ระดับความยาก ♦♦ บทความน้เี หมาะสําหรบั แพทย, พยาบาล, ผสู นใจทมี่ คี วามรทู างการแพทย การชวยชีวิตขน้ั สงู (Advanced cardiovascular life support) เรยี บเรียงโดย น.พ.เจริญลาภ อทุ านปทุมรส การชว ยชีวิตโดยการผายปอดปม หวั ใจ เปน ส่ิงจําเปนที่เราควรเรียนรไู วส ําหรบั กรณีฉุกเฉินท่ีเกดิ ภาวะการหยดุ หายใจ หรอื หวั ใจหยุดเตน ในญาตสิ นิทมิตรสหาย หรอื แมแตพ บเหน็ เหตกุ ารณดงั กลา วโดยบังเอญิ การชว ยชวี ิตโดยการผายปอดปมหัวใจ แบง เปน 2 ระดบั คือ 1.การชวยชีวิตขัน้ พืน้ ฐาน (Basic life support,BLS) 2.การชว ยชวี ิตขัน้ สูง (Advanced cardiovascular life support,ACLS) ในบทความนีจ้ ะขอเนนเฉพาะการชวยชวี ติ ข้นั สูง โดยอางองิ ตามมาตรฐานสากลจาก แนวทางการชวยชีวติ ขนั้ สงู ป 2005 ทอ่ี อกโดยสมาคมแพทยโ รคหวั ใจอเมรกิ นั (2005 American Heart Association Guidelines for Cardiopulmonary Resuscitation and Emergency Cardiovascular Care)ซง่ึ จะเปน ประโยชนกบั เจาหนาท่ีทางการแพทย, พยาบาล และแพทยท ่ี จะนําไปปฏบิ ตั จิ ริงในโรงพยาบาล ข้นั ตอนการชวยชีวติ ขน้ั สูง (Steps for advanced cardiovascular support) จะประกอบดว ย 2 สวนหลกั คอื สว นแรกเกี่ยวกับการชวยชีวติ เบอื้ งตน หรือข้นั พนื้ ฐาน สวนท่สี องทต่ี อ งทาํ ตามแนวทาง(algorithm) แยกตามปญ หาของผูปว ยซ่ึงจะมี 3 แบบทีค่ วรกลา วถงึ คอื -หัวใจหยุดเตน (pulseless arrest) -หวั ใจเตน เร็วแตยังคลําชีพจรได(tachycardia with pulse) -หวั ใจเตนชา แตย ังคลาํ ชีพจรได(bradycardia with pulse) สว นแรก การชวยชวี ิตขน้ั พื้นฐาน ขั้นตอนท่ี1 การตรวจระดบั การรูสต(ิ Level of consciousness) เมื่อเราพบผปู ว ยนอนอยูสงสัยวาหมดสติหรือหัวใจหยุดเตน อนั ดบั แรกใหเขา ไปเขยา ตัว พรอมทั้งปลกุ เรยี กเพอื่ ประเมินการรูสติ เพราะถารสู ติกต็ อ งหายใจและหวั ใจกย็ งั เตนอยู ทาํ ใหหยดุ ข้นั ตอนท่จี ะทาํ ตอได ถา ทําการปลกุ เรยี กแลวไมม ีการตอบสนอง ใหเ ร่มิ เขาข้นั ตอนท่2ี ทนั ที ขัน้ ตอนที่2 เรยี กใหค นตามหนว ยกูช พี /รถพยาบาล/ทมี กูช พี (Call for help) ขน้ั ตอนน้ีจําเปนมากกอ นการทาํ ข้นั ตอนตอ ไป เพราะปฏบิ ตั กิ ารชวยชีวิตตอ งทาํ งานเปน ทีม ดังนั้นกอนทเี่ ราจะทําการ ผายปอดปม หัวใจ จะตองเรียกใหคนตามทมี มาชวยกอ นเสมอ ซงึ่ ถา เปน นอกโรงพยาบาลกต็ ามหนวยกูช ีพ เชน หนวยกูช พี นเรนทร โทร.1669,รถพยาบาลโรงพยาบาลตางๆ หรอื ถา เหตุเกติ ทโ่ี รงพยาบาล เชน หองฉุกเฉนิ กต็ อ งประกาศเสยี งตามสายตาม code ของโรงพยาบาล เชน 123 ทห่ี อ งฉกุ เฉนิ , 191 ทห่ี อ งฉกุ เฉิน เปน ตน
ขั้นตอนที3่ การเปด ทางเดนิ หายใจ(A= Airway) ใหทําการเปดทางเดินหายใจ ไมใหล้ินไปอดุ หลอดลม โดยการดันหนาผากดึงคาง(head tilt-chin lift) โดยใชฝา มอื ดนั หนา ผากผูป วยลง ขณะทีอ่ ีกมือหนึ่งใชน้วิ ช้ีและน้ิวกลางยกคางสวนที่ เปน กระดกู ขนึ้ โดยไมก ดเนื้อเยอ่ื ใตคาง ในกรณีทสี่ งสัยวากระดูกตน คอหัก จะตอ งเปด ทางเดินหายใจโดยการยกขากรรไกรลาง (jaw thrust) เพือ่ ปอ งกันไมใ หม ีการขยับของกระดกู ตนคอท่ีหกั ซงึ่ จะไปกดทับเสน ประสาทไขสัน หลังบรเิ วณคอทาํ ใหหยดุ หายใจหรอื เปน อัมพาตได วิธกี ารทํา jaw thrustโดยผูช วยชวี ิตอยูท างดานศีรษะผปู วยหนั หนา ไปทางเทา ผปู ว ย วางมอื ท้งั สองขางบริเวณแกมผหู มด สติ ใหน ิว้ หวั แมม ือกดยันกระดูกขากรรไกรลา งตรงใตมุมปากทงั้ สองขาง(เพื่อชว ยยนั ไมใหม ีการดงึ ขากรรไกรลา งขึ้นไปตามแนว ศีรษะผูปวยเพราะจะทาํ ใหก ระดูกตน คอมกี ารขยับในลักษณะแหงนคอ) น้วิ ที่เหลือท้ัง4นวิ้ เกย่ี วขากรรไกรลา ง เอาขอ ศอกยนั บนพืน้ ทีผ่ หู มดสตนิ อนอยู แลว ยกขากรรไกรลา งขึน้ มาในแนวด่งิ ซงึ่ จะทําใหลิน้ ไมไ ปอดุ หลอดลม(วธิ นี บ้ี ริเวณสวนขอ มือของผทู าํ จะทาํ หนาที่กดศรี ษะผหู มดสตไิ วไ มใหยกตาม) ขั้นตอนท4ี่ ตรวจสอบการหายใจ ใชเ วลาไมน อ ยกวา 5วนิ าทีแตไมนานเกิน 10วินาท(ี Check breathing) ทาํ โดยการเอยี งหผู ูทาํ ไปบริเวณใกลจ มูกผูหมดสติ ตาหันไปดูบรเิ วณหนา อกผูหมดสติเพือ่ ดวู า มีการเคลอ่ื นไหวบริเวณหนา อกซึ่งบง วา มีการหายใจหรอื ไม ขณะเดียวกัน หขู องผทู ําจะฟง เสยี งการ หายใจและแกม เปน ตวั รบั สัมผสั ลมหายใจท่อี าจจะออกมาจากจมูกหรอื ปากของผหู มดสติ ขัน้ ตอนท5่ี เรมิ่ การชวยผายปอด(B= Breathing) กรณีผูหมดสติไมห ายใจ หรือหายใจไมเพียงพอ (air hunger or gasping)ใหเรมิ่ ชวยผายปอดโดยการเปาปาก, ใช pocket mask หรอื ใช ambu bag โดยตอ งจบั สว น mask ใหแ นบกับใบหนา ผหู มดสติบริเวณจมูกและปากไมใ หม ีลมรวั่ เวลาผาย ปอด โดยใชเทคนคิ ทีเ่ รียกวา C-E clamp technique คอื นว้ิ หวั แมมอื และนิว้ ชี้ทําเปน รปู ตัว C กดบริเวณรอบรูเปดของ mask สวน น้ิวทเ่ี หลือวางเรียงกนั เปนรปู ตัว E เก่ียวใตขากรรไกรลา ง แลว ใชเทคนคิ ของการ clampคอื ทงั้ สองสวนบบี เขาหากันเพื่อใหผ ิว สัมผัสของ maskแนบกับใบหนา ของผูหมดสติ ใหท ําการผายปอด 2ครั้งโดยเปา ลมเขาประมาณ 1 วินาที/ครั้ง โดยเห็นบรเิ วณ หนา อกผหู มดสตขิ ยบั ขน้ึ แลว ปลอยใหล มออกกอ นเปาครัง้ ตอไป ขน้ั ตอนท่ี6 คลาํ ชีพจร ใชเ วลาไมน อ ยกวา 5วนิ าทแี ตไ มนานเกิน 10วนิ าท(ี check pulse) แนะนําใหคลําหาชีพจรทีค่ อ(carotid pulse) โดยใชน วิ้ ชแี้ ละนว้ิ กลางวางบนลกู กระเดือก (thyroid cartilage) แลว เล่อื นนวิ้ ลงมาตามแนวหลอดลมลงไปถงึ รองดานขา งท่อี ยรู ะหวางหลอดลม กบั กลามเนอื้ คอ(sternocleidomastoid) กรณีคลาํ ชีพจรได แตไมหายใจ ไมต อ งทําการกดหนา อกปม หัวใจ ใหวัดความดันโลหิตทัน ที และผายปอดชวยหายใจทกุ 5-6วนิ าที หรอื ประมาณ 10-12 ครงั้ ตอ นาที (โดยปกติจะพบผูปวย อยู 3แบบคอื หายใจและมชี ีพจร, ไมหายใจแตยงั มีชพี จร, ไมห ายใจและไมมชี พี จร) กรณีคลําชีพจรไมไ ด ใหถือเสมือนวาหวั ใจหยดุ เตนเสมอใหทาํ ตามข้ันตอนท่ี7 ทนั ที
ขนั้ ตอนท่7ี หาตาํ แหนงวางมอื กดหนา อก วางสน มอื บริเวณกึง่ กลางระหวา งแนวหวั นมทัง้ สองขางบริเวณกระดูกหนาอก วางประสานอกี มือ หน่ึงไปบนมือแรก ประสานนว้ิ มอื ท้ังสองเขาดว ยกัน แขนเหยียดตรงหามงอขอ ศอก ขั้นตอนท่8ี เริม่ กดหนา อกปม หัวใจ(C= circulation) การกดหนา อกทม่ี ปี ระสิทธิภาพ (effective chest compression) ประกอบดวย 1.push hard and fast กดแรงพอในแนวด่งิ คือหนาอกยบุ ลง 1.5-2 น้ิว และเร็วพอ คืออัตราการกด 100คร้ังตอ นาที 2.full chest recoil กอนกดคร้งั ตอไปตองใหห นา อกกลบั คืนตาํ แหนง เดิมกอ น 3.minimize interruption หลกี เล่ียงการหยุดกดหนาอกโดยไมจาํ เปน เชนไมห ยุดกดหนา อกระหวา งการแทงน้าํ เกลอื ไมห ยุด กดเพือ่ ดูEKGบอ ยๆ(เราจะดู ECG หรือท่ีเรยี กวา rhythm check ทุก 5 cyclesหรือประมาณ 2นาทีเทา น้ัน) แตจ ะหยุดกดหลงั การกด 30ครัง้ เพือ่ ผายปอด 2ครงั้ สลับกันไป ถอื เปน 1 cycle(ratio 30:2) ซึ่งอัตราสว น 30:2นี้ใชท ้งั กรณีผชู วยชวี ิต 1หรอื 2คนหรือมากกวา (ยกเวนทารกแรกเกดิ ถามีผูชว ยชีวติ 2คนใหใชอ ตั ราสวนกดหนา อก:ผายปอดเปน 15:2แทน) การใช advanced airway ไดแ ก endotracheal tube, combitube, LMA ไมแนะนําใหท ําเปนอนั ดับแรกถา สามารถเปด ทางเดินหายใจไดดี แตถ า เปน ในโรงพยาบาลท่มี ที ีมพรอ มเพยี งพอก็ใหใ ช advanced airway ได โดยถา ใส advanced airway แลว ใหกดหนา อกไปตลอดโดยไมตองหยดุ เพอ่ื ผายปอด และการผายปอดผา น advanced airway ใหท ําทุก 6-8วนิ าที หรอื ประมาณ 8-10ครงั้ ตอนาท;ี ไมแ นะนาํ ใหทาํ hyperventilationคอื ผายปอดเรว็ และถเ่ี กนิ ไป สว นท่ี2 การเรมิ่ algorithmสําหรบั การชวยชวี ติ ขัน้ สูง หลังจากทาํ ตามขัน้ ตอนการชวยชีวิตขั้นพืน้ ฐานแลว และมที ีมพรอ มทั้งเครื่องมือ ใหต ดิ เคร่ืองตรวจคลื่นไฟฟา หวั ใจ และ เปด เสนนํา้ เกลือ เพ่อื เตรยี มทําการชวยชวี ิตข้ันสูง โดยแบงเปน 3 algorithm หลักดงั น้ี Algorithm1 Pulseless arrest Algorithm2 Tachycardia with pulse หัวใจมักเตนเรว็ กวา 150ครง้ั ตอ นาที Algorithm3 Bradycardia with pulse หัวใจมกั เตน ชา กวา 60ครงั้ ตอนาที นอกจากนยี้ ังมี algorithm ทมี่ ีใน 2005 guidelineทีไ่ มไดก ลา วถึงในที่น้ไี ดแก Acute coronary syndromes Stroke
Algorithm1 Pulseless arrest
ปฏบิ ตั ิตามแผนภมู ิ โดยมปี ระเด็นที่ตอ งเนนคอื -ในการทําdefibrillation ไมตองกงั วลเรอ่ื งเคร่ืองวา เปน monophasic หรือ biphasic เพราะโดยปกติเคร่ืองจะออกแบบ ใหตัวเลขสูงสดุ เปนคาที่เหมาะสาํ หรบั การใชท าํ defibrillationอยแู ลว เชน เคร่อื งแบบ Biphasic truncated exponential ก็จะมีคา สูงสดุ ทีต่ วั เลข 200J เปน ตน -หลังทํา defibrillation แลว ใหเรม่ิ กดหนา อกตอทันที ไมต องดู ECG เราจะดEู CG(rhythm check)หลงั จากdefibrillation ไปอกี 5 cycles หรือประมาณ 2นาที -ไมม กี ารทาํ defibrillation หรอื pacing ในกรณีทเ่ี ปน asystole or PEA -rhythm check ไมควรเกนิ 10วินาทแี ละตอ งคลาํ pulseดดู ว ยกรณที ี่ไมใช VT/VF เชน ECGเปน sinus rhythm แตคลํา ชพี จรไมได เราจะจัดเปน PEA(pulseless electrical activity)ตอ งทําการปม หัวใจตอ -ECGของPEA สามารถเปนไดทกุ รูปแบบ โดยตอง rule out VT,VF,asystoleกอ นเสมอ(VT,VF,asystoleไมจ ดั เปน PEA); ดังนนั้ จงึ อาจมีไดทงั้ fastPEA และ slowPEA(HRจากECGชา ) -การวางpaddleสําหรับทาํ defibrillationใหว างท่ตี าํ แหนง หนา อกดานขวาบนใตต อ กระดไู หปลาราขวา(ไมใชว างทร่ี ะดูก หนา อกตรงกลาง) และอีกตําแหนง วางทใ่ี กลapexของหัวใจคือดา นซายตอหัวนมซา ยโดยขอบบนของpaddle อยใู ตต อซอกรักแร ประมาณ2-3นวิ้ -ในกรณี VF/VT ยังตอ งให epinephrine 1mg IV ทุก 3-5 นาทีไปตลอดเหมือนกรณี asystole/PEA -การใหa tropine กรณี asystole/slow PEA(ไมมีการแนะนําใหa tropineในรายทเ่ี ปน fastPEA) ตอ งใหข นาด 1mg ทกุ 3-5 นาทีไมเ กนิ 3 doses ขนาดทีใ่ หจ ะเปนสองเทา ของขนาดทใี่ หก รณี bradycardia -ระหวางทาํ CPRตองหาสาเหตทุ ่เี ปน contributing factors ดว ยทุกราย (6H 5T)
Algorithm2 Tachycardia with pulse
ปฏิบัติตามแผนภมู ิ โดยมีประเด็นทตี่ องเนน คอื -HRควรเกนิ 150ครัง้ ตอ นาทถี ึงจะสามารถอธิบายไดว า หวั ใจเตนเรว็ เปน ตน เหตใุ หม อี าการ -กรณีที่เรียกวา unstable ไมไ ดหมายความเฉพาะความดันโลหิตตาํ่ เทาน้นั แตรวมถึงการมีอาการแนนหนาอกจากหวั ใจ ขาดเลอื ด, ระดับการรสู ติซึมลงดวย -การทํา synchronized cardioversion ใหใ ชพลังงาน(for monophasic defibrillator)ดังน้ี Atrial fibrillation 100,200,300,360J SVT,atrial flutter 50,100,200,300,360 J Stable monomorphicVT 100,200,300,360J Polymorphic VT มักจะ unstable 360J เหมอื น VF -ผปู ว ยอาจเริม่ จาก algorithm tachycardia with pulse แตต อมาอาจจะเกิด pulseless arrestได ซึง่ ตอ งเปลยี่ นไปให การรักษาแบบ pulseless arrestดว ย -ระหวางการรักษา ตอ งหาสาเหตทุ ่เี ปน contributing factors ดวยทุกราย (6H 5T) Algorithm3 Bradycardia with pulse ปฏบิ ัติตามแผนภูมิ โดยมปี ระเด็นท่ีตองเนนคือ -กรณที ีใ่ ห atropine หามใหข นาดทีต่ าํ่ กวา 0.5mg โดยเดด็ ขาด เพราะจะทําใหเกิด paradoxical response คือ HR จะ ย่งิ ชาลงกวา เดิม และเราสามารถใหไดท ุก 3-5นาที สงู สุดไมเ กิน 3mg แตโ ดยปกติแลว ถา ใหไ ป 2-3 doses ไมไ ดผลก็จะใช transcutaneous pacing แทน -เรามักจะtryให atropine กอ นถา ไมไ ดผลใหเริ่ม transcutaneous pacing ยกเวน กรณี high degree AV block(second degree AV block Mobitz type II,third degree AV block)ใหเ รมิ่ transcutaneous pacing เลยโดยไมตองtry atropine กอ น -การดวู า pacemaker ทาํ งานดหี รือไม จะไมค ลํา carotid pulse เพราะจะมกี ลา มเน้ือกระตุกทาํ ใหร ูสกึ เหมอื นมี pulseท่ี คอได ใหคลํา femoral pulse แทน -อยาดูเฉพาะ electrical capture จาก ECG อยา งเดียว ตองคลํา femoral pulse เพอื่ ดู mechanical captureดว ยวา ได pulse rate ตรงตาม rate ของ pacemaker ท่ีตัง้ ไวหรอื ไม -การตงั้ คา output ของ pacemaker ใหต ้ังสูงกวาคา ที่mechanical capture ไดส มบรู ณ ประมาณ 2mA -mode การตง้ั external pacemaker มี 2แบบคือ fixed mode และ demand mode ตา งกันที่ demand mode เครื่อง จะcheck HR กอ น pace ถาHRเรว็ กวาทีต่ ั้งไวคอื หวั ใจผูปวยเตน เอง เครื่องจะไม paceในcycleนัน้ อาจใชm odeนีใ้ นระยะแรก หรือระยะตอมาทก่ี าํ ลัง weanเครือ่ ง;แตถ า เปน กรณี fixed mode เครอื่ งจะpace ตามrate ทีต่ ้ังไวโดยไมสนใจวา หัวใจผูปวยจะเตน เรว็ หรือชามักจะใช modeน้ีในระยะแรกของการรักษา -ระหวา งการรกั ษา ตอ งหาสาเหตุทีเ่ ปน contributing factors ดวยทุกราย (6H 5T)
ยาที่ใชบ อยในการชว ยชวี ติ (ACLS Core Drugs)
เอกสารอา งองิ 1. 2005 American Heart Association Guidelines for Cardiopulmonary Resuscitation and Emergency Cardiovascular Care.Circulation 2005 Vol. 112, Issue 24 Supplement ……download full guidelines ไดท่ี http://circ.ahajournals.org/content/vol112/24_suppl/
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: