเรียนการสอนเปนไปในทิศทางมาตรฐานสากล ผู้เขียนจึงขอนําเสนอวิธี สอนวรรณคดีโดยใช้บันได ๕ ขัน มาใช้ในการจัดการเรียนรูพ้ อสงั เขปดังน ี ขันที ๑ ขันการตังคําถาม / สมมติฐาน ไมว่ ่าจะเปนการสอนวรรณคดีระดับประถมหรอื
บทความนา่ รูด้ ้านการศกึ ษา : ครูจะพฒั นาผเู้ รยี น สมู่ าตรฐานสากลในศตวรรษที ๒๑ ได้อยา่ งไร เรยี บเรยี งโดย ณรงค์วิทย์ สงิ คิบุตร ------------------------------------------------------------------------------------------------------------- หนา้ | 6 มัธยมก็ตาม การกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดการคิด เกิดข้อสงสัยจะสามารถทําให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรูท้ ี ดีและหาคําตอบด้วยตนเองได้ ดังนันเพือให้เกิดความตืนเต้นสนุกและนา่ สนใจในการเรยี นรู้ วรรณคดีของผู้เรียน ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนการสอนดังน ี - ครูกําหนดวรรณคดีเรืองทีจะสอนเรืองใดเรอื งหนึงขึนมาเปนตัวตัง จากนันครูบอกและอธิบาย ตัวชีวัดการเรียนรู้ทีผู้เรียนกําลังจะเรียน - ครูคอยกระตุ้นให้นักเรียนตังคําถามตามทีนักเรียนสนใจอยากจะรู ้ หรือเชิญชวนให้นักเรียนตัง ประเด็นข้อสงสัยในเนือหาวรรณคดีเรืองทีจะเรยี น ยกตัวอยา่ งคําถามเกียวกับวรรณคดีเรืองขุน ช้างขุนแผน ตอนพลายแก้วแต่งงานกับนางพิม เชน่ เพราะอะไรมนุษย์จึงต้องแต่งงานกัน? การ แต่งงานมีขันตอนอยา่ งไร? เพราะอะไรการแต่งงานจึงต้องมีสินสอดทองหมนั ? เพราะเหตุใดนาง พิม จึงเลือกแต่งงานกับพลายแก้ว ทังๆ ทีขุนช้างก็รารวยกว่า ? - เมือผู้เรียนสร้างคําถามแล้ว ครูและนักเรียนพิจารณาคําถามรว่ มกัน แล้วชว่ ยกันเลือกคําถาม เพือนําไปสืบค้นเรียนรู้และหาคําตอบ ขันที ๒ ขันการสบื ค้นข้อมูล เมือผู้เรียนได้ข้อคําถามแล้ว ครูทําหน้าทีแนะนําแหล่ง วิทยาการให้ผู้เรียนได้ไปศึกษาหาความรู ้ อาจเปนการสืบค้นทางอินเทอร์เน็ต เข้าห้องสมุด หรือถ้า เปนนักเรียนระดับชันโต ก็สามารถให้นักเรียนไปเก็บข้อมูล หรือสัมภาษณ์ความรู้จากผู้หลักผู้ใหญ่ ซึงอยูใ่ นชุมชนของผู้เรียนเอง ซึงการเก็บข้อมูลครูจะต้องให้ความชว่ ยเหลือเปนทีปรกึ ษาในการ ออกแบบวิธีการเก็บข้อมูล แบบสัมภาษณ์ เพือให้ได้ขอ้ มลู ทีเหมาะสม ขันที ๓ การสรา้ งองค์ความรู ้ ขันนีถือได้ว่าเปนขันทีผู้เรียนจะได้เกิดการสะท้อนความรู ้ ครู อาจเปดเวทีให้ผู้เรียนได้มีการอภิปรายความรู้คําตอบและสงิ ทีตนเองได้ไปเรยี นรู้มา ซึงคําตอบที ได้มาอาจมีความแตกต่างกัน ครูควรเปดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์ ความรู้รว่ มกันในมุมมองทีแตกต่างเพือหาข้อสรุปขององค์ความรูท้ ีได้มา ขันที ๔ การสอื สารและนาํ เสนออยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ หากเปนไปได้ในเด็กโต ครูอาจ กําหนดให้ผู้เรียนได้มีการแบง่ กลุ่มและทํางานรว่ มกัน โดยให้ผู้เรียนทุกคนได้มีโอกาสนําความรู้ที ได้ไปศึกษามาจัดประสบการณ์ด้วยวิธีการสอื สารการพูด การเขียน หรืออาจให้ผู้เรียนชว่ ยกัน เขียนบทละครจากวรรณคดีทีเรียน และนํามาให้ครูตรวจสอบว่า บทละครทีเขียนขึน ฉาก
บทความนา่ รูด้ ้านการศกึ ษา : ครูจะพฒั นาผเู้ รยี น สมู่ าตรฐานสากลในศตวรรษที ๒๑ ได้อยา่ งไร เรยี บเรยี งโดย ณรงค์วิทย์ สงิ คิบุตร ------------------------------------------------------------------------------------------------------------- หนา้ | 7 บรรยากาศ ตัวละคร มีความสอดคล้องกับเนือเรืองหรือไม ่ จากนันให้ผู้เรียนไปซ้อมการแสดงตาม บทละครทีกลุ่มตนเองเขียนขึนมาเพือนําไปแสดงหน้าชันเรยี น หรอื หน้าเสาธงก็ได้ ขันที ๕ การบรกิ ารสงั คมและจิตสาธารณะ เพือเปนการสง่ เสริมให้ผู้เรียนได้เรียนวรรณคดี อยา่ งเห็นคุณค่ามากยิงขึน การเชือมโยงขันทีสีมาสูก่ ารบริการสังคมเปนสงิ ทีกระทําได้ไมย่ ากคือ ครูอาจมอบหมายให้แต่ละกลุ่มจัดการแสดงละครภายในโรงเรยี น แล้วเชิญครูและนักเรียนมารว่ ม ชมการแสดง หรืออาจจัดการแสดงในกิจกรรมหน้าเสาธงก็ได้ตามความเหมาะสม จากแนวทางวิธีวิทยาการการจัดการเรียนรูภ้ าษาไทยโดยใช้บนั ได ๕ ขัน ของการพัฒนาผู้ เรียนสูม่ าตรฐานสากลข้างต้นนัน เปนเพียงแนวคิดทีต้องการนําเสนอให้ครูผู้สอนภาษาไทยได้เห็น ภาพว่าการจัดการเรียนการสอนด้วยวิธีดังกล่าวสามารถทีจะนาํ มาบูรณาการการจัดการเรยี นรูใ้ ห้ เข้ากับตัวชีวัดชองสาระวิชาตามหลักสูตรได้ทังสิน หากเพียงแค่ครูได้กําหนดวิธีการทีเหมาะสม โดยใช้วิธีการกระตุ้นการตังคําถามของผู้เรียนให้สอดคล้องกับเรืองทีกําลังจะสอนใหไ้ ด้มากทีสุด ก็จะสามารถเปนบันไดสูก่ ารเรียนรู้ของผู้เรียนได้ อยา่ งไรก็ตามแม้ว่าในศตวรรษที ๒๑ จะมุง่ เน้น ให้ผู้เรียนรู้จักการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองเปนสําคัญของการพฒั นาการเรยี นรู้มากขึนเพียงใด ก็ตาม กระบวนการทีกล่าวมาก็ไมไ่ ด้ถือว่าเปนแนวคิดใหมแ่ ต่อยา่ งไร หากจะมองในเรืองของ ทฤษฎีการจัดการเรียนรู้แล้วบันได ๕ ขันล้วนสัมพันธ์กับทฤษฎีการสร้างสรรค์ความรู้นยิ ม หรือที เรียกว่า คอนสตรัคติวิซึม (Constructivism) ซึงเปนแนวคิดทางจิตวิทยา โดยมุง่ เน้นให้เกิดการ เรียนรู้จากประเด็นข้อสงสัยและการหาคําตอบ เปนทฤษฎีพหุปญญา ซึงผู้สอนต้องเข้าใจและเห็น ถึงคุณค่าความแตกต่างของผู้เรียนแต่ละคน โดยมองว่าผู้เรียนแต่ละคนมีความรู้และ ประสบการณ์ทีแตกต่างกัน ซึงนักการศึกษาหลายท่านเห็นว่าผู้เรียนทุกคนมีศักยภาพและ สามารถทีจะเรียนรู้ได้ในประสบการณ์และแนวคิดทีแตกต่างกัน ถ้าผู้เรียนมีความรู้เดิมอยูบ่ ้างจะ สามารถสร้างองค์ความรู้ใหมไ่ ด้โดยการเชอื มโยงประสบการณ์ใหมเ่ ข้ากับความรู้เดิมทีมีอยู ่ ดังนัน บทบาทผู้สอนเปนเพียงผู้ค้นหาความรู้เดิมผู้เรียนแล้วจัดสถานการณใ์ หมเ่ พอื กระตุ้นให้ผู้เรยี น สามารถสร้างองค์ความรู้ขึนเองได้ และการเรียนรู้ตามแนวคิดนีเปนกระบวนการทีไมไ่ ด้หยุดนิงอยู่ กับทีในการสร้าง การรวบรวม และการตกแต่งความรู้ของผู้เรียนเอง ดังนันจะเห็นว่าแนวทางทัง สองมีความสัมพันธ์กันเปนอยา่ งมาก ฉะนันผู้เขียนจึงเห็นว่า การนําบันได ๕ ขัน มาใช้ในการ พัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนจึงเปนสิงทีจําเปนมากสาํ หรับการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที ๒๑ แต่
บทความนา่ รูด้ ้านการศกึ ษา : ครูจะพฒั นาผเู้ รยี น สมู่ าตรฐานสากลในศตวรรษที ๒๑ ได้อยา่ งไร เรยี บเรยี งโดย ณรงค์วิทย์ สงิ คิบุตร ------------------------------------------------------------------------------------------------------------- หนา้ | 8 อยา่ งไรก็ตามหากครูสามารถทีจะปลูกฝงให้ผู้เรียนมจี ิตสาํ นึกในการเรียนรู ้ เห็นคุณค่าและ ประโยชน์ในการเรียนรู ้ มีนิสัยในการเรียนรู้ให้มากขึนได้ บันได ๕ ขันของการพัฒนาผู้เรียนสู่ มาตรฐานสากลก็จะไมใ่ ชเ่ รืองยากในการสอนของครูอีกต่อไป
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: