พลังงานมนุษย์ นำพลังงำนมำใช้ในกำรดำรงชีวิตตั้งแต่สมัยโบรำณ เริม่ จำกกำรใช้ไฟฟ้ำทเ่ี กิดจำกกำรเสยี ดสี ของไมห้ รือหนิ เพื่อให้เกิดควำม อบอนุ่ แสงสว่ำงและกำรหงุ ตม้ อำหำร มนษุ ย์เรม่ิ รจู้ ักทำกังหันวดิ นำ้ ทำกงั หนั ลมเพอ่ื ยกของหนกั และบดเมล็ดธัญญำพชื พลังงำนเปน็ ปจั จัยสำคัญ ในกำรส่งเสริมสวัสดิภำพและควำมผำสกุ ของประชำชน แต่ละประเทศทั่วโลก พลงั งำนมีสว่ นเกย่ี วขอ้ งโดยตรงกับควำมมนั่ คงของประเทศท้งั ทำงกำรเมือง กำรทหำร กำร เศรษฐกจิ และสงั คม ปจั จุบนั มีกำรใชพ้ ลังงำนมำกขนึ้ ในกำรพฒั นำเศรษฐกิจทุกสำขำเชน่ อตุ สำหกรรม กำรคมนำคม ขนสง่ กำรไฟฟ้ำ เปน็ ต้น ปรมิ ำณกำรใช้พลงั งำนมีควำมสัมพันธก์ บั ฐำนะทำงเศรษฐกิจของแตล่ ะประเทศ
ประโยชน์ของพลังงาน จาแนกประโยชน์ของพลงั งานได้ ดงั น้ี • พลงั งำนในอำหำร จำเปน็ สำหรับสงิ่ มีชีวติ ทำให้เจรญิ เติบโต สำมำรถเคล่ือนไหวได้ • พลงั งำนในระบบนิเวศ พลงั งำนจำกแสงอำทติ ย์พชื นำไปใช้ในกระบวนกำรสงั เครำะหแ์ สง • กำรสำธำรณปู โภค เช่น กำรผลิตไฟฟ้ำในปัจจบุ ันใช้พลงั งำนจำกนำ้ มัน กำซธรรมชำติ เป็นตน้ • กำรคำ้ พลงั งำนรปู แบบตำ่ ง ๆ เชน่ น้ำมันดบิ ก๊ำซธรรมชำติ ถำ่ นหิน เปน็ สินคำ้ สำคญั ท่ีทำรำยไดใ้ หก้ บั ประเทศผ้ผู ลติ • กำรผลติ พลงั งำนเปน็ ปัจจยั สำคญั ในกำรผลติ ทำงเกษตรกรรม เชน่ กำรเกบ็ เกยี่ วผลผลติ • กำรขนส่งและกำรสือ่ สำร ทำให้สะดวกรวดเร็วมำกข้นึ • กำรแพทย์ เช่น กำรใชพ้ ลังงำนจำกรงั สีเอกซ์เรย์จำกแสงเรเซอรใ์ นกำรตรวจรักษำและกำรทำศัลยกรรมโรคต่ำง ๆ • อำนวยควำมสะดวกในชีวิตประจำวนั เครื่องใช้ตำ่ ง ๆ ในชวี ิตประจำวนั ต้องอำศยั พลังงำนเคร่อื งมอื จงึ จะทำงำนได้ • กำรทหำร ประเทศท่มี ีควำมก้ำวหน้ำในกำรผลิตพลงั งำนเพือ่ นำมำใชป้ ระโยชน์ในทำงกำรทหำร เชน่ สหรัฐอเมริกำ
ความหมายของพลงั งาน พลังงำน (ENERGY) หมำยถงึ ควำมสำมำรถของสิ่งใดส่ิงหนงึ่ ที่จะทำงำนไดง้ ำน (WORK) เป็นผลของกำรกระทำของแรงเปน็ เหตุให้ส่ิงนั้นเคลื่อนท่ี เชน่ เปลวไฟท่เี ผำกำน้ำจะเปลย่ี นนำ้ ใหเ้ ป็นไอน้ำและแรงดันไอนำ้ จะดันฝำกำนำ้ เผยอ ขึ้นได้ งำนเช่นน้ีเรียกว่ำ พลงั งำน รถไฟเคลื่อนที่ได้เพรำะมีพลังงำน มนุษยเ์ ดินได้เพรำะมีพลังงำน รปู แบบของพลังงำน รปู แบบของพลงั งาน 1. พลังงานเคมี พลังงำนเคมี เกดิ ขึน้ เมือ่ เกดิ ปฏิกิรยิ ำเคมี ถ้ำขณะทเี่ กิดปฏิกิรยิ ำเคมนี ้นั มคี วำมรอ้ นเกิดขึ้นเรำมชี ื่อเรยี กปฏิกิริยำ เชน่ นว้ี ำ่ เอกโซเทอรม์ ิค (EXOTHERMIC) และ ในทำงตรงกนั ขำ้ มเรียก เอนโดเทอรม์ ิค (ENDOTHERMIC) ถ้ำขณะทีเ่ กดิ ปฏิกริ ยิ ำควำมร้อนหำยไปนน่ั คือเย็นลงกว่ำปกติหรอื ต้องกำรควำม รอ้ นชว่ ยใน ปฏกิ ิรยิ ำน้ัน 2. พลังงานความร้อน พลังงำนควำมรอ้ น ได้จำกวตั ถุท่มี อี ุณหภูมิสงู แต่มิใช่ว่ำพลงั งำนควำมรอ้ นขนึ้ อยกู่ ับอณุ หภมู ิ เพยี งอย่ำงเดียว แตข่ น้ึ อยกู่ ับมวล หรือปรมิ ำณเน้อื สำรดว้ ย ทงั้ น้ี เปน็ เพรำะอะตอมและโมเลกลุ ของสำรใด ๆ กต็ ำมไม่เคยอยู่นิง่ สนทิ มีกำรเคลอ่ื นไหวเร็วบ้ำงชำ้ บ้ำงตลอดเวลำ ถำ้ เคล่ือนไหวเร็ว พลงั งำนจลน์สูง อุณหภมู ิของ วัตถุก็สูงตำมไปด้วย และถ้ำมีอะตอมเป็นจำนวนมำกพลงั งำนที่มอี ยู่ก็มำก นั่นคอื ถ้ำมวลมำกพลงั งำนมำกด้วยนนั่ เอง
3. พลังงานกล พลงั งำนกล หมำยถึงพลังงำนทไี่ ด้จำกเคร่ืองกล เชน่ เคร่ืองจกั รไอนำ้ เครือ่ งยนตท์ ีใ่ ช้นำ้ มันต่ำง ๆ หรือเคร่อื งยนตด์ เี ซล เป็นต้น จำกกำรศกึ ษำอยำ่ งละเอียดเรำจะพบวำ่ พลงั งำนกลจำกเคร่ืองกลน้ีเปน็ กำรแปรรูปมำ จำกพลังงำนควำมรอ้ น และ นอกจำกนนั้ ควำมฝืดหรือควำมเสียดทำน (FRICTION) ในเครอื่ งกลแตล่ ะชนดิ จะก่อใหเ้ กิดควำมรอ้ น ซ่งึ เป็นเหตใุ ห้ ประสิทธิภำพ (EFFICIENCY) ของเครือ่ งกลตกตำ่ วิศวกรจึงต้องพยำยำมหำทำงลดควำมเสียดทำนของเครื่องกลเพอื่ เพ่มิ ประสทิ ธภิ ำพ 4. พลังงานไฟฟา้ พลังงาน ไฟฟำ้ หมำยถึง พลงั งำนทไี่ ดจ้ ำกปฏกิ ิรยิ ำเคมีแบบหน่งึ อันมผี ลใหเ้ กิดกระแสไฟฟำ้ ข้นึ ได้ และ กระแสไฟฟ้ำทีเ่ กดิ ข้ึนน้ีจะไหลผำ่ นควำมต้ำนทำนไฟฟ้ำได้ถ้ำต่อให้เป็นวงจร ผลจำกกระแสไฟฟ้ำดังกล่ำวอำจทำใหเ้ กดิ ผลตำ่ ง ๆ กัน ดังเชน่ กอ่ ให้เกิดอำนำจแม่เหลก็ เกดิ ควำมรอ้ นหรอื แสงสวำ่ งเป็นต้น
แหลง่ ของพลงั งาน แหลง่ ของพลงั งำน กำรท่ีมนษุ ยส์ ำมำรถนำพลังงำนรปู แบบตำ่ งๆ ดงั ที่กล่ำวมำแล้วนั้นมำใช้ประโยชน์ มนุษย์สำมำรถนำพลังงำนมำใช้จำกสิ่งทใ่ี ห้ พลงั งำนหรอื สง่ิ ทีม่ ีพลงั งำน สะสมอยู่ ซ่งึ เรยี กว่ำแหลง่ ของพลังงำน โดยท่ัวไปแหลง่ พลงั งำนสำมำรถจำแนกประเภทได้ 2 ประเภท คือ แหล่งพลังงานใชแ้ ล้วหมดไป(NON - RENEWABLE ENERGY) หรอื พลงั งานสน้ิ เปลอื ง เป็นแหลง่ พลังงำนท่ไี มส่ ำมำรถนำมำใชไ้ ดอ้ กี เมอ่ื นำมำใชแ้ ล้วจะ หมดสน้ิ ไปเร่อื ยๆ ตอ้ งใชเ้ วลำนำนนบั ลำ้ นๆ ปี จงึ จะสำมำรถเกดิ ข้ึนอีก เชน่ น้ำมันดิบ ก๊ำซธรรมชำติ ถ่ำนหิน หินน้ำมนั เป็นตน้ แหล่งพลังงานใช้ไม่หมด (RENEWABLE ENERGY) หรอื พลงั งานหมุนเวียน เป็นแหล่งพลงั งำนที่สำมำรถนำมำใชไ้ ดเ้ รอ่ื ยๆ เช่น แสงอำทติ ย์ ลม นำ้ ชีวมวล (เช่น ฟืน แกลบ ชำนอ้อย และมูลสัตว์) เป็นตน้ และที่ว่ำใช้ไม่หมดก็เพรำะสำมำรถหำมำทดแทนได้ เชน่ ปลกู ปำ่ เอำไมม้ ำทำฟนื หรือปล่อยนำ้ จำกเข่ือนมำปัน่ ไฟ แล้วไหลลงทะเล กลำยเป็นไอ และเป็นฝนตกลงมำสู่โลกอีก หรอื แสงอำทิตยท์ ี่ไดร้ บั จำกดวงอำทิตยอ์ ย่ำงไมม่ วี ันหมดส้ิน เป็นตน้ เมอ่ื พจิ ำรณำกำรนำ พลังงำนจำกแหล่งพลังงำนตำ่ งๆมำใชใ้ นปจั จบุ นั จะพบวำ่ แหล่งพลังงำนท่ีมนษุ ย์ใชม้ ำกทสี่ ุดมักเป็นแหลง่ พลงั งำนสนิ้ เปลอื ง ซง่ึ ถือวำ่ เปน็ แหล่งพลงั งานหลกั ซึง่ พลงั งำนเหล่ำน้ีก่อใหเ้ กดิ ปัญหำดำ้ นมลพษิ มำกมำย และนบั วนั แหล่งพลงั งำนเหล่ำนมี้ แี ต่จะหมดไปเรื่อยๆ จึงตอ้ งมีกำรพัฒนำเสำะหำแหล่งพลงั งำนอืน่ เพ่ือให้มี พลังงำนเพยี งพอต่อควำม ต้องกำร เชน่ แสงอำทิตย์ น้ำ ชีวมวล ดังนนั้ แหล่งพลังงำนหมุนเวยี นจึงมีอีกชื่อหนึ่งคือ แหลง่ พลังงานทดแทน
แหลง่ พลังงาน ชนิดต่างๆ แหลง่ พลงั งำนใชแ้ ล้วหมดไป หรือพลังงำนสิน้ เปลอื ง - ปิโตรเลียม (นำ้ มันดิบ และกำ๊ ซธรรมชำติ) - ถ่ำนหิน - หนิ น้ำมัน แหล่งพลังงำนใชไ้ ม่หมด หรือพลังงำนหมุนเวียน - แสงอำทติ ย์ - นำ้ - ลม - ชีวมวล - ควำมร้อนใตพ้ ิภพ - ปฏิกริ ิยำนิวเคลยี ร์ หน่วยพลังงานหนว่ ยทใี่ ช้วัดปรมิ ำณพลงั งำนท่ีนิยมใช้มี 2 หนว่ ยคอื บีทียู ( BTU = BRITISH THERMAL UNIT)เป็น หน่วยวดั ปริมำณพลงั งำนในระบบอังกฤษ 1บีทียู หมำยถงึ ปริมำณควำมรอ้ นท่พี อดที ำให้นำ้ บริสทุ ธิม์ วล 1 ปอนด์ มอี ุณหภมู ิเพ่มิ ขนึ้ จำก 14.5 องศำฟำเรนไฮต์ เป็น15องศำเซลเซียล กิโลแคลอรี หรือแคลอร่ี เปน็ หน่วยวัดปรมิ ำณพลังงำนในระบบเอสโอ 1กิโลแคลอรคี่ อื ปรมิ ำณควำมรอ้ นมี่พอดที ำให้นำ้ บรสิ ุทธม์ิ วล 1 กิโลกรัม มีอณุ หภมู ิ เพิ่มขึน้ จำก15 องศำเซลเซยี ส เป็น16 องศำเซลเซียสทร่ี ะดบั ทะเลปกติ 1บีทียู = 252 แคลอรี
พลงั งานมาจากไหน พลังงานมาจากไหน แหล่งพลังงำนมอี ยหู่ ลำยชนดิ ทีส่ ำมำรถทำใหโ้ ลกเรำเกิดกำรทำงำน และหำกศึกษำวิเครำะห์ในเชงิ ลกึ แล้วจะพบวำ่ แหลง่ ตน้ ตอของ พลังงำนท่ีใชท้ ำงำน ในชีวิตประจำวนั ส่วนใหญก่ ล็ ว้ นมำจำกพลงั งำนอันมหำศำลทแ่ี ผจ่ ำกดวงอำทิตย์มำ สโู่ ลกเรำนี่เอง พลังงำนจำกดวงอำทิตยน์ ี้นอกจำกจำก จะสำมำรถใชป้ ระโยชนจ์ ำกแสงและควำมร้อนใน กำรทำงำนโดยตรง เช่น กำรให้แสงสว่ำง กำรให้ควำมร้อนควำมอบอุน่ กำรตำกแหง้ ตำ่ ง ๆ แล้วกย็ ังก่อใหเ้ กดิ แหลง่ พลงั งำนอน่ื ๆ อกี มำกมำย เชน่ พลงั งานแสงอาทติ ย์ พลังงานแสงอาทติ ย์ คือ แสงสว่ำง และควำมร้อน ทถ่ี ูกสร้ำงข้นึ โดยดวงอำทิตย์ ทกุ ๆวนั ดวงอำทิตย์จะผลิตพลังงำนได้เปน็ จำนวนมหำศำล รวมทงั้ แหล่งผลิต พลงั งำนแสงอำทิตยน์ ้นั ไม่มวี ันหมดอีกด้วย นอกจำกนี้ พลังงำนแสงอำทิตย์ยังถือเปน็ พลงั งำนสะอำด และเปพ็ ลังงำนทำงเลอื กสำหรับมนษุ ย์ใชแ้ ทนท่พี ลงั งำน จำกฟอสซลิ อกี ด้วย
พลงั งานแสงอาทิตยถ์ กู สร้างขน้ึ ได้อย่างไร ดวงอำทติ ย์คอื ดำวขนำดยกั ษท์ ่เี ต็มไปดว้ ยก๊ำซซง่ึ ประกอบด้วย ไฮโดรเจน และ ฮเี ลี่ยม ภำยในแกนของดวงอำทิตย์ ปฏบิ ัตกิ ำรท่เี รยี กว่ำ กำรปฏิกรณน์ ิวเคลียร์ ไดส้ ร้ำงพลังงำนจำนวนมหำศำลทีเ่ กดิ จำกไฮโดรเจน ภำยในแกน และผสมผสำนกนั กลำยเป็นกำ๊ ซฮีเลียม ปฏิกิริยำนวิ เคลียรไ์ ด้ทำกำรปลดปลอ่ ยพลังงำนจำก แกนของดำวออกมำสู่พน้ื ผวิ ระหวำ่ งที่เดนิ ทำงมำสพู่ ้นื ผิวดวงอำทิตย์ พลังงำนดงั กล่ำวจะใช้เวลำในกำรแปรสภำพเป็นพลังงำนแสงสวำ่ ง แสงสวำ่ งนีค้ อื สงิ่ ท่พี วก เรำเรียกวำ่ แสงอำทติ ย์ แสงอาทติ ยใ์ ชเ้ วลาเทา่ ไรในการเดนิ ทางจากดวงอาทิตย์มายงั โลก จำกบันทึกของ องค์กำรบริหำรกำรบินและอวกำศแห่งชำติ หรอื องคก์ ำรนำซำ (NASA) แสงอำทติ ย์เดนิ ทำงมำยงั โลกด้วยควำมเรว็ แสง หรือ ประมำณ 186,000ไมล์ ตอ่ วินำที ทำให้แสงอำทิตยใ์ ช้เวลำเดินทำงมำยังโลกเพียงแค่ 8 นำทีเท่ำนนั้
พลังงานแสงอาทิตยส์ ามารถใชย้ งั ไง? วิธีกำรงำ่ ยๆทน่ี ิยมใชก้ นั คอื ใชร้ ะบบทอ่ี ยใู่ นรปู แบบ แผงเซลล์แสงอำทติ ย์ และ แบตเตอรร์ ีเ่ กบ็ พลังงำน แผงเซลล์แสงอำทติ ย์จะเก็บแสงจำกดวงอำทิตย์ เพื่อ แปรสภำพเป็นพลงั งำน และเก็บไวใ้ นแบตเตอร์ร่ี ในขณะทพ่ี ลังดังกล่ำวถูกเก็บไวใ้ นแบตเตอรร์ ่ี พลังงำนนกี้ ็จะถกู ใชงำนไดใ้ นรปู แบบของควำมร้อนและพลังงำน ไฟฟำ้ เมอ่ื พลงั งานถกู แปรสภาพเปน็ พลังงานความร้อน พลงั งานแสงอาทิตย์สามารถนาไปใชง้ านไดด้ งั น้ี * ทำนำ้ รอ้ น สำหรับห้องอำบนำ้ ท่บี ้ำน หรือ สำหรบั สระว่ำยน้ำ * ใชส้ ำหรับห้องปรับอุณหภูมิ ภำยในบ้ำน เรอื นตน้ ไม้ หรอื อำคำรพำณิชย์ตำ่ งๆ
• พลังงานแสงอาทิตย์ สามารถถกู แปรสภาพเป็นพลังงานไฟฟา้ ด้วย 2 วธิ ี ดังนี้ • 1. ใช้อปุ กรณ์ผลติ กระแสไฟฟ้ำจำกแสงอำทติ ย์ หรอื ท่เี รียกกันว่ำ “โซลำ่ ร์ เซลล์” เพ่ือแปรสภำพแสงอำทติ ย์ให้เป็นกระแสไฟฟำ้ โดยตรง เซลล์รบั แสงอำทติ ย์ถูกนำมำรวมกันเป็นแผงแล้วถกู จัดใหเ้ ป็นระเบยี บ ซ่ึงช่วยให้รับแสงอำทิตยไ์ ด้เป็นพืน้ ท่ีกว้ำง เซลลแ์ สงอำทิตยน์ ั้นจะเกบ็ พลังงำนไดต้ ำมขนำด ของมัน เชน่ แผ่นเล็กๆเหมำะสำหรับกำรสรำ้ งพลงั งำนให้กบั เคร่ืองคิดเลข และ นำฬิกำขอ้ มอื แตเ่ รำตอ้ งใชแ้ ผงทใ่ี หญข่ ึน้ เพอ่ื ผลิตกระแสไฟฟ้ำใหแ้ ก่บำ้ น และต้องใช้ขนำดใหญแ่ ละกินพ้ืนที่เปน็ ไร่ ในกำรสร้ำงโรงงำนผลิตกระแสไฟฟ้ำ • 2. โรงไฟฟ้ำพลงั งำนแสงอำทิตย์แบบเขม้ ข้น สำมำรถ ผลติ กระแสไฟฟำ้ โดยใช้ควำมรอ้ นจำกเครื่องมือรวบรวมควำมรอ้ น แลว้ แปรสภำพเป็นของเหลว ซ่ึง ช่วยในกำรผลติ ไอน้ำ เพือ่ เป็นพลังงำนใหก้ ับเครื่องผลติ กระแสไฟฟำ้ ท่ีประเทศสหรัฐฯ มีโรงไฟฟ้ำพลงั แสงอำทิตยแ์ บบเข้มขน้ อยู่ 11 แห่ง โดยท่ีมีอยู่ในรัฐ แคลิฟอร์เนยี 9 แหง่ และ ในรัฐเนวำด้ำ กับ อริโซนำ่ อกี รฐั ละ 1 แห่ง
พลงั งานน้า พลงั งำน น้ำจะสำมำรถนำมำใช้ประโยชน์ไดต้ ้องมกี ำรกกั เก็บน้ำไว้ เพ่อื เป็นกำรสะสมกำลัง โดยกำรก่อสร้ำงเข่อื นหรือ ฝำยปิดลำนำ้ ท่ีมรี ะดับควำมสูงเป็นพลังงำนศักย์ และผันน้ำเข้ำท่อไปยังเครอื่ งกงั หันน้ำขับเครื่องกำเนดิ ไฟฟ้ำพลังน้ำ กรม พัฒนำพลงั งำนทดแทนและอนรุ ักษ์พลงั งำน ได้ดำเนนิ งำนในกำรผลิตไฟฟ้ำจำกพลงั งำนนำ้ ทีม่ ีอยู่ภำยในประเทศ เพอ่ื ลดกำร นำเขำ้ นำ้ มนั ซ่งึ เป็นเชื้อเพลิงหลกั ในกำรผลติ ไฟฟ้ำ โดยได้ดำเนนิ กำรผลติ พลังงำนทดแทนจำกโครงกำรไฟฟำ้ พลังนำ้ ดังนี้ 1. โครงกำรก่อสรำ้ งเขื่อนไฟฟ้ำพลงั นำ้ คลองท่งุ เพล เป็นโครงกำรเนอ่ื งในพระรำชดำริ ตง้ั อยใู่ นเขตก่งิ อ.คิชฌกูฏ และ อ.มะขำม จ. จนั ทบรุ ี มขี นำดกำลังผลติ รวม9.8 เมกกะวตั ต์ เมอ่ื แล้วเสร็จสำมำรถผลติ พลังงำนไฟฟ้ำไดป้ ลี ะ 28.16 ลำ้ นกโิ ลวตั ต์-ช่ัวโมง 2. โครงกำรก่อสร้ำงเขอ่ื นไฟฟ้ำพลังนำ้ ลมุ่ นำ้ นำ่ นตอนบน ต้งั อยู่ที่ อ.เวียงสำ จ.นำ่ น มกี ำลงั ผลติ รวม 10 เมกกะวัตต์ คำดว่ำจะ สำมำรถผลิตกระแสไฟฟ้ำไดป้ ระมำณปลี ะ 54.62 ล้ำนกโิ ลวัตต์-ชั่วโมง 3. โครงกำรก่อสร้ำงเขอื่ นไฟฟำ้ พลงั นำ้ แมก่ ะไน ตง้ั อย่ทู ่บี ้ำนหว้ ยปู อ.แมส่ ะเรียง จ.แม่ฮอ่ งสอน มีกำลังผลติ รวม0.89 เมกกะวัตต์ เมอ่ื แลว้ เสร็จจะสำมำรถ พพ.ได้ดำเนนิ กำรจดั ต้ังโครงกำรไฟฟำ้ พลังน้ำระดบั หม่บู ำ้ นโดยดำเนินกำรในรปู แบบควำมร่วมมือกบั รำษฎร ปัจจุบนั มีจำนวนโครงกำรไฟฟำ้ พลงั นำ้ ระดับหมบู่ ้ำนทย่ี ังสำมำรถเดนิ เคร่อื ง ผลติ พลังงำนไฟฟำ้ อย่จู ำนวน 39 โครงกำร มีกำลังผลิต รวม 1,155 กโิ ลวัตต์ จำนวนครัวเรือนที่ไดร้ ับประโยชนจ์ ำนวน 3,779 ครัวเรือน สำหรับปงี บประมำณ 2548 มกี ำรก่อสร้ำงแล้วเสร็จ จำนวน 3 โครงกำร คอื โครงกำรบำ้ นห้วยหมำกลำง จ.แมฮ่ อ่ งสอน มขี นำดกำลงั ผลติ 20 กโิ ลวตั ต์ และ โครงกำรบ้ำนสำมหมืน่ ทุ่ง จ.
• พลงั งานลม พลังงำนลม ซึง่ เป็นแหลง่ พลังงำนทเ่ี ติบโตเร็วทสี่ ุดในโลก เป็นเทคโนโลยีที่ลวงตำวำ่ เรยี บง่ำย เบือ้ งหลงั อำคำรสงู เพรียว และใบพดั ท่ีหมนุ อยำ่ ง สมำ่ เสมอ คือ วัสดุน้ำหนกั เบำท่ีทำงำนรว่ มกนั อยำ่ งซบั ซอ้ น กำรออกแบบดำ้ นกำรเคล่ือนไหวของอำกำศ และ อปุ กรณอ์ เิ ล็กทรอนกิ ส์ที่ควบคมุ โดยคอมพวิ เตอร์ พลังงำนถกู สง่ ถ่ำยจำกปกี หมุน ผ่ำนเกยี ร์ ซึง่ บำงครงั้ ปฏิบตั ิงำนในควำมเรว็ ท่ไี ม่แนน่ อน จำกนั้นส่งไปยังเคร่อื งกำเนดิ ไฟฟำ้ (กงั หันลมบำงตวั ไมส่ ่งผ่ำนเกยี รแ์ ตใ่ ช้ กำรขบั เคล่ือนโดยตรงแทน) • ข้อดีของพลังงานลม - เปน็ มติ รตอ่ สง่ิ แวดลอ้ ม โดยลดระดับกำรปลอ่ ยกำ๊ ซคำร์บอนไดออกไซต์ท่ีก่อให้เกิดภำวะโลกรอ้ น น่เี ปน็ ประโยชนด์ ำ้ นส่ิงแวดลอ้ มที่สำคญั ที่สุดของกำร ผลิตพลงั งำนลม นอกจำกนีพ้ ลังงำนลมยงั ปรำศจำกสำรกอ่ มลพิษอืน่ ๆ ทเ่ี กิดจำกเชอื้ เพลงิ ฟอสซิลและโรงไฟฟำ้ นวิ เคลียรอ์ กี ด้วย
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: