ชุดการเรยน หลักสูตรประกาศนียบัตรวชาชพีช้ันสงูพทธศกัราช๒๕๖๒ óðððð-ññðñ ทกัษะภาษาไทยเชงิวิชาชีพ (OccupationalThaiLanguageSkill) ˹‹Ç·Õè ñ ¡ÒÃ㪌ÀÒÉÒä·Â㹡ÒÃÊ×èÍÊÒà Í‹ҧÁÕ»ÃÐÊÔ·¸ÔÀÒ¾ http://www.nsdv.go.th/ ศนูยอาชวีศกึษาทวภาคี ศูนยสงเสรมและพฒันาอาชีวศึกษาภาคเหนอื สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษากระทรวงศกึษาธกิาร
ชดุ การเรียน หลักสตู รประกาศนยี บตั รวิชาชีพชั้นสูง พุทธศกั ราช ๒๕๖๒ ๓๐๐๐๐-๑๑๐๑ ทักษะภาษาไทยเชิงวชิ าชพี หนว่ ยที่ ๑ สำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
คำนำ ชดุ การเรยี น วชิ าทกั ษะภาษาไทยเชงิ วชิ าชพี ชุดการเรียนโดยใช้สื่อดิจิทัลเพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาไทยระดับประกาศนียบัตร วิชาชีพชั้นสูงน้ี จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการศึกษาเรียนรู้รายวิชา ๓๐๐๐-๑๑๐๑ ภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงาน อาชีพ หลักสตู รประกาศนียบัตรวิชาชพี ช้นั สงู พุทธศักราช ๒๕๕๗ และรายวิชา ๓๐๐๐๐-๑๑๐๑ ทักษะ ภาษาไทยเชิงวิชาชีพ ๓-๐-๓ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง พุทธศักราช ๒๕๖๒ โดยมี จุดประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษาเรียนรู้และฝึกปฏิบัติด้วยตนเอง แล้วเกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ หลักการใช้ภาษาไทย สามารถนำภาษาไทยไปใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารในงานอาชีพ โดยชุดการเรียนน้ี ประกอบด้วย ๗ หน่วยการเรียน และแต่ละหน่วยประกอบด้วยแบบประเมินตนเองก่อนและหลังเรียน แผนการเรียนประจำหน่วย เนื้อหาสาระและกิจกรรม ซึ่งผู้เรียนอาชีวศึกษาทั้งในระบบปกติและระบบ ทวิภาคีสามารถศึกษาเรียนรู้ ฝึกปฏิบัติและทบทวนความรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน (Smart Phone) ตลอดจนสามารถดาวน์โหลด (Download) ชุดการเรียน นี้เพื่อศึกษาเรียนรู้ในระบบออฟไลน์ (Offline) ได้ด้วย นอกจากนี้ ครูผู้สอนรายวิชาดังกล่าวยังสามารถ นำไปใชใ้ นการจดั การเรียนการสอนในสถานศกึ ษาได้ เป็นการสนองตอบนโยบายไทยแลนด์ ๔.๐ และการ พัฒนาทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ แก่ผู้เรียนอาชีวศึกษาด้วย ทั้งนี้ ชุดการเรียนนี้จะนำไปใช้ใน สถานศึกษานำร่อง ในปีการศึกษา ๒๕๖๒ เพื่อพัฒนาให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นและขยายผลแก่สถานศึกษา อาชีวศกึ ษาทกุ แหง่ ต่อไป สำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษาขอขอบคณุ ศนู ย์อาชีวศกึ ษาทวิภาคี ศนู ย์ส่งเสรมิ และ พัฒนาอาชีวศึกษาภาคเหนือ คณะศึกษานิเทศก์ คณะครูผู้สอน คณะกรรมการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทกุ ท่าน ท่ีมีส่วนช่วยให้การดำเนินการจัดทำชุดการเรียนโดยใช้สื่อดิจิทัลเพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสาร ภาษาไทยครั้งนี้บรรลุผลสำเร็จตามที่มุ่งหวัง และหวังว่าผู้เรียนจะได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการ พฒั นาตนเองและประยุกต์ใชใ้ นงานอาชพี ได้เป็นอย่างดี ศูนย์สง่ เสริมและพัฒนาอาชวี ศกึ ษาภาคเหนือ ศูนย์อาชวี ศึกษาทวภิ าคี พฤษภาคม ๒๕๖๒
สารบญั ชดุ การเรยี น ปวส. ๒๕๖๒ วชิ าทกั ษะภาษาไทยเชงิ วชิ าชพี หน้า รายละเอยี ดรายวิชา (ก) วิธีการศึกษา (ข) • ขนั้ ตอนการเรียนชุดการเรยี น (จ) • ขั้นตอนการเรยี นระดับหนว่ ย (ฉ) หน่วยที่ ๑ การใช้ภาษาไทยในการส่ือสารอย่างมปี ระสิทธิภาพ ๑ • แบบประเมนิ ตนเองกอ่ นเรียน หน่วยที่ ๑ ๑ • แผนการเรียน หนว่ ยท่ี ๑ การใช้ภาษาไทยในการสอ่ื สารอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ๒ - แผนการเรียน มอดูลที่ ๑.๑ การใชค้ าในการสอ่ื สารใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพ ๔ - แผนการเรยี น มอดลู ที่ ๑.๒ การใชส้ านวนโวหารในการส่อื สารให้เกิดประสทิ ธิภาพ ๒๔ • แบบประเมนิ ตนเองหลังเรียน หน่วยท่ี ๑ ๓๖ • ภาคผนวก ๓๗ • เฉลยแบบฝกึ หดั ๓๙
รายละเอยี ดรายวชิ า ชดุ การเรยี น ปวส. ๒๕๖๒ วชิ าทกั ษะภาษาไทยเชงิ วชิ าชพี ๓๐๐๐๐-๑๑๐๑ ทักษะภาษาไทยเชงิ วิชาชพี ๓-๐-๓ (Occupational Thai Language Skills) จดุ ประสงค์รายวชิ า เพ่ือให้ ๑. เข้าใจหลกั การใช้ภาษาไทยเชงิ วชิ าชพี ๒. สามารถวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ ประเมนิ ค่าสารและใช้ภาษาไทยเปน็ เคร่ืองมอื สอ่ื สารใน วชิ าชพี ตามหลักภาษา เหมาะสมกับกาลเทศะ บุคคลและสถานการณ์ ๓. เหน็ คุณค่าและความสาคญั ของการใชภ้ าษาไทยในวชิ าชีพอยา่ งมจี รรยาบรรณ สมรรถนะรายวชิ า ๑. แสดงความรู้เกี่ยวกับหลักการฟัง การดู การพูด การอ่าน การเขียน การวิเคราะห์ การ สังเคราะห์และการประเมินคา่ สารภาษาไทยเชิงวิชาชีพอย่างมีจรรยาบรรณ ๒. วิเคราะห์ สังเคราะห์และประเมินค่าสารท่ีได้จากการฟัง การดูและการอ่านส่ือประเภท ต่าง ๆ ๓. พดู นาเสนอขอ้ มูลเพือ่ สือ่ สารในงานอาชพี และในโอกาสตา่ ง ๆ ตามหลักภาษา กาลเทศะ บคุ คลและสถานการณ์ ๔. เขียนเพ่ือติดต่อกิจธุระ บันทึกข้อมูลและรายงานการปฏิบตั ิงานเชิงวชิ าชพี ตามหลักการ ใช้ภาษาไทย คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับหลักการฟัง การดู การพูด การอ่านและการเขียนภาษาไทย การคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์และประเมินค่าสารในงานอาชีพจากส่ือประเภทต่าง ๆ การพูด นาเสนอข้อมูลเพื่อส่ือสารในงานอาชีพและในโอกาสต่าง ๆ การเขียนเพ่ือกิจธุระ การจดบันทึก ขอ้ มลู และเขยี นรายงานการปฏบิ ตั ิงานเชงิ วิชาชีพ และจรรยาบรรณในการใชภ้ าษาไทยเชิงวชิ าชีพ (ก)
วธิ กี ารศกึ ษา ชดุ การเรยี น ปวส. ๒๕๖๒ วชิ าทกั ษะภาษาไทยเชงิ วชิ าชพี ในการศึกษาชุดการเรียนรายวิชา ๓๐๐๐๐-๑๑๐๑ วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวชิ าชีพ ผู้เรยี นจะต้องทาความเขา้ ใจเกีย่ วกบั ๑. โครงสรา้ งเน้อื หาสาระ ๒. โครงสรา้ งสื่อการเรียนรู้ ๓. วิธกี ารเรียน โครงสร้างเนือ้ หาสาระ ชุดการเรียนรายวิชา ๓๐๐๐๐-๑๑๐๑ วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพได้แบ่ง โครงสรา้ งเน้ือหาสาระ ดงั น้ี หนว่ ยท่ี ๑ การใชภ้ าษาไทยในการสอื่ สารอยา่ งมีประสิทธภิ าพ หน่วยท่ี ๒ การวเิ คราะห์สารจาการฟงั การดู การอา่ น หนว่ ยท่ี ๓ การพดู ในงานอาชีพ หนว่ ยที่ ๔ การพดู ในโอกาสต่าง ๆ ของสังคม หนว่ ยท่ี ๕ การเขยี นเพ่ือตดิ ตอ่ ธรุ ะ หน่วยท่ี ๖ การเขียนในงานอาชพี หนว่ ยท่ี ๗ การเขยี นรายงานการวจิ ยั โครงสร้างสอ่ื การเรยี นรู้ ชุดการเรียนรายวิชา ๓๐๐๐๐-๑๑๐๑ วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวชิ าชพี ประกอบด้วย ส่ือ ๒ ประเภท คือ (๑) สือ่ ส่งิ พิมพ์ ได้แก่ แผนการเรยี นและใบกิจกรรม และ (๒) ส่ือออนไลน์ วิธีการเรยี น เพ่ือให้การเรียนในชุดการเรียนรายวิชาน้ีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผล ตามจดุ ประสงค์รายวิชาและสมรรถนะรายวชิ า ผเู้ รยี นควรดาเนินการตามข้ันตอน ดงั น้ี ๑. เตรียมตัวเพื่อการศึกษาด้วยตนเอง ผู้เรียนต้องจัดตัวเองให้อยู่ในสภาพการณ์ ที่เออื้ ต่อการเรียนรู้ ๔ ประการ คือ ๑.๑ มสี ว่ นร่วมในกจิ กรรมการเรยี นรู้อย่างกระฉับกระเฉง โดยการคิด เขียนและ ทากิจกรรมการเรียนรู้ทก่ี าหนดอย่างสม่าเสมอตลอดเวลา ๑.๒ ติดตาม ตรวจสอบผลการเรยี นรูห้ ลงั ทากิจกรรมแตล่ ะกิจกรรมจากแนวการ ตอบหรอื เฉลย ๑.๓ ซือ่ สตั ย์ต่อตนเอง โดยไม่ดูแนวการตอบหรอื เฉลยกอ่ น (ข)
๑.๔ ศึกษาเรยี นรู้ไปตามลาดับขน้ั ตอน เพ่อื ให้ไดค้ วามรู้ครบถว้ นตามท่กี าหนด ๒. ประเมนิ ผลตนเองกอ่ นเรยี นและหลงั เรยี น ๒.๑ ก่อนท่ีจะเรียนหน่วยการเรียนใด ผู้เรียนควรจะตรวจสอบความรู้ด้วยการ ประเมินผลตนเองก่อนเรียนจากแบบประเมินของหน่วยนั้น ตรวจคาตอบจากเฉลย แล้วรวม คะแนนไว้ หากทาไดค้ ะแนนเกนิ กวา่ รอ้ ยละ ๖๐ ผเู้ รยี นอาจจะไม่ต้องศกึ ษาหน่วยนั้น ๒.๒ เม่ือศึกษาหน่วยนนั้ เสร็จแล้ว ขอให้ผู้เรียนประเมินผลตนเองหลังเรียน โดย ทาแบบประเมินทก่ี าหนดไวต้ อนท้าย ตรวจคาตอบจากเฉลย แล้วรวมคะแนนไว้ หากทาได้ต่ากว่า รอ้ ยละ ๘๕ ผ้เู รยี นควรศกึ ษาทบทวนหนว่ ยนั้นแล้วประเมินซา้ อกี จนกว่าจะได้คะแนนเพม่ิ ข้ึนตาม เกณฑท์ ก่ี าหนด ๓. ศึกษาเอกสารชดุ การเรียนและส่ือท่ีกาหนด โดย ๓.๑ ศกึ ษารายละเอยี ดชุดวิชา ๓.๒ ศึกษาแผนหนว่ ยการเรยี นทุกหนว่ ย ๓.๓ ศกึ ษารายละเอียดของแต่ละหนว่ ยการเรียน ดงั นี้ ๓.๓.๑ แผนการเรียนประจาหน่วย ๓.๓.๒ แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน ๓.๓.๓ แนวคดิ ๓.๓.๔ เนอื้ หาสาระในแตล่ ะหน่วย และแต่ละมอดูล ๓.๓.๕ กจิ กรรมและแนวการปฏบิ ตั หิ รอื แนวการตอบ ๓.๓.๗ แบบประเมินตนเองหลงั เรียน ๔. ทากจิ กรรมตามทีก่ าหนดในหน่วยการเรยี น “กิจกรรม” เป็นส่วนที่ผู้เรียนจะต้องบันทึกสาระสาคัญและทากิจกรรมทุกอย่าง ตามทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย ใหเ้ ขียนกิจกรรมลงในแบบฝึกปฏบิ ัติที่กาหนด บางกจิ กรรมอาจให้ผู้เรียน ไปศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมและเขียนรายงาน ขอให้ผู้เรียนจัดทาและจัดส่งครูผู้สอนหรือครูเจ้าของ วิชาตามวนั เวลาและสถานทท่ี ก่ี าหนด (ค)
๕. การศึกษาสอื่ ประกอบการเรยี นรู้ บางหน่วยการเรียน อาจกาหนดให้ผู้เรียนศึกษาเพิ่มเติมจากสื่อท่ีกาหนดหรือ ศึกษาส่ือควบคู่ไปกับการอ่านเอกสารชุดการเรียนเพื่อเสริมสร้างความรู้ ขอให้ผู้เรียนศึกษา รายละเอียดตา่ ง ๆ ตามทกี่ าหนด และจดบนั ทึกสาระสาคัญของสิ่งทไี่ ด้เรยี นรู้ไว้ในกจิ กรรมปฏิบัติ ด้วย ๖. การเข้ารับการสอนเสรมิ หรือรบั บรกิ าร ณ สถานศกึ ษา ผู้เรียนต้องนาบัตรประจาตัวนักศึกษาและบัตรลงทะเบียนเรียนรายวิชาไปแสดง ดว้ ย และเมอ่ื เขา้ รับการสอนเสรมิ รับฟังและรบั ชมส่อื ต่าง ๆ ใหบ้ ันทกึ รายละเอยี ดการเขา้ รับการ สอนเสรมิ หรือรบั บริการในแบบฝกึ ปฏบิ ัตติ อนทา้ ยหน่วยดว้ ย ๗. การร่วมกจิ กรรมภาคปฏิบตั เิ สริมประสบการณ์ ผู้เรียนชุดการเรียนรายวิชา ๓๐๐๐๐-๑๑๐๑ วิชาทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ อาจจะตอ้ งเขา้ ร่วมกิจกรรมอย่างใดอยา่ งหน่ึงตอ่ ไปนี้ ๗.๑ เข้าห้องปฏิบัติการในสถานศึกษา เพื่อฝึกทักษะปฏิบัติตามที่กาหนดไว้ใน แตล่ ะหน่วยการเรียน ๗.๒ เข้าสงั เกตการณ์การสอนในหนว่ ยการเรียนทก่ี าหนด ๗.๓ เข้าฝกึ ปฏบิ ตั ใิ นสถานประกอบการหรือหน่วยงาน ๗.๔ ประดิษฐค์ ิดคน้ หรอื ศึกษาสารวจข้อมูลตามท่กี าหนด หลังจากทากิจกรรมข้างต้นแล้ว ให้มีการสรุปรายงานให้แก่ครูผู้สอนหรือครู เจ้าของวิชาทราบเพ่ือตรวจสอบผลการปฏิบัติ และเก็บผลการประเมินเป็นคะแนนเก็บของ รายวิชา ๘. เขา้ รบั การสอบ เม่ือส้ินภาคการศึกษา ผู้เรียนต้องเข้ารับการประเมินผลสัมฤทธิ์รายวิชาหรือ สอบไล่ ตามวนั เวลาและสถานทท่ี ีส่ ถานศกึ ษากาหนด เพอื่ การตัดสินผลการเรยี น (ง)
(จ)
(ฉ)
แผนการเรียน หน่วยที่ ๑ การใชภ้ าษาไทยในการสอื่ สารอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ มอดูลท่ี ๑.๑ การใช้คำในการสื่อสารให้เกิดประสทิ ธิภาพ ๑.๒ การใชส้ ำนวนโวหารในการส่ือสารให้เกิดประสทิ ธิภาพ แนวคิด การสื่อสารดว้ ยภาษาไทยอยา่ งมีประสิทธภิ าพน้นั ผ้สู อื่ สารตอ้ งมีความเขา้ ใจในเรือ่ งของการ ใช้คำให้ถูกต้องตามความหมาย สร้างประโยคถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ ใช้สำนวนโวหารได้ถูกต้อง ตามสถานการณแ์ ละวัตถปุ ระสงค์ เรยี บเรียงถ้อยคำเพื่อสือ่ สารได้อย่างสละสลวย มศี ลิ ปะ จุดประสงค์การเรียน ๑. เม่ือศกึ ษามอดูลท่ี ๑.๑ แล้ว ผู้เรียนสามารถใช้คำไดถ้ กู ต้องตามความหมาย ๒. เมื่อศึกษามอดูลที่ ๑.๑ แล้ว ผู้เรียนสามารถเรียบเรียงประโยคได้ถูกต้องตามเจตนาของ การสอ่ื สาร ๓. เมือ่ ศกึ ษามอดูลท่ี ๑.๒ แล้ว ผู้เรียนสามารถใชส้ ำนวนไดถ้ ูกตอ้ งตามสถานการณ์ ๔. เมื่อศึกษามอดูลที่ ๑.๒ แล้ว ผู้เรียนสามารถใช้โวหารได้ถูกต้องตามจุดประสงค์ของการ สอ่ื สาร กิจกรรมการเรยี น ๑. ทำแบบประเมนิ ตนเองก่อนเรยี น หนว่ ยที่ ๑ ๒. อ่านแผนการเรยี นประจำหน่วยที่ ๑ ๓. อ่านสาระสงั เขปประจำมอดูลที่ ๑.๑ - ๑.๒ ๔. ดำเนนิ กิจกรรมท่ีกำหนดของแต่ละมอดลู หรือหวั ข้อเรื่อง ๕. ตรวจสอบคำตอบจากแนวตอบของแต่ละกิจกรรม ท่กี ำหนดไวท้ ้ายหนว่ ยท่ี ๑ ๒ ชุดการเรยี น วชิ าทกั ษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ
๖. ทำกิจกรรมภาคปฏิบตั ิเสริมประสบการณ์เพ่ือเก็บคะแนน (ถา้ มี) ๗. เข้ารบั การสอนเสริม ๘. ทำแบบประเมนิ ตนเองหลงั เรยี น สอื่ และแหลง่ การเรียน ๑. เอกสารชดุ การเรยี น หน่วยท่ี ๑ ๒. ใบงาน การประเมนิ ผลการเรียน ๑. ประเมินความกา้ วหน้าระหว่างเรียน การประเมินตนเองก่อนและหลังเรียน ๒. ประเมนิ กจิ กรรมภาคปฏบิ ัติ (……..คะแนน) ๓. คุณธรรม จรยิ ธรรม (๒๐ คะแนน) ๔. การสอบปลายภาค (…….คะแนน) ชดุ การเรยี น วชิ าทกั ษะภาษาไทยเชงิ วชิ าชีพ ๓
แผนการเรยี น มอดูลท่ี ๑.๑ การใชค้ ำในการสื่อสารให้เกิดประสทิ ธภิ าพ มอดลู ที่ ๑.๑ โปรดอ่านหัวข้อเรอ่ื ง แนวคิดและจดุ ประสงค์การเรียนของมอดูลท่ี ๑.๑ แลว้ จงึ ศกึ ษา รายละเอยี ดต่อไป หัวข้อเรอื่ ง ๑.๑.๑ คำในภาษาไทย ๑) คำทม่ี ีความหมายโดยตรงและความหมายโดยนยั ๒) คำทีม่ ีความหมายตามตวั และความหมายนยั ประหวดั ๓) คำที่มีความหมายกวา้ งและความหมายแคบ ๔) คำที่มคี วามหมายเหมอื นกนั หรือคลา้ ยกัน ๕) คำพ้องรปู และพอ้ งเสียง ๖) คำทม่ี คี วามหมายตรงข้าม ๑.๑.๒ ประโยคในภาษาไทย ๑) ลักษณะของประโยค ๒) ชนดิ ของประโยค ๑.๑.๓ การใช้ถ้อยคำในการสอื่ สาร ๑) การใช้ภาษาให้เหมาะแกบ่ คุ คลและโอกาส ๒) การเลือกใช้ถ้อยคำในการสือ่ สาร ๓) การใชถ้ ้อยคำให้สละสลวย ๔ ชดุ การเรยี น วิชาทกั ษะภาษาไทยเชงิ วิชาชพี
แนวคิด การใช้ภาษาไทยในการสอ่ื สารอย่างมีศิลปะและมีประสิทธภิ าพนนั้ ผสู้ ่ือสารจำเปน็ ต้อง เข้าใจความหมายของคำ นำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง และสามารถเรยี บเรยี งประโยคเพ่ือส่ือสารให้ เหมาะสมแกบ่ ุคคลและโอกาสบรรลจุ ดุ มงุ่ หมาย จดุ ประสงค์การเรยี น เมอ่ื ศกึ ษามอดลู ท่ี ๑.๑ แลว้ ผู้เรียนสามารถ ๑. เขา้ ใจความหมายของคำในภาษาไทยและนำไปใช้ได้อยา่ งถูกตอ้ ง ๒. เรยี บเรียงถ้อยคำเปน็ ประโยคเพ่ือส่ือสารได้อยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสมแก่บุคคลและโอกาส กจิ กรรมการเรยี นการสอน ๑. ทำแบบประเมินตนเองกอ่ นเรยี น ๒. ทำกิจกรรมที่ ๑.๑ ทบทวนวรรณยกุ ต์ และกิจกรรมที่ ๑.๒ เรยี งวรรณยุกต์ ๓. ศึกษาเอกสารมอดลู ที่ ๑.๑ ๔. ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมที่ได้รับมอบหมายในเอกสารการสอน ๔.๑ ทำกิจกรรมที่ ๑.๓ – ๑.๗ จากสื่อดจิ ทิ ลั ๔.๒ ทำกิจกรรมตามใบงานท่ี ๑๒ การใชป้ ระโยค กอ่ นศึกษาเนือ้ หาเรามาประเมินตนเองในแบบทดสอบก่อนเรยี น แลว้ ทบทวนเรือ่ งการใช้วรรณยุกต์ http://bit.ly/thaact1-1 ชุดการเรยี น วชิ าทกั ษะภาษาไทยเชงิ วชิ าชพี ๕
เน้อื หา ๑. คำในภาษาไทย เสียงท่ีเปลง่ ออกมาคร้ังหน่งึ ๆ เรยี กว่า พยางค์ ถ้าเปน็ พยางค์ทม่ี คี วามหมาย เรยี กวา่ คำ คำทุกคำจึงต้องมคี วามหมาย แตอ่ าจจะมีพยางคเ์ ดยี วหรอื หลายพยางค์ก็ได้ การจะใชภ้ าษาใหถ้ กู ตอ้ ง เหมาะสม และสอื่ ความหมายได้ตามตอ้ งการ ผู้ใชภ้ าษา จำเปน็ ต้องรู้ความหมายของคำ คำสว่ นใหญใ่ นภาษาไทยมหี ลายความหมาย บางคำเมือ่ อยู่ตาม ลำพังจะมีความหมายอยา่ งหนงึ่ แตเ่ มอ่ื นำไปเขา้ ประโยค ความหมายของคำอาจเปล่ียนไป ความหมายของคำมีหลายลักษณะ ไดแ้ ก่ ๑.๑ คำท่ีมีความหมายโดยตรง (ความหมายตามตวั ) และความหมายโดยนัย คำแต่ละคำเมื่อฟังแล้ว ผู้ฟังมักไม่ได้นึกถึงเฉพาะความหมายของคำนั้น แต่จะนึก ถึงคำอื่นหรือสิ่งอื่นที่เกี่ยวข้องกับความหมายของคำนั้นด้วย ทั้งนี้แล้วแต่ทรรศนะ นิสัยและ ประสบการณ์ของแต่ละคน ซึง่ ความหมายของคำโดยทั่วไปมดี งั น้ี ๑) ความหมายโดยตรง หรือความหมายตามตัว คือความหมายตามปกติของคำ เนื้อความเป็นอยา่ งไร ความหมายก็เปน็ อย่างนัน้ เป็นความหมายที่ปรากฏในพจนานกุ รม คำหนงึ่ อาจ มีหลายความหมาย เช่น ดวงดาว : สิ่งทเ่ี หน็ เปน็ ดวงมีแสงระยบิ ระยบั ในท้องฟ้า เช่น คนื นี้มดี าวเตม็ ทอ้ งฟ้า หลงั บา้ น : ด้านหลังของบ้าน เช่น เขาผกู สนุ ขั ไวห้ ลังบ้าน ตา : พ่อของแม่, ส่วนหนึ่งของร่างกายคนและสัตว์ ทำหน้าที่ดู, ส่วนหนึ่งของต้นไม้ตรงท่ี แตกกิ่ง, รอยของต้นไม้ตรงที่เคยแตกกิ่ง, ช่องที่เกิดจากการถัก สาน หรือลากเส้นผ่านกัน เช่น ตารา่ งแห ตาตะแกรง ตาตาราง, คราว เช่น ตานี้ ๒) ความหมายโดยนัย หรือความหมายเชิงอุปมา คือความหมายที่กลายไปจาก ความหมายเดิมของคำ เป็นความหมายทเ่ี กดิ จากการเปรยี บเทยี บกับความหมายตามตวั ของคำนั้นใน บริบทอื่นเพื่อบอกลักษณะอาการ รูปพรรณสัณฐาน หรือคุณภาพอย่างใดอย่างหนึ่งให้ชัดเจนขึ้น ตัวอยา่ ง ดวงดาว : ความสุข ความสดใส เช่น ใต้ผืนฟา้ น้ี คณุ มีสิทธิ์เกบ็ ดวงดาวได้เสมอ ตามนำ้ : พลอยรว่ มฉอ้ ราษฎรบ์ ังหลวงไปด้วย เชน่ นายสมชายกนิ ตามน้ำกับเพือ่ นดว้ ย ๖ ชดุ การเรยี น วิชาทกั ษะภาษาไทยเชิงวิชาชพี
เปรียบเทยี บความหมาย ความหมายตามตัว ความหมายเชิงอุปมา ดาว - ดาวท่อี ยู่บนท้องฟ้า ผูม้ คี วามงามหรอื ความสามารถเด่นเปน็ ท่สี นใจ ลกู หมอ้ - ปลากดั ทีผ่ สมขน้ึ ในหม้อ ผู้มีวิชาชีพโดยสืบเชื้อสายกันมาหรือทำงานในสังกัด นั้น ๆ มาแตเ่ ดมิ เสอื - สัตว์ชนดิ หนึ่ง ผมู้ กี ำลัง กล้าหาญ อนั ธพาล โจร เต่าหวั หด - เต่าทหี่ ดหวั ในกระดอง คนทขี่ ้ขี ลาดไม่กล้าเผชิญหน้า ๑.๒ คำที่มคี วามหมายนัยตรงและความหมายนัยประหวดั ๑) ความหมายนัยตรง หมายถึงความหมายที่ปรากฏตามพจนานุกรม ซึ่งรวมท้ัง ความหมายตามตวั และความหมายเชิงอุปมา อาจมมี ากกวา่ หนงึ่ ความหมาย ผใู้ ช้ภาษามีความเข้าใจ ตรงกัน เชน่ เสือ : ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เป็นสัตว์กินเนื้อ นิสัยดุร้าย มีหลายชนิด เช่น เสือโคร่ง เสือ ดาวหรือเสอื ดำ, โดยปรยิ ายใช้เรยี กคนเก่งคนดุรา้ ย ๒) ความหมายนัยประหวัด เป็นความหมายแฝงท่ีเกิดจากการแปลความซึ่ง เก่ยี วขอ้ งกบั อารมณ์ ความรสู้ กึ ที่จะผันแปรไปตามประสบการณ์ ทัศนคติ ความร้สู กึ พื้นฐานหรือภูมิ หลังของแตล่ ะคน ซง่ึ อาจเขา้ ใจไมต่ รงกนั เชน่ เลือด อาจนึกถึง ความตาย การตอ่ สู้ ความรนุ แรง สีดำ อาจนึกถึง ความชว่ั ความทกุ ข์ ความมืดมน ดอกหญา้ อาจนึกถึง สงิ่ ท่ีต่ำต้อย เปรียบเทียบความหมาย คำ ความหมายนยั ตรง ความหมายนยั ประหวัด คอแขง็ อาการคอเคลด็ หนั ศรี ษะไม่ถนดั อาการที่นิ่งเพราะเถียงไม่ขึ้น หรือทนต่อรส หันไม่ได้ อันเข้มข้นรนุ แรงได้ หวั แขง็ ศรี ษะแขง็ กระดา้ ง ว่ายาก มอื อ่อน มอื ท่ดี ัดไดม้ าก นอบน้อม มคี วามสามารถนอ้ ย ชดุ การเรยี น วชิ าทกั ษะภาษาไทยเชงิ วิชาชีพ ๗
๑.๓ คำทีม่ ีความหมายกว้างและความหมายแคบ คำแต่ละคำมีความหมายกว้างแคบต่างกัน บางคำบอกความหมายเฉพาะเจาะจง ว่าหมายถึงบุคคลใด บุคคลหนึ่ง วัตถุชิ้นใดชิ้นหนึ่ง สัตว์ตัวใดตัวหนึ่ง แต่บางคำบอกความหมาย โดยรวมของส่งิ ทอี่ ยูใ่ นประเภทเดยี วกัน เช่น นก มีความหมายกว้าง หมายถึง สัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่งที่บินได้ ขนสีดำหรือขาว ปากยาวหรือสน้ั (นกแก้ว นกขุนทอง นกกระจอก นกสีดำ ฯลฯ ) สัตว์ มีความหมายกวา้ ง หมายถงึ สตั ว์ทอี่ าจมีขนาดเลก็ หรือใหญ่ อาจเปน็ สัตว์บก สตั ว์นำ้ สัตว์ปีก แมลง ฯลฯ (ชา้ ง สุนัข แมว ผ้งึ ยุง ปลา หนอน ฯลฯ) ๑.๔ คำทม่ี คี วามหมายเหมือนกนั หรือคล้ายกัน มีคำเป็นจำนวนมากที่มีความหมายเหมือนกันหรือคลา้ ยกัน บางครั้งใชแ้ ทนกันได้ แต่บางครั้งใช้แทนกันไม่ได้ จึงเป็นเหตุให้ผู้ทีย่ งั เข้าใจความหมายไมด่ ีพอ ใช้ผิดได้ง่าย คำเหล่าน้ีเรียก อกี อยา่ งว่า คำไวพจน์ ขอ้ สงั เกตในการใช้คำทมี่ คี วามหมายเหมอื นกนั หรอื คล้ายกนั มดี ังนี้ ๑. ใช้ในภาษาเขยี น และภาษาพูด เช่น ภาพยนตร์-หนงั , รับประทาน-ทาน ๒. ใช้ในภาษาทางการ และไม่เป็นทางการ เช่น เรียน – บอก, ใบอนุญาตขับ รถยนต์ - ใบขบั ขี่ ๓. ใชใ้ นภาษาร้อยแก้วและภาษาร้อยกรอง เช่น นำ้ – วารี – ชล – นท,ี ป่า – ไพรสาณฑ์ ไพรสณฑ์ ไพรสัณฑ์ ๔. ใช้สำหรับบุคคลสามัญ สำหรับภิกษุ หรือเจ้านาย เช่น ป่วย – อาพาธ – ประชวร, กนิ - ฉัน – เสวย ๑.๕ คำทมี่ ีความหมายตรงขา้ ม คำเป็นจำนวนมากเมื่อนำมาเทียบกนั แล้วมีความหมาย ตรงขา้ มกนั เช่น สกปรก – สะอาด, ข้ขี ลาด – กล้าหาญ, อว้ น – ผอม, เชื่องชา้ - วอ่ งไว ๑.๖ คำพอ้ งรูปและพ้องเสียง คือคำทีม่ ีความหมายหลายความหมายทำหน้าทไ่ี ดห้ ลาย หน้าที่ จึงถือว่าเป็นคำคนละคำกัน เช่น ขัน - นาม ภาชนะ, กัน – ใช้เรียกผู้ชาย, แสดงการแยก สว่ น, แสดงส่วนรว่ ม, กัน หรือ ก้ัน ในการพูด บางครั้งคำพ้องเสียงอาจทำให้ความหมายกำกวม ไม่ทราบแน่ว่าผ้พู ูด กล่าวถึงคำใด เชน่ กล่าวว่า จนั อาจหมายถึง จนั จันทร์ จันทน์ จรรย์ หรอื จณั ฑ์ กไ็ ด้ แตใ่ นการ เขียนความกำกวมนีจ้ ะหมดไป เพราะคำพอ้ งเสียงเหล่านสี้ ะกดต่าง ๆ กนั ส่วนคำพ้องรูปเขียนได้อย่างเดียว แต่มีหลายความหมายและออกเสียงได้หลาย แบบ ในการพูดคำพ้องรูปความหมายจะไม่กำกวม แต่ถ้าเป็นการเขียนอาจเกิดความกำกวม เช่น ๘ ชดุ การเรียน วิชาทกั ษะภาษาไทยเชิงวชิ าชพี
เมื่อเขียนคำว่า “แหน” ผู้อ่านไม่แน่ใจว่าคำนี้หมายถึง “พืชชนิดหนึ่งที่ใบด้านบนสีเขียว ด้านล่าง สีม่วงลอยอยูน่ ้ำนิ่ง ๆ” หรือหมายถึง “เฝ้ารักษา”, เพลา (เพลารถ - เพลาเยน็ ), ขัน (ขันน้ำ -ไก่ขนั ตอนเชา้ – ขบขัน) ฯลฯ คำพอ้ งรปู จึงต้องพิจารณาความหมายจากบรบิ ทของคำในประโยค เมื่อศกึ ษาเน้อื หาแลว้ มาทบทวนความเขา้ ใจเร่อื งคำกัน ๑. ทำกจิ กรรมที่ ๑.๓ - ๑.๔ ความหมายของคำ https://h5p.org/node/454887 และ https://h5p.org/node/454888 ๒. ทำกิจกรรมใบงานท่ี ๑.๑.๑ เร่อื งความหมายของคำ ๓. ทำกิจกรรมที่ ๑.๕ จบั คู่คำทมี่ ีความหมายเหมอื นกนั https://h5p.org/node/454889 และกิจกรรมที่ ๑.๖ จับคคู่ ำตรงกนั ข้ามกัน https://h5p.org/node/453820 เรียงร้อยถ้อยคำเพ่ือสอ่ื สาร เรียนร้หู ลกั การสร้างประโยค ๒. ประโยคในภาษาไทย ประโยค หมายถึง กลุ่มคำที่สื่อความหมายได้ชัดเจน สมบูรณ์ โครงสร้างประโยคของ ภาษาไทยประกอบด้วย ภาคประธานและภาคแสดง หากมีส่วนขยาย ส่วนขยายมักอยู่หลังคำ ท่ถี ูกขยาย ดงั นี้ ภาคประธาน ภาคแสดง ประธาน ขยายประธาน สงิ โต - กริยา กรรม ขยายกรรม ขยายกรยิ า ครู - คำราม - วชิ ัย เพ่อื นของผม สอน -- - สุนขั ข้างบ้าน ถกู - นักศกึ ษา ห้องน้ี กดั หนังสอื - - นา้ ของฉัน ทำ ปัก ลอตเตอร่ี - อย่างตงั้ ใจ เกง่ ชาวบา้ น ทเ่ี ดนิ ไปมา ขอ้ สอบ วชิ าภาษาไทย ผ้า - ชุดการเรยี น วชิ าทักษะภาษาไทยเชงิ วชิ าชีพ ๙
อย่างไรก็ตาม แม้ประโยคในภาษาไทยส่วนใหญ่จะมีโครงสร้างแบบ ประธาน-กริยา-กรรม แต่รูปประโยคก็มิได้เรียงลำดับส่วนของประโยคเช่นนี้เสมอไป บางประโยคอาจนำกริยา หรือ กรรม มาไว้ต้นประโยค หรือ บางประโยคอาจนำกรยิ ามาทำหน้าท่ีประธาน ประโยคในภาษาไทย จำแนกออกเปน็ ๔ ประเภท ดงั นี้ ๑. ประโยคประธาน หมายถงึ ประโยคท่มี ีประธานอยู่ต้นประโยค เชน่ ⚫ ผู้สอื่ ข่าวรายงานข่าว ๒. ประโยคกรยิ า หมายถึง ประโยคทม่ี ีกรยิ าอย่ตู ้นประโยค เช่น ⚫ มีการทำร้ายร่างกายนักโทษในเรือนจำ ๓. ประโยคกรรม หมายถงึ ประโยคท่มี ีกรรมอยู่ต้นประโยค เชน่ ⚫ ผ้รู ้ายถกู ตำรวจจับ ๔. ประโยคการิต หมายถึง ประโยคที่มผี ้รู บั ใช้แทรกเข้ามาในประโยค เช่น ⚫ หวั หน้าใหล้ ูกนอ้ งแก้ไขรายงาน ชนดิ ของประโยค มี ๓ ชนิด คือ ๑. ประโยคความเดียว คือประโยคที่มีประธานตัวเดียว กริยาตัวเดียว และถ้ากริยา ต้องการกรรม กม็ กี รรมตวั เดยี ว เชน่ ⚫ แดงเตะสุนัข ๒. ประโยคความรวม คือ ประโยคที่เกิดจากการรวมประโยคความเดียวตั้งแต่ ๒ ประโยคขนึ้ ไป โดยใช้สนั ธานเช่ือม ได้แก่ จงึ เพราะ ดงั นั้น เพราะ...จึง ดงั ตวั อยา่ ง ⚫ พอภรรยาโกรธเขากเ็ งยี บทกุ ครั้ง ⚫ เด็กกินอาหารที่มีสารพิษจึงเกดิ อาการทอ้ งรว่ ง ประโยคความรวม ประโยคความเดยี ว ประโยคความเดยี ว สันธาน ฉนั อา่ นหนงั สือแต่ ฉนั อ่านหนังสอื น้องเล่นตุก๊ ตา แต่ นอ้ งเล่นต๊กุ ตา ชัยชาญและเชิงชาย ชัยชาญเรียนชา่ งไฟฟ้า เชิงชายเรียนช่าง และ เรียนชา่ งไฟเหมอื นกนั ไฟฟา้ เพราะเธอเป็นคน เธอเปน็ คนข้เี กยี จ เธอสอบตก เพราะ...จงึ ข้เี กยี จจงึ สอบตก (ประโยคเหตุ) (ประโยคผล) ๑๐ ชุดการเรยี น วิชาทกั ษะภาษาไทยเชิงวชิ าชีพ
๓. ประโยคความซ้อน คือ ประโยคที่มีใจความหลักประโยคหนึ่งแล้ว มีประโยคย่อย อีกประโยคหน่งึ ซอ้ นอยู่จึงมีคำกริยามากกว่าหนึง่ คำ ซงึ่ ประโยคย่อยนั้นอาจทำหนา้ ที่เป็น นาม ขยาย นาม หรือสรรพนาม และขยายกรยิ าหรือวิเศษณ์กไ็ ด้ เช่น ⚫ รัศมีดาราเด็กสาวผูซ้ ึง่ เกิดมาบนกองเงินกองทองอยากเปน็ ครู ⚫ สุนัขพนั ธุ์เชาเชาทไี่ ดร้ บั รางวลั ที่ ๑ เปน็ ของผมเอง ประโยคความซ้อนจะใชต้ ัวเชื่อมตา่ งกบั ตัวเชื่อมของประโยคความรวม คือใช้คำว่า “ให้ ท่ี ซึง่ อัน เมอื่ เพราะ ตาม จน ตงั้ แต่” เปน็ ตวั เชอื่ มประโยคเล็กกับประโยคใหญ่ ประโยคความซ้อน ประโยคหลกั ประโยคยอ่ ย คำเช่ือม ฉนั รกั เพอื่ นทไ่ี ม่เหน็ แกต่ ัว ฉันรักเพ่ือน เขาบอกใหฉ้ นั เดินตามไป เขาบอก ทไ่ี มเ่ ห็นแก่ตวั ท่ี (แทน“เพื่อน”) คฤหาสนท์ ่ีอยชู่ ายทะเล คฤหาสนท์ ่เี ปน็ ของ ฉันเดินตามไป ให้ นนั้ เป็นของเศรษฐีใหญ่ เศรษฐใี หญ่ นักศึกษาถูกลงโทษให้วิ่ง นักศกึ ษาถกู ลงโทษ (ขยายกรยิ า “บอก”) รอบวิทยาลยั พระออกบณิ ฑบาตตง้ั แต่ พระออกบณิ ฑบาต ทอี่ ยูช่ ายทะเล ท่ี ฟ้าเริ่มสาง ๆ (คฤหาสน์ทอ่ี ยู่ชายทะเล) ใหว้ ิง่ รอบวทิ ยาลัย - ฟา้ เรม่ิ สาง ๆ ตงั้ แต่ มีความรู้เรอ่ื งประโยคแลว้ ใช่ไหม? มาทบทวนความเข้าใจกัน ๑. ทำกจิ กรรมท่ี ๑.๗ เรยี งประโยค https://h5p.org/node/454890 และ https://h5p.org/node/454891 ๒. ทำกจิ กรรมใบงานที่ ๑.๑.๒ เร่ือง โครงสรา้ งและชนดิ ของประโยค ๓. ทำกิจกรรมใบงานท่ี ๑.๑.๓ เรื่องชนดิ ของประโยค ชดุ การเรยี น วิชาทกั ษะภาษาไทยเชิงวชิ าชพี ๑๑
เลือกใช้ถ้อยคำอย่างไรดี ให้ถกู ท่ถี ูกเวลา...มาเรยี นรกู้ ัน ๓. การใช้ถ้อยคำในการสื่อสาร ภาษาไทยนอกจากความรเู้ ร่ืองคำและประโยคแล้ว ยงั ตอ้ งศึกษาเร่ืองการใชภ้ าษาให้ถูกต้อง เหมาะสม หากผู้ใช้ภาษามีความรู้เรื่องการใช้ภาษาไม่ดีพอ อาจทำให้การติดต่อสื่อสารเกิดความ ผิดพลาด สอื่ สารไดไ้ ม่ตรงตามต้องการ หรือสือ่ ความไดแ้ ตไ่ ม่เหมาะสม ทำให้ขาดประสทิ ธิภาพในการ สอ่ื สาร โดยมีขอ้ ควรคำนงึ ดังนี้ ๑. ใชภ้ าษาใหเ้ หมาะแก่บคุ คลและโอกาส การใชภ้ าษาในการส่ือสารใหม้ ีประสทิ ธภิ าพ ผู้ใช้จะต้องทำความเขา้ ใจในเรื่องของบุคคล และโอกาส ดงั น้ี ๑.๑ ความสัมพันธ์ของผูส้ ง่ สารและผูร้ ับสาร ภาษาไทยเป็นภาษาท่ีมกี ารกำหนดการใช้ ถ้อยคำให้เหมาะสมตามฐานะทางสังคมของบุคคลแต่ละกลุ่ม ได้แก่ พระมหากษัตริย์และพระบรม วงศานุวงศ์ พระสงฆ์และบุคคลทั่วไป การเลือกใช้คำให้เหมาะสมแก่บุคคลจะทำให้การสื่อสารมี ประสทิ ธิภาพและเป็นที่ยอมรบั โดยทวั่ ไป เช่น ⚫ พระเจา้ อยหู่ ัวเสวยพระกระยาหาร ⚫ พระสงฆฉ์ ันอาหาร ⚫นกั เรียนรับประทานอาหาร ๑.๒ โอกาสในการใช้ภาษา การเลือกใช้ภาษาให้เหมาะสมแก่โอกาส เวลาและสถานที่ มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้การสื่อสารนั้นประสบผลสำเร็จ และเป็นที่ยอมรับของสังคม การใช้ ภาษาแบง่ เปน็ ๓ โอกาส ดงั น้ี ๑.๒.๑ โอกาสเป็นทางการ หมายถึง โอกาสสำคัญที่เป็นงานพิธีการ ภาษาที่ใช้ สว่ นใหญจ่ ะเป็นภาษาแบบแผน หรือเปน็ ทางการ เชน่ งานพระราชพิธี การกล่าวประชมุ สมั มนา การ กล่าวสุนทรพจน์ การเขียนรายงานทางวิชาการ ๑.๒.๒ โอกาสกึ่งทางการ หมายถึง โอกาสที่ไม่เคร่งครัดในแบบแผนมากนัก แต่ คำนงึ ถงึ ความสุภาพและความเหมาะสมตามสถานการณ์ การสอ่ื สารจะใช้ภาษากึ่งแบบแผน เช่น การ ประชมุ ครู การบรรยายในชั้นเรียน การอบรม การเขียนสารคดี การวิจารณบ์ ทความ ๑๒ ชุดการเรียน วิชาทกั ษะภาษาไทยเชงิ วชิ าชีพ
๑.๒.๓ โอกาสไม่เป็นทางการ หมายถึง โอกาสทั่ว ๆ ไปที่ใช้ติดต่อสื่อสารใน ชีวิตประจำวันและในงานอาชีพ มุ่งเน้นการสื่อความหมายให้เข้าใจ การใช้ภาษาจะไม่เป็นทางการ เช่น การติดตอ่ งาน การซ้อื ขายสนิ คา้ การโฆษณา การเขียนจดหมายสว่ นตัว การพาดหวั ข่าว ๒. ใช้คำให้ถกู ต้อง การสื่อสารให้บรรลุวัตถุประสงค์ ผู้สื่อสารต้องรู้จักเลือกใช้ถ้อยคำอย่างมีประสิทธิภาพ ดงั น้ี ๒.๑ สะกดคำใหถ้ กู ต้อง การสะกดคำเปน็ ข้อควรคำนงึ ท่ีสำคัญยิง่ ในการเขยี น เน่อื งจาก คำทส่ี ะกดตา่ งกนั ยอ่ มมีความหมายไมเ่ หมอื นกนั ดังตัวอยา่ ง คำสะกดตา่ งกนั เช่น รกั -ลัก, แปรง-แปลง, กลับ-กบั , ขนั -ขรรค,์ สะกดคำไม่ถูกต้อง เช่น มาตรฐาน เขียนเป็น มาตรฐาน, อนุญาต เขียนเป็น อนญุ าต, กะเพรา เขียนเปน็ กระเพรา การออกเสียงผิด เช่น ครั้งคราว ออกเสียงเป็น คั้งคาว, คลี่ ออกเสียงเป็น คี่, เปลา่ ออกเสียงเป็น เป่า, ป่าว ๒.๒ การใช้คำให้ถูกความหมาย ผู้สื่อสารต้องรู้จักความหมายของคำทีเ่ ลือกมาใช้ จึง จะสามารถส่ือสารได้ถูกตอ้ งตรงตามความตอ้ งการ เชน่ ⚫ เขาถกู ชกเลือดกบปาก (กบ) ⚫ วชิ ัยเป็นคนเงียบ ๆ ไมค่ ่อยสสู ีกบั ใคร (สุงสิง) ๒.๓ ใช้คำให้ถูกหน้าที่ การวางคำให้ถูกตำแหน่งหน้าที่ตามชนิดของคำเป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งในการเรียบเรียงประโยค เนื่องจากคำไทยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงรูปศัพท์เพื่อทำหน้าที่ต่าง ๆ ใน ประโยคเหมือนภาษาอังกฤษ ดังนั้นการวางคำผิดตำแหน่งอาจทำให้ความหมายเปลี่ยนไป หรือส่ือ ความหมายไมไ่ ด้ เชน่ ใจหาย หายใจ ฉนั รักคุณ คุณรักฉัน ๒.๔ ใชค้ ำใหถ้ กู ระดับภาษา โดยทัว่ ไปภาษาแบง่ เปน็ ๓ ระดบั ดังนี้ ๒.๔.๑ ระดับคำไม่เป็นทางการ เป็นคำระดับไม่ได้มาตรฐาน ส่วนใหญ่จะใช้ในการ สื่อสารท่ัว ๆ ไปในหมู่ผู้คุ้นเคย ใช้ประกาศหรือประชาสัมพันธ์ในชุมชน การสนทนาระหว่างเพือ่ นฝงู การเขยี นจดหมายสว่ นตัวถงึ ผู้ใกล้ชดิ ๑) คำตลาดหรือภาษาปาก เปน็ คำทีใ่ ชท้ ั่ว ๆ ไป โดยไมค่ ำนงึ ถึงความถกู ต้อง ทางหลักภาษา หรือความเหมาะสม เชน่ ผวั เมีย โรงพัก โรงหนัง รถเครอ่ื ง คกุ ฯลฯ ชดุ การเรยี น วิชาทกั ษะภาษาไทยเชิงวิชาชพี ๑๓
๒) คำภาษาถ่ิน ใช้สำเนียงและถ้อยคำต่างความหมายกันไปในแตล่ ะทอ้ งถิน่ อาจสื่อสารเข้าใจไม่ตรงกันในการพูดหรือเขียน เช่น ภาษาเหนือ- เคียด (โกรธ) ม่วน (สุข, สนุก, ไพเราะ), ภาษาใต้ – หยบ (ซอ่ น), ภาษาอีสาน - แซบอหี ลี (อร่อยมาก) ฯลฯ ๓) คำสแลงหรือคำคะนอง เป็นคำที่ใช้สื่อสารและเข้าใจกนั เฉพาะกลุ่ม โดย ไม่คำนึงถึงความถูกต้องตามหลักภาษา มักใช้อยู่เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง เช่น แกสบี้ เคอรี่ เงือก จขกท เงิบ จน้ิ ตลาดลา่ ง ตะมตุ ะมิ นา่ มสาน โปะ๊ ปัง ฯลฯ ๔) คำหยาบหรือคำต่ำ หมายถึงคำไมส่ ุภาพ ไม่ควรใช้ ไดแ้ ก่ พวกคำหยาบคาย คำด่า คำสบถสาบาน ๒.๔.๒ ระดับคำกึ่งทางการ เป็นภาษาท่ีมรี ะดบั กำ้ กึ่งกนั ระหวา่ งภาษาไมเ่ ป็นทางการ กับภาษาทางการ เช่น การสนทนาระหว่างผูม้ กี ารศกึ ษา สนทนากบั ผูท้ ่ีไมค่ ุ้นเคย การพูดในท่ปี ระชุม กับผูฟ้ ังทวั่ ๆ ไป เชน่ การอภิปราย การสมั ภาษณ์อย่างไมเ่ ป็นทางการ การแนะนำบุคคลอย่างไมเ่ ปน็ พธิ ีรตี อง ฯลฯ ระดับคำกง่ึ ทางการ ไดแ้ ก่ ๑) คำที่ใช้ในภาษาสื่อสารมวลชน โดยเฉพาะภาษาหนังสือพิมพ์ ซึ่งมี ลักษณะเฉพาะตวั คือ ใชภ้ าษาเร้าความสนใจ โดยไมค่ ำนงึ ถึงความถูกตอ้ งทางหลักภาษา (เทกระจาด เด็กผี ค้าแข้ง ลูกหนัง) ใช้คำสั้น ๆ ซึ่งอาจทำให้ผู้อ่านเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ (บัวบานล่มสลาย, อสรพษิ ผงาด) ตลอดจนการใชค้ ำอยา่ งขาดความประณตี สละสลวย ใชภ้ าษาพูดแทนภาษาเขยี น หรือ ใช้ภาษาไม่สุภาพ ไม่เหมาะแก่กาลเทศะและบุคคล (โคตรเว่อร์ รักฝังร่าง) ภาษาหนังสือพิมพ์จึงไม่ อาจยึดถือเป็นแบบแผนในการใช้ภาษาได้ ๒) คำที่ใช้ในภาษาโฆษณา เป็นการใช้ภาษาเพ่ือดงึ ดดู ความสนใจ มงุ่ โนม้ น้าว ใจให้ผู้รับสารเปลี่ยนความคิดและกระทำตาม ลักษณะของภาษาจึงมีสีสัน เน้นอารมณ์ด้วยการใช้ ภาษาตา่ งระดับในข้อความเดียวกัน สว่ นมากเปน็ ภาษาทางการหรอื กงึ่ ทางการ อาจใชค้ ำคลอ้ งจองมี สัมผัสแบบรอ้ ยกรอง เช่น เพอื่ นคูค่ ดิ มติ รคใู่ จ, ทำสิง่ ท่ีชอบ เปน็ อาชีพที่ใช,่ ตม้ ผดั แกง ทอด หอม อร่อยในพริบตา, ตวั จริง เร่อื งปงิ้ ยา่ ง ๓) คำเฉพาะกลุ่ม เป็นคำที่ใช้เฉพาะคนในกลุ่มหรือวงการเดียวกัน ได้แก่ ชา่ ง ทหาร แพทย์ วงการพนนั วงการกฬี า ภาษาเด็ก ภาษาวัยรนุ่ ฯลฯ ๒.๔.๓ ระดับคำเป็นทางการ คือ ภาษาที่ใช้อย่างเป็นทางการเคร่งครัด ถูกแบบ แผนและได้มาตรฐาน มกั ใชใ้ นภาษาเขียนมากกว่าพูด หรอื เป็นการเขยี นตน้ ฉบับสำหรบั การพูดอย่าง มพี ิธีรีตอง เชน่ ปาฐกถา โอวาท สนุ ทรพจน์ คำปราศรยั การแนะนำบคุ คลสำคัญตอ่ ทีป่ ระชมุ ได้แก่ ๑๔ ชดุ การเรยี น วิชาทกั ษะภาษาไทยเชิงวิชาชพี
๑) ภาษาราชการ เป็นภาษาแบบแผน ใช้สำหรับการเขียนหนังสือราชการ เอกสารทางราชการ ให้ถูกต้องตามระเบียบแบบแผนที่กำหนด เช่น ตามที่ เนื่อง ด้วย แต่งต้ัง พจิ ารณา อนุสนธิ อนมุ ตั ิ ขอความอนุเคราะห์ ฯลฯ ๒) คำราชาศัพท์ เป็นคำที่ใช้สำหรับพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ เช่น หมายกำหนดการ เสดจ็ พระราชดำเนิน เสวย บรรทม พระราชทาน พระบรมราโชวาท ฯลฯ ๓) คำสุภาพ เป็นการใช้ภาษาให้เหมาะแก่กาลเทศะ โอกาสและบุคคล ไม่เป็น คำห้วน กระดา้ งหยาบคาย หรอื ผวนคำแลว้ มีความหมายไมส่ ภุ าพ เชน่ ศรี ษะ รบั ประทาน ไม่ทราบ ครบั คณุ ผม ข้าพเจ้า ผกั ทอดยอด อุจจาระ ปัสสาวะ ฯลฯ ตวั อยา่ งคำระดับตา่ ง ๆ ระดบั ไม่เป็นทางการ ระดบั กึง่ ทางการ ระดับทางการ หนู กู ขา้ ดิฉนั หนู ผม ข้าพเจ้า วิก โรงหนัง โรงภาพยนตร์ โรงภาพยนตร์ ร่ำเหล้า ถองเหลา้ กินเหลา้ ดืม่ เหล้า ด่ืมสรุ า ผัว เมยี สามี ภรรยา สามี ภรรยา พ่อ แม่ คุณพ่อ คณุ แม่ บิดา มารดา หมอ คุณหมอ นายแพทย์ อาทิตยห์ นา้ สปั ดาห์หนา้ สัปดาหห์ นา้ โคราช นครราชสีมา จงั หวดั นครราชสีมา ออกลกู คลอดลูก คลอดบตุ ร มที อ้ ง มคี รรภ์ ต้ังครรภ์ เผาศพ ปลงศพ ฌาปนกิจ ทบทวนความเขา้ ใจกนั สกั นิด...พิชิตความจำ ทำกจิ กรรมระดบั ภาษา https://h5p.org/node/497405 ชุดการเรยี น วชิ าทกั ษะภาษาไทยเชงิ วิชาชีพ ๑๕
๒.๕ ใช้คำให้เหมาะสมกับรูปแบบการเขียน การเขียนร้อยแก้วและร้อยกรองจะมี ลกั ษณะของการใชถ้ อ้ ยคำแตกตา่ งกนั ไป คำที่ใชใ้ นรอ้ ยกรองหากนำไปใช้ในร้อยแกว้ จะทำให้ขอ้ ความ ไมส่ มจริงและไม่ราบรืน่ เช่น ⚫ แม่ฉนั ชอบภกั ษาหารทท่ี ำจากปลา ⚫ เม่อื สนธยามาเยือนเขาก็จรลกี ลับเคหา หรอื การใช้ภาษาพูดในภาษาเขียน เชน่ ⚫ นกั ธรุ กจิ เหล่าน้ี ทำยงั ไงถงึ ได้รวยยังง้ี (อย่างไร, อยา่ งน้ี) ๒.๖ ใชค้ ำให้เหมาะกบั ความรสู้ ึก คือการเลอื กใช้คำท่สี ือ่ ความหมายให้ตรงกบั ความรสู้ ึก ของผู้พูด เชน่ ⚫ เขาดีใจที่ได้ออกไปรับรางวัล ไม่ใช่ เขาดีใจท่ีตอ้ งออกไปรับรางวัล ⚫ สพุ รรณรู้สึกใจหายที่ตอ้ งสญู เสียเพื่อนไปเสียที (ตัดคำว่าเสียทอี อก) ๓. ใชค้ ำให้ชัดเจน การใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารควรคำนึงถึงความหมายที่ชัดเจน แจ่มแจ้งในเนื้อความ เพ่ือมใิ หผ้ อู้ ่านเกดิ ความสับสน เขา้ ใจผิด การใช้คำไม่ชัดเจนอาจเกดิ จากสาเหตุหลายประการ เช่น ๓.๑ การใช้คำที่มีความหมายโดยนัย เนื่องจากความหมายโดยนัย เป็นความหมายที่ เข้าใจกันเฉพาะกลุ่มคนที่มีประสบการณ์ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งร่วมกัน ผู้ที่ขาดประสบการณ์ หรือการ รบั รใู้ นเร่อื งนน้ั อาจไม่เข้าใจความหมายนนั้ ทำใหแ้ ปลความหมายของคำตามตรงท่เี คยไดร้ ับรมู้ า เชน่ ⚫ ตำรวจอ้มุ ผตู้ ้องหาไปสอบสวน (ความหมายโดยนัย) ⚫ แมอ่ ้มุ ลกู ไปอาบนำ้ (ความหมายโดยตรง) ๓.๒ การใช้คำกำกวม คำกำกวมคือคำทีมีความหมายไมช่ ดั เจน คลุมเครือ หรือมีหลาย นยั การใชค้ ำกำกวมอาจทำใหเ้ ขา้ ใจผิด เนือ่ งจากสามารถตีความหมายไดห้ ลายแง่ เชน่ ⚫ แดงชนดำหกลม้ อาจมคี วามหมายว่า แดงหกลม้ เม่ือชนดำ หรือ ดำหกลม้ เม่อื ชนแดง ⚫ เม่ือวานนต้ี าผมเจบ็ = ตา (พอ่ ของแม)่ , นยั นต์ า ⚫ ฉนั กินข้าวเย็นแลว้ = ข้าวมอ้ื เย็น, ขา้ วคา้ งคนื , ข้าวไม่ร้อน ⚫ เขตทหารหา้ มเข้า = หา้ มทหารเข้า, หา้ มคนทว่ั ไปเข้า ๓.๓ การใช้คำย่อ คำย่อท่ีไม่เป็นทางการและไม่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป อาจ ก่อใหเ้ กิดความเข้าใจผิดได้ เนือ่ งจากผรู้ บั สารไม่ทราบความหมาย เชน่ ๑๖ ชุดการเรยี น วชิ าทกั ษะภาษาไทยเชงิ วิชาชพี
⚫ รถโดยสารประจำทางแล่นผ่าน ม.มหานคร (คำว่า ม. โดยท่วั ไปใช้แทนคำ วา่ มหาวทิ ยาลยั แต่ในท่ีน้กี ลับหมายถงึ หมบู่ ้าน) ⚫ การเลือกตั้งคราวนี้อดีต ส.ต. คืนสภาเพียบ (คำย่อว่า ส.ต. โดยทั่วไป หมายถึงยศสบิ ตรี แต่ในทน่ี ห้ี มายถงึ สมาชกิ สภาตำบล) ๓.๔ การใช้คำทับศัพท์ คำที่มาจากภาษาต่างประเทศถ้ามีคำในภาษาไทยที่ส่ือ ความหมายไดต้ รงกนั ก็ไม่ควรใชค้ ำทับศัพทโ์ ดยไม่จำเปน็ เชน่ ⚫ คุณเคลยี ร์ปัญหาหรอื ยัง (แก้ปญั หา) ⚫ งานนไี้ ม่เวิร์ก (งานไมเ่ ดนิ หรอื งานมปี ญั หา) ๔. ใชถ้ อ้ ยคำให้สละสลวย การใช้ภาษาไม่สละสลวยอาจเกิดจากการใช้คำฟุ่มเฟือย การใช้คำซ้ำซ้อน การใช้คำไม่ คงที่ การลำดบั ความไม่เหมาะสม หรือการใชส้ ำนวนภาษาตา่ งประเทศ ดังตวั อย่าง ๔.๑ ใช้คำฟ่มุ เฟอื ย ⚫ ตำรวจทำการจบั กมุ ผู้ร้าย ⚫ สมชายเป็นคนทม่ี ีความกระตอื รอื รน้ มาก ๔.๒ ใช้คำซ้ำซอ้ น ⚫ เขารีบเดินไปอย่างรวดเร็ว ⚫ รถยนตส์ ตารท์ ไมต่ ิด เสยี ใช้การไมไ่ ด้ ๔.๓ ใชค้ ำเชอ่ื มให้ถูกต้อง เช่น กับ แก่ แด่ ต่อ เพอ่ื สำหรบั โดย ดงั นี้ ⚫ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู ัวพระราชทานพรปีใหม่แก่ประชาชน ⚫ ฉันถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆจ์ ำนวน ๙ รูป ๔.๔ ใช้คำลักษณนามใหถ้ กู ต้อง เช่น ช้างปา่ ๑ ตัว, ชา้ งบา้ น ๒ เชือก ๔.๕ ใช้คำบ่งบอกเสยี ง สี ขนาด และปรมิ าณใหถ้ ูกต้อง เชน่ ⚫จานกระเบอื้ งตกแตกดงั เพล้ง ๔.๖ ใช้คำระดับเดียวกันในประโยค หรือข้อความเดียวกัน การใช้คำต่างระดับทำให้ ข้อความไม่สละสลวย ไม่สอดคล้องกัน เช่น ⚫ เราไปเย่ียมคนเจ็บดว้ ยกัน เมอื่ ไปถงึ คนไข้ฟืน้ แลว้ (ใช้คำใดคำหนึง่ ) ⚫ หลวงตาท่ชี าวบา้ นนับถือได้เสียชวี ติ แล้วอยา่ งสงบ (มรณภาพ) ⚫ หลอ่ นเป็นผหู้ ญิงองอาจกล้าหาญไมแ่ พ้บุรุษ (หญงิ -ชาย, สตร-ี บุรุษ) ชดุ การเรยี น วชิ าทักษะภาษาไทยเชิงวชิ าชีพ ๑๗
๔.๗ ใช้การหลากคำ คือหลีกเลี่ยงที่จะใช้คำเดิม ๆ เพื่อไม่ให้เกดิ ความซ้ำซาก น่าเบื่อ หน่าย โดยการเลอื กใชค้ ำทม่ี คี วามหมายเดียวกันหรือใกลเ้ คยี งกันมาแทนกนั เช่น ⚫ ผมชอบเลี้ยงสัตว์ ชอบปลูกต้นไม้ ชอบทำอาหารรับประทานเอง และชอบ ไปเที่ยวต่างจังหวัด เปลี่ยนเป็น ผมมีความสุขกับการเลี้ยงสัตว์ ปลูกต้นไม้ พอใจที่จะทำอาหาร รับประทานเอง ๔.๘ ใช้ภาษาถูกสมัย เนื่องจากภาษามีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา ถ้อยคำที่ใช้ใน สมัยหนึ่งอาจไม่เป็นที่นิยมในสมัยต่อมา หรือความหมายต่างไปจากเดิม หากนำคำเหล่านี้มาใช้อาจ ทำใหไ้ มเ่ ข้าใจ หรอื แสดงวา่ ไม่รูจ้ รงิ ลา้ สมัย เช่น คำวา่ โลกานวุ ัตร ปจั จุบนั ใช้ โลกาภิวฒั น์ ทบทวนความเข้าใจใหแ้ มน่ ยำ...นำไปใชไ้ ด้ถูกตอ้ ง ทำกิจกรรมใบงานท่ี ๑.๑.๔ เรอื่ ง การใช้ประโยค ๑๘ ชดุ การเรียน วชิ าทกั ษะภาษาไทยเชงิ วชิ าชพี
กจิ กรรมที่ ๑.๑.๑ เร่ือง ความหมายของคำ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม เพื่อให้นักศึกษาบอกความหมายของคำที่เป็นความหมาย โดยตรง และความหมายโดยนัยได้ คำชีแ้ จง ใหน้ ักศึกษาคน้ คว้าคำทมี่ คี วามหมายโดยตรงและความหมายโดยนัยหรอื เชงิ อปุ มา อยา่ งละ ๑๐ คำ จากหนังสือพมิ พ์/อินเทอร์เน็ต พร้อมอธิบายความหมายของคำ เหลา่ นั้น (คะแนนเตม็ ๕ คะแนน) คำ ความหมาย ๑................................................................ ๒............................................................... ๓............................................................... ๔.............................................................. ๕.............................................................. ๖.............................................................. ๗.............................................................. ๘.............................................................. ๙.............................................................. ๑๐…......................................................... ชดุ การเรยี น วชิ าทกั ษะภาษาไทยเชงิ วิชาชพี ๑๙
กจิ กรรมที่ ๑.๑.๒ เร่ือง โครงสร้างและชนิดของประโยค จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม เพ่อื ใหน้ ักศกึ ษาระบโุ ครงสรา้ งและชนิดของประโยคได้ถูกตอ้ ง คำชแี้ จง ใหน้ กั ศึกษาเติมโครงสรา้ งและชนดิ ของประโยคลงในชอ่ งว่างทีก่ ำหนดให้ ประโยค ภาคประธาน ภาคแสดง ชนดิ ของประโยค ๒๐ ชุดการเรยี น วชิ าทกั ษะภาษาไทยเชงิ วชิ าชีพ
กจิ กรรมที่ ๑.๑.๓ เร่อื ง ชนิดของประโยค จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม เพ่อื ใหน้ กั ศึกษาแยกชนิดของประโยคได้ คำช้ีแจง ใหน้ กั ศกึ ษาทำเคร่ืองหมาย √ ในชอ่ งทตี่ รงกบั ชนิดของประโยค ประโยค ความ ความ ความ เดียว รวม ซ้อน ๑. ฝนตกก่อนฟ้ารอ้ ง ๒. ปลาใหญว่ า่ ยน้าในทะเลลกึ ๓. ฉนั ชอบนักเรยี นทต่ี งั้ ใจเรยี น ๔. พอฝนซาฟ้ากส็ ดใส ๕. แมแ่ ละพอ่ ไปตลาดหน้าหม่บู า้ น ๖. พช่ี ายฉนั เกง่ ดา้ นวชิ าการมาก ๗. กานตเ์ ป็นเดก็ ทร่ี จู้ กั กาลเทศะ ๘. นกแกว้ ตวั นนั้ พดู ไดค้ ลอ่ ง ๙. กมลชยั ทาการบา้ นเม่อื วนั อาทติ ย์ ๑๐. เราจะเป็นคนดหี รอื คนเก่ง ๑๑. ขนุ จะไปเชยี งใหม่แตเ่ ขม้ จะไปยะลา ๑๒. ลุลาชอบดอกไมส้ ขี าว ๑๓. พลอยไปตดั เสอ้ื และทาเลบ็ ๑๔. สนุ ัขของฉนั เป็นสตั วเ์ ลย้ี งทซ่ี ่อื สตั ยม์ าก ๑๕. ณเดชน์อา่ นหนงั สอื แตญ่ าญา่ ออกกาลงั กาย ชดุ การเรยี น วชิ าทักษะภาษาไทยเชิงวิชาชพี ๒๑
กิจกรรมที่ ๑.๑.๔ เรือ่ ง การใช้ประโยค จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม เพอ่ื ใหน้ กั ศึกษาบอกข้อบกพรอ่ งของประโยคท่ียกมา และสามารถแกไ้ ขประโยคให้ถกู ตอ้ งได้ คำชแี้ จง ใหน้ กั ศึกษาบอกข้อบกพรอ่ งของประโยคที่ยกมานี้ พร้อมทง้ั แกไ้ ขภาษาทบ่ี กพรอ่ งน้ัน ใหถ้ กู ต้องและสละสลวย (แตล่ ะประโยคอาจมขี อ้ บกพร่องมากกว่า ๑ แหง่ ) ๑ รถตุก๊ ตกุ๊ คันน้เี ก๊าเกา่ แถมยังขับซง่ิ อกี ขอ้ บกพร่อง…….......................................................................................................................... ประโยคทแี่ ก้ไข…….................................................................................................................... ๒. สังคมปจั จบุ นั ทุกวันน้ีมกั ทอดท้งิ ให้คนชราอยูก่ ันตามลำพัง ดูแล้วนา่ สมเพชเวทนา ขอ้ บกพร่อง…….......................................................................................................................... ประโยคที่แกไ้ ข…….................................................................................................................... ๓. เหตุการณก์ ลับโอละพอ่ เร่ืองสาวกุข่าวถูกผัวตวั เองแบลค็ เมล์ ข้อบกพรอ่ ง…….......................................................................................................................... ประโยคที่แกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………… ๓. ตร. เปา่ ๓ โจรคา้ ยานรกแดดิ้น ข้อบกพร่อง…….......................................................................................................................... ประโยคทแี่ กไ้ ข.......................................................................................................................... ๔. เจา้ หนา้ ทจ่ี ดั ให้มีการทดสอบน.ร. กอ่ นนำไปฟงั ปฐมนเิ ทศก์ ขอ้ บกพรอ่ ง…….......................................................................................................................... ……............................................................................................................................................. ประโยคทแ่ี กไ้ ข……........................................................................................................ ๕. ชายหน่มุ กบั สุภาพสตรคี นู่ ั้นช่างเหมาะสมกนั ราวขนมผสมนาํ้ ยา ขอ้ บกพรอ่ ง…….......................................................................................................................... ……............................................................................................................................................. ประโยคท่ีแก้ไข…….................................................................................................................... ……............................................................................................................................................ ๒๒ ชุดการเรียน วิชาทกั ษะภาษาไทยเชงิ วชิ าชีพ
เอกสารอ้างองิ กองเทพ เคลอื บพณิชกุล. (๒๕๔๒). การใชภ้ าษาไทย. กรงุ เทพฯ : โอเดียนสโตร.์ กอบกาญจน์ วงศ์วสิ ิทธ์ิ. (๒๕๔๙). ทกั ษะภาษาเพอื่ การส่ือสาร. กรุงเทพฯ : โอเดยี นสโตร.์ กาญจนา นาคสกุล. (๒๕๒๑). การใช้ภาษาไทย. กรงุ เทพฯ : เคล็ดไทย. กำชยั ทองหล่อ. (๒๕๔๒). หลักภาษาไทย. กรุงเทพฯ : รวมสาสน์ . คณะกรรมการวิชาภาษาไทยเพ่อื การสื่อสาร ศูนยว์ ิชาบรู ณาการ หมวดวิชาศึกษาท่ัวไป. (๒๕๔๙). ภาษาไทยเพ่ือการสื่อสาร. กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร.์ คณาจารยภ์ าควชิ าภาษาไทยเพือ่ การสื่อสาร คณะมนษุ ยศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการคา้ ไทย. (๒๕๔๒). ภาษาไทยเพ่ือการส่อื สาร. พมิ พ์ครง้ั ท่ี ๒. กรงุ เทพฯ : ดับเบิ้ลนายน์พรน้ิ ต้งิ . คณาจารยภ์ าควิชาภาษาไทย คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร.์ นวภรณ์ อุ่นเรอื น. (๒๕๖๐). ภาษาไทยเพอ่ื สอื่ สารในงานอาชพี . กรุงเทพฯ : ซีเอด็ ยเู คชนั่ . ราชบณั ฑิตยสถาน. (๒๕๕๖). พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔. พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๒. กรุงเทพฯ : ราชบณั ฑิตยสถาน. ชุดการเรยี น วิชาทักษะภาษาไทยเชงิ วิชาชพี ๒๓
แผนการเรยี น มอดูลท่ี ๑.๒ การใช้สำนวนโวหารในการสือ่ สารให้เกิดประสิทธิภาพ มอดูลท่ี ๑.๒ โปรดอ่านหัวข้อเรื่อง แนวคิดและจุดประสงค์การเรียนของมอดูลที่ ๑.๒ แล้วจึงศึกษา รายละเอียดต่อไป หัวข้อเรอ่ื ง ๑.๒.๑ สำนวน ๑) ความหมาย ๒) ลักษณะของสำนวนไทย ๓) สำนวนที่เกดิ ขนึ้ ใหม่ ๔) หลักการใช้สำนวน ๑.๒.๒ โวหาร ๑) ความหมาย ๒) ประเภทของโวหาร ๓) หลักการเขยี นและใชโ้ วหาร ๑.๒.๓ การเรียบเรียงถ้อยคำ แนวคิด สำนวนเป็นถ้อยคำที่เรียบเรียง มีความหมายเชิงเปรียบเทียบ ลึกซึ้ง บางครั้งรวมถึงคำ พังเพย และสุภาษิต เมื่อนำไปใช้ควรเข้าใจความหมาย และใช้ได้อย่างถูกต้องในการสื่อสารเรื่องราว ใด ๆ ก็ตาม ถ้าผู้ส่งสารสามารถเลอื กแบบการใช้โวหารได้ถูกต้อง เหมาะสมก็จะทำให้การส่ือสารน้ัน น่าสนใจยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องศึกษาเรื่องโวหารที่ใช้ในการสื่อสาร เพื่อให้สามารถเลือกใช้ได้อย่าง มี ประสทิ ธิภาพ ๒๔ ชุดการเรียน วชิ าทกั ษะภาษาไทยเชงิ วชิ าชพี
จุดประสงค์การเรียน ๑. เม่อื ศึกษาหัวข้อเร่ืองที่ ๑.๒.๑ “สำนวน”แลว้ ผู้เรยี นสามารถใชส้ ำนวนไดถ้ ูกตอ้ ง ๒. เมือ่ ศึกษาหวั ขอ้ เร่ืองท่ี ๑.๒.๒ “โวหาร”แล้ว ผเู้ รยี นสามารถใชโ้ วหารไดถ้ ูกตอ้ ง กิจกรรมการเรียนการสอน ๑. ศกึ ษาเอกสารโมดลู ที่ ๑.๒ ๒. ทำกิจกรรมจาก ๑.๘ - ๑.๙ จากส่ือดิจทิ ลั ๓. ทำกิจกรรมใบงานท่ี ๑.๒.๑ - ๑.๒.๓ ชุดการเรยี น วิชาทักษะภาษาไทยเชงิ วิชาชีพ ๒๕
รจู้ ักสำนวนไทย...นำไปใช้ ใหถ้ ูกต้อง เนือ้ หา ๑. สำนวน ๑.๑ ความหมายของสำนวน สำนวน หมายถึง กล่มุ คำทีเ่ รียบเรียงข้นึ โดยไมเ่ คร่งครัดหลักไวยากรณม์ ีความหมายไม่ ตรงตามตัว แต่มีความหมายอนื่ แฝงอยู่ มกั เปน็ ในเชิงเปรยี บเทยี บ ๑.๒ ท่มี าของสำนวนไทย สำนวนไทย มีที่มาจากแหล่งตา่ ง ๆ มากมาย ดังท่ี กาญจนา นาคพนั ธ์ุ (๒๕๑๓) กล่าว ว่า “สำนวนนัน้ เกิดมากจากมูลเหตุต่าง ๆ เป็นต้นว่า เกิดจากธรรมชาติ เกิดจากการกระทำ เกิดจาก สิ่งแวดล้อม เกิดจากอุบัติเหตุ เกิดจากการเล่น เกิดจากเรื่องแปลก ๆ ที่ปรากฏขึ้น เกิดจากนิทาน ตำนาน ตลอดจนพงศาวดาร หรือประวัติศาสตร์ มูลเหตุดังกล่าว ใครช่างคิดช่างนึกช่างสังเกต และ เป็นคนมีโวหาร ก็นำเอาแต่ใจความมาพูดสั้น ๆ เป็นการเปรียบบ้าง เปรยบ้าง กระทบบ้าง ประชด ประชันบา้ ง พดู เลน่ สนุก ๆ กม็ ี พูดเตอื นสติให้คดิ กม็ ตี ่าง ๆ กนั ” ดังตวั อย่าง ๑.๒.๑ เกิดจากธรรมชาติ ตื่นแต่ไก่โห่ ลมเพลมพัด น้ำซึมบ่อทราย นำ้ ทว่ มปาก นำ้ ลดตอผุด ลมสงบ ๑.๒.๒ เกิดจากการเลน่ จนมมุ เข้าปงิ้ ไพต่ าย ม้วนเสอื่ ศอกกลบั งูกนิ หาง รกุ ฆาต เกทบั ๑.๒.๓ เกดิ จากวฒั นธรรมประเพณี บ้านเมอื งมีขื่อมีแป ฝังรกฝกั ราก ตอ้ นรบั ขับสู้ ไปมาลาไหว้ ๑.๒.๔ เกดิ จากศาสนา เจา้ ไมม่ ีศาล ปดิ ทองหลังพระ ทำคุณบชู าโทษ ควำ่ บาตร ขนทรายเข้าวัด กินบ้านกินเมอื ง ๒๖ ชุดการเรียน วชิ าทกั ษะภาษาไทยเชงิ วชิ าชีพ
๑.๒.๕ เกดิ จากความประพฤติ ตำนำ้ พริกละลายแม่นำ้ ชุบมือเปิบ ผกั ชีโรยหนา้ คนตายขายคนเป็น กินบ้านกนิ เมือง ข้าวแดงแกงร้อน ๑.๒.๖ เกิดจากอบุ ัติเหตุ ตกกระไดพลอยโจน พลัง้ ปากเสยี สนิ พล้งั ตีนตกตน้ ไม้ ตกทีน่ ัง่ ลำบาก ตกหลุมพราง ตกล่องปล่องชนิ้ ๑.๒.๗ เกดิ จากเคร่อื งมือเคร่อื งใชต้ ่าง ๆ หอกขา้ งแคร่ หน้าสว่ิ หนา้ ขวาน ลม้ หมอนนอนเสือ่ ตดิ รา่ งแห หวั ล้านได้หวี ตาบอดไดแ้ วน่ ๑.๒.๘ เกิดจากอวัยวะในร่างกาย แก้ตวั ถอ่ มตน ปากหนกั ตาแหลม คอแขง็ ใจจืด คอตก หน้าเลอื ด ๑.๒.๙ เกดิ จากสัตว์ นกสองหัว ววั สันหลังหวะ สนุ ขั จนตรอก วัวลืมตนี จระเขข้ วางคลอง หมาเหา่ ใบตองแห้ง ๑.๒.๑๐ เกิดจากพืชพนั ธุต์ ่าง ๆ ออ้ ยเขา้ ปากช้าง มะนาวไม่มนี ำ้ เด็ดบวั ไม่เหลอื ใย หญา้ ปากคอก ไม้ใกล้ฝั่ง ดอกพิกุลรว่ ง ๑.๒.๑๑ เกดิ จากประวตั ิศาสตร์ ข้าวยากหมากแพง นอนหลับทบั สิทธ์ิ ศกึ เหนือเสอื ใต้ กระเบือ้ งจะเฟือ่ งฟลู อย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม กรงุ ศรีอยธุ ยาไมส่ น้ิ คนดี ๑.๒.๑๒ เกิดจากเรอ่ื งราวในวรรณคดีจากนทิ านตา่ ง ๆ ลูกทรพี วดั รอยเทา้ งอมพระราม กระตา่ ยตื่นตูม บ่างช่างยุ กบเลอื กนาย ใจดีสู้เสอื กง้ิ กา่ ได้ทอง ชดุ การเรยี น วชิ าทกั ษะภาษาไทยเชิงวชิ าชีพ ๒๗
๑.๓ คณุ คา่ ของสำนวนไทย ๑.๓.๑ ใช้เป็นเครื่องเตือนใจให้คิด เป็นเครื่องมือในการอบรมสั่งสอน แนะนำ ชแี้ นวทางควรปฏบิ ตั ิอยา่ งนมุ่ นวลละเมียดละไม หลีกเลยี่ งการหักหาญนำ้ ใจ ดงั น้ี แนะนำสั่งสอนด้านความรักและการครองเรอื น ⚫ อย่าชงิ สกุ กอ่ นหา่ ม ⚫ ปลูกเรือนตามใจผูอ้ ยู่ แนะนำดา้ นใหก้ ารศกึ ษาอบรม ⚫ รกั วัวใหผ้ กู รักลกู ใหต้ ี ⚫ เห็นช้างข้ี ขีต้ ามชา้ ง แนะนำด้านการพูดจา และความประพฤติ ⚫ ปลาหมอตายเพราะปาก ⚫ น้ำข่นุ ไวใ้ น น้ำใสไว้นอก ๑.๓.๒ สะทอ้ นให้เห็นถงึ ความคดิ ความเชอื่ ขนบธรรมเนียมประเพณีของไทย ดงั นี้ ความเชอ่ื ทางศาสนา ⚫ มารผจญ ⚫ สวรรค์ในอก นรกในใจ ความเช่ือเกีย่ วกบั ดวงชะตา โชค เคราะห์ ⚫ เงาไม่มหี ัว ⚫ เคราะห์หามยามร้าย ความเช่อื ในเรือ่ งผสี างเทวดา ⚫ ผีเขา้ ผีออก ⚫ ลกู ผลี ูกคน ความเช่ือเกียรตยิ ศชอื่ เสียง ⚫ สมภารกินไกว่ ดั ⚫ เสียชพี อยา่ เสียสัตย์ ๑.๓.๓ สะทอ้ นใหเ้ ห็นภาวะความเป็นอยู่ของสงั คมในด้านตา่ ง ๆ ดังน้ี ด้านอาชพี ⚫ ววั หายลอ้ มคอก ⚫ ตีวัวกระทบคราด ๒๘ ชุดการเรียน วชิ าทกั ษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ
การดำรงชวี ิต ⚫ อยา่ ไวใ้ จทางอย่าวางใจคน ⚫ กำลงั กิน กำลังนอน ดา้ นเศรษฐกจิ ⚫ เข้าพกเข้าห่อ ⚫ นุง่ เจยี มหม่ เจียม ๑.๓.๔ สะทอ้ นให้เหน็ ลกั ษณะอุปนสิ ยั และพฤติกรรมของคนไทย ดงั น้ี ⚫ ลน่ื เหมอื นปลาไหล ⚫ ยใุ ห้รำตำใหร้ ่ัว ๑.๓.๕ สำนวนไทยทำให้การพูด การเขียนมีอรรถรส ช่วยให้การอธิบายหรือเขียน ข้อความทีย่ ืดยาวมารวบความใหส้ น้ั กะทดั รดั ไดใ้ จความท่ีกระทบใจ ใหข้ อ้ คดิ และตคี วาม สรา้ งความ สนใจได้มาก ทำใหก้ ารใชภ้ าษาในการสื่อสารมอี รรถรสย่งิ ขึ้น เชน่ ไตไ่ มล้ ำเดียว : กระทำสง่ิ ใด ๆ ตามลำพังตวั คนเดยี ว โดยไม่พ่งึ พา อาศยั ผอู้ น่ื อาจพลาดพล้งั ได้ ทบทวนความรู้ เข้าใจสำนวนไทยกันดีกวา่ ๑. ทำกิจกรรมท่ี ๑.๘ ต่อเติมสำนวนไทย https://h5p.org/node/453853 และ กิจกรรมที่ ๑.๙ จบั คู่สำนวนกับความหมาย https://h5p.org/node/453850 ๒. ทำกจิ กรรมใบงานที่ ๑.๒.๑ เร่อื ง การใช้สำนวนไทย และ ใบงานที่ ๑.๒.๒ เรอ่ื ง ค้นหาสำนวน สภุ าษิต ชดุ การเรยี น วชิ าทกั ษะภาษาไทยเชงิ วิชาชพี ๒๙
๒. โวหาร โวหารสมั พันธ์กบั การเขียน ...มาเรยี นรกู้ ัน ๒.๑ ความหมายของโวหาร โวหาร หมายถึง ถ้อยคำที่ใช้ในการสื่อสารทีเ่ รียบเรียงเป็นอย่างดี มีวิธีการ มีชั้นเชงิ และมี ศิลปะ เพื่อสื่อใหผ้ ู้รับสารรับสารได้อย่างแจ่มแจ้ง ชัดเจนและลึกซึ้ง รับสารได้ตามวัตถุประสงค์ของผู้ สง่ สาร ๒.๒ ประเภทของโวหาร ๒.๒.๑ บรรยายโวหาร คือโวหารที่ใช้ในการเล่าเรื่องหรือบรรยายอย่างละเอียด เน้นการ ดำเนินเรื่องไปตามลำดับ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องอย่างละเอียด มักใช้ในการเรียบเรียงประวัติ เร่ืองราว เหตกุ ารณ์ ตำนาน จดหมายเหตุ บันทึกเร่อื งราวทางวิชาการ หลักการเขียนบรรยายโวหาร ๑. วางจุดมุ่งหมายในการเขียนไว้อย่างแน่นอนว่า จะให้ผู้อ่านได้รับความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ หรอื ความเพลดิ เพลนิ ๒. เลือกสรรข้อมูลและหลักฐานที่จะนำมาประกอบการเล่าเรื่อง เพื่อให้เรื่องราว นา่ ประทบั ใจ ติดอยู่ในความทรงจำของผู้อ่านมากข้นึ ๓. ลำดบั ความคิดเรอ่ื งราวได้อย่างมีระเบียบ ๔. เลือกใช้ถ้อยคำที่เรยี บง่ายแต่ชัดเจน ๕. เขียนบรรยายอยา่ งตรงไปตรงมา สูจ่ ดุ หมายและแนวคดิ สำคญั ของเร่อื ง ๒.๒.๒ พรรณนาโวหาร เป็นการใช้ภาษาชี้แจงเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างละเอียด กล่าวรำพงึ ถึงความรูส้ กึ นึกคดิ ในด้านความรัก ความเศรา้ โศก คร่ำครวญ ส่วนมากใชใ้ นงานประพนั ธ์ท้ังนวนิยาย และบทร้อยกรอง หลกั ในการเขียนพรรณนาโวหาร มีดงั นี้ ๑. ใหร้ ายละเอียดอยา่ งถกู ตอ้ ง ชัดเจน ๒. พรรณนาความทจ่ี ะกล่าวถงึ ให้เห็นเปน็ รูปธรรมได้ ๓. เนน้ การใช้ภาษาแสดงภาพเพ่อื สร้างอารมณ์และจนิ ตนาการแกผ่ ูอ้ า่ น ๒.๒.๓ เทศนาโวหาร เป็นข้อความที่กล่าวชี้แจง แนะนำ สั่งสอน อันประกอบด้วยเหตุและ ผล เพือ่ ชักจูงให้ผอู้ ่าน ผู้ฟงั เชอ่ื ถอื และกระทำตาม ๓๐ ชุดการเรยี น วิชาทกั ษะภาษาไทยเชิงวชิ าชพี
๒.๒.๔ อปุ มาโวหาร เป็นข้อความทกี่ ล่าวเปรียบเทยี บ เพือ่ ใหเ้ กดิ ความคิดและปัญญา ๒.๒.๕ สาธกโวหาร เปน็ ข้อความท่ยี กมาเป็นอทุ าหรณ์ หรอื ตวั อยา่ ง เพื่อใหเ้ น้ือความเด่นชัด และเข้าใจยงิ่ ขึ้น มักใช้ประกอบเทศนาโวหาร เพื่อตอ้ งการชแี้ จง สงั่ สอนหรอื ชกั ชวนให้เกิดเหน็ จรงิ ๓. การเรียบเรียงถ้อยคำ ในการเรียบเรียงถ้อยคำควรคำนึงถึงหลกั เกณฑด์ ังต่อไปนี้ ๑. ใช้คำให้เหมาะสมกับระดบั การส่อื สาร เชน่ ภาษาระดับพธิ ีการ ภาษาระดบั ทางการ ภาษาระดับก่งึ ทางการ ภาษาระดบั สนทนา และภาษาระดับปาก ๒. ใช้คำให้ตรงจุดประสงค์ การสื่อสารแต่ละครั้งผู้ส่งสารต้องเลือกใช้คำให้ตรงกับ ความหมายและจดุ ประสงค์ เช่น เพือ่ ถา่ ยทอดความรู้ แลกเปลี่ยนความคดิ เห็น หรือเพอื่ โนม้ น้าวใจ ๓. ใช้คำคำไทย ในการเรยี บเรียงถ้อยคำพยายามเลือกใช้คำไทยแทนการใช้คำทับศัพท์ โดยไมจ่ ำเป็น ๔. ใชค้ ำชนดิ ต่าง ๆ ใหถ้ ูกตอ้ งตามหลกั ภาษาไทย คอื คำนาม คำสรรพนาม คำกริยา คำวเิ ศษณ์ คำบุพบท คำสนั ธานและคำอุทาน ๕. ใช้ลกั ษณนามให้ถกู ตอ้ ง การเรียบเรียงย่อหนา้ จะตอ้ งคำนงึ ถงึ หลักตอ่ ไปน้ี ๑. เอกภาพ หมายถึง ความเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งใจความสำคัญและข้อความขยายจะต้อง เป็นเร่อื งเดียวกัน ๒. สมั พนั ธภาพ หมายถงึ ข้อความในแต่ละย่อหนา้ จะต้องมคี วามต่อเนื่องสอดคล้องกนั ๓. สารตั ถภาพ หมายถงึ การเนน้ เนอ้ื ความหรอื ใจความหลักใหโ้ ดดเดน่ ฝกึ เรยี บเรียงถ้อยคำให้ช่ำชอง แล้วทดลองทำแบบทดสอบท้ายบทเรยี น ๑. ทำกิจกรรมใบงานที่ ๑.๒.๓ เรอื่ ง การเรียบเรยี งถ้อยคำ ๒. ทำแบบประเมินตนเองหลงั เรียน http://bit.ly/thai-test1 ชดุ การเรยี น วชิ าทกั ษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ ๓๑
เอกสารอา้ งองิ กาญจนา นาคพนั ธุ์. (๒๕๑๓). สำนวนไทย. พระนคร : บำรงุ สาสน์ . นวภรณ์ อุ่นเรือน. (๒๕๖๐). ภาษาไทยเพ่ือสื่อสารในงานอาชพี . กรุงเทพฯ : ซเี อ็ดยเู คชน่ั . ราชบัณฑติ ยสถาน. (๒๕๕๖). พจนานกุ รม ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔. พมิ พค์ รง้ั ที่ ๒. กรงุ เทพฯ : ราชบณั ฑติ ยสถาน. ศรีเพ็ญ มะโน. (๒๕๕๒). เอกสารประกอบการสอนวชิ าทักษะภาษาไทยเพ่ืออาชพี รหัสวิชา ๓๐๐๐-๑๑๐๑. พะเยา : วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยพี ะเยา. สมบตั ิ คิว้ ฮก. (ม.ป.ป.) วิถชี ีวติ ที่พอเพียง ใน สมุดบันทกึ เศรษฐกิจพอเพยี ง. ม.ป.ท. ๓๒ ชดุ การเรียน วิชาทกั ษะภาษาไทยเชงิ วชิ าชพี
กจิ กรรมที่ ๑.๒.๑ เรอ่ื ง การใชส้ ำนวนไทย จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม นักศกึ ษาบอกสำนวนท่ีเหมาะสมกับพฤติกรรมและสถานการณท์ ี่กำหนดได้ คำสง่ั ใหน้ ักศึกษาเตมิ สำนวนทเี่ หมาะสมกับพฤตกิ รรมและสถานการณ์ทีก่ ำหนดให้ ๑. เขาไม่โตเ้ ถยี งแม้จะมคี นมาหาเรอื่ ง เพราะถอื คติ แพ้เป็นพระ .................................... ๒. เธออย่าเพ่งิ ไวใ้ จใครงา่ ย ๆ โบราณทา่ นวา่ คบคนใหด้ ูหนา้ ...................................... ๓. ไปอยทู่ ี่ไหนกต็ อ้ งทำตามกฎของเขา น่นั คอื เขา้ เมืองตาหล่วิ ....................................... ๔. ถ้าอยากรกั ษามิตรภาพใหย้ ัง่ ยนื ต้องรจู้ กั ทำตัวเปน็ คน รักยาวใหบ้ ่นั ........................... ๕. โชคดที ่ีลูกชายเรายังกลบั ตัวไดถ้ อื ว่าเป็น ต้นรา้ ย......................................................... ๖. เปดิ เทอมมานักศกึ ษาบางคนทำทา่ ตงั้ ใจเรยี น แต่สดุ ทา้ ยก็ ทา่ ดี................................. ๗. ศาลตัดสินประหารชวี ติ นายแพทยท์ ฆ่ี ่าหน่ั ศพภรรยา น่าเสียดาย ความรทู้ ่วมหวั ................................. แท้ ๆ ๘. คนแบบนีเ้ ขาเรียกวา่ คดในขอ้ ........................................... ไม่สมควรคบหาดว้ ย ๙. ผู้หญิงอะไร สวยแตร่ ูป............................................. พูดจาหยาบคายไมน่ ่าฟงั ๑๐. รกั ในวัยเรียนไม่เป็นไร แตอ่ ย่า ชงิ สกุ .......................................... ก็แล้วกัน ชดุ การเรยี น วิชาทกั ษะภาษาไทยเชิงวชิ าชพี ๓๓
กจิ กรรมท่ี ๑.๒.๒ คน้ หาสำนวน สุภาษิต จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม 1. ๑. นกั ศึกษาระบถุ ้อยคำที่เปน็ สำนวนไทยได้ 2. ๒. นกั ศึกษาอธิบายความหมายของสำนวนได้ถูกต้อง คำสั่ง ให้นักศึกษาอ่านบทความต่อไปนี้ แล้วค้นหาสำนวน สุภาษิตที่ปรากฏ พร้อมทั้งอธิบาย ความหมาย บทความเรอ่ื ง การเป็นคนดี สวัสดีทุกคน วันนี้เรามาพูดถึงเรื่องการเป็นคนดี ความดีเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรกระทำ มีคนกล่าวว่า คนดีผีคุ้ม ไปอยู่ที่ไหนใคร ๆ ก็รัก หรือที่เรามักเคยได้ยินว่า รักดีหามจั่ว รักชั่ว หามเสา หมายความว่า คนทป่ี ระพฤตดิ ี ขยันหมัน่ เพยี รย่อมได้ทำงานท่ดี ี ส่วนคนเกียจคร้าน ยอ่ มลำบากได้ทำงานทีไ่ ม่ดี การทเ่ี ราจะเปน็ คนดไี ดม้ อี งคป์ ระกอบหลายอยา่ ง ช่น คบเพื่อนดี เพราะเพื่อนมีอิทธิพลต่อชีวิตเรามาก การเลือกคบเพื่อนจึงมีความสำคัญ นั่นคือ คบคนพาล พาลไปหาผิด คบบณั ฑิต บณั ฑติ พาไปหาผล และตอ้ งมคี วามมานะอดทนในการทำงาน โดย ยึดคติที่ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ต้องรู้จักอดออม มีความซื่อตรง ดังที่ผู้ใหญ่สอนกันมาว่า ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน นอกจากนี้ การเป็นคนดีนั้นต้อง แสดงออกทั้งด้านความประพฤติและวาจาด้วย ซึ่งเรามักได้ยินมาเสมอว่า สำเนียงส่อภาษา วาจาสอ่ สกุล ผ้ใู ดที่ดำเนินชีวติ อย่างเป็นปกตติ ามครรลองครองธรรม ไม่เบยี ดเบยี นตนเองและ ผอู้ นื่ ย่อมได้ชื่อว่าเปน็ คนดี ดังน้นั การเปน็ คนดจี งึ ไม่ใช่เรื่องยาก ๓๔ ชุดการเรยี น วิชาทกั ษะภาษาไทยเชงิ วชิ าชีพ
กจิ กรรมที่ ๑.๒.๓ เร่อื ง การเรียบเรยี งถอ้ ยคำ จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม นักศึกษาสามารถเรยี บเรยี งถอ้ ยคำโดยใชส้ ำนวนโวหาร ท่ีเหมาะสมได้ คำช้ีแจง ใหน้ ักศึกษาเขยี นเรียบเรยี งถอ้ ยคำจากรปู ที่ใหม้ า โดยใช้สำนวนโวหารท่ี เหมาะสมถูกต้องตามหลกั การเขียนย่อหนา้ (คะแนนเตม็ ๕ คะแนน) สมบัติ ค้ิวฮก. (ม.ป.ป.) วถิ ีชวี ติ ทพี่ อเพียง ใน สมุดบนั ทกึ เศรษฐกจิ พอเพยี ง. ม.ป.ท. ชดุ การเรยี น วิชาทกั ษะภาษาไทยเชิงวิชาชีพ ๓๕
ภาคผนวก ชดุ การเรยี น วชิ าทักษะภาษาไทยเชิงวชิ าชพี ๓๗
กิจกรรมท่ี ๑.๑.๒ เรือ่ ง ประโยค จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม เพือ่ ใหน้ กั ศกึ ษาระบโุ ครงสรา้ งและชนดิ ของประโยคได้ คำชแ้ี จง ให้นักศึกษาเติมโครงสร้างและชนดิ ของประโยคลงในชอ่ งว่างที่กำหนดให้ ประโยค ภาคประธาน ภาคแสดง ประธาน ขยายประธาน กรยิ า กรรม ขยายกรรม ขยายกรยิ า ชนดิ ของประโยค ประโยคความเดยี ว ประโยคความรวม ประโยคความซ้อน ๓๘ ชดุ การเรียน วชิ าทกั ษะภาษาไทยเชงิ วชิ าชีพ
กจิ กรรมท่ี ๑.๑.๓ เรื่อง ชนดิ ของประโยค จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม เพ่ือให้นกั ศกึ ษาแยกชนิดของประโยคได้ คำชแ้ี จง ใหน้ ักศกึ ษาทำเครอ่ื งหมาย ในช่องทตี่ รงกบั ชนดิ ของประโยค ประโยค ความ ความ ความ เดียว รวม ซ้อน ๑. ฝนตกกอ่ นฟ้ารอ้ ง ๒. ปลาใหญ่วา่ ยน้าในทะเลลกึ √ ๓. ฉนั ชอบนกั เรยี นทต่ี งั้ ใจเรยี น √ ๔. พอฝนซาฟ้ากส็ ดใส ๖. แมแ่ ละพอ่ ไปตลาดหน้าหม่บู า้ น √ ๖. พช่ี ายฉนั เกง่ ดา้ นวชิ าการมาก √ ๗. กานตเ์ ป็นเดก็ ทร่ี จู้ กั กาลเทศะ ๘. นกแกว้ ตวั นนั้ พดู ไดค้ ลอ่ ง √ ๙. กมลชยั ทาการบา้ นเมอ่ื วนั อาทติ ย์ ๑๐. เราจะเป็นคนดหี รอื คนเก่ง √ ๑๑. ขนุ จะไปเชยี งใหมแ่ ต่เขม้ จะไปยะลา √ ๑๒. ลลุ าชอบดอกไมส้ ขี าว ๑๓. พลอยไปตดั เสอ้ื และทาเลบ็ √ ๑๔. สุนขั ของฉนั เป็นสตั วเ์ ลย้ี งทซ่ี ่อื สตั ยม์ าก √ ๑๕. ณเดชน์อา่ นหนงั สอื แต่ญาญ่าออกกาลงั กาย √ √ √ √ √ √ ชดุ การเรยี น วิชาทักษะภาษาไทยเชงิ วิชาชีพ ๓๙
เฉลยแนวตอบกิจกรรมที่ ๑.๑.๔ การใชป้ ระโยค ๑. รถตุ๊กตุ๊กคันนี้เกา๊ เก่า แถมยังขับซ่งิ อกี ข้อบกพร่อง - ใช้คำภาษาพูด – รถตุ๊กตุ๊ก, ใช้คำซ้อน - เก๊าเก่า, ใช้คำเชื่อมประโยคไม่ถูกต้อง – แถม และใช้คำสแลง – ซง่ิ ประโยคแก้ไข- รถสามล้อเครือ่ งคันน้เี ก่ามาก แต่ยังขบั เรว็ อีก ๒. สังคมปัจจุบนั ทุกวนั น้ี มักทอดทิ้งให้คนแก่อยกู่ ันตามลำพงั ดแู ลว้ นา่ สมเพชเวทนา ข้อบกพร่อง - ใช้คำฟุ่มเฟือย – ปัจจุบันทุกวันนี้, ใช้คำที่ให้ความหมายในทางไม่ดีคือคนแก่ และ สมเพชเวทนา ประโยคท่แี กไ้ ข - สงั คมทกุ วนั น้ี มกั ทอดทิ้งให้คนชราอยูก่ นั ตามลำพงั ดูแล้วน่าเหน็ ใจ ๓. เหตกุ ารณ์กลับโอละพ่อ เรื่องสาวกุขา่ ว ผัวตัวเองแบลค็ เมล์ ข้อบกพรอ่ ง - ใชค้ ำพูด - โอละพ่อ, กขุ ่าว, ผวั , ใช้คำภาษาต่างประเทศ - แบลค็ เมล์ ประโยคท่แี กไ้ ข - เหตกุ ารณพ์ ลกิ กลบั เร่ืองสาวสร้างข่าวถกู สามีตัวเองหกั หลัง ๔. ต.ร. เปา่ ๓ โจรค้ายานรกแดดิน้ ข้อบกพร่อง - ใช้คำย่อ – ต.ร., ใช้ภาษาหนังสอื พิมพ์เป่า ๓ โจร, ใช้คำไม่ตรงความหมาย – ยานรก, ใช้คำภาษาปาก - แดด้นิ ประโยคทแี่ ก้ไข - ตำรวจยงิ โจรคา้ ยาเสพติดเสียชวี ิต ๓ คน ๕ เจ้าหน้าที่จัดให้มกี ารทดสอบ น.ร. ก่อนนำไปฟงั ปฐมนเิ ทศก์ ขอ้ บกพรอ่ ง - ใชค้ ำฟมุ่ เฟือย – จัดใหม้ ีการ, ใชค้ ำย่อ น.ร., สะกดคำผิด ปฐมนเิ ทศ ประโยคที่แกไ้ ข – เจ้าหนา้ ท่ีทดสอบนักเรยี นกอ่ นนำไปฟังปฐมนิเทศ ๔๐ ชุดการเรียน วิชาทกั ษะภาษาไทยเชงิ วชิ าชพี
เฉลยแนวตอบกิจกรรมที่ ๑.๒.๑ เรื่อง สำนวนสภุ าษิต คำส่งั ให้นักศกึ ษาเตมิ สำนวนที่เหมาะสมกับพฤตกิ รรมและสถานการณท์ ่กี ำหนดให้ ๑. แพ้เป็นพระ ชนะเปน็ มาร ๒. คบคนใหด้ หู นา้ ซอ้ื ผ้าให้ดเู น้อื ๓. เขา้ เมอื งตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม ๔. รกั ยาวให้บั่น รักส้นั ให้ต่อ ๕ ตน้ ร้าย ปลายดี ๖ ทา่ ดี ทเี หลว ๗. ความรู้ท่วมหวั เอาตวั ไม่รอด ๘. คดในข้อ งอในกระดกู ๙. สวยแตร่ ปู จบู ไมห่ อม ๑๐.ชงิ สุก ก่อนห่าม เฉลยกิจกรรมที่ ๑.๒.๒ บทความเรื่อง การเปน็ คนดี ๑. คนดีผคี ุม้ หมายถงึ คนทไี่ ปอยทู่ ไี่ หนใคร ๆ ก็รัก ๒. สำเนียงสอ่ ภาษา วาจาส่อสกุล หมายถึง การเป็นคนดีนั้นต้องแสดงออกทั้งด้านความประพฤติ และวาจาดว้ ย ๓. คบคนพาลพาลไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล หมายถึง คบเพื่อนดี เพราะเพื่อนมี อิทธิพลต่อชีวิตเรามาก การเลือกคบเพ่อื นจงึ มีความสำคัญ ๔. ซอ่ื กนิ ไมห่ มด คดกนิ ไมน่ าน หมายถงึ ความพยายามอยทู่ ่ีไหน ความสำเรจ็ อยู่ท่นี ัน่ ซ่งึ ตอ้ งรู้จัด อดออม มคี วามซ่อื ตรง ๕. รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หมายถึง คนที่ประพฤติดี ขยันหมั่นเพียรย่อมได้ทำงานที่ดี และ เกียจครา้ นย่อมได้ทำงานที่ไม่ดี ชุดการเรยี น วิชาทกั ษะภาษาไทยเชิงวชิ าชีพ ๔๑
เฉลยแบบประเมนิ ตนเองกอ่ นเรียน หน่วยที่ ๑ ข้อ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ งคขกขตคงขง เฉลยแบบประเมนิ ตนเองหลังเรียน หน่วยที่ ๑ ขอ้ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ขกงคกขงคกก ๔๒ ชดุ การเรียน วิชาทกั ษะภาษาไทยเชิงวิชาชพี
Search