แบบสรุปการดำเนนิ งาน Model Teacher โครงการ พัฒนาโรงเรียนบา้ นละกอเปน็ ชุมชนแหง่ การเรียนรู้ (School as Learning Community : SLC) เพื่อพฒั นาสมรรถนะพลเมืองร่นุ ใหม่ ภาคเรยี นที่๒ ประจำปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ ช่ือ – สกลุ นางวาสนา ทิศกระโทก ตำแหน่ง ครู โรงเรียน บา้ นละกอ สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษานครราชสีมา เขต ๒ หนา้ ทป่ี ฏิบตั กิ ารสอนทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย สอนกลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย รายละเอียดการดำเนนิ งานตามกจิ กรรม Lesson Study (PLAN DO SEE) ปฏทิ นิ การดำเนินงาน ที่ วนั วันท่ี คาบ เวลา กจิ กรรม ๑ จันทร์ ๑ พ.ย. ๖๔ ๑ ๑๖.๐๐ – ๑๗.๐๐ น. จัดต้งั ทมี ชุมชนแหง่ การเรยี นรู้ ๒ ศกุ ร์ ๕ พ.ย. ๖๔ ๑ ๑๖.๕๐ – ๑๗.๕๐ น. ประชมุ คน้ หาปัญหา หาสาเหตุ และแนวทางการ แก้ปัญหาของนักเรียน ๓ พุธ ๕ ม.ค. ๖๕ ๑ ๑๖.๔๐ – ๑๗.๓๐ น. รว่ มออกแบบกิจกรรมการเรยี นรวู้ งรอบท่ี ๑ ๔ จันทร์ ๑๐ ม.ค. ๖๕ ๑ ๑๒.๕๐ – ๑๓.๔๐ น. รว่ มออกแบบและสะท้อนสอื่ /การวดั ผลและการ ประเมนิ ผล/แบบฝึก/ใบงาน วงรอบท่ี ๑ ๕ พุธ ๑๒ ม.ค. ๖๕ ๑ ๑๒.๕๐ – ๑๓.๔๐ น. การปฏิบตั กิ ารจัดกจิ กรรมเปิดชนั้ เรยี น วงรอบท่ี ๑ ๖ พุธ ๑๒ ม.ค. ๖๕ ๑ ๑๖.๕๐ – ๑๗.๕๐ น. รว่ มสะท้อนคิดหลังเปิดชนั้ เรียนวงรอบท่ี ๑ ๗ จันทร์ ๑๗ ม.ค. ๖๕ ๑ ๑๖.๔๐ – ๑๗.๓๐ น. รว่ มออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรูว้ งรอบท่ี ๒ ๘ พฤหัสบดี ๒๐ ม.ค. ๖๕ ๑ ๑๖.๔๐ – ๑๗.๓๐ น. ร่วมออกแบบและสะท้อนสื่อ/การวัดผลและการ ประเมินผล/แบบฝึก/ใบงาน วงรอบท่ี ๒ ๙ องั คาร ๒๕ ม.ค. ๖๕ ๑ ๑๓.๕๐ – ๑๔.๔๐ น. การปฏิบตั กิ จิ กรรมเปดิ ชนั้ เรยี นวงรอบที่ ๒ ๑๐ จันทร์ ๒๕ ม.ค. ๖๕ ๑ ๑๖.๕๐ – ๑๗.๔๐ น. ร่วมสะทอ้ นคดิ หลงั เปดิ ชน้ั เรียนวงรอบที่ ๒ ๑๑ จนั ทร์ ๑๔ ก.พ.๖๕ ๑ ๑๖.๕๐ – ๑๗.๔๐ น. ร่วมออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู้วงรอบที่ ๓ ๑๒ ศุกร์ ๑๘ ก.พ.๖๕ ๑ ๑๖.๕๐ – ๑๗.๔๐ น. ร่วมออกแบบและสะท้อนสือ่ /การวดั ผลและการ ประเมินผล/แบบฝึก/ใบงาน วงรอบที่ ๓ ๑๓ จนั ทร์ ๑๘ เม.ย.๖๕ ๑ ๑๐.๐๐-๑๐.๕๐ การปฏบิ ัตกิ ิจกรรมเปดิ ชั้นเรยี นวงรอบที่ ๓ ๑๔ จันทร์ ๑๘ เม.ย.๖๕ ๑ ๑๑.๐๐-๑๑.๕๐ รว่ มสะทอ้ นคิดหลังเปดิ ชัน้ เรียนวงรอบที่ ๓
แผนการจัดการเรยี นรู้ เรื่อง สระแอ รหสั วิชา ท๑๑๑๐๑ ชือ่ รายวชิ า ภาษาไทย กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๑ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๑๑ ช่ือ สระแอแสนเพลนิ เวลา ๑ ชัว่ โมง ครผู สู้ อน นางวาสนา ทิศกระโทก วนั ทสี่ อน ๑๒ มกราคม ๒๕๖๕ (ประเด็นปญั หา นักเรียนขาดทกั ษะดา้ นการเข้าใจความหมายของคำในภาษาไทย) มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้วี ดั มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคดิ เพือ่ นำไปใชต้ ัดสินใจแกป้ ัญหาในการดำเนนิ ชวี ติ และมนี ิสยั รกั การอ่าน มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟังและดอู ยา่ งมีวจิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ และความร้สู กึ ใน โอกาสตา่ งๆ อยา่ งมีวิจารณญาณและสรา้ งสรรค์ ตัวชว้ี ดั ตวั ช้วี ัด ท ๑.๑ ป. ๑/๑ อ่านออกเสียงคำ คำคลอ้ งจอง และข้อความสน้ั ๆ ตัวชว้ี ัด ท ๑.๑ ป. ๑/๒ บอกความหมายของคำ และขอ้ ความทอี่ ่าน ตัวชี้วดั ท ๓.๑ ป. ๑/๑ ฟังคำแนะนำ คำสั่งงา่ ย ๆ และปฏิบัติตาม จดุ ประสงค์การเรียนรสู้ ตู่ วั ช้ีวดั ๑. บอกตำแหนง่ ของสระแอได้ (K) ๒. อา่ นคำที่ประสมด้วยสระแอได้ (P) ๓. นกั เรียนสามารถประสมคำทม่ี สี ระแอ ได้ถูกตอ้ ง (K) ๔. นักเรียนมคี วามกระตือรือรน้ ในการรว่ มกจิ กรรมอย่างมีความสุข (A) สาระสำคญั /เน้ือหา การอ่านและสะกดคำทปี่ ระสมดว้ ยสระแอ คำที่ใช้ฝกึ อา่ นและสะกดเขยี นเป็นคำไม่มรี ปู วรรณยุกต์ จำนวน ๑๐ คำ สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ๑. ความสามารถในการส่ือสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทักษะการเขยี น - ทกั ษะการฟงั การดู และการพดู ๒. ความสามารถในการคิด - การจำแนก - การวเิ คราะห์ - การสงั เคราะห์ - การสรุปความรู้ ๓. ความสามารถในการแกป้ ัญหา ๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ
คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ ตวั ช้วี ดั ท่ี ๔.๑ ต้งั ใจ เพียรพยายามในการเรยี นและเขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้ มุ่งมน่ั ในการทำงาน ตัวช้วี ัดท่ี ๖.๑ ต้ังใจและรับผิดชอบในการปฏิบัตหิ น้าทก่ี ารงาน ตัวชวี้ ัดที่ ๖.๒ ทำงานดว้ ยความเพยี รพยายามและอดทนเพ่อื ให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย รักความเปน็ ไทย ตัวช้วี ัดท่ี ๗.๒ เห็นคุณค่าและใช้ภาษาไทยในการสอ่ื สารได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ช้ินงานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้ ๑. ผลจากการจัดกิจกรรม การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขัน้ ท่ี ๑ การเรียนรตู้ ง้ั คำถาม (Learning to Question) ( ๕ นาท)ี ๑. นกั เรยี นนง่ั ตามกลุ่ม กลุ่มละ ๔ คน ๒. นกั เรยี นดูนทิ านสระแอ ๓. ครใู ช้คำถามกระตุ้นความคดิ ของนกั เรยี น คำถามท่ี ๑ ตวั ละครในเร่ืองมใี ครบา้ ง คำถามที่ ๒ นักเรียนเห็นสระอะไรบา้ งในนิทาน ( นกั เรยี นตอบสระแอ ) คำถามท่ี ๓ สระแอ วางอย่สู ่วนใดของคำ ( นกั เรียนตอบส่วนหน้า ) ขนั้ ท่ี ๒ การเรยี นรูแ้ สวงหาสารสนเทศ (Learning to Search) (๑๕ นาท)ี ๔. สรา้ งข้อตกลงร่วมกนั โดยสมาชกิ ในกลุม่ ทุกคนจะต้องมสี ว่ นร่วมในการทำกจิ กรรมร่วมกัน ๕. ตัวแทนกล่มุ ออกมารบั เกมบิงโก สระแอ ๖. นกั เรียนช่วยกันกาคำศัพทจ์ ากแผน่ บิงโก ทคี่ ุณครสู ุ่มจบั บัตรคำ ๗. กล่มุ ทมี่ ีได้คำศพั ท์ เรยี งครบ3คำ จะบงิ โก ขนั้ ท่ี ๓ การเรยี นรู้เพือ่ สรา้ งองคค์ วามรู้ (Learning to Construct) (๑๐ นาท)ี ๘. แตล่ ะกลุ่มนำคำศัพทท์ ่บี งิ โก ชว่ ยกนั อ่านและแตง่ ประโยค ๙. ครูช่วยตรวจสอบความถูกต้อง เพ่ือเชื่อมโยงไปยังความรู้ทถี่ ูกต้อง (ครูเสรมิ แรงพฤติกรรมของเดก็ ) ข้นั ที่ ๔ การเรยี นรู้เพอื่ การส่ือสาร (Learning to Communicate) (๑๕ นาที) ๑๐. สร้างขอ้ ตกลงร่วมกนั วา่ ในระหวา่ งทเี่ พื่อนกลุ่มอื่นออกมานำเสนอใบกิจกรรมหนา้ ช้ันเรยี น นักเรยี น กลุ่มทีเ่ หลือต้องหยุดทำกจิ กรรมทกุ อยา่ งและตั้งใจฟังเพ่อื น (ครูเสรมิ แรงพฤติกรรมของเด็ก) ๑๑. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ นำเสนอคำศพั ท์ทีไ่ ด้ โดยการสะกดคำและแต่งประโยค นำเสนอหน้าช้นั เรยี น (สมาชกิ ในห้องอา่ นตาม) ๑๒. ครใู ชค้ ำถามกระตนุ้ ความคิดของนักเรยี น คำถามที่ ๑ จากคำศัพท์ท่ไี ด้ มพี ยัญชนะอะไรเป็นตัวสะกดบ้าง คำถามท่ี ๒ นกั เรียนเคยเห็นคำทสี่ ะกดดว้ ยสระแอไหม ใครตอบไดบ้ ้าง
ข้ันที่ ๕ การเรยี นรู้เพอ่ื ตอบแทนสังคม ((Learning to Service) (๕ นาที) ๑๓. นักเรียนสามารถนำความรทู้ ่นี ักเรียนได้ในวนั นี้ ไปทำอะไรได้บ้าง (อ่านและเขียนหนงั สือให้ถูกต้อง/ สอนการบ้านน้อง) ส่ือการเรียนรู/้ แหลง่ การเรยี นรู้ ๑. เกมบิงโก ๒. บัตรภาพ/บตั รคำ ๓. นทิ านสระแอ ประเมินการเรยี นรู้ ๑. ประเมนิ การปฏบิ ัตกิ ิจกรรมด้วยแบบประเมิน (P๑) การประสมคำ ๒. สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม เครอื่ งมือ ๑. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ๒. แบบประเมินการการปฏิบตั กิ ิจกรรมที่ ๑ (P๑) เกณฑ์การประเมนิ ๑. นกั เรยี นมีพฤติกรรมผ่านเกณฑ์การประเมนิ อยู่ในระดับ ๒ ขน้ึ ไป ๒. นักเรยี นทำใบกจิ กรรมผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ในระดับ ๒ ข้ึนไป ขอ้ เสนอแนะของวิชาการ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ลงชอ่ื __________________ฝ่ายวชิ าการ (นางสาวจิราพร ปญั ญารตั นานนท)์ _____/_____/_____
ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา ได้ทำการตรวจแผนการจดั การเรียนของ นางชุติกาญจน์ น้อมสำโรง แล้ว มคี วามคดิ เห็นดงั น้ี 1. เปน็ แผนการจัดการเรยี นที่ ดมี าก ดี พอใช้ 2. การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนสาระภาษาไทย มาจัดกจิ กรรมโดย เนน้ ผเู้ รียนเป็นสำคญั และจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนได้อย่างเหมาะสมดมี าก เน้นผเู้ รียนเป็นสำคัญ และจดั กิจกรรมการเรียนการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสมดี ยงั ไม่เน้นผู้เรียนเปน็ สำคัญ 3. เป็นแผนการจัดการเรียนท่ี นำไปใชไ้ ด้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ ลงชอื่ ว่าท่ี ร.ต. __________________ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา (สญั ญา เขยี วปาน) _____/_____/_____
บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นการสอน ความรู้ เร่อื ง สระแอแสนเพลนิ นกั เรยี นชั้นประถมศึกษาปที ๑ี่ จำนวน ๑๘ คน ท่ไี ดร้ บั การพัฒนาแก้ไขปัญหา การการรูเ้ รือ่ งในเร่ือง แสนสนกุ กบั มาตราแม่กง ผลปรากฏว่าจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ นกั เรียนสามารถอธิบายความหมายของคำ อ่านออกเสยี งและสามารถนำคำมาแต่งประโยคได้ ซ่งึ สามารถแก้ไขปัญหาการอา่ นรู้เรื่องได้ ประเมนิ การปฏิบตั กิ จิ กรรมด้วยแบบประเมิน (P๑) จากการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนเพอื่ แก้ปญั หาการอ่านรเู้ ร่ืองให้มีผลสมั ฤทธ์ิทส่ี ูงข้นึ ของ นกั เรยี นชั้นประถมศกึ ษาปที ๑่ี จำนวน ๑๘ คน จากการสงั เกตการณป์ ฏบิ ัตกิ จิ กรรมของนกั เรยี นและ ประเมินผล จำนวนนักเรียนที่ไม่มสี ว่ นร่วมในกิจกรรม จำนวน ๐ คน จำนวนนกั เรยี นทม่ี ีส่วนรว่ มในกิจกรรม จำนวน ๑๘ คน จำนวนนกั เรยี นที่คาดว่ายงั ไม่ผ่านเกณฑ์การแกป้ ญั หา จำนวน ๐ คน จำนวนนักเรียนทค่ี าดว่ายังผ่านเกณฑ์การแก้ปัญหา จำนวน ๑๘ คน จำนวนนกั เรยี นทข่ี อคำแนะนำเพม่ิ เติม จำนวน ๓ คน จำนวนนักเรยี นท่ตี อบคำถามกับครูระหว่างการเรยี นรู้ จำนวน ๑๘ คน จำนวนนกั เรียนทไ่ี ม่ตอบคำถามกบั ครูระหวา่ งการเรยี นรู้ จำนวน ๐ คน ลงชื่อ..............................................ผ้บู ันทึก ( นางวาสนา ทิศกระโทก )
แบบประเมนิ การการปฏิบตั ิกิจกรรม (P๑) รายการประเมนิ ๓ ระดับคุณภาพ ๑ ๒ ๑. ความสนใจและ มีความกระตือรือรน้ ใน มคี วามกระตือรือรน้ ในการ ขาดความกระตือรือร้นใน ต้ังใจเรียน การเรียน ไมร่ ีรอตั้งใจ เรียน ตง้ั ใจเรียน ไมค่ ่อย การเรียน ไมส่ นใจอ่าน ไม่ เรียน ตัง้ ใจทำกิจกรรม ตงั้ ใจทำกิจกรรม ไม่ค่อย กล้าซักถามไม่ตอบคำถาม รบี ตอบคำถาม ซักถาม กล้าซักถาม รรี อในการ เมอื่ สงสยั ตอบคำถาม ๒. ทำงานทันเวลา สง่ งานทนั เวลาทก่ี ำหนด ส่งงานไมต่ รงเวลาท่ี สง่ งานไม่ตรงเวลาท่ี ท่กี ำหนด กำหนด ๕-๑๐ กำหนด หลงั นาที ๑๐ นาที ๓. การใหค้ วาม ให้ความรว่ มมือในการ ให้ความรว่ มมือและ ให้ความร่วมมือในการ ร่วมมอื และ เรยี นและชว่ ยเหลือเพ่ือน ชว่ ยเหลือเพ่ือนเฉพาะใน เรียนเม่ือถูกตกั เตอื น และ ช่วยเหลอื เพือ่ น ทัง้ ในและนอกกลุ่มอยา่ ง กลุ่มตนเอง หรือคนทีช่ อบ ส่วนมากจะทำงานลำพัง เตม็ ความสามารถ ใจเท่านั้น และไม่ต่อเน่ือง คนเดยี ว ตลอดเวลา ต้องคอยตักเตอื นบ้าง ๔.การรับฟังความ รบั ฟงั และยอมรบั ความ รบั ฟงั และยอมรบั ความ ไมย่ อมรบั ความคิดเห็น คิดเหน็ คิดเห็นของคนส่วนใหญ่ คิดเหน็ ของคนส่วนใหญแ่ ต่ ของเพื่อน ไม่พอใจเม่ือ ใหค้ วามรว่ มมือและ บางครง้ั ท่ีไม่พอใจก็ ความคิดเห็นของตนไม่เป็น ปฏิบตั ิตามเสียงส่วนใหญ่ แสดงออกโดยการไม่ ทย่ี อมรับ ปฏบิ ตั ติ าม สรปุ ระดบั คุณภาพ ระดับ ๓ ๑๐ – ๑๒ คะแนน หมายถงึ ดี ระดับ ๒ ๗ – ๙ คะแนน หมายถงึ พอใช้ ระดับ ๑ ๔ – ๖ คะแนน หมายถงึ ปรบั ปรงุ
ผลการ รายการประเมิน ประเมนิ ความ ทำงาน การให้ การรับ ที่ ช่ือ -สกุล สนใจ ทันเวลา ความ ฟังความ คะแนน เฉล่ีย ผ่าน ไม่ และ ท่ี ร่วมมือ คิดเหน็ เตม็ ผ่าน (๑๒ ตงั้ ใจ กำหนด และ (๓ เรยี น (๓ ชว่ ยเหลือ คะแนน) คะแนน) (๓ คะแนน) เพื่อน คะแนน) (๓ คะแนน) ๑ เดก็ ชายธนกร ทอื กระโทก ๓๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๒ เด็กชายกษดิ ิส วรรณประดิษฐ์ ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๓ เดก็ ชายภคิน ทิศกระโทก ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๔ เดก็ ชายภพู าน ศรีสังวาลย์ ๓๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๕ เด็กชายชนิ กฤต แกว้ ศรี ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๖ เดก็ ชายสรภพ ทองมี ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๗ เด็กชายศักดิ์ดา อาจบำรงุ ๒๒ ๒ ๒ ๘ ๒/ ๘ เดก็ หญิงพชิ ชาภา นวนกระโทก ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๙ เด็กหญงิ ณฎั ฐณิชา ยอมกระโทก ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๑๐ เด็กหญงิ ไอรดา อว่ มอิ่ม ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๑๑ เด็กหญิงณฐั กานต์ สว่างจิตร ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๑๒ เดก็ หญงิ ปณุ ภิ า ด้วงทองหลาง ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๑๓ เดก็ หญงิ ณิชานนั ท์ นากระโทก ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๑๔ เดก็ หญงิ ฐิตญิ ากรณ์ ไตรสงู เนิน ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๑๕ เด็กหญิงปภานนั ทิศกระโทก ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๑๖ เดก็ หญิงกานตพ์ ิชชา สอนเสริม ๓ ๓ ๒ ๓ ๑๑ ๓ / ๑๗ เดก็ ชายติณภพ สาลวี ัน ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๑๘ เดก็ ชายพีรพัฒน์ เจมิ โพธิ์ ๓ ๒ ๒ ๓ ๑๐ ๒.๕ /
เกมบงิ โก แพ ดอกแค ตาแล ทอดแห ยายกาละแม นอ้ งกระแต แกงสม้ แบ ดแู ล
แผนการจัดการเรียนรู้ เรือ่ ง มาตราแมก่ ง รหัสวชิ า ท๑๑๑๐๑ ช่อื รายวชิ า ภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๑๑ ชื่อ แสนสนุกกบั มาตราแมก่ ง เวลา ๑ ชว่ั โมง ครผู สู้ อน นางวาสนา ทศิ กระโทก วนั ท่สี อน ๒๕ มกราคม ๒๕๖๕ (ประเด็นปญั หา นักเรียนขาดทกั ษะด้านการเข้าใจความหมายของคำในภาษาไทย) มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ช้วี ัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรูแ้ ละความคิดเพื่อนำไปใชต้ ดั สนิ ใจ แก้ปัญหาในการ ดำเนนิ ชีวติ และมนี ิสัยรกั การอ่าน มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัตขิ องชาติ ตวั ช้ีวัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๑/๑ อ่านออกเสียงคำ คำคลอ้ งจอง และข้อความสนั้ ๆ มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๑/๒ บอกความหมายของคำ และข้อความทอ่ี า่ น มาตรฐาน ท ๔.๑ ป.๑/๑ บอกและเขยี นพยัญชนะ สระ วรรณยุกตแ์ ละเลขไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ ป.๑/๒ เขยี นสะกดคำและบอกความหมายของคำ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้สตู่ ัวชี้วดั ๓. บอกความหมายของคำได้ (K) ๔. สามารถอา่ นและคำท่ีประสมสระและมี ง ได้ (P) ๓. นักเรียนมมี ารยาทในการอ่านและเขียน (A) สาระสำคัญ/เนือ้ หา การเรียนร้กู ารอ่านสะกดคำที่ประสมสระมีตวั สะกดแมก่ ง บอกความหมายและหลกั การใช้จงึ จะสามารถ นำคำไปใช้ได้ถูกต้องตามสถานการณ์ (ชิงช้า ร้องเพลง ผงึ้ ถุงเทา้ กระโปรง ยางลบ ไก่งวง ดวงดาว รวงขา้ ว แตงกวา บง้ึ ตึง นำ้ ผ้ึง ชงิ ช้า) สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน ๑. ความสามารถในการส่ือสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทกั ษะการเขยี น - ทักษะการฟัง การดู และการพดู ๒. ความสามารถในการคดิ - การจำแนก - การวิเคราะห์ - การสงั เคราะห์ - การสรุปความรู้
๓. ความสามารถในการแกป้ ัญหา ๔. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ ตวั ชี้วดั ที่ ๔.๑ ตง้ั ใจ เพยี รพยายามในการเรยี นและเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรยี นรู้ มงุ่ มนั่ ในการทำงาน ตัวชีว้ ดั ท่ี ๖.๑ ตง้ั ใจและรบั ผดิ ชอบในการปฏิบตั หิ น้าท่กี ารงาน ตัวชี้วดั ที่ ๖.๒ ทำงานดว้ ยความเพียรพยายามและอดทนเพื่อให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย รกั ความเป็นไทย ตวั ชี้วดั ที่ ๗.๒ เหน็ คณุ คา่ และใช้ภาษาไทยในการสื่อสารได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม ชิน้ งานหรือภาระงาน (หลักฐาน รอ่ งรอยแสดงความรู้) ๑. ผลจากการจัดกิจกรรม การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ขัน้ ท่ี ๑ การเรียนรู้ตงั้ คำถาม (Learning to Question) ( ๑๐ นาท)ี ๑. นักเรียนนั่งตามกลมุ่ คละเด็กเกง่ ปานกลาง อ่อน ชาย หญงิ กลุ่มละ ๔ คน ๒. นักเรียนเลน่ เกมปริศนาคำทาย โดยครทู ายปริศนาคำทายแมก่ ง วธิ กี ารเล่น ครอู า่ นบัตรคำปรศิ นา คำทาย ใหน้ ักเรยี นยกมือตอบท่ีละคน - คำถามที่๑ อะไรเอย่ แกวง่ ไปแกวง่ มา โล้ไปโล้มา สนุกจริงหนาน่งั ได้ทุกวนั (ชงิ ชา้ ) - คำถามที่๒ อะไรเอย่ มือถือไมค์ ใช้เสยี งชว่ ย ดนตรีด้วยชว่ ยขับขาน คนฟังนง่ั ชนื่ บาน รไู้ หมน่ัน เขาทำอะไร (ร้องเพลง) - คำถามที๓่ อะไรเอย่ เสียงหึง่ หึ่งบินมา เท่ียวหานำ้ หวาน มีรงั เป็นบา้ น เขาเรยี กฉันวา่ อะไร (ผ้งึ ) - คำถามที่๔อะไรเอ่ยก่อนสวมรองเท้า สีขาวสดใส นกั เรยี นสวมใส่ก่อนไปโรงเรยี น (ถงุ เทา้ ) - คำถามท๕่ี .มีไวส้ วมใส่ ใช้ได้กับหญิง นา่ รักจริงๆบอกซิคอื อะไร (กระโปรง) ) ๓. นกั เรียนตอบถกู ครูชมเชยและชูบัตรคำตอบอา่ นใหน้ ักเรียนอา่ นตามและติดบัตรคำไวบ้ นกระดาน ๔. ครูกระต้นุ ความคิดนักเรยี นดังนี้ คำถามท่ี ๑ นกั เรยี นสงั เกตคำทีค่ รูติดบนกระดานมีพยัญชนะอะไรเป็นตัวสะกด(ง) คำถามท่ี ๒ ใครจะอาสาอา่ นคำบนกระดานบา้ ง( นกั เรยี นในห้องอา่ นตาม ) ข้นั ที่ ๒ การเรียนร้แู สวงหาสารสนเทศ (Learning to Search) (๑๐ นาท)ี ๕. เรียนอ่านบตั รคำตามครูพร้อมกบั บอกความหมายของคำ(กองฟาง ยางลบ ไกง่ วง ดวงดาว รวง ขา้ ว แตงกวา ลางสาด นำ้ ผง้ึ ดึงไม้ อ่ึงอ่าง จ้ิงจอก จงิ โจ้ ) ๖. สร้างข้อตกลงร่วมกันโดยสมาชิกในกลุ่มทุกคนจะต้องต้ังใจทำกจิ กรรมใหเ้ สร็จทันเวลาท่ีกำหนด ๗. ตวั แทนกลมุ่ ออกมาเลือกบัตรคำกลมุ่ ละ๒ใบและกระดาษ A๓จากครู ๘. ตวั แทนกลมุ่ ออกมารับใบงาน แมก่ ง (นำคำมาเรยี งเป็นประโยคให้ถกู ต้อง)
๙. นกั เรียนทำใบงาน ขั้นที่ ๓ การเรยี นรเู้ พื่อสรา้ งองค์ความรู้ (Learning to Construct) (๑๐ นาท)ี ๑๐.ตัวแทนกลมุ่ ออกมาเลือกบัตรบตั รคำกลุ่มละ๓ใบและกระดาษ A๓จากครู ๑๑.นักเรยี นช่วยกันแตง่ ประโยคและเขยี นลงในกระดาษA๓ (กลุม่ ละ๓ประโยค) ๑๒. ครชู ว่ ยตรวจสอบความถูกตอ้ ง เพ่ือเชอ่ื มโยงไปยังความรู้ทีถ่ กู ต้อง (ครเู สริมแรงพฤติกรรมของ เด็ก) ข้นั ท่ี ๔ การเรียนรเู้ พื่อการส่ือสาร (Learning to Communicate) (๑๕ นาท)ี ๑๓. สร้างข้อตกลงรว่ มกันวา่ ในระหว่างที่เพอ่ื นกลุ่มอน่ื ออกมานำเสนอใบกิจกรรมหนา้ ช้ันเรียน นักเรียนกล่มุ ท่ีเหลือต้องหยดุ ทำกจิ กรรมทกุ อยา่ งและตั้งใจฟังเพ่ือน (ครูเสริมแรงพฤติกรรมของเดก็ ) ๑๔. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานหน้าช้ันเรียน ๑๕. ครูใชค้ ำถามกระตุ้นความคิดของนักเรยี น คำถามท่ี ๑ จากคำศัพท์ที่ได้ มีพยัญชนะอะไรเปน็ ตัวสะกดบา้ ง คำถามที่ ๒ นักเรียนเคยเห็นคำทสี่ ะกดดว้ ย ง ไหม มีคำว่าอะไรบา้ ง ใครตอบได้บ้าง(ครูเสรมิ แรง) ขัน้ ที่ ๕ การเรยี นร้เู พอ่ื ตอบแทนสงั คม ((Learning to Service) (๕ นาที) ๑๓. นกั เรยี นสามารถนำความรู้ทน่ี ักเรยี นไดใ้ นวนั น้ี ไปทำอะไรไดบ้ ้าง (อ่านและเขียนหนงั สอื ให้ ถกู ต้อง) สอื่ การเรยี นรู/้ แหล่งการเรียนรู้ ๑. ปริศนาคำทาย ๒. บตั รภาพ/บตั รคำ ประเมนิ การเรียนรู้ ๑. ประเมนิ การปฏบิ ัตกิ จิ กรรมดว้ ยแบบประเมนิ (P๑) ๒. สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเข้ารว่ มกจิ กรรม เคร่ืองมอื ๓. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๔. แบบประเมินการการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมท่ี ๑ (P๑) เกณฑ์การประเมนิ ๓. นกั เรียนมีพฤตกิ รรมผ่านเกณฑ์การประเมินร้อยละ ๖๐ ขึ้นไป ๔. นักเรยี นทำใบกจิ กรรมผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ในระดบั ๖๐ข้นึ ไป
การวัดผลและประเมินผล วธิ กี าร เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมิน ประเดน็ ประเมนิ ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - คำถาม ผา่ นเกณฑ์การประเมิน ๑. พจิ ารณาจากการ รอ้ ยละ ๖๐ ขนึ้ ไป - แบบประเมนิ สงั เกต - บอกหลักการอา่ นและเขียน ตอบคำถาม พฤติกรรม คำในมาตราแม่กงได้ ๒. สงั เกตพฤติกรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) -แบบประเมนิ ใบงานที่ ๔ ผ่านเกณฑ์การประเมิน เร่ือง คำมาตราแม่กง รอ้ ยละ ๖๐ ขึน้ ไป - อา่ นและเขยี นคำท่ีมตี ัวสะกด -ใบงานที่ ๔ เรื่อง คำ อยู่ในมาตราแม่ กง ได้ มาตราแม่กง คณุ ลกั ษณะ เจตคติ คา่ นิยม (A) ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๖๐ ข้นึ ไป - มีมารยาทในการอา่ นและ -พจิ ารณาจากการตอบ - คำถาม การเขยี น คำถามของนกั เรียน สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ๑. ความสามารถในการ -การประเมนิ -แบบประเมนิ ความสามารถ สอื่ สาร ความสามารถใการสื่อ ๒. ความสามารถในการคดิ สาร ในการสื่อสาร เกณฑ์การประเมนิ ๓. ความสามารถในการ แก้ปญั หา -การประเมิน -แบบประเมนิ ความสามารถ ระดับคุณภาพ ผ่าน ๔. ความสามารถในการใช้ ความสามารถในการคดิ ในการคิด ทักษะชีวิต คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ เกณฑ์การประเมนิ ๑. ใฝเ่ รียนรู้ ระดบั คุณภาพ ผา่ น ๒. มุ่งม่ันในการทำงาน -การสังเกตพฤติกรรม -แบบสงั เกตพฤติกรรม ๓.รักความเปน็ ไทย
สือ่ การเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ ๑. วดี ีทศั นน์ ทิ าน ๒. ใบกิจกรรม เน้ือเร่ืองนิทาน ประเมินการเรยี นรู้ ๑. ประเมินการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมด้วยแบบประเมิน (P๑) ๒. สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้ารว่ มกจิ กรรม เคร่อื งมอื ๕. แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๖. แบบประเมินการการปฏิบัตใิ บกิจกรรมที่ ๑ (P๑) เกณฑ์การประเมิน ๑. นกั เรยี นมีพฤตกิ รรมผา่ นเกณฑ์การประเมินอยูใ่ นระดบั ๒ ขึน้ ไป ๒. นักเรียนทำใบกิจกรรมผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับ ๒ ข้ึนไป ขอ้ เสนอแนะของวชิ าการ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ลงชอ่ื __________________ฝา่ ยวิชาการ (นางสาวจิราพร ปญั ญารัตนานนท)์ _____/_____/_____ ข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศึกษา ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรียนของ นางวาสนา ทิศกระโทก แล้ว มีความคิดเหน็ ดงั นี้ 1. เป็นแผนการจดั การเรยี นที่ ดมี าก ดี พอใช้ 2. การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนสาระภาษาไทย มาจดั กิจกรรมโดย เน้นผ้เู รยี นเป็นสำคญั และจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนได้อยา่ งเหมาะสมดีมาก เน้นผู้เรยี นเปน็ สำคญั และจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้อยา่ งเหมาะสมดี ยงั ไมเ่ นน้ ผู้เรียนเปน็ สำคัญ 3. เป็นแผนการจัดการเรียนท่ี
นำไปใช้ไดจ้ ริง ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนำไปใช้ ลงช่อื วา่ ที่ ร.ต. __________________ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา (สญั ญา เขยี วปาน) _____/_____/_____
บนั ทึกผลหลังการจดั การเรยี นการสอน ความรู้ เร่อื ง แสนสนกุ กับมาตราแมก่ ง นกั เรียนชน้ั ประถมศึกษาปที ี่๑ จำนวน ๑๘ คน ที่ไดร้ บั การพัฒนาแก้ไขปัญหา การการรู้เร่อื งในเรื่องแสนสนกุ กับมาตราแม่ กง ผลปรากฏวา่ จากการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ นักเรยี นสามารถอธิบายความหมายของคำ อ่านออกเสียงและสามารถนำคำมาแต่งประโยคได้ ซึ่งสามารถแก้ไข ปญั หาการอ่านรเู้ รือ่ งได้ ประเมนิ การปฏิบตั กิ จิ กรรมด้วยแบบประเมนิ (P๑) จากการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนเพื่อแกป้ ัญหาการอ่านร้เู ร่อื งให้มีผลสัมฤทธ์ิที่สงู ขน้ึ ของนักเรียนช้ัน ประถมศึกษาปีท่๑ี จำนวน ๑๘ คน จากการสังเกตการณป์ ฏบิ ตั ิกจิ กรรมของนักเรยี นและประเมินผล จำนวนนักเรียนที่ไม่มสี ่วนรว่ มในกิจกรรม จำนวน ๐ คน จำนวนนกั เรียนที่มีส่วนร่วมในกิจกรรม จำนวน ๑๘ คน จำนวนนักเรยี นทค่ี าดวา่ ยงั ไม่ผา่ นเกณฑ์การแก้ปัญหา จำนวน ๐ คน จำนวนนักเรียนทค่ี าดวา่ ยงั ผ่านเกณฑ์การแกป้ ัญหา จำนวน ๑๘ คน จำนวนนกั เรยี นทข่ี อคำแนะนำเพม่ิ เติม จำนวน ๓ คน จำนวนนกั เรียนทต่ี อบคำถามกับครูระหวา่ งการเรยี นรู้ จำนวน ๑๘ คน จำนวนนกั เรยี นทไ่ี ม่ตอบคำถามกบั ครูระหวา่ งการเรียนรู้ จำนวน ๐ คน ลงช่อื ..............................................ผู้บนั ทึก ( นางวาสนา ทิศกระโทก )
แบบประเมินการการปฏิบัติกจิ กรรม (P๑) รายการประเมิน ระดบั คุณภาพ ๑. ความสนใจและ ตั้งใจเรยี น ๓๒ ๑ ขาดความกระตือรือรน้ ในการ ๒. ทำงานทนั เวลาที่ มีความกระตือรือร้นในการ มคี วามกระตือรอื ร้นในการเรียน เรียน ไมส่ นใจอา่ น ไม่กล้า กำหนด ซกั ถามไม่ตอบคำถาม ๓. การให้ความรว่ มมือ เรียน ไม่รรี อตงั้ ใจเรียน ตงั้ ใจ ตง้ั ใจเรียน ไม่คอ่ ยต้ังใจฝึกอ่าน และชว่ ยเหลือเพ่ือน สง่ งานไมต่ รงเวลาท่กี ำหนด ฝกึ อ่าน รีบตอบคำถาม ไม่ค่อยกลา้ ซักถาม รีรอในการ หลัง ๑๐ นาที ๔.การรบั ฟังความ ให้ความรว่ มมือในการเรยี นเมื่อ คิดเหน็ ซักถามเมื่อสงสัย ตอบคำถาม ถกู ตักเตือน และส่วนมากจะ ทำงานลำพังคนเดียว ส่งงานทันเวลาทีก่ ำหนด สง่ งานไม่ตรงเวลาทกี่ ำหนด ไมย่ อมรับความคิดเหน็ ของเพ่ือน 5-๑๐ นาที ไม่พอใจเมอื่ ความคดิ เหน็ ของตน ไม่เปน็ ทย่ี อมรับ ให้ความร่วมมือในการเรยี น ใหค้ วามร่วมมือและช่วยเหลือ และชว่ ยเหลอื เพื่อนทั้งในและ เพอื่ นเฉพาะในกลุ่มตนเอง หรือ นอกกลมุ่ อย่างเต็ม คนที่ชอบใจเทา่ นน้ั และไม่ ความสามารถตลอดเวลา ตอ่ เนื่อง ต้องคอยตักเตือนบา้ ง รับฟงั และยอมรบั ความ รับฟังและยอมรบั ความคิดเห็น คดิ เหน็ ของคนสว่ นใหญใ่ ห้ ของคนส่วนใหญแ่ ต่บางคร้ังที่ไม่ ความร่วมมอื และปฏบิ ัตติ าม พอใจกแ็ สดงออกโดยการไม่ เสียงส่วนใหญ่ ปฏิบัติตาม สรุประดบั คณุ ภาพ ระดับ ๓ ๑๐ – ๑๒ คะแนน หมายถึง ดี ระดบั ๒ ๗ – ๙ คะแนน หมายถึง พอใช้ ระดบั ๑ ๔ – ๖ คะแนน หมายถงึ ปรบั ปรงุ การผา่ นเกณฑ์ : ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ขั้นตำ่ ต้องผา่ นระดับ ๒ ขึ้นไป
แบบประเมนิ การการปฏิบัติกิจกรรม (P๑) ผลการ รายการประเมิน ประเมนิ ความ ทำงาน การให้ การรบั ที่ ชื่อ -สกุล สนใจ ทันเวลา ความ ฟังความ คะแนน เฉล่ยี ผ่าน ไม่ และ ที่ ร่วมมือ คิดเห็น เต็ม ผา่ น ตั้งใจ กำหนด และ (๓ (๑๒ เรยี น (๓ ช่วยเหลอื คะแนน) คะแนน) (๓ คะแนน) เพ่ือน คะแนน) (๓ คะแนน) ๑ เด็กชายธนกร ทอื กระโทก ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๒ เด็กชายกษดิ สิ วรรณ ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ประดิษฐ์ ๓ เดก็ ชายภคิน ทศิ กระโทก ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๔ เด็กชายภพู าน ศรีสงั วาลย์ ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๕ เดก็ ชายชนิ กฤต แกว้ ศรี ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๖ เดก็ ชายสรภพ ทองมี ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๗ เดก็ ชายศักด์ิดา อาจบำรงุ ๒๒ ๒ ๒ ๘ ๒/ ๘ เด็กหญงิ พิชชาภา นวนกระโทก ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๙ เด็กหญิงณัฎฐณิชา ยอมกระโทก ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๑๐ เด็กหญงิ ไอรดา อว่ มอิ่ม ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๑๑ เด็กหญิงณฐั กานต์ สวา่ งจติ ร ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๑๒ เด็กหญงิ ปณุ ภิ า ด้วง ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ทองหลาง ๑๓ เดก็ หญิงณชิ านนั ท์ นากระ ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / โทก ๑๔ เด็กหญิงฐติ ิญากรณ์ ไตรสูง ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / เนนิ ๑๕ เดก็ หญิงปภานัน ทิศกระโทก ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๑๖ เด็กหญงิ กานต์พชิ ชา สอน ๓ ๓ ๒ ๓ ๑๑ ๓ / เสรมิ ๑๗ เด็กชายติณภพ สาลวี นั ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๑๘ เด็กชายพรี พัฒน์ เจมิ โพธ์ิ ๓ ๒ ๒ ๓ ๑๐ ๒.๕ /
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง สระเอยี มตี ัวสะกด รหัสวชิ า ท๑๑๑๐๑ ชือ่ รายวชิ า ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๑ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑๑ ช่ือ สระเอียแสนสนกุ เวลา ๕๐ นาที ครผู สู้ อน นางวาสนา ทิศกระโทก วันทีส่ อน ๑๗ เมษายน ๒๕๖๕ (ประเดน็ ปญั หา นักเรียนขาดทักษะด้านการเข้าใจความหมายของคำในภาษาไทย) มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคิดเพือ่ นำไปใช้ตดั สินใจ แก้ปัญหาในการ ดำเนินชวี ติ และมีนิสัยรักการอ่าน มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ขิ องชาติ ตวั ชี้วัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๑/๑ อา่ นออกเสยี งคำ คำคลอ้ งจอง และขอ้ ความสนั้ ๆ มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๑/๒ บอกความหมายของคำ และข้อความท่ีอ่าน มาตรฐาน ท ๔.๑ ป.๑/๒ เขียนสะกดคำและบอกความหมายของคำ จุดประสงคก์ ารเรียนร้สู ูต่ วั ช้ีวัด ๑๒.บอกความหมายของคำได้ (K) ๑๓.สามารถอา่ นคำที่ประสมดว้ ยสระเอยี และมตี วั สะกด ได้ (P) ๓. นักเรียนมีมารยาทในการอา่ นและเขียน (A) สาระสำคญั /เนอ้ื หา การเรยี นรูก้ ารอา่ นสะกดคำทปี่ ระสมด้วยสระเอยี มีตวั สะกด บอกความหมายและหลักการใชจ้ ึงจะสามารถ นำคำไปใชไ้ ดถ้ ูกต้อง จำนวน ๗ คำ ( ทเุ รียน ตะเกียบ โรงเรียน ทเุ รยี น เขยี ด เสียม เตียง ) สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน ๑. ความสามารถในการส่ือสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทักษะการเขียน - ทกั ษะการฟัง การดู และการพดู ๒. ความสามารถในการคิด - การจำแนก - การวิเคราะห์ - การสงั เคราะห์ - การสรปุ ความรู้ ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา ๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้
ตวั ชีว้ ดั ที่ ๔.๑ ต้งั ใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรยี นรู้ มงุ่ มั่นในการทำงาน ตวั ชีว้ ัดที่ ๖.๑ ตัง้ ใจและรบั ผดิ ชอบในการปฏบิ ัตหิ น้าทก่ี ารงาน ตวั ชว้ี ดั ที่ ๖.๒ ทำงานด้วยความเพียรพยายามและอดทนเพอื่ ให้งานสำเรจ็ ตามเป้าหมาย รักความเป็นไทย ตวั ช้วี ดั ท่ี ๗.๒ เหน็ คณุ ค่าและใชภ้ าษาไทยในการสอื่ สารได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม ชิน้ งานหรือภาระงาน (หลักฐาน ร่องรอยแสดงความร้)ู ๑. ผลจากการจัดกิจกรรม การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขัน้ ท่ี 1 การเรยี นรู้ต้ังคำถาม (Learning to Question) ( ๕ นาท)ี ๑. นักเรียนเลน่ เกมปริศนาคำทาย โดยครทู ายปรศิ นาคำทายสระเอยี วธิ กี ารเลน่ ครูทายนักเรียน ปริศนาคำทาย ใหน้ ักเรยี นยกมือตอบท่ีละคน - คำถามท่๑ี อะไรเอย่ ฉนั มหี นามตามตัว เนอ้ื มสี เี หลือง กินไดห้ วานดี แตบ่ างคนไม่ชอบกลิ่น ฉนั (ทเุ รียน) - คำถามท่ี๒ อะไรเอย่ ฉันมี๒ขาเรียวยาว ตอ้ งใช้คู่กัน เขาใช้ฉนั คีบอาหารรับประทาน (ตะเกียบ) ๒. นักเรียนทายถูกแลว้ อ่านคำศัพท์พร้อมกัน (เขียด ตะเกยี บ ทเุ รียน โรงเรยี น แสงเทยี น) ๓. ครูกระตุ้นความคิดนักเรยี นดงั นี้ คำถามที่ ๑ นกั เรียนสังเกตคำที่นำเสนอมสี ระอะไรประสมเหมือนกนั คะ(สระเอีย) คำถามท่ี ๒ ใครจะอาสาอา่ นบา้ ง( นกั เรียนในห้องอา่ นตาม ) ขน้ั ที่ 2 การเรียนรูแ้ สวงหาสารสนเทศ (Learning to Search) (1๕ นาที) ๔. นักเรียนอา่ นบัตรคำสระเอยี ตามครู และบอกความหมายของคำ ทเุ รยี น ตะเกียบ โรงเรยี น ทเุ รยี น เขยี ด เสยี ม เตยี ง ๕. นกั เรยี นแต่งประโยคจากบตั รคำทอี่ ่านปากเปลา่ โดยการส่มุ ถาม ข้นั ที่ 3 การเรียนรู้เพอ่ื สร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct) (1๐ นาท)ี ๖ ร้างขอ้ ตกลงร่วมกนั โดยสมาชิกทกุ คนจะต้องปดิ ไมคช์ ่วงทไ่ี ม่ตอบคำถาม ๗ นกั เรียนนำคำ สระเอยี มาแต่งประโยคให้สมบูรณ)์ ๘. ครูชว่ ยตรวจสอบความถูกต้อง เพื่อเช่ือมโยงไปยังความร้ทู ่ถี กู ต้อง (ครเู สรมิ แรงพฤติกรรมของเดก็ ) ขัน้ ที่ 4 การเรยี นรเู้ พื่อการส่ือสาร (Learning to Communicate) (1๕ นาท)ี ๑๐. สรา้ งขอ้ ตกลงร่วมกนั วา่ ในระหวา่ งทเี่ พ่อื นนำเสนองาน นักเรยี นทเ่ี หลอื ต้องหยดุ ทำกจิ กรรมทุก อย่างและตงั้ ใจฟงั เพ่อื น (ครูเสริมแรงพฤตกิ รรมของเด็ก) ๑๑. นักเรียนแตล่ ะคนนำเสนอผลงานหน้าชน้ั เรียน ๘ ครูใช้คำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียน
คำถามท่ี ๑ นกั เรียนเคยเห็นคำทปี่ ระสมดา้ ยสระเอียอกี ไหม มคี ำว่าอะไรบ้าง ใครตอบไดบ้ า้ ง (ครเู สริมแรง) ขั้นท่ี 5 การเรยี นรู้เพือ่ ตอบแทนสังคม ((Learning to Service) (๕ นาที) ๑๑. นักเรยี นสามารถนำความรู้ท่ีนกั เรียนไดใ้ นวันน้ี ไปทำอะไรได้บ้าง (อ่านและเขยี นหนงั สอื ให้ ถกู ต้อง) สื่อการเรียนรู/้ แหลง่ การเรียนรู้ ๑. ปริศนาคำทาย ๒. บตั รภาพ/บตั รคำ ๓. ใบงาน ประเมินการเรยี นรู้ ๑. ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมด้วยแบบประเมิน (P๑) ๒. สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเข้ารว่ มกิจกรรม เครอ่ื งมือ ๗. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ๘. แบบประเมนิ การการปฏบิ ัติกิจกรรมที่ ๑ (P๑) เกณฑ์การประเมนิ ๕. นักเรยี นมีพฤติกรรมผา่ นเกณฑก์ ารประเมินร้อยละ ๖๐ ข้ึนไป ๖. นักเรียนทำใบกจิ กรรมผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับ ๖๐ขนึ้ ไป
ข้อเสนอแนะของวชิ าการ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ลงชอื่ __________________ฝา่ ยวชิ าการ (นางสาวจริ าพร ปัญญารัตนานนท)์ _____/_____/_____ ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารสถานศึกษา ได้ทำการตรวจแผนการจดั การเรียนของ นางวาสนา ทศิ กระโทก แล้ว มีความคดิ เห็นดงั นี้ 1. เป็นแผนการจดั การเรียนที่ ดมี าก ดี พอใช้ 2. การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนสาระภาษาไทย มาจัดกิจกรรมโดย เนน้ ผูเ้ รียนเป็นสำคญั และจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสมดีมาก เนน้ ผู้เรยี นเป็นสำคญั และจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนได้อยา่ งเหมาะสมดี ยงั ไมเ่ นน้ ผเู้ รยี นเป็นสำคัญ 3. เป็นแผนการจัดการเรียนที่ นำไปใช้ไดจ้ รงิ ควรปรับปรงุ กอ่ นนำไปใช้ ลงช่ือ ว่าท่ี ร.ต. __________________ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา (สัญญา เขยี วปาน) _____/_____/_____
บนั ทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นการสอน ความรู้ เร่ือง สระเอยี แสนสนุก(สระเอยี มีตัวสะกด) นกั เรยี นช้ันประถมศกึ ษาปีที่๑ จำนวน ๑๘ คน ท่ไี ด้รับการพฒั นาแก้ไขปัญหา การการรเู้ รื่องในเรื่องสระเอียแสนสนกุ (สระเอยี มตี วั สะกด)ผลปรากฏว่าจากการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ นักเรยี นสามารถอธบิ ายความหมายของคำ อ่านออกเสยี งและสามารถนำคำมาแต่งประโยคได้ ซึ่งสามารถแก้ไข ปญั หาการอ่านรู้เร่อื งได้ ประเมินการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมด้วยแบบประเมิน (P๑) จากการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนเพ่อื แกป้ ัญหาการอ่านร้เู รื่องให้มีผลสัมฤทธทิ์ ่ีสูงข้ึนของนักเรยี นชัน้ ประถมศกึ ษาปีท๑่ี จำนวน ๑๘ คน จากการสังเกตการณป์ ฏิบตั ิกจิ กรรมของนักเรยี นและประเมนิ ผล จำนวนนกั เรียนทไี่ ม่มสี ว่ นรว่ มในกิจกรรม จำนวน ๐ คน จำนวนนักเรียนทม่ี สี ่วนร่วมในกิจกรรม จำนวน ๑๘ คน จำนวนนกั เรียนที่คาดวา่ ยงั ไม่ผา่ นเกณฑ์การแก้ปญั หา จำนวน ๐ คน จำนวนนักเรยี นทค่ี าดวา่ ยงั ผ่านเกณฑ์การแกป้ ัญหา จำนวน ๑๘ คน จำนวนนกั เรยี นท่ขี อคำแนะนำเพิ่มเติม จำนวน ๓ คน จำนวนนกั เรียนที่ตอบคำถามกบั ครูระหว่างการเรยี นรู้ จำนวน ๑๘ คน จำนวนนกั เรียนที่ไม่ตอบคำถามกบั ครูระหวา่ งการเรียนรู้ จำนวน ๐ คน ลงชื่อ..............................................ผ้บู นั ทึก ( นางวาสนา ทศิ กระโทก )
แบบประเมนิ การการปฏิบัติกจิ กรรม (P๑) รายการประเมิน ๓ ระดบั คุณภาพ ๑ ๑. ความสนใจและ มคี วามกระตือรือร้นในการ ขาดความกระตือรือรน้ ในการ ตง้ั ใจเรียน เรียน ไม่รีรอตง้ั ใจเรยี น ตง้ั ใจ ๒ เรยี น ไมส่ นใจอา่ น ไม่กลา้ ทำกิจกรรม รีบตอบคำถาม ซักถามไม่ตอบคำถาม ๒. ทำงานทันเวลาที่ ซักถามเมื่อสงสยั มคี วามกระตือรอื รน้ ในการเรียน กำหนด ส่งงานทนั เวลาทกี่ ำหนด ตงั้ ใจเรียน ไม่คอ่ ยตั้งใจทำ สง่ งานไม่ตรงเวลาท่กี ำหนด ๓. การใหค้ วามรว่ มมอื กจิ กรรม ไมค่ ่อยกล้าซักถาม รีรอ หลัง ๑๐ นาที และชว่ ยเหลอื เพื่อน ใหค้ วามร่วมมือในการเรยี น ในการตอบคำถาม ให้ความรว่ มมือในการเรยี นเม่ือ และชว่ ยเหลอื เพ่ือนทั้งในและ ถูกตักเตอื น และสว่ นมากจะ ๔.การรบั ฟังความ นอกกลุม่ อย่างเต็ม สง่ งานไมต่ รงเวลาทีก่ ำหนด ทำงานลำพังคนเดยี ว คดิ เหน็ ความสามารถตลอดเวลา 5-๑๐ นาที รับฟงั และยอมรับความ ไม่ยอมรับความคิดเห็นของเพ่ือน คดิ เห็นของคนส่วนใหญใ่ ห้ ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือ ไมพ่ อใจเม่อื ความคิดเห็นของตน ความรว่ มมอื และปฏบิ ัติตาม เพอื่ นเฉพาะในกลุ่มตนเอง หรือ ไมเ่ ปน็ ทีย่ อมรบั เสียงสว่ นใหญ่ คนทช่ี อบใจเท่าน้ัน และไม่ ต่อเนื่อง ต้องคอยตกั เตือนบา้ ง รบั ฟงั และยอมรบั ความคิดเห็น ของคนส่วนใหญ่แต่บางคร้งั ท่ีไม่ พอใจกแ็ สดงออกโดยการไม่ ปฏิบัตติ าม สรุประดับคุณภาพ ระดับ ๓ ๑๐ – ๑๒ คะแนน หมายถงึ ดี ระดบั ๒ ๗ – ๙ คะแนน หมายถึง พอใช้ ระดับ ๑ ๔ – ๖ คะแนน หมายถงึ ปรบั ปรงุ
แบบประเมนิ การการปฏิบัติกิจกรรม (P๑) ผลการ รายการประเมิน ประเมนิ ความ ทำงาน การให้ การรบั ที่ ชื่อ -สกุล สนใจ ทันเวลา ความ ฟังความ คะแนน เฉล่ยี ผ่าน ไม่ และ ที่ ร่วมมือ คิดเห็น เต็ม ผา่ น (๑๒ ตั้งใจ กำหนด และ (๓ เรยี น (๓ ช่วยเหลอื คะแนน) คะแนน) (๓ คะแนน) เพ่ือน คะแนน) (๓ คะแนน) ๑ เด็กชายธนกร ทอื กระโทก ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๒ เด็กชายกษดิ สิ วรรณ ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ประดิษฐ์ ๓ เดก็ ชายภคิน ทิศกระโทก ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๔ เด็กชายภพู าน ศรีสงั วาลย์ ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๕ เดก็ ชายชนิ กฤต แกว้ ศรี ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๖ เดก็ ชายสรภพ ทองมี ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๗ เดก็ ชายศักด์ิดา อาจบำรงุ ๒๒ ๒ ๒ ๘ ๒/ ๘ เด็กหญงิ พิชชาภา นวนกระโทก ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๙ เด็กหญิงณัฎฐณิชา ยอมกระโทก ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๑๐ เด็กหญงิ ไอรดา อว่ มอิ่ม ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๑๑ เด็กหญิงณฐั กานต์ สวา่ งจติ ร ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๑๒ เด็กหญงิ ปณุ ภิ า ด้วง ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ทองหลาง ๑๓ เดก็ หญิงณชิ านนั ท์ นากระ ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / โทก ๑๔ เด็กหญิงฐติ ิญากรณ์ ไตรสูง ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / เนนิ ๑๕ เดก็ หญิงปภานัน ทิศกระโทก ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๑๖ เด็กหญงิ กานต์พชิ ชา สอน ๓ ๓ ๒ ๓ ๑๑ ๓ / เสรมิ ๑๗ เด็กชายติณภพ สาลวี นั ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ๓ / ๑๘ เด็กชายพรี พัฒน์ เจมิ โพธ์ิ ๓ ๒ ๒ ๓ ๑๐ ๒.๕ /
ภาพกิจกรรม
Search
Read the Text Version
- 1 - 32
Pages: