Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานวิจัยในชั้นเรียน เรื่องการพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการจับใจความสำคัญ

รายงานวิจัยในชั้นเรียน เรื่องการพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการจับใจความสำคัญ

Published by toonttcn, 2021-05-16 02:34:26

Description: รายงานวิจัยในชั้นเรียน เรื่องการพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการจับใจความสำคัญ

Search

Read the Text Version

รายงานวิจัยในชน้ั เรียน เรือ่ ง การพัฒนาทกั ษะการอา่ นภาษาอังกฤษเพอ่ื การจับใจความสำคญั โดยการใช้ทฤษฎีแบบรว่ มมอื (Learning Together) ของนกั เรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2 กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ ปีการศกึ ษา 2563 นายทวนทน โตะ๊ งาม ตำแหน่ง ครผู ู้ช่วย โรงเรยี นบา้ นชุมนมุ ปรกฟา้ (ประสงคร์ าษฎรส์ งเคราะห์) อำเภอเกาะจันทร์ จงั หวดั ชลบรุ ี สังกดั สำนกั งานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาชลบรุ ี เขต 2

บนั ทึกข้อความ สว่ นราชการ โรงเรียนบา้ นชุมนุมปรกฟ้า (ประสงค์ราษฎร์สงเคราะห์) ท่ี ศธ ๐๔๐๓๕.๐๒๒/............................. วนั ที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๔ เรอ่ื ง รายงานการสง่ วิจยั ในชั้นเรยี น ปีการศึกษา ๒๕๖๓ เรียน ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นบา้ นชุมนุมปรกฟา้ (ประสงคร์ าษฎรส์ งเคราะห์) ด้วยขา้ พเจ้า นายทวนทน โต๊ะงาม ตำแหน่ง ครูผ้ชู ่วย ไดจ้ ัดทำรายงานวจิ ัยในช้ันเรยี น เรื่องการพัฒนาทักษะการอ่านภาษาองั กฤษเพ่ือการจับใจความสำคัญ โดยการใช้ทฤษฎแี บบร่วมมอื (Learning Together) ซง่ึ เปน็ การแก้ไขปัญหาและหรอื พัฒนาผเู้ รยี นในรายวิชาภาษาองั กฤษ รหัสวชิ า อ๒๒๑๐๒ ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๒ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๓ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ ตามเอกสารแนบ จึงเรยี นมาเพอ่ื โปรดทราบ ลงชอ่ื .......................................................... (นายทวนทน โตะ๊ งาม) ตำแหนง่ ครูผู้ชว่ ย ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของรองผ้อู ำนวยการโรงเรยี น ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................................................... ..................... ลงชอ่ื .......................................................... (นายจรัญ บุพชาติ) รองผู้อำนวยการโรงเรยี นบ้านชมุ นุมปรกฟ้า (ประสงคร์ าษฎรส์ งเคราะห์) ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้อำนวยการโรงเรียน ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................ .................. ลงชือ่ .......................................................... (นางสาวอรนุช กุลสวุ รรณ) ผ้อู ำนวยการโรงเรียนบ้านชมุ นุมปรกฟ้า (ประสงค์ราษฎรส์ งเคราะห)์

การพฒั นาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพอ่ื การจับใจความสำคญั โดยการใช้ทฤษฎีแบบรว่ มมือ (Learning Together) ความเปน็ มาและความสำคัญของปญั หา จากการสำรวจการจัดการศึกษา พบว่านักเรียนส่วนมากมีความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษที่ตำ่ จึงได้รณรงค์ ส่งเสริมให้ครูผู้สอนและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านให้กับนักเรียนทั้งในและ นอกห้องเรียน เพื่อให้นักเรียน “รักการอ่าน” และมีทักษะในการอ่านเพื่อแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ดังน้ัน ครูผู้สอนเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้นักเรียนมีความสามารถในการอ่าน โดยคัดเลือกบทอ่านท่ี ทันสมัย ตรงกับความสนใจของนักเรียนรวมทั้งจดั กิจกรรมการเรียนการสอนอ่านทจ่ี ะช่วยให้นักเรียนได้พัฒนา และเห็นคุณค่าในการอ่านต่อการดำรงชีวิตในสังคมซึ่งสอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศตาม หลกั สูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐานท่ีจัดการศึกษามุ่งเน้นกระบวนการเรียนรู้ และส่งเสริมใหน้ ักเรียนมีความสามารถ โดยเนน้ นักเรียนเป็นสำคัญ การเรียนการสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ นักเรียนต้องพัฒนาทักษะทั้ง 4 ด้าน คือ ฟัง พูด อ่าน และเขียน การอ่านเป็นทักษะหนึ่งที่มีความสำคัญต่อนักเรียน เพราะนักเรียนได้ใช้ความสามารถ ในการอา่ นเพือ่ แสวงหาความรู้ เชน่ การอา่ นตำราเรียน หนงั สือพิมพ์ วารสาร ประกาศ โฆษณา และคำแนะนำ ในการใช้ผลิตภัณฑต์ า่ งๆ ล้วนตอ้ งอาศัยความเข้าใจในการอ่านท้ังสิน้ แต่จากการศึกษาพบว่านกั เรียนมีปัญหา ในดา้ นการอา่ น คือ ไม่สามารถหารายละเอียดและสรุปใจความสำคญั ของเร่ืองที่อ่านได้ เป็นสาเหตุให้นักเรียน เกิดความเบ่อื หน่าย และขาดความกระตือรือร้นในการอา่ นภาษาอังกฤษ ซ่งึ สอดคลอ้ งกบั สภาพปัญหาท่ีเกิดข้ึน ในชน้ั เรยี นของผวู้ จิ ยั ท่ีสอนวชิ าเสริมทักษะภาษาอังกฤษในระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 โรงเรียนบ้านชุมนุมปรก ฟ้า (ประสงค์ราษฎรส์ งเคราะห)์ อำเภอเกาะจันทร์ จังหวดั ชลบุรี คือนักเรยี นสว่ นใหญไ่ ม่เข้าใจในเรอ่ื งทอ่ี ่าน ไม่ สามารถหารายละเอียดและสรุปใจความสำคัญของเร่ืองที่อ่านได้ ขาดความกระตือรือร้น ไม่สนใจในบทอ่านท่ี ได้รบั มอบหมายทำให้ผลสมั ฤทธท์ิ างการอ่านของนักเรยี นส่วนใหญ่ต่ำกวา่ เกณฑ์การประเมนิ วัตถุประสงค์ เพอ่ื เปรียบเทยี บผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนร้ดู า้ นการอา่ นจบั ใจความสำคญั โดยการใช้ทฤษฎีการเรยี น แบบรว่ มมือระหวา่ งหลังและกอ่ นการเรยี นการสอนกับเด็กนักเรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 โรงเรียนบา้ นชมุ นมุ ปรกฟา้ (ประสงคร์ าษฎร์สงเคราะห)์ อำเภอเกาะจนั ทร์ จงั หวัดชลบุรี ประโยชน์ทีค่ าดว่าจะได้รับ 1. ผเู้ รียนมพี ัฒนาการดา้ นทกั ษะการอา่ นเพื่อจับใจความสำคญั เพิ่มข้นึ เม่ือใชก้ ิจกรรมการเรียนแบบ รว่ มมือ

2. เป็นแนวทางสำหรับครูสอนภาษาอังกฤษ ในการพฒั นาการอ่านภาษาองั กฤษเพื่อจับใจความสำคญั ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากยิ่งข้ึน วิธดี ำเนนิ การวิจัย 1. การกำหนดประชากรกลุ่มตัวอยา่ ง 1.1 ประชากรทีใ่ ช้ในการวจิ ยั ครั้งนี้ คอื นักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 โรงเรียนบา้ นชมุ นุม ปรกฟ้า (ประสงคร์ าษฎร์สงเคราะห์) อำเภอเกาะจันทร์ จงั หวัดชลบรุ ี 1.2 กลุ่มตัวอยา่ งท่ใี ชใ้ นการศึกษาคร้ังนี้ คอื นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2 โรงเรยี นบ้าน ชมุ นุมปรกฟ้า (ประสงค์ราษฎรส์ งเคราะห์) อำเภอเกาะจันทร์ จงั หวดั ชลบรุ ี จำนวน 33 คน 2. ตวั แปรท่ีมงุ่ ศกึ ษา 2.1 ตัวแปรต้นคือ วธิ กี ารสอนโดยใช้ทฤษฎีการเรียนแบบร่วมมอื 2.2 ตวั แปรตาม คือ ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนรดู้ ้านการอ่านจบั ใจความสำคัญ โดยการใช้ ทฤษฎีการเรียนแบบรว่ มมือระหวา่ งหลังและก่อนการเรียนการสอน 3. เครอ่ื งมือทใ่ี ชใ้ นการเกบ็ ขอ้ มลู ในการทำวิจยั 3.1 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1 เรอื่ ง Presents Birthday โดยใชก้ ับหนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 เรอ่ื ง Presents Birthday ประกอบไปด้วยคำศัพท์จำนวน 7 คำ ใช้เวลา 1 ชวั่ โมง 3.2 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 เร่อื ง Ice Cream โดยใช้กบั หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เร่ือง Ice Cream ประกอบไปด้วยคำศัพท์จำนวน 16 คำ ใช้เวลา 1 ชวั่ โมง 3.3 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 3 เร่ือง My self โดยใชก้ ับหน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรือ่ ง My self ประกอบไปดว้ ยคำศัพท์จำนวน 7 คำ ใชเ้ วลา 1 ชั่วโมง 3.4 แบบทดสอบวดั ความสามารถในดา้ นความรคู้ ำศัพท์ เป็นแบบทดสอบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 5 ตัวเลือก จำนวน 20 ขอ้ ผลการวิจยั พบว่า นักเรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี นไดค้ ะแนนเฉล่ยี เท่ากบั 11.64 สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน เทา่ กบั 4.82 เม่ือทดสอบภายหลงั เรียนโดยใชแ้ บบฝกึ ทักษะการอา่ นภาษาอังกฤษโดยใชก้ ารเรียนรู้แบบร่วมมอื ไดค้ ะแนนเฉล่ยี เทา่ กบั 14.95 ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานเท่ากับ 3.86 และพบวา่ ผลตา่ งจากคะแนนทไี่ ด้จากการ สอบทง้ั สองครงั้ มคี ่าเฉลยี่ เทา่ กับ 3.31 ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐานเทา่ กบั 5.97 ผลการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ทฤษฎีการเรยี นรู้แบบร่วมมือในการพัฒนาทักษะการอ่านภาษา องั กฤษเพ่อื การจับใจความสำคญั สำหรับนักเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 โรงเรยี นบา้ นชมุ นมุ ปรกฟ้า (ประสงค์ ราษฎรส์ งเคราะห์) อำเภอเกาะจันทร์ จงั หวดั ชลบุรี พบวา่ นกั เรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 ได้คะแนนจากการทำ

แบบทดสอบการอ่านภาษาองั กฤษเพื่อการจับใจความสำคัญ จำนวน 20 ข้อโดยคะแนนเฉลีย่ กอ่ นเรียนเท่ากับ 11.64 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรยี นเท่ากับ 14.95 ขอ้ เสนอแนะ ผเู้ รียนควรยกตวั อย่างการต้ังเป้าหมายในการเรียนและทำความเขา้ ใจกับนกั เรียนว่า นกั เรยี น ควรกำหนดเป้าหมายสงู กวา่ ระดบั ความสามารถของตนเองเพื่อเป็นการสรา้ งแรงจูงใจให้นักเรยี นพยายามไปให้ ถึงเป้าหมาย หากมีนกั เรยี นบางคนไมส่ ามารถทำกิจกรรมตามเพ่ือนได้ทนั ครูต้องให้ความช่วยเหลือ แนะนำ เป็นรายบุคล ควรมกี ารศกึ ษาทกั ษะการอา่ นภาษาองั กฤษเพื่อการจบั ใจความสำคัญ โดยใช้ทฤษฎีการสอนแบบ ร่วมมือในรายวิชาอน่ื เชน่ ภาษาไทย สังคมศึกษา คณิตศาสตร์ เป็นตน้ และนำเทคนิคทฤษฎีการสอนอื่น ๆ เข้ามาประกอบกับทฤษฎีการสอนแบบรว่ มมือ สำหรับผู้ที่มีปญั หาทกั ษะการอ่านภาษาอังกฤษ

ภาคผนวก

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1 เวลา 1 ช่ัวโมง ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 เร่อื ง Presents Birthday สาระสำคัญ การถาม-ตอบเกยี่ วกับวนั เกิดเปน็ การใช้ภาษาเพือ่ การสอื่ สาร ผูเ้ รยี นต้องเขา้ ใจคำศัพทแ์ ละการถาม- ตอบเก่ียวกับ วนั และเดอื น จึงจะทำให้การใช้ภาษาเป็นไปอยา่ งถูกต้อง จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ จุดประสงค์ปลายทาง - สามารถถาม-ตอบ เกย่ี วกบั วัน-เดือนได้ (มาตรฐาน ต 1.2.1, ต 1.3.1) จุดประสงค์นำทาง - ออกเสียงและบอกความหมาย วัน – เดอื น ได้ - เลือกใชโ้ ครงสร้างตามสถานการณ์ที่กำหนดได้ เนอื้ หาสาระ กิจกรรม New Language, Comprehension และ Practice ในหนังสือเรียน หน้า 38-39 หน้าท่ภี าษา - Talking about birthdays - Talking about one’s immediate family โครงสรา้ งประโยค/ไวยากรณ์ - Verb have : Information Question - Question word : When, How many ข้อมูลด้านภาษาและวัฒนธรรม - การเลี้ยงฉลองวันเกิดในยคุ แรก ๆ จัดขึน้ สำหรับบคุ คลสำคัญเทา่ น้ัน เชน่ พระเจา้ แผน่ ดิน เนือ่ งจากมคี วามเชื่อว่าในวันเกดิ จะมีส่ิงชัว่ รา้ ยมาทำอนั ตรายเจ้าของวนั เกดิ ดังน้นั จึงมีการเชิญญาติพ่นี ้อง และ เพอ่ื นฝูงมาอวยพรให้เจ้าของวันเกดิ เพ่ือให้ประสบแตค่ วามโชคดตี ลอดไป - การนำของขวญั มาใหเ้ จา้ ของวนั เกดิ ถือเปน็ การให้กำลงั ใจและขจดั สงิ่ ช่ัวรา้ ย (evil spirits) ใหพ้ ้นไป ต่อมามีการจดั ฉลองวนั เกิดใหเ้ ดก็ ๆ ซง่ึ เช่ือกันว่าจะทำใหเ้ ด็กเหลา่ นน้ั โชคดี งานวันเกิดสำหรับเดก็ จดั คร้ังแรกที่ประเทศเยอรมนั เมอื ง Kinderfeste - งานฉลองวนั เกดิ ทีใ่ หญ่ท่ีสดุ จัดข้นึ เมือ่ ค.ศ. 1970 เป็นงานวนั เกดิ ปที ี่ 89 ของพนั เอก Sanders (Colonel Harlan Sanders) ซึ่งมีผมู้ ารว่ มงานถึง 35,000 คน - บตั รอวยพรวันเกิด (birthday card) เรม่ิ ท่ีประเทศอังกฤษเมอ่ื ประมาณ 100 ปมี าแล้ว โดย มีวตั ถุประสงคเ์ พื่อเป็นการขอโทษทม่ี ารว่ มงานวนั เกิดไมไ่ ด้

- เพลง Happy Birthday แต่งโดยสองพนี่ ้องช่อื Patty และ Mildred Hill ซงึ่ เป็นครูท่ี โรงเรยี นแห่งหนง่ึ ในเมือง Louisville, Kentucky ประมาณรอ้ ยกวา่ ปีมาแล้ว (ปี 1893) โดยแตแ่ รกเร่ิมช่อื เพลง Good Morning to All แลว้ นาย Robert H. Coleman เปน็ ผูเ้ ปลี่ยนเน้อื รอ้ งดังกล่าวเปน็ Happy Birthday To You โดยบรษิ ทั Warner Communications ไดซ้ อื้ ลขิ สิทธ์เิ พลงนี้ไป สมรรถนะทีส่ ำคัญ 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการสื่อสาร 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน สาระการเรียนร/ู้ เนอื้ หา - present (n.): something you give someone on a special occasion or to thank them for something (ของขวญั ) - week (n.): a period of seven days beginning with Sunday and ending with Saturday (สปั ดาห์) - wish (n.): a desire to do something, to have something, or to have something happen (ความปรารถนา, ความอยาก) - best (adj.): better than all others (ดที ่ีสุด) - Happy Birthday: used to wish someone happiness or a birthday occasion (สขุ สันตว์ นั เกิด) - Make a wish: to say that you hope someone will have good luck, a happy life, etc. (อธษิ ฐาน) กจิ กรรมการเรียนรู้ ขัน้ นำเข้าสู่บทเรียน (Warm up) - ครูนำเข้าสู่บทเรยี นโดยให้นักเรยี นดูช่อื Unit “Happy Birthday!” และดรู ูปภาพจาก กิจกรรม New Language ในหนังสือเรยี น หน้า 38 ถามนักเรยี นวา่ บทนีน้ ่าจะเกี่ยวกับเรื่องอะไรบา้ ง

พยายามดึงคำตอบ (elicit) ท่ีเป็นความรเู้ ดิมของนักเรยี น เชน่ วนั ทงั้ เจ็ด (Days of the Week) และเดือนทัง้ สบิ สอง (Months of the Year) ซึง่ นักเรยี นสว่ นมากร้แู ล้ว แตอ่ าจจะออกเสียงไม่ถูกต้อง หรอื เรยี งลำดับไม่ได้ นอกจากนสี้ นทนากบั นักเรียนเรื่องวันเกดิ โดยถามวา่ ใครเคยจัดงานวันเกดิ บ้าง และผู้คนมักทำอะไรกนั ในงาน เลี้ยงวันเกิด เปน็ ต้น ครอู าจเล่าเรื่องราวเก่ียวกบั วันเกิดให้นักเรียนฟัง (ดูข้อมูลด้านวัฒนธรรม) - ครเู ปดิ ซีดบี ันทกึ เสยี ง Days of the Week จากกิจกรรม New Language ในหนงั สอื เรยี น หน้า 38 ให้นกั เรียนฟังการออกเสยี ง โดยใหน้ ักเรยี นชีท้ ่วี นั ตา่ ง ๆ ตามไปดว้ ย - ครูเปิดซีดบี นั ทกึ เสียงอีกครง้ั โดยหยุดเปน็ ระยะเพ่อื ใหน้ ักเรยี นออกเสียงตาม หลงั จากน้ัน สุม่ เรยี กนกั เรียนทลี ะคนใหอ้ อกเสยี ง แล้วให้นักเรียนจบั ค่ฝู ึกออกเสยี งวันท้งั เจ็ดกบั เพอ่ื น - ใหน้ กั เรียนฟังซีดีบนั ทึกเสยี ง Months of the Year จากกิจกรรม New Language ใน หนังสือเรยี น หน้า 38 ครูใช้วิธีเดยี วกนั กบั Days of the Week ขน้ั นำเสนอ (Presentation) - ครใู ช้บัตรคำ ช่อื วันท้ังเจ็ดเพ่ือฝึกฝนการถาม-ตอบเกยี่ วกับวัน เช่น ครูชบู ัตรคำ “Sunday” แลว้ ใหน้ กั เรยี นช่วยกนั ตอบ โดยใช้ตวั อยา่ งการถาม-ตอบ ดังตอ่ ไปน้ี T: What day is it today? Ss: It’s Sunday. - จากนน้ั ครูแบง่ นักเรยี นเป็นกล่มุ ย่อยกล่มุ ละ 4-6 คน แจกบัตรคำวันทง้ั เจ็ด (Days of the Week) กลมุ่ ละ 1 ชดุ ให้นักเรยี นฝกึ ถามตอบดงั ตวั อย่างข้างบน ครูคอยเดินดูเพื่อสงั เกตการฝกึ กจิ กรรม - ครใู ช้บตั รคำเดอื นท้ังสิบสอง (Months of the Year) ฝกึ ถาม-ตอบ เดือนท้ังสิบสอง โดยชู บัตรคำให้นักเรียนดูพร้อมถามวา่ What is this month? โดยครอู าจรอให้นกั เรยี นตอบเอง ถา้ ไม่ไดจ้ งึ บอก คำตอบเป็นบางสว่ น เชน่ “It’s (เดือน) .” จากนน้ั ใช้วธิ กี ารฝกึ เชน่ เดียวกันกบั กจิ กรรมวันทัง้ เจด็ (Days of the Week) โดยแจกบัตรคำใหน้ กั เรยี นฝึกเปน็ กลมุ่ ครูคอยเดนิ สงั เกตการณ์ปฏิบตั ิกิจกรรมของนักเรยี น ใหน้ ักเรยี นทบทวนคำศัพท์ Days of the Week และ Months of the Year ขน้ั ปฏิบัติ (Practice) - ใหน้ ักเรียนดูรูปภาพงานวันเกิดในหนังสือเรียน หนา้ 39 สนทนาเกยี่ วกับรูปภาพและกิจกรรม ตามรูปภาพ และครอู ธบิ ายสำนวน “Close your eyes and make a wish.” ให้นกั เรยี นฟงั จากนัน้ ให้ นกั เรยี นฟังซีดีบนั ทึกเสียงและช้ีทร่ี ปู ภาพเจา้ ของวันเกดิ - ครูอา่ นคำสั่งจากกิจกรรม Comprehension ในหนังสือเรียน หน้า 39 อธบิ ายกิจกรรมที่ นกั เรียนต้องทำให้เข้าใจแลว้ ใหน้ กั เรยี นจับคู่ทำกจิ กรรมดังกลา่ ว เสร็จแล้วตรวจคำตอบพรอ้ มกนั - ครูนำเสนอโครงสรา้ งประโยค When is your birthday? โดยอธิบายให้นักเรียนฟงั ว่า เป็น ประโยคทีใ่ ช้ถามวันเกดิ และเมือ่ ตอบให้ตอบเปน็ ช่ือเดือน เช่น

T: (Surasak), when is your birthday? S1: September./It’s in September. - ครูสุ่มถามนักเรียนคนอื่น ๆ อีก และให้นักเรียนสลับถามเพ่ือนบ้าง เพื่อให้นักเรียนเข้าใจ การถาม-ตอบมากย่ิงข้ึน ให้นักเรยี นทำแบบฟอร์มการสำรวจวนั เกิด โดยใช้คำถาม “When is your birthday?” โดยใช้แบบฟอร์มดงั น้ี Name Birthday 1. Surasak July 2............................................... 3............................................... ............................................... 4............................................... ............................................... ............................................... - เมื่อนักเรยี นฝกึ กจิ กรรมน้ีเสรจ็ แล้วให้นกั เรียนนำข้อมลู ในตารางมาเขยี นเปน็ ประโยค 1. My birthday is in June. 2. Surasak’s birthday is in September ,etc. ขัน้ นำไปใช้ (Production) - ใหน้ กั เรียนฟังซีดีบันทกึ เสียงกิจกรรม Practice ในหนงั สือเรยี น หนา้ 39 แลว้ ฝกึ พูดถาม- ตอบตามซดี บี ันทึกเสียงกับเพื่อนคนอ่ืน ๆ ในชั้นเรียน - ขั้นสรปุ (Wrap up) - ถ้ามีนกั เรียนคนใดท่ีเกดิ ในเดือนนี้ให้เพ่ือน ๆ ชว่ ยกันร้องเพลง Happy Birthday เพอื่ อวย พรวันเกิดให้ โดยครใู ห้ข้อมูลเพมิ่ เตมิ เกี่ยวกบั เพลง Happy Birthday โดยดจู ากข้อมลู ด้านวฒั นธรรม สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้ - หนังสอื เรยี น หน้า 38-39 - Workbook หน้า 25-26 - ซดี บี ันทึกเสียง - บัตรคำ แหล่งการเรยี นรู้เพิ่มเติม : - www.birthdaycelebration.net - http://kids.yahoo.com/ecards/index

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 2 เวลา 1 ช่ัวโมง ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 2 เรือ่ ง Ice Cream สาระสำคญั การอ่านประโยคที่มโี ครงสรา้ งซับซ้อนไดเ้ ขา้ ใจ ชว่ ยให้นกั เรียนบอกรายละเอียดของข้อความที่อ่านได้ดี ยง่ิ ขนึ้ จุดประสงค์การเรียนรู้ จดุ ประสงค์ปลายทาง - อา่ นบทความเข้าใจ (ต 1.1 ม.3/4, ต 3.1 ม.3/1) จดุ ประสงค์นำทาง - เขา้ ใจความหมายของคำศพั ทใ์ นบทความ - เขา้ ใจความเช่อื มโยงระหว่างคำสรรพนามและคำนามท่ีใช้สรรพนามแทนท่ี - จบั ใจความสำคญั ในบทความได้ - บอกรายละเอยี ดเก่ยี วกับเรื่องที่อา่ นได้ เนื้อหาสาระ - บทความเรื่อง “Ice Cream” ในหนงั สอื เรยี น หน้า 2 - กลยุทธ์/ทกั ษะการอา่ น : การนำความรู้เดมิ มาช่วยสรา้ งความเข้าใจ; การเดาความหมายของคำศัพท์ โดยใช้บรบิ ท; การเชอ่ื มโยงคำสรรพนามกับคำนามท่ใี ช้สรรพนามแทนท่ี คำศพั ท์ - the last course of the meal, usually a sweet dish, such dessert n. as cake, fruit, etc. ของหวาน flavour n. invent v. - particular type of taste รส similar adj. mix v. - create something new คิดขน้ึ ประดิษฐ์ honey n. explorer n. - almost alike คล้ายคลึงกนั - blend together ผสม - a sweet sticky substance produced by bees น้ำผงึ้ - someone who travels through an area about which little is known or which has not been visited before นักสำรวจ

café n. - a restaurant that serves simple food and drink รา้ นอาหารเลก็ ๆ instead of prep. - in place of แทนที่ froze v. - preserved food by keeping it very cold แชแ่ ขง็ stir v. - move a liquid or substance around with a spoon or stick in order to mix it together คน scream v. - cry out or make a loud, high sound รอ้ งกร๊ดี หรอื ร้องสดุ เสียง โครงสรา้ งประโยค/ไวยากรณ์ - relative clause - the same as, similar to, different from ภาษาและวฒั นธรรม ข้อมลู ด้านวฒั นธรรม café - ภัตตาคารขนาดเล็ก ขายกาแฟ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือ อาจขายอาหารว่างหรืออาหารทว่ั ๆ ไปบา้ ง กิจกรรมการจัดการเรยี นรู้ ข้นั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (Warm up) (1) การตรวจสอบความร้เู ดิม - ครูให้นักเรียนดูภาพในหนังสือเรียน หน้า 1 และใช้ pre-reading questions ข้อ 1, 2 และ 3 ถาม ให้นกั เรยี นตอบปากเปล่าตามประสบการณข์ องตน - ครูถาม pre-reading questions ข้อ 4 และ 5 ให้นักเรียนทุกคนที่คิดว่าทราบคำตอบมาเขียน คำตอบบนกระดาน แตค่ รูจะไม่บอกว่าคำตอบใดถูกหรอื ผดิ (2) การตั้งจุดประสงค์ในการอ่าน - ครูใชค้ ำตอบ pre-reading questions ขอ้ 4 และ 5 เป็นพ้นื ฐานในการตั้งจดุ ประสงค์ในการอ่าน ของนักเรียน คือ ให้นกั เรยี นอ่านเพ่ือตรวจสอบวา่ คำตอบท่ีตนช่วยกนั เขยี นบนกระดานถูกตอ้ งหรือไม่ ขัน้ นำเสนอ (Presentation) - ครูให้นักเรียนจับคู่กันอ่านบทความเรื่อง Ice Cream ในหนังสือเรียน หน้า 2 บอกให้นักเรียน อ่านเอาความ ไม่ตอ้ งสนใจคำศัพทท์ ีไ่ ม่ทราบความหมาย - นกั เรยี นชว่ ยกนั บอกคำตอบ pre-reading questions ขอ้ 4 และ 5 คำตอบ 4. Ice Cream is made of milk and honey. 5. Ice Cream was first invented in China.

- ครใู หน้ กั เรียนเขยี นคำศัพท์ท่ีตนไม่ทราบความหมายบนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรยี นทัง้ ช้นั ชว่ ยกัน บอกความหมาย ครจู ะบอกความหมายของคำทไี่ ม่มีผ้ใู ดทราบเทา่ น้นั - ครูใหน้ กั เรยี นอา่ นบทความอีกครั้งหนึ่ง ขั้นปฏบิ ัติ (Practice) (1) การตรวจสอบความเขา้ ใจ - ครูตรวจสอบความเขา้ ใจรายละเอียด โดยให้นักเรียนทำแบบฝกึ หดั IV A และ B ในหนงั สือเรียน หน้า 4-5 แล้วให้จับค่กู ันตรวจสอบคำตอบท่ีถูกตอ้ ง และบอกท่ีมาของคำตอบในบทความที่อ่าน - ครูให้นกั เรยี นสรปุ เร่ือง โดยทำแบบฝกึ หดั V ในหนงั สอื เรียน หนา้ 5 แล้วนำประโยคแตล่ ะคู่ท่ี เชื่อมโยงกันแลว้ มาเขยี นเป็น summary ลงในกระดาษ (2) การตรวจสอบความสามารถในการเช่ือมโยงคำสรรพนามและคำนามทใ่ี ชส้ รรพนามแทนท่ี - ครใู หน้ ักเรยี นทำแบบฝกึ หดั I ในหนังสอื เรยี น หน้า 2 แล้วให้นกั เรยี นชว่ ยกันบอกคำตอบ (3) การพัฒนากลยทุ ธ์ความเขา้ ใจ การจบั ใจความในประโยคที่มีโครงสร้างซับซ้อน - ครูเขยี นประโยคต่อไปนี้บนกระดาน The Chinese made a dessert which was similar to ice cream about 2,000 years ago. - ครูถาม Which word/phrase/clause describes a dessert? นักเรียนควรตอบได้ว่า The clause ‘which was similar to ice cream about 2,000 years ago.’ - ครเู ขยี นประโยคต่อไปน้ีบนกระดาน Instead of mixing ice and milk, Europeans froze milk and honey in a box … - ครูอธิบายว่าขอ้ ความท่ีขีดเส้นใต้ ซ่ึงหมายความวา่ ‘แทนท่จี ะผสมน้ำแข็งกับนมกลับใชน้ ้ำผึ้ง แทน… ’ หมายถึง การไม่ทำอยา่ งแรกแต่ทำอย่างหลังแทน การเขา้ ใจและใชส้ ัญญาณบอกความเหมือนและความต่าง - ครูอธิบายความหมายและการใช้ the same as, similar to และ different from โดยให้ นักเรียนดตู วั อย่างประโยคท่มี ีกลุ่มคำเหลา่ น้ีในหนังสอื เรียน หนา้ 7 - ครูให้นักเรียนฝึกใช้กลุ่มคำที่เป็นสัญญาณบอกความเหมือนและความต่างในแบบฝึกหัด A ใน หนังสือเรียน หน้า 7-8 แล้วให้นักเรียนจับคู่กันตรวจดูประโยคที่ตนเขียน ก่อนที่ครูจะให้ นักเรียนผลัดกันออกมาเขียนคำตอบบนกระดาน โดยที่นักเรียนคนอื่น ๆ ช่วยตรวจแก้ไข ขอ้ ผิดพลาด ส่ือการเรยี นรู้ - หนงั สือเรียน Exploring Reading & Writing 3

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 3 เวลา 1 ชั่วโมง ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 3 เร่ือง My self สาระสำคญั การสรปุ ใจความสำคัญ แก่นสาระจากเร่ืองท่ีอ่านได้ และสามารถวิเคราะหเ์ นื้อเรื่องที่อา่ นได้ มาตรฐานตวั ช้ีวดั มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเร่ืองท่ีฟังและอ่านจากส่ือประเภทต่างๆ และแสดงความคดิ เหน็ อย่างมีเหตผุ ล ม.2/4 เลอื ก ระบุหวั ขอ้ เรื่อง จบั ใจความสำคัญ รายละเอยี ดสนับสนุนและแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั เร่ืองท่ีฟังและอ่านจากส่อื ประเภทตา่ งๆ พร้อมท้ังให้เหตุผลและยกตวั อยา่ งประกอบ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรอื่ งต่างๆ โดยการพูด และการเขียน ม.2/2 พูดและเขียนสรุปใจความสำคัญ แก่นสาระ หัวขอ้ เรอื่ งท่ีไดจ้ ากการวิเคราะห์เรื่อง ขา่ ว เหตกุ ารณ์และสถานการณ์ที่อย่ใู นความสนใจของสังคม จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. สรปุ ใจความสำคัญของรายละเอียดในเนือ้ หาทอี่ ่านได้ 2. สามารถบรรยาย อธบิ าย เรื่องหรอื เหตุการณ์จากข้อมลู ทอ่ี า่ นได้ สมรรถนะที่สำคัญ 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการสือ่ สาร 3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน

สาระการเรยี นรู/้ เน้ือหา Vocabulary : get up, brush, uniform, breakfast, parent, finish, wash. Function : Asking and answering about story. กิจกรรมการเรยี นรู้ - ขนั้ นำเข้าสูบ่ ทเรยี น (Warm up) ครถู ามเกีย่ วกบั ข้อมลู ส่วนตวั และกิจวตั รประจำวันของนักเรียนว่าแตล่ ะวันนักเรียนทำ อะไรบ้าง - ขน้ั นำเสนอ (Presentation) ครแู จกใบความรเู้ รอื่ ง Myself ให้นักเรยี นทกุ คนแล้วให้นักเรยี นอา่ นเนื้อเร่ืองและหาคำศัพท์ ทน่ี ักเรียนไม่รู้ - ข้ันปฏิบัติ (Practice) 1. นักเรยี นแต่ละคนอ่านทำความเข้าใจในใบความร้เู ร่ือง Myself แล้วชว่ ยกันวเิ คราะหแ์ ละ แปลเนือ้ เร่ืองท่ไี ด้อ่านโดยครูผ้สู อนจะทำการสงั เกตการทำกิจกรรมของผู้เรยี นในแตล่ ะกลุ่มพร้อมใหค้ ำแนะนำ และช่วยเหลือ 2. นักเรียนทำใบงานท่ี 1 - ขน้ั นำไปใช้ (Production) นกั เรียนนำเสนอสาระและเนื้อหาใจความสำคญั ของเร่ืองท่ีอ่าน - ขัน้ สรปุ (Wrap up) ผเู้ รยี นและครูผสู้ อนชว่ ยกันทบทวนความรเู้ กี่ยวกบั ใจความสำคญั ของเรื่องที่อา่ นและ รายละเอยี ดเสริมเกยี่ วกบั เร่ืองที่อา่ นและท่ีไดเ้ รียนมา ส่อื /แหลง่ การเรียนรู้ - ใบความรทู้ ่ี 1 เร่ือง Myself - ใบงานท่ี 1 เรอ่ื ง Myself

ใบความรทู้ ี่ 1 เร่อื ง Myself My name is Nicha. I am ten years old. I was born in Songkla in the South of Thailand. Now I live in Bangkok. I get up at six o clock every morning. I brush my teeth, wash my face, and take a bath. I put on my uniform. Then I have breakfast and go to school by bus. I arrive at my school at half past seven. My parents give me twenty baht every day for lunch. The school finishes at ten past three. I arrive home at five o clock.

ใบงานที่ 1 1. How old is Nicha? 5. Where was Nicha born? a. She is eight years old. a. In Bangkok. b. She is nine years old. b. In Songkla. c. She is ten years old. c. In Nonthaburi. d. She is eleven years old. d. In Puket. e. She is six years old. e. In Surin. 2. What does she do? 6. Where does she live? a. She is a housewife. a. In Bangkok. b. She is a nurse. b. In Songkla. c. She is a teacher. c. In Nonthaburi d. She is a student. d. In Puket. e. She is a farmer. e. In Surin. 3. When does Nicha arrive at school? 7. How much money does Nicha have a. At six o clock. every day? b. At seven o clock. a. Five baht. c. At eight o clock. b. Ten baht. d. At half past seven. c. Twenty baht. e. At half past eight. d. Twenty five baht. e. Thirty baht. 4. How does she go to school? a. By bus. 8. When does Nicha get up? b. By car. a. At five o clock. c. By plane. b. At six o clock. d. By boat. c. At seven o clock. e. By bike. d. At eight o clock. e. At nine o clock.

9. She wears__________ to sc. a. shirt b. skirt. c. dress d. uniform. e. coat 10. What time does the school finish? a. At nine o clock. b. At ten o clock. c. At ten past two. d. At ten past three. e. At eleven past three.

แบบทดสอบรายวิชาภาษาองั กฤษ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ข้อสอบชดุ นมี้ ที งั้ หมด 20 ขอ้ 20 คะแนน Choose the best answer. (จงเลือกคำตอบท่ถี กู ต้องที่สุด) สาระท่ี 1 ภาษาเพื่อการสอื่ สาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรอ่ื งท่ีฟงั และอา่ นจากสือ่ ประเภทตา่ งๆ และแสดงความคิดเหน็ อยา่ งมี เหตผุ ล ตวั ชว้ี ดั ม.2/4 เลือก ระบุหวั ข้อเร่อื ง จับใจความสำคัญ รายละเอียดสนับสนนุ และแสดงความ คดิ เหน็ เกย่ี วกบั เรอื่ งทฟ่ี ังและอ่านจากส่อื ประเภทต่างๆ พรอ้ มท้งั ให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ Read this passage and answer the best questionbelow. (1-3) 1Fire ants are painful and destructive pests. 2The fire ant earned its name because of its venom. 3The insect uses a wasp-like stinger to inject the venom, which causes a painful burning sensation and leaves tiny, itching pustules. 4The ants will swarm over anyone or anything that disturbs their nests. 5In addition to causing pain, fire ants damage many crops by eating the plants and by protecting other insects that damage crops. 6Fire ants are attracted to soybeans, eggplant, corn, okra, strawberries, and potatoes. 1. What is the topic of the passage? a. Ant bites b. Fire ants c. Farming d. Pets e. Animals 2. What does the author want you to know about the topic? a. Fire ants have a wasp-like stinger. b. Fire ants swarm. c. Fire ants are pests to farmers. d. Fire ants are painful and pesky. e. Fire ants are painful.

3. Which sentence contains the main idea? a. 1 b. 2 c. 4 d. 5 e. 6 Read this passage and answer the best question below. (4-6) 1Rosa Parks was an African American woman who worked hard as a seamstress in a department store in the early 1960s. 2One day, tired from work, she refused to give up her seat on a bus in Montgomery, Alabama, and became a national hero. 3She was arrested and placed in jail for her refusal to move to the back of the bus, where African Americans were forced to sit in those days. 4The way she was treated garnered national attention. 5Some people say her refusal to give up her seat launched the civil rights movement. 6Rosa Parks proved that one brave person can make a difference. 4. What is the topic of the passage? a. Rosa Parks b. Civil Rights c. Brave People d. National Heroes e. American woman 5. What does the author want you to know about the topic? a. Rosa Parks was a hard working woman. b. Brave people deserve special attention. c. Stubborn people always get their way. d. Brave people can make a difference. e. The way she was treated garnered national attention.

6. Which sentence contains the main idea? a. 1 b. 2 c. 3 d. 5 e. 6 Read this passage and answer the best question below. (7-10) The ancient Olympics Nobody knows exactly when the Olympics Games began, but historians think that the first games were in 776BC. Athletes from all over Greece came to compete in a town called Olympia. There was only one event. It was a running race called the “stade”. The first Olympic champion was Coroebus of Ellis. He was a cook. 7. What is the first name of Olympics? a. The historical Games b. Olympia c. Athletes Games d. Olympic champion e. Athletes 8. What does the story tell us about? a. The ancient Olympics b. The Olympia c. The Olympics d. The first game e. The Olympics Games

9. Where did the first game take place? a. Athens b. Roman c. Greece d. Italy e. India 10. What was the first game competition? a. football b. running c. volleyball d. swimming e. basketball

สาระท่ี 1 ภาษาเพ่ือการสอ่ื สาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองท่ฟี ังและอา่ นจากสอ่ื ประเภทตา่ งๆ และแสดงความคดิ เหน็ อย่างมี เหตผุ ล ตวั ชีว้ ดั ที่ ม.2/2 พูดและเขยี นสรปุ ใจความสำคญั /แกน่ สาระ หวั ข้อเรือ่ งท่ีได้จากการวเิ คราะห์ เร่อื ง/ขา่ ว/เหตกุ ารณ์/สถานการณท์ ีอ่ ยใู่ นความสนใจของสังคม Read the following passage and answer the questions given. A Special Christmas Present David wants to buy a Christmas present for a very special person, his mother. David's father gives him $5.00 a week pocket money and David puts $2.00 a week into his bank account. After three months David takes $20.00 out of his bank account and goes to the shopping mall. He looks and looks for a perfect gift. Suddenly he sees a beautiful brooch in the shape of his favorite pet. He says to himself, \"My mother loves jewelry, and the brooch costs only $17.00.\" He buys the brooch and takes it home. He wraps the present in Christmas paper and places it under the tree. He is very excited and he is looking forward to Christmas morning to see the joy on his mother's face. But when his mother opens the present she screams with fright because she sees a spider. 11. What does David want to buy his Mother? a. a special birthday present b. a jewelry c. a spider ring d. a pocket money e. a Christmas present 12. Who does David get his money from? a. his pet b. his mother c. his father d. his aunt e. his brother

13. How much money does David take to the mall? a. $20.20 b. $5.00 c. $17.00 d. $20.00 e. $19.00 14. What does David buy his mother? a. a ring b. a brooch c. a spider d. a dog e. a rabbit 15. What does David do with the present when he takes it home? a. he gives it to his mother b. he wraps it in Christmas paper c. he is very excited d. he put it away. e. he gives it to his father 16. Why does David's mother scream? a. because the present is beautiful b. because she doesn't like Christmas presents c. because she thinks she sees a real spider d. because she excited. e. because she love this Christmas presents. 17. Why does David buy a spider brooch? a. spiders are his favorite pet b. he loves Christmas c. to scare his mother d. to protect his mother e. he hates it

18. Where does David put the present on Christmas Eve? a. incorrect under his pillow b. incorrect under a spider c. under the Christmas tree d. under the table e. near the window Read the following passage and answer the questions given. Thai Food Knowing one's culture is knowing their native food and their preparation. In our visit to the Philippines, we cooked Thai food for our friends, teachers and host families. We made fried rice, fried chicken, papaya salad, Tom Yam Kung for them. We also taught them how to prepare easier Thai dishes. They like Thai foods very much. 19. Knowing one's culture is knowing their native food and their preparation. “Their” refers to………….. . a. The students b. The Filipinos c. Thai foods d. The teacher e. None of the above 20. In our visit to the Philippines, we cooked Thai foods for our friends, teachers and host families. “Visit” refers to…… a. stay b. house c. class mate d. school e. village

เฉลยแบบทดสอบ รายวิชาภาษาอังกฤษ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 1. b 2. d 3. a 4. a 5. d 6. e 7. b 8. a 9. c 10. e 11. e 12. c 13. a 14. c 15. b 16. c 17. a 18. c 19. c 20. a