Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Biology Summer 2023-1

Biology Summer 2023-1

Published by Hello •-•, 2023-07-07 04:20:37

Description: Biology Summer 2023-1

Search

Read the Text Version

BIOLOGY MM..66 Summer course 202 3 by ครูแพร กมลชนก อนิ ตะ๊ โมงค์

room :*\" neuro.mn 6 ÑwN-582790986909s www.ooonniooieoo/ntoiiaEnoii Cnidarian ¥E⑨ÑÑnwm:Darmors =Ñor8 / Inria Porifera 9 ** Chordata Echinodermta oeissasnooooin \"www.oomnoi.mn 0 I:÷÷÷÷ - Arthropod → orang Platyhelmintepsara#normal . Annelida Nematoda , reason NÑOI - - = dendrite ✓ Node of Ranvier myelin sheath nucleus Schwann cell Aj€ Axon insomnia cell body - ÷: Axon terminal Schwann cell lion owns 0 Ñ%É%Nm a Axon ¥4B A Nissl body - :¥i¥=-3 quoins nerve cell / neuron gentians Mori gj.gg , noooooo •ñ•Ѱ sensory inter. Motor neuron ← Mono polar Multipolar bipolar neuron neuron polar neuron neuron neuron I ← • ⑥a A µ-0 godoowirncsell during:@on eiorersts Nobodies sin | oÉomE Éoms9ñnÑwrBÉw poisoning / orgasm Now & 8N - N's insooouoinimcw . nooo .

0888min ( resting ) sioooooooooi patroon BUT q stage actpioontential repolarization depolarization 00 ÷_ > - - go → +50 mV Hyperpolarization i. - > bria Nat oainnincell No:D 'm Éa+ = in - noir \" s :b \" K + oonason cell frat,¥¥¥' -70--50 threshold IF ( oriasninouooiasomassreo] ÷¥÷IK+µ+somv\" \"÷\" Depolarization 0① .sn#dao..wnimoiinñorien \" isiñs ;jII Hyperpolarization repolarization __ oinnuissvos node of ranvier www.nwpy.nwng/uw,@9Eis9UnIeEsbE, most myelin sheath :SI : I ¥:* . . ,iow9no%wqw g(o:.¥=•fqna+ \"Eino ¥ \\••→ +I 2-1 f\" rip\" qeiocytosis Depolarization Hyperpolarization µµµg desires:uo;g dendrite axon , , , mmmm , www.go.mn , , , ,

③ ② ⑨ Nat ¥-1k-1 9 ÷FÉÉÉɱÉAÉ•÷•Nat Nat * + K+ Nat Nat Nat Nat Nat & Nat - 70mV -5,150m¥ → -70mV K -1 É-801 -90mV ① ② action potential 1. resting stage 2. depolarization = No:oyNa+oÑa threshold = - 50mV * action potential threshold ¥* -50mV C-60mV) action potential b resting stage 4 3. = wrong ktbea Darn . repolarization - Hyperpolarization •- +50 mV → -70mV Nat 00h 3 Rt out 2

µ:\" Fs b.*•J←E :÷na+ 1ñ\" ¥E¥É¥É: % *•fo off ±+m• axon ±± •÷iñi f- - ±± + ?⃝?⃝

a ¥ÉÉ ¥ÉÉ←* - 1% → in e¥ÉÉ#k¥ E → D → C → B →A aiw-oo.oi.im \" • ¥É¥Éam¥ E¥zµ¥•**¥- is 7 as

own NTI }Novos ( Brain ) inter isoroar central Nervous Ivñwunio (spinal cord ) system stun s :uuUo:ntnM Us :ñin : CNS Juno> w§Ñn sours on g%wwNr%Ñ7M µnÑwiÉomU go, www.go.nhm Peripheral Nervous ÉsmoIñ/ rnranoin Ñnaion %mr System Parasympathetic :PNs r8UUNr4Ñ1n nervous system eimrwo.me/N-iom-riaiioioiiwroin nniiwoatioeiosa ( only ) sympathetic nÑnwrw%÷w nervous system oiuo-melwniooi ai oiooi.ms Menino Norman.ms Gray matter forebrain ( omen;) midbrain ( oasnoono ) White matter hindbrain counts ) nisniryoyins cerebrum No :ñinIoiÑnj, parietal lobe frontal lobe soooocerebrum rien pineal serotonin • onto thalamus gland hypothalamus jog occipital lobe midbrain lobÑ → ÑnwÑNO9 cerebellum olfactory bulb temporal Me della oblongata pituitary Pons gland ADH ← jiisunis dorsal root antisocial ÷[n÷ron aWhite matter Mono polar aim Inter neuron bÑwNr9ÑnnonnUÑJ /was asiioniiwgnwo Nowlan: nduivrfwun.is Iain Nw 940%8 \\ rioonognnng ysina.i.in Us:O 'M spinal nerve AÑ \"\"\" I Reflex action y a \"%mÑñ eiomeol ociwouooneofh isdoiosiconwoooia r 00%0 ÉooÑÑvÑwUÑsnÑo 00nA neuron www.vsiioi Ventral root minus earmarks iaioeroioooa Tints Ñntaenin Gray matter tritons :iiñUs:ÑmÑnji )

220912 %aÑwaeÑs 31 •• * air C,y sensory I sensory agon a funnier I sensory gy, z 8WMW g- ÑiÑwUo:ñn :an (}II Motor nniisoontioognsm /→ noonan, he @ New Cervia nerve IV Morton Esiason obovata Morgen v Mixed Tunein www.aslmoveduninsrino.oiw ) VI Motor noisoontioognon VI Mixed ]Ñw oiew8uoÑ Novikov oh 2,394,6 Thoracic nerve , af 8 No @ arenas gaiirsoaoncoosaserroey y adventurous 021^2 VI. sensory aim oioaouooo.oiowii.mu NM 59799912 IX Mixed Joseon / aiesriog ✗ Mixed Lumber nerve vi. waogn gmo@ Noonan XI Motor moÉomo noiisnoaitioaioseeni ✗ Ii motor Ñw(mooedunognonrii ) Sacral nerve coccygeal nerve oiuwouooontrmsnranoin ( somatic nervous system ) : SNS %moIÑ preceptor Ñ%Ñ sensory sensory neurons organ )oifoggun.jo:( ookooooonountwodcnniia.infoniet Motor neuron Interneurons Ha a ,.rÑN Few Autonomic nervous system Ñn8ÑÑ ( Ans ) / sys.tn?.msympathetic nervous Parasympathetic nervous system ATP → glucose 9 7 eonoipeiasonoasiwruai

11 . noooo non 1. Sclera bbÑ9 WIN 2 Choroid bbÑgÑoU 3 Retina 10 Ishwar, . 4 Fovea 9. bNwÑ 8. Sharon 5 bÑwNo:ÑnÑN09 doin,o&9nÑ Jagodina oiaiiz 7. Ciliary muscle 6 blind spot . ( gave@v09@oooh ) rod cell cone cell II. 3 4 5 noggin's noggin 6 no :@ minnow priors lung lpinna) 2 oeifooonT.ae 7- 8 eustachian tube cochlea 1 CN : I olfactory Receptor neuron lobe temporal olfactory bulb Mucus layer cilia of receptor Yanai on oiinouooo- ( taste buds ) Émosfon bUÉeo &8urÑ Niro @ 29 cell Olfactory 00in (taste pore ) 8N6NzNN09nÑw biwosoagn Now Receptor neuron cerebrum Olfactory CN :( I ) CN :( VII. IX) taste cell lceltduooo) bulb temporal lobe

ชีววิทยา ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 ภาคเรยี นท่ี 1 ภาคเรียนที่ 2 ระบบประสาท ความหลากหลายทางชีวภาพ การเคลอื่ นที่ของสงิ่ มีชวี ติ ระบบนิเวศและประชากร ระบบต่อมไรท้ ่อ ระบบสบื พนั ธแ์ุ ละการเจรญิ เติบโต มนษุ ยก์ บั ความย่งั ยืนของ ทรัพยากรธรรมชาติและ พฤติกรรมของสัตว์ สิง่ แวดล้อม

ระบบประสาท การรับรแู้ ละการตอบสนองของสตั ว์ โครงสรา้ งและการทางานของเซลล์ ศูนย์ควบคมุ ระบบประสาทของมนษุ ย์ การทางานของระบบประสาท อวัยวะรบั ความรู้สึก

การรบั รแู้ ละการตอบสนองของสตั ว์ 1. กลุ่มโปรโตซัว ( Protozoa) อยู่ในอาณาจักร Protista เช่น อะมีบา (ameba) พารามีเซียม (paramecium) ยูกลีนา (euglena)พวกนี้จะไม่มีเซลล์ประสาทโดยตรง แต่จะมีเส้นใยประสานงาน (co- ordinating fiber) ควบคุมการโบกพัดของซีเลยี 2. กลุม่ อิคีเนอเดอรเ์ มอเทอ (Echinodermata) เช่น ดาวทะเล เม่นทะเล ประกอบด้วย 1.วงแหวนประสาท (nerve ring) อยูบ่ ริเวณรอบปาก 2.แขนงประสาท (radial nerve) แยกออกจากวงแหวนประสาทไปเลี้ยงแขน(arm) ต่าง ๆ อยูท่ างด้านลา่ งของลาตัว 3.จุดตา (eye spot) บริเวณปลายแขนทาหน้าที่รับแสง โดยการตรวจหาเงาและการ เปล่ยี นแปลงของแสง และเชอ่ื มต่อกบั เซลลป์ ระสาทบริเวณลาตวั ทมี่ ีลักษณะเป็นรา่ งแห

4.เทนทาเคิล (tentacle) อยู่บริเวณปลายสุดของแขนทกุ แฉก ทาหนา้ ท่ีรับสัมผัสสารเคมี 5.เทา้ ทอ่ (tube feet) และเหงอื กทผี่ วิ หนัง (dermal branchia) สามารถจบั ความรสู้ กึ ได้ 3. กลุ่มซีเลนเทอเรต ( Coelenterate) อยู่ในไฟลัมไนดาเรียหรือซีเลนเทอราตาเช่น ไฮดรา(hydra) แมงกะพรุน (jelly fish) ปะการัง( coral) กลุ่มน้ีจะมีเซลล์ประสาทแทรกอยู่ระหว่างเนื้อเย่ือท่ัวตัว โดยสานกัน เป็นร่างแหประสาท (nerve net) 4. กลุ่มหนอนตัวแบน (Plantyhethemint) อยู่ในไฟลัมPlantyhetheminthes เช่น พยาธิตัวแบน (flat worm) พลานาเรีย (อายสปอท (eye spot) เปรียบเสมือนตาของพลานาเรีย) มีเส้นประสาท 2 ข้าง ลาตัว เร่ิมมีการรวมกล่มุ ของเซลลป์ ระสาทเป็นปมประสาท 2 ปมบรเิ วณหวั ระบบประสาทของพลานาเรีย ประกอบด้วย 3 สว่ นหลกั ไดแ้ ก่ 1.ปมประสาทสมอง (ganglia) เป็นการรวมเป็นกลุ่มของเซลล์ประสาทท่ีบริเวณหัว ทาหน้าท่ี เป็นสมอง 2.เสน้ ประสาทดา้ นขา้ งขนานไปกับดา้ นทอ้ งของลาตวั 3.เสน้ ประสาทตามขวาง (transverse nerve) 5. กลุ่มหนอนปลอ้ ง( Annelid) อยใู่ นไฟลมั แอนเนลดิ า ( Annelida) เช่น ไส้เดือนดิน (earthworm) ปลิง มี“สมอง” อยู่บริเวณหัว มีเส้นประสาทเรียงต่อกันเป็นวงแหวน ทาหนา้ ท่ี เป็นศูนย์กลางของระบบประสาท มีปมประสาทอยู่ท่ีแต่ละปล้องของลาตัว และมีเส้นประสาทด้านท้อง 2 เส้น เช่ือมตอ่ กนั ตลอดลาตวั เพ่ือรับความรู้สึก และสง่ คาสง่ั ไปยังหนว่ ยปฏิบัติงานเพ่ือตอบสนองต่อส่งิ เรา้ 6. กลุ่มอาร์โทรปอด(Arthropod) อยู่ในไฟลัมอาร์โทรโปดา (Arthropoda) เช่น แมลง(insect) กุ้ง กัง้ (crustecea) มปี มประสาทขนาดใหญ่อยูบ่ ริเวณหัว และมีปมประสาทขนาดใหญต่ ลอดความยาวของลาตวั ทา หน้าท่ีคล้ายสมอง นอกจากน้ียังมีเส้นประสาททางด้านท้อง (ventral nerve cord) และมีใยประสาทแยก ออกมาเป็นสว่ นของระบบประสาทรอบนอกดว้ ย 7. กลุ่มสัตว์มีกระดูกสนั หลงั (Vertebrate) อยู่ในไฟลัมคอร์ดาตา(Chordata) เช่น มนุษย์(human) มีระบบประสาทเป็นท่อกลวงอยู่ด้านบนของลาตัว ส่วนหน้าสุดเป็นสมองและส่วนท่ีเหลือเป็นไขสันหลัง (brain and spinal cord) ถาม 1.สง่ิ มชี วี ิตใดทีเ่ ร่มิ มีระบบประสาททแ่ี ท้จริง ก.paramecium ข.euglena ค.insect ง.Hydra 2.ไสเ้ ดอื นดินจะไม่ตอบสนองต่อส่ิงเร้าหากถูกตดั อะไรออกไป ก.ร่างแหประสาท ข.ปมประสาท ค.เสน้ ใยประสานงาน ง.eye spot

โครงสรา้ งและการทางานของเซลล์ เซลล์ประสาท (nerve cell ) ประกอบด้วยส่วนสาคญั 2 สว่ นคือ 1.ตัวเซลล์ ( cell body) มีลักษณะค่อนข้างกล มเป็ นส่วนข องไซโ ทพลาสซึมแล ะนิวเคลียส มี เสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณ 4-25 ไมโครเมตร ภายในมสี ว่ นประกอบทีส่ าคญั คือ ไมโตคอนเดรยี เอนโดพลาสมกิ เรตคิ ูลัม และกอลจิคอมเพล็กซ์ จานวนมาก 2. ใยประสาท ( nerve fiber) เป็นส่วนของเซลล์ท่ยี ่นื ออกจากตัวเซลล์ มี 2 ลักษณะคอื 2.1 เดนไดรต์ (dendrite) เป็นส่วนของเซลล์ประสาทที่ย่ืนออกไป ส่วนใหญ่จะอยู่รอบๆตัว เซลล์ ทาหนา้ ทรี่ บั กระแสประสาทเข้าสตู่ วั เซลล์ เซลล์ประสาทหนง่ึ ตัวจะมเี ดนไดรต์ (dendrite) ไดห้ ลาย แ ข นง ลัก ษณะที่ส า คัญข อง ( dendrite) คือมี นิส เ ซ ส บ อด้ี ( Nissl body) ไมโ ตคอนเด รีย (mitochondria) และมีนิวโรฟิลาเม้นท์ (neurofilament) รวมกันเป็นมัด กระจายทั่วไปเดนไดรต์ (dendrite) ต่างจากแอกซอนคือ ส่วนมากมักไม่มีปลอกหุ้มและท่ีปลายมสี ่วนท่ียื่นออกไปเป็นต่อมเล็กๆ เรียกว่าหนาม (spine) ซึ่งเป็นท่ีสาหรับเชื่อมต่อกับก่ิงแอกซอนหรือเดนไดรต์ (dendrite) อื่น ๆที่ เรียกว่าบริเวณซิแนปส์ (synapse) 2.2 แอกซอน (axon) เป็นใยประสาทที่นากระแสประสาทออกจากตัวเซลล์ เซลล์ประสาทตัว หน่ึงจะมีแอกซอนเพียงหน่ึงแอกซอนเท่าน้ัน โดยเป็นส่วนยื่นของเซลล์ท่ียาวทาหน้าที่นากระแสประสาท ออกจากตัวเซลล์ ภายในแอกซอน (axon) ไม่มีนิสเซสบอดี้ (Nissl body) และจุดทแ่ี อกซอน (axon) ออกจากตัวเซลลป์ ระสาทมลี กั ษณะนูนขึ้นเรียกว่า แอกซอน ฮิลลอ็ ค (axon hillock) ซ่ึงเป็นจุดเรม่ิ ต้น ของการเกิดกระแสประสาท และต่อเน่ืองตลอดความยาวของแอกซอน ปลายแอกซอนจะมีแขนงแตก ออกไปมลี ักษณะเป็นตุ่มซึ่งจะซิแนปส์ (synapse) กับเซลล์ประสาทตัวอ่ืน เปลือกหุ้มแอกซอนจะมี 3 ชน้ั ดังนี้ 1.ชน้ั ในสดุ เรียกวา่ ปลอกหรอื เย่ือไมอลี นิ ( myelin sheath) จะทาหน้าท่ปี อ้ งกันอันตรายและ เป็นฉนวนกั้นการถ่ายเทประจุไฟฟา้ ระหว่างข้างนอกกับข้างในแอกซอน นอกจากน้ียังช่วยให้กระแส

ประสาทเดินทางได้เรว็ ข้ึน เนือ่ งจากมโี นดออฟแรนเวยี ร์ (node of ranvier) ซึง่ เป็นส่วนของแอกซอน ตรงบริเวณรอยต่อระหว่างเซลล์ชวันน์แต่ละเซลล์ท่ีไม่มีเย่ือไมอีลินหุ้มอยู่เป็นระยะๆโดยช่วงความยาว ระหวา่ งโนดออฟแรนเวียร์ (node of ranvier) เรยี กว่า อนิ เตอร์โนด (internode) ซ่งึ จะสั้นหรอื ยาว ข้ึนอย่กู ับความยาวของแอกซอน (axon) กระแสประสาทจะเดนิ ทางไดเ้ ร็ว เมือ่ เสน้ ใยประสาทนัน้ มเี ปลือก หุ้ม 2.ชนั้ กลาง เรยี กว่า เยอ่ื นวิ รเิ ล็มมา่ (neurilemma sheath) ชั้นนีจ้ ะมีเซลลท์ ี่เรยี กว่า เซลล์ช วนั น(์ Schwann cell) อยู่ โดยจะมหี นง่ึ เซลลต์ ่อหน่ึง อินเตอร์โนด (internode) ตลอดความยาวของ แอกซอน (axon) และมไี ซโทพลาซมึ (cytoplasm) ของเซลล์ชวันน์ (schwann cell) เป็นนวิ รเิ ลม็ มา่ (neurilemma) 3.ชั้นนอกสุด เรียกว่า เอ็นโดนิวเรียม (endoneurium) เป็นเน้ือเยื่อเก่ียวพันท่ีหุ้มแอกซอน (axon) ไวท้ ัง้ อนั แอกซอน (axon) ท่ีมีปลอกหรือเยื่อไมอีลิน (myelin sheath) หุ้มเรียกว่า ใยประสาทไมอีลิ นเนท (myelinated nerve fiber)มักจะเป็นเสน้ ประสาทท่หี นาและมขี นาดใหญ่ สว่ นแอกซอน (axon) ที่ไม่มีปลอกหรือเยื่อไมอีลิน ( myelin sheath)หมุ้ เรยี กว่า ใยประสาทอันไมอีลนิ เนท (unmyelinated nerve fiber) มักมีขนาดเลก็ โดยปลอกหรอื เยอ่ื ไมอีลิน (myelin sheath) ในระบบประสาทรอบนอก จะสร้างโดยเซลล์ชวันน์ (schwann cells) ส่วนเย่ือไมอีลิน ( myelin sheath) ในระบบประสาท สว่ นกลางจะสรา้ งโดยเซลล์โอริโกเดนโดรเกลีย (oligodendroglia)

ชนดิ ของเซลลป์ ระสาท (Type of neurons)

แยกจากแขนงประสาททีย่ น่ื จากตวั เซลล์ แบง่ เป็น 3 ประเภท 1. เซลล์ประสาทข้ัวเดียว (unipolar neuron) พบท่ีปมรากของไขสันหลังจัดเป็นเซลล์ประสาทรับ ความรสู้ ึกท่ีมเี ดนไดรต์ยาวกว่าแอกซอนกระแสไฟฟา้ ไมเ่ คล่อื นทผ่ี า่ นตวั เซลล์ 2. เซลล์ประสาทแบบสองขัว้ (bipolar neuron) ตัวเซลล์มีแขนง 2 แขนงยื่นออกไป มเี ดนไดรต์ยาวพอๆ กับแอกซอน พบทช่ี ั น้ เรตินาของลกู ตา เซลลร์ บั กล่ินท่ีจมูก ตมุ่ รบั รสท่ีลิ้น เป็นเซลล์ประสาททม่ี ขี นาดเล็ก ทาหน้าท่ี รับความรสู้ ึก 3. เซลล์ประสาทแบบหลายข้ัว (multipolar neuron) ตัวเซลล์มีหลายแขนงยื่นออกไป มีแอกซอนแขนง เดียว ที่เหลือเป็ นเดนไดรตพ์ บท่ีสมองและไขสันหลัง ทาหน้าที่นาคาสั่งและประสานงาน ชนิดของเซลลป์ ระสาท (Type of neurons) ถา้ แบง่ ตามหน้าที่สามารถแบง่ เซลล์ประสาทออกเป็น 3 ประเภท 1. เซลล์ประสาทรับความร้สู ึก (sensory or afferent neuron) ทาหน้าทีน่ ากระแสประสาทจากหนว่ ยรับ ความรสู้ ึกไปยงั ระบบประสาทสว่ นกลาง

2. เซลล์ประสาทประสานงาน (association or intermediateneuron) มีหน้าท่ีนากระแสประสาทจาก เซลล์ประสาทรับความรู้สึกส่งผ่านไปยังเซลล์ประสาทนาคา ส่ังและติดต่อระหว่างส่วนต่างๆของระบบประสาท ส่วนกลาง 3. เซลล์ประสาทนาคาส่ัง (moter or efferent neuron) ทาหน้าที่นากระแสประสาทจากระบบประสาท สว่ นกลาง ไปยังหนว่ ยปฏิบตั ิงาน เช่น กล้ามเน้ือและต่อมตา่ งๆ ถาม 1.สิ่งมชี ีวิตท่มี ีกระดกู สนั หลงั มีโครงสรา้ งใดเป็นศนู ย์ควบคุมการทางานของร่างกาย ก.ระบบประสาทส่วนกลาง ข.เส้นประสาท ค.ปมประสาท ง.ระบบประสาทรอบนอก 2.เซลลป์ ระสาททน่ี าคาสงั่ ไปยงั หนว่ ยปฏิบัตงิ าน คอื เซลลป์ ระสาทในขอ้ ใด ก.sensory neurons ข.motor neurons ค.connective neurons 3.การเคลื่อนทขี่ องกระแสประสาทเรยี งตามลาดบั อยา่ งไร ก. axon - cell body – dendrite ข. cell body – axon – dendrite ค. dendrite – axon – cell body ง. dendrite – cell body – axon 4.Gray matter ทอ่ี ยู่ในไขสนั หลงั คอื ส่วนของอะไร ก.เซลล์ประสาทและใยประสาทท่ไี ม่มี myelin sheath หมุ้ ข.เซลลป์ ระสารทสว่ นทม่ี ี myelin sheath หุ้ม ค.ใยประสาทท่ไี มม่ ี myelin sheath หุม้ ง.cell body ของเซลล์ประสาท


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook