สาระนา่ รู้สขุ ภาพจิต ยาเสพตดิ : เยาวชนไทยต้องรู้...แตไ่ มต่ ้องลอง เผยแพร่เมอ่ื : วนั พฤหสั บด,ี 23 มถิ นุ ายน 2559 17:00 | เขยี นโดย NoOm Santi Saelee | พิมพ์ | อีเมล | ผ้เู ข้าชม: 291988 anti drugs ประเทศไทยต้องเผชิญกบั ปัญหายาเสพตดิ มาช้านาน โดยสภาพปัญหาได้เปลยี่ นแปลงไปตามสภาวะการณ์ของโลกใน ยคุ ปัจจบุ นั เดก็ และเยาวชนเร่ิมใช้ยาเสพตดิ มอี ายนุ ้อยลง จากระบบรายงาน บสต. ของศนู ย์อานวยการปอ้ งกนั และปราบปราม กรมสขุ ภาพจิต พบวา่ ผ้เู ข้ารับการบาบดั รักษายาเสพตดิ กระทรวงสาธารณสขุ ปี 2556-2558 จานวน 156,884 คน 98,421 คน และ 55,683 คน ตามลาดบั โดยเป็นผ้เู ข้ารับการบาบดั รักษาในหนว่ ยงานสงั กดั กรมสขุ ภาพจิต จานวน 3,975 คน 4,071 คน และ 3,912 คน ตามลาดบั จากสถิตกิ ารเข้ารับการบาบดั รักษาแม้วา่ จะมแี นวโน้มลดลง แตก่ ลบั พบวา่ ผู้เข้ารับบาบดั รกั ษา เป็นเยาวชนอายรุ ะหวา่ ง 15-24 ปี มสี ดั สว่ นมากถงึ ร้อยละ 50 (ศนู ย์อานวยการปอ้ งกนั และปราบปรามยาเสพติด กรม สขุ ภาพจิต, 2559) ซงึ่ ถือวา่ เป็นกลมุ่ เสยี่ งสาคญั ท่ีต้องมกี ารเฝา้ ระวงั อยา่ งใกล้ชิดเนื่องจากมโี อกาสเข้าไปเกีย่ วข้องกบั ยาเสพ ติด ควรได้รับการเสริมสร้างภมู ิค้มุ กนั ตอ่ ยาเสพตดิ และปัจจยั ยวั่ ยตุ า่ งๆ รวมทงั้ การเสริมสร้างทกั ษะชีวติ เพือ่ ปอ้ งกนั การกลบั ไป ใช้ซา้ ซงึ่ เมอ่ื จาแนกชนดิ ยาเสพตดิ ทีม่ ผี ้เู ข้ารับการบาบดั รักษามากทีส่ ดุ คือ ยาบ้า ร้อยละ 75.20 รองลงมา คือ กญั ชา ร้อยละ 6.83 และกระทอ่ ม ร้อยละ 4.17 ด้านพฤตกิ รรมการใช้ยาเสพติดท่นี า่ เป็นกงั วล คอื การใช้ยาเสพติดมากกวา่ 1 ชนดิ ร่วมกนั มี แนวโน้มเพิ่มขนึ ้ ซงึ่ สง่ ผลให้การบาบดั รักษามคี วามยงุ่ ยาก ซบั ซ้อนมากขนึ ้ นอกจากนปี ้ ัจจบุ นั ยงั พบวา่ เด็กและเยาวชนมีการนา สารตา่ งๆ ทีห่ าได้งา่ ยมาผสมกนั เพอ่ื ให้ออกฤทธิ์เหมือนสารเสพตดิ ซงึ่ เดก็ และเยาวชนมกี ารทดลองด่ืมสารเหลา่ นเี ้นื่องจาก มองวา่ เกิดจากสว่ นผสมของสารทีไ่ มเ่ ป็นอนั ตราย โดยที่ไมไ่ ด้คานงึ วา่ มีฤทธิ์เสพติด ปัญหาสารเสพตดิ เป็นปัญหาทเ่ี ป็นภยั ร้ายแรงตอ่ สขุ ภาพกาย และสขุ ภาพจิต สง่ ผลตอ่ พฒั นาการทงั้ ด้านร่างกาย จติ ใจ และสมองโดยเฉพาะในเดก็ และเยาวชน ทงั้ ในระยะสนั้ และระยะยาว กระทบตอ่ การพฒั นาทรัพยากรมนษุ ย์ของประเทศเยาวชนทม่ี อี ายตุ ่ากวา่ 25 ปี เป็นกลมุ่ ประชากรที่ มีขนาดใหญ่ คิดเป็นร้อยละ 32.44 ของประชากรทงั้ หมดในปี 2557 (สานกั งานสถิตแิ หง่ ชาติ, 2559) ซง่ึ เป็นวยั ทด่ี าเนินชวี ิต ในช่วงหวั เลยี ้ วหวั ตอ่ ใฝ่ หาความรู้ อยากเหน็ อยากลองของใหม่ รกั พวกพ้อง รักเพือ่ น เช่ือเพื่อน และมองหาแบบอยา่ งเพือ่ ดาเนนิ รอยตามแบบ ทศั นคตทิ ่ีผดิ ๆเก่ยี วกบั การใช้สารเสพติดในวยั รุ่น เชน่ การเสพไอซ์ ทาให้ผอม ผวิ ขาว การเสพยาบ้าทาให้ เพิ่มความต่ืนเต้นในการมเี พศสมั พนั ธ์ อา่ นหนงั สอื ได้นานขึน้ ทาให้มกี าลงั วงั ชา ทาให้มจี ิตใจแจม่ ใส ทาให้มสี ขุ ภาพดี ทาให้ สตปิ ัญญาดี สามารถรักษาโรคบางอยา่ งได้ จากทศั นคตดิ งั กลา่ วทาให้เกดิ ความรู้สกึ อยากลองใช้ จนมีการติดสารเสพติดนนั้ ในทสี่ ดุ
ความหมายสารเสพตดิ คอื สารใดๆก็ตามทไ่ี มใ่ ช่อาหารซงึ่ สามารถมผี ลกระทบตอ่ การทางานของร่างกายและจิตใจ ยา เสพติดสามารถเปลยี่ นความคดิ ความรู้สกึ และการกระทาของบคุ คลได้ โดยแบง่ ตามประเภทการออกฤทธิ์ตอ่ จติ ประสาท ได้แก่ สารกระต้นุ ประสาท คือ สารท่กี ระต้นุ ร่างกายและการทางานของสมองให้ทางานเร็วขนึ ้ ได้แก่ บหุ ร่ี โคเคน ยาบ้า ไอซ์ กระทอ่ ม สารกดประสาท คือ สารท่ที าให้ร่างกายและการทางานของสมองช้าลง ได้แก่ เหล้า เฮโรอีน ยาหลอนประสาท คือ สารทีท่ าให้การมองเหน็ ความรู้สกึ และการได้ยนิ เปลย่ี นแปลงไป ได้แก่ ยาอี ยาเค สารท่อี อกฤทธ์ิผสมผสาน คอื สารทม่ี กี ารออกฤทธ์ิกดประสาท กระต้นุ ประสาท หรือหลอนประสาทได้พร้อมๆกนั ได้แก่ กญั ชา ทาไมคนจงึ เสพสารเสพตดิ ??? 1.ตนเอง อยากรู้ อยากลอง ต้องการเป็นท่ยี อมรับของกลมุ่ เพ่ือน ไมม่ ีความรู้เร่ืองสารเสพตดิ ประสบความล้มเหลวใน ชีวิต หรือเกิดจากการเจ็บป่ วย - อยากทดลอง เกดิ จากความอยากรู้อยากเห็นซง่ึ เป็นนิสยั ของคนโดยทวั่ ไปและไมค่ ดิ วา่ ตนจะติดสารเสพติด จงึ ไปทา การทดลองใช้ ในการทดลองใช้ครัง้ แรกๆ อาจมคี วามรู้สกึ ดีหรือไมด่ ีก็ตาม ถ้ายงั ไมต่ ดิ สารเสพติดก็อาจประมาทไปใช้อกี จนใน ทส่ี ดุ ก็ติดสารเสพตดิ นนั้ หรือ ถ้าไปทดลองใช้สารเสพตดิ บางชนิด เช่น เฮโรอนี แม้จะเสพเพียงครงั้ เดียว ก็อาจทาให้ตดิ ได้ - ถกู หลอกลวง ยาเสพติดมรี ูปแบบตา่ งๆ มากมาย ผ้ถู กู หลอกลวงไมท่ ราบวา่ สงิ่ ท่ีตนได้กินเข้าไปนนั้ เป็นยาเสพตดิ ให้ โทษร้ายแรง คิดวา่ เป็นยาธรรมดาไมม่ ีพิษร้ายแรง หรือเป็นอะไรตามที่ผ้หู ลอกลวงแนะนา ผลสดุ ท้ายกลายเป็นผ้ตู ดิ สารเสพตดิ 2.ครอบครัว เช่น บคุ คลในครอบครัวตดิ สารเสพตดิ ครอบครัวไมม่ ีความอบอนุ่ มกี ารทะเลาะเบาะแว้งกนั การหยา่ ร้าง และแตง่ งานใหมข่ องหวั หน้าครอบครัว พอ่ แมไ่ มเ่ ข้าใจลกู รักลกู ไมเ่ ทา่ กนั และมกี ารเปรียบเทยี บระหวา่ งลกู แตล่ ะคน หรือ เปรียบเทียบกบั ลกู เพื่อนบ้าน 3.สง่ิ แวดล้อม เช่น มีแหลง่ ผลติ หรือแหลง่ ระบาดของยาเสพติดทส่ี ามารถเข้าถงึ ได้งา่ ย มตี วั อยา่ งจากสอ่ื ประเภทตา่ งๆ สงั คมไมเ่ ปิดโอกาสหรือไมย่ อมรับผ้ตู ดิ ยาได้กลบั เข้ามาสสู่ งั คมปกติ อาศยั อยใู่ นในสง่ิ สง่ิ แวดล้อมท่ีเออื ้ ตอ่ การตดิ ยาเสพตดิ
4.เศรษฐกิจ เชน่ เศรษฐกจิ ตกตา่ วา่ งงาน มหี นสี ้ นิ ล้นพ้นตวั กล้มุ ใจทเี่ ป็นหนกี ้ ็ไปกินเหล้า หรือสบู กญั ชาให้เมาเพ่ือทจี่ ะ ได้ลมื เรื่องหนสี ้ นิ บางคนต้องการรายได้เพมิ่ ขนึ ้ โดยพยายามทางานหนกั มากขนึ ้ ทงั้ ๆ ท่ีร่างกายออ่ นเพลยี มาก จงึ รับประทาน สารกระต้นุ ประสาทเพอ่ื ให้สามารถทางานตอ่ ไปได้ เป็นต้น ถ้าทาอยเู่ ป็นประจาทาให้ตดิ สารเสพตดิ นนั้ ได้ เส้นทางการตดิ ยา เส้นทางการตดิ ยาตงั้ แตเ่ ริ่มเสพจนกระทงั่ ติดสามารถแบง่ ได้ เป็น 4 ระยะ ได้แก่ 1. เริ่มทดลองอยากรู้อยากเหน็ (Experiment and first-time use) เมอ่ื มคี นแนะนาให้ทดลอง ร่วมกบั ความรู้สกึ อยาก ลอง หรือใช้ gateway drug อยแู่ ล้ว เช่น บหุ ร่ี เหล้า ซงึ่ สารเหลา่ นที ้ าให้เกิดการเรียนรู้วา่ สารทาให้เกิดความพงึ พอใจ สบายได้ มากกวา่ ทีเ่ ป็นอยู่ หรือเพมิ่ พละกาลงั ในการทางาน 2. ใช้เป็นครัง้ คราว (Occasional use) เกิดความติดใจในผลของสารเสพตดิ เรียนรู้วา่ หากใช้ปริมาณมากขนึ ้ ก็จะได้รับ ผลความรู้สกึ ดีมากขนึ ้ เกดิ ความรู้สกึ เป็นสขุ อยา่ งมาก 3. ใช้สมา่ เสมอใช้อยา่ งพร่าเพร่ือ (Regular use) หมกมนุ่ กบั การหาสารมาเสพ มอี าการเมายา การทางาน การเรียนแย่ ลง สมั พนั ธภาพกบั คนรอบข้างไมด่ ี ใช้จ่ายเงินเปลอื ง อาจถกู จบั เนื่องจากเสพหรือค้า 4. เกิดภาวะพง่ึ พาสรุ ายาเสพติด (Dependence) ใช้สารมาอยา่ งตอ่ เนื่องยาวนาน จนเกิดอาการทนตอ่ ยา (Tolerance) และภาวะถอนยา (Withdraw) หรือ มกี ารใช้เกินขนาด (Drug Overdose) โดยไมต่ งั ้ ใจ พิษภยั ร้ายของสารเสพตดิ ตอ่ ร่างกายและจติ ใจของผ้เู สพ 1.ทาลายประสาทสมอง จิตใจเสอ่ื ม ซมึ เศร้า วติ กกงั วล เลอื่ นลอย และเกิดภาวะผิดปกติทางจิตจากสารเสพตดิ นนั้ ๆพษิ จากสารเสพติดทาลายอวยั วะตา่ งๆให้เสอ่ื มลง มีโรคแทรกซ้อนได้งา่ ย ร่างกายซบู ซีด ออ่ นเพลยี 2.เสยี บคุ ลกิ ภาพ ขาดความสนใจตนเอง ขาดสติสมั ปชญั ญะการควบคมุ กล้ามเนอื ้ และระบบประสาทบกพร่อง ทาให้ ประสบอบุ ตั ิเหตไุ ด้งา่ ย ตอ่ ครอบครัวและสงั คม
1. ครอบครัวทมี่ ีผ้ตู ิดสารเสพติด มกั ได้รับความเดือดร้อนจากผ้ตู ิดสารเสพติดในทกุ ด้าน เชน่ การขาดความรับผิดชอบ ตอ่ หน้าทน่ี าไปสคู่ วามขดั แย้ง ทะเลาะววิ าท กอ่ ให้เกิดความเครียด และต้องแก้ไขปัญหาบอ่ ยๆ 2.ทาให้สญู เสยี สมรรถภาพ การทางาน ทาให้เกิดผลกระทบตอ่ ครอบครัวทงั้ ทางเศรษฐกิจและสงั คมเสยี ทรัพย์สนิ รายได้ ของครอบครวั เนอื่ งจากต้องซือ้ สารเสพติดมาเสพ และรักษาโรคทเี่ กิดจากสารเสพติด 3.ปัญหาสารเสพตดิ ก่อให้เกิดความหวาดระแวงจากประชาชนและสงั คมเป็นวงกว้าง เนือ่ งจากเกรงวา่ บตุ รหลานจะเข้า ไปเกี่ยวข้องกบั สารเสพติดหรือถกู ประทษุ ร้ายจากผ้เู มาสารเสพตดิ หรือมีความผิดปกตทิ างจติ จากการใช้สารเสพตดิ ตอ่ สว่ นรวมและประเทศชาติ เป็นภยั ตอ่ ความมน่ั คง สง่ ผลกระทบตอ่ เศรษฐกิจ สงั คมและวฒั นธรรม และวถิ ีชีวิตทเี่ ป็นสขุ ของคนในประเทศ ประเทศชาตสิ ญู เสยี งบประมาณในการปอ้ งกนั ปราบปราม บาบดั รักษาผ้ตู ิดสารเสพตดิ เราทกุ คนจะปอ้ งกนั สารเสพตดิ อยา่ งไร? ตนเองเป็นบทบาทสาคญั ที่สามารถปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหาสารเสพตดิ ได้ ดงั นี ้ 1. ศกึ ษาความรู้เกี่ยวกบั โทษ และพิษภยั ของสารเสพตดิ ไมท่ ดลองเสพสารเสพติดทกุ ชนดิ รู้เทา่ ทนั การหลอกลวง ชกั จงู จากกลมุ่ ผ้คู ้าสารเสพติด เลอื กคบเพือ่ นท่ไี มใ่ ช้สารเสพตดิ และใช้ทกั ษะการปฏเิ สธเมื่อถกู ชกั ชวน 2. มที ศั นคติทีด่ ตี อ่ ชีวติ มคี วามภาคภมู ใิ จในตนเองวา่ มคี ณุ คา่ ทงั้ ตอ่ ตนเอง ครอบครวั และสงั คม ไมค่ วรทาลายชวี ิตที่ ได้มาด้วยการตดิ สารเสพตดิ 3. ตระหนกั ในบทบาทหน้าท่ีของตนเอง ระลกึ เสมอวา่ ขณะนตี ้ นเองมีบทบาทหน้าท่ีอะไรเช่น มหี น้าท่ีเรียนหนงั สอื ก็ควร ตงั้ ใจศกึ ษาเลา่ เรียนเชื่อฟังคาสง่ั สอนของพอ่ แม่ ครู อาจารย์ เป็นต้น 4.รักษาสขุ ภาพร่างกายให้แขง็ แรงและทาจิตใจให้แจม่ ใสใช้เวลาวา่ งให้เกิดประโยชน์ ในการทากิจกรรมตา่ งๆเช่น อา่ น หนงั สอื เลน่ กีฬา หรือทางานอดเิ รกตา่ งๆ 5. มที กั ษะในการดาเนนิ ชวี ติ รู้จกั แก้ไขปัญหาในทางทถี่ กู ทคี่ วร กล้าเผชิญปัญหา รู้จกั คิดไตร่ตรองด้วยเหตผุ ล ไมห่ ลกี หนปี ัญหาด้วยการเสพสารเสพตดิ
6. ขอคาปรึกษาหรือขอความชว่ ยเหลอื จากผ้ใู หญ่ ผ้ปู กครอง เพราะการแก้ไขปัญหาโดยลาพงั แบบรู้เทา่ ไมถ่ ึงการณ์ อาจ นาไปสกู่ ารใช้ชีวติ ที่ผิดพลาดได้ ครอบครัว ควรสอดสอ่ งดแู ลเด็กและบคุ คลในครอบครัวอยา่ ให้เก่ียวข้องกบั ยาเสพตดิ อบรม สง่ั สอน ให้รู้ถงึ โทษภยั ของยาเสพตดิ ดแู ลเร่ืองการคบเพื่อน คอยสง่ เสริมให้รู้จกั ใช้เวลาในทางทเ่ี ป็นประโยชน์ เชน่ การทางานบ้าน การเลน่ กีฬา เพอื่ ปอ้ งกนั ไมใ่ ห้ เดก็ หนั เหไปสนใจในยาเสพติด ทกุ คนในครอบครัวควรสร้างความรักความเข้าใจ และสมั พนั ธภาพอนั ดีตอ่ กนั ที่พงึ่ เป็นท่ี ปรึกษาและให้กาลงั ใจแกก่ นั และกนั นอกจากนพี ้ อ่ แมค่ วรเป็นแบบอยา่ งทด่ี ีในการไมใ่ ช้สารเสพตดิ เชน่ ไมส่ บู บหุ รี่ ไมด่ มื่ เหล้า โรงเรียน เป็นทีป่ รึกษาท่ี ควรมีกิจกรรมให้ความรู้เรื่องพิษภยั สารเสพติดอยา่ งสม่าเสมอครูควรเอาใจใสใ่ นการดแู ลนกั เรียน ดี และมกี ารจดั กจิ กรรมให้แกน่ กั เรียนอยา่ งสร้างสรรค์ เพอ่ื สง่ เสริมให้ใช้เวลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ พอ่ แมผ่ ้ปู กครองควรทาอยา่ งไรเมอ่ื ลกู ยงุ่ เก่ียวกบั สารเสพตดิ พอ่ แมผ่ ้ปู กครองจะต้องร่วมมือร่วมใจช่วยเหลอื โดยอาศยั ความรัก ความเข้าใจ เป็นพนื ้ ฐานในการทาใจยอมรับสภาพ ปัญหาท่ีเกดิ ขนึ ้ และปฏบิ ตั ใิ นสง่ิ ตอ่ ไปนี ้ 1. ระงบั สตอิ ารมณ์ อยา่ ววู่ ามยอมรับความจริง ยอมรับสภาพวา่ ลกู ติดยา เพ่อื เตรียมตวั ชว่ ยเหลอื บตุ รหลาน 2. ไมค่ วรแสดงความก้าวร้าวกบั ลกู เพราะจะทาให้ลกู ปกปิดซอ่ นเร้นมากขนึ ้ 3. แสดงความรัก ความเหน็ ใจอยา่ งจริงใจ เพือ่ ให้ลกู หลานยอมเปิดใจ ยอมรับความช่วยเหลอื 4. ต้องหาข้อมลู เพม่ิ เติมวา่ บตุ รหลานตดิ สารเสพตดิ ประเภทใด ฤทธ์ิรุนแรงแคไ่ หน ใช้สารเสพติดมานานแล้วหรือยงั ใช้ ปริมาณแคไ่ หน โดยอาจหาจากแหลง่ ข้อมลู ตา่ งๆ เชน่ เพื่อนสนิท ครูที่โรงเรียน ห้องนอน กระเป๋ าเสอื ้ ผ้า เป็นต้น 5. ปรึกษาผ้มู ีความรู้ ความเชย่ี วชาญเฉพาะ เช่น ศนู ย์ให้คาปรึกษาปัญหาสารเสพติดหากลกู หลานตดิ สารเสพตดิ มา นาน จนทาให้สภาพร่างกายและจิตใจเปลยี่ นแปลงไป หรือมีพฤตกิ รรมและบคุ ลกิ ภาพเบยี่ งเบนไปจากเดิม และครอบครัว
หรือไมส่ ามารถแก้ไขปัญหาได้ ผ้ปู กครองควรสง่ ลกู เข้ารับการบาบดั รักษาและฟืน้ ฟสู มรรถภาพทางด้านจิตใจ ในสถาน บาบดั รักษาตา่ ง ๆ ทว่ั ประเทศ ผลกระทบจากปัญหาสารเสพติด ทาให้เกดิ ความเสยี หายทงั้ ตอ่ ตวั ผ้เู สพ ครอบครัว สงั คม เศรษฐกิจและประเทศชาติ การแก้ไขปัญหาสารเสพตดิ ต้องเร่ิมต้นจากครอบครวั ซง่ึ ใกล้ชิดกบั เดก็ และเยาวชนมากทส่ี ดุ โดยการให้เวลากบั บตุ รหลานและ ร่วมกนั แก้ไขปัญหาตา่ งๆทเ่ี กิดขนึ ้ นอกจากนสี ้ งั คมโรงเรียนและสถานศกึ ษาต้องมีการติดตาม สงั เกตพฤตกิ รรมนกั เรียน- นกั ศกึ ษาทเ่ี ข้าขา่ ยเกี่ยวข้องกบั สารเสพตดิ การมงุ่ ให้ความรู้ในเรื่องอนั ตราย ผลกระทบที่เกิดจากการใช้สารเสพติด สร้างการ รับรู้ ความตระหนกั ถงึ ภยั อนั ตรายนา่ จะการปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหาสารเสพตดิ และเป็นหน้าท่ขี องทกุ คนจะต้องร่วมมือกนั เอกสารอ้างองิ วินดั ดา ปิยะศิลป์ และพนม เกตมุ าน. (2545). ตาราจิตเวชเด็กและวยั รุ่น. กรุงเทพฯ: บยี อนด์ เอน็ เทอร์ไพรซ์. ศนู ย์อานวยการปอ้ งกนั และปราบปรามยาเสพติด กรมสขุ ภาพจิต. (2559). สถิตกิ ารบาบดั รักษาระบบรายงาน บสต. Retrieved 30 พฤษภาคม 2559, from www.nccd.go.th สานกั งานสถิติแหง่ ชาต.ิ (2559). ข้อมลู ประชากร 2557. Retrieved 30 พฤษภาคม 2559, from www.nso.go.th
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: