Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน-2566-เนินโพธิ์

หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน-2566-เนินโพธิ์

Published by NATHDANAI, 2023-05-21 04:40:15

Description: หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน-2566-เนินโพธิ์

Search

Read the Text Version

ก หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นเนินโพธิ์ พุทธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)

ก ก ประกาศโรงเรยี นบ้านเนนิ โพธิ์ เร่อื ง ใหใ้ ช้หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นบ้านเนินโพธิ์ พุทธศกั ราช 2566 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง 2560) …………………………………………………………………… เพ่ือใหก้ ารจดั การศึกษาขนั้ พื้นฐานสอดคล้องกับความก้าวหนา้ ทางวทิ ยาการและการเปลี่ยนแปลง ทางสังคม วัฒนธรรมและเศรษฐกิจ เปน็ การยกระดบั คณุ ภาพการศกึ ษาและการเรยี นรทู้ ีต่ อบสนองตอ่ การ เปล่ียนแปลงของโลกในศตวรรษที่ 21 โดยมงุ่ พัฒนาผเู้ รยี นทกุ ระดับการศึกษาใหม้ ีความรูท้ ักษะ และ คณุ ลักษณะทเ่ี หมาะสมกับสงั คมไทย เปน็ ไปตามนโยบายการจดั การศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อพฒั นา เด็กและเยาวชนไทยทุกคนในระดับการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐานใหม้ คี ณุ ภาพด้านความรู้และทกั ษะที่จาเป็นสาหรบั การ ดารงชีวิตในสังคมที่มีการเปล่ียนแปลง และแสวงหาความรเู้ พือ่ พฒั นาตนเองอยา่ งต่อเน่ืองตลอดชีวติ เป็นไป ตามเจตนารมณ์ของหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐานพทุ ธศกั ราช 2551 ท้ังนี้หลักสูตรโรงเรียนได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เมื่อวันท่ี 1 พฤษภาคม ๒๕๖6 จึงประกาศใหใ้ ชห้ ลักสตู รโรงเรยี นตั้งแตบ่ ัดนี้เป็นตน้ ไป ประกาศ ณ วนั ที่ 1 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖6 หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นเนนิ โพธิ์ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)

๑ หลักสตู รโรงเรียนบา้ นเนนิ โพธ์ิ พทุ ธศักราช 2566 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พุทธศกั ราช 2560) ความนา กระทรวงศกึ ษาธิการไดป้ ระกาศใชม้ าตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชวี้ ดั กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภมู ศิ าสตรใ์ นกล่มุ สาระการเรียนรสู้ ังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ตามคาสั่งกระทรวงศกึ ษาธิการ ท่ี สพฐ. ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวันท่ี ๗ สงิ หาคม ๒๕๖๐ และคาส่ังสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน ท่ี ๓๐/๒๕๖๑ ลงวนั ท่ี ๕ มกราคม ๒๕๖๑ ให้เปลี่ยนแปลงมาตรฐานการเรียนร้แู ละตวั ชว้ี ัด กลมุ่ สาระการ เรียนรู้คณติ ศาสตรแ์ ละวิทยาศาสตร์ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) โดยมคี าสง่ั ให้โรงเรียนดาเนินการใช้หลกั สูตร ในปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๑ โดยใหใ้ ช้ในช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๑ และ ๔ ต้งั แต่ปีการศึกษา ๒๕๖๑ เป็นตน้ มา ให้เป็น หลกั สูตรแกนกลางของประเทศ โดยกาหนดจุดหมาย และมาตรฐานการเรยี นรู้เป็นเปา้ หมายและกรอบทิศทาง ในการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี นมีพฒั นาการเตม็ ตามศกั ยภาพ มคี ุณภาพและมีทกั ษะการเรียนรใู้ นศตวรรษที่ ๒๑ เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกับนโยบายและเป้าหมายของสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน โรงเรยี นบา้ นเนนิ โพธ์ิ จึงไดท้ าการปรบั ปรุงหลักสูตรสถานศกึ ษา พทุ ธศกั ราช ๒๕๖6 ในกลุ่มสาระการ เรยี นรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมศิ าสตรใ์ นกลุ่มสาระการเรยี นรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนา และ วฒั นธรรม เพ่อื นาไปใชป้ ระโยชน์และเป็นกรอบในการวางแผนและพฒั นาหลกั สูตรของสถานศกึ ษาและจัดการ เรียนการสอน โดยมเี ปา้ หมายในการพฒั นาคุณภาพผู้เรยี น ให้มีกระบวนการนาหลกั สตู รไปสกู่ ารปฏิบัติ โดยมี การกาหนดวสิ ยั ทัศน์ จุดหมาย สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มาตรฐานการเรียนรู้ และตวั ช้วี ดั โครงสร้างเวลาเรียน ตลอดจนเกณฑ์การวัดประเมินผลให้มีความสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนรู้ เปิดโอกาสให้โรงเรยี นสามารถกาหนดทิศทางในการจดั ทาหลักสูตรการเรียนการสอนในแต่ละระดบั ตามความ พรอ้ มและจุดเนน้ โดยมกี รอบแกนกลางเป็นแนวทางทช่ี ัดเจนเพอื่ ตอบสนองนโยบายไทยแลนด์ ๔.๐ มีความ พร้อมในการก้าวสู่สงั คมคุณภาพ มีความรูอ้ ยา่ งแท้จรงิ และมที กั ษะในศตวรรษท่ี ๒๑ มาตรฐานการเรียนร้แู ละตัวชวี้ ัดท่กี าหนดไว้ในเอกสารน้ี ชว่ ยทาใหห้ นว่ ยงานทเ่ี กีย่ วขอ้ ง ในทุกระดบั เห็นผลคาดหวงั ทีต่ อ้ งการในการพัฒนาการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี นทช่ี ดั เจนตลอดแนว ซ่งึ จะสามารถชว่ ยให้ หนว่ ยงานทเี่ ก่ียวขอ้ งในระดับท้องถ่ินและสถานศึกษาร่วมกันพฒั นาหลักสูตรได้อยา่ งมน่ั ใจ ทาให้การจัดทา หลกั สูตรในระดบั สถานศึกษามีคณุ ภาพและมคี วามเป็นเอกภาพยงิ่ ขึ้น อีกทงั้ ยังช่วยใหเ้ กิดความชดั เจนเร่ืองการ วัดและประเมินผลการเรียนรู้ และชว่ ยแกป้ ัญหาการเทียบโอนระหวา่ งสถานศกึ ษา ดงั นัน้ ในการพฒั นา หลกั สูตรในทกุ ระดบั ตั้งแต่ระดบั ชาติจนกระทั่งถงึ สถานศกึ ษา จะต้องสะทอ้ นคณุ ภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชว้ี ดั ทก่ี าหนดไว้ในหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน รวมท้งั เปน็ กรอบทิศทางในการจัดการศกึ ษา ทกุ รูปแบบ และครอบคลมุ ผเู้ รียนทุกกลุ่มเปา้ หมายในระดบั การศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน การจดั หลักสตู รการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานจะประสบความสาเรจ็ ตามเป้าหมายทคี่ าดหวังได้ทกุ ฝา่ ยท่ี เกย่ี วขอ้ งท้ังระดับชาติ ชมุ ชน ครอบครัว และบุคคลตอ้ งรว่ มรบั ผิดชอบ โดยรว่ มกันทางานอยา่ งเป็นระบบ และ ต่อเน่ือง ในการวางแผน ดาเนนิ การ สง่ เสริมสนบั สนุน ตรวจสอบ ตลอดจนปรบั ปรุงแก้ไข เพอื่ พัฒนาเยาวชน ของชาติไปสคู่ ุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรทู้ ่ีกาหนดไว้ หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านเนินโพธิ์ พุทธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)

๒ ลงชื่อ (นายณัฐดนยั ศรที ะบาล) ผู้อานวยการโรงเรยี นบ้านเนินโพธ์ิ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านเนินโพธิ์ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

สารบญั ๓ เรื่อง หน้า ก ประกาศโรงเรียน ข คานา ค สารบญั ๑ ความนา 6 7 วสิ ัยทศั น์ 7 สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน 9 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ โครงสร้างเวลาเรยี น ๒6 คาอธิบายรายวชิ า 35 กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ๔1 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ 49 กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 61 กลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๖7 กลุ่มสาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ประวตั ศิ าสตร์) ๗4 กลุ่มสาระการเรียนรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา 86 กล่มุ สาระการเรียนรศู้ ิลปะ 92 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชพี ๙9 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ 104 รายวชิ าเพม่ิ เติม การปอ้ งกนั การทจุ ริต รายวิชาเพ่มิ เตมิ ภาษาอังกฤษ 107 กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น 108 - กิจกรรมแนะแนว 116 - กจิ กรรมนกั เรียน 122 - คาอธบิ ายรายวิชากิจกรรมชุมนมุ กิจกรรม 124 - เพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ เกณฑ์การจบการศึกษา 125 ภาคผนวก หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านเนนิ โพธ์ิ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

๔ ลกั ษณะของหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นบา้ นเนินโพธิ์ พทุ ธศักราช ๒๕๖6 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ 2560) หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นเนินโพธ์ิ พุทธศักราช ๒๕๖6 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เป็นหลักสูตรที่โรงเรียนได้พัฒนาข้ึนเพ่ือพัฒนาผู้เรียนในระดับประถมศึกษา โดยยดึ องคป์ ระกอบหลักสาคญั ๕ ส่วนคอื ๑) หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐานพุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ๒) มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ช้ีวัดกลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภมู ศิ าสตรใ์ นกลุ่ม สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ๓) นโยบายการจัดการเรียนการสอนหน้าท่ีพลเมือง ๔) กรอบ หลักสูตรระดับท้องถิ่น และ ๕) สาระสาคัญ จุดเน้นท่ีโรงเรียนพัฒนาเพิ่มเติม เป็นกรอบในการจัดทา รายละเอียดเพ่ือให้เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพ้ืนฐานที่กาหนดเหมาะสมกับสภาพชุมชนและท้องถ่ิน และจุดเน้นของโรงเรียน โดยหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านเนินโพธิ์ พุทธศักราช ๒๕๖6 ตามหลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ ทีพ่ ัฒนาขึ้นมลี กั ษณะของหลกั สูตร ดงั น้ี ๑. เปน็ หลักสตู รเฉพาะของโรงเรยี นบ้านเนินโพธ์ิ สาหรับจดั การศกึ ษาในหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขัน้ พืน้ ฐานจดั ในระดับประถมศกึ ษา ๒. เป็นหลักสูตรที่มีความเป็นเอกภาพสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ สาหรับให้ครูผู้สอนนาไปจัดการเรียนรู้ได้อย่างหลากหลาย โดยกาหนดให้มีรายละเอียด ดังนี้ ๒.๑ สาระการเรียนร้ทู ีโ่ รงเรียนใช้เป็นหลักเพ่อื สรา้ งพื้นฐานการคิด การเรยี นรู้ และการแก้ปญั หา ประกอบด้วย ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๒.๒ สาระการเรยี นรูท้ ี่เสริมสรา้ งความเปน็ มนุษย์ ศกั ยภาพการคิดและการทางาน ประกอบดว้ ย สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สุขศกึ ษาและพลศึกษา ศลิ ปะ การงานอาชพี และภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ๒.๓ สาระการเรยี นรู้เพิม่ เตมิ โดยจดั ทาเป็นรายวิชา/กจิ กรรมเพิม่ เตมิ ตามความเหมาะสมและ สอดคลอ้ งกบั โครงสรา้ งเวลาเรียน สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถ่ิน ความต้องการของผ้เู รียน และบริบทของโรงเรยี น และเพิ่มวิชาหน้าท่พี ลเมอื ง และภาษาอังกฤษ (เพ่ิมเติม) ให้สอดคลอ้ งกับนโยบายของสานักงานเขตพ้นื ที่ การศกึ ษาประถมศึกษาพจิ ิตร เขต ๒ สานักงานงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน และ กระทรวงศึกษาธกิ ารดว้ ย ๒.๔ กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น เพ่อื พฒั นาผเู้ รยี นทั้งด้านรา่ งกาย จิตใจ สตปิ ญั ญา อารมณ์ และ สังคม เสริมสรา้ งการเรียนรนู้ อกจากกล่มุ สาระการเรยี นรู้ ๘ กลุม่ และการพฒั นาตนตามศักยภาพ ๒.๕ การกาหนดมาตรฐานของโรงเรียนทส่ี อดคล้องกบั มาตรฐานระดบั ต่างๆ เพือ่ เป็นเป้าหมายของ การพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน จัดทารายละเอียดสาระการเรียนรู้และจัดกระบวนการเรียนรู้ให้ สอดคลอ้ งกบั สภาพในชมุ ชน สังคม และภมู ิปัญญาท้องถิ่น ๓. มมี าตรฐานการเรียนรู้เปน็ เป้าหมายสาคัญของการพฒั นาคณุ ภาพหลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี น บ้านเนินโพธ์ิ พุทธศักราช ๒๕๖6 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับ ปรับปรุง 2560) เป็นหลักสูตรท่ีมีมาตรฐานเป็นตัวกาหนดเกี่ยวกับความรู้ ทักษะ กระบวนการ สมรรถนะ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นเนินโพธิ์ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

๕ และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ของผู้เรียน เพ่อื เป็นแนวทางในการประกนั คุณภาพการศึกษา โดยมกี ารกาหนด มาตรฐานไวด้ ังนี้ ๓.๑ มาตรฐานหลักสตู ร เป็นมาตรฐานดา้ นผู้เรียนหรือผลผลิตของหลกั สตู รโรงเรยี น เกิดขน้ึ จากการ จัดกิจกรรมตามโครงสร้างของหลักสูตรทั้งหมดของครู และใช้เป็นแนวทางในการตรวจสอบคุณภาพโดยรวม ของการจดั การศกึ ษาตามหลักสูตรในทกุ ระดับ ซง่ึ โรงเรียนตอ้ งใช้สาหรับการประเมินตนเองเพอ่ื จัดทารายงาน ประจาปีตามบทบัญญัติในพระราชบัญญัติการศึกษา เพื่อนามาเป็นข้อมูลใน การกาหนดแนวปฏิบัติในการ ส่งเสรมิ กากับ ติดตาม ดูแล และปรบั ปรงุ คุณภาพ เพื่อให้ไดต้ ามมาตรฐานท่ีกาหนด ๓.๒ มีตัวช้ีวัดช้ันปี เป็นเป้าหมายระบุสิ่งที่นักเรียนพึงรแู้ ละปฏิบัติได้ รวมทั้งคุณลักษณะของผู้เรยี น ในแต่ละระดับชน้ั ซง่ึ สะท้อนถงึ มาตรฐานการเรียนรู้ มีความเฉพาะเจาะจง และมีความเป็นรปู ธรรม นาไปใช้ใน การกาหนดเนื้อหา จัดทาหน่วยการเรียนรู้ จัดการเรียนการสอน และเป็นเกณฑ์สาคัญสาหรับ การวัด ประเมินผลเพ่ือตรวจสอบคุณภาพผู้เรียน ตรวจสอบพัฒนาการผู้เรียน ความรู้ ทักษะ กระบวนการ คุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมอันพึงประสงค์และเป็นหลักในการเทียบโอนความรู้และประสบการณ์จากการศึกษาใน ระบบ นอกระบบและตามอธั ยาศยั ๓.๓ มคี วามเป็นสากล ความเป็นสากลของหลักสูตรโรงเรียน คือมุ่งให้ผ้เู รียนมคี วามรู้ ความสามารถ ในเร่ืองเทคโนโลยสี ารสนเทศ ภาษาอังกฤษ การจัดการสิ่งแวดล้อม ภมู ิปญั ญาทอ้ งถน่ิ มีคณุ ลักษณะที่จาเปน็ ใน การอยู่ในสังคมได้แก่ ความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ การตรงต่อเวลา การเสียสละ การเอ้ือเฟื้อ โดยอยู่บน พื้นฐานของความพอดีระหว่างการเป็นผู้นา และผู้ตาม การทางานเป็นทีม และการทางานตามลาพัง การ แข่งขัน การรู้จักพอและการร่วมมือกันเพอ่ื สังคม วิทยาการสมัยใหม่ และภูมิปัญญาท้องถิ่น การรับวัฒนธรรม ต่างประเทศ และการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยการฝึกฝนทักษะเฉพาะทาง และการบูรณาการในลักษณะท่ีเป็น องค์รวม ๔. มคี วามยดื หยุ่น หลากหลาย หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นบา้ นเนินโพธิ์ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (เปน็ หลักสตู รท่ีโรงเรยี นจัดทารายละเอียด ตา่ งๆ ข้นึ เอง โดยยึดโครงสรา้ งหลักทกี่ าหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กรอบหลักสูตรระดับท้องถ่ิน เป็นขอบข่ายในการจัดทา จึงทาให้หลักสูตรของโรงเรียนมีความยืดหยุ่น หลากหลายสอดคล้องกบั สภาพปัญหา และความต้องการของท้องถ่ิน โดยเฉพาะอย่างยิง่ มีความเหมาะสมกบั ตัวผูเ้ รยี น ๕. การวดั และประเมนิ ผลเนน้ หลักการพ้ืนฐานสองประการคอื การประเมินเพอ่ื พฒั นาผเู้ รยี นและ เพือ่ ตดั สินผลการเรียน โดยผเู้ รยี นต้องได้รบั การพฒั นาและประเมินตามตัวชีว้ ัดเพ่อื ใหบ้ รรลุตามมาตรฐาน การเรยี นรู้ สะทอ้ นสมรรถนะสาคญั และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องผูเ้ รยี นเป็นเป้าหมายหลักในการวดั และ ประเมินผลการเรยี นรใู้ นทุกระดบั ไมว่ า่ จะเปน็ ระดับชั้นเรยี น ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษา และ ระดบั ชาติ การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพฒั นาคุณภาพผูเ้ รยี น และใชผ้ ลการประเมนิ เป็น ข้อมูลและสารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสาเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจน ขอ้ มูลทเ่ี ป็นประโยชน์ตอ่ การสง่ เสริมให้ผูเ้ รียนเกิดการพฒั นาและเรยี นรูอ้ ยา่ งเตม็ ตามศักยภาพ หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นเนนิ โพธ์ิ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

๖ วิสยั ทัศนห์ ลกั สูตรสถานศึกษา พุทธศกั ราช ๒๕๖6 โรงเรยี นบ้านเนนิ โพธ์ิ มุง่ มนั่ พฒั นาจดั การศกึ ษาใหน้ ักเรยี นมคี ุณภาพดา้ นความร้วู ชิ าการ มคี ณุ ธรรม จริยธรรม สามารถดารงชวี ิตได้อย่างมคี วามสุข และอนุรกั ษ์ความเปน็ ไทยโดยการมีส่วนรว่ ม ของชมุ ชน น้อมนาปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง เปา้ ประสงคห์ ลกั สูตร (Corporate objective) ๑. เพื่อใหผ้ ูเ้ รียนทุกคนได้รับการปลูกฝงั คุณธรรม จริยธรรม มคี ุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มกี ารพฒั นา เตม็ ตามศักยภาพ มีทกั ษะชีวติ มีสขุ ภาพกายและสขุ ภาพจิตดี นาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาเปน็ แนวทางการดาเนนิ ชีวิต เป็นผ้นู าท่ีดขี องสงั คมและมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพอ่ื การ เรียนรู้และการส่ือสารอยา่ งหลากหลาย ผเู้ รียนมศี ักยภาพเป็นพลโลก (World Citizen) ๒. เพอ่ื ให้สถานศึกษามีระบบการบรหิ ารและจดั การศกึ ษาด้วยระบบคุณภาพ (Quality System Management) เพอื่ รองรบั การกระจายอานาจอย่างท่วั ถึง ๓. เพือ่ ให้บคุ ลากรทกุ คนมีทักษะวิชาชีพในการพฒั นาการเรยี นการสอนและใช้นวตั กรรมเทคโนโลยที ่ี ทนั สมัยยกระดับการจัดการเรียนการสอนเทียบเคียงมาตรฐานสากล (World Class standard) ๔. เพอ่ื ให้การใชง้ บประมาณและทรัพยากรของทุกหน่วยงานเปน็ ไปตามเป้าหมายไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ และประสทิ ธิผลสงู สุด วสิ ัยทัศน์ ภายในปี ๒๕๖6 โรงเรียนบา้ นเนนิ โพธ์ิ มงุ่ พัฒนาจัดการศึกษาให้นักเรยี นมีทกั ษะทางวิชาการ มี คุณธรรม จรยิ ธรรม สามารถดารงชีวติ ไดอ้ ย่างมคี วามสุขตามแนวพระราชดาริ พนั ธกจิ ๑. จดั การศึกษาระดับปฐมวัยและระดบั ประถมศึกษา ๒. จัดกิจกรรมการเรียนรทู้ ี่เน้นผเู้ รยี นเปน็ สาคญั และพัฒนาแหลง่ เรียนรู้ในสถานศึกษา ๓. จดั ภมู ทิ ัศน์ในสถานศกึ ษา ให้มีสภาพท่เี ออ้ื ต่อการเรยี นรู้นา่ ดู นา่ อยู่ นา่ เรยี น ๔. สง่ เสริมภูมปิ ัญญาท้องถ่นิ และจัดกจิ กรรมการเรียนรตู้ ามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ๕. จัดกจิ กรรมทส่ี ่งเสรมิ และสนบั สนุนการพัฒนาคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ของผูเ้ รียน ๖. จดั กจิ กรรมที่สง่ เสริมและปลกู จิตสานกึ การอนุรักษศ์ ิลปวฒั นธรรมขนบธรรมเนียมประเพณไี ทยและ ทอ้ งถิน่ เปา้ ประสงค์ ๑. นักเรยี นได้รบั บรกิ ารทางการศกึ ษาอยา่ งทั่วถึงและมคี ณุ ภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน ๒. โรงเรียนมีหลกั สตู รสถานศกึ ษาทีม่ ีคุณภาพไดม้ าตรฐาน ๓. นักเรยี นมคี วามสามารถในการนาเทคโนโลยไี ปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจาวัน ๔. บคุ ลากรได้รับการพฒั นาส่มู าตรฐานวชิ าชพี ๕. โรงเรียนมีภูมทิ ัศนส์ วยงามและแหลง่ เรยี นรู้ตามแนวปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงอยา่ งหลากหลาย ๖. โรงเรยี นได้รับความร่วมมอื จากชมุ ชนในการจดั การศกึ ษา หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านเนนิ โพธ์ิ พทุ ธศักราช ๒๕๖6 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

๗ สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น และคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ในการพฒั นาผเู้ รยี นตามหลกั สตู รโรงเรยี นบ้านเนนิ โพธ์ิพทุ ธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุง ๒๕๖๐) มงุ่ เน้นพฒั นาผู้เรียนใหม้ ีคุณภาพตาม มาตรฐานทก่ี าหนด ซ่งึ จะช่วยใหผ้ ู้เรียนเกิดสมรรถนะสาคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ดังนี้ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น หลกั สูตรโรงเรยี นบ้านเนินโพธ์ิ พทุ ธศักราช ๒๕๖6 มุ่งให้ผูเ้ รียนเกดิ สมรรถนะสาคัญ ๕ ประการ ดังนี้ ๑. ความสามารถในการส่อื สาร เปน็ ความสามารถในการรบั และส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใชภ้ าษา ถา่ ยทอดความคดิ ความรูค้ วามเขา้ ใจ ความรู้สึก และทศั นะของตนเองเพือ่ แลกเปลีย่ นข้อมูลข่าวสาร และประสบการณ์อันจะเป็นประโยชนต์ ่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมท้งั การเจรจาตอ่ รองเพอื่ ขจดั และลดปญั หาความขดั แย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรอื ไมร่ บั ขอ้ มลู ข่าวสารดว้ ยหลกั เหตุผลและความ ถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใชว้ ธิ ีการส่ือสาร ที่มีประสทิ ธภิ าพโดยคานึงถึงผลกระทบทม่ี ีต่อตนเองและ สังคม ๒. ความสามารถในการคิด เปน็ ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ การคิดสงั เคราะห์ การคิดอย่าง สรา้ งสรรค์ การคิดอย่างมวี ิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพือ่ นาไปสูก่ ารสรา้ งองค์ความรู้หรอื สารสนเทศเพื่อการตัดสนิ ใจเกี่ยวกบั ตนเองและสงั คมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ๓. ความสามารถในการแกป้ ัญหา เป็นความสามารถในการแกป้ ญั หาและอปุ สรรคต่าง ๆ ท่เี ผชญิ ได้ อยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม บนพนื้ ฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมลู สารสนเทศ เข้าใจความสมั พันธ์ และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณต์ ่าง ๆ ในสงั คม แสวงหาความรู้ ประยุกตค์ วามรู้มาใช้ในการ ป้องกนั และแกไ้ ขปัญหา และมีการตัดสนิ ใจท่มี ีประสทิ ธภิ าพโดยคานึงถงึ ผลกระทบท่ีเกิดข้ึน ต่อ ตนเอง สงั คมและส่ิงแวดล้อม ๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ เป็นความสามารถในการนากระบวนการตา่ ง ๆ ไปใช้ในการ ดาเนนิ ชีวติ ประจาวนั การเรยี นรู้ด้วยตนเอง การเรยี นรูอ้ ยา่ งต่อเน่อื ง การทางาน และการอยู่ร่วมกนั ในสังคมดว้ ยการสร้างเสรมิ ความสมั พนั ธอ์ ันดีระหวา่ งบคุ คล ๕. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี เปน็ ความสามารถในการเลือก และใช้เทคโนโลยดี ้านตา่ ง ๆ และมี ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่อื การพัฒนาตนเองและสังคม ในดา้ นการเรียนรู้ การสื่อสาร การ ทางาน การแกป้ ัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถกู ตอ้ ง เหมาะสม และมีคุณธรรม คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ หลักสูตรโรงเรียนบ้านเนนิ โพธ์ิ พทุ ธศกั ราช ๒๕66 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ 2560) ม่งุ พัฒนาผู้เรียนใหม้ ีคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ เพอ่ื ใหส้ ามารถอยู่ ร่วมกบั ผู้อืน่ ในสงั คมได้อยา่ งมีความสุข ในฐานะพลเมืองไทยและพลโลก ดงั น้ี ๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ๒. ซอ่ื สัตยส์ จุ รติ ๓. มีวนิ ยั ๔. ใฝเ่ รยี นรู้ ๕. อยู่อย่างพอเพียง ๖. มงุ่ ม่นั ในการทางาน หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นบ้านเนินโพธ์ิ พทุ ธศักราช ๒๕๖6 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

๘ ๗. รักความเปน็ ไทย ๘. มจี ติ สาธารณะ หลกั สูตรตา้ นทจุ ริตศกึ ษา สานักงานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมกบั สานักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน (สพฐ.) ได้จดั ทาหลักสูตรต้านทุจรติ ศกึ ษาสาหรบั ใชใ้ นทกุ ระดบั การศกึ ษา ในสว่ นของสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐานได้จัดทาหลกั สูตรตา้ นทุจริตศกึ ษา รายวชิ าเพมิ่ เตมิ “การปอ้ งกันการทุจริตขน้ึ ” และคณะรฐั มนตรมี มี ติเห็นชอบหลกั สูตรตา้ นทุจริตศึกษา เมอ่ื วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๑ และใหห้ น่วยงานท่เี กยี่ วข้องนาหลกั สูตรต้านทุจริตศกึ ษาไปปรบั ใชใ้ นการจัดการเรยี นการ สอนในสถานศกึ ษาโดยมงุ่ เน้นการสร้างความร้คู วามเขา้ ใจท่ีถูกตอ้ งเกีย่ วกบั ความหมายและขอบเขตของการ กระทาทจุ ริตในลกั ษณะต่าง ๆ ท้ังทางตรงและทางอ้อม ความเสยี หายทเ่ี กดิ จากการทุจริต ความสาคญั ของการ ต่อตา้ นการทจุ รติ รวมท้งั จัดใหม้ กี ารประเมินผลสัมฤทธิข์ องการจดั หลกั สตู รในแต่ละช่วงวัยของผูเ้ รยี นดว้ ย หลักสตู รต้านทจุ ริตศึกษา (Anti – Corruption Education) รายวิชาเพ่ิมเติม “การป้องกันการทุจรติ ” ประกอบด้วย ๔ หน่วยการเรียนรู้ ได้แก่ ๑) การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ สว่ นรวม ๒) ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทุจริต ๓) STRONG : จิตพอเพียงต้านทจุ ริต ๔) พลเมืองกบั ความรับผิดชอบตอ่ สังคม ที่สถานศึกษาจัดให้กบั ผู้เรยี นเพ่อื ปลูกฝงั และป้องกันการทจุ ริตไมใ่ หเ้ กดิ ขึ้น โดยเริม่ ปลูกฝงั ผเู้ รยี นต้งั แตช่ ้ันปฐมวัยจนถงึ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ ใหม้ คี วามรู้ความเข้าใจ มีทกั ษะกระบวนการ มี สมรรถนะที่สาคัญ และมคี ุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านเนนิ โพธิ์ พุทธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

๙ โครงสรา้ งเวลาเรียน หลกั สูตรโรงเรียนบา้ นเนนิ โพธ์ิ พุทธศักราช ๒๕๖6 กาหนดกรอบโครงสร้างเวลาเรยี นดงั นี้ กลมุ่ สาระการเรยี นร/ู้ กิจกรรม เวลาเรียน ระดบั ประถมศกึ ษา กลุ่มสาระการเรยี นรพู้ น้ื ฐาน ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ประวัติศาสตร์ (๑๒๐) (๑๒๐) (๑๒๐) (๑๒๐) (๑๒๐) (๑๒๐) ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ - ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม - หน้าท่ีพลเมอื ง วัฒนธรรมและการ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ดาเนินชวี ติ ในสังคม ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ - เศรษฐศาสตร์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ - ภมู ศิ าสตร์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ สุขศึกษาและพลศึกษา ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ศิลปะ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ การงานอาชีพ ภาษาตา่ งประเทศ(ภาษาอังกฤษพ้ืนฐาน) รวมเวลาเรยี น(พ้นื ฐาน) หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นบา้ นเนนิ โพธิ์ พทุ ธศักราช ๒๕๖6 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น ๑๐ 1. กิจกรรมแนะแนว (๑๒๐) (๑๒๐) (๑๒๐) (๑๒๐) (๑๒๐) (๑๒๐) 2. กิจกรรมนกั เรยี น ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ 2.1 กิจกรรมลูกเสอื ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ 2.2 กิจกรรมชุมนุม ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ 2.3 กิจกรรมเพอื่ สังคมและ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ สาธารณประโยชน์ สาระเพ่ิมเตมิ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๑,๐๐๐ชวั่ โมง/ปี • หนา้ ทีพ่ ลเมือง • ภาษาอังกฤษเพื่อการสอ่ื สาร ๑,๐๘๐ชั่วโมง/ปี รวมเวลาเรยี นทัง้ หมด หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นเนินโพธ์ิ พุทธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

๑๑ โครงสร้างหลักสูตรชัน้ ปี เป็นโครงสร้างที่แสดงรายละเอยี ดเวลาเรยี นของรายวิชาพื้นฐาน รายวิชา/ กจิ กรรมเพิ่มเติม และกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียนในแต่ละชน้ั ปี โครงสร้างหลักสตู ร ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๑ รายวชิ า/กิจกรรม เวลาเรียน (ช่ัวโมง/ปี) รายวิชาพ้นื ฐาน ๒๐๐ ๒๐๐ - ท ๑๑๑๐๑ ภาษาไทย ๘๐ - ค ๑๑๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๘๐ - ว ๑๑๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔๐ - ส ๑๑๑๐๑ สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๔๐ - ส ๑๑๑๐๒ ประวตั ิศาสตร์ ๔๐ - พ ๑๑๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ๔๐ - ศ ๑๑๑๐๑ ศิลปะ ๑๒๐ - ง ๑๑๑๐๑ การงานอาชีพ - อ ๑๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๔๐ ๗๐ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น (๔๐) (๓๐) - กิจกรรมแนะแนว ๑๐ - กิจกรรมนกั เรยี น • ลกู เสือ – เนตรนารี • ชมุ นุม - กจิ กรรมเพ่ือสงั คม รายวิชา/กิจกรรมเพ่มิ เติม หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นเนินโพธิ์ พุทธศักราช ๒๕๖6 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

- ส ๑๑๒๐๔ การป้องกนั การทจุ รติ ๑๒ - อ ๑๑๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพ่ือการสอื่ สาร ๔๐ รวมเวลาเรียนทั้งสนิ้ ๘๐ ๑,๐๘๐ หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านเนนิ โพธิ์ พุทธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

โครงสรา้ งหลักสูตร ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๒ ๑๓ รายวชิ า/กจิ กรรม เวลาเรยี น (ชั่วโมง/ป)ี รายวิชาพน้ื ฐาน - ท ๑๒๑๐๑ ภาษาไทย ๒๐๐ - ค ๑๒๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๒๐๐ - ว ๑๒๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๘๐ - ส ๑๒๑๐๑ สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๘๐ - ส ๑๒๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ ๔๐ - พ ๑๒๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ๔๐ - ศ ๑๒๑๐๑ ศิลปะ ๔๐ - ง ๑๒๑๐๑ การงานอาชพี ๔๐ - ต ๑๒๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๑๒๐ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน - กิจกรรมแนะแนว ๔๐ - กจิ กรรมนักเรียน ๗๐ • ลูกเสือ – เนตรนารี (๔๐) • ชุมนุม (๓๐) ๑๐ - กิจกรรมเพื่อสังคม รายวิชา/กจิ กรรมเพิ่มเติม ๔๐ ๘๐ - ส ๑๒๒๐๔ การปอ้ งกันการทุจรติ - อ ๑๒๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพ่ือการสอ่ื สาร หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นเนนิ โพธิ์ พทุ ธศักราช ๒๕๖6 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)

รวมเวลาเรียนทง้ั ส้ิน ๑๔ ๑,๐๘๐ หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นบา้ นเนินโพธ์ิ พทุ ธศักราช ๒๕๖6 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)

๑๕ โครงสรา้ งหลกั สูตร ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ เวลาเรียน (ชั่วโมง/ป)ี รายวชิ า/กจิ กรรม ๒๐๐ รายวิชาพน้ื ฐาน ๒๐๐ - ท ๑๓๑๐๑ ภาษาไทย ๘๐ - ค ๑๓๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๘๐ - ว ๑๓๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔๐ - ส ๑๓๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๔๐ - ส ๑๓๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ ๔๐ - พ ๑๓๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ๔๐ - ศ ๑๓๑๐๑ ศิลปะ ๑๒๐ - ง ๑๓๑๐๑ การงานอาชพี - ต ๑๓๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๔๐ ๗๐ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น (๔๐) - กจิ กรรมแนะแนว (๓๐) - กิจกรรมนักเรียน ๑๐ • ลกู เสือ – เนตรนารี • ชุมนมุ ๔๐ - กิจกรรมเพ่อื สงั คม รายวชิ า/กจิ กรรมเพมิ่ เตมิ - ส ๑๓๒๐๔ การป้องกนั การทุจริต หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นบา้ นเนนิ โพธิ์ พุทธศักราช ๒๕๖6 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

- อ ๑๓๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพ่อื การส่ือสาร ๑๖ รวมเวลาเรียนทั้งสิ้น ๘๐ ๑,๐๘๐ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นบา้ นเนนิ โพธ์ิ พุทธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

๑๗ โครงสรา้ งหลกั สูตร ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ เวลาเรียน (ชั่วโมง/ป)ี รายวชิ า/กิจกรรม ๑๖๐ รายวิชาพืน้ ฐาน ๑๖๐ - ท ๑๔๑๐๑ ภาษาไทย ๑๒๐ - ค ๑๔๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๘๐ - ว ๑๔๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔๐ - ส ๑๔๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๘๐ - ส ๑๔๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๘๐ - พ ๑๔๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ๔๐ - ศ ๑๔๑๐๑ ศิลปะ ๘๐ - ง ๑๔๑๐๑ การงานอาชพี - ต ๑๔๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๔๐ ๗๐ กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น (๔๐) - กิจกรรมแนะแนว (๓๐) - กจิ กรรมนักเรยี น ๑๐ • ลูกเสือ – เนตรนารี • ชุมนมุ ๔๐ - กิจกรรมเพอ่ื สงั คม รายวชิ า/กิจกรรมเพ่มิ เตมิ - ส ๑๔๒๐๔ การป้องกนั การทุจรติ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นบา้ นเนนิ โพธิ์ พุทธศักราช ๒๕๖6 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

รวมเวลาเรยี นทง้ั ส้ิน ๑๘ ๑,๐๐๐ หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นบา้ นเนนิ โพธ์ิ พุทธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

๑๙ โครงสรา้ งหลกั สูตร ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ เวลาเรียน (ชั่วโมง/ป)ี รายวชิ า/กิจกรรม ๑๖๐ รายวิชาพืน้ ฐาน ๑๖๐ - ท ๑๕๑๐๑ ภาษาไทย ๑๒๐ - ค ๑๕๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๘๐ - ว ๑๕๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔๐ - ส ๑๕๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๘๐ - ส ๑๕๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๘๐ - พ ๑๕๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ๔๐ - ศ ๑๕๑๐๑ ศิลปะ ๘๐ - ง ๑๕๑๐๑ การงานอาชพี - ต ๑๕๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๔๐ ๗๐ กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น (๔๐) - กิจกรรมแนะแนว (๓๐) - กจิ กรรมนักเรยี น ๑๐ • ลูกเสือ – เนตรนารี • ชุมนมุ ๔๐ - กิจกรรมเพอ่ื สงั คม รายวชิ า/กิจกรรมเพ่มิ เตมิ - ส ๑๕๒๐๔ การป้องกนั การทุจรติ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นบา้ นเนนิ โพธิ์ พุทธศักราช ๒๕๖6 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

รวมเวลาเรยี นทง้ั ส้ิน ๒๐ ๑,๐๐๐ หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นบา้ นเนนิ โพธ์ิ พุทธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

๒๑ โครงสรา้ งหลกั สูตร ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ เวลาเรียน (ชั่วโมง/ป)ี รายวชิ า/กิจกรรม ๑๖๐ รายวิชาพืน้ ฐาน ๑๖๐ - ท ๑๖๑๐๑ ภาษาไทย ๑๒๐ - ค ๑๖๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๘๐ - ว ๑๖๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔๐ - ส ๑๖๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๘๐ - ส ๑๖๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๘๐ - พ ๑๖๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ๔๐ - ศ ๑๖๑๐๑ ศิลปะ ๘๐ - ง ๑๖๑๐๑ การงานอาชพี - ต ๑๖๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๔๐ ๗๐ กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น (๔๐) - กิจกรรมแนะแนว (๓๐) - กจิ กรรมนักเรยี น ๑๐ • ลูกเสือ – เนตรนารี • ชุมนมุ ๔๐ - กิจกรรมเพอ่ื สงั คม รายวชิ า/กิจกรรมเพ่มิ เตมิ - ส ๑๖๒๐๔ การป้องกนั การทุจรติ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นบา้ นเนนิ โพธิ์ พุทธศักราช ๒๕๖6 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

รวมเวลาเรยี นทง้ั ส้ิน ๒๒ ๑,๐๐๐ หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นบา้ นเนนิ โพธ์ิ พุทธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

๒๓ รายวิชาพื้นฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย จานวน ๒๐๐ ชว่ั โมง ระดบั ประถมศกึ ษา จานวน ๒๐๐ ชว่ั โมง รายวิชาพน้ื ฐาน จานวน ๒๐๐ ชั่วโมง ท ๑๑๑๐๑ ภาษาไทย จานวน ๑๖๐ ชั่วโมง ท ๑๒๑๐๑ ภาษาไทย จานวน ๑๖๐ ชว่ั โมง ท ๑๓๑๐๑ ภาษาไทย จานวน ๑๖๐ ชว่ั โมง ท ๑๔๑๐๑ ภาษาไทย ท ๑๕๑๐๑ ภาษาไทย ท ๑๖๑๐๑ ภาษาไทย รายวชิ าพื้นฐาน กลุม่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ จานวน ๒๐๐ ชว่ั โมง ระดบั ประถมศกึ ษา จานวน ๒๐๐ ชว่ั โมง รายวชิ าพนื้ ฐาน จานวน ๒๐๐ ชว่ั โมง ค ๑๑๑๐๑ คณติ ศาสตร์ จานวน ๑๖๐ ชั่วโมง ค ๑๒๑๐๑ คณติ ศาสตร์ จานวน ๑๖๐ ชั่วโมง ค ๑๓๑๐๑ คณติ ศาสตร์ จานวน ๑๖๐ ชั่วโมง ค ๑๔๑๐๑ คณิตศาสตร์ ค ๑๕๑๐๑ คณิตศาสตร์ ค ๑๖๑๐๑ คณิตศาสตร์ รายวิชาพน้ื ฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี จานวน ๘๐ ช่วั โมง ระดบั ประถมศึกษา จานวน ๘๐ ชั่วโมง รายวชิ าพื้นฐาน จานวน ๘๐ ชั่วโมง ว ๑๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จานวน ๑๒๐ ช่ัวโมง ว ๑๒๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จานวน ๑๒๐ ช่วั โมง ว ๑๓๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ จานวน ๑๒๐ ชั่วโมง ว ๑๔๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ว ๑๕๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ว ๑๖๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ รายวชิ าพนื้ ฐาน กลุ่มสาระการเรียนรสู้ งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม จานวน ๘๐ ชัว่ โมง ระดบั ประถมศึกษา จานวน ๘๐ ชัว่ โมง จานวน ๘๐ ชว่ั โมง รายวชิ าพืน้ ฐาน จานวน ๘๐ ช่ัวโมง ส ๑๑๑๐๑ สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม จานวน ๘๐ ชวั่ โมง ส ๑๒๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ส ๑๓๑๐๑ สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ส ๑๔๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ส ๑๕๑๐๑ สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นเนินโพธิ์ พุทธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)

๒๔ ส ๑๖๑๐๑ สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม จานวน ๘๐ ชั่วโมง ส ๑๑๑๐๒ ประวัติศาสตร์ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ส ๑๒๑๐๒ ประวตั ิศาสตร์ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ส ๑๓๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์ จานวน ๔๐ ชัว่ โมง ส ๑๔๑๐๒ ประวัติศาสตร์ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ส ๑๕๑๐๒ ประวัติศาสตร์ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ส ๑๖๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์ จานวน ๔๐ ชัว่ โมง รายวชิ าพน้ื ฐาน กล่มุ สาระการเรียนรสู้ ุขศึกษาและพลศกึ ษา จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ระดบั ประถมศกึ ษา จานวน ๔๐ ชว่ั โมง รายวชิ าพื้นฐาน จานวน ๔๐ ชว่ั โมง พ ๑๑๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา จานวน ๘๐ ชั่วโมง จานวน ๘๐ ชั่วโมง พ ๑๒๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศึกษา จานวน ๘๐ ชว่ั โมง พ ๑๓๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศึกษา พ ๑๔๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา พ ๑๕๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศึกษา พ ๑๖๑๐๑ สุขศึกษาและพลศกึ ษา รายวชิ าพ้นื ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรศู้ ิลปะ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ระดบั ประถมศกึ ษา จานวน ๔๐ ชว่ั โมง รายวิชาพ้ืนฐาน จานวน ๔๐ ชั่วโมง ศ ๑๑๑๐๑ ศลิ ปะ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง จานวน ๘๐ ช่วั โมง ศ ๑๒๑๐๑ ศิลปะ จานวน ๘๐ ชั่วโมง ศ ๑๓๑๐๑ ศิลปะ ศ ๑๔๑๐๑ ศิลปะ ศ ๑๕๑๐๑ ศลิ ปะ ศ ๑๖๑๐๑ ศลิ ปะ รายวชิ าพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชพี จานวน ๔๐ ชั่วโมง ระดับประถมศกึ ษา จานวน ๔๐ ชัว่ โมง รายวิชาพนื้ ฐาน จานวน ๔๐ ชั่วโมง ง ๑๑๑๐๑ การงานอาชพี จานวน ๘๐ ชั่วโมง จานวน ๘๐ ชว่ั โมง ง ๑๒๑๐๑ การงานอาชพี จานวน ๘๐ ชว่ั โมง ง ๑๓๑๐๑ การงานอาชพี ง ๑๔๑๐๑ การงานอาชพี ง ๑๕๑๐๑ การงานอาชีพ ง ๑๖๑๐๑ การงานอาชพี หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นเนินโพธ์ิ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

รายวิชาพืน้ ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ ๒๕ ระดับประถมศกึ ษา รายวิชาพืน้ ฐาน จานวน ๑๒๐ ช่วั โมง จานวน ๑๒๐ ช่ัวโมง อ ๑๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษ จานวน ๑๒๐ ชว่ั โมง อ ๑๒๑๐๑ ภาษาองั กฤษ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง อ ๑๓๑๐๑ ภาษาองั กฤษ จานวน ๘๐ ชั่วโมง อ ๑๔๑๐๑ ภาษาอังกฤษ จานวน ๘๐ ชั่วโมง อ ๑๕๑๐๑ ภาษาองั กฤษ อ ๑๖๑๐๑ ภาษาอังกฤษ จานวน ๘๐ ชัว่ โมง จานวน ๘๐ ชั่วโมง รายวชิ าเพิ่มเติม กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ จานวน ๘๐ ช่ัวโมง ระดับประถมศึกษา รายวชิ าเพมิ่ เติม จานวน ๔๐ ชว่ั โมง จานวน ๔๐ ชั่วโมง อ ๑๑๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพอื่ การสอ่ื สาร ๑ จานวน ๔๐ ชั่วโมง อ ๑๒๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพือ่ การส่อื สาร ๒ จานวน ๔๐ ช่วั โมง อ ๑๓๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพอ่ื การสอ่ื สาร ๓ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง จานวน ๔๐ ช่วั โมง รายวชิ าเพิ่มเตมิ กลุ่มสาระการเรยี นรู้สังคม ฯ ระดับประถมศึกษา รายวิชาเพิม่ เตมิ ส ๑๑๒๐๔ การปอ้ งกนั การทุจริต ๑ ส ๑๒๒๐๔ การป้องกันการทุจรติ ๒ ส ๑๓๒๐๔ การปอ้ งกนั การทจุ รติ ๓ ส ๑๔๒๐๔ การปอ้ งกนั การทจุ ริต ๔ ส ๑๕๒๐๔ การป้องกันการทจุ ริต ๕ ส ๑๖๒๐๔ การป้องกนั การทุจริต ๖ หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นเนินโพธ์ิ พทุ ธศักราช ๒๕๖6 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

๒๖ คาอธิบายรายวชิ าพน้ื ฐาน กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ท ๑๑๑๐๑ ภาษาไทย เวลา ๒๐๐ ช่ัวโมง ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ การอา่ น อ่านออกเสยี งคา คาคล้องจอง และขอ้ ความสั้น ๆ บอกความหมายของคา และข้อความทอี่ ่าน ตอบ คาถามเกยี่ วกบั เรอื่ งท่ีอา่ น เล่าเรอื่ งยอ่ จากเรือ่ งทอ่ี า่ น คาดคะเนเกาตุการณ์จากเร่อื งที่อา่ น อ่านหนังสอื ตาม ความสนใจอย่างสม่าเสมอและนาเสนอเร่ืองที่อา่ นบอกความหมายของเคร่ืองหมาย หรอื สัญลักษณ์สาคญั ท่ีมัก พบเหน็ ในชีวติ ประจาวนั มีมารยาทในการอ่าน การเขียน คดั ลายมอื ตวั บรรจงเต็มบรรทัด เขียนสื่อสารดว้ ยคาและประโยคงา่ ย ๆ มมี ารยาทในการเขยี น การฟงั การดู และการพดู ฟังคาแนะนา คาสง่ั งา่ ย ๆ และปฏิบตั ิตาม ตอบคาถามและเล่าเร่อื งท่ีฟังและดู ทัง้ ที่เปน็ ความรู้ และ ความบันเทิง พดู แสดงความคิดเห็นและความรสู้ ึกจากเร่อื งที่ฟังและดู พดู สอ่ื สารได้ตามวตั ถุประสงค์ มมี ารยาทในการฟงั การดู และการพูด หลักการใช้ภาษาไทย บอกและเขยี นพยัญชนะ สระวรรณยุกต์และเลขไทย เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา เรียบเรยี งคาเปน็ ประโยคง่าย ๆ ตอ่ คาคล้องจองงา่ ย ๆ การพดู และเขียน พยญั ชนะ สระ วรรณคดแี ละวรรณกรรม บอกขอ้ คิดทไ่ี ด้จากการอา่ นหรือการฟงั วรรณกรรมรอ้ ยแกว้ และรอ้ ยกรองสาหรบั เดก็ ท่องจาบท อาขยานตามท่กี าหนด และบทรอ้ ยกรองตามความสนใจ โดยการอา่ น บอกความหมาย ตอบคาถาม เล่าเรือ่ ง คาดคะเนเหตุการณก์ ารบรรยาย อภิปราย การ สงั เกต การศึกษา ฝกึ ทกั ษะการคดั ลายมอื เขียนสื่อสาร ฟัง พดู เรยี บเรียง ทอ่ งจา สรุป รายงานและฝกึ การ แก้ปญั หา เพ่ือพฒั นาทักษะ /กระบวนการในการ อา่ น เขียน การฟงั การดู การพูด หลักการใชภ้ าษา วรรณคดี และวรรณกรรม และนาประสบการณด์ ้านความรู้ ความคิด ทกั ษะกระบวนการทไี่ ดไ้ ปใช้ในการเรียนรูส้ ่งิ ต่าง ๆ และใช้ในชวี ิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ รวมทัง้ เห็นคุณค่าและมเี จตคติดีตอ่ ภาษาไทย สามารถทางานอยา่ เป็น ระบบระเบียบ รอบคอบ มีความรับผดิ ชอบ มีวจิ ารณญาณและเชื่อมนั่ ในตนเอง สามารถนาความรู้ไปใช้ใหเ้ กดิ ประโยชน์โดยใชว้ ธิ กี ารของเศรษฐกจิ พอเพยี งและสามารถนาไปประยุกตใ์ ชก้ ับชีวิตประจาวันได้อย่างถูกตอ้ ง เหมาะสม วิธีวดั และประเมินผล โดยวิธีสังเกต ทดสอบ สมั ภาษณ์ สอบถาม ตรวจชิน้ งาน/ผลงาน และแฟม้ สะสมผลงานนกั เรียน ใช้วธิ กี ารวดั ทีห่ ลากหลายตามสภาพความเปน็ จรงิ ของเน้ือหาและทกั ษะทต่ี ้องการวัด ตวั ชวี้ ัด หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นเนนิ โพธ์ิ พุทธศักราช ๒๕๖6 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

๒๗ ท ๑.๑ ป. ๑/๑, ป. ๑/๒, ป. ๑/๓, ป. ๑/๔, ป. ๑/๕, ป. ๑/๖, ป. ๑/๗, ป. ๑/๘ ท ๒.๑ ป. ๑/๑, ป. ๑/๒, ป. ๑/๓ ท ๓.๑ ป. ๑/๑, ป. ๑/๒, ป. ๑/๓, ป. ๑/๔, ป. ๑/๕ ท. ๔/๑ ป. ๑/๑, ป. ๑/๒, ป. ๑/๓, ป. ๑/๔ ท. ๕.๑ ป. ๑/๑, ป. ๑/๒ รวมท้งั หมด ๒๒ ตวั ช้ีวดั หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นบ้านเนนิ โพธ์ิ พุทธศักราช ๒๕๖6 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)

๒๘ คาอธบิ ายรายวิชาพนื้ ฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ท ๑๒๑๐๑ ภาษาไทย เวลา ๒๐๐ ชั่วโมง ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๒ ศึกษาการอา่ นออกเสียงและการบอกความหมายของคา คาคล้องจอง ขอ้ ความ บทร้อยกรองง่าย ๆ จากมีรปู วรรณยุกต์ และไม่มีรูปวรรณยุกต์ ตวั สะกดตรงมาตร และไมต่ รงมาตรา อกั ษรนา ตวั การันต์ คา ร หัน พยัญชนะและสระทไี่ ม่ออกเสยี ง จับใจความจากนิทาน เรอ่ื งเลา่ สัน้ บทเพลงและทบรอ้ ยกรอง ขา่ ว และเหตุการณ์ประจาวัน อ่านหนังสือตามความสนใจ ข้อเขียนเชิงอธบิ ายใช้สถานท่ีสาธารณะ คาแนะนา การ ใชเ้ คร่ืองมือท่ีจาเปน็ ในบ้าน ในโรงเรียน มารยาทในการอา่ น คดั ลายมอื ตัวบรรจงเตม็ บรรทัด เขียนเรอ่ื งสั้น เก่ียวกบั ประสบการณ์ ตามจนิ ตนาการ มมี ารยาทในการเขียน ฟังและปฏิบตั ติ าม คาแนะนา คาส่ังที่ซับซ้อน จับใจความ พดู แสดงความคดิ เหน็ ความร้สู ึก จากทฟ่ี ังและดู เชน่ เรอ่ื งเลา่ สารคดีสาหรับเด็ก นทิ าน การ์ตูน เรอ่ื งขบขนั ข่าวเหตุการณ์ประจาวนั เพลง พดู สอื่ สารในชวี ติ ประจาวนั เชน่ แนะนาตนเอง ขอความชว่ ยเหลือ กล่าวขอบคุณ กล่าวขอโทษ พูดขอร้อง เลา่ ประสบการณ์ มีมารยาทในการฟัง การดู การพดู บอก และเขยี น พยญั ชนะ สระและวรรณยุกต์ เลขไทย การสะกดคา แจกลกู และการอ่านเปน็ คา มาตราตวั สะกด ที่ตรงมาตรา และไมต่ รงมาตรา การผันอกั ษรกลาง อกั ษรสงู อักษรตา่ ตวั การนั ต์ คาควบกล้า อักษรนา คาทีม่ ีความหมาย ตรงกันข้าม คาทมี่ ี รร (ร หนั ) ความหมายของคา แต่งประโยคเรียบเรยี งประโยค คาคลอ้ งจอง ภาษาไทย มาตรฐาน ระบขุ อ้ คิดจากการอา่ นวรรณกรรม ร้อยแก้วและรอ้ ยกรอง สาหรบั เดก็ เช่น นิทาน เรื่องสั้นง่าย ๆ ปริศนาคาทาย บทอาขยาน บทรอ้ ยกรอง วรรณคดี และวรรณกรรมในบทเรยี น บทรอ้ งเล่นในทอ้ งถ่ิน โดยการอ่าน บอกความหมาย ตง้ั คาถาม ตอบคาถาม จบั ใจความสาคัญ แสดงความคิดเหน็ เล่าเรอ่ื ง คาดคะเนเกาตกุ ารณ์ การบรรยาย อภิปราย การสังเกต การศึกษา ฝึกทักษะการคัดลายมือ เขยี นเร่อื งสน้ั สอ่ื สาร ฟงั พูด เรียบเรียง ท่องจา สรุป รายงาน และฝึกการแก้ปญั หา เพ่ือพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการ อ่าน เขยี น การฟงั การดู การพดู หลักการใช้ภาษา วรรณคดี และวรรณกรรม และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคดิ ทกั ษะกระบวนการทีไ่ ด้ไปใช้ในการเรียนร้สู ง่ิ ตา่ ง ๆ และใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั อยา่ งสรา้ งสรรค์ รวมท้งั เหน็ คณุ ค่าและมีเจตคตทิ ่ีดีตอ่ ภาษาไทย สามารถทางานอยา่ ง เปน็ ระบบระเบียบ รอบคอบ มีความรับผิดชอบ มีวจิ ารณญาณและเช่ือม่ันในตนเอง สามารถนาความรไู้ ปใชใ้ ห้ เกิดประโยชน์โดยใชว้ ิธกี ารของเศรษฐกิจพอเพยี งและสามารถนาไปประยกุ ต์ใชก้ บั ชีวติ ประจาวันไดอ้ ยา่ ง ถกู ตอ้ งเหมาะสม วธิ กี ารวัดและประเมินผล โดยการสงั เกต ทอสอบ สัมภาษณ์ สอบถาม ตรวจชน้ิ งาน/ผลงาน และแฟ้ม สะสมงาน โดยวธิ ีการวดั ทีห่ ลากหลาย ตัวชวี้ ัด ท ๑.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕, ป.๒/๖, ป.๒/๗, ป.๒/๘ ท ๒.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔ ท ๓.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕, ป.๒/๖, ป.๒/๗ ท ๔.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕ ท ๕.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓ รวมทง้ั หมด ๒๗ ตวั ชี้วัด หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นเนินโพธ์ิ พทุ ธศักราช ๒๕๖6 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)

๒๙ คาอธบิ ายรายวชิ าพนื้ ฐาน กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ท ๑๓๑๐๑ ภาษาไทย เวลา ๒๐๐ ชัว่ โมง ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ การอา่ น อ่านในใจ อ่านออกเสยี ง คาวลี ประโยค บทร้อยกรอง ขอ้ ความ เรื่องส้ัน ตามหลักการอ่าน อา่ นคล่อง และอ่านอยา่ งรวดเรว็ เขา้ ใจความหมายของคา และขอ้ ความยงิ่ ขึน้ จบั ใจความสาคัญและรายละเอยี ดของเร่อื ง โดยการใชแ้ ผนภาพ โครองเร่อื ง คาถาม สนทนา และแสดงความคดิ เห็นจากเร่อื งที่อ่าน คาดคะเนเหตุการณ์ นาความร้ทู ไ่ี ด้จากการาอ่านมากาหนดแนวทางปฏบิ ตั ิ คาคลอ้ งจอง เลือกอ่าน หนงั สอื นิทาน หนงั สือทม่ี ปี ระโยชนท์ อ่ งจาบทรอ้ ยกรอง มีมารยาท และนสิ ยั รกั การอา่ น อา่ นคา วลี ประโยครอ้ ยกรอง ข้อความเรอื่ งราวภาษา และสารคดีส้ัน ๆ เข้าใจขอ้ ความ ของคาและ รายละเอยี ดของข้อความสนทนา ตั้งคาถาม ตอบคาถามแสดงความคดิ เห็น คาดคะเนเกตกุ ารณ์ กาหนด แนวทางการปฏิบตั ลิ ักษณะของคาคลอ้ งจอง การเขยี น ฝกึ ปฏิบัตติ นในการเขียน คดั ลายมือ เขยี นประโยค เขียนบทร้อยกรอง เขยี นตามจิตนาการ เขยี น จดหมาย เขยี นชแี้ จงการปฏบิ ัตงิ าน เขียนหนังสือเล่มเลก็ บันทกึ ความรู้ประสบการณ์ เร่ืองราวในชวี ิตประวัน ไดถ้ กู ตอ้ ง โดยเนน้ การเขยี นเขงิ สร้างสรรค์ เห็นคุณค่าของการเขียน คดิ ไตรต่ รอง การเขยี น และสามารถ นาไปใชป้ ระโยชน์ในชีวิตจรงิ ได้ มนี สิ ัยทดี่ ใี นการอ่าน มนี ิสัยท่ดี ีในการเขียน และรกั การเขยี น การฟงั การดู การพูด จบั ใจความทีไ่ ด้ฟัง ไดด้ ู และเข้าใจเนอ้ื เรื่อง ถ้อยคา การใช้น้าเสยี งและการพดู ผ้พู ดู แสดงทัศนะทาง เรอ่ื งทีไ่ ดฟ้ งั และดูได้อยา่ งมวี ิจารณญาณ ต้งั คาถาม ตอบคาถาม สนทนา แสดงความคิดเห็น เล่าเรอ่ื งถา่ ยทอง ความคิด ความรสู้ ึกและประสบการณ์โดยใชถ้ ้อยคาเหมาะสมกบั เรื่องไดอ้ ยา่ งชดั เจนถูกตอ้ งสรา้ งสรรค์ตาม หลกั การพดู มีมารยาทในการฟัง การดู การฟงั เพลง นทิ าน เรือ่ งส้ัน สาระคดี บทร้อยกรอง คายากขน้ึ แลว้ ตีความหมายจากเรอื่ ง ถอ้ ยคา นา้ เสยี งกิริยาทา่ ทาง การพดู ต้ังคาถาม ตอบคาถาม สนทนาแสดงความคิดเห็น แล้วพูดเลา่ เร่ือง ถา่ ยทอดความคิด วิเคราะห์ แสดงความรู้สึกจากประสบการณ์ โดยใช้ถ้อยคาเหมาะแก่เรื่องที่ พดู อยา่ งสรา้ งสรรค์ หลกั การใช้ภาษา การใชห้ ลกั การทางภาษาพฒั นาคาศัพท์ การสะกดคาและแจกลูก การเขียนคา และกระจายคา การ ผนั วรรณยุกต์ ความหมาย และหน้าทขี่ องคา กลุ่มคา ประโยค การเรียบเรียงประโยคตามลาดับความคดิ การ ใช้ภาษาการสอ่ื สาร ภาษาไทยกลางหรอื ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถิ่น การแตง่ บทร้อยกรอง ปรศิ นาคา ทาย เทคโนโลยี ในการคน้ คว้า ภาษาพูดและภาษาเขยี น และความแตกต่างภาษาในกล่มุ เพ่อื น เพื่อใหส้ ามารถ นาหลกั การทางภาษาไปใชพ้ ัฒนาความรู้ ความคิดอยา่ งมีความพร้อมทง้ั ใช้ภาษาพูด และภาษาเขียนไดถ้ กู ต้อง และสรา้ งสรรค์ หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นบา้ นเนนิ โพธ์ิ พุทธศักราช ๒๕๖6 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

๓๐ วรรณคดีและวรรณกรรม ฝึกอ่านนิทาน เรือ่ งส้นั สารคดี บทร้อยกรอง บทกลอน บทความ บทกวีของวรรณกรรมวรรณคดี หรือ เร่ืองทอ่ี า่ นเพ่อื ใหไ้ ด้ความรู้ ความเข้าใจ ความบนั เทิง และขอ้ คิดจากสิง่ ท่อี ่าน สามารถนามาเปน็ ขอ้ คดิ ไดไ้ ปใช้ ในชวี ติ จรงิ ได้จนเกิดความภาคภูมิใจในภาษาไทย ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคิดเพ่อื ไปใชใ้ นการตดั สินใจ แกป้ ัญหา เขยี นส่อื สาร เรอื่ งราวรปู แบบตา่ ง ๆ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ สามารถเลอื กฟงั ดอู ยา่ งมวี ิจารณญาณ แสดงความรูส้ ึก แสดง ความคิดเหน็ มีความคิดริเรมิ่ สรา้ งสรรค์ รเู้ ข้าใจธรรมชาตขิ องภาษา หลกั ภาษาไทย ภูมิปัญญาภาษา การรักษา ไวเ้ ปน็ สมบัติของชาติ และแสดงความคดิ เห็นวรรณคดีวรรณกรรมเหน็ คุณค่านามาประยกุ ตใ์ ช้กับชีวติ ประจาวนั อย่างมคี ุณคา่ สามารถนาความรไู้ ปใช้ให้เกิดประโยชนโ์ ดยใชว้ ิธกี ารของเศรษฐกิจพอเพยี งและสามารถนาไป ประยกุ ต์ใชก้ บั ชวี ิตประจาวนั ได้อย่างถูกตอ้ งเหมาะสม ตัวชีว้ ัด ท ๑.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓,ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖, ป.๓/๗, ป.๓/๘, ป.๓/๙ ท ๒.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓,ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖ ท ๓.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓,ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖ ท ๔.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓,ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖ ท ๕.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓,ป.๓/๔ รวมทง้ั หมด ๓๑ ตัวชี้วัด หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นบา้ นเนนิ โพธ์ิ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

๓๑ คาอธบิ ายรายวิชาพน้ื ฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ท ๑๔๑๐๑ ภาษาไทย เวลา ๑๖๐ ชวั่ โมง ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ ศึกษาการอา่ นออกเสียง บอกความหมายของคา บทร้อยกรอง คาทม่ี ี ร ล เป็นพยญั ชนะตน้ คาควบ กล้า อกั ษรนา คาประสม อักษรย่อและเคร่อื งหมายวรรคตอน อ่านบทรอ้ ยกรองเปน็ ทานองเสนาะ อา่ นจบั ใจความ เร่ืองเล่าจากประสบการณ์ นิทานขาดก บทความ บทโฆษณา งานเขียนประเภทโนม้ น้าวใจ ข่าวและ เหตกุ ารณป์ ระจาวัน สารคดีและบนั เทิงคดี อ่านหนงั สอื ตามความสนใจ มารยาทในการอา่ น คดั ลายมือดว้ ยตวั บรรจงเต็มบรรทัดและครง่ึ บรรทัดตามรูปแบบการเขยี นตวั อักษรไทย เขียนสื่อสาร เชน่ คาขวัญ - คาแนะนา แผนภาพโครงเรอ่ื งและแผนภาพความคิดไปพฒั นางานเขียน ยอ่ ความจากสอื่ ตา่ ง ๆ นทิ าน ความเรียง ประกาศ จดหมาย คาสอน จดหมายถึงเพือ่ นและบดิ ามารดา เขียนบันทึกและเขียนรายงานกากการศึกษา คน้ ควา้ เรือ่ งตามจินตนาการ มารยาทในการเขียน จาแนกข้อเท็จจรงิ และขอ้ คิดเหน็ จากเองทีฟ่ งั และดใู น ชีวติ ประจาวนั จบั ใจความ พูดแสดงความรู้ ความคิด เรื่องทฟ่ี ังและดู จากสือ่ ต่าง ๆ เรือ่ งเล่า บทความสน้ั ๆ ขา่ วและเหตุการณป์ ระจาวนั โฆษณา สื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส์ รายงาน พดู ลาดบั เหตกุ ารณ์ มารยาทในการฟงั การดู และการพูด คาในแม่ ก กา มาตราตวั สะกด ผนั อักษรคาเปน็ คาตาย คาพ้อง ชนดิ ของคา ได้แก่ คานาม คา สรรพนาม คากริยา คาวิเศษณ์ การใช้ พจนานุกรม ประโยคสามัญ สว่ นประกอบของประโยค ประโยค ๒ ส่วน ประโยค ๓ ส่วน กลอนสี่ คาขวญั สานวนท่เี ปน็ คาพังเพยและสุภาษิต ภาษาไทยมาตรฐาน ภาษาถน่ิ ภาษาไทย ระบุขอ้ คดิ จากการอา่ นวรรณคดแี ละวรรณกรรม เชน่ นิทานพ้นื บ้าน นทิ านคติธรรม เพลงพ้นื บ้าน วรรณคดี และวรรณกรรมในบทเรยี นและตามความสนใจ โดยใชท้ กั ษะกระบวนการปฏิบัติการอ่าน การเขียน การฟัง การดู การพูด และการใช้ภาษาไทยเพื่อให้ เกดิ ความรคู้ วามคดิ วิเคราะห์ การตดั สินใจ แก้ปัญหาในการดาเนินชวี อิ ย่างมวี จิ ารณญาณและสร้างสรรค์ สามารถนาไปใช้ในชวี ิตจรงิ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ใชก้ ระบวนการอา่ น สรา้ งความรู้ ความคิดเพอื่ นาไปใชต้ ัดสินใจ แกป้ ัญหา ในการดาเนินชวี ิตและมี นิสัยรักการอ่าน ใชก้ ระบวนการเขยี น เขยี นสื่อสาร เรียงความ ย่อความ เขยี นเร่ืองราวในรปู แบบตา่ ง ๆ เขียน รายงานสารสนเทศ รายงานศกึ ษาค้นคว้าอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ เลือกฟงั ดูอยา่ งมวี จิ ารณญาณ พดู แสดงความรู้ ความคิดและความรสู้ ึกอย่างสรา้ งสรรค์ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงภาษา และพลงั ของภาษาภมู ิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ิของชาติ เข้าและแสดงความคดิ เหน็ วิจารณ์วรรณคดี และวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคณุ คา่ และนามาประยกุ ต์ใช้ในชีวติ จริง สามารถนาความรู้ไปใช้ ใหเ้ กิดประโยชนโ์ ดยใชว้ ธิ ีการของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชก้ ับชีวติ ประจาวันได้อย่าง ถูกต้องเหมาะสม ตัวช้ีวัด ท ๑.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕,ป.๔/๖, ป๔/๗, ป.๔/๘ ท ๒.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕,ป.๔/๖,ป.๔/๗, ป.๔/๘ ท ๓.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕,ป.๔/๖ ท ๔.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕,ป.๔/๖, ป.๔/๗ ท ๕.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔ รวมทงั้ หมด ๓๓ ตวั บง่ ชี้ หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นเนนิ โพธิ์ พุทธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)

๓๒ คาอธิบายรายวิชาพน้ื ฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ท ๑๕๑๐๑ ภาษาไทย เวลา ๑๖๐ ช่ัวโมง ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๕ ศกึ ษาการอ่านออกเสยี ง บอกความหมาย บทร้อยแกว้ บทร้อยกรอง คาควบกล้า อกั ษรนา ตัวการนั ต์ อักษรยอ่ เครือ่ งหมายวรรคตอน ขอ้ ความ อ่านบทรอ้ ยกรองเปน็ ทานองเสนาะ อา่ นจับใจความ วรรณคดี บทความ โฆษณา งานเขียน ข่าวเหตกุ ารณ์ประจาวนั งานเขียนเชงิ อธิบายคาสง่ั ข้อแนะนาการใชพ้ จนานกุ รม ใช้วัสดุอุปกรณ์ฉลากยา เอกสาร ขา่ วสารทางราชการหนังสอื ที่นักเรียนสนใจ มารยาทในการอา่ น คัดลายมือ ด้วยตวั บรรจงเต็มบรรทดั ครงึ่ บรรทดั ตามรูปแบบตัวอักษรไทย เขยี น คาขวญั คาอวยพร คาแนะนา คาอธิบาย แผนภาพโครงเรือ่ ง แผนภาพความคิด ย่อความจาก นิทาน ความเรยี ง ประกาศ แจ้งความ แถลงการณ์ จดหมาย คาสอน โอวาท คาปราศรัย จดหมายถงึ เพือ่ นและผู้ปกครอง กรองแบบรายการ ใบฝาก เงนิ ใบถอนเงิน ธนาณัติ พสั ดุไปรษณยี ภัณฑ์ เร่อื งตามจติ นาการ มารยาทในการเขยี น อ่านจับใจความ พูด แสดงความรู้ ความคิดจาก เรอ่ื งเล่า บทความ ข่าวเหตุการณ์ โฆษณา สอ่ื อิเล็กทรอนิกส์ วิเคราะห์ความ นา่ เช่อื ถอื เรื่องท่ฟี งั และดใู นชีวติ ประจาวนั พดู รายงาน ลาดบั เหตุการณ์ มีมารยาทในการฟัง การดู การพูด ระบุชนดิ และหนา้ ท่ีของคา คาบพุ บท คาสนั ธาน คาอุทาน ประโยค ส่วนประกอบของประโยค ภาษาไทย มาตรฐาน ภาษาถ่ิน คาราชาศัพท์ คามาจากภาษาตา่ งประเทศ กาพยย์ านี ๑๑ สานวน คาพังเพย สุภาษิต สรุป เรื่องวรรณคดีและวรรณกรรม เช่น นทิ านพ้ืนบา้ น นิทานคตธิ รรม เพลงพ้นื บา้ น วรรณคดีและวรรณกรรมใน บทเรยี นและความสนใจบทอาขยาน บทรอ้ ยกรองทม่ี คี ุณคา่ โดยใช้ทกั ษะกระบวนการปฏบิ ัติการอา่ น การเขยี น การฟัง การดู การพดู และการใชภ้ าษาไทยเพื่อให้ เกดิ ความร้คู วามคิด วิเคราะห์ การตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดาเนินชวี ิอย่างมวี จิ ารณญาณและสร้างสรรค์ สามารถนาไปใช้ในชีวติ จรงิ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ใช้กระบวนการอา่ น สรา้ งความรู้ ความคดิ เพ่ือนาไปใชต้ ัดสนิ ใจ แกป้ ญั หา ในการดาเนนิ ชวี ติ และมี นสิ ยั รักการอ่าน ใชก้ ระบวนการเขียนสอ่ื สาร เรยี งความ ยอ่ ความ เขยี นเร่ืองราวในรูปแบบตา่ ง ๆ เขียน รายงาน สารสนเทศ รายงานศึกษาค้นควา้ อย่างมีประสทิ ธภิ าพ เลือกฟังดอู ยา่ งมวี ิจารณญาณ พูดแสดงความรู้ ความคิดและความรู้สึกอยา่ งสร้างสรรค์ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงภาษา และพลงั ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ิของชาติ เข้าใจและแสดงความ คดิ เห็น วิจารณว์ รรณคดี และวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและนามาประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ จริง สามารถนา ความรไู้ ปใชใ้ ห้เกดิ ประโยชนโ์ ดยใชว้ ิธีการของเศรษฐกิจพอเพยี งและสามารถนาไปประยกุ ต์ใช้กับชวี ิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ งถูกต้องเหมาะสม ตัวชวี้ ัด ท ๑.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕,ป.๕/๖, ป๕/๗, ป.๕/๘ ท ๒.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕,ป.๕/๖, ป๕/๗, ป.๕/๘, ป.๕/๙ ท ๓.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕ ท ๔.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕,ป.๕/๖, ป๕/๗ ท ๕.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔ รวมทงั้ หมด ๓๓ ตัวบง่ ชี้ หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นบ้านเนินโพธิ์ พุทธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

๓๓ คาอธิบายรายวิชาพนื้ ฐาน กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ท ๑๖๑๐๑ ภาษาไทย เวลา ๑๖๐ ชั่วโมง ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ ศึกษาการอา่ นออกเสยี ง บอกความหมาย บทรอ้ ยแกว้ และบทรอ้ ยกรอง ประกอบด้วยคาท่ีมี พยญั ชนะ คาควบกล้า อักษรนา ตัวการันต์ คาภาษาต่างประเทศ อกั ษรยอ่ เครอื่ งหมายวรรคตอน วัน เดอื น ปี แบบไทย ขอ้ ความทเ่ี ป็นโวหาร สานวนเปรียบเทยี บ อา่ นบทรอ้ ยกรองเป็นทานองเสนาะ อ่านจับใจความเรือ่ ง สน้ั นทิ าน เพลงพื้นบ้าน บทความ พระบรมราโชวาท สารคดี งานเขยี น บทโฆษณา ข่าวเหตุการณ์ อา่ นเรว็ งานเขียนเชิงอธิบายคาสั่ง ข้อแนะนา ใช้พจนานุกรม ขอ้ ตกลงการอยรู่ ว่ มกัน ในชุมชนสงั คมและท้องถน่ิ ขอ้ มูล จากแผนผงั แผนที่ แผนภูมิและกราฟ อา่ นหนังสอื ตามความสนใจ มารยาทในการอ่าน คัดลายมอื ด้วยตวั บรรจงเตม็ บรรทดั และครึ่งบรรทัด ตามแบบตวั อักษรไทย คาขวัญ คาอวยพร ประกาศ แจง้ ความ แถลงการณ์ จดหมาย คาสอน โอวาท สนุ ทรพจน์ รายงาน ระเบียบ คาส่งั จดหมายส่วนตัว จดหมายขอโทษ จดหมาย ขอบคณุ จดหมายแสดงความคดิ เหน็ แสดงความยนิ ดี กรองแบบรายการ ใบคารอ้ ง ใบสมัคร ศึกษาต่อ แบบ ฝากสง่ พัสดไุ ปรษณยี ภัณฑ์ เรื่องตามจิตนาการ มารยาทในการเขียน พดู แสดงความรู้ ความเข้าใจ ใน จุดประสงคข์ องเร่ืองส่ือสิง่ พมิ พ์ สอื่ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ วิเคราะหค์ วามน่าเช่อื ถอื จากโฆษณา รายงานการพูดลาดบั ข้ันตอน ลาดบั เหตกุ ารณ์ พดู โน้มน้าว การเลอื กต้ังกรรมการนักเรียน การรณรงค์ โตว้ าที มารยาทในการฟัง การดู การพูด วเิ คราะหช์ นดิ และหน้าที่ของคา คานาม คาสรรพนาม คากริยา คาวิเศษณ์ คาบพุ บท คาเชอ่ื ม คาอทุ าน คาราชาศพั ท์ ระดบั ภาษา ภาษาถิ่น คามาจากภาษาต่างประเทศ กลมุ่ คาหรอื วลี ประโยคสามัญ ประโยครวม ประโยคซ้อน กลอนสภุ าพ สานวน คาพังเพย และสภุ าษติ แสดงความคดิ เห็นวรรณคดีและ วรรณกรรม เชน่ นทิ านพ้นื บา้ นทอ้ งถ่ินตนเองและท้องถน่ิ อืน่ นทิ านคตธิ รรม เพลงพนื้ บา้ น วรรณคดแี ละ วรรณกรรมในบทเรียน บทอาขยาน บทร้อยกรอง ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น โดยใช้ทักษะกระบวนการปฏบิ ตั กิ ารอ่าน การเขยี น การฟัง การดู การพดู และการใช้ภาษาไทยเพือ่ ให้ เกิดความรู้ความคิด วเิ คราะห์ การตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดาเนินชีวิอยา่ งมวี ิจารณญาณและสร้างสรรค์ สามารถนาไปใช้ในชวี ติ จรงิ ได้อย่างเหมาะสม ใชก้ ระบวนการอ่าน สร้างความรู้ ความคดิ เพื่อนาไปใชต้ ัดสนิ ใจ แก้ปญั หา ในการดาเนินชวี ติ และมี นิสัยรักการอ่าน ใชก้ ระบวนการเขียนสื่อสาร เรยี งความ ยอ่ ความ เขยี นเร่ืองราวในรูปแบบต่าง ๆ เขียน รายงาน สารสนเทศ รายงานศึกษาค้นควา้ อย่างมีประสทิ ธิภาพ เลอื กฟังดอู ย่างมีวิจารณญาณ พดู แสดงความรู้ ความคดิ และความรสู้ ึกอยา่ งสรา้ งสรรค์ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงภาษา และพลงั ของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัตขิ องชาติ เข้าใจและแสดงความ คดิ เห็น วจิ ารณว์ รรณคดี และวรรณกรรมไทยอยา่ งเห็นคุณค่าและนามาประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ จรงิ สามารถนา ความรู้ไปใชใ้ ห้เกิดประโยชนโ์ ดยใช้วิธีการของเศรษฐกิจพอเพยี งและสามารถนาไปประยุกตใ์ ช้กับชีวิตประจาวัน ไดอ้ ย่างถูกต้องเหมาะสม ตวั ช้ีวัด ท ๑.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕,ป.๖/๖, ป๖/๗, ป.๖/๘, ป.๖/๙ ท ๒.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕,ป.๖/๖, ป๖/๗, ป.๖/๘, ป.๖/๙ ท ๓.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕,ป.๖/๖ ท ๔.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕,ป.๖/๖ ท ๕.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔ หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นเนนิ โพธิ์ พุทธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

๓๔ รวมทั้งหมด ๓๔ ตวั บ่งช้ี หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นเนนิ โพธิ์ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

๓๕ คาอธบิ ายรายวชิ าพน้ื ฐาน กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ค ๑๑๑๐๑ คณติ ศาสตร์ เวลา ๒๐๐ ช่ัวโมง ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ ศกึ ษา ฝกึ ทกั ษะการคดิ คานวณและฝกึ แก้ปญั หา จานวนนบั ๑ ถึง ๑๐๐ และ ๐ บอกและแสดง จานวนสง่ิ ต่าง ๆ ตามจานวนท่กี าหนด อ่านและเขียนตวั เลขฮินดอู ารบิก ตัวเลขไทย การบอกอันดับท่ีหลกั ค่าของเลขโดดในแต่ละหลกั และเขียนแสดงจานวนในรูปกระจาย เปรยี บเทยี บจานวนนบั ไมเ่ กนิ ๑๐๐ และ ๐ โดยใชเ้ คร่อื งหมาย = ≠ > < เรียงลาดับจานวนตงั้ แต่ ๓ ถงึ ๕ จานวน และหาคา่ ของตัวไม่ทราบค่าใน ประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการบวก การลบ การแกโ้ จทยป์ ัญหาการบวก การลบ ของจานวนนบั ไม่เกนิ ๑๐๐ และ ๐ ความยาวและน้าหนัก สร้างโจทยป์ ัญหาพร้อมทั้งแสดงวธิ หี าคาตอบของโจทยป์ ัญหาการบวก การลบ ของจานวนนบั ไม่เกนิ ๑๐๐ และ ๐ ระบจุ านวนท่หี ายไปในแบบรปู ของจานวนท่เี พม่ิ ขึน้ หรอื ลดลงทีละ ๑ ทลี ะ ๑๐ รูปท่ีหายไปในแบบรูปซา้ ของรูปเรขาคณิตและรูปอน่ื ๆ ที่สมาชกิ ใน แตล่ ะชุดท่ีซ้ามี ๒ รปู วัดและ เปรยี บเทียบความยาวเปน็ เซนติเมตร เปน็ เมตร น้าหนักเปน็ กิโลกรัมเป็นขดี และใช้หนว่ ยทไี่ มใ่ ช่หน่วย มาตรฐาน จาแนกรปู สามเหล่ียม รปู สีเ่ หลีย่ ม วงกลม วงรี ทรงสี่เหลีย่ มมุมฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และ กรวย ใชข้ ้อมลู จากแผนภมู ิรปู ภาพในการหาคาตอบของโจทย์ปญั หา เม่ือกาหนดรูป ๑ รปู แทน ๑ หน่วย ตวั ช้ีวัด ค ๑.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔, ป.๑/๕ ค ๑.๒ ป.๑/๑ ค ๒.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒ ค ๒.๒ ป.๑/๑ ค ๓.๑ ป.๑/๑ รวมทงั้ หมด ๑๐ ตวั ช้ีวัด หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านเนนิ โพธ์ิ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

๓๖ คาอธิบายรายวชิ าพน้ื ฐาน กลุม่ สาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ ค ๑๒๑๐๑ คณิตศาสตร์ เวลา ๒๐๐ ช่ัวโมง ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๒ ศกึ ษา ฝกึ ทกั ษะการคดิ คานวณและฝกึ แกป้ ัญหา จานวนนบั ๑ ถงึ ๑,๐๐๐ และ ๐ บอกและแสดง จานวนสิ่งต่าง ๆ ตามจานวนทีก่ าหนด อ่านและเขียนตัวเลขฮนิ ดูอารบิก ตัวเลขไทย การบอกอันดับทห่ี ลัก คา่ ของเลขโดดในแต่ละหลกั และเขยี นแสดงจานวนในรูปกระจาย เปรียบเทยี บจานวนนับไม่เกิน ๑,๐๐๐ และ ๐ โดยใช้เครื่องหมาย = ≠ > < เรยี งลาดับจานวนนับไม่เกิน ๑,๐๐๐ และ ๐ ตั้งแต่ ๓ ถงึ ๕ จานวน และหา คา่ ของตัวไมท่ ราบค่าในประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการบวก การลบ การแก้โจทย์ปัญหาการบวก การลบของ จานวนนบั ไม่เกิน ๑,๐๐๐ และ ๐ หาคา่ ของตัวไม่ทราบคา่ ในประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการคณู ของจานวน ๑ หลกั กับจานวนไม่เกนิ ๒ หลัก และประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการหารที่ตวั ตงั้ ไมเ่ กนิ ๒ หลัก ตัวหาร ๑ หลัก โดย ท่ีผลหารมี ๑ หลัก ทงั้ หารลงตัวและหารไมล่ งตวั หาผลลพั ธ์การบวก ลบ คณู หารระคนของจานวนนับไมเ่ กนิ ๑,๐๐๐ และ ๐ แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ปญั หา ๒ ขัน้ ตอนของจานวนนับไมเ่ กิน ๑,๐๐๐ และ ๐ แสดงวธิ ี หาคาตอบของโจทยป์ ัญหาเก่ยี วกบั เวลาทีม่ หี นว่ ยเดีย่ วและเปน็ หนว่ ยเดียว วัดและเปรียบเทยี บความยาวเป็น เมตรและเซนติเมตร พร้อมทัง้ แสดงวธิ ีการหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาการบวก การลบความยาวท่ีมีหนว่ ยเป็น เมตรและเซนติเมตร วดั และเปรยี บเทียบน้าหนักเปน็ กิโลกรัมและกรัม กิโลกรัมและขดี พร้อมทัง้ แสดงวิธีการ หาคาตอบของโจทยป์ ญั หาการบวกการลบเกี่ยวกับนา้ หนักที่มีหนว่ ยเป็นกโิ ลกรัมและกรัม กโิ ลกรัมและขีด วัด และเปรยี บเทยี บปริมาตรและความจเุ ปน็ ลติ ร จาแนกและบอกลกั ษณะของรูปหลายเหลย่ี มและวงกลม ใช้ ขอ้ มลู จากแผนภมู ริ ปู ภาพในการหาคาตอบของโจทยป์ ญั หา เมื่อกาหนดรูป ๑ รปู แทน ๒ หนว่ ย ๕ หน่วยหรอื ๑๐ หน่วย ตัวชีว้ ัด ค ๑.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕, ป.๒/๖, ป.๒/๗, ป.๒/๘ ค ๒.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕, ป.๒/๖ ค ๒.๒ ป.๒/๑ ค ๓.๑ ป.๒/๑ รวม ๑๖ ตัวชี้วัด หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นบา้ นเนินโพธ์ิ พทุ ธศักราช ๒๕๖6 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)

๓๗ คาอธบิ ายรายวิชาพนื้ ฐาน กล่มุ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ค ๑๓๑๐๑ คณิตศาสตร์ เวลา ๒๐๐ ช่ัวโมง ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๓ อา่ นและเขยี น ตวั เลขฮนิ ดูอารบิก ตวั เลขไทย และตวั หนังสือแสดงจานวนนับไม่เกนิ ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ เปรียบเทยี บและเรียงลาดับจานวนนบั ไมเ่ กิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ จากสถานการณ์ต่าง ๆ บอก อา่ นและ เขยี นเศษส่วนที่แสดงปรมิ าณส่ิงต่าง ๆ และแสดงส่งิ ต่าง ๆ ตามเศษส่วนทกี่ าหนด เปรียบเทียบเศษสว่ นทตี่ ัว เศษเท่ากัน โดยทีต่ วั เศษน้อยกว่าหรอื เท่ากับตวั สว่ น หาคา่ ของตวั ไมท่ ราบค่าในประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการ บวกและการลบของจานวนนบั ไมเ่ กนิ ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ หาคา่ ของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดง การคูณของจานวน ๑ หลักกบั จานวนไมเ่ กนิ ๔ หลักและจานวน ๒ หลกั กับจานวน ๒ หลัก หาคา่ ของตัวไม่ ทราบคา่ ในประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการหารที่ตวั ต้ังไม่เกนิ ๔ หลัก ตวั หาร ๑ หลกั และหาผลลัพธก์ ารบวก ลบ คูณ หารระคนและแสดงวิธีการหาคาตอบของโจทยป์ ญั หา ๒ ขนั้ ตอนของจานวนนบั ไมเ่ กนิ ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ หาผลบวกและแสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวกของเศษส่วนท่มี ตี วั สว่ นเท่ากันและผลบวกไม่เกนิ ๑ และหาผลลบพร้อมทัง้ แสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปัญหาการลบของเศษสว่ นทีม่ ตี ัวสว่ นเท่ากัน ระบจุ านวนที่ หายไปในแบบรูปของจานวนท่เี พิ่มข้ึนหรอื ลดลงทีละเท่า ๆ กัน แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ปัญหาเกย่ี วกับเงิน เวลาและระยะเวลา เลือกใช้เคร่อื งมือความยาวที่เหมาะสม วัดและบอกความยาวของสิ่งตา่ ง ๆ เป็นเซนตเิ มตร และมิลลเิ มตร เมตรและเซนตเิ มตร คาดคะเนความยาวเปน็ เมตรและเปน็ เซนติเมตร เปรยี บเทียบความยาว และแสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ปญั หาเกย่ี วกบั ระหวา่ งเซนตเิ มตรกับมิลลเิ มตร เมตรกบั เซนติเมตร กิโลเมตร กบั เมตร จากสถานการณ์ต่าง ๆ เลือกใชเ้ ครือ่ งช่ังท่ีเหมาะสม วดั และบอกนา้ หนกั เป็นกโิ ลกรัมและขดี กโิ ลกรัม และกรมั คาดคะเนน้าหนกั เป็นกโิ ลกรมั และเปน็ ขีด เปรยี บเทียบนา้ หนักและแสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ ปญั หาเก่ียวกับน้าหนักทม่ี หี น่วยเป็นกิโลกรมั กบั กรัม เมตรกิ ตันกบั กโิ ลกรัม จากสถานการณต์ ่าง ๆ เลือกใช้ เคร่อื งตวงที่เหมาะสม วดั และเปรยี บเทยี บปรมิ าตร ความจเุ ปน็ ลิตรและมิลลิลิตร คาดคะเนและแสดงวธิ หี า คาตอบของโจทย์ปญั หาเกี่ยวกบั ปริมาตรและความจเุ ปน็ ลติ รและมลิ ลเิ มตร ระบุรูปเรขาคณิตสองมิตทิ ี่มแี กน สมมาตรและจานวนแกนสมมาตร เขียนแผนภมู ริ ปู ภาพและใชข้ ้อมูลจากแผนภมู ิรปู ภาพในการหาคาตอบของ โจทยป์ ญั หา เขยี นตารางทางเดียวจากข้อมูลที่เปน็ จานวนนบั และใชข้ ้อมูลจากตารางทางเดยี วในการหาคาตอบ ของโจทยป์ ญั หา ตวั ชีว้ ัด ค ๑.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖, ป.๓/๗, ป.๓/๘, ป.๓/๙, ป.๓/๑๐, ป.๓/๑๑ ค ๑.๒ ป.๓/๑ ค ๒.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖, ป.๓/๗, ป.๓/๘, ป.๓/๙, ป.๓/๑๐, ป.๓/๑๑,ป.๓/๑๒, ป.๓/๑๓ ค ๒.๒ ป.๓/๑ ค ๓.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒ รวมทั้งหมด ๒๘ ตวั ช้ีวดั หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นบ้านเนนิ โพธิ์ พทุ ธศักราช ๒๕๖6 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

๓๘ คาอธบิ ายรายวชิ าพนื้ ฐาน กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ ค ๑๔๑๐๑ คณติ ศาสตร์ เวลา ๑๖๐ ชั่วโมง ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ ศกึ ษา ฝึกทักษะการอา่ นและเขียนตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก ตวั เลขไทย และตวั หนังสอื แสดงจานวนนบั ท่ี มากกวา่ ๑๐๐,๐๐๐ พรอ้ มท้ังเปรยี บเทยี บและเรยี งลาดับจานวนนบั ท่ีมากกว่า ๑๐๐,๐๐๐ จากสถานการณ์ ต่าง ๆ บอก อา่ นและเขียนเศษส่วน จานวนคละแสดงปริมาณสง่ิ ต่าง ๆ และแสดงสงิ่ ตา่ ง ๆ ตามเศษส่วน จานวนคละทีก่ าหนด เปรียบเทยี บ เรียงลาดับเศษส่วนและจานวนคละท่ตี ัวส่วนตวั หนึ่งเปน็ พหคู ูณของอกี ตัว หนึ่ง อ่านและเขยี นทศนยิ มไมเ่ กนิ ๓ ตาแหนง่ แสดงปริมาณของส่ิงตา่ ง ๆ ตามทศนยิ มทกี่ าหนด เปรียบเทยี บ และเรยี งลาดบั ทศนยิ มไมเ่ กนิ ๓ ตาแหนง่ และประมาณผลลัพธ์ของการบวก การลบการคูณ การหาร จาก สถานการณ์ต่าง ๆ อยา่ งสมเหตุสมผล หาค่าของตวั ไมท่ ราบคา่ ในประโยคสญั ลักษณ์ แสดงการบวก การลบ ของจานวนนบั ทีม่ ากกว่า ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ แสดงการคูณของจานวนหลายหลัก ๒ จานวน ทีม่ ีผลคูณไม่เกนิ ๖ หลกั และแสดงการหารทีต่ วั ตั้งไม่เกิน ๖ หลกั ตัวหารไมเ่ กิน ๒ หลกั หาผลลัพธก์ ารบวก ลบ คูณ หารระคน ของจานวนนับ และ ๐ แสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปัญหา ๒ ข้ันตอนของจานวนนับทีม่ ากกว่า ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ สรา้ งโจทย์ปญั หา ๒ ขนั้ ตอนของจานวนนับ และ ๐ พรอ้ มท้ังหาคาตอบ หาคาตอบและแสดงวิธหี า คาตอบของโจทยป์ ญั หาการบวก การลบของเศษส่วนและจานวนคละทต่ี ัวสว่ นตัวหนงึ่ เปน็ พหคู ูณของอีกตวั หน่งึ หาผลบวก ผลลบของทศนิยมไมเ่ กิน ๓ ตาแหน่ง และแสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ปญั หาการบวก การลบ ๒ ขัน้ ตอนของทศนิยมไม่เกนิ ๓ ตาแหนง่ แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปญั หาเกีย่ วกับเวลา วัดและสรา้ งมุมโดย ใช้โพรแทรกเตอร์ แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาเก่ยี วกับความยาวรอบรูปและพ้นื ทข่ี องรปู สี่เหลี่ยมมุม ฉาก จาแนกชนดิ ของมมุ บอกช่อื มุม สว่ นประกอบของมมุ และเขียนสญั ลักษณแ์ สดงมุม สรา้ งรปู ส่ีเหล่ียมมมุ ฉากเมือ่ กาหนดความยาวของด้าน และใช้ข้อมูลจากแผนภมู ิแทง่ ตารางสองทางในการหาคาตอบของโจทย์ ปัญหา ตวั ชีว้ ัด ค ๑.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕, ป.๔/๖, ป.๔/๗, ป.๔/๘, ป.๔/๙, ป.๔/๑๐, ป.๔/๑๑, ป.๔/๑๒, ป.๔/๑๓, ป.๔/๑๔, ป.๔/๑๕, ป.๔/๑๖ ค ๒.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓ ค ๒.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒ ค ๓.๑ ป.๔/๑ รวมท้งั หมด ๒๒ ตวั ช้ีวัด หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านเนินโพธ์ิ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)

๓๙ คาอธิบายรายวชิ าพน้ื ฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ ค ๑๕๑๐๑ คณติ ศาสตร์ เวลา ๑๖๐ ชั่วโมง ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๕ เขยี นเศษส่วนทมี่ ีตัวส่วนเปน็ ตวั ประกอบของ ๑๐ หรือ ๑๐๐ หรือ ๑,๐๐๐ ในรปู ทศนยิ ม แสดงวธิ หี า คาตอบของโจทย์ปญั หาโดยใชบ้ ญั ญัตไิ ตรยางศ์ หาผลบวก ผลลบ ผลคณู ผลหารของเศษสว่ นและจานวนคละ แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาการบวก การลบ การคณู การหารเศษสว่ น ๒ ขน้ั ตอน หาผลคณู ของ ทศนยิ ม ที่ผลคณู เป็นทศนิยมไมเ่ กิน ๓ ตาแหน่ง หาผลหารทีต่ วั ตัง้ เป็นจานวนนับหรอื ทศนิยมไมเ่ กนิ ๓ ตาแหนง่ และตัวหารเป็นจานวนนบั ผลหารเปน็ ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตาแหน่ง แสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปญั หา การบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม ๒ ข้ันตอน และแสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ญั หาร้อยละไม่เกิน ๒ ขั้นตอน แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ปัญหาเกี่ยวกบั ความยาว นา้ หนัก ที่มีการเปล่ียนหนว่ ยและเขียนในรปู ทศนยิ ม แสดงวิธหี าคาตอบของโจทยป์ ัญหาเกยี่ วกบั ปรมิ าตรของทรงสเ่ี หลยี่ มมมุ ฉากและความจขุ องภาชนะ ทรงส่เี หลย่ี มมมุ ฉาก ความยาวรอบรูปของรปู ส่ีเหล่ียมและพ้ืนทีข่ องรปู สีเ่ หล่ียมด้านขนานและรปู สเ่ี หลยี่ มขนม เปยี กปนู สรา้ งเสน้ ตรงหรือส่วนของเสน้ ตรงใหข้ นานกบั เส้นตรงหรอื ส่วนของเส้นตรงทกี่ าหนดให้ จาแนกรูป สเ่ี หล่ียมโดยพจิ ารณาจากสมบัตขิ องรปู สร้างรูปสี่เหลย่ี มชนิดต่าง ๆ เมื่อกาหนดความยาวของดา้ นและขนาด ของมุมหรือเมอื่ กาหนดความยาวของเสน้ ทแยงมมุ และบอกลกั ษณะของปรซิ ึม ใช้ขอ้ มูลจากกราฟเส้นในการหาคาตอบของโจทย์ปญั หา และเขยี นแผนภมู ิแทง่ จากขอ้ มลู ท่ีเปน็ จานวนนับ ตัวช้ีวัด ค ๑.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔ , ป.๕/๕, ป.๕/๖, ป.๕/๗, ป.๕/๘, ป.๕/๙ ค ๒.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔ ค ๒.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔ ค ๓.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒ รวมทงั้ หมด ๑๙ ตวั ช้ีวดั หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นบ้านเนนิ โพธิ์ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)

๔๐ คาอธิบายรายวิชาพนื้ ฐาน กล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ค ๑๖๑๐๑ คณติ ศาสตร์ เวลา ๑๖๐ ช่ัวโมง ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ เปรียบเทยี บ เรยี งลาดับ เศษส่วนและจานวนคละจากสถานการณต์ ่าง ๆ เขยี นอตั ราสว่ นแสดงการ เปรียบเทยี บปรมิ าณ ๒ ปริมาณจากข้อความหรือสถานการณ์ โดยท่ปี ริมาณแต่ละปริมาณเป็นจานวนนับ หา อัตราส่วนท่ีเท่ากับอัตราส่วนทีก่ าหนดให้ หา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของจานวนนบั ไมเ่ กิน ๓ จานวน แสดงวธิ ีหา คาตอบของโจทยป์ ญั หาโดยใช้ความรเู้ ก่ยี วกับ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. หาผลลัพธ์ของการบวก ลบ คูณ หารระคน ของเศษส่วนและจานวนคละ แสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปัญหาเศษส่วนและจานวนคละ ๒ – ๓ ข้ันตอน หา ผลหารของทศนิยมทต่ี วั หารและผลหารเปน็ ทศนยิ มไม่เกิน ๓ ตาแหน่ง แสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปัญหาการ บวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม ๓ ขั้นตอน แสดงวิธหี าคาตอบของโจทยป์ ญั หาอัตราสว่ น ปัญหาร้อยละ ๒ – ๓ ขนั้ ตอน แสดงวธิ คี ิดและหาคาตอบของปญั หาเกีย่ วกับแบบรปู แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาเกย่ี วกับปริมาตรของรูปเรขาคณิตสามมิติท่ีประกอบด้วยทรง ส่ีเหล่ยี มมมุ ฉาก และแสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ปัญหาเกยี่ วกับความยาวรอบรปู และพืน้ ท่ขี องรูปหลาย เหลยี่ ม ความยาวรอบรปู และพน้ื ทขี่ องวงกลม จาแนกรูปสามเหลีย่ มโดยพิจารณาจากสมบัตขิ องรูป สร้างรปู สามเหลี่ยมเมื่อกาหนดความยาวของดา้ นและขนาดของมมุ บอกลักษณะของรปู เรขาคณิตสามมิติชนิดตา่ ง ๆ ระบรุ ปู เรขาคณิตสามมติ ิท่ปี ระกอบจากรูปคลี่และระบรุ ูปคลีข่ องรปู เรขาคณติ สามมิติ ใช้ข้อมูลจากแผนภูมิรปู วงกลมในการหาคาตอบของโจทยป์ ญั หา ตัวชว้ี ัด ค ๑.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖, ป.๖/๗, ป.๖/๘, ป.๖/๙, ป.๖/๑๐, ป.๖/๑๑ ค ๑.๒ ป.๖/๑ ค ๒.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓ ค ๒.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔ ค ๓.๑ ป.๖/๑ รวมทัง้ หมด ๒๐ ตวั ชี้วดั หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านเนินโพธ์ิ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

๔๑ คาอธบิ ายรายวิชาพน้ื ฐาน กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว๑๑๑๐๑ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๑ เวลา ๘๐ ช่ัวโมง ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ ระบุชือ่ พชื และสตั ว์ทอ่ี าศัยอยู่บรเิ วณต่าง ๆ จากข้อมลู ที่รวบรวมได้ บอกสภาพแวดล้อมทเี่ หมาะสม กับการดารงชีวิตของสัตว์ในบริเวณทอ่ี าศัยอยู่ ระบชุ ่อื บรรยายลักษณะและบอกหน้าที่ของสว่ นตา่ ง ๆ ของ รา่ งกายมนษุ ย์ สตั ว์ และพืช รวมทัง้ บรรยายการทาหนา้ ทรี่ ่วมกนั ของส่วนต่าง ๆ ของรา่ งกายมนุษยใ์ นการทา กิจกรรมต่าง ๆ จากข้อมูลทร่ี วบรวมได้ ตระหนกั ถึงความสาคัญของสว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกายตนเอง โดยการ ดูแลสว่ นตา่ ง ๆ อย่างถูกต้อง ให้ปลอดภยั และรกั ษาความสะอาดอยู่เสมอ อธิบายสมบตั ิทสี่ งั เกตไดข้ องวสั ดุที่ใช้ทาวตั ถุซง่ึ ทาจากวสั ดชุ นิดเดยี วหรือหลายชนดิ ประกอบกนั โดยใช้หลักฐาน เชิงประจักษ์ ระบุชนดิ ของวสั ดแุ ละจัดกลุม่ วัสดุตามสมบตั ทิ ี่สังเกตได้ บรรยายการเกดิ เสียงและทิศทาง การ เคลอ่ื นท่ีของเสยี งจากหลักฐานเชงิ ประจักษ์ ระบุดาวทปี่ รากฏบนทอ้ งฟ้าในเวลากลางวันและกลางคืนจากข้อมูลทรี่ วบรวมได้ อธบิ ายสาเหตุทมี่ องไม่เห็น ดวงดาวส่วนใหญ่ในเวลากลางวนั จากหลักฐานเชิงประจักษ์ อธบิ ายลกั ษณะภายนอกของหนิ จากลกั ษณะ เฉพาะตัวทีส่ ังเกตได้ แก้ปญั หาอยา่ งง่ายโดยใช้การลองผดิ ลองถูก การเปรียบเทียบ แสดงลาดบั ขั้นตอนการทางานหรือการ แก้ปัญหาอยา่ งง่ายโดยใช้ภาพ สัญลกั ษณ์ หรือขอ้ ความ เขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย โดยใช้ซอฟต์แวรห์ รือส่อื ใช้ เทคโนโลยีในการสร้าง จดั เกบ็ เรียกใชข้ ้อมูลตามวัตถุประสงค์ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย ปฏิบตั ิ ตามขอ้ ตกลงในการใช้คอมพวิ เตอร์ร่วมกัน ดแู ลรักษาอปุ กรณเ์ บื้องต้น ใช้งานอยา่ งเหมาะสม ตวั ช้วี ัด ว ๑.๑ ป.๑/๑ , ป.๑/๒ ว ๑.๒ ป.๑/๑ , ป.๑/๒ ว ๒.๑ ป.๑/๑ , ป.๑/๒ ว ๒.๓ ป.๑/๑ ว ๓.๑ ป.๑/๑ , ป.๑/๒ ว ๓.๒ ป.๑/๑ ว ๔.๒ ป.๑/๑ , ป.๑/๒ , ป.๑/๓ , ป.๑/๔ , ป.๑/๕ รวม ๑๕ ตวั ชีว้ ัด หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านเนินโพธิ์ พุทธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)

๔๒ คาอธบิ ายรายวิชาพนื้ ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ว๑๒๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๒ เวลา ๘๐ ชั่วโมง ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ระบุว่าพชื ตอ้ งการแสงและน้า เพอ่ื การเจรญิ เติบโต โดยใช้ขอ้ มลู จากหลักฐานเชิงประจักษ์ ตระหนกั ถงึ ความจาเป็นทพ่ี ืชตอ้ งการได้รบั น้าและแสงเพื่อการเจริญเตบิ โต โดยดแู ลพชื ให้ไดร้ ับส่งิ ดงั กลา่ วอย่าง เหมาะสม สร้างแบบจาลองทบี่ รรยายวัฏจกั รชีวติ ของพชื ดอก เปรียบเทยี บลกั ษณะสิ่งมีชวี ิตและส่งิ ไม่มชี ีวิต จากขอ้ มูลทรี่ วบรวมได้ เปรียบเทยี บสมบตั กิ ารดดู ซบั นา้ ของวสั ดโุ ดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ และระบุการนาสมบัติการดูดซับนา้ ของ วสั ดุไปประยุกตใ์ ช้ในการทาวัตถุในชวี ิตประจาวนั อธบิ ายสมบัติที่สงั เกตไดข้ องวสั ดุท่ีเกิดจากการนาวัสดมุ า ผสมกันโดยใช้หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ เปรยี บเทยี บสมบตั ิที่สงั เกตได้ของวัสดุ เพื่อนามาทาเปน็ วตั ถุในการใช้งาน ตามวตั ถปุ ระสงค์ และอธิบายการนาวสั ดุท่ีใช้แล้วกลบั มาใชใ้ หม่โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ตระหนกั ถึง ประโยชน์ของการนาวัสดุท่ีใชแ้ ล้วกลับมาใชใ้ หม่ โดยการนาวัสดุทีใ่ ช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ บรรยายแนวการเคลอื่ นที่ของแสงจากแหลง่ กาเนดิ แสง และอธบิ ายการมองเห็นวตั ถุจากหลักฐานเชิงประจกั ษ์ ตระหนกั ในการเห็นคณุ คา่ ของความร้ขู องการมองเหน็ โดยเสนอแนะแนวทางการปอ้ งกันอนั ตรายจากการ มองเหน็ วตั ถใุ นที่มแี สงสว่างไม่เหมาะสม ระบุสว่ นประกอบของดนิ และจาแนกชนดิ ของดนิ โดยใช้ลักษณะเนอ้ื ดนิ และการจับตัวเปน็ เกณฑ์ อธบิ ายการ ใชป้ ระโยชนจ์ ากดินจากขอ้ มูลทีร่ วบรวมได้ แสดงลาดับขัน้ ตอนการทางานหรือการแกป้ ัญหาอย่างงา่ ยโดยใช้ภาพ สัญลกั ษณ์ หรือข้อความ เขียน โปรแกรมอย่างงา่ ย โดยใช้ซอฟตแ์ วร์หรอื สอื่ และตรวจหาขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม ใช้เทคโนโลยใี นการสรา้ ง จัดหมวดหมู่ คน้ หา จัดเกบ็ เรียกใช้ขอ้ มูลตามวตั ถุประสงค์ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ปฏิบตั ติ าม ขอ้ ตกลงในการใช้คอมพวิ เตอร์รว่ มกัน ดูแลรักษาอปุ กรณ์เบือ้ งต้น ใชง้ านอย่างเหมาะสม ตัวชว้ี ัด ว ๑.๒ ป.๒/๑ , ป.๒/๒ , ป.๒/๓ ว ๑.๓ ป.๒/๑ ว ๒.๑ ป.๒/๑ , ป.๒/๒ , ป.๒/๓ , ป.๒/๔ ว ๒.๓ ป.๒/๑ , ป.๒/๒ ว ๓.๒ ป.๒/๑ , ป.๒/๒ ว ๔.๒ ป.๒/๑, ป.๒/๒ , ป.๒/๓ , ป.๒/๔ รวม ๑๖ ตัวชีว้ ัด หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นเนนิ โพธิ์ พุทธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)

๔๓ คาอธิบายรายวชิ าพนื้ ฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว๑๓๑๐๑ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๓ เวลา ๘๐ ชั่วโมง ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๓ บรรยายส่ิงทจ่ี าเป็นตอ่ การดารงชวี ิต และการเจริญเติบโตของมนษุ ยแ์ ละสตั วโ์ ดยใช้ข้อมลู ที่รวบรวมได้ ตระหนักถึงประโยชนข์ องอาหาร นา้ และอากาศโดยการดแู ลตนเองและสัตวใ์ ห้ไดร้ ับส่ิงเหล่านอ้ี ยา่ งเหมาะสม สร้างแบบจาลองทบ่ี รรยายวฏั จักรชวี ิตของสัตว์และเปรยี บเทียบวฏั จกั รชวี ิตของสัตว์บางชนดิ ตระหนกั ถึง คุณค่าของชวี ิตสัตว์โดยไม่ทาให้วฏั จกั รชวี ติ ของสัตวเ์ ปล่ียนแปลง อธิบายวา่ วตั ถปุ ระกอบข้ึนจากชน้ิ ส่วนย่อย ๆ ซึง่ สามารถแยกออกจากกันได้และประกอบกันเปน็ วัตถชุ น้ิ ใหมไ่ ด้ โดยใชห้ ลักฐานเชิงประจักษ์ อธบิ ายการเปลย่ี นแปลงของวสั ดเุ มื่อทาให้ร้อนขึ้นหรอื ทาใหเ้ ย็นลงโดยใชห้ ลักฐาน เชิงประจกั ษ์ ระบุผลของแรงท่ีมตี ่อการเปลย่ี นแปลงการเคลอื่ นทีข่ องวตั ถุจากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ เปรยี บเทยี บและยกตวั อย่างแรงสมั ผัสและแรงไมส่ มั ผัสทมี่ ีผลตอ่ การเคลอื่ นทข่ี องวัตถโุ ดยใช้หลักฐานเชิง ประจักษ์ จาแนกวัตถโุ ดยใช้การดึงดูดกับแม่เหลก็ เปน็ เกณฑ์จากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ ระบขุ ้ัวแม่เหล็กและ พยากรณผ์ ลท่ีเกิดข้นึ ระหวา่ งข้ัวแมเ่ หลก็ เมื่อนามาเข้าใกล้กันจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ยกตวั อยา่ งการเปล่ยี น พลังงานหนงึ่ ไปเปน็ อีกพลังงานหนึ่งจากหลกั ฐานเชิงประจักษ์ บรรยายการทางานของเครื่องกาเนดิ ไฟฟ้าและ ระบแุ หล่งพลงั งานในการผลิตไฟฟ้าจากข้อมูลที่รวบรวมได้ ตระหนักในประโยชน์และโทษของไฟฟา้ โดย นาเสนอวิธกี ารใชไ้ ฟฟ้าอยา่ งประหยัด และปลอดภยั อธิบายแบบรปู เสน้ ทางการขึ้นและตกของดวงอาทิตยโ์ ดยใชห้ ลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ อธิบายสาเหตกุ าร เกดิ ปรากฏการณก์ ารขึ้นและตกของดวงอาทติ ย์ การเกิดกลางวนั กลางคนื และการกาหนดทิศโดยใช้ แบบจาลอง ตระหนักถึงความสาคญั ของดวงอาทิตย์ โดยบรรยายประโยชนข์ องดวงอาทติ ยต์ อ่ สิ่งมีชีวติ ระบุ สว่ นประกอบของอากาศ บรรยายความสาคญั ของอากาศ และผลกระทบของมลพิษทางอากาศต่อส่ิงมชี ีวติ จาก ขอ้ มลู ท่ีรวบรวมไดต้ ระหนักถึงความสาคัญของอากาศ โดยนาเสนอแนวทางการปฏิบตั ติ นในการลดการเกดิ มลพษิ ทางอากาศ อธบิ ายการเกดิ ลมจากหลักฐานเชิงประจักษ์ บรรยายประโยชน์และโทษของลมจากข้อมูลท่ี รวบรวมได้ แสดงอัลกอรทิ มึ ในการทางานหรอื การแก้ปัญหาอยา่ งงา่ ยโดยใช้ภาพ สญั ลกั ษณ์ หรอื ข้อความ เขียนโปรแกรม อย่างง่าย โดยใชซ้ อฟตแ์ วร์หรือสื่อ และตรวจหาข้อผดิ พลาดของโปรแกรม ใชอ้ นิ เทอร์เน็ตค้นหาความรู้ รวบรวม ประมวลผล และนาเสนอข้อมูล โดยใชซ้ อฟต์แวรต์ ามวัตถปุ ระสงค์ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ ง ปลอดภยั ปฏิบัตติ ามข้อตกลงในการใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ ตัวชี้วัด ว ๑.๒ ป.๓/๑ , ป.๓/๒ , ป.๓/๓ , ป.๓/๔ ว ๒.๑ ป.๓/๑ , ป.๓/๒ ว ๒.๒ ป.๓/๑ , ป.๓/๒, ป.๓/๓ , ป.๓/๔ ว ๒.๓ ป.๓/๑ , ป.๓/๒ , ป.๓/๓ ว ๓.๑ ป.๓/๑ , ป.๓/๒ , ป.๓/๓ ว ๓.๒ ป.๓/๑ , ป.๓/๒ , ป.๓/๓ , ป.๓/๔ ว ๔.๒ ป.๓/๑ , ป.๓/๒ , ป.๓/๓ , ป.๓/๔ , ป.๓/๕ รวม ๒๕ ตวั ชว้ี ัด หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นบ้านเนินโพธิ์ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)

๔๔ คาอธบิ ายรายวชิ าพนื้ ฐาน กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว๑๔๑๐๑ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๔ เวลา ๑๒๐ ช่วั โมง ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๔ บรรยายหน้าทข่ี องราก ลาตน้ ใบ และดอกของพืชดอกโดยใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้ จาแนกส่ิงมีชีวติ โดย ใชค้ วามเหมือน และความแตกต่างของลกั ษณะของสิง่ มชี วี ติ ออกเป็นกลมุ่ พืช กลุ่มสตั ว์ และกล่มุ ทีไ่ มใ่ ชพ่ ชื และ สัตว์ จาแนกพืชออกเป็นพชื ดอกและพืชไมม่ ีดอกโดยใชก้ ารมดี อกเป็นเกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลท่ีรวบรวมได้ จาแนก สตั ว์ออกเปน็ สัตวม์ กี ระดกู สนั หลังและสัตว์ไมม่ กี ระดกู สนั หลงั โดยใช้การมีกระดูกสันหลงั เป็นเกณฑ์ โดยใช้ ขอ้ มลู ทร่ี วบรวมได้ บรรยายลักษณะเฉพาะท่ีสงั เกตไดข้ องสัตวม์ ีกระดกู สันหลงั ในกลุ่มปลา กลมุ่ สัตวส์ ะเทนิ น้า สะเทนิ บก กลุม่ สตั วเ์ ล้อื ยคลาน กลุ่มนก และกลมุ่ สัตว์เลี้ยงลกู ดว้ ยนา้ นม และยกตวั อย่างสิง่ มชี วี ิตในแตล่ ะกล่มุ เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพดา้ นความแข็ง สภาพยดื หยุน่ การนาความร้อน และการนาไฟฟา้ ของวสั ดุโดย ใช้หลกั ฐานเชิงประจักษจ์ ากการทดลองและระบุการนาสมบัตเิ ร่อื งความแข็ง สภาพยดื หยุน่ การนาความรอ้ น และการนาไฟฟ้าของวัสดุไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ผ่านกระบวนการออกแบบช้นิ งาน แลกเปลย่ี นความคิดกบั ผู้อืน่ โดยการอภิปรายเกีย่ วกับสมบตั ิทางกายภาพของวัสดอุ ย่างมเี หตุผลจากการทดลอง เปรยี บเทยี บสมบัตขิ อง สสารท้งั ๓ สถานะ จากขอ้ มลู ทไ่ี ด้จากการสังเกตมวล การตอ้ งการทอ่ี ยู่ รปู ร่างและปรมิ าตรของสสาร ใช้ เครือ่ งมอื เพอ่ื วัดมวล และปรมิ าตรของสสารทงั้ ๓ สถานะ ระบผุ ลของแรงโน้มถว่ งท่ีมตี อ่ วัตถจุ ากหลักฐานเชิง ประจักษ์ ใชเ้ คร่ืองชงั่ สปรงิ ในการวดั นา้ หนกั ของวตั ถุ บรรยายมวลของวตั ถุทมี่ ีผลตอ่ การเปลี่ยนแปลงการ เคลอื่ นท่ขี องวตั ถุจากหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ จาแนกวตั ถุเป็นตวั กลางโปร่งใส ตัวกลางโปรง่ แสง และวตั ถุทึบแสง จากลักษณะการมองเห็นส่ิงต่าง ๆ ผ่านวัตถุน้นั เป็นเกณฑ์โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจักษ์ อธบิ ายแบบรูปเสน้ ทางการขึ้นและตกของดวงจันทร์ โดยใช้หลักฐานเชิงประจกั ษ์ สร้างแบบจาลองทีอ่ ธบิ าย แบบรปู การเปลีย่ นแปลงรูปรา่ งปรากฏของดวงจนั ทร์ และพยากรณร์ ปู ร่างปรากฏของดวงจันทร์ สรา้ ง แบบจาลองแสดงองคป์ ระกอบของระบบสุรยิ ะ และอธิบายเปรียบเทยี บคาบการโคจรของดาวเคราะหต์ า่ ง ๆ จากแบบจาลอง ใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะในการแก้ปญั หา การอธิบายการทางาน การคาดการณ์ผลลัพธ์ จากปญั หาอยา่ ง ง่าย ออกแบบ และเขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือส่อื และตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดและแก้ไข ใช้ อินเทอรเ์ น็ตคน้ หาความรู้ และประเมนิ ความน่าเช่ือถอื ของข้อมูล รวบรวม ประเมิน นาเสนอขอ้ มลู และ สารสนเทศ โดยใชซ้ อฟตแ์ วรท์ ่หี ลากหลาย เพอื่ แก้ปญั หาในชีวติ ประจาวนั ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ ง ปลอดภยั เขา้ ใจสิทธแิ ละหนา้ ทีข่ องตน เคารพในสิทธิของผอู้ ่ืน แจง้ ผ้เู กี่ยวขอ้ งเมื่อพบข้อมูลหรอื บุคคลทไี่ ม่ เหมาะสม ตวั ชี้วัด ว ๑.๒ ป.๔/๑ ว ๑.๓ ป.๔/๑ , ป.๔/๒ , ป.๔/๓ , ป.๔/๔ ว ๒.๑ ป.๔/๑ , ป.๔/๒ , ป.๔/๓ , ป.๔/๔ ว ๒.๒ ป.๔/๑ , ป.๔/๒ , ป.๔/๓ ว ๒ ๓. ป.๔/๑ ว ๓.๑ ป.๔/๑ , ป.๔/๒ , ป.๔/๓ ว ๔.๒ ป.๔/๑ , ป.๔/๒ , ป.๔/๓ , ป.๔/๔, ป.๔/๕ รวม ๒๑ ตัวชีว้ ัด หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านเนนิ โพธ์ิ พุทธศักราช ๒๕๖6 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

๔๕ คาอธิบายรายวิชาพนื้ ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ว๑๕๑๐๑ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี๕ เวลา ๑๒๐ ช่วั โมง ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ บรรยายโครงสรา้ งและลกั ษณะของสงิ่ มีชีวติ ท่ีเหมาะสมกับการดารงชีวติ ซึง่ เป็นผลมาจากการปรบั ตัว ของส่ิงมีชีวติ ในแต่ละแหล่งทีอ่ ยู่ อธิบายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสิ่งมีชวี ติ กับส่งิ มีชวี ิต และความสัมพันธร์ ะหว่าง ส่ิงมชี ีวติ กับสงิ่ ไมม่ ีชีวติ เพอื่ ประโยชนต์ อ่ การดารงชีวิต เขียนโซอ่ าหารและระบุบทบาทหนา้ ทขี่ องส่ิงมีชีวิตท่ี เป็นผูผ้ ลิตและผู้บริโภคในโซอ่ าหาร ตระหนกั ในคุณค่าของสง่ิ แวดล้อมทีม่ ตี อ่ การดารงชวี ติ ของสิง่ มชี วี ติ โดยมี สว่ นรว่ มในการดแู ลรกั ษาสง่ิ แวดลอ้ ม อธิบายลักษณะทางพันธกุ รรมท่ีมีการถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูกของพชื สัตว์ และมนุษย์ แสดงความอยากรู้อยากเหน็ โดยการถามคาถามเกีย่ วกบั ลกั ษณะท่ีคล้ายคลึงกันของตนเองกับ พอ่ แม่ อธบิ ายการเปลีย่ นสถานะของสสาร เมื่อทาให้สสารรอ้ นขนึ้ หรอื เยน็ ลงโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ อธิบายการละลายของสารในน้าโดยใช้หลักฐานเชิงประจกั ษ์ วเิ คราะหก์ ารเปลี่ยนแปลงของสารเมือ่ เกดิ การ เปลย่ี นแปลงทางเคมโี ดยใชห้ ลกั ฐานเชิงประจักษ์ วเิ คราะห์และระบกุ ารเปล่ียนแปลงท่ีผันกลับไดแ้ ละการ เปลย่ี นแปลงที่ผันกลับไม่ได้ อธบิ ายวธิ กี ารหาแรงลัพธข์ องแรงหลายแรงในแนวเดียวกนั ทีก่ ระทาต่อวตั ถุในกรณี ท่วี ัตถอุ ยู่น่งิ จากหลักฐานเชิงประจักษ์ เขียนแผนภาพแสดงแรงท่กี ระทาต่อวตั ถุท่อี ยใู่ นแนวเดยี วกนั และแรง ลพั ธ์ทก่ี ระทาต่อวัตถุ ใช้เครือ่ งช่งั สปริงในการวัดแรงทีก่ ระทาตอ่ วัตถุ ระบผุ ลของแรงเสียดทานท่มี ีต่อการ เปลี่ยนแปลงการเคล่ือนที่ของวัตถุจากหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ เขยี นแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงที่อยใู่ น แนวเดยี วกันทกี่ ระทาต่อวตั ถุ อธิบายการได้ยินเสียงผ่านตวั กลางจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ระบตุ วั แปร ทดลอง และอธิบายลักษณะและการเกิดเสียงสูง เสยี งต่า ออกแบบการทดลองและอธิบายลักษณะและการเกดิ เสยี งดงั เสียงค่อย วัดระดบั เสียงโดยใช้เครือ่ งมือวดั ระดบั เสียง ตระหนกั ในคุณค่าของความรเู้ รือ่ งระดบั เสยี งโดย เสนอแนะแนวทางในการหลีกเล่ียงและลดมลพษิ ทางเสียง เปรยี บเทยี บความแตกต่างของดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษ์จากแบบจาลอง ใช้แผนท่ีดาวระบุตาแหนง่ และ เส้นทางการขึน้ และตกของกลุ่มดาวฤกษบ์ นท้องฟ้า และอธบิ ายแบบรูปเส้นทางการขึ้นและตกของกลุ่มดาว ฤกษ์บนทอ้ งฟ้าในรอบปี เปรยี บเทยี บปรมิ าณนา้ ในแตล่ ะแหล่ง และระบุปริมาณน้าท่มี นุษย์สามารถนามาใช้ ประโยชนไ์ ดจ้ ากข้อมลู ท่รี วบรวมได้ ตระหนกั ถงึ คุณค่าของน้าโดยนาเสนอแนวทางการใชน้ ้าอย่างประหยัดและ การอนรุ กั ษ์นา้ สรา้ งแบบจาลองท่ีอธบิ ายการหมุนเวยี นของนา้ ในวัฏจักรน้า เปรียบเทยี บกระบวนการเกิดเมฆ หมอก น้าคา้ ง และน้าคา้ งแขง็ จากแบบจาลอง เปรยี บเทยี บกระบวนการเกิดฝน หิมะ และลกู เห็บจากข้อมูลท่ี รวบรวมได้ ใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะในการแก้ปญั หา การอธิบายการทางาน การคาดการณ์ผลลัพธ์ จากปัญหาอยา่ ง ง่าย ออกแบบ และเขยี นโปรแกรมท่มี กี ารใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะอยา่ งง่าย ตรวจหาข้อผิดพลาดและแก้ไข ใช้ อนิ เทอรเ์ น็ตค้นหาขอ้ มลู ติดตอ่ สอ่ื สารและทางานร่วมกัน ประเมนิ ความน่าเช่อื ถือของขอ้ มูล รวบรวม ประเมนิ นาเสนอข้อมลู และสารสนเทศ ตามวัตถปุ ระสงคโ์ ดยใชซ้ อฟต์แวรห์ รอื บริการบนอินเทอรเ์ น็ตทีห่ ลากหลาย เพื่อ แกป้ ญั หาในชีวิต ประจาวัน ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั มีมารยาท เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตน เคารพในสทิ ธขิ องผ้อู น่ื แจง้ ผเู้ กย่ี วข้องเมอ่ื พบข้อมูลหรอื บุคคลทไ่ี มเ่ หมาะสม ตัวช้วี ัด ว ๑.๑ ป.๕/๑ , ป.๕/๒ , ป.๕/๓ , ป.๕/๔ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นเนนิ โพธิ์ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖6 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)

๔๖ ว ๑.๓ ป.๕/๑, ป.๕/๒ ว ๒.๑ ป.๕/๑ , ป.๕/๒ , ป.๕/๓ , ป.๕/๔ ว ๒.๒ ป.๕/๑ , ป.๕/๒ , ป.๕/๓ , ป.๕/๔ , ป.๕/๕ ว ๒.๓ ป.๕/๑ , ป.๕/๒ , ป.๕/๓ , ป.๕/๔ , ป.๕/๕ ว ๓.๑ ป.๕/๑ , ป.๕/๒ ว ๓.๒ ป.๕/๑ , ป.๕/๒ , ป.๕/๓ , ป.๕/๔ , ป.๕/๕ ว ๔.๒ ป.๕/๑ , ป.๕/๒ , ป.๕/๓ , ป.๕/๔ , ป.๕/๕ รวม ๓๒ ตวั ชี้วัด หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นเนินโพธิ์ พุทธศักราช ๒๕๖6 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)

๔๗ คาอธิบายรายวชิ าพนื้ ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว๑๖๑๐๑ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี๖ เวลา ๑๒๐ ช่ัวโมง ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๖ ระบสุ ารอาหารและบอกประโยชน์ของสารอาหารแต่ละประเภทจากอาหารที่ตนเองรับประทาน บอก แนวทางในการเลือกรบั ประทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถว้ น ในสัดส่วนที่เหมาะสมกับเพศและวัย รวมท้ัง ความปลอดภัยต่อสขุ ภาพ ตระหนกั ถึงความสาคัญของสารอาหาร โดยการเลอื กรบั ประทานอาหารท่ีมี สารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนท่เี หมาะสมกบั เพศและวัย รวมท้ังปลอดภัยต่อสุขภาพ สรา้ งแบบจาลองระบบ ยอ่ ยอาหาร และบรรยายหน้าท่ีของอวยั วะในระบบยอ่ ยอาหาร รวมท้ังอธิบายการย่อยอาหารและการดดู ซึม สารอาหาร ตระหนักถึงความสาคัญของระบบยอ่ ยอาหาร โดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษาอวัยวะใน ระบบย่อยอาหารให้ทางานเปน็ ปกติ อธบิ ายและเปรียบเทยี บการแยกสารผสมโดยการหยิบออก การร่อน การใชแ้ มเ่ หลก็ ดงึ ดดู การรินออก การกรอง และการตกตะกอนโดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ รวมทง้ั ระบุวิธแี ก้ปญั หาในชีวิตประจาวันเก่ยี วกบั การแยกสาร อธบิ ายการเกิดและผลของแรงไฟฟ้าซงึ่ เกิดจากวัตถทุ ีผ่ ่านการขดั ถโู ดยใชห้ ลกั ฐานเชิงประจักษ์ ระบสุ ่วนประกอบและบรรยายหน้าที่ของแตล่ ะส่วนประกอบของวงจรไฟฟา้ อยา่ งง่ายจากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ เขยี นแผนภาพและตอ่ วงจรไฟฟา้ อย่างงา่ ย ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวธิ ีทเ่ี หมาะสมในการอธิบาย วธิ กี ารและผลของการต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบอนกุ รม ตระหนกั ถึงประโยชนข์ องความรขู้ องการต่อเซลล์ไฟฟา้ แบบ อนุกรม โดยบอกประโยชน์และการประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ิต ประจาวัน ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธที ี่ เหมาะสมในการอธิบายการตอ่ หลอดไฟฟา้ แบบอนุกรมและแบบขนาน ตระหนักถงึ ประโยชน์ของความรูข้ อง การตอ่ หลอดไฟฟ้าแบบอนกุ รมและแบบขนาน โดยบอกประโยชน์ ขอ้ จากัด และการประยกุ ตใ์ ช้ ใน ชีวิตประจาวนั อธิบายการเกิดเงามดื เงามัวจากหลักฐานเชิงประจักษ์ เขยี นแผนภาพรงั สีของแสงแสดงการเกิด เงามืดเงามวั สรา้ งแบบจาลองทีอ่ ธิบายการเกดิ และเปรยี บเทียบปรากฏการณ์สรุ ิยปุ ราคาและจนั ทรุปราคา อธบิ าย พฒั นาการของเทคโนโลยอี วกาศ และยกตวั อย่างการนาเทคโนโลยอี วกาศมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวนั จาก ขอ้ มูลท่ีรวบรวมได้ เปรยี บเทียบกระบวนการเกดิ หินอคั นี หนิ ตะกอน และหนิ แปร และอธบิ ายวัฏจักรหนิ จาก แบบจาลอง บรรยายและยกตัวอย่างการใชป้ ระโยชน์ของหินและแรใ่ นชวี ิตประจาวันจากขอ้ มูลที่รวบรวมได้ สรา้ งแบบจาลองท่ีอธบิ ายการเกิดซากดกึ ดาบรรพ์และคาดคะเนสภาพแวดลอ้ มในอดตี ของซากดึกดาบรรพ์ เปรียบเทยี บการเกดิ ลมบก ลมทะเล และมรสมุ รวมทงั้ อธิบายผลท่มี ีตอ่ สงิ่ มีชีวิตและส่งิ แวดล้อม จาก แบบจาลอง อธบิ ายผลของมรสมุ ตอ่ การเกิดฤดขู องประเทศไทยจากขอ้ มูลทร่ี วบรวมได้ บรรยายลักษณะและ ผลกระทบของน้าท่วม การกดั เซาะชายฝั่ง ดนิ ถล่ม แผ่นดนิ ไหว สนึ ามิ ตระหนกั ถงึ ผลกระทบของภัยธรรมชาติ และธรณีพบิ ตั ิภัย โดยนาเสนอแนวทางในการเฝ้าระวังและปฏิบตั ติ นใหป้ ลอดภยั จากภยั ธรรมชาติและธรณี พิบัติภยั ท่ีอาจเกดิ ในท้องถ่นิ สรา้ งแบบจาลองท่ีอธิบายการเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก และผลของ ปรากฏการณ์เรือนกระจกตอ่ สิง่ มีชวี ติ ตระหนกั ถึงผลกระทบของปรากฏการณเ์ รอื นกระจก โดยนาเสนอแนว ทางการปฏบิ ัติตนเพือ่ ลดกิจกรรมทก่ี ่อให้เกดิ แก๊สเรอื นกระจก ใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะในการอธิบายและออกแบบวธิ ีการแกป้ ัญหาที่พบในชวี ิตประจาวนั ออกแบบและ เขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย เพ่อื แกป้ ญั หาในชีวติ ประจาวัน ตรวจหาข้อผดิ พลาดของโปรแกรมและแกไ้ ข ใช้ อินเทอรเ์ นต็ ในการค้นหาข้อมลู อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศทางานร่วมกันอย่างปลอดภยั เขา้ ใจสิทธิและหน้าท่ีของตน เคารพในสทิ ธขิ องผอู้ ื่น แจ้งผเู้ กยี่ วขอ้ งเมอ่ื พบขอ้ มลู หรอื บุคคลที่ไม่เหมาะสม หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านเนินโพธิ์ พทุ ธศักราช ๒๕๖6 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)

๔๘ ตวั ชี้วัด ว ๑.๒ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ , ป.๖/๓ , ป.๖/๔ , ป.๖/๕ ว ๒.๑ ป.๖/๑ ว ๒.๒ ป.๖/๑ ว ๒.๓ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ , ป.๖/๓ , ป.๖/๕ , ป.๖/๕ , ป.๖/๖ , ป.๖/๗ , ป.๖/๘ ว ๓.๑ ป.๖/๑ , ป.๖๒/ ว ๓.๒ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ , ป.๖/๓ , ป.๖/๕ , ป.๖/๕ , ป.๖/๖ , ป.๖/๗ , ป.๖/๘ , ป.๖/๙ ว ๔.๒ ป.๖/๑ , ป.๖/๒, ป.๖/๓ , ป.๖/๔ รวมทัง้ หมด ๓๐ ตวั ชี้วัด หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นเนนิ โพธ์ิ พทุ ธศักราช ๒๕๖6 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook