ทกั ษะอังกะลงุ รหัสวชิ า 303-30003 จานวน 2 (0-4-2) หนว่ ยกติ MUSIC SKILL : ANKALUNG อาจารยก์ ณพ ก้มิ เฉย้ี ง วิทยาลยั นาฏศลิ ปนครศรธี รรมราช
คาอธิบายรายวชิ า การปฏบิ ตั อิ งั กะลงุ เบอ้ื งต้น การนัง่ การจับและการปฏิบตั ิ ตามแบบฝกึ หดั การปฏิบัติอังกะลงุ เพลงโหมโรงยะวา เพลงสร้อยลาปาง เพลงลาวแพนนอ้ ย เพลงระบาศรีวิชยั และเพลงลอยกระทง
การปฏบิ ตั อิ งั กะลุงเบ้อื งต้น การปฏิบัติองั กะลงุ การนั่ง เพลงโหมโรงยะวา การจบั เพลงสร้อยลาปาง การปฏบิ ัติตามแบบฝกึ หัด เพลงลาวแพนน้อย การอ่านโน้ตเพลงไทย เพลงระบาศรีวิชัย เพลงลอยกระทง
องั กะลงุ
องั กะลงุ
เกาะชวา
หลวงประดษิ ฐไพเราะ (ศร ศลิ ปบรรเลง)
องั กะลงุ ชวา
The angklung is a musical instrument from the Sundanese region in Western Java, Indonesia made of a varying number of bamboo tubes attached to a bamboo frame. The tubes are carved to have a resonant pitch when struck and are tuned to octaves, similar to Western handbells. The base of the frame is held in one hand, while the other hand shakes the instrument, causing a repeating note to sound. Each performer in an angklung ensemble is typically responsible for just one pitch, sounding their individual angklung at the appropriate times to produce complete melodies. The angklung is popular throughout the world, but it originated in what is now West Java and Banten provinces in Indonesia, and has been played by the Sundanese for many centuries. The angklung and its music have become an important part of the cultural identity of Sundanese communities in West Java and Banten. Playing the angklung as an orchestra requires cooperation and coordination, and is believed to promote the values of teamwork, mutual respect and social harmony. ท่มี า https://www.wikiwand.com/en/Angklung
ระบบเสยี ง แบบ 5 เสียง Pentatonic Scale
ระบบเสียง แบบ 5 เสียง Pentatonic Scale Octave ด ร ม ฟ ซ ล ท ดํ 1 2 3X45X1
ระบบเสียง แบบ 5 เสยี ง Pentatonic Scale Octave ซ ล ท ดํ รํ มํ ฟํ ซํ 1 2 3X45X1
ไทยองั กะลุง ภายหลังท่ีอังกะลุงถูกนาเข้ามาในประเทศไทย ก็เกิดการพัฒนาอีกหลาย ประการ การทาให้มขี นาดเลก็ กระทดั รัดสาหรับการถอื และเขย่าด้วยมือเดียว การทา ให้อังกะลุงมีระดับเสียงครบ 7 เสียงในระบบเสียงแบบดนตรีไทยสาหรับการนาไปใช้ บรรเลงเพลงไทย การปรบั เปลย่ี นแบบแผนวงดนตรีจนกลายมาเปน็ ลักษณะที่ปรากฏ ในปัจจุบัน ลวดลายลีลาทานองแบบไทยท่ีถูกแต่งเติมเข้าไปให้เกิดความไพเราะ ตอ่ มายงั ไดม้ ีการประพันธเ์ พลงขึ้นมาสาหรับบรรเลงในวงอังกะลงุ อีกด้วย อีกท้ังเพลง ไทยบางเพลงที่มีลีลาสานวนสอดรับกับท่าทีของการบรรเลงวงอังกะลุงก็กลายเป็นท่ี นยิ มบรรเลงในวงอังกะลุงเชน่ กัน
ไทยอังกะลุง 5 เสยี ง เสยี ง ด ร ร ม ม ซ ซ ล ล ด คน 1 2 3 4 5 7 เสียง เสยี ง ด ร ร ม ม ฟ ฟ ซ ซ ล ล ท ท ด คน 1 2 3 4 5 6 7
ความโดดเดน่ และความแตกต่าง ของวงอังกะลุงกบั วงดนตรีไทยอนื่ ๆ
การอ่านโนต้ ไทยเบื้องตน้
การอา่ นโน้ตไทยเบือ้ งต้น 1 บรรทดั มี 8 ห้อง 1 หอ้ ง มี 4 พยางค์โน้ต ฉง่ิ ฉบั ฉงิ่ ฉับ ฉงิ่ ฉับ ฉง่ิ ฉบั ---- ---- ---- ---- ---- ---- ---- ---- ฉ่ิง ฉับ ฉงิ่ ฉบั ฉ่ิง ฉบั ฉงิ่ ฉบั ---- ---- ---- ---- ---- ---- ---- ----
การอา่ นโน้ตไทยเบอ้ื งต้น ฉ่งิ ฉับ ฉง่ิ ฉับ ฉ่งิ ฉับ ฉ่งิ ฉบั ---ม ---ม ---ม ---ม ---ร ---ร ---ร ---ร ---ด ---ด ---ด ---ด ---ล ---ล ---ล ---ล
การอ่านโนต้ ไทยเบอ้ื งต้น ฉง่ิ ฉบั ฉ่งิ ฉับ ฉง่ิ ฉบั ฉง่ิ ฉบั - - - มํ - ซํ - มํ - ซํ - มํ - มํ - มํ - - - รํ - มํ - รํ - มํ - รํ - รํ - รํ - - - ดํ - รํ - ดํ - รํ - ดํ - ดํ - ดํ - - - ล - ดํ - ล - ดํ - ล - ล - ล
การอา่ นโน้ตไทยเบอื้ งต้น ฉง่ิ ฉบั ฉิง่ ฉับ ฉิ่ง ฉับ ฉ่งิ ฉับ - - - มํ ซํ ลํ - มํ ซํ ลํ - มํ - มํ - มํ - - - รํ มํ ซํ - รํ มํ ซํ - รํ - รํ - รํ - - - ดํ รํ มํ - ดํ รํ มํ - ดํ - ดํ - ดํ - - - ล ดํ รํ - ล ดํ รํ - ล - ล - ล
การอา่ นโน้ตไทยเบอ้ื งตน้ ฉ่งิ ฉับ ฉง่ิ ฉบั ฉ่งิ ฉับ ฉ่งิ ฉับ - - ซํ มํ รํ ดํ รํ มํ รํ ดํ รํ มํ รํ มํ - มํ - - มํ รํ ดํ ล ดํ รํ ดํ ล ดํ รํ ดํ รํ - รํ - - รํ ดํ ล ซ ล ดํ ล ซ ล ดํ ล ดํ - ดํ - - ดํ ล ซ ม ซ ล ซ ม ซ ล ซ ล - ล
การอา่ นโนต้ ไทยเบอื้ งต้น ฉ่งิ ฉบั ฉิง่ ฉบั ฉ่ิง ฉบั ฉิ่ง ฉับ - - ซ ล ดํ รํ ดํ มํ - - ซํ มํ - - ซํ มํ - - ซํ ลํ ซํ มํ ดํ รํ - - มํ รํ - - มํ รํ - - ซํ ลํ ซํ มํ รํ ดํ - - รํ ดํ - - รํ ดํ - - มํ รํ ดํ รํ มํ ล - - ดํ ล - - ดํ ล
Search
Read the Text Version
- 1 - 28
Pages: