คำ� นำ� บทสวดพระธรรมจกั ร น้ี วา่ ดว้ ยเรอ่ื งหลกั ธรรมคำ� สงั่ สอนพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ที่ทรงแสดงแกป่ ญั จวคั คยี ท์ งั้ หา้ และเมอ่ื พระธรรมเทศนา จบลง ทา่ นพระอญั ญาโกณฑญั ญะไดด้ วงตาเหน็ ธรรม เปน็ ทา่ นแรก พระรตั นตรยั ไดเ้ กดิ ขน้ึ ครบบรบิ รู ณ์ สมบรู ณ์ คอื พระพทุ ธรัตนะ พระธรรมรตั นะ และพระสงั ฆรัตนะ น่ันวา่ ด้วยเนอ้ื หาของความหมายพระสตู รบทนี้ถือวา่ มีความสำ� คัญเป็นอย่างย่ิง อีกประการหนง่ึ การสวดสาธยาย พระธรรมคำ� ส่งั สอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าน้นั แมไ่ ม่รคู้ วามหมาย ไมส่ ามารถเขา้ ถงึ ธรรม บรรลธุ รรมได้ทนั ทีทนั ใดในปัจจุบนั แต่ก็ยงันำ� มาซงึ่ อานสิ งสอ์ นั ยงิ่ ใหญ่ ทำ� ใหเ้ กดิ ความเปน็ ศริ มิ งคลแกช่ วี ติ ธรุ กจิ หนา้ ทก่ี ารงาน บรวิ ารลูกหลาน เมอ่ื เราสวดสาธยายดว้ ยความศรทั ธาเลอื่ มใส ก็นบั ได้วา่ เปน็ การสะเดาะเคราะห์ตวั เองไปในตัวด้วย ดงั นน้ั ขอเชญิ สาธชุ นคนดที ง้ั มารว่ มกนั สาธยายพระธมั มจกั กปั ปวตั ตนสตู ร ใหเ้ กดิประโยชนส์ ขุ แก่ประเทศชาติ แก่โลก ไปถึงโขงขอบจกั รวาลกันเถอะ พระอาจารยเ์ ริงวัฒน์ คณุ ธมฺโม ประธานศูนย์หนงั สอื พระธมั มจักกปั ปวัตตนสตู ร 1
สารบญัเรือ่ ง หน้าที่คำ� น�ำ ๑สารบัญ ๒ประวัตศิ นู ยป์ ฏิบัตธิ รรม ๒บทขดั ธัมมจักกปั ปวัตตนสตู ร ๑๒บทสวดธัมมจักกปั ปวัตตนสตู ร ๑๓คาถาชนิ บญั ชร ๑๔คาถาเงนิ ล้าน ๑๖บทพาหุง มหากา ๑๘ค�ำแปล พงุ มหากา บทแผ่เมตตา รายนามเจา้ ภาพสร้างหนงั สอื2 ศูนย์ปฏบิ ตั ิธรรม คุณะธมั โม นานาชาติ (สาขาวดั บรู พาราม)
ประวัตศิ นู ย์ปฏบิ ตั ิธรรม คณุ ะธมั โม นานาชาติ (สาขาวดั บรู พาราม) โดยสังเขป ศูนย์ปฏิบัติธรรมคุณะธัมโม นานาชาติ (สาขาวัดบูรพาราม) นี้ มีเนื้อท่ี ๖ ไร่เศษตง้ั อยหู่ มทู่ ี่ ๑๑ บา้ นหนองบวั ตำ� บลหนองบวั อำ� เภอบา้ นฝาง จงั หวดั ขอนแกน่ ไดก้ อ่ ตงั้ ขนึ้ มาจากมูลเหตุ แห่งความจ�ำเป็น ในการศึกษาเล่าเรียนหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ของโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดบูรพารามวิทยาสรรค์ ที่มีพระภิกษุสามเณรเป็นจ�ำนวนมาก เพ่ือมาศึกษาเล่าเรียน การศึกษาเล่าเรียนจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงยิ่งนั้น จะต้องมีครบองค์ สาม คือ ปริยัติปฏิบัติ และปฏิเวธ โดยเฉพาะอย่างย่ิงการปฏิบัติ จะต้องมีท่ีสับปายะ เหมาะแก่การฝึกปฏิบัติจึงจะทำ� ให้เกิดผลการปฏิบตั ทิ ่ดี ี และปลูกศรทั ธาอนั มน่ั คง ดว้ ยเหตุน้ี จึงไดม้ คี ณะ ศรทั ธา สาธชุ น บริจาคทรัพย์จัดซอื้ ท่ีดินถวาย เพอ่ื ก่อตง้ั เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ในเน้ือท่ี ๖ ไร่เศษ เป็นจ�ำนวน เงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท(สองแสนบาทถว้ น) และหลังจากนน้ั ก็ไดม้ กี ารปรบั พ้นื ท่ี เพ่ือสร้างศาสนสถาน ส�ำหรบั สกั การะบูชาและประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนา ตลอดท้ังที่พักพาอาศัยของภิกษุสามเณร อุบาสกอบุ าสิกา โดยไดม้ ีการวางศิลาฤกษ์ สรา้ งพระพทุ ธรูปขึน้ ๑ องค์ โดยใชช้ ื่อว่า พระพทุ ธมหามุนีสิรโิ ลกนาถ (หลวงพ่อนาค) ขนาดหน้าตัก กวา้ ง ๑๐ เมตร สูง ๑๕ เมตร เมอื่ วันท่ี ๗ ธันวาคม๒๕๕๗ และแล้วเสร็จไป เม่ือวันอาทิตย์ท่ี ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๑ ส้ินงบประมาณในการก่อสร้างประมาณ ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท ในการพฒั นาศนู ยฯ์ นน้ั เป้าหมายคอื รองรับพระภกิ ษุสามเณร อุบาสก อุบาสกิ า และเยาวชน ตลอดท้ังประชาชนท่ัวไป เพ่ือเข้ามาศึกษาหลักธรรมค�ำส่ังสอนทางพระพุทธศาสนาดา้ นบาลี นกั ธรรม อภธิ รรม เขา้ คา่ ยอบรมคณุ ธรรม จรยิ ธรรม สวดมนต์ นง่ั สมาธิ เจรญิ จติ ตภาวนาเปน็ ต้น อีกประการหนง่ึ เปน็ แหลง่ รวบรวมคมั ภรี ส์ �ำคัญทางพระพทุ ธศาสนา จากที่ตา่ งๆ ท้ังในและตา่ งประเทศ เพ่ือใหผ้ สู้ นใจได้มาศกึ ษา และน�ำไปใชใ้ ห้เกิดประโยชนแ์ ก่ชีวติ ของตนสืบไป พระอาจารย์เริงวัฒน์ คุณะธัมโม ประธานศูนย์ฯ ผูช้ ว่ ยเจ้าอาวาสวดั บรู พาราม บา้ นฝาง อ�ำเภอบา้ นฝาง จงั หวัดขอนแกน่ (ผเู้ ขยี นประวตั )ิ วนั อาทิตย์ท่ี ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๑หนังสือพระธัมมจักกัปปวตั ตนสตู ร 3
บทสวดพระธัมมจกั กปั ปวตั ตนสูตร บทสวดธมั มจกั กปั ปวตั นสตู ร คอื เปน็ ปฐมเทศนา เทศนากณั ฑแ์ รกทพี่ ระพทุ ธเจา้ทรงแสดงแกพ่ ระปญั จวคั คยี ์ คร้งั นัน้ พระอัญญาโกณฑญั ญะกไ็ ด้ดวงตาเห็นธรรมและนับเป็นพระสงฆ์ สาวกองค์แรกในพระพุทธศาสนา พวกเราท่าน ทั้งหลายมาสวดสาธยายพระธัมมะจกั รกนั เถดินะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสมั พุทธสั สะนะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสัมพทุ ธสั สะนะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสมั พทุ ธัสสะ พทุ ธัง สะระณงั คจั ฉามิ ธัมธัง สะระณงั คจั ฉามิ สงั ฆงั สะระณงั คัจฉามิ ทุตยิ มั ปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ทตุ ยิ ัมปิ ธมั ธัง สะระณัง คจั ฉามิ ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ พทุ ธงั สะระณัง คจั ฉามิ ตะตยิ ัมปิ ธัมธัง สะระณงั คจั ฉามิ ตะตยิ ัมปิ สังฆัง สะระณงั คจั ฉามิ ................................ 4 ศูนยป์ ฏบิ ตั ธิ รรม คุณะธัมโม นานาชาติ (สาขาวัดบูรพาราม)
บทขัดพระธมั มจักกปั ปวตั ตนสตู รอะนุตตะรงั อะภิสมั โพธิง สมั พุธฌิตะวา ตะถา คะโต, พระตถาคตเจา้ ได้ตรัสรูซ้ ่ึงพระอนุตตระสัมมา สัมโพธญิ าณแล้ว,ปะฐะมัง ยงั อะเทเสสิ ธมั มะจักกัง อนุตตะรงั , เมือ่ จะทรงประกาศธรรมท่ีใคร ๆ ยงั มิได้ใหเ้ ป็นไปได้แล้วในโลก,สัมมะเทวะ ปวตั เตนโต โลเก อปั ปะฏวิ ัตตยิ ัง, ใหเ้ ปน็ ไปโดยชอบแท,้ ไดท้ รงแสดงพระอนุตตระธรรมจกั รใดกอ่ น,ยตั ถากขาตา อุโภ อันตา ปฏปิ ตั ติ จะ มชั ฌมิ า,จะตูสวาริยะสจั เจสุ วสิ ทุ ธงั ญาณะทัสสะนงั , คือว่าพระองคต์ รัสรู้ ซ่ึงทสี่ ดุ สองประการ และขอ้ ปฏบิ ัติอันเปน็ กลาง, และปัญญาอนั รเู้ หน็ ในอริยสจั จ์ทั้งส่ีของพระองคห์ มดจดแลว้ ในธรรมจักรใด,เทสติ ัง ธมั มะราเชนะ สัมมาสมั โพธกิ ติ ตะนงั , เราทัง้ หลาย จงสวดธรรมจกั รน้ัน,ที่พระองคผ์ ธู้ รรมราชาทรงแสดงแลว้นาเมนะ วสิ สตุ ัง สุตตงั ธมั มะจักกัปปะวตั ตนัง, ปรากฏโดยชอ่ื ว่า ธมั มจักรกัปปวัตตนสตู ร, เป็นสตู รประกาศพระสัมมาสมโพธิญาณ,เวยยากะระณะปาเฐนะ สังคตี ันตมั ภะณามะเส, อันพระสังคีตกิ าจารย์ ร้อยกรองไว้โดยบาลไี วยยากรณ์ เทอญ. ................หนังสอื พระธมั มจกั กัปปวัตตนสตู ร 5
เอวมั เม สุตัง, ขา้ พเจา้ คอื พระอานนท์เถระ ได้ฟงั มาแลว้ อยา่ งน,ี้เอกัง สะมะยัง ภะคะวา, สมัยหนง่ึ พระผมู้ พี ระภาคเจา้ ,พาราณะสิยัง วิหะระติ อิสปิ ะตะเนมคิ ะทาเย เสด็จประทบั อยู่ท่ี ปา่ อสิ ปิ ตนมฤคทายวัน ใกล้เมืองพาราณสี,ตตั ระ โข ภะคะวา ปญั จะวัคคิเย ภิกขุ อามันเตส,ิ ในกาลนน้ั แล พระผู้มีพระภาคเจา้ , ตรัสเตอื นพระภกิ ษุปัญจวคั คีย,์ใหต้ ้งั ใจฟังภาษิตนวี้ า่ ,เทวเม ภกิ ขะเว อนั ตา, ดูก่อนภกิ ษุท้ังหลาย, ทส่ี ุดสองอยา่ งเหลา่ น,ี้ปพั พะชเิ ตนะ นะ เสวิตัพพา, อนั บรรพชติ ไม่ควรเสพ,โย จายัง กาเมสุ กามะ สุขัลลิกานุโยโค, คอื การประกอบตนให้พวั พันดว้ ยกามในกามท้ังหลายนใี้ ด,หีโน, เปน็ ธรรมอนั เลว,คัมโม, เป็นเหตุให้ตง้ั บ้านเรอื นโปถุชชะนโิ ก, เปน็ ของผู้มกี ิเลสหนา,อะนะริโย, ไม่ใชข่ องคนไปจากขา้ ศึกคือกิเลส,อะนัตถะสญั หิโต, ไม่ประกอบดว้ ยประโยชน์ อยา่ งหนึ่ง, 6 ศนู ย์ปฏบิ ตั ธิ รรม คณุ ะธมั โม นานาชาติ (สาขาวดั บูรพาราม)
โย จายงั อัตตะกิละบะมะถานโุ ยโค, คือ การประกอบดว้ ยความเหน็ดเหน่ือยแกต่ นเปล่านใ้ี ด,ทุกโข, ให้เกดิ ทกุ ขแ์ ก่ผปู้ ระกอบ,อะนะริโย, ไมน่ ำ� ผูป้ ระกอบ ให้ไปจากข้าศกึ คือกเิ ลส,อะนัตถะสัญหิโต, ไมก่ อบดว้ ยประโยชน์อย่างหนึง่ ,เอเต เต ภิกขะเว อุโภ อันเต อะนุปะคมั มะ มชั ฌมิ าปะฏปิ ะทา, ดกู อ่ นภิกษทุ ั้งหลาย, ขอ้ ปฏบิ ตั อิ ันเป็นกลางไม่เขา้ ไปใกล้ทส่ี ุดสองอย่างน้ัน,ตะถาคะเตนะ อภิสัมพุทธา, อันตถาคต ได้ตรสั รู้แลว้ ด้วยปัญญาอนัยิ่ง,จกั ขุกะระณี ญาณะกะระณ,ี กระท�ำดวงตา คอื กระทำ� ญาณเคร่ืองรู้อุปะสะมายะ อะภญิ ญายะ สัมโพธายะ นิพพานายะสงั วตั ตะติ, ยอ่ มเปน็ ไป เพอื่ ความเขา้ ไปสงบระงบั , เพอ่ื ความรยู้ งิ่ เพอื่ ความรดู้ ี เพอ่ื ความดบั ,กะตะมา จะ สา ภกิ ขะเว มัชฌมิ า ปะฏปิ ะทา, ดกู ่อนภิกษุท้ังหลาย, ก็ขอ้ ปฏบิ ตั ซิ ่ึงเปน็ กลางนน้ั เหลา่ ไหน,ตะถาคะเตนะ อะภสิ มั พทุ ธา, ทต่ี ถาคต ไดต้ รสั รแู้ ลว้ ดว้ ยปญั ญาอนั ยงิ่ ,จกั ขุกะระณี ญาณะกะระณี, กระทำ� ดวงตา คือกระท�ำญาณเครื่องร้,ูหนังสอื พระธมั มจกั กัปปวัตตนสตู ร 7
อปุ ะสะมายะ อะภิญญายะ สัมโพธายะ นพิ พานายะสงั วัตตะต,ิ ยอ่ มเปน็ ไป เพอ่ื ความเขา้ ไปสงบระงบั , เพอ่ื ความรยู้ งิ่ เพอ่ื ความรดู้ ี เพอ่ื ความดบั ,อะยะเมวะ อะริโย อัฏฐงั คิโก มัคโค, ทางมีองค์แปดเครอ่ื ง ไปจากข้าศึก คอื กเิ ลสนี้เอง,เสยยะถที ัง, ได้แก่ส่ิงเหล่านี้คือ,๑. สัมมาทิฏฐิ, ๑. ปัญญาอนั เหน็ ชอบ,๒. สมั มาสงั กปั โป, ๒. ความดำ� ริชอบ,๓. สมั มาวาจา,. ๓. วาจาชอบ,๔. สมั มากัมมันโต, ๔. การงานชอบ,๕. สัมมาอาชโี ว, ๕. ความเล้ียงชีวิตชอบ,๖. สมั มาวายาโม, ๖. ความเพยี รชอบ,๗. สมั มาสะต,ิ ๗. ความระลกึ ชอบ,๘. สมั มาสะมาธ,ิ ๘. ความต้ังจติ ชอบ,อะยงั โข สา ภกิ ขะเว มชั ฌมิ า ปะฏปิ ะทา, ดูก่อนภกิ ษุท้ังหลาย, อนั นีแ้ ลขอ้ ปฏิบัตอิ นั เปน็ กลาง,ตะถาคะเตนะ อะภิสมั พุทธา, ท่ีตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิง่ , 8 ศูนยป์ ฏบิ ตั ิธรรม คุณะธัมโม นานาชาติ (สาขาวัดบูรพาราม)
จักขุกะระณี ญาณะกะระณี, กระทำ� ดว้ ยดวงตา คอื กระท�ำญาณเคร่อื งรู,้อปุ ะสะมายะ อะภญิ ญายะ สมั โพธายะ นิพพานายะสงั วัตตะติ, ยอ่ มเปน็ ไป เพอื่ ความเขา้ ไปสงบระงบั , เพอื่ ความรยู้ งิ่ เพอื่ ความรดู้ ี เพอื่ ความดบั ,อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขัง อะรยิ ะสจั จัง, ดกู อ่ นภกิ ษุทงั้ หลาย, กข็ ้อน้แี ลของจริงแห่งอริยบุคคลคือ ทกุ ข์,ชาตปิ ิ ทุกขา, แม้ความเกดิ กเ็ ปน็ ทกุ ข,์ชราปิ ทุกขา, แมค้ วามแก่ก็เปน็ ทุกข,์มะระณมั ปิ ทกุ ขงั , แมค้ วามตายก็เปน็ ทกุ ข,์โสกะปะรเิ ทวะทุกขะโทมะนสั สปุ ายาสาปิ ทุกขา, แมท้ กุ ข์ความโศกความรำ�่ ไรร�ำพนั , ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ, ความคับแค้นใจกเ็ ปน็ ทกุ ข,์อปั ปิเยหิ สมั ปะโยโค ทกุ โข, ความประสบกบั ส่งิ ไม่เปน็ ทร่ี กั ที่พอใจกเ็ ปน็ ทกุ ข์ปิเยหิ วปิ ปะโยโค ทุกโข, ความพลดั พรากจากสิง่ ทเี่ ปน็ ท่รี กั ทีพ่ อใจกเ็ ป็นทกุ ข์,ยัมปจิ ฉัง นะ ละภะติ ตมั ปิ ทกุ ขงั , มีความปรารถนาส่งิ ใด,ไม่ไดส้ ่ิงน้นั นน้ั กเ็ ปน็ ทุกข์หนังสอื พระธัมมจักกัปปวัตตนสตู ร 9
สังขติ เตนะ ปญั จปุ าทานกั ขนั ธา ทกุ ขา, วา่ โดยยอ่ อปุ าทานขันธ์ทั้งห้าเป็นตัวทกุ ข,์อทิ งั โข ปะนะ ภิกขะเว ทกุ ขะสะมทุ ะโย อะรยิ ะสัจจงั , ดกู ่อนภิกษุท้ังหลาย, ก็ข้อน้ีแลของจริงแห่งอรยิ บุคคล คอื เหตใุ ห้ทกุ ข์เกดิ ข้นึ ,จายัง ตณั หา, ความทะยานอยากนใ้ี ด,โปโนพภะวิกา, ท�ำความเกิดอีก,นันทริ าคะสะหะคะตา, เปน็ ไปกบั ความกำ� หนดดว้ ยอำ� นาจความเพลินตัตระ ตัตราภนิ ันทนิ ,ี เพลนิ ยิง่ ในอารมณน์ น้ั ๆ,เสยยะถที ัง, ไดแ้ ก่สิ่งเหล่านี้คือ,กามะตณั หา, ความทะยานอยากในอารมณ์ทีใ่ คร่,ภะวะตนั หา, ความทะยานอยากในความมีความอยากเปน็ ,วภิ ะวะตณั หา, ความทะยานอยากในความไมม่ ีไม่อยากเปน็ ,อทิ ัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะนโิ รโธ อรยิ ะสจั จัง, ดูกอ่ นภิกษทุ ง้ั หลาย, กข็ ้อนี้แลของจรงิ แหง่ อริยบคุ คล คือ ความดับทุกข,์โย ตสั สาเยวะ ตณั หายะ อะเสสะ วิราคะนโิ รโธ, ความดับโดยไมต่ ดิ ย่อมอยูไ่ ดโ้ ดยไม่เหลือแหง่ ตัณหานัน้ น่นั แหละ, อนั ใด,จาโค, ความสละตัณหาน้ัน,ปะฏินสิ สคั โค, ความวางตณั หานัน้ , 10 ศูนย์ปฏิบตั ธิ รรม คุณะธมั โม นานาชาติ (สาขาวดั บูรพาราม)
มุตติ, ความปลอ่ ยตัณหานน้ั ,อะนาละโย, ความไมพ่ ัวพันแหง่ ตณั หานั้น,อิทงั โข ปะนะ ภกิ ขะเว ทกุ ขะนิโรธะคามนิ ี ปะฏิปะทา อะริยะสจั จงั , ดูกอ่ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย, ก็ขอ้ น้แี ลของจริงแหง่ อริยบคุ คล คอื ข้อปฏิบัตใิ ห้ถงึ ความดับทุกข์,อะยะเมวะ อะริโย อัฏฐังคิโก มัคโค, ทางมีองค์แปดเครอ่ื งไปจากข้าศกึ คอื กเิ ลสน้เี อง,เสยยะถีทงั , ได้แกส่ งิ่ เหล่าน้ีคอื ,๑. สมั มาทิฏฐ,ิ ๑. ปัญญาอนั เหน็ ชอบ,๒. สัมมาสังกปั โป, ๒. ความดำ� ริชอบ,๓. สมั มาวาจา, ๓. วาจาชอบ,๔. สมั มากัมมันโต, ๔. การงานชอบ,๕. สัมมาอาชโี ว, ๕. ความเลย้ี งชวี ิตชอบ,๖. สัมมาวายาโม, ๖. ความเพยี รชอบ,๗. สัมมาสะติ, ๗. ความระลกึ ชอบ,๘. สัมมาสะมาธ,ิ ๘. ความตงั้ จิตชอบ,หนงั สือพระธัมมจักกปั ปวตั ตนสตู ร 11
อทิ ัง ทกุ ขงั อะรยิ ะสัจจังติ เม ภิกขะเว,ปพุ เพ อะนะนุสสุเตสุ ธมั เมส,ุ จกั ขงุ อุทะปาทิ ญาณงั อทุ ะปาทิปญั ญา อุทะปาทิ วิชชา อทุ ะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ, ดูกอ่ นภิกษทุ ั้งหลาย, จักษไุ ดเ้ กิดข้ึนแล้ว ญาณได้เกดิ ข้ึนแลว้ , ปญั ญาได้เกิดขน้ึ แล้ว, วทิ ยาได้เกดิ ข้นึ แลว้ , แสงสว่างไดเ้ กิดขึน้ แลว้ แก่เรา, ในธรรมท้ังหลาย ทเี่ ราไมไ่ ด้เคยฟังแล้วในกาลกอ่ นวา่ , นี่ทกุ ข์อรยิ สจั จ์,ตงั โข ปะนทิ ัง ทุกขัง อะริยะสัจจัง,ปะรญิ เญยยนั ติเม ภิกขะเว, ปุพเพ อะนะนสุ สเุ ตสุ ธัมเมส,ุ จักขุงอทุ ะปาทิ ญาณัง อทุ ะปาทิ ปญั ญา อทุ ะปาทิ วชิ ชาอุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ดูก่อนภิกษทุ ั้งหลาย,กท็ กุ ข์อรยิ สัจจ์น้ีนน้ั แล ควรก�ำหนดรดู้ ้วยปญั ญา,ตัง โข ปะนิทัง ทุกขัง อะริยะสัจจงั , ปะรญิ ญาตนั ติเม ภกิ ขะเว, ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ, จักขุงอทุ ะปาทิ ญาณงั อทุ ะปาทิ ปัญญา อทุ ะปาทิ วิชชาอุทะปาทิ อาโลโก อทุ ะปาทิ ดูก่อนภิกษุท้ังหลาย, ก็ทุกขอ์ รยิ สัจจ์น้ี นน้ั แล อันเราได้ก�ำหนดรู้แล้ว,อิทัง ทุกขะสะมทุ ะโย อะริยะสจั จังติ เม ภกิ ขะเว,ปุพเพ อะนะนุสสเุ ตสุ ธมั เมส,ุ จกั ขุง อทุ ะปาทิ ญาณงั 12 ศูนยป์ ฏบิ ัติธรรม คณุ ะธัมโม นานาชาติ (สาขาวัดบรู พาราม)
อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วชิ ชา อทุ ะปาทิ อาโลโกอทุ ะปาทิ ดกู อ่ นภิกษุทง้ั หลาย, จกั ษุไดเ้ กดิ ขึ้นแลว้ ญาณได้เกิดขน้ึ แลว้ , ปัญญาไดเ้ กดิ ขึ้นแลว้ , วิทยาไดเ้ กิดข้ึนแลว้ , แสงสวา่ งไดเ้ กดิ ขนึ้ แล้วแก่เรา, ในธรรมทั้งหลาย ท่เี ราไมไ่ ด้เคยฟงั แล้วในกาลกอ่ นว่า,น่ีทุกข์ สมทุ ัยอริยสจั จ์,ตงั โข ปะนทิ งั ทกุ ขะสะมทุ ะโย อริยะสจั จงั , ปะหาตพัพันติ เม ภกิ ขะเว, ปพุ เพ อะนะนสุ สุเตสุ ธมั เมสุ,จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิวชิ ชา อทุ ะปาทิ อาโลโก อทุ ะปาทิ ดกู อ่ นภิกษุทง้ั หลาย,กท็ ุกข์ สมุทยั อรยิ สัจจน์ ้ี นั้นแล ควรละเสีย,ตัง โข ปะนทิ งั ทกุ ขะสะมุทะโย อรยิ ะสจั จงั , ปะหนี ันติเม ภกิ ขะเว, ปุพเพ อะนะนุสสเุ ตสุ ธมั เมสุ, จกั ขุงอทุ ะปาทิ ญาณงั อทุ ะปาทิ ปญั ญา อทุ ะปาทิ วิชชาอทุ ะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ดกู อ่ นภกิ ษทุ ั้งหลาย,กท็ ุกข์ สมุทยั อริยสจั จน์ ้ี นัน้ แล อนั เราได้ละเสียแล้ว,อทิ งั ทกุ ขะนโิ รโธ อะรยิ ะสจั จงั ติ เม ภกิ ขะเว,ปุพเพ อะนะนุสสเุ ตสุ ธมั เมสุ, จกั ขุง อุทะปาทิ ญาณงัอุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโกหนงั สือพระธมั มจกั กปั ปวตั ตนสตู ร 13
อทุ ะปาทิ ดกู ่อนภิกษุทงั้ หลาย, จักษไุ ดเ้ กดิ ขนึ้ แลว้ ญาณได้เกดิ ขึน้ แลว้ , ปญั ญาได้เกดิ ขึ้นแล้ว, วิทยาได้เกิดขึน้ แลว้ แสงสวา่ งไดเ้ กดิ ขน้ึ แลว้ แกเ่ รา, ในธรรมทัง้ หลาย ทเี่ ราไม่ได้เคยฟังแลว้ ในกาลกอ่ นวา่ น่ที กุ ข์ นโิ รธอรยิ สจั จ์,ตัง โข ปะนทิ งั ทกุ ขะนิโรโธ อะริยะสัจจัง, สจั ฉิกาตัพพันติ เม ภิกขะเว, ปพุ เพ อะนะนุสสเุ ตสุ ธมั เมส,ุจักขงุ อุทะปาทิ ญาณัง อทุ ะปาทิ ปญั ญา อทุ ะปาทิวชิ ชา อุทะปาทิ อาโลโก อทุ ะปาทิ ดูก่อนภกิ ษทุ งั้ หลาย, กท็ กุ ขน์ ิโรธอริยสัจจ์นี้ นน้ั แล ควรท�ำใหแ้ จง้ ,ตัง โข ปะนทิ งั ทุกขะนโิ รโธ อะริยะสจั จงั ,สจั ฉิกะตนั ติ เม ภิกขะเว, ปุพเพ อะนะนสุ สุเตสุธัมเมส,ุ จักขงุ อทุ ะปาทิ ญาณัง อทุ ะปาทิปัญญา อทุ ะปาทิ วชิ ชา อทุ ะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ดูกอ่ นภกิ ษทุ งั้ หลาย, กท็ ุกขน์ โิ รธอริยสจั จน์ ้ี น้ันแล อันเราไดก้ ระท�ำให้แจง้ แล้ว,อิทัง ทุกขะนโิ รธะ คามนิ ี ปะฏิปะทา อะรยิ ะสจั จันติเม ภกิ ขะเว, ปุพเพ อะนะนสุ สเุ ตสุ ธัมเมส,ุ จักขงุอุทะปาทิ ญาณงั อุทะปาทิ ปญั ญา อทุ ะปาทิ วชิ ชาอทุ ะปาทิ อาโลโก อทุ ะปาท,ิ 14 ศูนยป์ ฏิบัตธิ รรม คณุ ะธัมโม นานาชาติ (สาขาวัดบรู พาราม)
ดกู อ่ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย, จักษไุ ดเ้ กดิ ข้ึนแลว้ , ญาณไดเ้ กดิ ขน้ึ แล้ว, ปัญญาไดเ้ กดิ ขึ้นแล้วแก่เรา, วทิ ยาไดเ้ กิดข้ึนแล้ว แสงสว่างไดเ้ กิดข้นึ แล้วแก่เรา, ในธรรมทง้ั หลาย ท่เี ราไมไ่ ดเ้ คยฟงั แลว้ ในกาลก่อนว่า นที่ ุกขน์ ิโรธคามนิ ี ปฏปิ ทาอริยสจั จ์,ตงั โข ปะนิทัง ทุกขะนิโรธะคามีนี ปะฏิปะทา อะริยะสัจจัง, ภาเวตัพพันติ เม ภิกขะเว ปพุ เพ อะนะนสุ สุเตสุ ธัมเมสุ, จกั ขงุ อทุ ะปาทิ ญาณัง อทุ ะปาทิ ปัญญาอทุ ะปาทิ วชิ ชา อทุ ะปาทิ อาโลโก อทุ ะปาทิ, ดกู ่อนภกิ ษุทง้ั หลาย, กท็ ุกขน์ โิ รธคามนิ ี ปฏปิ ทาอริยสัจจน์ ้ี นั้นแล ควรให้เจรญิ ข้ึน,ตัง โข ปะนิทงั ทุกขะนิโรธะคามินี ปะฏิปะทา อะริยะสัจจงั , ภาวิตันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนสุ สุเตสุธมั เมส,ุ จกั ขงุ อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปญั ญาอทุ ะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาท,ิ ดูก่อนภิกษทุ ั้งหลาย, กท็ กุ ข์นิโรธคามินี ปฏิปทาอรยิ สัจจ์นี้ นั้นแลอนั เราได้เจรญิ แลว้ ,ยาวะกวี ัญจะ เม ภกิ ขะเว อเิ มสุจะตูสุ อรยิ ะสจั เจสุเอวนั ติ ปะริวฏั ฏงั วาทะสาการงั ยะถาภูตงัญาณะทัสสะนัง นะ สวุ สิ ุทธงั อะโหสิหนังสอื พระธัมมจกั กัปปวัตตนสตู ร 15
ดกู ่อนภิกษุทง้ั หลาย, ปญั ญาอันร้เู ห็น ตามเป็นจรงิ แลว้ อย่างไร, ในอรยิ สจั จส์ ่ี เหลา่ น้ขี องเรา, ซง่ึ มีรอบสามมีอาการสบิ สองอย่างน้ยี ังไมห่ มดจดเพียงใดแลว้ ,เนวะ ตาวาหัง ภกิ ขะเว สะเทวะเกโลเก สะมาระเกสะพรหมะเก, สสั สะมะณะ พราหมณิยา ปะชายะสะเทวะมะนสุ สายะ, อะนุตตะรงั สมั มาสัมโพธิงอะภสิ ัมพทุ โธ ปจั จัญญาสงิ , ดูกอ่ นภกิ ษุทัง้ หลาย, เราจะยืนยนั ตนวา่ เปน็ ผู้ตรัสรู้ พร้อมเฉพาะซงึ่ ปญั ญา เครื่องตรัสรชู้ อบ, ไมม่ ีความตรัสรู้อ่นื จะย่งิ กว่าในโลก, เปน็ ไปกบั ดว้ ยเทวดา มาร พรหม,ในหมู่สตั ว์ ทั้งสมณะ พราหมณ์ เทวดา มนษุ ย์ ไมไ่ ด้เพียงนนั้ ,ยะโต จะโข เม ภกิ ขะเว อิเมสจุ ะตสู ุ อะริยะสัจเจสุ,เอวันติ ปะรวิ ฏั ฏัง เทวาทะสาการัง ยะถาภูตังญาณะ ทัสสะนัง สุวสิ ทุ ธงั อโหสิ, ดูก่อนภิกษทุ งั้ หลาย, กเ็ ม่อื ใดแลปัญญา อนั รู้เห็นตามเป็นจรงิ แลว้ อยา่ งไร, ในอรยิ สจั จส์ ี่ เหล่านข้ี องเรา, ซ่ึงมีรอบสามมอี าการสิบสองอย่างนี้ หมดจดดแี ล้ว,ยะถาหงั ภิกขะเว สะเทวะเกโลเก สะมาระเกสะพรหั มะเก, สัสสะมะณะพราหมะณิยา,ปะชายะ สะเทวะมะนสุ สายะ, อะนตุ ตะรงั 16 ศูนยป์ ฏิบัติธรรม คุณะธมั โม นานาชาติ (สาขาวดั บูรพาราม)
สัมมาสัมโพธิง อะภสิ มั พทุ โธ ปจั จญั ญาสงิ , ดูกอ่ นภกิ ษุทง้ั หลาย, เมื่อน้ันเรายนื ยันตนไดว้ า่ , เปน็ ผตู้ รสั รพู้ ร้อมเฉพาะซึ่งปัญญาเครอื่ งตรสั รชู้ อบ, ไมม่ ีความตรสั ร้อู นื่ จะยงิ่ กวา่ ในโลก, เปน็ ไปกบั ด้วยเทวดา มาร พรหม, ในหมูส่ ตั ว์ ทง้ั สมณะ พราหมณ์ เทวดา มนุษย,์ญาณญั จะ ปะนะ เม ทัสสะนงั อทุ ะปาท,ิ กแ็ ลปญั ญาอันรเู้ ห็นไดเ้ กิดข้นึ แลว้ แกเ่ รา, อกุ ปุ ปา เม วิมุตติอะยะมนั ตมิ า ชาติ นตั ถิทานิ ปุนพั ภะโวต,ิ ว่าความพนั วิเศษของเราไมก่ ลบั กำ� เรบิ , ชาติน้เี ปน็ ที่สุดแล้ว บดั น้ไี ม่มคี วามเกดิ อกี ,อิทะมะโวจะ ภะคะวา, พระผมู้ พี ระภาคเจ้าได้ตรัสธรรมปริยายอนั น้ีแลว้ , อัตตะมะนา ปญั จะวคั คิยาภกิ ขู ภะคะวะโต ภาสิตงั อะภินนั ทงุ , พระภิกษุปญั จวคั คีย,์ กม็ ใี จยนิ ดี เพลนิ ภาษิตของพระผูม้ พี ระภาคเจา้ ,อิมสั มิญจะ ปะนะ เวยยากะระณัสมงิ ภัญญะมาเน, กแ็ ลเม่อื ไวยยากรณน์ ี้ อันพระผมู้ ีพระภาคเจ้าตรสั อย,ู่อายัสมะโต โกณฑญั ญัสสะ วิระชัง วตี ะมะสัง ธัมมะจกั ขงุ อุทะปาท,ิ จกั ษุในธรรมอันปราศจากธลุ ี ปราศจากมลทิน, ได้เกดิ ขนึ้ แลว้ แก่พระผู้มีอายุ โกณฑญั ญะ,หนังสอื พระธมั มจกั กปั ปวตั ตนสตู ร 17
ยังกญิ จิ สะมุทะยะธมั มงั สัพพนั ตงั นิโรธะธมั มันติ, วา่ สิง่ ใดสง่ิ หนง่ึ มอี นั เกิดขึ้นเปน็ ธรรมดา, สิ่งทงั้ ปวงน้ันมอี นั ดับไปเปน็ ธรรมดาปะวตั ติเต จะ ภะคะวะตา ธมั มะจกั เก, ก็ครั้นเมอ่ื ธรรมจักร อันพระผมู้ ีพระภาคเจา้ ใหเ้ ปน็ ไปแล้ว,ภุมมา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง, เหล่าภมุ เทวดาก็ยงัเสยี งให้บันลอื ลนั่ , เอตมั ภะคะวะตา พาราณะสิยังอิสิปะตะเน มคิ ะทาเย, อะนุตตะรงั ธมั มะจักกังปะวตั ติตัง, อัปปะฏวิ ตั ตยิ งั สะมะเณนะวา พราหมะเณนะ วา เทเวนะ วา, มาเรนะวา พรหมนุ า วา เกนะจิ วา โลกสั มินติ, วา่ นั่นจกั รคือธรรม ไมม่ ีจกั รอืน่ สไู้ ด,้ อันพระผมู้ พี ระภาคเจา้ ใหเ้ ปน็ ไปแลว้ , ในปา่ อิสิปตนมฤคทายวันใกลเ้ มืองพาราณส,ี อนั สมณะพราหมณ์ เทวดา มาร พรหม, แลใคร ๆ ในโลกยังไม่ให้เปน็ ไปได้แล้ว ดงั น้ีภมุ มานัง เทวานงั สัททงั สุตวา, จาตมุ มะหาราชกิ าเทวา สทั ทะมะนุสสาเวสงุ , เทพเจา้ เหล่าชัน้ จาตุมหาราช, ได้ฟงั เสยี งของ เทพเจา้ เหลา่ ภมุ เทวดา, แลว้ กย็ งั เสียงให้บนั ลอื ลน่ั , 18 ศูนยป์ ฏิบตั ธิ รรม คณุ ะธัมโม นานาชาติ (สาขาวัดบูรพาราม)
จาตุมมะหาราชกิ านงั เทวานัง สัททัง สุตวา,ตาวะติงสา เทวา สทั ทะมะนสุ สาเวสุง, เทพเจา้ เหลา่ ชน้ั ดาวดงึ ษ์, ได้ฟังเสยี งของเทพเจา้ เหลา่ ชั้นจาตุมหาราช, แลว้ กย็ งั เสยี งใหบ้ ันลอื ลั่น,ตาวะติงสานัง เทวานัง สทั ทัง สตุ วา,ยามา เทวา สทั ทะมะนสุ สาเวสงุ เทพเจา้ เหลา่ ชน้ั ยามา, ไดฟ้ ังเสียงของเทพเจา้ เหลา่ ช้นั ดาวดึงษ์, แล้วก็ยงั เสยี งให้บันลือลนั่ ,ยามานงั เทวานัง สัททัง สุตวา,ตสุ ติ า เทวา สัททะมะนสุ สาเวสุง, เทพเจา้ เหลา่ ช้ันดสุ ิต, ไดฟ้ งั เสียงของเทพเจา้ เหลา่ ชั้นยามา, แลว้ กย็ ังเสยี งให้ บนั ลอื ลนั่ ,ตุสติ านงั เทวานงั สัททงั สุตวา,นมิ มานรดี เทวา สทั ทะมะนสุ สาเวสุง, เทพเจ้าเหลา่ ช้นั นิมมานรด,ี ได้ฟงั เสยี งของเทพเจา้ เหลา่ ช้นั ดุสติ , แลว้ ก็ยังเสยี งใหบ้ นั ลือล่ัน,นิมมานะระตนี ัง เทวานัง สัททัง สตุ วา, ปะระนิมมติ ะวะสะวตั ตี เทวา สทั ทะมะนสุ สาเวสงุ , เทพเจ้าหลา่ ช้ันปรนมิ มิตวสวตั ด,ี ไดฟ้ ังเสียงของเพทเจา้ เหล่าชั้นนิมมานรดี, แล้วกย็ ังเสียงใหบ้ ันลอื ลนั่ ,หนังสือพระธมั มจกั กปั ปวตั ตนสตู ร 19
ปะระนมิ มิตะวะสะวัตตีนงั เทวานงั สทั ทัง สุตวา,พรหมะกายกิ า เทวา สทั ทะมะนสุ สาเวสุง, เทพเจ้าเหลา่ ทีเ่ กดิ ในหมพู่ รหม, ได้ฟงั เสียงของเทพเจ้าเหล่าชน้ั ปรนิมมติ วสวตั ดี, แล้วกย็ งั เสยี งใหบ้ นั ลือล่ัน,เอตมั ภะคะวะตา พาราณะสยิ ัง อสิ ิปะตะเนมคิ ะทาเย,อะนตุ ตะรัง ธมั มะจักกัง ปะวัตตติ งั , อัปปะฏิวตั ติยังสะมะเณนะ วา พราหมะเณนะ วา เทเวนะ วามาเรนะ วา พรหั มุนา วา เกนะจิวา โลกสั มินต,ิ ว่าน่ันจกั รคอื ธรรม ไมม่ จี ักรอน่ื สู้ได้, อนั พระผูม้ พี ระภาคเจ้าใหเ้ ปน็ ไปแล้ว, ในปา่ อิสิปตนมฤคทายวัน ใกลเ้ มืองพาราณส,ี อันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม, แลใคร ๆ ในโลกยังไม่ให้เป็นไปไดแ้ ล้ว ดงั น,ี้อติ หิ ะ เตนะ ขะเณนะ เตนะมหุ ตุ เตนะ,ยาวะพรหั มะโลกา สัทโท อพั ภคุ คัจฉิ, โดยขณะหนงึ่ ครหู่ นงึ่ นน้ั , เสียงขึ้นไปถึงพรหมโลกด้วยประการฉะน,้ีอะยญั จะ ทะสะสะหสั สี โลกะธาตุ,สงั กมั ปิ สมั ปะกมั ปิ สัมปะเวธ,ิ ทง้ั หมนื่ โลกธาตุนี,้ ได้หวนั่ ไหวสะเทือนสะท้านลน่ั ไป, 20 ศูนย์ปฏบิ ัตธิ รรม คุณะธมั โม นานาชาติ (สาขาวัดบูรพาราม)
อปั ปะมาโณ จะ โอฬาโร โอภาโส โลเก ปาตุระโหสิ, ทง้ั แสงสวา่ งอันยง่ิ ไมม่ ีประมาณ, ได้ปรากฏแลว้ ในโลก,อะตกิ กมั เมวะ เทวานัง เทวานุภาวงั , ลว่ งเทวานุภาพของเทพยดาท้ังหลายเสียหมด,อะถะโข ภะคะวา อุทานัง อทุ าเนสิ, อญั ญาสิ วะตะโภโกณฑญั โญ, อญั ญาสิ วะตะโภ โกณฑัญโญติ อติ ิหิทังอายสั มะโต โกณฑญั ญสั สะ, ลำ� ดบั น้นั แลพระผู้มพี ระภาคเจา้ ได้ทรงเปลง่ อุทาน, วา่ โกณฑญั ญะได้รูแ้ ลว้ หนอ ผเู้ จรญิ , โกณฑัญญะไดร้ แู้ ล้วหนอ ผูเ้ จริญ เพราะเหตุนน้ั นามว่า อัญญาโกณฑัญญะนี้ นนั่ เทียว,อญั ญาโกณฑัญโญเตววะ นามังอะโหสีติ, ได้มแี ล้วแก่พระผมู้ ีอายโุ กณฑัญญะ, ด้วยประการ ฉะน้ีแล, ................หนงั สอื พระธมั มจกั กัปปวตั ตนสูตร 21
พระคาถาชนิ บญั ชร เจา้ ประคุณสมเดจ็ พระพุฒาจารย์ (โต พรหมรงั ส)ีปตุ ตะกาโม ละเภปตุ ตัง ธนะกาโม ละเภ ธะนงัอัตถิ กาเย กายะญายะ เทวานงั ปยิ ะตัง สุตวาอิติปิโส ภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสวุ ณั โณมะระณงั สุขัง อะระหงั สคุ ะโต นะโม พุทธายะ๑. ชะยาสะนาคะตา พทุ ธา เชตะวา มารัง สะวาหะนงั จะตสุ ัจจา สะภงั ระสงั เย ปวิ งิ สุ นะราสะภา๒. ตณั หงั กะราทะโย พทุ ธา อัฏฐะวสี ะติ นายะกา สพั เพ ปะตฏิ ฐติ า มยั หัง มตั ถะเก เต มนุ ิสสะรา๓. สเี ส ปะติฏฐโิ ต มยั หงั พทุ โธ ธัมโม ทะวิโลจะเน สังโฆ ปะติฏฐิโต มยั หัง อเุ ร สพั พะคณุ ากะโร๔. หะทะเย เม อะนรุ ุทโธ สารีปตุ โต จะ ทกั ขิเณ โกณฑญั โญ ปฏิ ฐภิ าคสั มงิ โมคคลั ลาโน จะ วามะเก๕. ทักขเิ ณ สะวะเน มัยหัง อาสงุ อานนั ทะราหุลา กัสสะโป จะ มะหานาโม อุภาสุง วามะ โสตะเก 22 ศนู ย์ปฏิบตั ธิ รรม คุณะธมั โม นานาชาติ (สาขาวดั บูรพาราม)
๖. เกสนั เต ปฏิ ฐิภาคัสมงิ สรุ ิโย วะ ปะภังกะโร นสิ ินโน สิริสมั ปนั โน โสภโิ ต มุนิ ปุงคะโว๗. กมุ าระกสั สะโป เถโร มะเหสี จติ ตะวาทะโก โส มยั หงั วะทะเน นจิ จัง ปะตฏิ ฐาสิ คุณากะโร๘. ปณุ โณ อังคลุ มิ าโล จะ อปุ าลี นนั ทะสีวะลี เถรา ปญั จะ อเิ ม ชาตา นะลาเต ติละกา มะมะ๙. เสสาสีติ มะหาเถรา วิชติ า ชนิ ะสาวะกา เอตาสีติ มะหาเถรา ชติ ะวันโต ชโิ นระสา ชะลันตา สีละเตเชนะ องั คะมงั เคสุ สัณฐิตา๑๐. ระตะนัง ปุระโต อาสิ ทกั ขิเณ เมตตะสตุ ตะกงั ธะชัคคงั ปจั ฉะโต อาสิ วาเม อังคุลมิ าละกงั๑๑. ขันธะโมระปะรติ ตญั จะ อาฏานาฏิยะสตุ ตะกงั อากาเส ฉะทะนงั อาสิ เสสา ปาการะสณั ฐิตา๑๒. ชนิ าณา วะระสังยุตตา สตั ตะปาการะลงั กะตา วาตะปติ ตา ทิสญั ชาตา พาหิรัช ฌตั ตุปทั ทะวา๑๓. อะเสสา วนิ ะยงั ยนั ตุ อะนันตะ ชนิ ะเตชะสา วะสะโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะปัญชะเรหนงั สอื พระธัมมจักกัปปวัตตนสตู ร 23
๑๔. ชินะปญั ชะระ มัชฌมั หิ วิหะรันตงั มะฮีตะเล สะทาปาเลนตุ มัง สพั เพ เต มะหาปรุ ิสาสะกา๑๕. อจิ เจวะมันโต สคุ ตุ โต สุรักโข ชนิ านุภาเวนะ ชิตูปทั ทะโว ธมั มานุภาเวนะ ชติ ารสิ ังโฆ สงั ฆานุ ภาเวนะ ชิตันตะราโย สมั ธมั มานภุ าวะ ปาลโิ ต จะรามิ ชนิ ะปญั ชะเรติ ฯ 24 ศูนย์ปฏบิ ัติธรรม คณุ ะธัมโม นานาชาติ (สาขาวดั บูรพาราม)
คาถาเงินลา้ น (สวด ๙ จบ) (ตัง้ นะโม 3 จบ)สมั ปะจติ ฉามิ นาสังสโิ มพรหมา จะ มหาเทวา สพั เพยกั ขา ปะรายันติ(คาถาปดั อปุ สรรค)พรหมา จะ มหาเทวา อภลิ าภา ภะวนั ตุ เม(คาถาเงนิ แสน)มหาปญุ โญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม(คาถาลาภไม่ขาดสาย)มเิ ตพาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)พทุ ธะมะอะอุ นะโมพทุ ธายะ วิระทะโย วิระโคนายังวริ ะหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอติ ถิโย พุทธสั สะมานีมามะ พทุ ธสั สะ สวาโหม(คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วข้ึน)เพง็ ๆ พาๆ หาๆ ฤาๆหนังสือพระธัมมจกั กัปปวตั ตนสูตร 25
บทชัยมงคลคาถา (พาหุงมหากา) นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธสั สะ ( ๓ จบ ) พทุ ธัง สะระนัง คจั ฉามิ ธมั มัง สะระนัง คจั ฉามิ สงั ฆงั สะระนงั คจั ฉามิ ทตุ ิยมั ปิ พุทธัง สะระนงั คัจฉามิ ทุติยมั ปิ ธัมมัง สะระนงั คัจฉามิ ทตุ ยิ ัมปิ สังฆงั สะระนัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ พุทธงั สะระนงั คจั ฉามิ ตะติยมั ปิ ธัมมงั สะระนัง คัจฉามิ ตะตยิ ัมปิ สงั ฆัง สะระนัง คัจฉามิ อติ ปิ ิ โส ภะคะวา อะระหงั สมั มา สมั พทุ โธ วชิ ชาจะระณะสมั ปันโน สุคะโต โลกะวทิ ู อะนุตตะโร ปุรสิ ะทมัมะสาระถิ สตั ถา เทวะมะนุสสานัง พทุ โธ ภะคะวาตฯิ สะวากขาโต ภะคะวะตา ธมั โม สนั ทฏิ ฐโิ ก อะกาลโิ ก 26 ศูนยป์ ฏิบตั ิธรรม คณุ ะธมั โม นานาชาติ (สาขาวดั บรู พาราม)
เอหปิ สั สโิ ก โอปะนะยโิ ก ปจั จตั ตงั เวทติ พั โพ วญิ ญหู ติ ฯิ สปุ ะฏปิ นั โน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ อุชปุ ะฏปิ นัโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏปิ นั โน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ สามจี ปิ ะฏปิ นั โน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะททิ งั จัตตาริ ปรุ ิสะยุคานิ อฏั ฐะ ปรุ สิ ะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรังปุญญักเขตตงั โลกัสสาตฯิ พาหงุ สะหัส สะมะภินมิ มิตะสาวุธันตงัครีเมขะลงั อทุ ติ ะโฆ ระสะเสนะมารังทานาทิธัมมะวธิ นิ า ชิตะวา มุนินโทตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมงั คะลานิ มาราติเร กะมะภยิ ชุ ฌิตะสัพพะรตั ตงิโฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยกั ขังขันตีสทุ ันตะวธิ ินา ชติ ะวา มุนินโทตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิหนังสือพระธัมมจกั กปั ปวตั ตนสูตร 27
นาฬาคริ ิง คะชะวะรงั อะติมตั ตะภูตังทาวัคคิจกั กะมะสะนวี ะ สุทารณุ ันตงัเมตตัมพุเสกะวิธนิ า ชติ ะวา มนุ นิ โทตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมงั คะลานิ อุกขติ ตะขคั คะมะตหิ ัตถะสุทารุณนั ตังธาวันติโยชะนะปะถงั คลุ ิมาละวันตังอิทธภี สิ ังขะตะมะโน ชิตะวา มนุ นิ โทตนั เตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมงั คะลานิ กัตตะวานะ กฏั ฐะมทุ ะรัง อวิ ะ คพั ภินียาจิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะยะกายะมชั เฌสันเตนะ โสมะวิธนิ า ชิตะวา มนุ ินโทตนั เตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมงั คะลานิ สจั จงั วิหายะ มะติสัจจะกาวาทะเกตุงวาทาภิโรปติ ะมะนงั อะตอิ นั ธะภูตังปัญญาปะทปี ะชะลิโต ชติ ะวา มนุ นิ โทตนั เตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมงั คะลานิ นันโทปะนนั ทะภุชะคัง วิพุธงั มะหิทธิง 28 ศูนยป์ ฏิบัตธิ รรม คณุ ะธัมโม นานาชาติ (สาขาวัดบูรพาราม)
ปตุ เตนะ เถระภชุ ะเคนะ ทะมาปะยนั โตอิทธปู ะเทสะวธิ นิ า ชิตะวา มุนนิ โทตนั เตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมงั คะลานิ ทคุ คาหะทฏิ ฐิภุชะเคนะ สทุ ัฏฐะหัตถังพรหั มงั วิสทุ ธชิ ุตมิ ทิ ธิพะกาภิธานงัญาณาคะเทนะ วธิ นิ า ชิตะวา มุนินโทตนั เตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมงั คะลานิ เอตาปิ พทุ ธะชะยะมงั คะละอฉั ฐะคาถา โยวาจะโน ทินะทเิ น สะระเต มะตนั ทีหติ วานะเนกะวิวธิ านิ จุปทั ทะวานิโมกขงั สขุ ัง อะธคิ ะเมยยะ นะโร สะปญั โญ มะหาการุณโิ ก นาโถ หติ ายะ สพั พะปาณนิ งั ปูเรตวา ปาระมี สพั พา ปตั โต สมั โพธมิ ตุ ตะมงั เอเตนะ สจั จะวชั เชนะ โหตุ เต ชะยะมังคะลังฯ ชะยันโต โพธิยา มูเล สกั ยานัง นนั ทวิ ัฑฒะโน เอวังตวงั วชิ ะโย โหหิ ชะยสั สุ ชะยะมงั คะเล อะปะราชติ ะปลัลังเก สีเส ปะฐะวิโปกขะเร อะภเิ สเก สพั พะ พทุ ธานังหนังสอื พระธมั มจักกปั ปวตั ตนสตู ร 29
อคั คัปปตั โต ปะโมทะติฯ สุนกั ขตั ตงั สุมังคะลัง สุปะภาตัง สหุ ุฏฐิตงั สุขะโณ สมุ ุหตุ โต จะ สยุ ิฏฐัง พรมั หมะจาริสุ ปะทักขิณงั กายะกมั มงั วาจากมั มัง ปะทกั ขิณัง ปะทักขณิ ัง มะโนกัมมงั ปะณธิ ีเต ปะทกั ขณิ า ปะทักขณิ านิ กตั วานะ ละภันตัตเถ ปะทักขิเณฯ ภะวะตุ สพั พะมงั คะลงั รักขนั ตุ สัพพะเทวะตา สพัพะพุทธานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เตฯ ภะวะตุ สพั พะมังคะลงั รกั ขนั ตุ สพั พะเทวะตา สัพพะธมั มานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เตฯ ภะวะตุ สัพพะมังคะลงั รกั ขนั ตุ สพั พะเทวะตา สพัพะสงั ฆานภุ าเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต 30 ศนู ย์ปฏบิ ตั ิธรรม คณุ ะธัมโม นานาชาติ (สาขาวดั บรู พาราม)
บทชัยมงคลคาถา (พาหงุ มหากา) (ค�ำแปล) ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง(สามครงั้ ) ข้าพเจ้าขอถือเอา พระพทุ ธเจา้ เป็นสะระณะ ขา้ พเจา้ ขอถือเอา พระธรรมเจา้ เป็นสะระณะ ข้าพเจ้าขอถือเอา พระสงฆเจา้ เป็นสะระณะ แมค้ ร้ังท่ีสอง ขา้ พเจ้าขอถอื เอา พระพทุ ธเจ้าเป็นสะระณะ แม้ครัง้ ที่สอง ข้าพเจา้ ขอถือเอา พระธรรมเจ้าเป็นสะระณะ แมค้ ร้ังท่ีสอง ข้าพเจ้าขอถือเอา พระสงฆเจ้าเป็นสะระณะ แมค้ ร้ังท่ีสาม ข้าพเจ้าขอถอื เอา พระพุทธเจ้าเปน็ สะระณะหนังสอื พระธมั มจักกัปปวัตตนสูตร 31
แมค้ ร้งั ทส่ี าม ขา้ พเจ้าขอถือเอา พระธรรมเจา้ เปน็ สะระณะ แม้คร้ังท่สี าม ขา้ พเจา้ ขอถือเอา พระสงฆเจา้ เปน็ สะระณะ พระผ้มู ีพระภาคเจา้ พระองค์นน้ั เปน็ ผู้ทรงแจกจา่ ยธรรม เปน็ พระอรหนั ตต์ รสั รดู้ โี ดยชอบดว้ ยพระองคเ์ องทรงถงึ พรอ้ มดว้ ยวชิ ชา และ จรณะ (ความรู้และความประพฤต)ิ เสดจ็ ไปดี (คอื ไปทใี่ ดกย็ งั ประโยชนใ์ หท้ น่ี น้ั )ทรงรู้แจ้งโลก ทรงเป็นสารถีฝึกคนที่ควรฝึก หาผู้อ่ืนเปรียบมิได้ ทรงเป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทัง้ หลาย ทรงเปน็ ผู้ต่นื ทรงเป็นผ้แู จกจา่ ยธรรม พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว อันผู้ปฏบิ ตั เิ หน็ ชอบไดด้ ว้ ยตนเอง ไมป่ ระกอบดว้ ยกาลเวลาควรเรยี กมาดไู ด้ ควรนอบน้อมเข้าไปหา อนั ผ้รู ู้พึงรไู้ ด้ด้วยตนเอง พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ปฏิบัติดีแลว้ พระสงฆส์ าวกของพระผ้มู ีพระภาคเปน็ ผู้ปฏบิ ัติ 32 ศูนย์ปฏบิ ัตธิ รรม คุณะธัมโม นานาชาติ (สาขาวัดบรู พาราม)
ตรง พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ปฏิบัติเพ่ือความรู้ พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ปฏบิ ตั ชิ อบ พระสงฆส์ าวกของพระผู้มีพระภาคน้นั จัดเปน็ บรุ ุษสี่คู่ เป็นบคุ คลแปด เป็นผู้ควรบชู า เป็นผูค้ วรรบั ทกิ ษณิ า เปน็ ผคู้ วรกราบไหว้ เปน็ เนอื้ นาบญุ ของโลกหาสง่ิ อ่นื เปรียบมไิ ด้ สมเด็จพระผู้มีพระภาค ผู้เป็นจอมของนักปราชญ์ทรงชนะพญามารพรอ้ มด้วยเสนา ซ่ึงเนรมติ แขนได้ตั้งพนั มมี อื ถอื อาวธุ ครบทงั้ พนั มอื ขช่ี า้ งคริ เี มขล์ สง่ เสยี งสนนั่ นา่ กลวั ทรงชนะดว้ ยธรรมวธิ มี ี ทานบารมี เปน็ ตน้และด้วยเดชะของพระผู้มีพระภาคพระองค์น้ันขอชัยมงคลทัง้ หลายจงมีแก่ข้าพเจ้า สมเดจ็ พระผมู้ พี ระภาค พระจอมมนุ ที รงชนะอาฬวกยกั ษ์ผู้โหดรา้ ยบ้าคลง่ั นา่ สพงึ กลัว ซง่ึ ตอ่ สู้กับพระองค์ตลอดทั้งคืนรุนแรงยิ่งกว่าพญามาร จนละพยศร้ายได้ส้ิน ด้วยขันติธรรมวิธีอันพระองค์ได้ฝึกไว้ดีแล้ว และด้วยเดชของพระผมู้ พี ระภาคพระองคน์ นั้ ขอชัยมงคลหนงั สือพระธัมมจกั กปั ปวัตตนสตู ร 33
ทั้งหลายจงมีแกข่ า้ พเจา้ สมเด็จพระผู้มีพระภาค พระจอมมุนีทรงชนะพญาชา้ ง ชือ่ นาฬาคริ ี ซ่งึ ก�ำลังตกมนั จดั ทารณุ โหดรา้ ยยิง่นกั ดจุ ไฟปา่ จกั ราวธุ และสายฟา้ ดว้ ยพระเมตตาธรรมและด้วยเดชของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ขอชยั มงคลทง้ั หลายจงมีแกข่ ้าพเจ้า สมเด็จพระผู้มีพระภาค พระจอมมุนีทรงชนะมหาโจร ชื่อ องคุลีมาล ในมอื ถือดาบเง้ือง่าโหดร้ายทารณุยง่ิ วงิ่ ไลต่ ามพระองคห์ า่ งออกไปเรอื่ ย ๆ เปน็ ระยะทางถึง ๓ โยชน์ ด้วยทรงบันดาลมโนมยิทธิ (ฤทธทิ์ างใจ)แ ล ะ ด ้ ว ย เ ด ช ข อ ง พ ร ะ ผู ้ มี พ ร ะ ภ า ค พ ร ะ อ ง ค ์ น้ั นขอชัยมงคลท้งั หลายจงมีแกข่ า้ พเจา้ สมเด็จพระผู้มีพระภาค พระจอมมุนีทรงชนะค�ำกลา่ วใสร่ า้ ยทา่ มกลางชมุ ชน ของนางจญิ จมาณวกิ า ผู้ผูกท่อนไม้ซอ่ นไว้ทีท่ อ้ งแสร้งทำ� เป็นหญงิ มีครรภ์ ด้วยความจรงิ ดว้ ยความสงบเยอื กเยน็ ดว้ ยวธิ สี มาธอิ นั งามและด้วยเดชของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ขอ 34 ศนู ยป์ ฏบิ ัติธรรม คุณะธมั โม นานาชาติ (สาขาวดั บรู พาราม)
ชัยมงคลท้ังหลายจงมีแก่ข้าพเจ้า สมเดจ็ พระผูม้ พี ระภาค พระจอมมุนีทรงชนะสจั จกนิครนถ์ ผู้เชิดชูลัทธิของตนว่าจริงแท้อย่างเลิศลอยราวกับชูธงขึ้นฟ้า ผู้มุ่งโต้วาทะกับพระองค์ ด้วยพระปัญญาอันเป็นเลิศดุจประทีปอันโชติช่วง ด้วยเทศนาญาณวถิ ี และดว้ ยเดชของพระผมู้ พี ระภาคพระองคน์ น้ัขอชยั มงคลทั้งหลายจงมแี ก่ขา้ พเจา้ สมเด็จพระผู้มีพระภาค พระจอมมุนีทรงชนะพญานาคชอ่ื นนั โทปนนั ทะ ผหู้ ลงผดิ และมฤี ทธม์ิ าก ดว้ ยทรงแนะนำ� วธิ ี และ อทิ ธฤิ ทธแิ์ กพ่ ระโมคคลั ลานะ พระเถระภชุ งค์ พุทธบตุ ร ให้ไปปราบจนเชื่อง และดว้ ยเดชของพระผมู้ ีพระภาคพระองคน์ ั้น ขอชัยมงคลทัง้ หลายจงมีแกข่ ้าพเจา้ สมเด็จพระผู้มีพระภาค พระจอมมุนที รงชนะพรหมชอื่ ทา้ วพกู ะ ผรู้ ดั รงึ ทฏิ ฐิ คอื ความเหน็ ผดิ ไวแ้ นบแนน่โดยสำ� คญั ผดิ วา่ ตนบรสิ ทุ ธมิ์ ฤี ทธร์ิ งุ่ โรจนด์ ว้ ยวธิ วี างยาอนั วเิ ศษ คอื เทศนาญาณ และดว้ ยเดชของพระผมู้ พี ระหนังสอื พระธัมมจกั กปั ปวตั ตนสตู ร 35
ภาคพระองคน์ ัน้ ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมแี กข่ า้ พเจา้ แมน้ รชนใดไม่เกยี จครา้ น สวดกด็ ี ระลกึ กด็ ี ซ่งึ พุทธชยั มงคลคาถา ๘ บทน้ี ทกุ วนั ยอ่ มเปน็ เหตใุ หพ้ น้ อปุ ทั วอันตรายทั้งปวง นรชนผู้มีปัญญาย่อมถึงซึ่งความสุขสงู สุดแล สวิ โมกข์นฤพานอันเปน็ เอกนั ตบรมสขุ สมเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ พระผทู้ รงเปน็ ทพ่ี งึ่ ของสรรพสตั วท์ รงประกอบดว้ ยพระมหากรณุ า ทรงบำ� เพญ็พระบารมีท้ังปวง เพ่ือประโยชน์เกื้อกูลแก่สรรพสัตว์ทรงบรรลุพระสัมโพธิญาณอันสงู สุด ด้วยการกล่าวสจัจวาจาน้ี ขอชยั มงคลทั้งหลายจงมแี ก่ข้าพเจ้า ขอข้าพเจ้าจงมีชัยชนะในชัยมงคลพิธี ดุจพระจอมมุนีผู้ยังความปีติยินดีให้เพิ่มพูนแก่ชาวศากยะ ทรงมีชัยชนะมาร ณ โคนต้นมหาโพธิ์ทรงถึงความเป็นเลิศยอดเยย่ี ม ทรงปตี ปิ ราโมทยอ์ ยเู่ หนอื อชติ บลั ลงั กอ์ นั ไมร่ ู้พา่ ย ณ โปกขรปฐพี อนั เป็นทอ่ี ภเิ ษกของพระพทุ ธเจ้าทุกพระองค์ ฉะน้ันเถดิ เวลาที่ก�ำหนดไว้ดี งานมงคลดีรุ่งแจง้ ดี ความพยายามดี ช่ัวขณะหนึง่ ดี ชว่ั ครูห่ นึ่งดี 36 ศูนย์ปฏิบตั ธิ รรม คุณะธัมโม นานาชาติ (สาขาวัดบรู พาราม)
การบชู าดี แด่พระสงฆผ์ ู้บรสิ ทุ ธ์ิ กายกรรมอนั เป็นกศุ ลวจีกรรมอันเป็นกุศล มโนกรรมอันเป็นกุศล ความปรารถนาดอี นั เปน็ กศุ ล ผไู้ ดป้ ระพฤตกิ รรมอนั เปน็ กศุ ลย่อมประสบความสขุ โชคดี เทอญ ขอสรรพมงคลจงมีแกข่ ้าพเจ้า ขอเหล่าเทพยดาทง้ัปวงจงรักษาข้าพเจ้า ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าขอความสุขสวัสดที ้งั หลาย จงมีแก่ขา้ พเจา้ ทกุ เมื่อ ขอสรรพมงคลจงมีแก่ขา้ พเจ้า ขอเหล่าเทพยดาท้งัปวงจงรกั ษาข้าพเจา้ ดว้ ยอานภุ าพแห่งพระธรรม ขอความสขุ สวัสดที ง้ั หลาย จงมีแก่ขา้ พเจ้าทุกเมอ่ื ขอสรรพมงคลจงมีแก่ขา้ พเจา้ ขอเหลา่ เทพยดาทัง้ปวงจงรักษาข้าพเจ้า ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ ขอความสขุ สวัสดที ง้ั หลาย จงมีแกข่ ้าพเจา้ ทกุ เมอื่หนังสอื พระธัมมจักกปั ปวัตตนสตู ร 37
คำ� บูชาพระพุทธมหามุนีสิริโลกนาถ (หลวงพ่อนาค)นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสมั พุทธสั สะนะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสมั พทุ ธสั สะนะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสมั พุทธสั สะอมิ งั พุทธะมหามุนสิ ริ โิ ลกะนาถงั , (อคั คะนาคงั ) สารรี ิกะธาตุง, ปุระฐติ ัง เม,สปุ ะตฏิ ฺฐติ งั , อะหงั วันทามิ สพั พะทา ฯพทุ ธะระตะนงั , ธัมมะระตะนงั , สังฆะระตะนงั , ติณณังระตะนานงั อานุภาเวนะ,อะเนกะชาตสิ งั สาเร, อมิ สั มงิ เจวะ, ปะระโลเก, สขุ ญั จะวฑุ ฒิ, โภคะสมั ปัตติ, อัฑฒัง มะหทั ธะนัง,อิมัง สักการงั , กะโรนตสั สะ, ภะวนั ตุ เม, ทกุ ขะนโิ รธะคามนิ ี จะ, อะริยะมคั คงั ,นพิ พานัง โหนตุ ฯ 38 ศูนยป์ ฏบิ ตั ธิ รรม คณุ ะธมั โม นานาชาติ (สาขาวดั บรู พาราม)
คำ� แผเ่ มตตาสัพเพ สตั ตา สตั วท์ ง้ั หลายทงั้ ปวง ทเ่ี ปน็ เพอื่ นทกุ ข์ เกดิ แก่ เจบ็ ตาย ตายดว้ ยกนั ทงั้ หมดทง้ั สนิ้อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสขุ เถดิ อย่าได้มีเวรแก่กันและกนั เลยอพั พะยาปัชฌา โหนตุ จงเปน็ สขุ เป็นสขุ เถิด อยา่ ไดเ้ บียดเบียนซึง่ กนั และกันเลยอะนีฆา โหนตุ จงเปน็ สขุ เปน็ สุขเถดิ อยา่ ไดม้ คี วามทกุ ข์กายทุกขใ์ จเลยสุขี อตั ตานงั ปะรหิ ะรันตุ จงมคี วามสุขกาย สขุ ใจ รกั ษาตนให้พ้นจากทกุ ขภ์ ัยทั้งสน้ิ เทอญหนังสอื พระธมั มจกั กปั ปวัตตนสตู ร 39
คาถาแผเ่ มตตาตนเองอะหงั สขุ โิ ต โหมิ ขอให้ข้าพเจา้ มคี วามสุขอะหัง นิททกุ โข โหมิ ขอให้ข้าพเจา้ ปราศจากความทกุ ข์อะหงั อะเวโร โหมิ ขอใหข้ า้ พเจ้าปราศจากเวรอะหงั อพั ยาปชั โฌ โหมิ ขอใหข้ า้ พเจ้าปราศจากอุปสรรคอนั ตรายท้งั ปวงสุขี อัตตานงั ปะรหิ ะรามิ ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทง้ั ปวงเถดิ 40 ศูนย์ปฏิบตั ิธรรม คุณะธมั โม นานาชาติ (สาขาวัดบูรพาราม)
คาถาแผ่ส่วนกศุ ลอิทงั เม มาตาปิตนู งั โหตุ สขุ ิตา โหนตุ มาตาปติ ะโร ขอส่วนบญุ นจี้ งส�ำเร็จแกม่ ารดา บดิ าของขา้ พเจ้า ขอใหม้ ารดา บดิ าของขา้ พเจ้ามคี วามสขุอทิ งั เม ญาตนี งั โหตุ สุขติ า โหนตุ ญาตะโย ขอส่วนบุญนี้จงส�ำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของขา้ พเจา้ มคี วามสุขอิทัง เม ครุ ปู ชั ฌายาจรยิ านัง โหตุ สขุ ติ า โหนตุ ครุ ูปัชฌายาจรยิ า ขอส่วนบุญนี้จงส�ำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของขา้ พเจ้ามคี วามสุขอทิ งั สพั พะเทวะตานัง โหตุ สุขติ า โหนตุ สัพเพเทวา ขอส่วนบุญน้ีจงส�ำเร็จแก่เทวดาท้ังหลายท้ังปวง ขอให้เทวดาท้ังหลายทั้งปวงมคี วามสขุอทิ งั สพั พะเปตานัง โหตุ สขุ ติ า โหนตุ สพั เพ เปตา ขอส่วนบุญนี้จงส�ำเร็จแก่เปรตทั้งหลายท้ังปวง ขอให้เปรตท้ังหลายท้ังปวงมีความสุขอิทงั สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขติ า โหนตุ สพั เพเวรี ขอสว่ นบญุ นจ้ี งสำ� เรจ็ แกเ่ จา้ กรรมนายเวรทงั้ หลายทง้ั ปวง ขอใหเ้ จา้ กรรมนายเวรทั้งหลายท้งั ปวงมีความสุขหนงั สอื พระธมั มจกั กปั ปวัตตนสูตร 41
อทิ งั สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สพั เพ สตั ตา ขอส่วนบุญนี้จงส�ำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายท้ังปวง ขอให้สัตว์ท้ังหลายท้ังปวงมีความ สุขทัว่ หน้ากนั เทอญ ................................................... รายนามเจ้าภาพสร้างหนงั สือบทสวดพระธัมมจักกัปปวตั นสตู ร๑. พระอาจารย์เริงวฒั น์ คณุ ธมโฺ ม ดร.๒. คณุ พ่อสน่นั แม่ไกรศร พลทองวจิ ติ ร๓. คณุ ไกรเทพ พลทองวิจิตร คุณมนเทยี น จนั ทรศ์ รี ด.ช.จักรี พลทองวิจติ ร ๑๐,๐๐๐ บาท๔. นายแพทย์นพพร คุณกานดา ด.ญ. เบญจพร พลทองวิจติ ร๕. คณุ กษดิ ศิ พลทองวจิ ติ ร คณุ อรสิ า เงาภทู่ อง ด.ช.ชณฐั สตุ ด.ช.ปณั ณวฒั น์ พลทองวจิ ติ ร๖. คุณพอ่ ค�ำแปลน คณุ แมม่ ะลิ นาค–อก๗. คณุ อทุ ยาน คุณค�ำปลวิ น.ส. นิตยา ด.ช.นราธิป สคี ณุ น�้ำเที่ยง๘. คณุ ธนพล มะมิรมั ย์ คุณเปรียว นาค อก ด.ช.เลิศเดช ด.ช.ธนภัทร มะมริ มั ย์๙. คณุ พ่อพรมมา แมเ่ นาวรัตน์ สรุ าวรรณ๑๐. คุณพอ่ เดอื น แม่ วนั ทา นารถสงู …………………………………………………………………… 42 ศูนยป์ ฏบิ ัตธิ รรม คุณะธมั โม นานาชาติ (สาขาวัดบูรพาราม)
Search
Read the Text Version
- 1 - 42
Pages: