คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ ก คำนำ คมู่ อื ประจำฐำนกำรเรียนร้ตู ำมหลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพียงดำ้ นกำรศึกษำ ฐำนกำรเรียนรู้ท่ี 2 กำรปลกู ผกั ปลอดสำรพิษ คู่มือฐำนกำรเรยี นรู้เล่มนจี้ ัดทำขึน้ เพอ่ื ใช้ประกอบกำรจดั กิจกรรมกำรเรยี นรู้ ในฐำนกำร เรียนรู้ท่ี 2 กำรปลูกผักปลอดสำรพิษ ของ กศน.อำเภอสุวรรณคูหำ เพ่ือเป็นแนวทำงสำหรับผู้สอนในกำรจัด กิจกรรมกำรเรียนรู้ และเป็นคู่มือสำหรับผู้เรียนเพ่ือใช้ประกอบกำรเรียนรู้ในกิจกรรมกำรเรียนรู้ ประจำฐำนกำร เรียนรู้ที่ 2 กำรปลูกผักปลอดสำรพิษ ผู้จัดทำหวังเป็นอย่ำงยิ่งว่ำ คู่มือฐำนกำรเรียนรู้ตำมหลักปรัชญำ ของ เศรษฐกิจพอเพียงด้ำนกำรศึกษำเล่มนี้ จักเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียน ผู้สอน และผู้ท่ีสนใจ และสำมำรถนำไปปรับใช้ ในชีวิตประจำวนั ได้ กศน.ตำบลสุวรรณคหู ำ
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ ข สำรบญั หนำ้ รำยกำร ก ข คำนำ 1 สำรบัญ 3 ศำสตร์พระรำชำ 5 หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพียง 6 รปู แบบกำรขับเคล่ือนหลักปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี งสูฐ่ ำนกำรเรยี นรู้ 7 แผนภูมิกำรขับเคลอ่ื นหลกั ปรัชญำเศรษฐกจิ พอเพยี ง 8 แผนผัง กศน.อำเภอสุวรรณคหู ำ 9 แผนผัง ฐำนกำรเรยี นรู้ 10 ขัน้ ตอนกำรเรยี นร้ฐู ำนกำรเรียนรู้ 11 ใบลงทะเบียนประจำฐำนกำรเรียนรู้ 13 แผนกำรจัดกระบวนกำรเรยี นรู้ กิจกรรม “กำรปลกู ผักปลอดสำรพิษ” 14 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 15 ใบควำมรู้ 23 ใบงำน 24 แบบทดสอบหลังเรียน 29 เฉลยแบบทดสอบกอ่ น-หลงั เรียน แบบสอบถำมควำมถึงพอใจกำรใช้ฐำนกำรเรยี นรู้ 31 คณะทำงำน
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 1 ศำสตรพ์ ระรำชำ จำกนภำ ผำ่ นภผู ำ สมู่ หำนที ศำสตรพ์ ระรำชำ คือ แนวทำงกำรพฒั นำของในหลวงรชั กำลท่ี 9 ทม่ี ีควำมลมุ่ ลกึ รอบดำ้ น มองกำรณไ์ กล และ เน้นควำมยัง่ ยืนยำวนำน ก่อนท่ีประชำคมโลกจะตื่นตัวในเร่อื งนี้ เป็นแนวทำงกำรพัฒนำที่มุ่งยกระดับ คุณภำพชีวติ ของ คนไทยทุกหมู่เหล่ำ องค์ประกอบของศำสตร์พระรำชำ คือ กำรศึกษำและสุขภำพกำร เพิ่มผลิตภำพกำรผลิต กำร คน้ ควำ้ วจิ ัย กำรบรหิ ำรควำมเสี่ยง กำรอนรุ กั ษธ์ รรมชำติ และปรัชญำ เศรษฐกจิ พอเพยี ง แตล่ ะองคป์ ระกอบลว้ นมีส่วน ชว่ ยยกระดับคุณภำพชวี ิตของทุกผทู้ ุกคน โดยเฉพำะคนจนผู้ยำกไร้ หลกั กำรทำงำนตำมศำสตรพ์ ระรำชำเข้ำใจ เข้ำถึง พัฒนำ เป็นวิธกี ำรแห่งศำสตร์พระรำชำ เพอ่ื กำรพัฒนำที่ ย่งั ยืนท่พี ระบำทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหำภมู พิ ลอดุลยเดชทรงใช้เปน็ วิธกี ำรทรงงำนมำตลอด รัชสมยั ศำสตรพ์ ระรำชำ มีนัยยะกว้ำงขวำงมำก ศำสตร์แปลว่ำ ควำมรู้ที่เป็นระบบ เช่ือถือได้ ผ่ำนกำรพิสูจน์ มำแล้ว ควำมรู้ของพระเจ้ำแผ่นดินพระองค์นี้ มีท้ังด้ำนที่เป็นวิทยำศำสตร์ธรรมชำติ ทั้งวิทยำศำสตร์ประยุกต์ ทั้งสังคมศำสตร์ ท้งั มำนษุ ยวิทยำ มนุษยศำสตร์ คอื มีทุกมติ ิ ถ้ำเรำตดิ ตำม/ดูงำน ทพ่ี ระองค์ท่ำนทรงงำนมำมำกกว่ำ 70 ปี พระองคท์ รง ปฏิบตั ิเปน็ ตัวอยำ่ งมำให้ดทู ัง้ หมด 1,500 กว่ำแหง่ มีทุกศำสตร์ มีทั้งจริยธรรมศำสตร์ ศำสนำ มที ุกมิติ หลักในกำรทรงงำนของในหลวง (ศำสตร์พระรำชำ) 23 ข้อ ข้อท่ี 1 จะทำอะไรตอ้ งศึกษำข้อมูลให้เป็นระบบ อดีตทำอะไรมำบ้ำง ทั้งเอกสำร สอบถำมเจ้ำหน้ำที่และชำวบ้ำน เพ่ือ นำข้อมลู ไปใชป้ ระโยชนไ์ ดจ้ รงิ ๆ ขอ้ ที่ 2 ระเบิดจำกภำยใน สร้ำงควำมเขม้ แข็งจำกภำยในใหเ้ กดิ ควำมเขำ้ ใจ และอยำกทำ ข้อที่ 3 แก้ปัญหำจำกจดุ เล็ก มองภำพรวมกอ่ นเสมอ แต่กำรแก้ปัญหำตอ้ งเรมิ่ จำกจดุ เล็ก ๆ ไม่เริ่มทเี ดยี วใหญ่ ๆ ข้อท่ี 4 ทำตำมลำดบั ขน้ั เริม่ ทำจำกควำมจำเปน็ กอ่ น สงิ่ ที่ขำดคอื สิ่งที่จำเปน็ ข้อท่ี 5 ภูมิสังคม ภูมิศำสตร์ สังคมศำสตร์ กำรทำงำนทุกอย่ำง ต้องคำนึงถึงภูมิศำสตร์ว่ำ อยู่แถบไหน อำกำศเป็น อย่ำงไร ติดชำยแดน ตดิ ทะเล และ สงั คมของเรำเปน็ อย่ำงไร นบั ถือศำสนำอะไร คนนสิ ยั ใจคอเป็นอย่ำงไร รวม ไปถึงพวกเรำกันเองดว้ ย ข้อท่ี 6 ทำงำนแบบองค์รวม โดยคิดควำมเชื่อมโยง ทรงมองเหตุกำรณ์ท่เี กิดข้ึนและมีแนวโน้มทำงแก้ไขอย่ำง เช่ือมโยง องค์รวม <-------------> ครบวงจร เช่อื มโยง “เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดำว” ข้อท่ี 7 ไม่ตดิ ตำรำ ควำมรทู้ ว่ มหวั เอำตวั ไมร่ อด บำงคร้ังเรำยึดทฤษฎจี นเกินไปทำอะไรไม่ได้เลย
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 2 ขอ้ ท่ี 8 ประหยัด เรียบงำ่ ย ใชเ้ งินนอ้ ย แต่ไดป้ ระโยชนส์ งู สดุ ทำไดเ้ อง หำไดเ้ องในท้องถนิ่ ใชเ้ ทคโนโลยีง่ำยๆ ข้อท่ี 9 ทำใหง้ ำ่ ย ทำอะไรใหง้ ำ่ ยๆ ทำใหช้ ีวติ ง่ำย โปรดทำสง่ิ ยำกๆ ใหก้ ลำยเปน็ ส่ิงทง่ี ำ่ ยๆ ขอ้ ที่ 10 กำรมสี ่วนรว่ ม เปดิ โอกำสให้มกี ำรแสดงควำมคิดเหน็ ข้อท่ี 11 ต้องยึดประโยชน์ส่วนรวม จำกพระรำชดำรัส ใครต่อใครชอบบอกให้นึกถึงประโยชน์ส่วนรวม ให้ส่วนรวมคือ กำรชว่ ยตวั เองด้วย เพรำะเมอื่ สว่ นรวมไดป้ ระโยชน์ เรำเองก็ไดป้ ระโยชน์ ขอ้ ที่ 12 บริกำรทีจ่ ดุ เดยี ว วนั นเ้ี รำพูด วันสต๊อปเซอร์วสิ แต่ในหลวงตรสั ไวเ้ กิน 20 ปมี ำแลว้ ข้อท่ี 13 ใชธ้ รรมชำติช่วยธรรมชำติ มองธรรมชำติให้ออก กักน้ำตำมลำธำรชว่ ยใหป้ ่ำสมบูรณ์ชว่ ยใหช้ ำวเขำมอี ำชพี ขอ้ ที่ 14 ใชอ้ ธรรมปรำบอธรรม เชน่ เอำผักตบชวำที่เปน็ ปญั หำของเรำในประเทศ มำกำจดั น้ำเสยี ข้อที่ 15 ปลกู ปำ่ ในใจคน ตอ้ งปลกู ปำ่ ท่จี ิตสำนึกก่อน ต้องให้เห็นคณุ ค่ำ ก่อนที่จะลงมอื ทำ ข้อที่ 16 ขำดทนุ คอื กำไร อย่ำมองท่ีกำไรขำดทนุ ทเ่ี ป็นตวั เงินมำกจนเกินไป บำงคร้งั เรำไดก้ ำไรจำกกำรขำดทุน - ลงทนุ มหำศำล ไดธ้ รรมชำติกลับคนื มำ - ลงทนุ มหำศำล ได้ลกู คนื มำ - ลงทนุ มหำศำล ไดค้ นดๆี กลบั มำ - ลงทุนมหำศำล ไดค้ วำมรู้ไว้คอยชว่ ยเหลือ ขอ้ ที่ 17 กำรพง่ึ ตนเอง ในหลวงทรงสอนใหพ้ วกเรำพงึ่ ตนเอง เพรำสงั คมบริโภค จะเป็นทำสของผู้ผลติ กำรพง่ึ ตนเองได้ ทำให้ไม่ตอ้ ง เป็นทำสใคร เม่ือแกป้ ัญหำเฉพำะหนำ้ แลว้ พยำยำมพึ่งตนเองให้ได้ ข้อที่ 18 พออยู่พอกิน พออยู่พอกินก่อน แล้วค่อยพัฒนำ เรำขอให้บำบัดให้ได้ก่อน==> ประคับประคอง==> เป็นท่ี ปรึกษำ==>เปน็ ผู้ช่วยเหลอื ผอู้ ื่นต่อไป ขอ้ ที่ 19 เศรษฐกจิ พอเพยี ง เปน็ แนวทำงกำรตอ่ สรู้ ับมือควำมเปลีย่ นแปลงของโลก กำรขจดั ควำมหวิ โหย ทต่ี อ้ งคำนึงถึง เรือ่ งควำมพอดีโดย อำศัยหลักเศรษฐกิจพอเพียง ข้อที่ 20 ควำมซื่อสัตยส์ จุ รติ จรงิ ใจตอ่ กนั คนทมี่ ีควำมรู้มำก แต่โกง สคู้ นท่ีไมเ่ กง่ แต่ดไี มไ่ ด้ วีรบุรษุ วีรสตรีคือคณุ ธรรม ที่ทำประโยชน์เพื่อ ผูอ้ ่ืน พวก เรำที่ทำงำนยำเสพตดิ คอื วีรบุรษุ วีรสตรผี ูห้ นง่ึ ข้อที่ 21 ทำงำนอยำ่ งมคี วำมสขุ “ทำงำนกบั ฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้ ฉันมีแต่ควำมสุข ท่ีร่วมกนั ในกำรทำประโยชน์ให้กับ ผู้อ่ืนเท่ำน้ัน” ทำอะไรต้อง มคี วำมสขุ ด้วย ข้อที่ 22 ควำมเพยี ร กวำ่ 60 ปีท่ที รงงำน ในหลวงไม่เคยทรงทอ้ ถอย ไมม่ กี ำรลำพักรอ้ น หยุดงำนสกั เวลำเดียว ขอ้ ท่ี 23 รู้ รกั สำมัคคี คิดเพื่องำน รู้ = ต้องรูป้ ัจจยั รู้ปัญหำ รทู้ ำงออก ของปญั หำ รกั = เมือ่ ร้แู ล้ว ต้องเกิดควำมอยำก สำมคั คี = รว่ มมอื ลงมอื ปฏิบัติเพ่ือเกิดพลงั ที่มำ: http://r01.ldd.go.th/spb/News61/ContinuetheworkthatFatherdid/KMRama9.pdf
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 3 หลกั ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy) หมำยถึง ปรัชญำท่ีพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวได้ทรงมี พระ รำชดำรัสช้ีแนะแนวทำงที่ควรดำรงอยู่และปฏิบัติตนแก่พสกนิกรชำวไทยมำโดยตลอดนำนกว่ำ 30 ปี ต้ังแต่ก่อนเกิด วิกฤตเศรษฐกิจ 2550 ให้ใช้เป็นแนวทำงกำรแก้ไขเพื่อให้รอดพ้นวิกฤต และสำมำรถดำรงอยู่ได้ อย่ำงมั่นคงและย่ังยืน ภำยใตค้ วำมเปลย่ี นแปลงต่ำง ๆ กรอบแนวคดิ ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักคิดและหลักปฏิบัติที่ช้ีถึงแนวทำง กำรดำรงอยู่และปฏิบัติตน ของ ประชำชนในทุกระดบั ต้งั แต่ ครอบครวั ชุมชน จนถึงหนว่ ยงำนภำครัฐ ทง้ั ในกำรพฒั นำและบรหิ ำรประเทศให้ดำเนินไป ในทำงสำยกลำง เพ่ือใหพ้ อมีพอกินพอใช้ สำมำรถพ่ึงตนเองได้ ใหค้ นในสังคมสำมำรถอยรู่ ่วมกันได้ อยำ่ งสันติสุข เพ่ือให้ คนกบั ธรรมชำตอิ ยรู่ ่วมกันได้อย่ำงสมดุล และให้แต่ละคนดำรงตนอย่ำงมีศักดิศ์ รี บนรำกเหง้ำ ทำงวฒั นธรรมสมดลุ และ ยงั่ ยนื โดยเฉพำะกำรพฒั นำเศรษฐกจิ พอเพียงเพื่อใหก้ ้ำวทนั โลกยุคโลกำภิวัฒน์ เปำ้ หมำยของหลกั ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มุ่งใหเ้ กดิ ควำมสมดลุ และพร้อมต่อกำรรองรับกำรเปลีย่ นแปลงอย่ำงรวดเรว็ และกวำ้ งขวำง ท้งั ทำงวัตถุ สังคม สิ่งแวดลอ้ ม และวฒั นธรรม องคป์ ระกอบหลกั ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพียงประกอบด้วยหลักคิดประกอบกำรตัดสินใจและปฏิบัติ เพ่ือนำไปสู่ควำมสมดุลและย่ังยืน พร้อมรบั ตอ่ กำรเปลยี่ นแปลง 2 3 4 คอื 2 เง่ือนไข 3 หลกั กำร 4 มิติ ดงั น้ี ก่อนลงมือปฏิบัติ ใด ๆ นั้นต้องมีเง่ือนไขสำคัญที่จะทำให้กำรตัดสินใจและกำรกระทำ เป็นไปอย่ำงพอเพียง จะต้องอำศยั ทง้ั คณุ ธรรมและควำมรู้ ดังน้ี ควำมรู้ ประกอบด้วยกำรฝึกตนให้มีควำมรอบรู้เก่ียวกับวิชำกำรต่ำง ๆ ที่เก่ียวข้องอย่ำง รอบด้ำน มีควำม รอบคอบ และควำมระมัดระวงั ทจ่ี ะนำควำมรูต้ ำ่ ง ๆ เหล่ำน้นั มำพจิ ำรณำให้เชอื่ มโยงกัน คุณธรรม ที่จะต้องสร้ำงเสริมให้เป็นพ้ืนฐำนจิตใจของคนในชำติ ประกอบด้วย ด้ำนจิตใจ คือกำร ตระหนักใน คุณธรรม รู้ผิดชอบชั่วดี ซ่ือสัตย์สุจริต ใช้สติปัญญำอย่ำงถูกต้องและเหมำะสมในกำรดำเนิน ชีวิต และด้ำนกำรกระทำ คือมคี วำมขยนั หมั่นเพยี ร อดทน ไมโ่ ลภ ไม่ตระหน้ี รู้จักแบ่งปนั และรับผิดชอบ ในกำรอยู่ร่วมกับผอู้ ่ืนในสังคม ระหว่ำงดำเนินกำร ใช้ 3 หลักกำร เป็นองค์ประกอบในกำรทำกิจกรรม คือ ควำมพอประมำณ ควำมมีเหตุผล และมภี มู ิคุ้มกันในตัวเองทด่ี ี โดยมีควำมหมำยดังนี้ ควำมพอประมำณ หมำยถงึ ควำมพอดตี อ่ ควำมจำเปน็ และเหมำะสมกับฐำนะของตนเอง สงั คม สิ่งแวดล้อม รวมท้งั วัฒนธรรมในแตล่ ะท้องถ่นิ ไมม่ ำกเกินไป ไม่นอ้ ยเกนิ ไป และตอ้ งไมเ่ บยี ดเบียน 6 ตนเองและผ้อู ่ืน ควำมมีเหตุผล หมำยถึง กำรตัดสินใจดำเนินกำรเร่ืองต่ำง ๆ อย่ำงมีเหตุผลตำมหลักวิชำกำร หลักกฎหมำย หลักศีลธรรมจริยธรรม และวัฒนธรรมทีด่ ีงำม โดยพิจำรณำจำกเหตุปัจจัยท่ีเกีย่ วข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คำดว่ำจะ เกิดขน้ึ จำกกำรกระทำนน้ั ๆ อย่ำงรอบร้แู ละรอบคอบ
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 4 มีภมู คิ ุ้มกนั ในตวั ที่ดี หมำยถึง กำรเตรียมตวั ให้พรอ้ มรับตอ่ ผลกระทบและกำรเปลี่ยนแปลง ในด้ำนต่ำง ๆ ไม่ ว่ำจะเปน็ ดำ้ นเศรษฐกิจ สังคม สงิ่ แวดลอ้ ม และวัฒนธรรม เพอื่ ใหส้ ำมำรถปรบั ตวั และ รับมอื ไดอ้ ยำ่ งทนั ทว่ งที หลังจำกดำเนินกำร ผู้เรียนนำเง่ือนไขมำประกอบกำรตัดสินใจลงมือปฏิบัติ จึงก่อให้เกิดควำมก้ำวหน้ำอย่ำง สมดลุ และมนั่ คงนำไปสคู่ วำมยัง่ ยืนพร้อมรับกำรเปล่ียนแปลงทัง้ 4 มิติ ดงั นี้ เศรษฐกิจ/วัตถุ ใช้วัตถุสิ่งของ เงิน ทรัพยำกรอย่ำงประหยัด รู้คุณค่ำ เกิดประโยชน์และคุ้มค่ำ บริหำรกำรเงิน ได้อย่ำงเหมำะสม สังคม มีควำมรู้ในกำรแบ่งหน้ำท่ีอย่ำงเหมำะสม มีควำมรู้ในกำรปฏิบัติตนท่ีจะทำงำนร่วมกับผู้อื่น ทำงำน ร่วมกันภำยในกลุ่มจนสำเร็จและมีควำมสุข มีควำมรับผิดชอบต่อกำรทำงำนของกลุ่ม ยอมรับควำมคิดเห็น ซึ่งกันและกัน มีควำมเสียสละ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน รู้รักสำมัคคี สร้ำงควำมเข้มแข็งให้ครอบครัวและชุมชน มจี ติ อำสำ มีควำมมุ่งมน่ั ในกำรทำงำน มีทักษะในกำรประกอบอำชีพ ห่ำงไกลยำเสพตดิ มกี ำรแบ่งปนั ใหค้ วำมชว่ ยเหลอื สิ่งแวดล้อม มีควำมรู้ในกำรดูแลรักษำอย่ำงถูกต้อง รักษำควำมสะอำดทุกครั้งหลังจำกทำกิจกรรมเสร็จส้ิน มี จิตสำนึกในกำรรักษำควำมสะอำดเป็นระเบียบ กำรเลือกใช้ทรัพยำกรทม่ี ีอยู่อย่ำงคุ้มคำ่ มีจิตสำนึกร่วมอนุรกั ษ์ น้ำ ดิน ป่ำ อำกำศ พลังงำน กำรคัดแยกขยะ และกำรนำกลบั มำใชป้ ระโยชนอ์ ย่ำงคุ้มค่ำ ชมุ ชนสะอำด น่ำอยูน่ ่ำอำศัย วัฒนธรรม เป็นกำรอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นและชุมชน สืบสำนรำกเหง้ำของควำมเป็นไทย กำร ยึดถือและปฏิบัติตำมหลักคำสอนของศำสนำ เช่ือมโยงจำกอดีตสู่ปัจจุบันส่งผลต่ออนำคต สืบสำนเอกลักษณ์เฉพำะ พ้ืนท่ี และควำมเป็นไทย มีกำรส่งเสริมอย่ำงต่อเนื่อง เคำรพกฎระเบียบของโรงเรียนหรือชุมชน เช่น ปฏิบัติตำมกฎ จรำจร ปฏิบัติตำมกฎลูกเสือ เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญำท่ีเป็นท้ังแนวคิด หลักกำร และแนวทำงปฏิบัติตนของแต่ละบุคคล และองค์กร โดยคำนึงถึงควำมพอประมำณกับศักยภำพของตนเอง และสภำวะแวดล้อม ควำมมีเหตุมีผล และกำรมีภูมิคุ้มกันท่ีดีใน ตัวเอง โดยใช้ควำมรู้อย่ำงถูกหลกั วิชำกำร ด้วยควำมรอบคอบและระมัดระวัง ควบคู่ไปกับกำรมีคุณธรรม ซื่อสัตย์สจุ รติ ไม่เบียดเบียนกัน แบ่งปัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และร่วมมือ ปรองดองกันในสังคม ซึ่งจะช่วยเสริมสร้ำงสำยใย เชื่อมโยงคนในภำคส่วนต่ำง ๆ ของสังคมเข้ำด้วยกัน สร้ำงสรรค์พลังในทำงบวก นำไปสู่ควำมสำมัคคี กำรพัฒนำที่ สมดุลและยง่ั ยนื พรอ้ มรับต่อกำร เปล่ียนแปลงภำยใต้กระแสโลกำภิวัฒน์ได้
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 5 รปู แบบกำรขบั เคลอ่ื นหลกั ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี งสฐู่ ำนกำรเรยี นรู้ กศน.อำเภอสวุ รรณคหู ำ โดยเร่ิมจำกกำรน้อมนำหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถำนศึกษำ โดยสถำนศึกษำได้ต้ัง คณะกรรมกำร ขับเคล่ือนหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีหน้ำที่รับผิดชอบในกำรสร้ำง ควำมเข้ำใจ หลัก ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง ให้แก่ผู้เรียน ผู้สอน และบุคลำกรทำงกำรศึกษำภำยในสถำนศึกษำ เพ่ือให้ผู้เรียนเข้ำใจ และครูสำมำรถนำควำมรู้มำบูรณำกำรกับแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ เพ่ือนำสู่ห้องเรียนทุกรำยวิชำ โดยสถำนศึกษำมี นโยบำยให้ครูผู้สอนบูรณำกำรหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงสู่บทเรียน และผู้เรียน สำมำรถถอดบทเรียนและนำ หลักปรัชญำ ของเศรษฐกิจพอเพียงไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ ต่อตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคมได้ ทั้งสำมำรถ แนะนำ ใหค้ วำมรู้แกภ่ ำคีเครอื ข่ำย ประชำขนทั่วไปและผูท้ ส่ี นใจได้ โดยมุ่งเน้นใหเ้ กดิ ผลกับผู้เรียนอยำ่ งยง่ั ยืนจนเป็นวิถี ชีวิต เงอ่ื นไข ควำมรู้ เงอ่ื นไข คณุ ธรรม เศรษฐกจิ พอเพียง Input รอบรูใ้ นงำนวชิ ำกำร (ตระหนักในคุณธรรมพนื้ ฐำน มคี วำมซอ่ื สตั ย์ รอบคอบในกำรนำควำมรู้ไปใช้ สจุ ริต ขยนั ประหยัด อดทน 2 เงอ่ื นไข 3 หลกั กำร ระมดั ระวังในขั้นตอนกำรปฏิบัติ มีควำมเพยี ร ใชส้ ติปัญญำในกำรดำเนินชวี ิต) 4 มติ ิ ทำงสำยกลำง => พอเพยี ง หลกั คดิ พอประมำณ หลกั ปฏบิ ตั ิ Process เพอื่ ควำมก้ำวหนำ้ มเี หตผุ ล มภี มู คิ มุ้ กนั อยำ่ งสมดลุ ในตวั ทด่ี ี และมนั่ คง Output นำสู่ นำ ควำมสมดุลและพรอ้ มรบั ตอ่ กำรเปลี่ยนแปลงในดำ้ น ควำมสยู่ ั่งยนื วตั ถ/ุ เศรษฐกจิ สงั คม สง่ิ แวดลอ้ ม และวฒั นธรรม
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 6 แผนภมู กิ ำรขบั เคลอ่ื นหลกั ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี งสฐู่ ำนกำรเรยี นรู้ กศน.อำเภอสวุ รรณคหู ำ ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง คณะกรรมกำรขบั เคลอ่ื นปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง หลกั สตู รสถำนศกึ ษำ รำยวชิ ำ ฐำนกำรเรยี นรู้ ผเู้ รยี น คณะกรรมกำรประเมนิ ผลกำรจดั กจิ กรรม รำยงำนผลกำรจดั กจิ กรรม
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 7 แผนทอี่ ำเภอสุวรรณคหู ำ แผนผงั อำคำรสถำนท่ี กศน.อำเภอสวุ รรณคหู ำ
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 8 แผนผงั ฐำนกำรเรยี นรู้ ฐำนกำรเรยี นรทู้ ่ี 1 หอ้ งสมดุ ประชำชนอำเภอสวุ รรณคหู ำ กศน.อำเภอสวุ รรณคูหำ ฐำนกำรเรยี นรทู้ ่ี 2 กำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ กศน.ตำบลสุวรรณคหู ำ ฐำนกำรเรยี นร้ทู ่ี 3 จติ อำสำปลกู ปำ่ เพ่อื พ่อ เพื่อแผ่นดิน กศน.ตำบลกุดผึง้ ฐำนกำรเรยี นรทู้ ี่ 4 สวนพฤกษศำสตรแ์ ละอนรุ กั ษ์พนั ธกุ รรมพืช กศน.ตำบลนำดี ฐำนกำรเรยี นรทู้ ่ี 5 สมุนไพรใกลต้ วั (กัญชงและกญั ชำ) กศน.ตำบลนำสี ฐำนกำรเรยี นรทู้ ่ี 6 กำรทำพำนบำยศรจี ำกใบตอง กศน.ตำบลนำดำ่ น ฐำนกำรเรียนรูท้ ี่ 7 ป๋ยุ อนิ ทรยี ์ กศน.ตำบลบ้ำนโคก ฐำนกำรเรยี นร้ทู ่ี 8 ผลติ ภัณฑจ์ ำกไมไ้ ผ่ กศน.ตำบลบญุ ทัน ฐำนกำรเรยี นรู้ที่ 9 กำรคดั แยกขยะ กศน.ตำบลดงมะไฟ ฐำนกำรเรยี นรทู้ ่ี 10 สวนเกษตรพอเพียง วัดสุวรรณำรำม
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 9 ข้นั ตอนกำรเรยี นรใู้ นฐำนกำรเรยี นรู้ ........................................................................................ 1. ผเู้ รียนลงชื่อเข้ำร่วมกจิ กรรมประจำฐำน 2. ผู้เรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น 3. ผู้เรยี นศึกษำเอกสำร ตำรำ รูปภำพ ป้ำยนเิ ทศเก่ียวกบั ฐำนกำรเรียนรู้ และเรยี นรู้จำกผู้สอนหรอื วิทยำกรประจำฐำน กำรเรียนรู้ 4. ผเู้ รยี นรบั แบบบันทกึ ผลกำรศกึ ษำฐำนกำรเรียนรู้/ใบงำน 5. ผู้เรียนซกั ถำมปัญหำ วพิ ำกษ์ และสรปุ ร่วมกันกบั ผู้เรียน ผู้สอนหรือวิทยำกรประจำฐำนกำรเรยี นรู้ 6. ผเู้ รยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี น 7. ผเู้ รียนตอบแบบสอบถำมควำมพงึ พอใจกำรเรยี นรู้ในฐำนกำรเรียนรู้ 8. สิ้นสุดกระบวนกำรเรยี นรู้ ..................................................................................
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 10 ใบลงทะเบยี น ประจำฐำนกำรเรียนรทู้ ี่ ........ ฐำน................................................................... 1. ชื่อ - สกุล ................................................................................................................................................................ 2. เพศ ชำย หญิง เพศทำงเลอื ก (LGBTQ+) 3. อำยุ ตำ่ กวำ่ 15 ปี 15 - 20 ปี 21 - 30 ปี 31 - 40 ปี 41 - 50 ปี 51 - 60 ปี 61 ปีข้ึนไป 4. ระดับกำรศึกษำ ตำ่ กว่ำ ป.6 ป.6/ประถมศกึ ษำ ม.3 หรือ ม.ตน้ ม.6 หรอื เทียบเทำ่ ปวส./อนุปรญิ ญำ ปรญิ ญำตรีข้นึ ไป 5. อำชพี นักเรียน/นักศกึ ษำ รบั จ้ำง เกษตรกร คำ้ ขำย อน่ื ๆ (ระบุ)............................................................................................. 6. กจิ กรรมที่เรียนร.ู้ .........................................................................................................................
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 11 แผนกจิ กรรมฐำนกำรเรียนรู้ท่ี 2 องคค์ วำมรตู้ ำมหลักปรชั ญำของเศรษฐกิจพอเพยี ง ดำ้ นกำรศกึ ษำ กำรปลกู ผักปลอดสำรพษิ เวลำ 50 นำที 1.ฐำนกำรเรยี นรทู้ ี่ 2 องคค์ วำมรตู้ ำมหลกั ปรชั ญำของเศรษฐกิจพอเพียงดำ้ นกำรศกึ ษำ กำรปลกู ผกั ปลอด สำรพษิ 2. วทิ ยำกรประจำฐำนกำรเรยี นรู้ที่ 2 องค์ควำมรู้ตำมหลกั ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี งดำ้ นกำรศึกษำ กำร ปลกู ผักปลอดสำรพษิ 2.1 นำงยุพรัตน์ ทุมวนั ครูกศน.ตำบล 2.2 นำงสำวหทัยรตั น์ พิมพจ์ ่อง ครู กศน.ตำบล 3. นกั ศกึ ษำประจำฐำนกำรเรยี นรู้ที่ 2 องค์ควำมรู้ตำมหลกั ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี งด้ำนกำรศกึ ษำ กำร ปลกู ผักปลอดสำรพิษ 3.1 นำยรัฐตยิ ศ บุญประเสริฐ ระดับ ม.ตน้ 3.2 นำยธนกูล จันทร์บง ระดบั ม.ต้น 3.3 นำงสำวศิรกิ ลั ยำ จนั ทรห์ งษ์ ระดับ ม.ต้น 3.4 นำยธรี ะเดช ฟำ้ ฝน ระดับ ม.ต้น 4. วตั ถปุ ระสงค์ 4.1 เพ่ือใหน้ กั ศึกษำมีควำมรคู้ วำมเขำ้ ใจเกี่ยวกับหลักปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 4.2 เพ่ือใหน้ ักศึกษำมีควำมร้ขู ้ันตอนกำรปลูกผักปลอดสำรพษิ รวมถงึ ชนดิ ของพันธุพ์ ัก 4.3 ผเู้ รยี นมคี วำมรู้ในกำรปลูกผกั ปลอดสำรพิษ 4.4 ผู้เรียนถอดบทเรียน 2 3 4 จำกฐำนกำรเรยี นร้ไู ด้อยำ่ งถูกต้อง 5. ควำมคดิ รวบยอด/ขอ้ มลู ควำมรู้ ผกั ปลอดสำรพิษนัน้ คือ ผกั หรอื ผลผลติ ท่ีไม่มีกำรใช้สำรเคมีในกำรปอ้ งกนั และปรำบศัตรพู ืช หรอื ถ้ำใช้ตอ้ ง เปน็ สำรเคมที ไี่ ม่มีกำรตกค้ำงเกินคำ่ มำตรฐำนท่กี ำหนด โดยสำรเคมีเหล่ำนั้นจะตอ้ งไมต่ กคำ้ งอยใู่ นดนิ นำนเกินไป หรอื ตอ้ งไม่ใช้สำรเคมเี พ่อื ใหเ้ กิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศนต์ ่ำงๆ รวมไปถงึ ตอ้ งไม่ส่งผลไปยงั ผบู้ ริโภคอย่ำง เดด็ ขำด ตำมประกำศของกฎกระทรวงสำธำรณสขุ ฉบบั ที่ 163 พ.ศ.2538
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 12 6. วธิ กี ำรใชฐ้ ำนกำรเรยี นรู้ เวลำทใ่ี ช้ 6.1 วัตถุประสงคข์ องฐำนกำรเรียนรู้ 6.2 ใบควำมรู้ 6.3 ขนั้ ตอนกำรปฏบิ ัติ/ถอดบทเรียน 2 3 4 ได้อยำ่ งถกู ตอ้ ง 6.4 สรุปผลกำรเรยี นรู้ 7. ตำรำงกำรปฏบิ ตั แิ ละเวลำทใี่ ช้ ลำดบั กำรปฏิบตั ิ 1. ขนั้ นำเขำ้ สู่บทเรยี น 5 นำที ชี้แจงวัตถุประสงคก์ ำรเรยี นรแู้ ละใหน้ ักศกึ ษำบอกข้อแตกต่ำงผักท่มี สี ำรเคมแี ละผัก ปลอดสำรพิษ 2. ข้นั สอน/ปฏบิ ตั ิ แบ่งกลุ่มนกั ศกึ ษำที่เขำ้ ฐำนออกเปน็ 3 ผลัดเปล่ียนกันเรยี นรู้ ควำมรเู้ รอื่ งต่ำง ๆ (เรือ่ งละ 7 นำท)ี ดังน้ี 21 นำที 1. ควำมหมำย ควำมสำคญั และประโยชน์ของกำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ 2. เรอ่ื งประเภทชนิดของพันธผ์ุ ัก 3. ข้นั ตอนกำรเตรยี มวัสดุในกำรปลกู ผกั ปลอดสำรผดิ 3. ขนั้ สรปุ ให้นกั ศกึ ษำแต่ละกลุม่ ถอดบทเรียน 2 3 4 กำรบรู ณำกำรกำรปลกู ผักปลอดสำรพิษกับ 24 นำที หลกั ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพียง และสรปุ ควำมรู้ทไ่ี ดร้ ับ ท้งั 3 เรอื่ งเป้น My Mapping พรอ้ มกบั ใหไ้ ปศกึ ษำเพม่ิ เตมิ จำกแหล่งเรียนรจู้ รงิ และนำเสนอ
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 13 8. สอ่ื /เครอื่ งมอื ชว่ ยสรำ้ งกำรเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น 8.1 วดี ที ศั น์ เร่ืองกำรปลกู ผักปลอดสำรพิษ 8.2 ใบควำมรู้กำรปลูกผกั ปลอดสำรพษิ 8.3 ใบงำนกำรถอดบทเรยี น 2 3 4 8.4 แบบประเมนิ พฤติกรรม/แบบทดสอบประจำฐำน 9. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. อยู่อย่ำงพอเพียง : นำหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพยี งไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั 2. มุ่งม่นั ในกำรทำงำน : ปฏบิ ตั งิ ำนทไ่ี ดร้ ับมอบหมำยจนสำเร็จไดเ้ ป็นช้นิ งำน 3. มีวินยั : เขำ้ รว่ มกิจกรรมและทำกจิ กรรมแล้วเสรจ็ ไดต้ รงตำมเวลำ 4. ใฝเ่ รยี นรูต้ ัง้ ใจ: เพยี รพยำยำมในกำรศึกษำเรียนรแู้ ละเข้ำรว่ มกิจกรรมกำรเรียนรขู้ องฐำนกำรเรียนรู้ 5. มีจติ สำธำรณะ : แกนนำนักเรียนเสียสละเวลำในกำรถำ่ ยทอดควำมรใู้ หก้ บั ผทู้ ่ีเขำ้ ร่วมกิจกรรม ภำยใน ฐำน 10. กำรวดั และประเมนิ ผล สง่ิ ทต่ี อ้ งกำรวดั วธิ วี ดั เครอื่ งมอื 1. สงั เกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนกลมุ่ กำรสงั เกต แบบประเมินฐำนกำรเรียนรู้ 2. ช้ินงำน/ผลงำน กำรประเมินจำกใบกิจกรรม ใบงำนฐำนกำรเรยี นรู้ 3. คณุ ลกั ษณะพอเพียง กำรสังเกต บันทกึ หลังกำรเรยี นรู้ 4. พฤติกรรมดำ้ นทกั ษะ กำรตอบคำถำม แบบทดสอบก่อน-หลงั กำรเรียนรู้
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 14 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น-หลงั เรยี น ฐำนกำรเรยี นรทู้ ่ี 2 องคค์ วำมรตู้ ำมหลกั ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ดำ้ นกำรศกึ ษำ ฐำนกำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ ข้อ 1. เหตุใดกำรปลกู พชื ผักจงึ ทำรำยได้ให้แก่ผปู้ ลกู ผักได้ ข้อ 6. อนินทรีย์ทใี่ ชใ้ นกำรปลกู ดนิ ที่ไดจ้ ำกธรรมชำติคือขอ้ เร็วกว่ำกำรปลูกพืชชนดิ อ่ืน ใด ก.ไก่รำคำจำหนำ่ ยสูงกว่ำพชื ชนิดอน่ื ๆ ก.ทรำย ข.ไขพ่ ชื ผกั สำมำรถปลูกร่วมกับพชื ผกั อืน่ ๆได้ดี ข.วชั พชื ค.ควำยผักเป็นพืชอำยสุ ้ันสำมำรถปลกู ไดห้ ลำยครั้งในหนึ่ง ค.ปุย๋ คอก ฤดูกำล ง.ปุย๋ หมัก ง.คนปลกู พชื มนี ้อยแต่คนบริโภคผักมีมำกรำคำผักจงึ แพง ขอ้ 2 ป้ำจนั ทรต์ ้องกำรทำกำรเกษตรทห่ี ลกี เล่ยี งกำรใช้ ขอ้ 7 กำรขดุ แปลงปลกู ผักควรตำกดินเพ่อื ฆ่ำเช้ือโรคกีว่ นั สำรเคมีในกำรผลติ ใช้ปยุ๋ อินทรยี เ์ พอ่ื เพิม่ ควำมอุดมสมบรู ณ์ ก. 3-4 วัน ของดนิ และควบคุมจำกัดศตั รพู ืชโดยวิธีกำรทำงชีวภำพ ข. 4-5 วัน ดงั นั้นพระจนั ทร์ควรเลอื กทำกำรเกษตรรปู แบบใด ค. 6-7 วัน ก.เกษตรอินทรยี ์ ง. ตำมท่ีเรำตอ้ งกำร ข.เกษตรเชิงเดยี่ ว ค.เกษตรธรรมชำติ ข้อ 8 คณุ สมบัตทิ ดี่ ขี องวสั ดปุ ลูกควรมลี ักษณะอย่ำงไร ง.เกษตรผสมผสำน ก.มปี รมิ ำณเกลอื แรต่ ำ่ ข้อ 3 ปัญหำใดเป็นปญั หำท่สี ำคัญท่ีสุดของเกษตรกรไทยใน ข.สวยงำมเปน็ ท่ีนยิ ม ปจั จุบนั ค.มลี ักษณะทึบและแขง็ แรง ก.ทนุ ข.ทดี่ นิ ง.ไมอ่ ุม้ น้ำจนเกนิ ไปและมรี รู ะบำยพอสมควร ค.กำรใช้ปยุ๋ ง.กำรใชส้ ำรเคมี ข้อ 4 ข้อใดคอื ควำมสำคัญของปุย๋ อินทรยี ์ทมี่ ตี อ่ พชื ขอ้ 9 ข้อใดเป็นกำรกำจัดวชั พืชก่อนกำรขดุ แปลงปลูก ก.ช่วยให้ผลไม้มรี สหวำน พชื ผกั ข.ช่วยใหด้ นิ เป็นสดี ำ ร่วนซุย ก.เผำวชั พืช ค.ช่วยให้พืชเจรญิ เติบโตเร็วผลดก ข.ไถกลบวชั พืช ง.ช่วยเร่งกำรเจรญิ เตบิ โตของใบและรำก ค.กำจดั วัชพชื ด้วยสำรเคมี ขอ้ 5 ข้อใดคือควำมหมำยของพืชผักปลอดสำรพิษท่ีถกู ตอ้ ง ง.ไม่มขี ้อถกู ก.พืชทใี่ ช้รับประทำนได้ ข.พชื ที่มีสเี ขียวมคี ุณคำ่ ทำงอำหำร ข้อ 10 ข้อใดคอื วิธกี ำรปอ้ งกันกำจัดศัตรูพืชในแปลงปลกู ผัก ค.พืชอะไรก็ได้ท่ีรบั ประทำนแล้วไมม่ สี ำรพิษปลอดภัย ปลอดสำรพิษ ง.พชื ผกั ทปี่ ลูกภำยในบริเวณบำ้ นเพอ่ื ใชผ้ ักบริโภคภำยใน ก.กำรใช้สำรเคมี ครวั เรอื น ข.กำรใช้สมุนไพร ค.กำรตดั แตง่ ใบผกั ง.กำรใส่ปุ๋ยวทิ ยำศำสตร์
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 15 ใบควำมรกู้ ำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ กำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ ผกั ปลอดสำรพิษ คอื ผกั ทไี่ มไ่ ด้ผำ่ นกำรใชส้ ำรเคมี หรอื ยำฆ่ำแมลงตำ่ งๆ และตอ้ งไมม่ สี ำรเคมตี กค้ำงในดิน เกินค่ำทมี่ กี ำรกำหนด หรอื ผลผลิตทีไ่ ม่มกี ำรใชส้ ำรเคมใี นกำรปอ้ งกันและปรำบศัตรพู ชื หรอื ถ้ำใชต้ อ้ งเป็นสำรเคมที ่ีไม่ มกี ำรตกค้ำงเกนิ ค่ำมำตรฐำนทก่ี ำหนด โดยสำรเคมีเหล่ำนน้ั จะต้องไมต่ กคำ้ งอยูใ่ นดนิ นำนเกนิ ไป หรือต้องไม่ใช้ สำรเคมีเพ่ือใหเ้ กดิ ผลกระทบตอ่ ส่งิ แวดลอ้ มและระบบนิเวศน์ต่ำงๆ รวมไปถึงต้องไม่ส่งผลไปยงั ผ้บู ริโภคอยำ่ งเด็ดขำด ตำมประกำศของกฎกระทรวงสำธำรณสุข ฉบับท่ี 163 พ.ศ.2538 สภำพพน้ื ทป่ี ลกู ผกั ปลอดสำรพษิ กำรเลอื กพื้นท่ีใน กำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ น้นั เป็นอกี หนึง่ ปัจจยั ท่สี ำคัญในกำรจะปลูกผักปลอดสำรพษิ สง่ิ สำคัญเลยจะต้องปลกู ในที่ท่ดี นิ มคี วำมรำบเรยี บสมำ่ เสมอกนั โดยกำรระบำยนำ้ น้นั จะต้องระบำยนำ้ ไดเ้ ป็นอยำ่ งดี และจะตอ้ งไมเ่ ปน็ พื้นที่ท่อี ยู่ใกลเ้ ขตโรงงำน หรอื เขตอุตสำหกรรมตำ่ งๆ เพื่อหลกี เลยี่ งสำรพิษทจี่ ะลอยมำกบั อำกำศ และตกค้ำงอยใู่ นพืน้ ท่เี พำะปลกู ได้ โดยท่ัวไปแล้วลกั ษณะดนิ ที่มคี วำมเหมำะสมนนั้ จะต้องเป็นดนิ ท่ีมกี ำรระบำยน้ำได้ค่อนขำ้ งดี และท่ีสำคัญ จะตอ้ งเป็นดินร่วนซยุ ดนิ จะตอ้ งมีควำมอดุ มสมบรู ณข์ องธำตอุ ำหำร โดยส่วนใหญ่แลว้ จะประกอบไปด้วยอินทรีย์ วตั ถุ 45% อินทรียวตั ถุ 5% นำ้ และอำกำศ 25% ไส้เดอื นและจลุ ินทรยี ์ ในดิน เป็นตน้ ซ่งึ ส่งิ เหล่ำน้ลี ้วนแลว้ แตเ่ ปน็ สิง่ ที่จะช่วยให้ดินมีควำมอุดมสมบูรณ์ และทีส่ ำคญั จะช่วยพชื ผักนั้นเจรญิ เติบโต ไดเ้ ป็นอยำ่ งดี มคี วำมตำ้ นทำนตอ่ โรคและแมลง นอกจำกนี้ดินทด่ี ีมีค่ำ pH ท่เี ปน็ กลำง โดยอยู่ระหว่ำงที่ 6.0-6.5 โดยประมำณ ดนิ จะมคี วำมสมบรู ณเ์ ปน็ อยำ่ งมำก ส่วนแหลง่ น้ำทเ่ี หมำะแก่กำรใชใ้ นกำรปลกู พชื ผกั ปลอดสำรพษิ นนั้ ควรเป็นแหลง่ น้ำทมี่ ำจำกธรรมชำติ ไมม่ สี ำรพิษเจือปน และจะตอ้ งมเี พยี งพอต่อควำมตอ้ งกำรในกำรปลกู พชื ตลอดทง้ั ปี ขั้นตอนกำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ ในกำรเตรียมแปลงปลูกนน้ั ควรจะมกี ำรไถพรวนดนิ และตำกดินไวอ้ ยำ่ งนอ้ ย 1-2 อำทติ ย์ กอ่ นทจี่ ะทำกำร เพำะปลกู เพ่ือเป็นกำรฆ่ำเชอ้ื โรคทีอ่ ย่ใู นดิน และกำจัดวชั พชื ไปในตวั นอกจำกนเ้ี มล็ดพันธ์พุ ชื ผกั ส่วนใหญจ่ ะมขี นำด เลก็ และมีระบบรำกทีล่ ะเอียดอ่อนเปน็ อย่ำงมำก
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 16 ถ้ำเกิดกำรเตรยี มดนิ นั้นไม่ดีจะทำให้มผี ลกระทบต่อกำรเจริญเตบิ โตของพชื ผกั ได้ หรอื จะทำอกี วธิ ีโดยกำรสบู นำ้ เขำ้ พ้ืนทีใ่ ห้นำ้ ทว่ ม หลังจำกนน้ั ก็คอ่ ยปล่อยน้ำออก และไถพรวนดนิ ตำกท้ิงไว้ กเ็ ป็นกำรล้ำงสำรพษิ และกำจดั วชั พชื ได้อกี แบบ ท่ีสำคญั ตอ้ งไม่ลืมเติมธำตอุ ำหำรลงในแปลงที่จะเตรยี มกำรปลูกไวด้ ้วย เพื่อใหพ้ ชื ผกั นน้ั สำมำรถ เตบิ โตไดอ้ ยำ่ งแข็งแรง และต้ำนทำนตอ่ โรคและกำรทำลำยของแมลง อีกประกำรหน่งึ เลย คือ จะต้องไม่ลืมปรบั ร่องน้ำ กำรทำรอ่ งนำ้ ไว้น้นั ก็เพ่อื ใหม้ นี ำ้ ใชท้ เี่ พียงพอตลอดในช่วง ของกำรเพำะปลกู ทส่ี ำคญั ไม่ควรจะทำใหม้ แี อ่งน้ำขงั หรือน้ำทว่ ม ในแปลงปลูกอยำ่ งเด็ดขำด เพอื่ เป็นกำรป้องกัน กำรเกดิ โรคทจี่ ะตำมมำได้ ขน้ั ตอนกำรเตรยี มเมลด็ พนั ธุ์ กอ่ นทจี่ ะเร่ิมนำไปปลกู นนั้ เรำจะต้องทำกำรลำ้ งเมล็ดใหส้ ะอำดเสยี กอ่ น และต้องไมล่ ืมวำ่ กำรลำ้ งนน้ั เหมือน เป็นกำรฆำ่ เช้ือโรคท่ตี ดิ มำกบั เมลด็ พนั ธุไ์ ปในตวั ดว้ ย โดยกำรล้ำงนนั้ เรำสำมำรถทำไดด้ ังน้ี – คดั แยกเมล็ดพนั ธุ์ โดยกำรคัดแยกเมลด็ พนั ธ์ุก็เพอ่ื ใหเ้ รำได้รวู้ ่ำเมล็ดพนั ธุ์อนั ไหนดี หรอื มวี ชั พชื หรอื ส่ิ แปลกปลอมปะปนอยใู่ นเมล็ดพันธด์ุ ว้ ยหรอื ไม่ ถ้ำมใี หค้ ดั แยกออกทนั ที เพอื่ เปน็ กำรป้องกันในขัน้ ต้น – แช่เมลด็ พันธใ์ุ นน้ำอ่นุ โดยจะแช่เมลด็ พนั ธุ์ในอุณหภมู ิท่ปี ระมำณ 50-55 องศำเซลเซยี ส โดยจะใช้ ระยะเวลำในกำรแชป่ ระมำณ 15-30 นำที ทำไมต้องแชน่ ำ้ อนุ่ ก็เพรำะจะชว่ ยในกำรลดปริมำณเชอื้ โรคทต่ี ดิ มำกบั เมลด็ พันธุ์ อีกทงั้ ยงั เปน็ ส่วนชว่ ยในกำรกระตนุ้ เมลด็ พันธุ์ไปในตวั ด้วย – กำรเลือกซ้ือเมล็ด ควรเลอื กซื้อเมลด็ พันธ์ุจำกแหลง่ ทีม่ ีควำมน่ำเชอ่ื ถือได้ ควรตรวจสอบแหลง่ ทม่ี ำของ เมล็ดพันธ์ุชนิดนนั้ ๆ ว่ำมที ม่ี ำท่ไี ปอยำ่ งไร เพือ่ เปน็ กำรปอ้ งกันและปญั หำทอ่ี ำจจะเกดิ ตำมมำในภำยหลังได้ – สังเกต วนั เดือน ปี วันหมดอำยุ กำรดฉู ลำกนั้นเป็นสง่ิ สำคัญเปน็ อยำ่ งมำกในกำรเลอื กเมล็ดพนั ธทุ์ ่ีจะ นำมำปลูก เพรำะจะเปน็ ข้อมลู ทบ่ี อกวำ่ เมลด็ พันธุ์จะสำมำรถเจริญเติบโตได้ดีหรือไม่ กำรเลอื กวธิ ี กำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ ในกำรเลือกวธิ กี ำรปลูกนน้ั ระยะในกำรปลกู จะข้นึ อย่กู บั วำ่ เรำจะปลกู พชื ชนดิ ใด แต่จะแนะนำวำ่ กำรปลูก พืชผกั นน้ั ควรปลกู ในระยะหำ่ งที่ดีและพอสมควร อย่ำปลกู แนน่ จนเกินไป จะทำให้พืชผกั นัน้ เสยี หำยไดเ้ มอ่ื เรมิ่ เจรญิ เตบิ โตขนึ้ สำเหตทุ ่ไี มค่ วรปลูกแน่นเกนิ ไป เพรำะพืชจะไดม้ กี ำรระบำยอำกำศท่ีดี และยังช่วยในกำรปรับ สภำพแวดล้อมไมใ่ ห้เหมำะสมต่อกำรระบำดของโรค ทสี่ ำคัญจะตอ้ งคอยตรวจแปลงอยู่เสมอ โดยกำรตรวจแปลงนั้น อำจจะเปน็ กำรสมุ่ เดินตรวจเป็นจุดๆ ไปกไ็ ด้ โดยตรวจจดุ ละ 10-20 จุด ตอ่ ไร่ ถำ้ พบวำ่ มีปัญหำเกิดข้นึ กใ็ หร้ บี กำจัด ตน้ ตอตรงบริเวณนั้นในทนั ที เพื่อไม่ใหล้ ำมไปเกิดยงั บริเวณจดุ อน่ื ๆ กำรบำรงุ ดแู ลรกั ษำผกั ปลอดสำรพษิ นอกจำกนก้ี ำรดูแลพชื ปลอดสำรพษิ น้ันก็มีวธิ ที ่ดี แู ลท่ีหลำกหลำย และไม่จำเป็นต้องพงึ่ สำรเคมแี ตอ่ ยำ่ งใด โดยสว่ นใหญ่อำจจะใชว้ ธิ ีกำรทำงชวี ภำพ โดยใชน้ ำ้ ชีวภำพเข้ำมำชว่ ย หรอื ปลูกพืชเสริม ทีม่ ีสรรพคุณในกำรช่วยไล่ แมลง หรือในช่วงทีเ่ ตรยี มดนิ มีกำรเตมิ ธำตุอำหำรและปรับปรุงดนิ ด้วยปุ๋ยหมักชีวภำพ ข้นึ อยกู่ บั วำ่ เกษตรกรแต่ละ ทำ่ นจะสะดวกวธิ กี ำรใด ซึง่ วิธีกำรข้ำงตน้ นีเ้ ป็นกำรช่วยใหเ้ กษตรกรไมจ่ ำเปน็ ต้องพ่ึงสำรเคมเี ลยแมแ้ ต่น้อย เพรำะถ้ำ ดนิ ดีอยแู่ ลว้ พชื ย่อมแขง็ แรงอยำ่ งแนน่ อน
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 17 กำรใหธ้ ำตุอำหำรนนั้ นอกจำกจะให้ในดินแลว้ พชื บำงชนิดก็มีควำมจำเปน็ ท่จี ะต้องใหธ้ ำตุอำหำรเชน่ กัน เชน่ พืชในกะหลำ่ อำจจะต้องกำรธำตโุ บรอนเพอื่ ตำ้ นทำนโรคไสก้ ลวงดำ มะเขือเทศอำจจะต้องกำรธำตุแคลเซยี ม เปน็ ตน้ ซง่ึ กำรใหธ้ ำตุอำหำรในพชื น้นั ไมจ่ ำเป็นจะต้องให้ในพชื ทกุ ชนดิ เพียงแตเ่ ปน็ กำรเสริมให้พชื บำงชนดิ ที่ตอ้ งกำรเท่ำน้ัน เพรำะพชื หลำยๆ ชนดิ นอกจำกให้ในชว่ งทีป่ รับปรุงดนิ ก็เพยี งพอต่อควำมต้องกำรของพืชแล้ว กำรป้องกันและกำจดั แมลงศัตรพู ชื กำรปลูกพชื ปลอดสำรพษิ หรือแมแ้ ตก่ ำรปลูกพชื แบบปกตนิ น้ั คงหนไี มพ่ ้นปัญหำแมลงหรอื ศตั รพู ชื มำ รบกวนแปลงอย่ำงแนน่ อน ซึง่ ถำ้ ในกรณีปกติอำจจะมกี ำรนำสำรเคมีมำใชเ้ พอื่ ไล่ แตใ่ นกรณีของกำรปลกู พชื แบบ ปลอดสำรพิษนน้ั คงทำไม่ไดอ้ ย่ำงแน่นอน เพรำะอำจจะทำใหเ้ กิดสำรเคมีตกค้ำงในพชื ผักได้ ซึ่งวธิ ที จ่ี ะกล่ำวถึง คอื กำรใชก้ บั ดกั กำวเหนยี ว ซ่ึงวิธีน้เี ปน็ วิธีที่ไมส่ ง่ ผลต่อแปลงเกษตรอย่ำงแน่นอน นอกจำกไมม่ ี กลน่ิ สี แล้วนัน้ ยังไมส่ ง่ ผลกระทบต่อสงิ่ แวดลอ้ มอีกด้วย ซึ่งกำรใชก้ บั ดกั กำวเหนยี วนจ้ี ะควบคุมปริมำณแมลงตวั ทโ่ี ต เตม็ วัย ซึง่ สำมำรถช่วยดงึ แมลงไดห้ ลำกหลำยชนดิ โดยทั่วไปน้ันแมลงจะชอบวัสดุทม่ี ีสีเหลือง หรอื อะไรทเ่ี รืองแสง เป็นสีเหลอื ง โดยกำรนำกำวดกั เหนียวทำทิ้งไว้ จำกนน้ั ก็นำไปตดิ ต้ังในแปลง โดยให้ควำมสูงอย่ทู ่ี 30 เซนติเมตร หรือสงู กวำ่ ผักท่ีโตเต็มทีแ่ ลว้ โดยกับดักน้จี ะใชป้ ระมำณ 60-80 กับดัก ตอ่ พนื้ ท่ี 1 ไร่ โดยในชว่ งทร่ี ะบำดมำกอำจจะใชม้ ำก หนอ่ ย แตถ่ ำ้ ช่วงท่รี ะบำดนอ้ ยกล็ ดลงเหลือ 15-20 กับดัก ต่อไรก่ พ็ อ นอกจำกนยี้ งั มกี ำรใชว้ ธิ ตี ำ่ งๆ ในกำรจัดกำรแมลง หรือศตั รพู ชื ประเภทแมลงตัวเลก็ ๆ อื่นๆ ได้อกี กำรใช้กบั ดกั แสงไฟ โดยใชห้ ลอดไฟแบลค็ ไลท์ หรือฟลูออรเ์ รสเซนต์ ล่อแมลงในชว่ งเวลำกลำงคืน หรอื จะใชฟ้ ำงขำ้ วคลุมแปลงปลกู แต่ เนอื่ งจำกวิธีแบบฟำงข้ำวคลุมแปลงปลูก หรอื พลำสติกคลมุ น้ี จะตอ้ งใชใ้ นพืชทีม่ ีระยะเวลำท่ตี ำยตวั จะเหมำะสมทสี่ ุด อีกวธิ ี ก็คือ กำรใช้มงุ้ ตำขำ่ ยคลุม โดยวธิ ใี ชต้ ำข่ำยนจี้ ะเปน็ วธิ ีกำรแบบโรงเรอื นหรือไม่มโี รงเรือนกไ็ ด้ แต่วธิ ี แบบใชม้ ุ้งตำข่ำยนีก้ ็ย่อมมคี วำมเสยี่ ง เนือ่ งจำกวำ่ ถำ้ มีแมลงผเี ส้ือ หรอื หนอนผีเส้ือ หลดุ เขำ้ ไปไดน้ ้ันจะทำให้เกดิ กำร ระบำดอยำ่ งรวดเรว็ ฉะน้ันตอ้ งดูแลมงุ้ ตำข่ำยเป็นอยำ่ งดเี พ่อื ไมใ่ หเ้ กดิ รอยร่วั หรือฉีกขำดซ่ึงวธิ กี ำรน่จี ะใช้วิธกี ำรทำง ธรรมชำติ โดยใชธ้ รรมชำติเป็นตวั ควบคุมและจำกดั กำรแพร่กระจำยของพวกแมลงศัตรพู ชื ทั้งหลำย โดยอำจจะใช้ ไส้เดอื นฝอยเพือ่ ชว่ ยในกำรควบคุม โดยจะมรี ำยละเอยี ดดงั น้ี ไส้เดือนฝอย ซงึ่ ในตัวของไส้เดอื นฝอยนั้นจะมีเชื้อบกั เตรอี ยู่ พอปลดปลอ่ ยเชือ้ ตัวนีอ้ อกมำจะทำให้แมลง ศัตรพู ืชนัน้ ตำยในทส่ี ุด ซงึ่ เหมำะกบั กำรควบคมุ พวกด้วงหมดั ผกั โดยไสเ้ ดอื นจะเข้ำไปชอนไชสูร่ ะบบเลือดและปล่อย สำรดงั กล่ำวออกมำ แต่เนอ่ื งจำกไสเ้ ดือนนัน้ ไม่ทนตอ่ สภำพแหง้ แล้ง และโดนแสงมำกไม่ได้ เกษตรกรทจี่ ะควบคมุ ให้ ปรมิ ำณไส้เดอื นมีตลอดนัน้ จะตอ้ งหมั่นใหน้ ้ำแกพ่ ชื ทปี่ ลูกในชว่ งเย็นจะเหมำะสมทีส่ ุด เปน็ ทีท่ รำบกันอยแู่ ล้ววำ่ สำรสกดั จำกพืชหรอื สมนุ ไพรของไทยน้ัน บำงชนิดมสี รรพคณุ ในกำรชว่ ยขบั ไลแ่ มลง ศัตรพู ชื ได้ โดยสำรสกดั ทว่ี ำ่ มำจำกพชื สะเดำ ซ่งึ ในสะเดำนน้ั จะมสี ำรชนดิ หน่ึงทีช่ ือ่ ว่ำ “อะซำดแิ รคตนิ ” ซ่ึงสำรตวั นี้ จะมสี ว่ นช่วยในกำรป้องกนั และกำจดั แมลงได้ โดยสำมำรถฆำ่ แมลงได้ แตเ่ ปน็ เพียงบำงชนดิ เทำ่ นั้น, ใชเ้ ปน็ สำรเพ่ือไล่ แมลงได้, ช่วยในกำรยับยั้งกำรเจริญเตบิ โตของแมลงได้ และยังชว่ ยยบั ยงั้ กำรวำงไข่ และกำรลอกครำบ ของแมลงได้
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 18 กำรใชส้ ะเดำ นอกจำกนี้กำรใช้สะเดำนน้ั จะใช้สะเดำทบี่ ดแลว้ ประมำณ 1 กิโลกรัม และนำไปแชใ่ นน้ำประมำณ 20 ลิตร จำกนัน้ ทิ้งไว้ โดยท้งิ คำ้ งไว้ 1 คนื แตใ่ นกรณีทเ่ี กษตรกรหรือท่ำนทม่ี ีเครื่องช่วยในกำรกวนสว่ นผสมก็สำมำรถลด ระยะเวลำได้เหลอื แค่ 3-4 ช่ัวโมง เท่ำน้นั พอไดส้ ว่ นผสมเรำกรองเอำแตน่ ้ำ และผสมด้วยสำรจับใบ 1 ชอ้ น กน็ ำไปใช้ ได้ในทนั ที ในสว่ นของกำกสะเดำนนั้ เรำสำมำรถนำไปโรยยงั โคนตน้ เพือ่ ปรบั ปรงุ สภำพดนิ และช่วยกำจดั แมลงได้ ข้อ ระวงั ในกำรใชน้ ้ัน เนอ่ื งจำกพชื บำงชนดิ อำจจะเกดิ อำกำรใบไหม้ เห่ยี วยน่ หรือต้นแคระได้ หลงั จำกได้รับสำรตวั ดงั กล่ำวจำกสะเดำ ถ้ำพบอำกำรผดิ ปกติจำกกำรใชน้ ้นั กค็ วรงดใชส้ ำรสกดั จำกสะเดำไปกอ่ น เพื่อเปน็ กำรป้องกนั กำร เกิดควำมเสียหำย และคอยสงั เกตอำกำรต้นพชื ทใ่ี ช้ว่ำมอี ำกำรดขี ึ้นหรอื แย่ลงเป็นระยะๆ ไป 6. กำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ ปลกู ทำนเองได้-ไรส้ ำรเคมี ข้อดขี องกำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ ข้อดี ของกำรปลูกพชื ผกั ปลอดสำรพษิ นน้ั แนน่ อนอย่แู ลว้ วำ่ จะต้องไดผ้ กั ที่สด สะอำด และปลอดภยั ทั้งตวั เกษตรกรเอง และผู้บริโภค ซ่งึ ก็มีดงั น้ี ชว่ ยใหเ้ กษตรกรที่ทำกำรปลูกพืชผกั ปลอดสำรพษิ นัน้ มคี ุณภำพและสขุ ภำพชวี ิตทดี่ ีขน้ึ เพรำะวำ่ ไมไ่ ดใ้ ช้ สำรเคมใี นกำรกำจดั ทำให้ไม่ได้รับสำรอันตรำยเข้ำส่รู ่ำงกำย จึงทำให้คณุ ภำพชวี ติ และสขุ ภำพดขี ้นึ กว่ำเดมิ ช่วยลดต้นทุนในกำรดแู ลและกำรใช้สำรเคมีมำทำลำยพชื เนือ่ งจำกกำรปลกู พชื ปลอดสำรพษิ นั้นไมม่ คี วำม จำเป็นต้องใชส้ ำรเคมแี ตอ่ ยำ่ งใด ทำใหก้ ำรดูแลนั้นเปน็ เร่ืองทง่ี ำ่ ย เพียงแคใ่ ชน้ ้ำชวี ภำพและปยุ๋ หมัก ปุย๋ คอก ในกำร ดูแล และกำรเตรยี มดินทด่ี ีก็ช่วยให้พืชมีภูมติ ำ้ นทำนโรคได้อย่ำงมำกมำยทำใหพ้ ืชผกั ท่ีได้มีคณุ ภำพมำกข้นึ เพรำะ ไมไ่ ด้ใชส้ ำรเคมีในกำรช่วยเร่งกำรเจริญเติบโต ทำให้ไดผ้ กั ทสี่ ด สะอำด ปลอดภัย และมคี ุณภำพ มำกยงิ่ ขึ้น ทำให้ ขำยได้ในรำคำทดี่ ี และได้กำไร สำมำรถปลกู ทำนเองได้ เพรำะเป็นพชื ทนี่ ยิ มปลกู กันท่วั ไป ทำใหห้ ลำยๆ ครอบครวั มี กำรหันมำปลูกพชื เพือ่ ไวใ้ ชภ้ ำยในครอบครัวกนั มำกขน้ึ ทำใหค้ ุณภำพชวี ิตและจติ ใจดีข้นึ อย่ำงเห็นไดช้ ัด ข้อเสีย จะบอกว่ำแทบจะไม่มีผลกระทบของขอ้ เสยี เลยกว็ ำ่ ได้ อำจจะมบี ้ำงแต่น้อย อำจจะเสียเวลำในกำร ดูแล หรอื ไม่ก็อำจจะใชเ้ วลำในกำรดูแลทีล่ ะเอยี ดออ่ นมำกเกนิ ไป ซึง่ ยคุ ปัจจุบันกม็ กี ำรหันมำใช้วธิ กี ำรปลกู พชื ปลอด สำรพิษกนั มำกอยูแ่ ลว้ ทำใหก้ ำรพูดถึงขอ้ เสียนนั้ อำจจะเป็นเร่ืองเวลำเสยี มำกกวำ่ แต่เสยี เวลำแตแ่ ลกมำกบั คุณภำพ และสุขภำพทีด่ ขี น้ึ ก็ถือวำ่ เป็นเรื่องท่ดี ี
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 19 7.ผกั สด-สะอำด และมคี ณุ ภำพ กำรปลกู ผกั ปลอดปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ ประโยชนข์ อง กำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ จะเห็นไดว้ ่ำกำรปลูกพชื ปลอดสำรพษิ นนั้ นับเป็นประโยชน์อย่ำงหนงึ่ ทชี่ ่วยในกำรลดตน้ ทนุ สำหรับผบู้ ริโภค ลดตน้ ทุนในกำรผลิต และกำรซ้อื สำรเคมี สำหรบั เกษตรกรซงึ่ จะชว่ ยมคี ณุ ภำพชวี ิตทดี่ ยี ่งิ ข้ึน ผ้บู รโิ ภคก็ไดร้ ับแตส่ งิ่ ดๆี และมีประโยชน์ เกษตรกรเองกไ็ ด้ทง้ั กำไรจำกกำรจำหน่ำย สุขภำพที่ดจี ำกกำรไมใ่ ช้สำรเคมีในกำรกำจัดวชั พชื กำรปลกู พชื ผักปลอดสำรพิษนนั้ เป็นเรอื่ งที่นับวำ่ เป็นอีกทำงเลือกหนง่ึ สำหรับสังคมในปจั จบุ ันท่ีหันมำใสใ่ จสุขภำพกัน มำกขนึ้ เพยี งแค่ตอ้ งดูแลและเอำใจใส่มำกกว่ำกำรใช้สำรเคมีรว่ มดว้ ย เพรำะตอ้ งเตรยี มดินในกำรปลูก คัดเมล็ดพันธุ์ และฆำ่ เชอ้ื กอ่ นปลกู ขนั้ ตอนค่อนข้ำงละเอียดอ่อน แตเ่ ชือ่ ได้วำ่ ส่งผลดีกับผูป้ ลูกอย่ำงแนน่ อน ท่สี ำคัญกำรปลูกพืชทุก ชนิดจะตอ้ งไมใ่ ห้มีน้ำขังเป็นเวลำนำน เพรำะวำ่ ถ้ำเกดิ นำ้ ท่วมขังเป็นเวลำนำนนัน้ จะทำให้เกิดโรคตำมมำอยำ่ งแนน่ อน
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 20 ใบงำนที่ 1 เรอื่ ง กำรวเิ ครำะห์หลกั ปรชั ญำเศรษฐกจิ พอเพยี ง ฐำนกำรเรยี นรทู้ ี่ 2 องคค์ วำมรตู้ ำมหลกั ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ดำ้ นกำรศกึ ษำ ฐำนกำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ ควำมรู้ที่ตอ้ งมีก่อน คุณธรรมท่ีจะทำใหก้ ำรเรียนรู้สำเร็จ - ........................................................... - ........................................................... - ........................................................... - ........................................................... - ........................................................... - ........................................................... - ........................................................... ........................................................... - ........................................................... พอประมำณ - มีเหตุผล มีภมู ิคุม้ กนั - ................................................ - ................................................ - ................................................ - ................................................ - ................................................ - ................................................ - ................................................ - ................................................ - ................................................ - ................................................ - ................................................ - ............................................... - ทำตำมข้นั ตอนไดอ้ ยำ่ งถูกตอ้ ง การใช้ชีวติ ทส่ี มดุลและพร้อมรับก-ารเปลย่ี นแปลงในด้านต่าง ๆ มดี งั นี้ วตั ถุ สงั คม สิ่งแวดลอ้ ม วฒั นธรรม - .............................. - .............................. - .............................. - .............................. ............................. ............................. ............................. ............................. - .............................. - .............................. - .............................. - .............................. ............................. ............................. ............................. ............................. - .............................. - .............................. - .............................. - .............................. ............................. ............................. ............................. ............................. - .............................. - .............................. - .............................. - .............................. ............................. ............................. ............................. .............................
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 21 ใบงำนที่ 2 เรอ่ื ง ควำมสำคญั ของกำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ ฐำนกำรเรยี นรทู้ ี่ 2 องคค์ วำมรตู้ ำมหลกั ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (เกษตรพอเพยี ง) ฐำนกำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ จงตอบคำถำม และอธบิ ำยใหไ้ ดใ้ จควำมดงั ตอ่ ไปน้ี 1. บอกควำมหมำยของผักปลอดสำรพษิ ………………………………………………………………………............................................................................. ........................................………………………………………………………………………………….……………………… ……………………………..................................................................................................................………… 2.บอกประโยชน์ของกำรปลกู ผักปลอดสำรพษิ ………………………………………………………………………….............……………………………………………………… ………………………….…………………………………………………………………….................................................... .................................................................................................................................................... ........... 3.ยกตวั อยำ่ งวัสดุอปุ กรณ์ตำ่ งๆ ท่ีสำมำรถนำมำใชใ้ นกำรปลูกผกั ปลอดสำรพษิ ได้ได้ พรอ้ มวำดภำพประกอบ ..................................................................................... .......................................................................................... ......................................................................................... ......................................................................................... ......................................................................................... ........................................................................................ ชอ่ื ................................................................ ระดบั ..........................
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 22 ใบงำนท่ี 3 เรอ่ื ง สำรทใ่ี ชใ้ นกำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ และประโยชนข์ องกำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ ฐำนกำรเรยี นรทู้ ี่ 2 องคค์ วำมรตู้ ำมหลกั ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ดำ้ นกำรศกึ ษำ ฐำนกำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ จงตอบคำถำมตอ่ ไปนี้ 1. บอกชอ่ื ของพนั ธ์ผุ กั ทีท่ นตอ่ โลกมีอะไร …………………………………………………………………………............................................................................. ........................................………………………………………………………………………………….……………………… ……………………………..................................................................................................................………… ………………............................................................................................................................. ................. ................................................................................................................................................................ 2. บอกขอ้ ดี และขอ้ เสียกำรลกู ผกั ปลอดสำรพิษดงั ตอ่ ไปนี้ กำรลูกผกั ปลอดสำรพิษ ข้อดี ข้อเสีย
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 23 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น-หลงั เรยี น ฐำนกำรเรยี นรทู้ ี่ 2 องคค์ วำมรตู้ ำมหลกั ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ดำ้ นกำรศกึ ษำ ฐำนกำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ ขอ้ 1. เหตุใดกำรปลกู พืชผักจึงทำรำยไดใ้ ห้แกผ่ ูป้ ลกู ผักได้ ข้อ 6. อนินทรยี ์ที่ใชใ้ นกำรปลกู ดนิ ที่ไดจ้ ำกธรรมชำติคือขอ้ เร็วกว่ำกำรปลูกพืชชนดิ อ่ืน ใด ก.ไก่รำคำจำหนำ่ ยสูงกว่ำพชื ชนิดอืน่ ๆ ก.ทรำย ข.ไขพ่ ชื ผกั สำมำรถปลูกร่วมกบั พชื ผกั อืน่ ๆได้ดี ข.วัชพชื ค.ควำยผักเป็นพืชอำยสุ ั้นสำมำรถปลูกไดห้ ลำยครั้งในหนง่ึ ค.ปุ๋ยคอก ฤดกู ำล ง.ปยุ๋ หมัก ง.คนปลกู พชื มนี ้อยแต่คนบรโิ ภคผักมมี ำกรำคำผกั จงึ แพง ขอ้ 2 ป้ำจนั ทรต์ ้องกำรทำกำรเกษตรท่หี ลกี เล่ียงกำรใช้ ขอ้ 7 กำรขุดแปลงปลกู ผักควรตำกดินเพ่อื ฆ่ำเช้ือโรคกีว่ นั สำรเคมีในกำรผลิตใช้ปยุ๋ อินทรยี ์เพื่อเพม่ิ ควำมอุดมสมบูรณ์ ก. 3-4 วนั ของดนิ และควบคุมจำกัดศตั รูพืชโดยวิธกี ำรทำงชวี ภำพ ข. 4-5 วนั ดงั นัน้ พระจนั ทรค์ วรเลอื กทำกำรเกษตรรูปแบบใด ค. 6-7 วัน ก.เกษตรอินทรีย์ ง. ตำมที่เรำต้องกำร ข.เกษตรเชิงเดยี่ ว ค.เกษตรธรรมชำติ ขอ้ 8 คณุ สมบัตทิ ดี่ ขี องวัสดปุ ลูกควรมลี ักษณะอย่ำงไร ง.เกษตรผสมผสำน ก.มีปรมิ ำณเกลอื แร่ตำ่ ข้อ 3 ปัญหำใดเปน็ ปญั หำทส่ี ำคญั ท่ีสดุ ของเกษตรกรไทยใน ข.สวยงำมเป็นที่นิยม ปจั จบุ นั ค.มีลักษณะทึบและแข็งแรง ก.ทนุ ข.ทดี่ ิน ง.ไม่อุม้ น้ำจนเกนิ ไปและมรี รู ะบำยพอสมควร ค.กำรใช้ปยุ๋ ง.กำรใช้สำรเคมี ข้อ 4 ข้อใดคอื ควำมสำคญั ของปยุ๋ อนิ ทรีย์ที่มีต่อพชื ขอ้ 9 ข้อใดเปน็ กำรกำจัดวชั พืชก่อนกำรขดุ แปลงปลูก ก.ช่วยให้ผลไมม้ รี สหวำน พชื ผัก ข.ช่วยใหด้ นิ เปน็ สดี ำ ร่วนซุย ก.เผำวชั พืช ค.ช่วยให้พืชเจริญเติบโตเร็วผลดก ข.ไถกลบวัชพืช ง.ช่วยเร่งกำรเจรญิ เติบโตของใบและรำก ค.กำจัดวัชพืชด้วยสำรเคมี ขอ้ 5 ข้อใดคือควำมหมำยของพืชผักปลอดสำรพิษท่ีถกู ตอ้ ง ง.ไม่มขี ้อถูก ก.พชื ทใี่ ช้รับประทำนได้ ข.พชื ที่มีสเี ขียวมคี ุณคำ่ ทำงอำหำร ข้อ 10 ข้อใดคือวิธกี ำรป้องกันกำจัดศัตรูพืชในแปลงปลกู ผัก ค.พืชอะไรก็ได้ท่ีรับประทำนแลว้ ไมม่ สี ำรพษิ ปลอดภัย ปลอดสำรพษิ ง.พชื ผกั ทปี่ ลูกภำยในบริเวณบ้ำนเพอื่ ใชผ้ กั บรโิ ภคภำยใน ก.กำรใชส้ ำรเคมี ครัวเรอื น ข.กำรใช้สมุนไพร ค.กำรตดั แต่งใบผกั ง.กำรใสป่ ุ๋ยวิทยำศำสตร์
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 24 เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น-หลงั เรยี น ฐำนกำรเรยี นรทู้ อี่ งคค์ วำมรู้ตำมหลกั ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (เกษตรพอเพยี ง) ฐำนกำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ ขอ้ 1. เหตุใดกำรปลูกพืชผกั จึงทำรำยไดใ้ หแ้ ก่ผู้ปลูกผักไดเ้ รว็ ขอ้ 6. อนนิ ทรยี ท์ ใี่ ช้ในกำรปลูกดินทไ่ี ด้จำกธรรมชำตคิ ือขอ้ ใด กว่ำกำรปลกู พชื ชนดิ อ่นื ก.ทรำย ก.ไก่รำคำจำหน่ำยสูงกว่ำพชื ชนิดอืน่ ๆ ข.วชั พชื ข.ไข่พชื ผักสำมำรถปลกู ร่วมกับพชื ผักอ่นื ๆได้ดี ค.ปุ๋ยคอก ค.ควำยผักเป็นพชื อำยสุ น้ั สำมำรถปลูกได้หลำยครั้งในหนึ่ง ง.ปุ๋ยหมัก ฤดกู ำล ง.คนปลกู พืชมนี ้อยแต่คนบริโภคผกั มีมำกรำคำผักจงึ แพง ข้อ 7 กำรขุดแปลงปลูกผกั ควรตำกดินเพือ่ ฆ่ำเชอ้ื โรคก่วี ัน ขอ้ 2 ปำ้ จันทร์ตอ้ งกำรทำกำรเกษตรที่หลกี เล่ียงกำรใช้ ก. 3-4 วัน สำรเคมีในกำรผลิตใช้ปยุ๋ อินทรีย์เพอ่ื เพิ่มควำมอดุ มสมบูรณ์ ข. 4-5 วนั ของดนิ และควบคุมจำกัดศัตรูพชื โดยวธิ ีกำรทำงชีวภำพดังนัน้ ค. 6-7 วัน พระจนั ทร์ควรเลือกทำกำรเกษตรรูปแบบใด ง. ตำมที่เรำตอ้ งกำร ก.เกษตรอนิ ทรีย์ ข.เกษตรเชิงเดี่ยว ข้อ 8 คณุ สมบตั ิทด่ี ีของวัสดปุ ลกู ควรมลี ักษณะอยำ่ งไร ค.เกษตรธรรมชำติ ก.มปี รมิ ำณเกลอื แรต่ ำ่ ง.เกษตรผสมผสำน ข.สวยงำมเปน็ ทน่ี ยิ ม ขอ้ 3 ปัญหำใดเป็นปัญหำทส่ี ำคัญที่สุดของเกษตรกรไทยใน ค.มีลกั ษณะทึบและแขง็ แรง ปัจจุบัน ง.ไมอ่ มุ้ น้ำจนเกนิ ไปและมีรูระบำยพอสมควร ก.ทนุ ข.ที่ดิน ค.กำรใช้ปยุ๋ ง.กำรใชส้ ำรเคมี ขอ้ 9 ข้อใดเปน็ กำรกำจดั วชั พืชก่อนกำรขุดแปลงปลกู พืชผกั ขอ้ 4 ขอ้ ใดคอื ควำมสำคัญของปุย๋ อนิ ทรียท์ ีม่ ตี ่อพชื ก.เผำวัชพชื ก.ช่วยให้ผลไมม้ รี สหวำน ข.ไถกลบวชั พืช ข.ชว่ ยใหด้ นิ เป็นสีดำ รว่ นซยุ ค.กำจดั วัชพืชดว้ ยสำรเคมี ค.ชว่ ยใหพ้ ืชเจริญเติบโตเร็วผลดก ง.ไม่มขี อ้ ถกู ง.ช่วยเร่งกำรเจรญิ เติบโตของใบและรำก ขอ้ 5 ข้อใดคือควำมหมำยของพชื ผกั ปลอดสำรพษิ ทถ่ี กู ตอ้ ง ขอ้ 10 ขอ้ ใดคอื วธิ ีกำรปอ้ งกันกำจัดศตั รูพืชในแปลงปลกู ผกั ก.พืชที่ใช้รับประทำนได้ ปลอดสำรพิษ ข.พชื ที่มสี เี ขยี วมคี ุณคำ่ ทำงอำหำร ก.กำรใชส้ ำรเคมี ค.พชื อะไรกไ็ ดท้ ีร่ ับประทำนแล้วไมม่ ีสำรพษิ ปลอดภัย ข.กำรใชส้ มนุ ไพร ง.พชื ผกั ท่ีปลกู ภำยในบริเวณบำ้ นเพื่อใช้ผกั บริโภคภำยใน ค.กำรตัดแต่งใบผัก ครัวเรือน ง.กำรใสป่ ุ๋ยวทิ ยำศำสตร์
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 25 ตวั อยำ่ งแนวทำงกำรตอบใบงำนท่ี 1 เรอื่ ง กำรวเิ ครำะหห์ ลกั ปรชั ญำเศรษฐกจิ พอเพยี ง ฐำนกำรเรยี นรทู้ ่ี 2 องคค์ วำมรตู้ ำมหลกั ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ดำ้ นกำรศกึ ษำ ผเู้ รยี นไดเ้ รยี นรมู้ หี ลกั ปศพพ. และปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ ควำมรู้ที่ตอ้ งมีก่อน คุณธรรมท่ีจะทำใหก้ ำรเรียนรู้สำเร็จ - มีควำมรู้เกี่ยวกบั กำรปลกู พืชผกั และพืชไร่ - มีควำมรับผดิ ชอบต่องำนท่ีไดร้ ับมอบหมำย - มีควำมรู้เก่ียวกบั กำรหำพนั ธุ์พืช/วธิ ีปลกู - มีควำมตรงต่อเวลำ ทำงำนทนั เวลำ - มีควำมรู้เก่ียวกบั กำรดูแลรักษำพืชผกั และพืชไร่ - มีควำมเป็นระเบียบเรียบร้อย เกบ็ อปุ กรณ์เม่ือไม่ใช้ - มีควำมอดทนไม่ยอ่ ทอ้ ตอ่ อปุ สรรคใ์ นกำรทำงำน วิธีกำรเกบ็ เกี่ยว - กำรประหยดั อดออม - ควำมเอ้ือเฟ้ื อเพื่อแผแ่ บ่งปัน/กำรเสียสระ พอประมำณ มีเหตผุ ล มีภมู ิคุม้ กนั - ใชแ้ หลง่ เรยี นรไู้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม - ผเู้ รียนไดล้ งมือปฏิบตั ิกิจกรรมจริง - นำควำมรู้ที่ไดเ้ ร่ืองกำรปลกู พืชผกั กบั กจิ กรรมและเวลาทก่ี าหนด ตำมข้นั ตอนดว้ ยควำมรอบคอบมี ไปใชป้ ระโยชนใ์ นครอบครัว - ใชว้ สั ดุอปุ กรณ์ไดอ้ ยำ่ เหมำะสม เหตผุ ล - วำงแผนงำนอยำ่ งเป็นระบบชดั เจน อยำ่ งคุม้ คำ่ และเกิดประโยชน์ - ผเู้ รียนมีแนวทำงในกำรสร้ำง - สำมำรถใชอ้ ุปกรณ์ตำ่ งๆไดอ้ ยำ่ ง สูงสุด รำยไดเ้ สริม ระมดั ระวงั เพ่อื ไม่ใหเ้ กิดอนั ตรำย - รู้จกั นำพืชท่ีหำไดง้ ่ำยปลกู ไว้ แก่ตนเองได้ - ใชเ้ วลำวำ่ งใหเ้ กิดประโยชน์ บริโภคไม่ตอ้ งไปซ้ือหำ - ลดรำยจ่ำยในครอบครัว - มีแนวทำงในกำรประกอบอำชีพ - ไดพ้ ืชผกั ปลอดสำรพษิ ไว้ รับประทำน การใช้ชีวติ ทส่ี มดลุ และพร้อมรับการเปลยี่ นแปลงในด้านต่าง ๆ มดี งั นี้ วตั ถุ สังคม ส่ิงแวดลอ้ ม วฒั นธรรม - รู้วิธีกำรใชว้ สั ดุอุปกรณ์ - รู้จกั ทำงำนร่วมกนั - รจู้ ักกำรใช้ทรพั ยำกร - รู้จกั วฒั นธรรม ภมู ิ อยำ่ งประหยดั คุม้ คำ่ ดว้ ย ยอมรับฟังควำม อย่ำงประหยัด เกิด ปัญญำทอ้ งถิ่น ควำมระมดั ระวงั และ คิดเห็นของผอู้ ่ืน ประโยชนแ์ ละคมุ้ ปลอดภยั คำ่ สูงสดุ - ภมู ิใจในภมู ิปัญญำ - ถำ่ ยทอดควำมรู้สู่ - มีทกั ษะในกำรใชว้ สั ดุ - รจู้ กั อนุรักษ์ ไทย ครอบครัว ชุมชน อุปกรณ์ในกำร ส่ิงแวดล้อม เพำะปลกู อยำ่ งถกู ตอ้ ง ลดรำยจ่ำยเพม่ิ รำยได้
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 26 ใบงำนที่ 2 เรอื่ ง ควำมสำคญั ของกำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ ฐำนกำรเรยี นรทู้ ่ี 2 องคค์ วำมรตู้ ำมหลกั ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ดำ้ นกำรศกึ ษำ ฐำนกำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ จงตอบคำถำม และอธิบำยใหไ้ ดใ้ จควำมดงั ตอ่ ไปน้ี 1. บอกควำมหมำยของผกั ปลอดสำรพษิ ผักปลอดสำรพษิ หมำยถงึ ผกั ทม่ี รี ะบบกำรผลติ ทใ่ี ช้สำรเคมีในกำรป้องกันและปรำบศัตรูพชื รวมทัง้ ป๋ยุ เคมเี พื่อกำรเจรญิ เติบโตของพืช แตใ่ ห้เวน้ ชว่ งกำรใชส้ ำรเคมกี ่อนกำรเก็บเกยี่ ว ซ่ึงผลผลติ ทไ่ี ด้ยัง มสี ำรเคมีตกคำ้ ง แต่ไมเ่ กินในปริมำณท่ีกำหนดเพื่อควำมปลอดภัยของผบู้ รโิ ภค 2. บอกประโยชน์ของกำรปลูกผักปลอดสำรพิษ ชว่ ยให้เกษตรกรทที่ ำกำรปลกู พชื ผกั ปลอดสำรพษิ นน้ั มีคุณภำพและสขุ ภำพชวี ิตทด่ี ีข้นึ เพรำะว่ำ ไมไ่ ด้ใชส้ ำรเคมีในกำรกำจัด ทำให้ไม่ไดร้ ับสำรอนั ตรำยเข้ำสูร่ ำ่ งกำย จงึ ทำให้คุณภำพชวี ิตและสขุ ภำพดี ข้ึนกว่ำเดมิ ช่วยลดตน้ ทนุ ในกำรดูแลและกำรใช้สำรเคมมี ำทำลำยพืช เนื่องจำกกำรปลกู พชื ปลอดสำรพษิ นั้นไม่มคี วำมจำเป็นตอ้ งใชส้ ำรเคมีแตอ่ ย่ำงใด ทำใหก้ ำรดูแลนน้ั เป็นเรอื่ งทีง่ ่ำย เพยี งแค่ใชน้ ำ้ ชวี ภำพและ ปยุ๋ หมัก ปยุ๋ คอก ในกำรดแู ล และกำรเตรียมดินที่ดีก็ชว่ ยให้พืชมีภมู ติ ำ้ นทำนโรคได้อย่ำงมำกมำยทำให้ พืชผกั ทีไ่ ดม้ คี ุณภำพมำกข้นึ เพรำะไม่ไดใ้ ชส้ ำรเคมีในกำรชว่ ยเร่งกำรเจรญิ เติบโต ทำให้ไดผ้ กั ทสี่ ด สะอำด ปลอดภัย และมคี ณุ ภำพ มำกยงิ่ ข้นึ ทำให้ขำยได้ในรำคำทด่ี ี และไดก้ ำไร สำมำรถปลูกทำนเองได้ เพรำะ เป็นพืชท่ีนิยมปลูกกนั ทั่วไป ทำใหห้ ลำยๆ ครอบครัวมกี ำรหนั มำปลูกพืชเพอ่ื ไวใ้ ชภ้ ำยในครอบครวั กนั มำก ขึ้น ทำให้คุณภำพชวี ติ และจิตใจดีขึน้ อย่ำงเหน็ ไดช้ ดั
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 27 3. ยกตวั อยำ่ งวสั ดอุ ุปกรณต์ ่ำงๆ ท่สี ำมำรถนำมำใชใ้ นกำรปลูกผักปลอดสำรพิษได้ได้ พร้อมวำด ภำพประกอบ หเอปจเเบสลปออลรล็กี็ยนิบกเกูมุมวแจแตขณแผำห(น้นลกแนS่ ลไะำตpคแดมมมaจนบ้บเd้ีนอลไทคนeบ้ำก็มsี่มไบห)ขแท้มำนลดุมเี่ป่เงปหะกัีน็ลลนลมเ้ำกูบกัอึกหำหษำะใปุ นนสชกณกำ้จกัำขบ้ั รจะมึงมดุกณอตไำำแำบวมรั์ขกรตถจ่เกกดุใร่งอใินชีวดยหชบำ่จแิบ้นลข้จเอรปเทมุดุอสงบ็น่ีใเพบผมพชแใรูถ้ออื่สแ้ผชวำกปลำน่กนง้ นัหะรำแดนัใจบรบินชอับพนนใช้บสข้ืนน้ำ่วถ่ดุวหหดพยำนดนินดนก้นื ินมึงำใ้กัทจำหลหเมก่ีเบอกัลญพ้ ีรจบำษก็ูรำปะ้กโณห้อนหทวคมระิำ่ยรรง้ือจสตืมองเวอววขำัใใำ้ชหบัจชชนพมอขรข้ใ้ำนับบุมดืชดดุุ พล่วั เปน็ เครือ่ งมือใชใ้ นกำร ตกั ดิน หรือ ตกั ทรำยท่ีควำม ละเอียดมำก หรือ เป็นกอ้ นท่ไี มใ่ หญน่ กั พลั่วมนี ำ้ หนักพอๆกบั เสยี ม แตม่ ีใบทก่ี ว้ำงและบำงกว่ำเสียมและจอบเลก็ นอ้ ย คมของพลัว่ ไม่ได้มี ไว้ใช้ในกำรขุดหรือเจำะ แต่มีไวใ้ นกำรตกั หรอื โกย เศษทรำย เศษดิน หรอื เศษวชั พืช ทไี่ ด้ทำกำรกวำดรวมๆกันไวเ้ ปน็ กองๆเรียบร้อยแล้ว เพื่อตกั ไปใส่ ถงุ ปยุ๋ หรือ ปุ้งก๋ี หรอื ถงั ขยะ เพอ่ื เพ่ิมควำมมรวดเรว็ ใน กำรจดั เกบ็ และทำควำมสะอำด
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 28 เฉลยใบงำนที่ 3 เรอ่ื ง สำรทใ่ี ชใ้ นกำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ และประโยชนข์ องกำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ ฐำนกำรเรยี นรทู้ ่ี 2 องคค์ วำมรตู้ ำมหลกั ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (เกษตรพอเพยี ง) ฐำนกำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ จงตอบคำถำมตอ่ ไปน้ี 1. บอกชือ่ ของพนั ธผ์ุ ักที่ทนตอ่ โรคมอี ะไร 1. ประเภทกนิ ใบ เชน่ คะน้ำ ผักชี กะหลำ่ ปลี ผักกวำงตุ้ง เปน็ ต้น 2. ประเภทกนิ ดอก เช่น กะหล่ำดอก และดอกผักชนิดต่ำงๆ 3. ประเภทกินผลหรอื ฝัก เชน่ พรกิ มะเขอื ฟกั แตงกวำ ถ่วั ฝักยำว เปน็ ตน้ 4. ประเภทกินหวั หรอื รำก เชน่ ขิง ข่ำ ตะไคร้ กระเทยี ม เปน็ ต้น 1. บอกขอ้ ดี และข้อเสยี กำรลูกผกั ปลอดสำรพิษดงั ตอ่ ไปน้ี กำรลกู ผกั ปลอดสำรพษิ ข้อดี ข้อเสยี ขอ้ ดี ของกำรปลกู พชื ผกั ปลอดสำรพิษนน้ั แน่นอนอยู่แล้ววำ่ จะตอ้ งได้ผกั ขอ้ เสยี จะบอกว่ำแทบจะไม่ ทสี่ ด สะอำด และปลอดภัย ทัง้ ตัวเกษตรกรเอง และผบู้ รโิ ภค ซ่ึงก็มดี งั น้ี มีผลกระทบของข้อเสียเลยก็วำ่ ได้ ชว่ ยใหเ้ กษตรกรท่ที ำกำรปลกู พชื ผกั ปลอดสำรพษิ นน้ั มีคณุ ภำพและ อำจจะมีบำ้ งแต่นอ้ ย อำจจะเสียเวลำ สุขภำพชวี ติ ทด่ี ขี ึ้น เพรำะวำ่ ไมไ่ ด้ใชส้ ำรเคมใี นกำรกำจดั ทำให้ไมไ่ ดร้ บั สำร ในกำรดูแล หรือไม่ก็อำจจะใช้เวลำใน อนั ตรำยเข้ำสูร่ ำ่ งกำย จงึ ทำใหค้ ณุ ภำพชีวติ และสขุ ภำพดขี ้ึนกว่ำเดมิ กำรดูแลที่ละเอียดออ่ นมำกเกนิ ไป ซ่ึง ช่วยลดตน้ ทนุ ในกำรดูแลและกำรใชส้ ำรเคมีมำทำลำยพืช เนือ่ งจำกกำรปลกู พชื ยคุ ปจั จบุ นั ก็มีกำรหนั มำใช้วธิ ีกำรปลูก ปลอดสำรพิษนนั้ ไมม่ ีควำม พชื ปลอดสำรพิษกนั มำกอยแู่ ลว้ ทำให้ จำเปน็ ตอ้ งใชส้ ำรเคมีแตอ่ ยำ่ งใด ทำให้กำรดูแลนั้นเป็นเร่ืองที่ง่ำย เพยี งแคใ่ ช้นำ้ กำรพดู ถงึ ขอ้ เสียน้ันอำจจะเปน็ เรอื่ ง ชวี ภำพและปุ๋ยหมกั ปุ๋ยคอก ในกำรดูแล และกำรเตรียมดินท่ดี กี ช็ ่วยใหพ้ ืชมีภูมิ เวลำเสยี มำกกวำ่ แต่เสียเวลำแตแ่ ลก ต้ำนทำนโรคได้อยำ่ งมำกมำยทำใหพ้ ืชผกั ทไ่ี ด้มีคุณภำพมำกขนึ้ เพรำะไมไ่ ด้ใช้ มำกบั คุณภำพและสุขภำพท่ีดขี นึ้ ก็ถือ สำรเคมใี นกำรชว่ ยเร่งกำรเจริญเตบิ โต ทำใหไ้ ดผ้ กั ทีส่ ด สะอำด ปลอดภยั และมี ว่ำเป็นเร่อื งท่ีดี คณุ ภำพ มำกยิ่งขนึ้ ทำให้ขำยไดใ้ นรำคำทีด่ ี และได้กำไร สำมำรถปลกู ทำนเองได้ เพรำะเป็นพชื ทน่ี ิยมปลกู กนั ทว่ั ไป ทำใหห้ ลำยๆ ครอบครวั มีกำรหันมำปลูกพืชเพอ่ื ไวใ้ ช้ภำยในครอบครวั กันมำกข้ึน ทำให้คณุ ภำพชวี ติ และจิตใจดขี ึน้ อย่ำงเห็นได้ชัด
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 29 แบบสอบถำมควำมพงึ พอใจ ฐำนกำรเรยี นรทู้ ี่...........ชอ่ื ฐำน .................................................................. กจิ กรรม ............................................................................. ****************************** คำชแี้ จง แบบสอบถำมควำมพงึ พอใจ มจี ำนวน 3 ตอน ให้ผู้ตอบแบบสอบถำมควำมพงึ พอใจทำเครือ่ งหมำย ลงในช่อง ท่ีตรงกบั ควำมคดิ เหน็ ของทำ่ นมำกท่ีสุดเพยี งขอ้ เดียว ตอนที่ 1 ขอ้ มูลทวั่ ไป เพศ ชำย หญงิ เพศทำงเลือก (LGBTQ+) ระดบั กำรศกึ ษำ ตำ่ กวำ่ ป.6 ป.6/ประถมศึกษำ ม.3 หรือ ม.ต้น ม.6 หรือเทยี บเท่ำ ปวส./อนุปรญิ ญำ ปริญญำตรขี ้นึ ไป อำยุ ตำ่ กวำ่ 15 ปี 15 - 20 ปี 21 - 30 ปี 31 - 40 ปี 41 - 50 ปี 51 - 60 ปี 61 ปขี นึ้ ไป อำชพี นักเรียน/นกั ศึกษำ รับจำ้ ง เกษตรกร คำ้ ขำย อื่น ๆ (ระบุ)............................................................................................. ตอนที่ 2 ควำมพึงพอใจที่มตี ่อฐำนกำรเรียนรู้ โดยระดบั ควำมพงึ พอใจ แบ่งออกเป็น 5 ระดบั ดงั น้ี 5 หมำยถงึ มำกที่สดุ 4 หมำยถึง มำก 3 หมำยถึง ปำนกลำง 2 หมำยถึง น้อย 1 หมำยถึง น้อยทสี่ ดุ รำยละเอียด ระดับควำมพงึ พอใจ 5 4 321 1. ผเู้ รยี น/ผู้เขำ้ รว่ มกจิ กรรมไดร้ บั ควำมรู้และมคี วำมเขำ้ ใจจำกกำรเรยี นรู้ ในฐำนกำรเรยี นรู้ 2. ผเู้ รยี น/ผเู้ ขำ้ รว่ มกจิ กรรมมที กั ษะจำกกำรเรยี นรใู้ นฐำนกำรเรยี นรู้ 3. วสั ด/ุ อปุ กรณใ์ นกำรสำธติ หรอื ใหผ้ ูเ้ รยี น/ผเู้ ขำ้ รว่ มกจิ กรรมไดฝ้ กึ ปฏิบตั ิเพยี งพอ 4. สอ่ื ทใี่ ชใ้ นกำรจดั กจิ กรรมกระบวนกำรเรยี นรมู้ คี วำมเหมำะสม หลำกหลำย เพยี งพอ และนำ่ สนใจ 5. ผสู้ อน/วทิ ยำกร สง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรยี น/ผเู้ ขำ้ รว่ มกจิ กรรมทำงำนรว่ มกนั เปน็ ทมี
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 30 รำยละเอียด ระดับควำมพงึ พอใจ 5 4 321 6. ผสู้ อน/วทิ ยำกร สง่ เสรมิ ใหผ้ ูเ้ รยี น/ผเู้ ขำ้ รว่ มกจิ กรรมมคี วำมคดิ รเิ รม่ิ สรำ้ งสรรค์ และคดิ เปน็ 7. ผสู้ อน/วทิ ยำกร รบั ฟงั ควำมคดิ เหน็ ท่แี ตกตำ่ งของผเู้ รยี น/ผู้เขำ้ รว่ มกจิ กรรม 8. ผสู้ อน/วทิ ยำกร ใหค้ วำมสนใจผเู้ รยี น/ผ้เู ขำ้ รว่ มกจิ กรรม อยำ่ งทว่ั ถงึ เทำ่ เทยี ม ไมเ่ ลอื กปฏบิ ตั ิ 9. ผสู้ อน/วทิ ยำกร เปดิ โอกำสใหผ้ เู้ รยี น/ผเู้ ขำ้ รว่ มกจิ กรรมซกั ถำมปญั หำหรอื ขอ้ สงสัย 10. กำรจดั กระบวนกำรเรยี นรใู้ นฐำนกำรเรยี นรมู้ คี วำมสนกุ สนำนและนำ่ สนใจ ตอนที่ 3 ขอ้ คิดเหน็ /ข้อเสนอแนะ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ขอขอบคุณในควำมรว่ มมอื
คมู่ อื ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 2 ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 31 คณะทำงำน ทปี่ รกึ ษำ 1. นำยวินัย แสงใส ผอ.กศน.อำเภอเมืองหนองบวั ลำภู รกั ษำกำรใน ตำแหนง่ ผอ.กศน.อำเภอสวุ รรณคหู ำ 2. นำงสำวพชิ ชำพมิ พ์ เพ็ชรเวยี ง ครูผชู้ ว่ ย 3. นำงสำวอำรยำ วชิ ำสวัสดิ์ ครูผู้ชว่ ย 4. นำยวชรพล เพียเทพ ครอู ำสำสมัครกำรศกึ ษำนอกโรงเรียน 5. นำยอภิชำติ สทุ ธโิ สม ครูอำสำสมัครกำรศึกษำนอกโรงเรียน 6. นำงสุวรรณำ สุทธิโสม ครอู ำสำสมัครกำรศกึ ษำนอกโรงเรยี น คณะทำงำน/ผใู้ ห้ขอ้ มลู 1. นำงยุพรัตน์ ทุมวนั ครู กศน.ตำบลสุวรรณคหู ำ 2. นำงสำวหทัยรตั น์ พมิ พ์จอ่ ง ครู กศน.ตำบลสวุ รรณคหู ำ เรยี บเรยี ง/พมิ พ/์ รปู เลม่ / 1. นำงยุพรัตน์ ทมุ วนั ครู กศน.ตำบลสุวรรณคหู ำ
Search
Read the Text Version
- 1 - 33
Pages: