หน่วยที่-2.2-ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต-พืช

สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในโลกถูกจาแนกออกเป็นหมวดหมู่ เพื่อง่ายต่อการศึกษา โดยสิ่งมี ชีวิตที่ มีลักษณะสาคัญร่วมกันจะถูกจาแนกเอาไว้ในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งการจาแนกพืช เราสามารถใช้ลักษ ณะภายนอก ของพืชที่สงั เกตได้มาเป็นเกณฑใ์ นการจาแนกพืชออกเป็นกลมุ่ เช่น ใชก้ ารมดี อกมาจาแนกพชื ไดเ้ ป็นพืชมีดอกและพืชไมม่ ดี อก

พชื ดอก เป็นพชื ท่มี ีสว่ นสาคัญ ได้แก่ ราก ลาตน้ ใบ ดอก ผลและเมล็ด เม่อื พชื ดอก เจริญเติบโตเต็มท่ีแล้วจะผลติ ดอกเพื่อใช้สาหรับการสบื พนั ธุ์ หากจัดกล่มุ พชื ดอกโดยใช้ลักษณะภายนอก เป็นเกณฑ์ จะแบ่งได้เป็น 2 กลมุ่ ใหญ่ คอื พชื ใบเลี้ยงเด่ียว และพืชใบเล้ียงคู่ โดยพชื ดอกท้ัง 2 กลมุ่ นี้ จะมี ลกั ษณะโครงสร้างส่วนต่าง ๆ แตกต่างกันไป

ใชล้ ักษะของราก ลาตน้ และใบ เป็น เม่อื เจรญิ เติบโตเตม็ ทแ่ี ล้วจะสรา้ งดอก เกณฑจ์ ดั กลมุ่ พชื ได้ เปน็ พืชใบเล้ียง เพอื่ ใชใ้ นการสบื พันธุ์ เดยี่ วและพชื ใบเลี้ยงคู่ มสี ว่ นประกอบ คือ ราก ลาต้น ดอกลักษณะพืช พชื มีดอกมองเหน็ ได้ชัดเจน ใบ และดอก บางชนิดมดี อกขนาดเล็ก

พชื ใบเลีย้ งเดี่ยว พชื ดอก พชื ใบเล้ยี งคู่ กลบี ดอก มีจานวน 3 หรือ กลบี ดอก มจี านวน 4-5 หรือ ทวคี ณู ของ 3 ทวีคูณของ 4-5 ลาต้น ลาตน้ เป็น ลาต้น ลาต้นเป็นข้อปล้อง ข้อปล้องชดั เจน ไม่ชดั เจน ใบ ใบเรียวแคบ ใบ ใบกวา้ ง เสน้ ใบเป็น เปน็ เส้นขนาน รา่ งแห ใบเลย้ี ง มีใบเล้ียง 1 ใบ ใบเลย้ี ง มีใบเลย้ี ง 2 ใบ ราก ในระยะทง่ี อก ราก ในระยะทีง่ อก ออกจากเมล็ด ออกจากเมลด็ มรี ะบบ มรี ะบบ รากฝอย รากแก้ว

ส่วนใหญส่ ืบพนั ธโุ์ ดย มสี ว่ นประกอบ คอื ราก การสรา้ งสปอร์ ลาต้น และใบ พชื ท่ไี ม่มดี อกเลยตลอด ลกั ษณะพชื ไร้ดอก การดารงชีวติ

โครงสรา้ งภายนอกของพชื ใบ ทาหนา้ ทสี่ ร้างอาหาร หายใจ และคายนา้ ดอก ทาหน้าทสี่ ืบพนั ธ์ุ ผล ผลทาหน้าท่ีห่อหมุ้ เมล็ด และเมลด็ เมล็ดทาหน้าทีข่ ยายพนั ธ์ุ ลาต้น ทาหน้าท่ชี ู ก่ิง กา้ น ใบ และลาเลียง น้าและแรธ่ าตุไปยงั สว่ นต่าง ๆ ทาหน้าทย่ี ึดลาตน้ กับดนิ ไมใ่ ห้ลม้ ราก และดูดนา้ และแร่ธาตุ

• เปน็ ส่วนของพชื ทเ่ี จรญิ เตบิ โตและ รากแก้ว แผข่ ยายอยใู่ ตด้ นิ มีลกั ษณะตอนโคนโตแลว้ คอ่ ยเรียวเล็ก • ช่วยยดึ ลาตน้ ให้ต้ังอยบู่ นดิน ลงไปจนถงึ ตอนปลาย • ดูดน้าและแร่ธาตทุ ี่อยู่ในดินขึ้นไป รากแขนง เลี้ยงส่วนต่างๆ ของพืช เปน็ รากทเ่ี จรญิ เตบิ โตออกมาจาก รากแกว้ และแตกแขนงออกเปน็ ทอดๆ รากฝอย เป็นรากเสน้ เลก็ ๆ ทีม่ ขี นาดโต สมา่ เสมอ และงอกออกมาเปน็ กระจกุ

ลาต้นมหี น้าท่ี ลาเลยี งนา้ ชกู งิ่ กา้ นใบ ทอ่ ลาเลยี งนา้ Xylem ลาเลยี งน้าและแรธ่ าตไุ ปยงั ส่วนตา่ งๆ ของพืช และ ลาเลยี งน้าไปสใู่ บเพอ่ื ใชใ้ นการสร้างอาหารของพืช ทอ่ ลาเลยี งอาหาร Phloem ลาเลียงอาหารท่สี รา้ งขึ้นจากใบ ไปเลย้ี งส่วนต่าง ๆ ของพืช

ใบพืช ใบมีหน้าทหี่ ลักคือ สรา้ งอาหาร หายใจ และคายนา้ ปากใบ ทาหนา้ ทีห่ ายใจโดยมีการ แลกเปล่ยี นแก๊สทางปาก ใบ และคายนา้ ออกมาทาง ปากใบเปดิ ปากใบ ปากใบปดิ

ปากใบ การหายใจของพชื จะเกิดบรเิ วณปากใบ ซึ่งเป็นรูเลก็ ๆ อยู่ทางท้องใบ ภาพขยายรูปากใบเมื่อรูปากใบเปดิ ภาพขยายรูปากใบเมื่อรปู ากใบปดิ ปากใบนอกจากเป็นทางผ่านของอากาศแล้ว ยงั เปน็ ทางผา่ นของนา้ วิทยน์ ่ารัก ด้วย เพราะพชื จะมกี ารคายน้าออกมาทางรปู ากใบ

รูปรา่ งลักษณะแตกตา่ งกันตามชนดิ ของพืช รปู ใบรี รูปใบกลม รปู ใบหยกั รปู ใบสเ่ี หลย่ี ม รปู ใบเปน็ เสน้ ขนมเปียกปูน

กระบวนการสร้างอาหารของพืช 1 พชื ดูดแก๊สคาร์บอนไดออกไซดจ์ ากอากาศ 2 3 เขา้ ส่ใู บทางปากใบ พืชดดู นา้ ผ่านรากเข้าสู่ใบและส่วนต่างๆ คลอโรฟลิ ล์ ในใบพชื เป็นตวั ดูดกลืนแสง ของพชื เขา้ มาใชเ้ ป็นแหล่งพลังงาน แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ CO2 นา้ H2O คลอโรฟลิ ล์ และแสงอาทติ ย์ เกดิ กระบวนการ สงั เคราะห์ดว้ ยแสง นา้ ตาล C6H12O6 แกส๊ ออกซเิ จน O2 น้า H2O • เล้ียงสว่ นต่างๆ ของลาต้น • คายออกส่บู รรยากาศทางปากใบ • คายออกทางปากใบ • ส่วนทเ่ี หลอื พืชเกบ็ สะสมไว้ในส่วนต่าง ๆ • ชว่ ยทาให้อากาศบรสิ ุทธ์ิ ชว่ ยทาใหอ้ ากาศช่มุ ช้ืน ในรูปของแปง้