Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

M4

Published by yingjarnya, 2018-06-09 00:53:21

Description: M4

Search

Read the Text Version

ใบงานที่ 1.2 เฉลย เร่อื ง การพฒั นาโครงงานทางด้านเทคโนโลยีคาช้ีแจง : นาขั้นตอนเบอื้ งต้นของการพัฒนาโครงงานทางดา้ นเทคโนโลยเี ติมหน้าประโยคทีส่ มั พนั ธก์ นั กาหนดปัญหา วเิ คราะห์ระบบ ออกแบบระบบ พฒั นาระบบและทดสอบระบบ ติดตง้ั ระบบ บารงุ รกั ษาระบบพฒั นาระบบและทดสอบระบบ 1. การเขยี นชุดคาสั่งต่าง ๆ เพื่อสร้างซอฟตแ์ วร์กาหนดปัญหา 2. ประชมุ ทีมงานผู้พฒั นาเพ่ือกาหนดหนา้ ที่ให้แก่ทีมงานบารุงรกั ษาระบบ 3. การปรับเปลยี่ นการทางานบางประการใหท้ นั สมัยมากขึน้วเิ คราะห์ระบบ 4. ขน้ั ตอนที่ต้องลงพ้นื ท่สี ัมภาษณ์ผูใ้ ช้งานเพื่อเก็บข้อมูลต่าง ๆบารุงรักษาระบบ 5. การแกไ้ ขจดุ บกพร่องทเ่ี กิดขึ้นหลังจากการใช้งานในสภาพแวดล้อมจรงิออกแบบระบบ 6. ขน้ั ตอนการกาหนดวธิ ีการแก้ปัญหาตา่ ง ๆ จากขั้นตอนการวเิ คราะหร์ ะบบออกแบบระบบ 7. ขน้ั ตอนทีก่ าหนดขัน้ ตอนการทางานโดยใช้แผนภาพแสดงลาดบั ขั้นตอนการทางานกาหนดปญั หา 8. ขัน้ ตอนการจัดทาแผนการดาเนินงาน ซง่ึ ถือว่าเป็นผลลพั ธ์ของขน้ั ตอนการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ และการวางแผนวิเคราะห์ระบบ 9. หลังจากการสัมภาษณ์เพอื่ เก็บข้อมูล ทมี ผู้พฒั นาควรนาข้อมลู ที่ได้จากการสัมภาษณม์ า วเิ คราะห์หาข้อมลูพฒั นาระบบและทดสอบระบบ10. การทดสอบระบบงานวา่ สามารถทางานได้อยา่ งถูกต้องและตรงตามความต้องการของผใู้ ชง้ านติดตง้ั ระบบ 11. การนาซอฟต์แวร์และระบบงานใหม่ท่ีเสรจ็ สมบูรณม์ าติดตง้ั ในสภาพแวดลอ้ มการทางานจริงวิเคราะหร์ ะบบ 12. แผนภาพกระแสข้อมลู เป็นเครื่องมือทีใ่ ช้ในการเขียนแผนภาพจาลองการทางานขงกระบวนการตา่ ง ๆ ในระบบ ซง่ึ นามาใช้วเิ คราะหแ์ ละออกแบบระบบเชงิ โครงสรา้ งตดิ ต้ังระบบ 13. กรณที ี่มรี ะบบงานเดิมควรใชง้ านระบบงานใหม่ควบคู่กับระบบงานเดมิ โดยใช้ข้อมูลชดุ เดียวกัน และเปรยี บเทยี บผลลัพธว์ ่าตรงกันหรือไม่กาหนดปัญหา 14. ทมี ผพู้ ฒั นาซอฟตแ์ วร์ทาการวิเคราะห์ความเป็นไปไดใ้ นการพัฒนาซอฟตแ์ วรว์ ่าจะสามารถดาเนินการ ไดส้ าเร็จหรือไม่ ภายใตป้ จั จัยตา่ ง ๆวิเคราะห์ระบบ 15. ข้นั ตอนท่มี ีขนั้ ตอนย่อย 4 ขน้ั ตอน คอื สมั ภาษณ์ผใู้ ชง้ าน วเิ คราะหป์ ัญหาและ ความต้องการ กาหนด ขอบเขตของระบบงาน และวเิ คราะหก์ ลุม่ กระบวนการทางาน 48

9. ความเห็นของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรือผ้ทู ไ่ี ด้รับมอบหมาย ) ขอ้ เสนอแนะ ลงชอื่ ( ตาแหน่ง10. บันทกึ ผลหลงั การสอน  ด้านความรู้ ด้านสมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ดา้ นความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ดา้ นอนื่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมท่มี ีปัญหาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี)) ปัญหา/อปุ สรรค แนวทางการแกไ้ ข 49

แบบประเมินผลงาน/ชน้ิ งาน (แผนท่ี 1) แบบประเมนิ ฟลิปชาร์ตแสดงการใช้แนวคดิ เชงิ คานวณในการแกป้ ัญหาลาดบั ท่ี รายการประเมนิ 4 (ดีมาก) ระดับคุณภาพ 1 (ปรับปรุง) 3 (ด)ี 2 (พอใช้)1 ตรงกับจดุ ประสงคท์ กี่ าหนด2 มคี วามถูกต้องสมบรู ณ์3 มีความคิดสร้างสรรค์4 มคี วามเป็นระเบยี บ รวม ลงชอื่ ............................................................. ผู้ประเมิน ............ /............/............. 50

เกณฑก์ ารให้คะแนนผลงาน/ชน้ิ งาน (แผนท่ี 1)เกณฑป์ ระเมินผลงานฟลปิ ชารต์ แสดงการใช้แนวคดิ เชงิ คานวณในการแกป้ ญั หา ประเดน็ ทป่ี ระเมนิ ระดบั คะแนน1. ผลงานตรงกบั 43 2 1 จุดประสงค์ท่กี าหนด ผลงานไม่สอดคล้อง ผลงานสอดคล้องกบั ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานสอดคล้อง กบั จดุ ประสงค์2. ผลงานมีความถูกต้อง สมบรู ณ์ จุดประสงคท์ ุก กับจดุ ประสงค์ กบั จดุ ประสงค์ เนอื้ หาสาระของ ผลงานไม่ถกู ต้อง3. ผลงานมคี วามคิด ประเดน็ เปน็ ส่วนใหญ่ บางประเดน็ เป็นส่วนใหญ่ สร้างสรรค์ ผลงานไม่แสดง เนื้อหาสาระของ เน้อื หาสาระของ เนื้อหาสาระของ แนวคิดใหม่4. ผลงานมีความเปน็ ระเบียบ ผลงานถูกตอ้ ง ผลงานถูกต้อง ผลงานถกู ตอ้ ง ผลงานสว่ นใหญ่ ไมเ่ ป็นระเบยี บ ครบถ้วน เปน็ สว่ นใหญ่ เปน็ บางประเด็น และมขี ้อบกพรอ่ งมาก ผลงานแสดงออก ผลงานมีแนวคดิ ผลงานมคี วาม ถงึ ความคิด แปลกใหมแ่ ตย่ งั น่าสนใจ แต่ยังไมม่ ี สรา้ งสรรค์ ไมเ่ ปน็ ระบบ แนวคิดแปลกใหม่ แปลกใหม่ และเป็นระบบ ผลงานมีความเปน็ ผลงานส่วนใหญ่ ผลงานมคี วาม ระเบยี บแสดงออก มีความเป็น เปน็ ระเบยี บแตม่ ี ถงึ ความประณีต ระเบยี บแต่ยังมี ขอ้ บกพรอ่ งบางสว่ น ข้อบกพร่องเลก็ นอ้ ย เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–16 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง 51

แบบประเมินผลงาน/ชนิ้ งาน (แผนที่ 2) แบบประเมินฟลิปชาร์ตแสดงวิธีการดาเนินการโครงงานลาดบั ที่ รายการประเมิน 4 (ดมี าก) ระดับคุณภาพ 1 (ปรับปรุง) 3 (ด)ี 2 (พอใช)้1 ตรงกบั จดุ ประสงคท์ ีก่ าหนด2 มคี วามถกู ตอ้ งสมบรู ณ์3 มคี วามคิดสร้างสรรค์4 มคี วามเป็นระเบยี บ รวม ลงช่ือ ............................................................. ผปู้ ระเมนิ ............ /............/............. 52

เกณฑก์ ารให้คะแนนผลงาน/ชนิ้ งาน (แผนท่ี 2) เกณฑ์ประเมินผลงานฟลิปชาร์ตแสดงวิธีการดาเนนิ การโครงงาน ประเดน็ ท่ีประเมิน ระดบั คะแนน1. ผลงานตรงกับ 4 32 1 จดุ ประสงค์ที่กาหนด ผลงานไมส่ อดคลอ้ ง ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานสอดคลอ้ ง กับจุดประสงค์2. ผลงานมีความถูกต้อง จดุ ประสงคท์ กุ สมบรู ณ์ ประเด็น กับจดุ ประสงค์ กับจดุ ประสงค์ เนื้อหาสาระของ ผลงานไมถ่ กู ตอ้ ง3. ผลงานมคี วามคิด เนอื้ หาสาระของ เปน็ สว่ นใหญ่ บางประเด็น เป็นสว่ นใหญ่ สร้างสรรค์ ผลงานถูกต้อง ผลงานไม่แสดง ครบถ้วน เนอื้ หาสาระของ เนื้อหาสาระของ แนวคิดใหม่4. ผลงานมีความเป็น ระเบียบ ผลงานแสดงออก ผลงานถกู ตอ้ ง ผลงานถกู ตอ้ ง ผลงานสว่ นใหญ่ ถึงความคดิ ไม่เป็นระเบยี บ สรา้ งสรรค์ เปน็ สว่ นใหญ่ เป็นบางประเด็น และมีข้อบกพร่องมาก แปลกใหม่ และเปน็ ระบบ ผลงานมแี นวคดิ ผลงานมีความ ผลงานมีความเปน็ แปลกใหมแ่ ตย่ ัง นา่ สนใจ แต่ยังไมม่ ี ระเบยี บแสดงออกถงึ ความประณีต ไม่เป็นระบบ แนวคิดแปลกใหม่ ผลงานส่วนใหญ่ ผลงานมคี วาม มคี วามเปน็ เป็นระเบียบแตม่ ี ระเบียบแตย่ งั มี ข้อบกพร่องบางสว่ น ข้อบกพรอ่ งเล็กนอ้ ย เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 14–16 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรับปรุง 53

แบบประเมนิ ผลงาน/ชนิ้ งาน (แผนที่ 2) แบบประเมนิ รายงานจากการทากจิ กรรม Com Sci Activity เร่ือง แนวคดิ เชงิ คานวณลาดับท่ี รายการประเมิน 4 (ดีมาก) ระดับคณุ ภาพ 1 (ปรบั ปรงุ ) 3 (ดี) 2 (พอใช)้1 ตรงกบั จุดประสงค์ทก่ี าหนด2 มีความถูกต้องสมบูรณ์3 มคี วามคดิ สร้างสรรค์4 มคี วามเปน็ ระเบยี บ รวม ลงชอ่ื ............................................................. ผ้ปู ระเมนิ ............ /............/............. 54

เกณฑก์ ารให้คะแนนผลงาน/ช้นิ งาน (แผนที่ 2)เกณฑป์ ระเมินรายงานจากการทากจิ กรรม Com Sci Activity เรอ่ื ง แนวคดิ เชิงคานวณ ประเดน็ ท่ีประเมิน ระดับคะแนน1. รายงานตรงกับ 4 32 1 จดุ ประสงคท์ ่กี าหนด รายงานสอดคล้องกับ รายงานไม่สอดคลอ้ ง จุดประสงคท์ กุ ประเดน็ รายงานสอดคลอ้ ง รายงานสอดคล้อง กับจดุ ประสงค์2. รายงานมคี วามถูกต้อง สมบูรณ์ เนือ้ หาสาระของ กับจดุ ประสงค์ กบั จดุ ประสงค์ เนอ้ื หาสาระของ รายงานถกู ตอ้ ง รายงานไม่ถูกต้อง3. รายงานมคี วามคิด ครบถว้ น เป็นสว่ นใหญ่ บางประเดน็ เป็นส่วนใหญ่ สร้างสรรค์ รายงานแสดงออก รายงานไม่แสดง ถึงความคิดสร้างสรรค์ เนือ้ หาสาระของ เน้อื หาสาระของ แนวคิดใหม่4. รายงานมคี วามเปน็ แปลกใหม่ และเป็น ระเบียบ ระบบ รายงานถกู ตอ้ ง รายงานถกู ตอ้ ง รายงานสว่ นใหญ่ รายงานมคี วามเปน็ ไม่เปน็ ระเบยี บ ระเบียบแสดงออกถงึ เปน็ ส่วนใหญ่ เป็นบางประเด็น และมขี อ้ บกพรอ่ งมาก ความประณตี รายงานมแี นวคิด รายงานมีความ แปลกใหม่แตย่ ัง นา่ สนใจ แต่ยงั ไมม่ ี ไมเ่ ปน็ ระบบ แนวคิดแปลกใหม่ รายงานสว่ นใหญ่ รายงานมีความ มีความเป็นระเบยี บ เป็นระเบยี บ แตม่ ี แต่ยังมขี ้อบกพรอ่ ง ขอ้ บกพรอ่ งบางสว่ น เลก็ น้อย เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14–16 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ 55

แบบประเมินการนาเสนอผลงานคาชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในช่องท่ตี รงกับระดบั คะแนนลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 321 ความถูกตอ้ งของเนอ้ื หา 2 ความคดิ สร้างสรรค์  3 วธิ กี ารนาเสนอผลงาน 4 การนาไปใช้ประโยชน์  5 การตรงต่อเวลา     รวม ลงช่อื ................................................... ผูป้ ระเมนิ .............../................./..............เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนนผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนนผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางสว่ น เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรับปรุง 56

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคลคาช้แี จง : ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งทตี่ รงกับระดบั คะแนนลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 321 การแสดงความคิดเห็น 2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผอู้ ื่น  3 การทางานตามหนา้ ท่ีทไี่ ด้รบั มอบหมาย 4 ความมีนา้ ใจ  5 การตรงต่อเวลา     รวม ลงช่ือ ................................................... ผู้ประเมิน ............/.................../................เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุง 57

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่มคาชแี้ จง : ให้ผูส้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดับคะแนนลาดบั ที่ ชอ่ื –สกลุ การแสดง การยอมรบั ฟงั การทางาน ความมีน้าใจ การมี รวม ของนักเรียน ความคดิ เหน็ คนอนื่ ตามทไ่ี ด้รับ 321 ส่วนร่วมใน 15 มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน 321 321 ผลงานกลมุ่ 321 321 เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงช่ือ ................................................... ผู้ประเมนิ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ............./.................../............... ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ 58

แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์คาชีแ้ จง : ให้ผูส้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พงึ ประสงค์ดา้ น 321 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้1. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ 1.2 เข้ารว่ มกิจกรรมทีส่ รา้ งความสามัคคีปรองดอง และเปน็ ประโยชน์ต่อโรงเรียน 1.3 เขา้ รว่ มกิจกรรมทางศาสนาท่ีตนนบั ถอื ปฏบิ ัติตามหลกั ศาสนา2. ซ่ือสตั ย์ สจุ ริต3. มวี นิ ยั รับผิดชอบ 1.4 เข้าร่วมกิจกรรมทเ่ี กีย่ วกบั สถาบันพระมหากษตั ริย์ตามท่ีโรงเรยี นจัดขึ้น4. ใฝ่เรยี นรู้ 2.1 ให้ข้อมูลทถ่ี กู ตอ้ งและเปน็ จริง 2.2 ปฏิบัติในส่ิงทถี่ กู ต้อง5. อย่อู ย่างพอเพยี ง 3.1 ปฏิบัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คับของครอบครวั6. มงุ่ มั่นในการทางาน มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบัตกิ ิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจาวัน7. รักความเปน็ ไทย 4.1 รู้จกั ใช้เวลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนาไปปฏบิ ัติได้8. มีจติ สาธารณะ 4.2 รจู้ ักจดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม 4.3 เชอ่ื ฟงั คาส่ังสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โต้แยง้ 4.4 ต้งั ใจเรยี น 5.1 ใช้ทรพั ยส์ ินและสง่ิ ของของโรงเรียนอย่างประหยัด 5.2 ใชอ้ ุปกรณ์การเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ณุ คา่ 5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเก็บออมเงนิ 6.1 มคี วามตั้งใจและพยายามในการทางานที่ไดร้ ับมอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไมท่ ้อแท้ตอ่ อุปสรรคเพอ่ื ใหง้ านสาเร็จ 7.1 มจี ติ สานึกในการอนุรักษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย 7.2 เห็นคณุ ค่าและปฏิบตั ิตนตามวัฒนธรรมไทย 8.1 ร้จู กั ชว่ ยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน 8.2 รูจ้ ักการดูแลรกั ษาทรพั ย์สมบัติและส่ิงแวดลอ้ มของห้องเรยี นและโรงเรียน ลงช่อื .................................................. ผู้ประเมิน ............/.................../................เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพพฤติกรรมท่ปี ฏิบัติชดั เจนและสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน 51–60 ดีมากพฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิชัดเจนและบอ่ ยครงั้ ให้ 1 คะแนน 41–50 ดี 30–40 พอใช้พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิบางคร้งั ต่ากวา่ 30 ปรับปรุง 59

ค่มู อื ครู หลักสตู รตปรวั บัอยปา่รงงุ ’60 รายวิชาพืน้ ฐานเทคโนโลยี4(วทิ ยาการคาํ นวณ) ม.ตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชวี้ ัด กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 แจกฟรีเฉพาะครผู สู้ อนค่มู ือครู˹§Ñ Ê×ÍàÃÕ¹ ¡ÒçҹÍÒª¾Õ áÅÐà·¤â¹âÅÂÕ ». ๑ คมู่ อื ครู อจท.เเใพเชพเพเพเป้ ม่ิพเพม่ิเพ่มิรพม่ิ ่มิะมิ่ ิ่มกมิ่ คอคPำบTำCeแeCอกขhdนaกhธอ้าaaะcจิaสบิรนpghกpอาสำtoetรบยeกgอreรเrราyนrนGมาOรน้ Cuคยใ2vกชoiู่กวdeา1้nชิsรับretcvาคหCeOiดิ epeนvw/ntงัeขtOrส้อuvvือสrieeอyเรrwบSvียแikนeนiวlwlsO-NET (วทิ ยาการคำนวณ)เทคโนโลยีM;S*LYO_EÿD;ETDI-þ T@hY;2T;I9þ DTJTL7E ม.4 -7$7Sh;TGCTCZCCCLS:MTT7GDEE$S RC$2LJTT[7;EX$E_$E`KTÿD$ET;;_E=E$Dÿ[I9G;9þ TWgED±*`[T$GJTRT7ELISJ7-$X EÿIh K S6T¥,%;hS<@<S Y;h=2ETS<;=@E*Z9Z :@J«$SJE«T2-5¯6²0²)® 5-O;1SBV;2V-9TaE7OV:_',;GUT=CV 9GLEIVZ%S@D ภาพปกนม้ี ขี นาดเทา่ กบั หนงั สอื เรยี นฉบบั จรงิ ของนกั เรยี น 52.- 60



















เพทโดยเลือก Trimนาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิขนั้ นาํ 1หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี แนวคดิ เชงิ คาํ นวณกระตนุ ความสนใจ ในการพฒั นาโครงงาน1. ครูเปดคลิปวิดีโอที่เก่ียวกับการทําเคกให การทําเคก ใชแนวคิดเชิงคํานวณในการตัดสินใจ เชน นักเรียนดูเพ่ือกระตุนความสนใจของนักเรียน จะทําเคกชนดิ ใด (ช็อคโกแลตเคก ชสี เคก บานอฟฟ) เชน คลิปวิดโี อจาก youtube เรือ่ ง Behind มสี ว นประกอบอะไรบา ง (นา้ํ ตาล ไข เนย แปง ) the Scenes Making a Unicorn Cake | และใชอะไรในการอบ (เตาอบ ไมโครเวฟ เตาถาน) Cupcake Jemma (https://www.youtube. เปนตน com/watch?v=4SqXUKe_MJE) ตัวชว้ี ัด ว 4.2 ม.4/1 ประยกุ ตใชแ นวคดิ เชิงคํานวณในการพัฒนาโครงงานท่ีมกี ารบรู ณาการกบั วิชาอน่ื อยางสรางสรรค และเช่ือมโยง2. ครูสนทนากับนักเรียนโดยถามนักเรียนวา ถา กับชีวิตจรงิ นักเรียนอยากรับประทานเคกนักเรียนจะทํา อยางไร โดยใหนักเรียนชวยกันตอบคําถาม อยางอิสระ จากนั้นครูแจงชื่อเร่ืองที่จะเรียนรู และผลการเรยี นรใู หน ักเรยี นทราบ3. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน เพ่ือ วดั ความรูเ ดมิ ของนักเรียนกอนเขา สกู จิ กรรม4. ครูใหนักเรียนชวยกันสังเกตภาพหนาหนวย การเรยี นรทู ่ี 1 แนวคดิ เชงิ คาํ นวณในการพฒั นา โครงงาน จากหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ) ม.4 หนา 2 จากน้ันครูถามคําถามกระตุนนักเรียนวา เคกในภาพเปนเคก อะไร ถา นักเรียนอยากกิน เคกแบบในภาพจะตองทําอยางไร โดยครู ใหนักเรียนอภิปรายกับเพ่ือนรวมช้ันเรียน แลวใหนักเรียนเขียนคําตอบของตนเองลงใน กระดาษแลวนํามาสง ครู (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล) หนังสือเลมเนนื้อี้อหยาูในอราะจหมวีกาางรสปงรตับรปวรจุงพแิจกาไรขณา ส่ือ Digital ครูอาจจะนําเขาสูบทเรียนโดยการนําเคกแบบอื่นท่ีแตกตางจากภาพหนาหนวยมาใหนักเรียนพิจารณา พรอมกับเปดคลิปท่ีเกี่ยวกับการทําเคกใหนักเรียนเพ่ือเปนการกระตุนความสนใจของนักเรียน เชน คลิปวิดีโอจากyoutube เรอ่ื ง Behind the Scenes Making a Unicorn Cake | CupcakeJemma (https://www.youtube.com/watch?v=4SqXUKe_MJE)T4 70

นาํ สอน สรปุ ประเมนิการแกไขปญหาในชีวิต 1 แนวคดิ เชิงคา� นวณ ขน้ั สอนประจําวัน สอดคลองกับ แนวคดิ เชงิ คา� นวณ (Computational Thinking) ไมใ่ ชก่ ำรแนวคดิ เชิงคาํ นวณอยา งไร คิดเหมือนหุ่นยนต์หรือกำรเขียนโปรแกรมโดยผู้เช่ียวชำญ แต่ สาํ รวจคน หา เปน็ ทกั ษะทม่ี งุ่ เนน้ กำรคดิ เชงิ ตรรกะ คอื สำมำรถอธบิ ำยกำรคดิ 1. ครูแบงกลุมนักเรียนเปนกลุม กลุมละ 4 คนเชิงค�ำนวณอยำ่ งเปน็ ระบบ หรือเปน็ กำรแกไ้ ขปญั หำอยำ่ งเปน็ ล�ำดับขัน้ ตอน โดยกำรเข้ำใจปญั หำ แลวใหสมาชิกแตละคนในกลุมผลัดกันเลาถึงและวิธีกำรในกำรแก้ไขปัญหำอย่ำงเป็นระบบ เพ่ือให้ได้มำซึ่งวิธีกำรแก้ไขปัญหำท่ีทั้งมนุษย์และ ปญหาที่ตนเองเคยประสบมา พรอมกับบอกคอมพิวเตอรส์ ำมำรถเขำ้ ใจรว่ มกนั ได้ วิธีแกปญ หาน้ันๆแนวคิด เชิงคํานวณ 11 (แDนeวcคoดิ mกpาoรsแiยtioกnย)อ่ ย 2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันวิเคราะหวิธี การแกปญหาของกลุมตนเองวา มีวิธีการแกทกั ษะการแกป้ ญั หา แนวคดิ กำรแยกย่อย เชน่ แตกปัญหำ ปญหาที่สําคัญกี่ขั้นตอน แลวนําเสนอผลการ กระบวนกำรออกเป็นส่วนย่อยเพื่อให้ วิเคราะหโดยภาพรวมของของกลุมตนเอง จดั กำรปญั หำได้งำ่ ยขน้ึ หนา ชั้นเรยี น 22 แ (Pนaวtคteดิ rกn าRรจeดcจoา�gรnปู itแioบnบ) 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษาความรู เรื่อง แนวคิดเชิงคํานวณ จากหนังสือเรียน33 (แ Aนbวsคtดิraเชcงtิ iนonาม) ธรรม แนวคิดกำรจดจ�ำรูปแบบ เพ่ือดูควำม และแหลงการเรียนรูตางๆ แลวใหสมาชิก เหมือน ควำมต่ำงของรูปแบบกำร ในแตละกลุมผลัดกันอธิบายเก่ียวกับแนวคิดแนวคิดเชิงนำมธรรม เป็นทักษะส�ำคัญท่ี เปล่ยี นแปลง ทำ� ให้ทรำบแนวโนม้ เพ่อื เชิงคํานวณและชวยกันสรุปความรูท่ีไดศึกษามงุ่ เนน้ ควำมสำ� คญั ของปญั หำ โดยไมส่ นใจ ทำ� นำยไปข้ำงหนำ้ ได้ ลงในกระดาษรำยละเอยี ดท่ีไมจ่ �ำเป็น 4. ครูสุมตัวแทนกลุมใหออกมาอธิบายเกี่ยวกับ 44 ( แAนlgวคorดิ itกhาmรอ Dอeกsแiบgnบ)ขน้ั ตอน แนวคิดเชิงคํานวณ โดยมีครูคอยตรวจสอบ ความถูกตองและอธิบายเพ่ิมเติมในสวนของ แนวคิดกำรออกแบบขั้นตอนในกำร หนั เงนื้สืออเหลามอนี้าจอมียูใกนารระปหรัวาบงปสรุงงแตกรไวขจพิจารณา3 ทยี่ งั มขี อบกพรอ งอยู แกป้ ญั หำ ทำ� ใหท้ รำบวำ่ จะตอ้ งทำ� อะไร ก่อนอะไรหลัง 5. ครูถามคําถามจากหนังสือเรียน หนา 3 วา การแกไขปญหาในชีวิตประจําวัน สอดคลอง กับแนวคดิ เชิงคํานวณอยา งไร โดยใหนักเรียน ชวยกนั อภิปรายเพือ่ หาคําตอบ แนวตอบ คําถามประจาํ หนว ยการเรียนรู ในชีวิตประจําวันเราตองพบเจอปญหาและ ตองทําการแกปญหา ซึ่งการแกปญหาตองทําเปน ข้ันตอนซ่ึงจะสอดคลองกับแนวคิดเชิงคํานวณท่ีวา แนวคิดเชิงคํานวณเปนทักษะที่มุงเนนการคิดเชิง ตรรกะ และเปนการแกไขปญหาอยางเปนลําดับ ขั้นตอน โดยการเขาใจปญหาและวิธีการในการ แกไขปญ หาอยา งเปนระบบ ขอ สอบเนน การคิด เรยี นรู คาํ ศัพทขอ ใดกลา วถงึ แนวคิดเชงิ คํานวณไดไมถกู ตอ ง Computational Thinking (CT) คือ กระบวนการคิดท่ีตองใชทักษะ 1. เปน การคิดเหมอื นหนุ ยนต และเทคนิคเพื่อแกไขปญหาเชนเดียวกับที่นักพัฒนาซอฟตแวร (Software 2. เปน การแกปญหาแบบมีลาํ ดับข้นั ตอน Developer) หรือวิศวกรซอฟตแวร (Software Engineer) ใชในการเขียน 3. เปนทกั ษะทนี่ กั พฒั นาซอฟตแวรต อ งมี โปรแกรม ซ่ึงแกนแทของกระบวนการน้ี คือ การแกป ญหาแบบมีลําดบั ขนั้ ตอน 4. มแี นวคิดเชิงนามธรรมเปน หนึ่งในทกั ษะยอย และเปน ระบบ 5. วธิ กี ารแกปญหาทมี่ นษุ ยแ ละคอมพิวเตอรส ามารถเขา ใจ รวมกนั ได T5 (วิเคราะหคําตอบ แนวคิดเชิงคํานวณเปนกระบวนการคิดที่ใชทักษะในการแกปญหาแบบท่ีนักพัฒนาซอฟตแวรทํา ซึ่งการนําแนวคิดเชิงนวณไปใชในการแกปญหาจะชวยใหเราแกไขปญหาเปนลําดับขั้นตอนที่ท้ังมนุษยและคอมพิวเตอรสามารถเขาใจรวมกันได แตไมใชการคดิ เหมือนหุนยนตหรือการเขียนโปรแกรมโดยผูเช่ยี วชาญ ดังน้นั ตอบขอ 1.) 71

นาํ สอน สรปุ ประเมนิขนั้ สอน (ตอ)สาํ รวจคน หา6. ครูใหนักเรียนดู PowerPoint เร่ือง แนวคิด แนวคิดเชิงค�ำนวณประกอบด้วยล�ำดับกำรใช้ทักษะย่อย 4 ทกั ษะ ดังน้ี เชิงคาํ นวณ หรอื ดูหนังสอื เรยี น หนา 4 แลว ครูถามคําถามเพื่อทบทวนความรูจากชั่วโมง 11 แนวคดิ การแยกยอ่ ย (Decomposition) ท่ีผานมาวา แนวคิดเชิงคํานวณคืออะไรและ แบง เปนทักษะยอยไดก่ที กั ษะ แตกปัญหำใหญ่ใหเ้ ป็นปัญหำยอ่ ยที่มขี นำดเล็กลง เพือ่ ให้สำมำรถจดั กำรปัญหำ (แนวตอบ แนวคดิ เชงิ คาํ นวณเปน ทกั ษะทมี่ งุ เนน ได้ง่ำยขึน้ ทกั ษะน้เี ทยี บเท่ำกับกำรคดิ วิเครำะห์ การคิดเชิงตรรกะ และเปนการแกไขปญหา อยางเปนลําดับขั้นตอน โดยการเขาใจปญหา แตกปญั หำกระบวนกำรออกเปน็ สว่ นยอ่ ย และวิธีการในการแกไขปญหาอยางเปนระบบ เพ่ือใหไดมาซ่ึงวิธีการแกไขปญหาท่ีทั้งมนุษย 21 แนวคดิ การจดจา� รปู แบบ (Pattern Recognition) และคอมพิวเตอรสามารถเขา ใจรวมกนั ได ซึ่ง แบงเปนทักษะยอยได 4 ทักษะ คือ แนวคิด ก�ำหนดแบบแผนจำกปัญหำย่อยต่ำง ๆ จำกปัญหำท่ีมีรูปแบบ การแยกยอ ย แนวคดิ การจดจาํ รปู แบบ แนวคดิ ทหี่ ลำกหลำย โดยปญั หำตำ่ ง ๆ มกั มรี ปู แบบทคี่ ลำ้ ยคลงึ กนั กลำ่ วคอื เชิงนามธรรม และแนวคิดการออกแบบ หำกเรำเข้ำใจปัญหำ จะพบว่ำปัญหำท่ีแตกต่ำงกัน สำมำรถใช้ ขนั้ ตอน) วิธีกำรในกำรแก้ไขปัญหำแบบเดียวกันได้ ทักษะน้ีเทียบเท่ำกับ กำรคิดวเิ ครำะห์แบบเช่อื มโยง7. ครูใหนักเรียนกลับสูกลุมเดิมท่ีไดแบงไวใน ช่ัวโมงแรก แลวครูตั้งปญหาใหนักเรียนแก ดูควำมเหมอื น ควำมแตกตำ่ งของรปู แบบกำรเปลย่ี นแปลง โดยใหใชแนวคิดเชิงคํานวณในการแกปญหา โดยปญหามีอยูวา ในชวงวันหยุดนักเรียนได 31 แนวคิดเชงิ นามธรรม (Abstraction) เดนิ ทางไปเทยี่ วทะเลกบั ครอบครวั โดยรถยนต สว นตวั ในขณะทเี่ ดนิ ทางใกลถ งึ รถยนตเ สยี ไม แนวคิดเชิงนำมธรรม กำรหำแนวคิดเชิงนำมธรรมหรือกำรนิยำม สามารถเคลอื่ นท่ีได เพื่อหำแนวคิดรวบยอดของแต่ละปัญหำย่อย เป็นกำรมุ่งเน้น ควำมส�ำคญั ของปญั หำโดยไม่สนใจรำยละเอียดท่ไี มจ่ ำ� เปน็ เพื่อให้8. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั วเิ คราะหห าวธิ ี สำมำรถเข้ำใจถึงแก่นแท้ของปัญหำ ทักษะนี้เทียบเท่ำกับกำรคิด การแกปญหาตามแนวคิดเชิงคํานวณ โดยนํา สังเครำะห์ วิธีการแกปญหาของกลุมตนเองมาเขียนลงใน กระดาษฟลปิ ชารต มงุ่ เน้นควำมสำ� คญั ของปญั หำโดยไม่สนใจรำยละเอยี ดท่ีไมจ่ ำ� เปน็ (หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรียน โดยใช แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลมุ ) 1 41 แนวคดิ การออกแบบขัน้ ตอน (Algorithm Design)9. ครูแจงนักเรียนวา จะมีการนําเสนอวิธีการแก 2 ออกแบบล�ำดับข้ันตอนกำรแก้ปัญหำด้วยกำรคิดเชิงอัลกอริทึม เป็นควำมคิด ปญหาของแตละกลุมหนาช้ันเรียน ในช่ัวโมง พ้ืนฐำนในกำรสร้ำงชุดของล�ำดับขั้นตอนวิธีง่ำย ๆ ท่ีทุกคนสำมำรถน�ำไปใช้ ถัดไป ในกำรแกไ้ ขปัญหำทม่ี ลี กั ษณะแบบเดียวกนั ได้ 3 แก้ปัญหำโดยกำรออกแบบกระบวนกำรทำ� งำนอยำ่ งเปน็ ลำ� ดบั ขัน้ ตอน หนังสือเลมเนนื้อี้อหยาูในอราะจหมวีกาางรสปงรตับรปวรจุงพแิจกาไรขณา 4 สื่อ Digital ขอสอบเนน การคดิ ในการเรียนการสอน เรื่อง แนวคิดเชิงนามธรรม ครูอาจเปดคลิปวิดีโอที่ ขอ ใดไมใ ชท ักษะยอยของแนวคิดเชิงคํานวณอธิบายเกี่ยวกับแนวคิดเชิงนามธรรมใหนักเรียนดูเพื่อเปนการชวยใหนักเรียน 1. แนวคดิ เชงิ รูปธรรมเขาใจเร่อื งแนวคดิ เชงิ นามธรรมไดม ากขึ้น เชน เชน คลิปวดิ โี อจาก youtube 2. แนวคดิ เชงิ นามธรรมเรอ่ื ง Abstraction - Computational Thinking (https://www.youtube.com/ 3. แนวคดิ การแยกยอ ยwatch?v=jV-7Hy-PF2Q&t=1s) 4. แนวคดิ การจดจาํ รูปแบบ 5. แนวคิดการออกแบบขน้ั ตอน (วิเคราะหคาํ ตอบ ทักษะยอยของแนวคิดเชิงคํานวณมี 4 ทกั ษะ คือ แนวคิดการแยกยอย แนวคิดการจดจํารูปแบบ แนวคิดเชิง นามธรรม แนวคดิ การออกแบบขนั้ ตอน ดงั นนั้ ตอบขอ 1.)T6 72

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ตวั อยา ง ขน้ั สอน “ตะวนั ” เปน็ ชำยวยั ทำ� งำนทข่ี ยนั ขนั แขง็ และพยำยำมทำ� ทกุ อยำ่ งเพอ่ื เปน็ พลเมอื งดตี อ่ สงั คม อธบิ ายความรูแต่วันนี้ตะวันประสบปัญหำ โดยรถยนต์ของตะวันไม่สำมำรถเคล่ือนท่ีได้ เน่ืองจำกเกิดปัญหำ 2 ประกำร ไดแ้ ก่ 1. ครูใหนักเรียนทุกกลุมนําผลงาน (ฟลิปชารต • รถยนตย์ ำงแบน ท่ีไดทําไวในชั่วโมงที่ผานมา) มาติดท่ีฝาผนัง • รถยนต์วิง่ ช้ำเพรำะนำ้� มนั ใกล้หมด รอบหอ งเรยี นแลว ใหน กั เรยี นเดนิ ศกึ ษาผลงาน เมอื่ ตะวนั ตอ้ งกำรใชแ้ นวคดิ เชงิ คำ� นวณแกไ้ ขปญั หำทเี่ กดิ ขน้ึ ตะวนั จะสำมำรถแกไ้ ขปญั หำ ของกลมุ ตางๆ ท่ตี ดิ อยูรอบหอ งเรียนได ้ ดงั นี้ (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช แบบประเมินช้ินงาน) แนวคิดการแยกย่อย กำรแยกแยะปัญหำ โดยตะวัน 2. ครแู จกสตกิ เกอรใ หน กั เรยี นคนละ 1 แผน แลว สำมำรถแยกแยะปัญหำได้เป็น ใหนักเรยี นไปตดิ ผลงานท่ตี นเองชอบ 2 ประเดน็ ได้แก่ • ยำงรถแบน 3. ครูสรุปจํานวนสติกเกอรของผลงานแตละชิ้น • น้ำ� มันรถใกล้หมด แลวใหกลุมท่ีมีจํานวนสติกเกอรมาท่ีสุดออก นาํ เสนอผลงานของตนเองกอ น และเรยี งลาํ ดบั แนวคดิ การจดจ�ารูปแบบ การนาํ เสนอผลงานกลมุ ทม่ี สี ตกิ เกอรร องลงมา กำรเขำ้ ใจรปู แบบ ตะวนั ควรตอ้ ง จนไปถึงนอยสุด โดยในระหวางที่แตละกลุม จดั กำรกบั ยำงรถกอ่ นเตมิ นำ�้ มนั นําเสนอผลงานครูคอยเพิ่มเติมขอมูลและให เน่ืองจำกน้�ำมันที่เหลืออยู่ไม่ คําแนะนํานักเรียน (หากครูประเมินวาเวลา มำกพอที่ตะวันจะขับรถยนต์ ในการสอนไมเพียงพอ ครูอาจจะใหแ ตกลุมที่ ไปถงึ สถำนบี รกิ ำรนำ้� มนั ดงั นน้ั มจี ํานวนสตกิ เกอรส งู สุด 3 ลาํ ดับแรก ออกมา ตะวนั ควรมงุ่ แกไ้ ขปญั หำยำงรถ นาํ เสนอผลงาน) แบนก่อน (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช แบบประเมินการนําเสนอผลงาน) 4. เมื่อทุกกลุมไดนําเสนอผลงานของตนเองแลว ครชู กั ชวนใหน กั เรยี นอภปิ รายและสรปุ รว มกนั ถึงประโยชนของการใชแนวคิดเชิงคํานวณใน การแกป ญ หา หนั เงนื้สืออเหลามอนี้าจอมียูใกนารระปหรัวาบงปสรุงงแตกรไวขจพิจารณา5 ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครูขอใดสอดคลองกับแนวคิดการแยกยอ ย เพื่อใหการเรียนการสอน เร่ือง แนวคิดเชิงคํานวณ เปนไปอยางสมบูรณ 1. การเขาใจรูปแบบ และถกู ตอ ง ครคู วรศกึ ษาคอรส ออนไลนท ไี่ มต อ งเสยี คา ใชจ า ย เชน คอรส ออนไลน 2. การแยกแยะปญหา สําหรบั ครผู ูสอน เพ่ือเรียนรเู ก่ียวกบั Computational Thinking ของ Google 3. การคดั เลอื กวัสดุท่ีนํามาใชท ําช้นิ งาน (https://computationalthinkingcourse.withgoogle.com/course?use_last_ 4. การหาแนวคดิ รวมยอดของแตละปญ หายอย location=true) 5. การออกแบบลําดับขัน้ ตอนของการแกป ญ หา (วเิ คราะหค าํ ตอบ แนวคดิ การแยกยอ ยเปน การแตกปญ หาใหเ ปนปญ หายอ ยทม่ี ขี นาดเลก็ ลง เพอ่ื ใหส ามารถจดั การปญ หาไดง า ยขนึ้ดงั น้นั ตอบขอ 2.) T7 73

นาํ สอน สรปุ สรปุ ประเมนิขนั้ สรปุ แนวคิดเชงิ นามธรรม หาแนวคิดรวบยอดของแตละขยายความเขา ใจ ปญหายอย เปนการมุงเนน ความสําคัญของปญหาโดยไม1. ครใู หน กั เรยี นจบั คกู บั เพอ่ื นรว มชน้ั เรยี นแลว ให สนใจรายละเอียดท่ีไมจําเปน นกั เรียนทาํ แบบฝกหัดจาก Unit Question 1 การคิดรวบยอดของปญหา ในหนังสือเรยี น หนา 15 ดังกลาวจะไดวา ตะวันตอง ทาํ การเปลย่ี นยางรถยนต2. ครูมอบหมายใหนักเรียนทาํ ใบงานท่ี 1.1 เร่ือง แนวคดิ เชงิ คํานวณ เปน การบานมาสงครู แนวคดิ การออกแบบขัน้ ตอน เมื่อตะวันตองการเปลี่ยนยาง รถยนต ตะวันจะตองออกแบบ ลาํ ดบั ขน้ั ตอนในการเปลย่ี นยาง ดงั นี้ • หมนุ บลอ็ กเพอ่ื คลายนอ็ ต • ใชแมแรงยกรถขึ้นและ ถอดน็อตออก • ถอดลอออก เปลีย่ นลอ อะไหลแ ทนท่ี • ใสนอ็ ตแลวปลอ ยแมแ รง • ขนั น็อตใหแ นนCom SciFocus ·Ñ¡ÉСÒÃÍ͡Ẻ¢éѹµÍ¹ (algorithm design) การแกไขปญหาในทางวิศวกรรมศาสตร เรยี กวา project planning ยกตัวอยางเชน การ สรา งตกึ สง่ิ ทต่ี อ งจดั การในการแกไ ขปญ หานคี้ อื การจัดจาง และการจัดหา โดยจะตองจัดลําดับ ข้ันตอนในการทํางานที่ชัดเจน เพื่อไมใหเกิด ความผดิ พลาดในการกอ สรา ง อาจแสดงขนั้ ตอน การทาํ งานออกมาในรปู แบบของ flowchartหนังสือเลมเนนื้อี้อหยาูในอราะจหมวีกาางรสปงรตับรปวรจุงพแิจกาไรขณา6เรียนรู คาํ ศพั ท กิจกรรม 21st Century Skills Flowchart คือ ผังงาน ซึ่งเปนผังท่ีประกอบดวยเสน และสัญลักษณรปู ตา งๆ ซงึ่ นกั เขยี นโปรแกรมใชเ พอื่ ใหม องเหน็ ขน้ั ตอนการทาํ งานของโปรแกรม 1. ใหนักเรียนแบง กลมุ อยา งอสิ ระ กลุม ละ 3-4 คน 2. แตล ะกลมุ รว มกนั สบื คน ขอ มลู หรอื ศกึ ษาคอรส ออนไลนเ กยี่ วกบั Moore’s Law คือ กฎของมัวร ซ่ึงเปนกฎท่ีอธบิ ายแนวโนม ของการพฒั นาฮารดแวรของคอมพิวเตอรในระยะยาว มีความวา จํานวนทรานซิสเตอรที่ แนวคิดเชงิ คาํ นวณสามารถบรรจุลงในชิพจะเพ่ิมข้ึนเปนสองเทาในทุกๆ สองป ซึ่งกฎนี้ไดถูก 3. สมาชกิ แตล ะกลมุ รว มกนั อภปิ รายผลการสบื คน หรอื ผลการศกึ ษาพิสูจนมาอยางตอ เนอ่ื งและยังเปน จริงในปจ จบุ ัน แลว เขยี นสรปุ ผลการสืบคน นักเรียนควรรู 4. นาํ เสนอผลงานหนา ชนั้ เรยี น ดว ยวธิ กี ารสอ่ื สารทท่ี าํ ใหผ อู น่ื เขา ใจ กอรดอน มัวร (Gordon E. Moore) เปนผูท่ีอยูในวงการคนควา วิจัย ไดง า ย และนาสนใจและพัฒนาผลิตภัณฑทางดานสารกึ่งตัวนํา และยังเปนผูบุกเบิกและรวมสรางบริษัทอินเทลจนมีช่ือเสียงโดงดังและประสบผลสําเร็จ ซึ่งมัวรไดคลุกคลีกับเทคโนโลยที างดานสารกึ่งตวั นาํ มาอยางตอ เนอ่ื ง และยาวนาน จนสามารถสรุปกฎทีใ่ ชในการคาดคะเนแนวโนม ทางเทคโนโลยี ซึ่งเรยี กวา กฎของมัวรT8 74

นาํ สอน สรปุ ประเมนิประเมิน ความส�าคัญของแนวคิดเชิงค�านวณ กำรคิดเชิงค�ำนวณ CinoRmeaSl cLiife ขนั้ ประเมนิอย่ำงเป็นระบบน้ันไม่ได้เป็นกระบวนกำรทำงควำมคิดส�ำหรับ ในโลกของขอมูลและสถิติ ตรวจสอบผลนักวิทยำศำสตร์หรือนักพัฒนำโปรแกรมเท่ำนั้น แต่สำมำรถ “อัลกอริทึม” มีบทบาทสําคัญประยุกต์ใช้กับกำรท�ำงำนของบุคคลท่ัวไป โดยน�ำแนวคิดเชิง ในการชว ยจดั การขอ มลู มากมาย 1. ครูถามนักเรียนดวยคําถามวา แนวคิดเชิงคำ� นวณไปประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ ประจ�ำวันได้ทั้งสิ้น ขนาดใหญ หรือ ที่เราเรียกวา o_O คํานวณมีความสําคัญอยางไร จากนั้นให จำกกฎของมัวร์ ที่กล่ำวว่ำในกำรประมวลผลของ Big Data ซ่ึงเปนเทคโนโลยี ท่ี นกั เรยี นเขยี นคาํ ตอบลงในกระดาษนาํ มาสง ครูคอมพวิ เตอรจ์ ะมปี ระสทิ ธภิ ำพสงู ขนึ้ เปน็ เทำ่ ตวั ในทกุ ๆ 18 เดอื น ทรงพลงั สามารถเปลย่ี นโลกของ การจดั การขอ มลู โดย Haravard 2. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบกอนเรียน Business Review ยกให Data เพ่ือตรวจสอบความเขาใจกอนเรียนของกล่ำวคอื ในทุก 10 ป  คอมพิวเตอร์ทม่ี ีมลู ค่ำ 1,000 เหรยี ญ Scientist หรือนักวิทยาศาสตร นักเรียนจะสำมำรถประมวลผลได้เร็วและมีประสิทธิภำพมำกกว่ำสมอง ขอ มลู เปน “The Sexiest Job ofมนษุ ย ์ ดว้ ยเทคโนโลยที ก่ี ำ้ วกระโดด กำรบรู ณำกำรคอมพวิ เตอร์ the 21 st Century” 3. ครูประเมินผลโดยการสังเกตพฤติกรรมเข้ำกบั กำรใช้ชีวิตประจ�ำวันและกำรทำ� งำนจงึ เพ่มิ ข้นึ อยำ่ งมำก การทํางานรายบุคคล พฤติกรรมการทํางานท�ำให้สำมำรถแก้ไขปญั หำตำ่ ง ๆ ได้อย่ำงมีประสิทธภิ ำพ ยิง่ ไปกวำ่ น้ันยงั สำมำรถแก้ไขปัญหำได้ กลมุ และจากการนาํ เสนอผลงานหนา ชนั้ เรยี นอยำ่ งไรข้ ดี จำ� กดั อกี ดว้ ย จงึ จำ� เปน็ ตอ้ งเรยี นรวู้ ำ่ เรำจะสง่ั ใหซ้ ปุ เปอรค์ อมพวิ เตอรท์ ำ� งำนดว้ ยแนวคดิเชงิ คำ� นวณอยำ่ งเปน็ ระบบไดอ้ ยำ่ งไร เพอื่ สำมำรถสรำ้ งวธิ กี ำรแกไ้ ขปญั หำและใชง้ ำนคอมพวิ เตอร์ 4. ครูประเมินผลชิ้นงาน/ผลงานท่ีเกิดจากการให้แก้ไขปัญหำไดเ้ ตม็ ศกั ยภำพ การใชแนวคิดเชิงคํานวณในการแกปญหา ในขัน้ สํารวจคน หา 5. ครูตรวจสอบผลการทําใบงานท่ี 1.1 เร่ือง แนวคิดเชิงคาํ นวณ หำกจนิ ตนำกำรวำ่ มนษุ ยม์ พี ลงั อำ� นำจในกำรแกไ้ ขปญั หำตำ่ ง ๆ ไดเ้ พยี งปลำยนวิ้ สมั ผสั แต่ในทำงตรงกนั ขำ้ มเครอื่ งคอมพวิ เตอรส์ ำมำรถแกไ้ ขปญั หำไดอ้ ยำ่ งรวดเรว็ และถกู ตอ้ งแมน่ ยำ� อกี ทงั้เครอ่ื งคอมพิวเตอรใ์ ชแ้ นวคดิ เชิงค�ำนวณอยำ่ งเป็นระบบแกไ้ ขปญั หำ สง่ ผลใหเ้ ครื่องคอมพวิ เตอร์สำมำรถแก้ไขปัญหำขนำดใหญ่ได้ เช่น กำรพยำกรณ์วันและเวลำกำรเกิดแผ่นดินไหวท่ีแม่นย�ำ กำรรกั ษำโรคมะเรง็ ไดอ้ ยำ่ งรวดเรว็ เปน็ ตน้ กำรแกป้ ญั หำดว้ ยแนวคดิ เชงิ คำ� นวณอยำ่ งเปน็ ระบบน้ีสง่ ผลให้มนุษยส์ ำมำรถดำ� เนนิ ชีวติ ได้อย่ำงมคี วำมสขุ หนั เงนื้สืออเหลามอนี้าจอมียูใกนารระปหรัวาบงปสรุงงแตกรไวขจพิจารณา7 กิจกรรม สรางเสรมิ แนวทางการวัดและประเมินผล ใหนักเรียนจับคูกับเพ่ือนรวมกันเรียนรวมกันศึกษาคนควา ครูสามารถวัดและประเมินผลชิ้นงาน/ผลงานท่ีเกิดจากใชแนวคิดเชิงเพิ่มเตมิ เก่ียวกบั กฎของมวั ร แลว สรุปลงในสมดุ บันทึก คํานวณในการแกปญหา ไดจากฟลิปชารตแสดงการใชแนวคิดเชิงคํานวณใน การแกปญหาที่นักเรียนไดสรางขึ้นในข้ันสํารวจคนหา โดยศึกษาเกณฑการวัด กิจกรรม ทา ทาย และประเมินผลจากแบบประเมินผลงาน/ชิ้นงานที่แนบมาทายแผนการจัดการ เรียนรูหนว ยท่ี 1 ใหนักเรียนศึกษาคนควาเพ่ิมเติมเกี่ยวกับกฎของมัวรอยางละเอยี ด เชน ทมี่ า การพสิ จู นค วามเปน จริง สาเหตุที่กฎของมวั ร แบบประเมนิ ผลงาน/ชิน้ งาน (แผนที่ 1) เกณฑ์การใหค้ ะแนนผลงาน/ชิน้ งาน (แผนที่ 1)เปนเปาหมายของบริษัทอุปกรณอิเล็กทรอนิกส และยกตัวอยาง เกณฑ์ประเมินผลงานฟลปิ ชาร์ทแสดงการใชแ้ นวคดิ เชงิ คานวณในการแกป้ ญั หากรณศี ึกษาท่ีเกี่ยวกับกฎของมัวร โดยจัดทําเปนรายงานสงครู แบบประเมินฟลิปชาร์ทแสดงการใช้แนวคิดเชงิ คานวณในการแกป้ ญั หา ลาดับที่ รายการประเมนิ 4 (ดีมาก) ระดบั คณุ ภาพ 1 (ปรับปรงุ ) 3 (ด)ี 2 (พอใช)้ ระดับคะแนน 1 ตรงกบั จุดประสงคท์ ่กี าหนด ประเดน็ ท่ีประเมนิ 1. ผลงานตรงกบั 432 1 2 มคี วามถูกต้องสมบูรณ์ ผลงานไม่สอดคล้อง จดุ ประสงค์ท่ีกาหนด ผลงานสอดคล้องกบั ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคลอ้ ง กบั จุดประสงค์ 3 มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ 2. ผลงานมีความถูกต้อง จดุ ประสงค์ทกุ กับจุดประสงค์ กบั จดุ ประสงค์ เนือ้ หาสาระของ 4 มคี วามเปน็ ระเบยี บ สมบูรณ์ ผลงานไม่ถูกต้อง ประเด็น เปน็ สว่ นใหญ่ บางประเด็น เปน็ สว่ นใหญ่ รวม 3. ผลงานมีความคดิ ผลงานไม่แสดง สร้างสรรค์ เนอื้ หาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ แนวคิดใหม่ 4. ผลงานมีความเป็น ผลงานถกู ต้อง ผลงานถกู ตอ้ ง ผลงานถกู ตอ้ ง ผลงานส่วนใหญ่ ระเบียบ ไมเ่ ปน็ ระเบยี บ ลงชอ่ื ............................................................. ผู้ประเมนิ ครบถ้วน เปน็ ส่วนใหญ่ เปน็ บางประเด็น และมีข้อ ............ /............/............. บกพร่องมาก ผลงานแสดงออก ผลงานมีแนวคดิ ผลงานมคี วาม ถึงความคดิ แปลกใหมแ่ ตย่ งั น่าสนใจ แตย่ งั ไม่มี สร้างสรรค์ ไมเ่ ปน็ ระบบ แนวคิดแปลกใหม่ แปลกใหม่ และเป็นระบบ ผลงานมคี วามเปน็ ผลงานสว่ นใหญ่ ผลงานมีความ ระเบียบแสดงออก มีความเปน็ เปน็ ระเบยี บแตม่ ี ถงึ ความประณตี ระเบียบแต่ยังมี ข้อบกพร่อง ข้อบกพรอ่ ง บางส่วน เลก็ นอ้ ย เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–16 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรงุ T9 75

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ จุดเร่ิมตนในการพัฒนา 2 เกทาครโพนฒั โลนยาี โครงงานทางดา น โครงงานทางดาน กระตนุ ความสนใจ เทคโนโลยี คืออะไร การพัฒนาโครงงานทางดานเทคโนโลยีจําเปนตองใช 1. ค รู เ ป  ด ค ลิ ป วิ ดี โ อ ท่ี เ กี่ ย ว กั บ โ ค ร ง ง า น แนวคดิ เชงิ คาํ นวณเพอื่ แกป ญ หาตา ง ๆ ไดอ ยา งเปน ระบบ เพอ่ื ให เทคโนโลยีใหนักเรียนดูเพ่ือกระตุนความ โครงงานสาํ เรจ็ ลลุ ว งตามเปา หมาย การพฒั นาโครงงานใด ๆ ทางดา นเทคโนโลยี มขี นั้ ตอนเบอ้ื งตน สนใจของนักเรียน เชน คลิปวิดีโอจาก 6 ขนั้ ตอน ไดแก กาํ หนดปญหา วเิ คราะหร ะบบ ออกแบบระบบ พัฒนาระบบและทดสอบระบบ youtube เร่ือง Welcome to Project ตดิ ตงั้ ระบบ และบํารุงรักษาระบบ Jacquard (https://www.youtube.com/ watch?v=qObSFfdfe7I) 2.1 กาํ หนดปญ หา 2. เมื่อนักเรียนดูคลิปจบแลว ครูถามนักเรียนวา กําหนดปญ หา วิเคราะหความเปน ไปไดและวางแผน คือ ขั้นตอนที่ทีมผพู ฒั นาซอฟตแ วร โครงงานในคลิปเปนโครงงานที่เกี่ยวกับอะไร ทําการวิเคราะหความเปนไปไดในการพัฒนาซอฟตแวรวาจะสามารถดําเนินการไดสําเร็จหรือไม และนกั เรยี นคดิ วา โครงงานเทคโนโลยคี อื อะไร ภายใตปจจัยตาง ๆ เชน ระยะเวลาที่กําหนด งบประมาณที่กําหนด หรือจํานวนบุคคลกรในทีม โดยครคู อยกระตนุ ใหน กั เรยี นใหน กั เรยี นในชน้ั งาน เปนตน หากวิเคราะหแลววามีความเปนไปไดสูงที่จะดําเนินการพัฒนาซอฟตแวรไดสําเร็จ เรยี นชว ยกนั ตอบคาํ ถามและมกี ารแลกเปลยี่ น จึงดําเนินการประชุมทีมงาน และวางแผนเพื่อพัฒนาซอฟตแวรเปนลําดับถัดไป รวมทั้งจัดทํา ความคิดเห็นรวมกัน เอกสารการวางแผนการดําเนนิ งาน (แนวตอบ โครงงานในคลิปเปนโครงงานที่นํา เทคโนโลยีมาชวยในการทอผา และโครงงาน 1) ประชุมทีมงาน คือ การประชุมทีมงานผูพัฒนา เพ่ือกําหนดหนาที่ใหแกทีมงาน เทคโนโลยี คือ โครงงานท่ีเกี่ยวกับการนํา กําหนดลักษณะการทํางาน ขอตกลงการทํางานตาง ๆ รวมถึงมาตรฐานการทํางาน เพ่ือใหการ ความรู ทักษะ และทรัพยากรท่ีมีอยูมาสราง ปฏิบัติงานเปนไปในทิศทางเดียวกัน และควรจัดทําเอกสารบันทึกการประชุมใหผูเขารวมประชุม หรือพัฒนา เครื่องมือ เคร่ืองใช แบบจําลอง ลงลายมอื ช่อื รบั ทราบดว ยเชน กัน หรือวิธีการเพ่ือใชแกปญหาหรือสนองความ ตองการ โดยมีข้ันตอนการทํางานอยูบน 2) กาํ หนดแผนงาน คอื ขน้ั ตอนการจดั ทาํ แผนการดาํ เนนิ งาน ซง่ึ ถอื วา เปน ผลลพั ธข อง พืน้ ฐานของกระบวนการเทคโนโลยี) ข้นั ตอนการวเิ คราะหความเปนไปไดแ ละการวางแผน ซ่งึ หลังจากกําหนดแผนการดาํ เนินงานแลว ทีมผูพัฒนาตองนําเสนอแผนการดําเนินงานดังกลาวตอผูบริหารหรือผูท่ีมีอํานาจในการพิจารณา 3. ครูถามคําถามประจําหนวยการเรียนรูจาก เพ่ือพิจารณาและลงลายมอื ช่อื ตอ ไป หากมกี ารปรับปรุงแกไขใหร ีบดําเนนิ การทันที หนังสือเรียน หนา 8 วา จุดเริ่มตนในการ พัฒนาโครงงานทางดานเทคโนโลยีคืออะไร ตวั อยา ง แผนการดาํ เนนิ งานระบบหอ งสมดุ โรงเรยี นแหง หนงึ่ ซง่ึ มรี ะยะเวลาการพฒั นา โดยใหน ักเรียนชวยกันอภปิ รายเพอื่ หาคําตอบ ระบบทง้ั ส้นิ 4 เดอื น โดยเริ่มจากเดอื นมนี าคม ถงึ เดือนมถิ ุนายน แนวตอบ คําถามประจาํ หนว ยการเรียนรู c:// จุดเริ่มตนในการพัฒนาโครงงานทางดาน < head >เทคโนโลยี คือ ความตองการในการแกปญหา x,y,z integerและเพื่อใหโครงงานสําเร็จลุลวงตามเปาหมายจึงมี beginการนําแนวคิดเชิงคํานวณมาใชในการแกปญหา read x, y, zตางๆ อยางเปนระบบและเปนขน้ั ตอน < end > หนังสือเลมเนนื้อี้อหยาูในอราะจหมวีกาางรสปงรตับรปวรจุงพแิจกาไรขณางาน วิเคราะหระบบ ออกแบบระบบ พัฒนาระบบ ติดตัง้ ระบบ เมษายน พฤษภาคม มถิ ุนายน เดือน มนี าคม 8 สื่อ Digital ขอสอบเนน การคดิ เพ่ือเปนการกระตุนความสนใจของนักเรียน และเปนการเช่ือมโยงเขาสู ขอ ใดไมส อดคลอ งกบั ขั้นตอนกําหนดปญ หาเน้ือหาที่ครูจะสอนตอไป ครูควรนําคลิปวิดีโอท่ีเกี่ยวกับโครงงานทางดาน 1. จดั ทําแผนการดําเนินงานเทคโนโลยมี าเปด ใหนกั เรียนดู เชน คลปิ วดิ โี อจาก youtube เรอ่ื ง Welcome 2. การประชุมทีมงานผูพัฒนาto Project Jacquard (https://www.youtube.com/watch?v=qObSFfdfe7I) 3. วิเคราะหค วามเปนไปไดแ ละวางแผน 4. จดั ทําเอกสารการวางแผนการดําเนนิ งาน 5. ไมสามารถปรับปรุงแกไขแผนการดําเนินงานได (วเิ คราะหค าํ ตอบ การกําหนดแผนงานเปน สว นหนง่ึ ของข้ันตอน กําหนดปญหาเม่ือแผนงานพบจุดท่ีควรปรับปรุงแกไขสามารถ ดําเนินการไดท นั ที ดงั นั้น ตอบขอ 5.)T10 76

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ2.2 วเิ คราะหร์ ะบบ ขนั้ สอน วิเครำะห์ระบบ คือ ขัน้ ตอนกำรทำ� ควำมเขำ้ ใจกบั ระบบงำน ทั้งระบบงำนปจั จบุ ันและระบบ สาํ รวจคน หางำนทจี่ ะพฒั นำขึ้นมำแทนท่ ี หรอื ระบบงำนที่พัฒนำข้นึ ใหม่ โดยกำรท�ำควำมเขำ้ ใจระบบงำนนน้ั จำ� เป็นต้องเกบ็ รวมรวมข้อมลู ปัญหำ และควำมตอ้ งกำรต่ำง ๆ เพอ่ื นำ� มำวเิ ครำะห์หำขอบเขตของ 1. ครูใหนักเรยี นแบง กลุม กลมุ ละ 4-5 คน แลวระบบงำนใหม่ ฟังกช์ ันงำนต่ำง ๆ และฟงั กช์ ันงำนเหล่ำนั้นเกยี่ วข้องกบั บุคคลำกรใดบ้ำง รวมถงึ ใหสมาชิกแตละคนในกลุมผลัดกันเลาถึงจัดท�ำเอกสำรกำรวิเครำะห์ระบบ และข้ันตอนกำรวิเครำะห์นี้ยังไม่จ�ำเป็นต้องระบุวิธีกำรท�ำงำน โครงงานท่ีตนเองเคยไดทาํขนั้ ตอนกำรวเิ ครำะหร์ ะบบมีขั้นตอนยอ่ ย ดงั น้ี 1) สมั ภาษณผ์ ้ใู ชง้ าน คอื ขนั้ ตอนทีต่ อ้ งลงพืน้ ทสี่ ัมภำษณผ์ ใู้ ช้งำนเพ่อื เก็บข้อมลู ต่ำง ๆ 2. นกั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั วเิ คราะหว า ขน้ั ตอนดังน้ี ขน้ั ตอนกำรท�ำงำนของระบบงำนเดิม เอกสำรกำรท�ำงำนต่ำง ๆ ของระบบงำนเดมิ ปญั หำท่ี การพัฒนาโครงงานทางเทคโนโลยีที่สําคัญมีพบของระบบงำนเดมิ ควำมตอ้ งกำรของระบบที่สร้ำงข้นึ ใหม่ ขอ้ จำ� กดั หรอื ข้อยกเว้นตำ่ ง ๆ ของ กีข่ น้ั ตอน แลวรวมกันลงความเหน็ เพ่ือเปนมติระบบงำนใหม่ ในกำรสัมภำษณ์นัน้ ทีมงำนพัฒนำไมค่ วรด�ำเนนิ งำนเพียงล�ำพัง แตค่ วรจดั ทีมงำน ของกลมุ ตนเองวา ขน้ั ตอนการพฒั นาโครงงานสัมภำษณอ์ ย่ำงนอ้ ย 2 คน เพ1ื่อให้สำมำรถเกบ็ ข้อมูลไดค้ รบถว้ น ซ่ึงผทู้ ที่ ำ� หนำ้ ท่รี บั ผดิ ชอบในกำร ทางเทคโนโลยีท่ีสําคญั มีกข่ี ั้นตอนสมั ภำษณ์จะเปน็ นักวเิ ครำะหแ์ ละนักออกแบบระบบ 2) วิเคราะห์ปัญหาและความต้องการ คือ หลังจำกกำรสัมภำษณ์เพ่ือเก็บข้อมูล2แล้ว 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษา เรื่องทีมผู้พัฒนำควรน�ำข้อมูลท่ีได้จำกกำรสัมภำษณ์มำวิเครำะห์หำข้อมูลดังนี้ ปัญหำและสำเหตุของ การพัฒนาโครงงานทางดานเทคโนโลยี จากปญั หำของระบบงำนเดมิ ผทู้ เี่ กย่ี วขอ้ งทง้ั หมดของระบบงำนใหม ่ ควำมตอ้ งกำรของระบบงำนใหม่ หนังสือเรียนและแหลงการเรียนรูตางๆ แลวกระบวนกำรท�ำงำนของระบบงำนใหม่ และควำมเกี่ยวข้องระหว่ำงผู้ท่ีเกี่ยวข้องกับระบบงำนใหม ่ ใหส มาชกิ ในแตล ะกลมุ ผลดั กนั อธบิ ายเกย่ี วกบัโดยต้องกลบั ไปสัมภำษณ์และวิเครำะห์ซำ�้ หำกยังไมส่ ำมำรถวเิ ครำะห์ปญั หำและควำมตอ้ งกำรได้ ขั้นตอนเบื้องตนของการพัฒนาโครงงานดาน เทคโนโลยีและชวยกันสรุปความรูท่ีไดศึกษา มาลงในกระดาษ A4 (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช แบบประเมินพฤติกรรมการทาํ งานรายบคุ คล)ครบถว้ น หลกั กำรวิเครำะหค์ ือ แสดงใหเ้ ห็นวำ่ ระบบท�ำอะไร (what) โดยยังไม่พิจำรณำวำ่ ระบบท�ำอยำ่ งไร (how) ซ่ึงระบบท�ำอยำ่ งไรนน้ั จะด�ำเนินกำรในขน้ั ตอนกำรออกแบบระบบ ตาราง กำรวเิ ครำะห์ควำมต้องกำรของระบบห้องสมดุ โรงเรยี นแหง่ หนงึ่ ผเู้ กยี่ วขอ้ ง ฟงั กช์ นั งานผู้ดแู ลระบบ บรหิ ำรจัดกำรข้อมลู เจำ้ หน้ำที่หอ้ งสมดุสมำชิก บรรณำรกั ษ์ ผ้ดู ูแลระบบ บรหิ ำรจัดกำรข้อมลู สมำชิกบรรณำรกั ษ์ ผ้ดู ูแลระบบ กำรบริหำรจดั กำรขอ้ มลู หนงั สอืสมำชกิ บรรณำรักษ ์ ผดู้ ูแลระบบ กำรยมื - คนื หนั เงนื้สืออเหลามอนี้าจอมียูใกนารระปหรัวาบงปสรุงงแตกรไวขจพิจารณา - สำมำรถรองรบั กำรนำ� เขำ้ ขอ้ มลู หนงั สอื จำก แป้นอักขระและกำรแสกนบำร์โค้ด 9 ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรูเพราะเหตุใดการวิเคราะหระบบจึงจําเปนตองไปสัมภาษณผูใช 1 นกั วเิ คราะหร ะบบ (system analyst) คอื ผทู าํ หนา ทใ่ี นการศกึ ษาวเิ คราะหงานจริง และพฒั นาระบบสารสนเทศ นกั วเิ คราะหร ะบบจะทาํ การวเิ คราะหร ะบบงานและ ออกแบบระบบสารสนเทศใหต รงกบั ความตอ งการของผใู ชง าน ซง่ึ อาจรวมถงึ งาน (วิเคราะหคําตอบ เพื่อใหผูพัฒนาระบบไดขอมูลไดครบถวน ดา นการออกแบบฐานขอมลู ดวยและทราบถึงปญหาท่ีพบของระบบงานเดิม แลวนําไปสรุปเปน 1 ขอ มลู (data) คอื สง่ิ ทใี่ ชอ ธบิ ายคณุ ลกั ษณะของวตั ถุ เหตกุ ารณ กจิ กรรมความตองการและขอจํากัดของระบบใหม เพ่ือที่จะไดระบบท่ี โดยบันทึกจากการสังเกต การทดลอง หรือการสํารวจดวยการแทนรูปแบบใดตอบสนองความตอ งการของผใู ชงานอยา งแทจริง) รูปแบบหนง่ึ เชน บนั ทึกไวเ ปน ตวั เลข ขอความ รปู ภาพ และสญั ลกั ษณ T11 77

นาํ สอน สรปุ ประเมนิขน้ั สอน (ตอ) 3) ก�าหนดขอบเขตของระบบ คือ กำรก�ำหนดขอบเขตกำรพัฒนำระบบงำนใหม่ โดย ต้องก�ำหนดว่ำจะด�ำเนินกำรท�ำอะไรบ้ำง ไม่ท�ำอะไรบ้ำง ระบบงำนใหม่มีฟังก์ชันงำนอะไรบ้ำง สาํ รวจคน หา และไมค่ รอบคลุมอะไรบ้ำง มขี อ้ จำ� กดั อะไรบ้ำง ซ่งึ ถอื ว่ำเป็นขั้นตอนทสี่ ำ� คญั อีกข้ันตอนหน่งึ หำก กำ� หนดขอบเขตไม่ชดั เจน อำจทำ� ใหเ้ กดิ ควำมไมเ่ ขำ้ ใจระหวำ่ งทมี ผ้พู ฒั นำและผู้ใช้งำน สง่ ผลให้4. ครูสุมตัวแทนกลุมใหออกมาอธิบายความรูท่ี ทมี ผพู้ ฒั นำดำ� เนนิ งำนนอกเหนอื ควำมตอ้ งกำรของระบบ หรอื พฒั นำไมค่ รบถว้ นตำมควำมตอ้ งกำร กลมุ ตนเองไดศ กึ ษามาโดยมคี รคู อยตรวจสอบ รวมถงึ พฒั นำระบบผดิ พลำดและล่ำช้ำกวำ่ ก�ำหนด ความถกู ตอ งและอธิบายเพ่มิ เติมในสวนของท่ี 4) วเิ คราะห์กล่มุ กระบวนการทา� งาน (grouping process) และกลมุ่ ขอ้ มลู (grouping ยังมีขอบกพรองอยู แลวสอบถามนักเรียนวา data) คือ ขั้นตอนกำรวเิ ครำะหเ์ พ่อื หำกระบวนกำรท�ำงำนว่ำประกอบด้วยกระบวนกำรทำ� งำนย่อย ขน้ั ตอนการพฒั นาโครงงานทางดา นเทคโนโลยี อะไรบำ้ งทจี่ ะถกู พฒั นำขน้ึ มำ เชน่ กระบวนกำรคน้ หำขอ้ มลู กระบวนกำรจดั กำรกำรยมื -คนื หนงั สอื ทแี่ ตล ะกลมุ ไดล งมตไิ ว กบั สง่ิ ทศ่ี กึ ษาไวเ หมอื น กระบวนกำรกำรจดั กำรขอ้ มลู นกั เรยี น เปน็ ตน้ และกำรวเิ ครำะหเ์ พอ่ื หำกลมุ่ ขอ้ มลู ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในกำร กันหรือไมอยางไร โดยชักชวนใหนักเรียนใน พัฒนำวำ่ มกี ลุม่ ขอ้ มูลใด โดยแตล่ ะกลมุ่ ข้อมูลประกอบดว้ ยข้อมูลใดบำ้ ง เช่น กลุ่มข้อมูลหนังสือ ชั้นเรียนรวมกันอภิปราย จนไดขอสรุปที่ถูก ประกอบดว้ ยขอ้ มูลรหัสหนังสือ ชือ่ หนังสอื ชื่อผแู้ ตง่ จ�ำนวนหนำ้ หมำยเลข ISBN เปน็ ต้น พร้อม ตอ งรว มกนั กับจัดทำ� แผนภำพกระแสขอ้ มลู และแผนภำพบรบิ ท แผนภาำพกระแสขอ้ มูล (dataflow diagram)5. ครูมอบหมายใหน กั เรียนทาํ ใบงานท่ี 1.2 เรอ่ื ง เป็นเคร่ืองมือท่ีใช้ในกำรเขียนระบบใหม่ในกำรเขียนแผนภำพจ�ำลองกำรท�ำงำน การพัฒนาโครงงานทางดานเทคโนโลยี มาสง ของกระบวนกำรต่ำง ๆ ในระบบ หรอื เปน็ แบบจ�ำลองกระบวนกำร (process model) ประเภทหน่ึง เปน การบา น ซงึ่ นำ� มำใชว้ เิ ครำะหแ์ ละออกแบบระบบเชงิ โครงสรำ้ ง โดยแสดงควำมสมั พนั ธร์ ะหวำ่ งกระบวนกำร กบั ขอ้ มลู ใชบ้ รรยำยภำพรวมของระบบ แสดงขนั้ ตอนกำรทำ� งำนของระบบ ระบแุ หลง่ ขอ้ มลู กำรไหล6. ครถู ามคาํ ถามเพอื่ เปน การกระตนุ นกั เรยี นและ ของข้อมลู ปลำยทำงข้อมลู กำรเกบ็ ขอ้ มูล และกำรประมวลผลขอ้ มูล ทบทวนความรจู ากช่ัวโมงทผ่ี านมา ดงั น้ี 1) ข้ันตอนเบ้ืองตนของการพัฒนาโครงงาน วตั ถปุ ระสงคข์ องการสร้างแผนภาพกระแสข้อมลู ทางดานเทคโนโลยีมกี ขี่ ้ันตอน อะไรบา ง • เปน็ แผนภำพทส่ี รปุ รวมขอ้ มลู ทง้ั หมดทไี่ ดจ้ ำกกำรวเิ ครำะหใ์ นลกั ษณะของรปู แบบ 2) การแกไขปญหาโดยใชแนวคิดเชิงคํานวณ มกี ข่ี ้ันตอน อะไรบาง ทีเ่ ปน็ โครงสรำ้ ง (แนวตอบ 1) ขั้นตอนเบื้องตนของการ • เป็นขอ้ ตกลงร่วมกนั ระหว่ำงนักวเิ ครำะห์ระบบและผ้ใู ชง้ ำน พัฒนาโครงงานทางดานเทคโนโลยีมี 6 • เปน็ แผนภำพทใ่ี ชใ้ นกำรพัฒนำตอ่ ในขนั้ ตอนของกำรออกแบบระบบ ขั้นตอน ไดแก กําหนดปญหา วิเคราะห • เปน็ แผนภำพท่ีใชใ้ นกำรอำ้ งอิง หรอื เพ่ือใชใ้ นกำรพฒั นำตอ่ ในอนำคต ระบบ ออกแบบระบบ พัฒนาระบบและ • ทรำบท่มี ำทไ่ี ปของขอ้ มลู ท่ไี หลไปในกระบวนกำรต่ำง ๆ (data and process) ทดสอบระบบ ตดิ ตงั้ ระบบ และบาํ รงุ รกั ษา ระบบ 10 2) การแกไขปญหาโดยใชแนวคิดเชิง หนังสือเลมเนนื้อี้อหยาูในอราะจหมวีกาางรสปงรตับรปวรจุงพแิจกาไรขณา คํานวณมี 4 ขนั้ ตอน คอื แนวคิดแยกยอย แนวคิดการจดจํารูปแบบ แนวคิดเชิง นามธรรม และแนวคิดการออกแบบ ขนั้ ตอน) นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด ISBN : International Standard Book Number คือ เลขมาตรฐาน ขอ ใดไมใชวัตถุประสงคข องการสรางแผนภาพกระแสขอ มลูสากลประจําหนังสือ เนนเลขรหัสสากลท่ีกําหนดเพื่อความสะดวก ถูกตอง 1. เปน ขอ ตกลงรว มกนั ระหวา งนกั วเิ คราะหร ะบบและผใู ชง านในการควบคุมขอมูลหนังสือในดานการสั่งซื้อ แลกเปล่ียน บริการ หนวยงาน 2. เปนแผนภาพทป่ี ระกอบดว ยกระบวนการเพียงกระบวนการของประเทศไทยที่ทําหนาที่ดูแลการใหเลขมาตรฐานสากลประจําหนังสือ คือ เดียวหอสมุดแหงชาติ 3. เปนแผนภาพที่ใชในการพัฒนาตอในขั้นตอนของการ ออกแบบระบบเรียนรู คําศพั ท 4. เปน แผนภาพทีใ่ ชในการอางอิง หรือเพ่อื ใชใ นการพัฒนา ตอ ในอนาคต Process คือ กระบวนการ ซ่ึงมีความหมายวาการกระทําเปนข้ันตอน 5. เปน แผนภาพท่ีสรุปรวมขอมูลท้ังหมดทไี่ ดจ ากการตอเน่อื งกนั โดยมกี ารพิจารณาวางแผนกําหนดไวลวงหนา วเิ คราะหในลกั ษณะของรูปแบบทเ่ี ปนโครงสรา ง (วิเคราะหคําตอบ แผนภาพกระแสขอมูลเปนเครื่องมือที่ใชในT12 การเขยี นระบบใหมซ ง่ึ จะจาํ ลองการทาํ งานของกระบวนการตา งๆ ในระบบ จึงไมจําเปนที่จะตองประกอบดวยกระบวนการเพียง กระบวนการเดยี ว ดงั น้นั ตอบขอ 2.) 78

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน (ตอ) สาํ รวจคน หาตาราง สัญลักษณ์ในการวาดแผนภาพกระแสข้อมลู 1 7. ครูใหนักเรียนกลับสูกลุมเดิมท่ีไดแบงไวใน ชั่วโมงแรก แลวครูใหนักเรียนแตละกลุมคิด สญั ลกั ษณ์ สญั ลกั ษณ์ ความหมาย สรางสรรคโครงงานท่ีพัฒนาหองสมุดของ โรงเรียนใหเปนหองสมุดที่ทันสมัยและตอบDeMarco & Yourdon Gane & Sarson สนองความตองการของนักเรียนทั้งโรงเรียน โดยนักเรียนจะตองดําเนินโครงงานตาม ข้ันตอนการทา� งานภายในระบบ (process) ขั้นตอนเบื้องตนของการพัฒนาโครงงานทาง ดานเทคโนโลยีและนําแนวคิดเชิงคํานวณ แหล่งข้อมูลสามารถเป็นได้ท้ังไฟล์ข้อมูล มาใชใ นการแกป ญหา และฐานข้อมูล (data store) 8. นักเรียนแตละกลุมรวมกันวิเคราะหและ ปจั จยั หรอื สภาพแวดลอ้ มทม่ี ผี ลกระทบตอ่ สรางสรรคโครงงาน แลวรวมกันนําเขียนวิธี ระบบ (external agents) การดําเนินโครงงานของกลุมตนเองลงในกระ เส้นทางการไหลของข้อมูล แสดงทิศทาง ดาษฟลิปชารต ของข้อมูลจากขั้นตอนการท�างานหน่ึงไป (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช ยงั อีกขนั้ ตอนหนง่ึ (data flow) แบบสงั เกตพฤติกรรมการทํางานกลมุ ) ขนั้ ตอนการดา� เนนิ งาน (process) เปน็ งานทดี่ า� เนนิ การตอบสนองขอ้ มลู ทรี่ บั เขา้ หรอื 9. ครูแจงนักเรียนวาจะมีการนําเสนอโครงงานด�าเนินการตอบสนองต่อเงื่อนไขสภาวะใด ๆ ที่เกิดข้ึน ไม่ว่าขั้นตอนการด�าเนินงานนั้นจะกระท�า ของแตล ะกลุม ในชั่วโมงถัดไปโดยบคุ คล หน่วยงาน หนุ่ ยนต์ เครอ่ื งจักร หรือเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ก็ตาม แหลง่ จดั เกบ็ ข้อมลู (data store) เปน็ แหลง่ เก็บและบันทกึ ข้อมลู เปรยี บเสมือนคลังขอ้ มูล (เทยี บเทา่ กับไฟลข์ ้อมลู และฐานข้อมูล) โดยอธิบายรายละเอียดและคณุ สมบตั เิ ฉพาะตวัของสิ่งท่ตี ้องการเก็บและบนั ทกึ สัญลักษณ์ท่ใี ชอ้ ธบิ ายคือสี่เหล่ียมเปิดหนงึ่ ข้าง แบ่งออกเปน็ สองสว่ น ได้แก่ ส่วนที่ 1 ทางดา้ นซา้ ยใชแ้ สดงรหสั ของ data store โดยอาจจะเปน็ หมายเลขลา� ดบั หรอืตวั อกั ษรไดเ้ ช่น D1 D2 เปน็ ต้น ส�าหรับสว่ นที่ 2 ทางดา้ นขวา ใช้แสดงช่ือ data store หรอื ชอื่ ไฟล์ ตวั แทนขอ้ มลู (external agents) หมายถงึ บคุ คล หนว่ ยงานในองคก์ ร องคก์ รอนื่ ๆหรอื ระบบงานอน่ื ๆ ทอี่ ยภู่ ายนอกขอบเขตของระบบ แตม่ คี วามสมั พนั ธก์ บั ระบบ โดยมกี ารสง่ ขอ้ มลูเขา้ สรู่ ะบบเพอ่ื ดา� เนนิ งาน และรบั ขอ้ มลู ทผ่ี า่ นการดา� เนนิ งานเรยี บรอ้ ยแลว้ จากระบบ สญั ลกั ษณท์ ่ีใชอ้ ธบิ าย คอื สเี่ หลยี่ มจตรุ สั หรอื สเ่ี หลย่ี มผนื ผา้ ภายในจะตอ้ งแสดงชอ่ื ตวั แทนขอ้ มลู โดยสามารถท�าการซ้�าไดด้ ้วยการใช้เครื่องหมาย \ (back slash) ตรงมมุ ลา่ งซา้ ย หนั เงนื้สืออเหลามอนี้าจอมียูใกนารระปหรัวาบงปสรุงงแตกรไวขจพิจารณา 11 ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรูเพอ่ื ใหไ ดแ ผนภาพกระแสขอ มลู ทแี่ สดงขอ มลู ทถ่ี กู ตอ ง ในขน้ั ตอน 1 แผนภาพกระแสขอ มลู การใชแ ผนภาพกระแสขอมลู มีประโยชน ดงั นี้การเขียนแผนภาพกระแสขอมูลนักวิเคราะหจะตองตรวจสอบส่ิง 1) มีความอิสระในการใชงาน เนื่องจากนําสัญลักษณตางๆ มาใชแทนใดบา ง สงิ่ ทีว่ เิ คราะหมาแลว(แนวตอบ 1. ตรวจสอบการใชสญั ลกั ษณต าง ๆ ใหถ กู ตอ งตามกฎ 2) เปน สอื่ ทง่ี า ยตอ การแสดงความสมั พนั ธร ะหวา งระบบใหญแ ละระบบยอ ยการเขียนแผนภาพกระแสขอมลู ซึง่ ชวยทําใหเขาใจความสัมพันธต างๆ ไดดี 3) เปน สอ่ื ทช่ี ว ยใหก ารวเิ คราะหเ ปน ไปไดง า ยขน้ึ และทาํ ใหเ กดิ ความเขา ใจ 2. ตรวจสอบหาขอผิดพลาดโดยดูวาคํากํากับบนเสน ตรงกนั ระหวา งผวู เิ คราะหร ะบบดว ยกนั เอง หรอื ระหวา งผวู เิ คราะหร ะบบData flow แตล ะเสน รวมถงึ Process แตล ะอนั นน้ั สอ่ื ความหมาย กบั โปรแกรมเมอร หรือระหวา งผวู ิเคราะหร ะบบกบั ผูใ ชร ะบบหรือไม 4) ชว ยใหก ารวเิ คราะหร ะบบสะดวก เพราะสามารถเหน็ ขอ มลู และขน้ั ตอน ตา งๆ เปนแผนภาพ 3. ตรวจสอบสมดุลระหวางขอมูลเขาและขอมูลออกของภาพ) T13 79

นาํ สอน สรปุ ประเมนิขน้ั สอน เส้นทางการไหลของข้อมลู (data flow) เป็นกำรสอ่ื สำรระหว่ำงขน้ั ตอนกำรทำ� งำน ต่ำง ๆ และสภำพแวดลอ้ มภำยนอกหรือภำยในระบบ โดยแสดงถึงข้อมูลท่นี ำ� เขำ้ และส่งออกไปในอธบิ ายความรู แต่ละขั้นตอน ใชใ้ นกำรแสดงถงึ กำรบันทึกขอ้ มูล กำรลบขอ้ มูล กำรแกไ้ ขขอ้ มูลต่ำง ๆ สัญลักษณ์ ท่ีใชอ้ ธิบำยเสน้ ทำงกำรไหลของขอ้ มลู คือ เสน้ ตรงทีป่ ระกอบดว้ ยหัวลกู ศร เพ่ือบอกทศิ ทำงกำร1. ครูใหนักเรียนทุกกลุมนําผลงาน (ฟลิปชารต เดนิ ทำงหรอื กำรไหลของขอ้ มูล ที่ไดทําไวในชั่วโมงท่ีผานมา) มาติดที่ฝาผนัง รอบหอ งเรยี นแลว ใหน กั เรยี นเดนิ ศกึ ษาผลงาน แผนภาพบรบิ ท (context diagram) ของกลมุ ตา งๆ ทตี่ ดิ อยรู อบหอ งเรียน (หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรียน โดยใช เป็นแผนภำพกระแสข้อมูลระดับบนสุดที่แสดงภำพรวมท้ังหมดของระบบที่มีควำม แบบประเมินชิน้ งาน) สัมพันธ์กับสภำพแวดล้อมภำยนอกระบบ ซ่ึงประกอบด้วย กระบวนกำรเพียงกระบวนกำรเดียว นน่ั คอื ระบบทศ่ี กึ ษำ บคุ คล ระบบภำยนอก และกำรเคลอ่ื นทขี่ องขอ้ มลู จำกภำยนอกระบบสรู่ ะบบ2. ครแู จกกระดาษ Post it ใหน กั เรยี นคนละ 1 แผน แลวใหนักเรียนเขียนคําถาม ส่ิงท่ีตองการรู ลกู ค้ำ ครัว คาํ แนะนาํ หรอื คาํ ชม ไปตดิ บนผลงานทต่ี นเอง ชอบ โดยหามตดิ ลงบนผลงานของกลมุ ตัวเอง ออเดอร์ ออเดอร์ จำกลกู ค้ำ อำหำร3. ครูสรุปจํานวนกระดาษ Post it ของผลงาน ใบเสรจ็ ค่ำอำหำร แตละชิ้น แลวใหกลุมท่ีมีจํานวนสติกเกอรมา ระบบสั่งอาหาร ที่สุดออกนําเสนอผลงานของตนเองหนาช้ัน เรียน โดยท่คี รเู พ่ิมเตมิ ขอมูลและใหคาํ แนะนํา รำยงำนตำ่ ง ๆ นกั เรยี น (หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรียน โดยใช ผูจ้ ดั กำรร้ำนอำหำร แบบประเมินการนําเสนอผลงาน) หนังสือเลมเนนื้อี้อหยาูในอราะจหมวีกาางรสปงรตับรปวรจุงพแิจกาไรขณา แผนภำพบรบิ ท ระบบกำรสัง่ อำหำร4. เมอื่ นกั เรยี นไดน าํ เสนอผลงานของตนเองเสรจ็ แลว ครูคัดเลือกคําถามท่ีนาใจจากกระดาษ 2.3 ออกแบบระบบ Post it ทนี่ กั เรยี นไดต ดิ ไวบ นผลงานของแตล ะ กลมุ มาอภปิ รายหาคาํ ตอบรว มกนั กบั นกั เรยี น ออกแบบระบบ คือ ขั้นตอนกำรก�ำหนดวิธีกำรแก้ปัญหำต่ำง ๆ จำกข้ันตอนกำรวิเครำะห์ ในชนั้ เรยี น ร(fะlบowบc hโaดrยt)ข ้ันแตผอนนภนำ้ีจพะแกส�ำดหงนคดวขำ้ันมตสอัมนพกันำธร์ขทอ�ำงงขำ้นอมโดูลย1 ใ(ชE้แRผ-น dภiaำgพraแmส)ด งพลจ�ำดนับำนขุก้ันรตมอขน้อกมำรูลท �ำ(dงaำtนa dictionary) หน้ำจอสว่ นตดิ ตอ่ กับผ้ใู ชง้ ำน (Graphic User Interface: GUI) เทคโนโลยตี ่ำง ๆ ท่ี5. ครูและนักเรียนสรุปรวมกันถึงการใชแนวคิด น�ำมำใช้ในกระบวนกำรแก้ปัญหำตำ่ ง ๆ ของระบบงำน ลักษณะกำรเขยี นชุดค�ำสง่ั รวมถงึ จดั ทำ� เชิงคํานวณในการแกปญหาตามขั้นตอน เอกสำรกำรออกแบบระบบ เชน่ ลักษณะกำรจดั เกบ็ ขอ้ มลู สมำชกิ เปน็ ต้น เบ้ืองตนของการพัฒนาโครงงานทางดาน เทคโนโลยี โดยที่ครูและนักเรียนควรจะได 12 ขอ สรปุ รว มกนั วา การพฒั นาโครงงานทางดา น เทคโนโลยีจําเปนตองใชแนวคิดเชิงคํานวณ เพอ่ื แกป ญ หาตางๆ ไดอยางเปน ระบบเพือ่ ให โครงงานสําเร็จลุลว งตามเปา หมาย นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ1 แผนภาพแสดงความสัมพันธของขอมูล ในการออกแบบระบบสารสนเทศ แผนภาพบรบิ ทสามารถแสดงขอ มูลอะไรไดบ า ง จงอธิบายหากนักพัฒนาระบบตองการจะถายทอดภาพของระบบสารสนเทศที่กําลังจะพัฒนาใหตรงกับความตองการของผูใชงานวาประกอบดวยขอมูลอะไรบาง (แนวตอบ แผนภาพบริบทเปนแผนภาพกระแสขอมูลระดับการอธิบายดวยคําพูดของนักพัฒนาระบบไมสามารถทําใหผูใชงานเขาใจ บนสุดท่ีแสดงภาพรวมทั้งหมดของระบบท่ีมีความสัมพันธกับตรงกบั สง่ิ ทนี่ กั พฒั นาระบบตอ งการถา ยทอดได จงึ จาํ เปน ตอ งใชแ ผนภาพแสดง สภาพแวดลอมภายนอกระบบ ซึ่งประกอบดวย กระบวนการเพียงความสัมพันธของขอมูลมาแสดงขอมูลในระบบสารสนเทศซ่ึงแผนภาพนี้ กระบวนการเดียว น่ันคือ ระบบท่ีศึกษา บุคคล ระบบภายนอกจะแสดงขอมูลในรูปแบบของรูปภาพ จึงทําใหผูใชงานและนักพัฒนาระบบ และการเคลอื่ นทข่ี องขอมูลจกาภายนอกระบบสรู ะบบ)มคี วามเขาใจตรงกันT14 80

นาํ สอน สรปุ สรปุ ประเมนิ2.4 พัฒนาระบบ และทดสอบระบบ ขน้ั สรปุ พัฒนาระบบ และทดสอบระบบ คือ ขน้ั ตอนการด�าเนินงานต่าง ๆ เพือ่ พฒั นาระบบ โดย ขยายความเขา ใจด�าเนินงานตามการออกแบบจากข้นั ตอนการออกแบบระบบ เช่น การเขยี นชุดค�าสง่ั ต่าง ๆ เพ่อืสร้างซอฟตแ์ วร์ การสร้างฐานขอ้ มูลเพ่ือจดั เกบ็ ขอ้ มลู จัดท�าเอกสารการพัฒนาระบบ รวมถึงการ 1. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อทดสอบระบบงานว่าสามารถท�างานได้อย่างถูกต้อง และตรงตามความต้องการของผู้ใช้งานจาก วดั ความรูของนกั เรียนหลงั จากทาํ กจิ กรรมขนั้ ตอนการวเิ คราะห์ระบบหรอื ไม่ โดยทดสอบระบบในสภาพแวดลอ้ มจ�าลองและสภาพแวดลอ้ มจริง เป็นต้น 2. ครูใหนักเรียนจับกลุมกับเพ่ือนรวมชั้นเรียน กลุมละ 3 คน แลวใหนักเรียนรวมกันทํา2.5 ติดตง้ั ระบบ กิจกรรม Com Sci Activity เรื่อง แนวคิด เชิงคํานวณ ในหนังสือเรียน หนา 13 ตาม ติดตั้งระบบ คือ ข้ันตอนการน�าซอฟต์แวร์และระบบงานใหม่ท่ีเสร็จสมบูรณ์มาติดต้ังใน ข้ันตอนเบื้องตนของการพัฒนาโครงงานทางสภาพแวดล้อมการท�างานจริง จัดท�าเอกสารการติดต้ังระบบงานใหม่และคู่มือการใช้งาน จัดฝึก ดา นเทคโนโลยี โดยจดั ทาํ เปน รายงานมาสง ครูอบรมผใู้ ชง้ าน ด�าเนนิ การใชร้ ะบบงานใหม่ ประเมนิ ผลการใชง้ านระบบงานใหม่ เพอื่ หาจดุ บกพรอ่ งตา่ ง ๆ ซึง่ การใชง้ านระบบงานใหม่นน้ั ควรใชง้ านควบคู่กบั ระบบงานเดมิ (กรณที ี่มีระบบงานเดิม) หนั เงนื้สืออเหลามอนี้าจอมียูใกนารระปหรัวาบงปสรุงงแตกรไวขจพิจารณาโดยใชข้ อ้ มูลชดุ เดียวกนั และเปรยี บเทยี บผลลพั ธว์ า่ ตรงกนั หรือไม่ หากถูกต้องตรงกันจงึ น�าระบบงานเดมิ ออก แลว้ ใช้งานระบบงานใหมแ่ ทนท่ี2.6 บ�ารงุ รักษาระบบ บา� รงุ รักษาระบบ คอื ขัน้ ตอนการดูแลระบบต่าง ๆ เชน่ การแกไ้ ขจดุ บกพรอ่ งที่เกิดขนึ้ หลังจากการใช้งานในสภาพแวดล้อมจริง การเพิ่มเติมความสามารถของระบบงาน การปรับเปล่ียนการทา� งานบางประการใหท้ นั สมัยมากขนึ้ เปน็ ต้น จากขน้ั ตอนการพฒั นาโครงงานทางเทคโนโลยีสามารถน�าเอาหลักแนวคิดเชิงค�านวณเข้าไปประยุกต์ใช้ต้ังแต่การก�าหนดปัญหาหลักใหญ่ของโครงงาน และแยกแยะปัญหาเป็นปญั หายอ่ ย จากนั้นทา� การหารปู แบบในการแกป้ ัญหาตา่ ง ๆ Com Sci activity แนวคิดเชิงค�านวณใหน้ กั เรียนแบ่งกลมุ่ กล่มุ ละ 3 คน ศกึ ษาปญั หาคา� นวณหาตน้ ทุนสรอ้ ยคอลกู ปัดที่ก�าหนดให้ และส่งตวั แทนกลุ่มออกมาน�าเสนอหน้าช้นั เรียน สรอ้ ยคอลกู ปัด 1 เส้นประกอบดว้ ยลูกปัดสนี ้�าเงนิ 10 ลูก ลูกปัดสแี ดง 5 ลูกและเอน็ ร้อยลูกปดั ยาว 24 นว้ิ โดยลูกปดั สนี า้� เงินราคาลกู ละ 2 บาท ลกู ปดั สแี ดงราคาลกู ละ 3 บาท และเอน็รอ้ ยลูกปัดราคานวิ้ ละ 1.50 บาท จงคา� นวณหาต้นทนุ สรอ้ ยลกู ปดั ต่อเสน้ โดยใชแ้ นวคดิ เชงิ นามธรรม 13 ขอสอบเนน การคดิ ส่ือ Digitalขอใดไมใชขั้นตอนเบื้องตนของการพัฒนาโครงงานทางดาน ครูอาจจะแนะนําใหนักเรียนดูคลิปท่ีเกี่ยวกับโครงงานทางดานเทคโนโลยีเทคโนโลยี เชน คลิปวิดีโอจาก youtube เร่ือง 10 upcoming Google Projects! (https://www.youtube.com/watch?v=oxYhGVHihnA) 1. ตดิ ตั้งระบบ 2. ออกแบบระบบ 3. เลือกวิธีทีด่ ที ่สี ุด 4. บํารุงรกั ษาระบบ 5. พฒั นาระบบ และทดสอบระบบ (วิเคราะหคําตอบ ขั้นตอนเบ้ืองตนของการพัฒนาโครงงานทางดานเทคโนโลยีมี 6 ขัน้ ตอน คอื กําหนดปญหา วิเคราะหระบบออกแบบระบบ พฒั นาระบบและทดสอบระบบ ติดตั้งระบบ และบํารงุ รกั ษาระบบ ดงั นน้ั ตอบขอ 3.) T15 81

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ประเมนิขน้ั ประเมนิ Summaryตรวจสอบผล แนวคิดเชิงค�านวณในการพัฒนาโครงงาน1. ครูถามนักเรียนดวยคําถามวา แนวคิดเชิง แนวคดิ เชงิ คา� นวณ คํานวณสัมพันธกับการพัฒนาโครงงานทาง ดานเทคโนโลยีอยางไร จากน้ันใหนักเรียน แนวคิดเชิงค�านวณ (Computa- 1 แนวคิดการแยกยอ่ ย (Decomposition) เขียนคําตอบลงในกระดาษนาํ มาสง ครู tional Thinking) ไม่ใช่กำรคิดเหมือน หุ่นยนต์หรือกำรเขียนโปรแกรมโดยผู้ แนวคิดกำรแยกย่อย เช่น แตกปัญหำ กระบวนกำร2. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน เช่ียวชำญ แต่เปน็ ทกั ษะท่ีมงุ่ เนน้ กำรคดิ ออกเปน็ ส่วนยอ่ ยเพอ่ื ให้จัดกำรปญั หำไดง้ ำ่ ยข้นึ เพอ่ื วดั ความรขู องนกั เรยี นหลงั จากทาํ กจิ กรรม เชิงตรรกะ คือ สำมำรถอธิบำยกำรคิด เชงิ ค�ำนวณอย่ำงเป็นระบบ หรอื เป็นกำร 2 แนวคดิ การจดจา� รปู แบบ (Pattern Recognition)3. ครูประเมินผลโดยการสังเกตพฤติกรรมการ แก้ไขปัญหำอย่ำงเป็นล�ำดับข้ันตอน ทํางานรายบคุ คล พฤติกรรมการทํางานกลมุ โดยกำรเข้ำใจปัญหำ และวิธีกำรในกำร แนวคิดกำรจดจ�ำรูปแบบ เพอ่ื ดคู วำมเหมือน และ และจากการนาํ เสนอผลงานหนา ชัน้ เรียน แก้ไขปัญหำอย่ำงเป็นระบบ เพื่อให้ได้ ควำมตำ่ งของรูปแบบกำรเปลย่ี นแปลง ท�ำใหท้ รำบ มำซ่ึงวิธีกำรแก้ไขปัญหำท่ีท้ังมนุษย์และ ถึงแนวโน้มเพื่อท�ำนำยไปขำ้ งหนำ้ ได้4. ครูประเมินผลชิ้นงาน/ผลงานที่แสดงวิธีการ คอมพิวเตอร์สำมำรถเข้ำใจร่วมกันได้ ดําเนินโครงงานของกลุมตนเองลงในกระดาษ น่นั เอง 3 แนวคดิ เชงิ นามธรรม (Abstraction) ฟลิปชารต ในขั้นสํารวจคนหา แนวคิดเชิงนำมธรรม เป็นทักษะส�ำคัญท่ีมุ่งเน้น5. ครูตรวจสอบผลการทํา ใบงานท่ี 1.2 เรื่อง ควำมส�ำคัญของปัญหำ โดยไม่สนใจรำยละเอียด การพัฒนาโครงงานทางดา นเทคโนโลยี ท่ไี ม่จ�ำเป็น6. ครูตรวจรายงานจากการทํากิจกรรม Com 4 แนวคดิ การออกแบบขนั้ ตอน (Algorithm Design) Sci Activity เรื่อง แนวคิดเชิงคํานวณ ตาม ขั้นตอนเบ้ืองตนของการพัฒนาโครงงานทาง แนวคิดกำรออกแบบข้ันตอนในกำรแก้ปัญหำ ดา นเทคโนโลยี ท�ำให้ทรำบว่ำจะต้องทำ� อะไรก่อนอะไรหลงั การพฒั นาโครงงานทางดา นเทคโนโลยี กำรพัฒนำโครงงำนทำงด้ำนเทคโนโลยีจ�ำเป็นต้องใช้แนวคิดเชิงค�ำนวณเพื่อแก้ปัญหำ ต่ำง ๆ ได้อย่ำงเป็นระบบ เพ่ือให้โครงงำนส�ำเร็จลุล่วงตำมเป้ำหมำย กำรพัฒนำโครงงำนใด ๆ ทำงด้ำนเทคโนโลยี มีข้ันตอนเบ้ืองตน้ 6 ขนั้ ตอน หนังสือเลมเนนื้อี้อหยาูในอราะจหมวีกาางรสปงรตับรปวรจุงพแิจกาไรขณา ? 2 3 4 5 6 1 วเิ คราะห์ ออกแบบ พัฒนาระบบ ตดิ ตงั้ ระบบ บ�ารุงรกั ษา ระบบ ระบบ และทดสอบระบบ ระบบ ก�าหนด ปัญหา 14 แนวทางการวัดและประเมินผล ขอสอบเนน การคดิ ครสู ามารถวดั และประเมนิ ผลการทาํ งานรายงานจากการทาํ กจิ กรรม Com ขนั้ ตอนใดทมี่ กี ารสอื่ สารระหวา งผวู เิ คราะหร ะบบกบั โปรแกรมเมอรSci Activity เรอ่ื ง แนวคดิ เชงิ คาํ นวณ ตามขนั้ ตอนเบอ้ื งตน ของการพฒั นาโครงงาน หรือผูวิเคราะหร ะบบกบั ผใู ชงาน โดยใชแ ผนภาพในการส่ือสารทางดานเทคโนโลยีที่นักเรียนไดสรางข้ึนในข้ันขยายความรู โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินผลงาน/ช้ินงานท่ีแนบมาทายแผนการ 1. ติดตั้งระบบจดั การเรียนรูหนวยที่ 1 2. วเิ คราะหระบบ 3. ออกแบบระบบ แบบประเมนิ ผลงาน/ช้ินงาน (แผนที่ 2) เกณฑ์การให้คะแนนผลงาน/ชิ้นงาน (แผนท่ี 2) 4. บาํ รุงรักษาระบบ 5. พัฒนาระบบและทดสอบระบบ แบบประเมินรายงานจากการทากิจกรรม Com Sci Activity เร่อื ง แนวคิดเชิงคานวณ เกณฑ์ประเมนิ รายงานจากการทากจิ กรรม Com Sci Activity เรอื่ ง แนวคดิ เชิงคานวณ (วิเคราะหคําตอบ ขั้นวิเคราะหระบบเปนข้ันตอนท่ีผูที่มีสวน ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ 4 (ดีมาก) ระดบั คุณภาพ 1 (ปรับปรุง) ประเด็นท่ปี ระเมิน ระดับคะแนน เกี่ยวของกับระบบงานจะตองทําความเขาใจใหตรงกัน จึงจําเปน 3 (ด)ี 2 (พอใช้) 1. รายงานตรงกับ ตองมีการสื่อสารกันระหวางผูวิเคราะหระบบกับโปรแกรมเมอร 4 32 1 หรอื ผใู ชง าน ทําใหมกี ารใชแ ผนภาพในการสอ่ื สาร เชน แผนภาพ 1 ตรงกับจดุ ประสงค์ทกี่ าหนด จุดประสงคท์ ี่กาหนด รายงานไมส่ อดคล้อง กระแสขอมูลที่จะชวยทําใหเกิดความเขาใจตรงกัน ดังน้ัน รายงานสอดคล้อง รายงานสอดคล้อง รายงานสอดคล้อง กับจดุ ประสงค์ ตอบขอ 2.) 2 มีความถูกต้องสมบูรณ์ 2. รายงานมีความถูกต้อง กับจุดประสงคท์ กุ สมบูรณ์ ประเดน็ กบั จดุ ประสงค์ กบั จุดประสงค์ เน้ือหาสาระของ 3 มีความคิดสร้างสรรค์ รายงานไม่ถูกต้อง 3. รายงานมีความคิด เน้ือหาสาระของ เปน็ สว่ นใหญ่ บางประเด็น เป็นสว่ นใหญ่ 4 มีความเปน็ ระเบยี บ สรา้ งสรรค์ รายงานถูกต้อง รายงานไมแ่ สดง ครบถ้วน เนอื้ หาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ แนวคิดใหม่ รวม 4. รายงานมคี วามเปน็ ระเบยี บ รายงานแสดงออก รายงานถกู ตอ้ ง รายงานถกู ตอ้ ง รายงานส่วนใหญ่ ถงึ ความคิด ไม่เป็นระเบยี บ สร้างสรรค์ เป็นสว่ นใหญ่ เปน็ บางประเด็น และมีข้อ แปลกใหม่ บกพร่องมาก ลงช่ือ ............................................................. ผู้ประเมนิ และเปน็ ระบบ รายงานมีแนวคิด รายงานมคี วาม ............ /............/............. รายงานมีความเป็น แปลกใหม่แตย่ งั นา่ สนใจ แตย่ งั ไมม่ ี ระเบยี บแสดงออก ถึงความประณีต ไม่เปน็ ระบบ แนวคิดแปลกใหม่ รายงานส่วนใหญ่ รายงานมีความ มีความเป็น เปน็ ระเบยี บแตม่ ี ระเบียบแตย่ ังมี ขอ้ บกพร่อง ขอ้ บกพร่อง บางสว่ น เล็กน้อย เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14–16 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุงT16 82

นาํ สอน สรปุ ประเมนิSelf Check เฉลย Unit Questionให้นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจ โดยพิจารณาข้อความว่าถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด 1. Decomposition คอื การแยกแยะปญ หาใหญหากพิจารณาข้อความไมถ่ ูกต้อง ใหก้ ลับไปทบทวนเน้อื หาตามหวั ขอ้ ท่กี �าหนดให้ ที่ซับซอน ใหเปนสวน เปนรายการปญหาท่ี เลก็ ลง เพ่ือใหสามารถบรหิ ารจัดการกับปญ หา ถูก/ผิด ทบทวนหัวข้อ เล็กๆ เหลานั้นไดอยางเปนระบบ จัดการกับ ปญหาไดงา ยขึน้ สามารถจัดลาํ ดบั ความสําคัญแนวคิดเชิงค�ำนวณ (Computational Thinking) เป็นแนวคิดท่ีเกิดขึ้น 1 ของปญหาท่ีเล็กลงเหลานั้น และสามารถแกจำกนักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งใช้ในกำรแก้ไขโปรแกรมระบบกำร ปญ หาเลก็ ๆ เหลา น้ันทลี ะปญ หาได เพ่ือนาํ ไปทำ� งำนของเครื่องคอมพิวเตอร์ สูการแกปญหาใหญท่ีซับซอน หากไมทําการ แยกแยะปญ หา อาจทาํ ใหต อ งใชเ วลาในการแกทักษะกำรแยกย่อย เป็นกำรแตกปัญหำใหญ่ให้เป็นปัญหำย่อย เพื่อให้ 1.3 ปญ หานานกวา และอาจไมส ามารถแกป ญ หาไดสำมำรถจัดกำรปญั หำไดง้ ำ่ ยขนึ้ จดั ไดว้ ่ำเป็นกำรใช้ควำมคิดวิเครำะห์ ครอบคลมุ ครบถว น เนอื่ งจากความซบั ซอ นของ ปญ หา ทําใหก ารเขาใจปญ หาไดอยางครบถว นก�ำหนดแผนงำน คือ ขั้นตอนกำรจัดท�ำแผนกำรด�ำเนินงำน ซึ่งถือว่ำเป็น ับน ึทกลงในส ุมด 2.1 เปน ไปไดย ากผลลพั ธ์ของขั้นตอนกำรวิเครำะหค์ วำมเป็นไปได้และกำรวำงแผน 2. ควรกาํ หนดแบบแผนจากปญ หาตา งๆ (Patternออกแบบระบบ คือ ข้ันตอนกำรก�ำหนดวิธีกำรแก้ปัญหำจำกข้ันตอนกำร 2.2 Recognition) เพียงแบบแผนเดียว แตสามารถพัฒนำระบบ โดยขั้นตอนนี้จะก�ำหนดข้ันตอนกำรท�ำงำนโดยใช้แผนภำพ 2.2 เตรียมแบบแผนไดหลายแบบแผน แลวเลือกแสดงล�ำดบั ข้ันตอนกำรท�ำงำน แบบแผนท่ีเหมาะสมท่ีสุดเพียงแบบแผนเดียวเมอ่ื ทำ� กำรตดิ ตงั้ ระบบแลว้ ตอ้ งมกี ำรแกไ้ ขจดุ บกพรอ่ งทเ่ี กดิ ขนึ้ หลงั จำกกำร เนอื่ งจากการแกป ญ หาแตล ะปญ หานนั้ สามารถใชใ้ นสภำพแวดล้อมจรงิ เพื่อเพ่มิ ควำมสำมำรถของระบบงำน มีวิธีการแกปญหาไดหลายแนวทาง ข้ึนอยูกับ การแยกแยะปญหาจากข้ันตอน Decomposi- Unit Question 1 หนั เงนื้สืออเหลามอนี้าจอมียูใกนารระปหรัวาบงปสรุงงแตกรไวขจพิจารณา tion ค�าช้แี จง : ให้นกั เรยี นตอบค�าถามต่อไปนี้ 3. การหาแนวคิดเชิงนามธรรมของคอมพิวเตอร1 เพรำะเหตใุ ดจงึ ตอ้ งแยกแยะปญั หำใหญใ่ หเ้ ปน็ ปญั หำยอ่ ยทม่ี ขี นำดเลก็ ลง (Decomposition) อ า จ พิ จ า ร ณ า จ า ก ค ว า ม ห ล า ก ห ล า ย ข อ ง2 ในกำรกำ� หนดแบบแผนจำกปัญหำตำ่ ง ๆ (Pattern Recognition) สำมำรถก�ำหนดได้หลำย คอมพิวเตอร เชน คอมพิวเตอรเดสกท็อป คอมพิวเตอรโนตบคุ สมารตโฟน เปนตน จาก แบบแผนหรอื ไม่ พร้อมอธบิ ำยเหตุผลประกอบ คอมพวิ เตอรแ ตล ะชนดิ ใหพ จิ ารณาเฉพาะสาระ3 จงใชแ้ นวคดิ เชงิ นำมธรรม (Abstraction) เพอื่ อธบิ ำยแนวคดิ รวบยอดของเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ สําคัญของคอมพิวเตอร โดยคอมพิวเตอรชนิด4 จงออกแบบลำ� ดบั ขน้ั ตอนกำรแกป้ ญั หำ (Algorithm Design) สำ� หรบั กำรสงั่ ซอื้ สนิ คำ้ ออนไลน์ ตางๆ เหลา นมี้ ีสาระสําคัญ ดังนี้5 แนวคิดเชงิ คำ� นวณเก่ียวขอ้ งกับชีวิตประจำ� วันหรอื ไม่ อยำ่ งไร 15คอมพิวเตอร คอมพิวเตอรโนต บุค สมารตโฟน จากตารางขางตน จะเห็นวาไมพิจารณาองคประกอบที่ไมจําเปน เชน ขนาด เดสกทอ็ ป คอมพิวเตอร ขนาดหนวยความจํา ขนาดหนวยประมวลผลกลาง เปนตน และคอมพิวเตอรทั้ง 4 ชนิดน้ี มีสาระสําคัญท่ีเหมือนกัน ดังน้ี เปนอุปกรณ- เปนอุปกรณ - เปนอปุ กรณ - เปนอปุ กรณ อิเล็กทรอนิกส ประมวลผลอัตโนมัติตามคําสั่ง มีหนวยประมวลผล และมีอเิ ลก็ ทรอนกิ ส อิเลก็ ทรอนกิ ส อเิ ล็กทรอนกิ ส หนวยความจํา จากสาระสําคัญท่ีเหมือนกันดังกลาว ถือไดวาเปนจุดรวมของ- ประมวลผล - ประมวลผล - ประมวลผล การพิจารณาแนวคิดรวบยอดของคอมพิวเตอรแตละชนิด ดังนั้น แนวคิดเชิงอตั โนมตั ติ ามคาํ สง่ั อัตโนมัติตามคําสงั่ อัตโนมัตติ ามคําสั่ง นามธรรมของคอมพวิ เตอรต ามรายละเอยี ดขางตน คอื อปุ กรณอิเลก็ ทรอนิกส- มีหนวยประมวลผล - มหี นวยประมวลผล - มหี นวยประมวลผล ที่สามารถประมวลผลโดยอัตโนมัติตามคําส่ังท่ีไดรับ โดยมีหนวยประมวลผล- มหี นวยความจาํ - มีหนวยความจาํ - มีหนวยความจาํ และมหี นวยความจํา4. ขน้ึ อยกู ับดุลยพินิจของผูสอน โดยคําตอบจะตองใชแนวคดิ เชิงคาํ นวณในการแกปญหา5. เนื่องจากในอนาคตคอมพิวเตอรสามารถประมวลผลไดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกวาสมองมนุษย ดวยเทคโนโลยีท่ีกาวกระโดด การบูรณาการคอมพิวเตอร เขากับการใชชีวิตประจําวันและการทํางานจึงเพิ่มขึ้นเปนอยางมาก จึงทําใหจําเปนตองเรียนรูวาเราจะส่ังใหคอมพิวเตอรทํางานดวยแนวคิดเชิงคํานวณอยาง เปนระบบไดอ ยา งไร เพอ่ื สามารถสรา งวิธีการแกไขปญหาและใชง านคอมพวิ เตอรใ หแ กไขปญ หาไดเตม็ ศักยภาพ T17 83

PowerPoint หลกั สตู รตปรัวับอยปา่รงงุ ’60 รายวชิ าพื้นฐานเทคโนโลยี4(วทิ ยาการคาํ นวณ) ม. PowerPoint ประกอบการสอน บรรจอุ ยใู นแผน CD และสามารถ ดาวนโหลดไดจ้ าก www.aksorn.com84

ตัวอยา่ ง หนว ยการเรยี นรู้ที่ 1 การใช้งานเทคโนโลยีเบอ้ื งต้น85

86

อจท. เตรยี มสื่อสำหรบั มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตวั ชีว้ ัดพรอมฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560 ทกุ ช้ัน ทกุ วชิ าไว้ใหแนวทางในการจัดการเรียน มีเน้อื หาครบถวน ครอบคลุม ชัดเจนใชเ ปนหลกั ฐานในการประเมิน ตฉบรงับตปารมบั มปารตุงรฐพา.นศห. 2ล5กั 6ส0ตู ร นำเสนอเนื้อหาโดยใช Infographic แผน หนงั สอื การสอน เรยี นตอ ยอดเนื้อหาในบทเรียน สอื่ เสริม Learning คมู่ ือครู เตรยี มการสอนชวยครูมุงยกระดับผลการเรยี นรู ตา่ ง ๆ Ecosystem ใชงา ย ใชสะดวกอา นสนกุ เขาใจงาย สอดคลอ งกบั หนังสือเรยี น Power แบบฝกึ หัด Pointเปน เครอื่ งมือประกอบการสอน สรางกิจกรรมเหมาะกับธรรมชาตวิ ชิ าสรุปรวบยอดองคความรู เนนใหเ กดิ การพฒั นาทกั ษะตางๆชดั เจน ครอบคลุม เขาใจงา ย นำไปตอ ยอดในชวี ิตประจำวัน ก้าวทนั เนน้ เนอ้ื หา ฝกึ ทกั ษะเพื่อ การพัฒนา ตรงสาระ ยกระดับผเู้ รียน บรษิ ทั อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จำกดั รหัสสินค้า 3408036 คู่มือครู บร. การงานอาชีพ ม.2 แนวทางฯ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.4 (V.2) 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรงุ เทพมหานคร 10200 โทร./แฟกซ.์ 02 6222 999 (อตั โนมตั ิ 20 คสู่ าย) www.aksorn.com Aksorn ACT www.aksorn.com 300.-8 8 5 8 6 4 9 1 2 2 7 7 3 8 858649 140098


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook