หน้าทข่ี องส่วนต่างๆ ของพืช วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นวัดสะตอน้อย
โครงสร้างของพชื พืชประกอบด้วยอวัยวะที่สำคัญตอ่ กำรดำรงชีวติ ไดแ้ ก่ รำก ลำตน้ ใบ ดอก และผล ซ่งึ อวัยวะแตล่ ะส่วนของพืชนั้น มหี น้ำทีแ่ ละส่วนประกอบแตกต่ำงกัน แต่ทำงำนเกี่ยวขอ้ งและ สัมพนั ธ์กันหำกขำดอวยั วะสว่ นใดสว่ นหนึ่งไป อำจทำใหพ้ ชื น้ัน ผดิ ปกตหิ รอื ตำยได้ และยงั มปี ัจจยั บำงประกำรท่ีจำเปน็ ตอ่ กำร เจริญเติบโตของพืช
ราก ราก คอื อวัยวะทเี่ ป็นส่วนประกอบของพืชทีไ่ ม่มคี ลอโรฟิลล์ ไม่มขี ้อ ปล้อง ตาและ ใบ รากเจริญเตบิ โตตามแรงดงึ ดดู ของโลกลงสู่ดิน มขี นาดและ ความยาวแตกต่างกนั รากของพชื มีหลายชนิด
ราก (ต่อ) - รากแก้ว เป็นรากที่งอกออกมาจากเมล็ด โคนของรากแก้วจะมีขนาดใหญ่แล้วค่อยๆ เรยี วไป จนถงึ ปลายราก - รากแขนง เป็นรากทีแ่ ตกออกมาจากรากแก้ว จะเจริญเตบิ โตขนานไปกบั พน้ื ดนิ และสามารถ แตกแขนงไปได้เรื่อยๆ - รากฝอย เป็นรากที่มีลกั ษณะและขนาดโตสม่าเสมอกนั จะงอกออกมาเป็นกระจุก - รากขนอ่อนหรือขนราก เป็นขนเส้นเลก็ ๆ จำนวนมากมายทีอ่ ยู่รอบๆ ปลายราก ทำหน้าที่ดูดนา้ และแร่ธาตุ
ระบบของราก แบ่งเป็น 2 ระบบ 1. ระบบรากแก้ว หมายถึง ระบบรากทม่ี ีราก แก้วเป็นรากหลักเจริญเติบโตได้เรว็ ขนาดใหญ่และ ยาวกว่ารากอน่ื ๆ และมีรากแขนงแตกออกมาจากราก แก้ว ทีป่ ลายรากแขนงจะมีรากขนอ่อนงอกออกมา เช่น รากผกั บุ้ง รากมะม่วง เป็นต้น
ระบบของราก แบ่งเป็น 2 ระบบ (ต่อ) 2. ระบบรากฝอย หมายถึง ระบบรากทม่ี รี ากฝอยเป็น จำนวนมาก ไม่มรี ากใดเป็นรากหลัก มีลักษณะเป็นเส้นเล็กๆ แผ่กระจายออกไปโดยรอบๆ โคนต้น ท่ปี ลายรากฝอยจะมี รากขนอ่อนงอกออกมา เช่น รากข้าวโพด รากหญ้า ราก มะพร้าว เป็นต้น
หน้าทขี่ องราก 1. ยดึ ลำต้นให้ตดิ กับพื้นดิน 2. ดดู นา้ และธาตอุ าหารท่ลี ะลายน้าจากดิน แล้วลำเลยี งขึ้นไปยงั ส่วนต่างๆ ของ พืช โดยผ่านทางลำต้นหรือกิง่
ลำต้น ลำต้น คือ อวัยวะของพชื ทโ่ี ดยทวั่ ไปเจริญอยู่เหนือพืน้ ดนิ ต่อจากราก มขี นาด รปู ร่าง และลักษณะแตกต่างกันไป ลำต้นมที ้ังลำต้นอยู่เหนือดนิ เช่น มะละกอ มะม่วง มะนาว ชมพู่ เป็นต้น และลำต้นอยู่ใต้ดนิ เช่น ขงิ ข่า ขมนิ้ กล้วย หญ้าแพรก พทุ ธรักษา เป็นต้น
ลำต้น 1. ข้อ เป็นส่วนของลำต้นบริเวณที่มีกิ่ง ใบหรอื ตางอก ออกมา ลำต้นบางชนิดอาจมดี อกงอกออกมาแทนกิ่ง หรอื มหี นามงอกออกมาแทนกิ่งหรือใบ 2. ปล้อง เป็นส่วนของลำต้นท่อี ยู่ระหว่างข้อแต่ละข้อ 3. ตา เป็นส่วนประกอบท่ีสำคญั ของลำต้น ทำให้เกิดกิง่ ใบและดอก ตามรี ูปร่างโค้งนนู หรอื รูปกรวย ประกอบด้วยตายอดและตาข้าง
หน้าทข่ี องลำต้น 1. เป็นแกนช่วยพยงุ อวัยวะต่างๆ ได้แก่ กิ่ง ใบ ดอก ผล และเมลด็ ช่วยให้ใบกางออก รับแสงแดดเพอ่ื ประโยชน์ในการสร้างอาหาร โดยวิธีการสงั เคราะห์ด้วยแสง 2. เป็นทางลำเลียงนา้ และแร่ธาตุทร่ี ากดูดขน้ึ มาส่งต่อไปยังใบและส่วนต่างๆ ของพชื 3. เป็นทางลำเลียงอาหารท่ใี บสร้างขน้ึ ส่งผ่านลำต้นไปยงั รากและส่วนอน่ื ๆ
หน้าทขี่ องลำต้น
ลำต้นทท่ี ำหน้าทพ่ี เิ ศษ 1. ลำต้นสะสมอาหาร เป็นลำต้นท่ที ำหน้าทเ่ี ป็นแหล่งเก็บสะสม อาหาร จะมีลำต้นอยู่ใต้ดิน เช่น ขงิ ข่า ขมิ้น เผอื ก มนั ฝรงั่ เป็นต้น
ลำต้นทท่ี ำหน้าท่พี เิ ศษ 2. ลำต้นสังเคราะห์แสง พืชบางชนิดมลี ำต้นเป็นสเี ขียวไว้สำหรับ สร้างอาหาร โดยวิธกี ารสังเคราะห์ด้วยแสง เช่น กระบองเพชร พญาไร้ใบ ผกั บุ้ง เป็นต้น
ลำต้นทท่ี ำหน้าทพี่ เิ ศษ 3. ลำต้นขยายพนั ธ์ุ เช่น โหระพา พลูด่าง โกสน คุณนายต่ืนสาย ลีลาวดี เป็นต้น
ลำต้นทท่ี ำหน้าที่พเิ ศษ 4. ลำต้นเปลีย่ นไปเป็นมือพัน เพ่อื ช่วยพยุงค้าจุนลำต้น เช่น บวบ ตำลงึ น้าเต้า เป็นต้น
ใบ ใบ คือ อวัยวะของพชื ท่เี จริญออกมาจาก ข้อของลำต้นและก่งิ ใบส่วนใหญ่จะมีสารสีเขยี ว เรยี กว่า คลอโรฟิลล์ ใบมรี ูปร่างและขนาด แตกต่างกันไปตามชนิดของพชื ใบประกอบด้วย ก้านใบ แผ่นใบ เส้นกลาง และเส้นใบ
ลกั ษณะของใบ
หน้าทข่ี องใบ 1. สร้างอาหาร ใบของพชื จะดูดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เพอื่ นำไปสร้างอาหาร เรยี ก กระบวนการสร้างอาหารของพชื ว่า การสังเคราะห์ด้วยแสง
กระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง
หน้าทข่ี องใบ 2. คายน้า พืชคายน้าทางปากใบ
หน้าทข่ี องใบ 3. หายใจ ใบของพชื จะดดู แก๊สออกซเิ จนและคายแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
หน้าทข่ี องใบ 3. หายใจ ใบของพชื จะดดู แก๊สออกซเิ จนและคายแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
ดอก ดอก คอื อวัยวะสบื พันธุ์ของพืช ทำหน้าท่สี บื พันธ์ุแบบอาศัยเพศ ทเ่ี กดิ มาจากตาชนิดตาดอกท่อี ยู่ตรงบริเวณปลายยอด ปลายก่ิง บริเวณลำต้นตามแต่ ชนดิ ของพชื ดอกประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดงั น้ี ดอกประกอบด้วยส่วนต่างๆ 4 ส่วน แต่ละส่วนจะเรียงเป็นชั้นเป็นวงตามลำดบั จากนอกสดุ เข้าสู่ด้านใน คอื กลีบเล้ยี ง กลีบดอก เกสรตัวผู้ และเกสรตวั เมยี
ส่วนประกอบของดอก
ส่วนประกอบของดอก 1. กลีบเล้ยี ง เป็นส่วนของดอกทอี่ ยู่ชัน้ นอกสดุ เรียงกนั เป็นวง เรยี กว่า วงกลีบ เล้ยี ง ส่วนมากมสี เี ขียว เจริญเปลยี่ นแปลงมาจากใบ ทำหน้าที่ป้องกนั อันตราย ต่างๆ จากส่งิ แวดล้อม แมลงและศตั รอู ื่นๆ ทจ่ี ะมาทำอันตรายในขณะที่ดอกยงั ตูมอยู่
ส่วนประกอบของดอก (ต่อ) 2. กลีบดอก เป็นส่วนของดอกท่ีอยู่ถัดจากกลีบเล้ยี งเข้ามาข้างใน มีสสี นั ต่างๆ สวยงาม เช่น สแี ดง เหลอื ง ชมพู ขาว มักมขี นาดใหญ่กว่ากลีบเล้ยี ง บางชนิดมี กลิ่นหอม บางชนดิ ตรงโคนกลบี ดอกจะมีต่อมน้าหวานเพ่ือช่วยล่อแมลงมาช่วย ผสมเกสร
ส่วนประกอบของดอก (ต่อ) 3. เกสรตวั ผู้ เป็นส่วนของดอกท่ีอยู่ถัดจากกลีบดอกเข้ามาข้างใน ประกอบด้วย ก้านชอู ับเรณู อบั เรณู ซ่งึ ภายในบรรจุละอองเรณูมลี ักษณะเป็นผงสเี หลอื ง อับเรณูทำหน้าที่สร้างละอองเรณู ภายในละอองเรณูมีเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้
ส่วนประกอบของดอก (ต่อ) 4. เกสรตวั เมยี เป็นส่วนของดอกท่ีอยู่ชัน้ ในสดุ ประกอบด้วยยอดเกสรเพศเมยี ก้านยอดเกสรเพศเมยี รังไข่ ออวุล และเซลล์ไข่
ชนิดของดอก ดอกของพชื โดยทว่ั ไปมสี ่วนประกอบทส่ี ำคญั ครบ 4 ส่วน คือ กลีบเลย้ี ง กลีบ ดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมยี แต่ดอกของพืชบางชนิดมีส่วนประกอบไม่ ครบ 4 ส่วน จงึ จำแนกดอกเป็น 2 ประเภท โดยพจิ ารณาจากส่วนประกอบเป็น เกณฑ์
ชนดิ ของดอก (ต่อ) 1.ดอกสมบูรณ์เพศ (Perfect Flower) คือ ดอกไม้ท่ีมีเกสรเพศผู้และเกสรเพศ เมยี อยู่ในดอกเดยี วกัน เช่น ชบา พู่ระหง ถั่ว พรกิ พุทธรักษา ข้าว บวั เฟื่องฟ้า และมะเขอื เป็นต้น
ชนิดของดอก (ต่อ) 2. ดอกไม่สมบรู ณ์เพศ (Imperfect Flower) คือ ดอกทม่ี เี กสรเพยี งเพศเดยี ว โดยทภ่ี ายในดอกไม้หนึง่ ดอกจะมเี พยี งแค่เกสรเพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น ทำให้ พืชเหล่านีม้ ดี อกไม้ที่แบ่งเป็นดอกเพศผู้ (Staminate Flower) และดอกเพศเมยี (Pistillate Flower) เช่น ตำลึง ข้าวโพด ฟักทอง และแตงกวา เป็นต้น
หน้าทขี่ องดอก 1. ช่วยล่อแมลงให้มาผสมเกสร 2. ทำหน้าที่ผสมพันธุ์
ผล ผล คอื รังไข่ท่ไี ด้รบั การปฏิสนธิ (fertilization) แล้วเจริญเตบิ โตเต็มท่ี อาจมี บางส่วนของดอกเจริญมาด้วย เช่น ฐานรองดอก กลีบเลี้ยง ภายในมีเมล็ด หรือไม่มกี ไ็ ด้ สำหรับผลท่ีเกดิ จากรังไข่ทไ่ี ม่ได้รับการปฏสิ นธิ และไม่มเี มล็ด เรยี กว่า ผลลม (parthenocarpic fruit)
ประเภทของผล ผลเด่ียว Simple Fruit ชนิดของผลทเ่ี กดิ จากดอกเดียว เกสรเพศเมยี มหี นึง่ หรือ หลายคาร์เพลทเ่ี ชอ่ื มตดิ กนั เช่น ผลแตงโม มะละกอ ส้ม มะม่วง
ประเภทของผล ผลกลุ่ม (Aggregate Fruit) ชนิดของผลทเ่ี กดิ จากดอกเดยี วแต่มหี ลายคาร์เพล และแต่ละคาร์เพลแยกจากกนั ซง่ึ แต่ละคาร์เพลนีจ้ ะเจริญไปเป็นผลย่อย เช่น ผลน้อยหน่า การเวก จำปี จำปา สตรอเบอร์รี่
ประเภทของผล ผลรวม (Multiple Fruit) ชนิดของผลทเ่ี กดิ จากดอกย่อยหลายๆ ดอกในช่อดอก เดยี วกันเจริญเช่อื มตดิ กนั เป็นผลเดียว เช่นผลขนนุ สับปะรด ยอ
ประเภทของผล ผลแบบมะเดอ่ื (syconium) ผลรวมทข่ี ้างในผลกลวง ซง่ึ เป็นผลทเ่ี จริญมาจากช่อ ดอกที่มฐี านรองดอกรปู ถ้วย (hypanthium) ภายในประกอบด้วยดอกย่อยมี ขนาดเล็ก ไม่มกี ลีบดอก และแยกเพศ ภายในช่อดอกมชี ่องเปิดขนาดเลก็ (ostiolum) ให้แมลงขนาดเล็กเข้าไปช่วยการผสมเกสร ได้แก่ ไทร มะเดอ่ื กร่าง
Search
Read the Text Version
- 1 - 37
Pages: