Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore องค์ประกอบของดนตรีสากล

องค์ประกอบของดนตรีสากล

Published by kantikasangrawee, 2021-03-25 08:01:07

Description: music องค์ประกอบดนตรีสากล ทั้งหมด16สไลด์

Search

Read the Text Version

รายวิชา ดนตรสี ากล เรอื่ ง องคป์ ระกอบ ของดนตรสี ากล ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2563 รหสั วิชา ศ 22104 ครผู ู้สอน นายรุ่งโรจน์ คล้ายคลัง

รปู แบบของ เสยี ง เพลง หรือ คตี ลักษณ์ จังหวะ องคป์ ระกอบของ สสี ันของ องค์ประกอบ ทานอง ดนตรีสากล เสยี ง ของดนตรสี ากล พื้นผวิ เสียง ชองดนตรี ประสาน

เสยี ง (tone) การส่นั สะเทอื นของวตั ถผุ า่ นอากาศเปน็ คล่ืน เสยี งในอัตราทีค่ งทเ่ี สมอโดยมแี หลง่ กาเนิด เสยี ง คือ เคร่อื งดนตรี มนษุ ยไ์ ด้จดั ระบบเสยี ง ต่าง ๆ เป็นเสียงดนตรมี ีองค์ประกอบ4ประการ คือ

ระดบั เสยี ง ระดับเสียง (pitch) หมายถึง เสยี งดนตรีสูง–ตา่ ซ่งึ ขน้ึ อย่กู บั (pitch) ความถีข่ องการส่ันสะเทอื นของ เคร่ืองดนตรี ทเี่ ปน็ แหล่งกาเนดิ เสยี ง เราสามารถกาหนดชอื่ โน้ตสากลแทนระดับเสียงต่าง ๆ เช่น โด เร มี ฟา ซอล ลา เปน็ ต้น เพื่อสามารถบรรเลงดนตรีได้ ความถ่ขี อง เสียงมคี วามสมั พนั ธก์ ับระดับเสียงด้วย เชน่ ความถ่ี ของเสียงสงู ขน้ึ 1 เท่าตวั ระดับเสยี งจะสูงข้นึ 1 ชว่ งค่แู ปด (octave)

ความสัน้ –ยาว ของเสียง (duration) ความสน้ั –ยาวของเสยี ง (duration)หมายถงึ ความ สน้ั –ยาวของเสยี งทบี่ รรเลง จากเครอื่ งดนตรหี รอื ขบั รอ้ งออกมาในระยะเวลาตา่ ง ๆ สามารถกาหนดได ้ ดว้ ย สญั ลกั ษณท์ างดนตรี เชน่ โนต้ ตวั ดา โนต้ ตวั ขาว เป็ นตน้ นอกจากนั้นยงั มตี วั หยดุ ซงึ่ แทนความ เงยี บของเสยี งเพอื่ ใหเ้ กดิ จงั หวะ และรปู แบบในการ บรรเลงหลากหลาย

ความเขม้ ของเสยี ง (intensity) ความเขม้ ของเสยี ง (intensity) หมายถึง ระดบั ความดงั –เบาของเสยี งนกั รอ้ ง และเสียง เครอ่ื งดนตรี ซง่ึ มีการกาหนดศพั ทต์ า่ ง ๆ แสดง ความดงั –เบา เชน่ p = piano หมายถึง เบา, f = forte หมายถงึ ดงั เป็นตน้

คุณภาพของเสียง คณุ ภาพของเสยี ง (tone quality) (tone quality) หมายถงึ ลกั ษณะของเสียงเครอ่ื งดนตรี หรอื เสียง รอ้ ง ท่ีบรรเลงออกมาวา่ มคี วามไพเราะของเสียง มากนอ้ ยเพียงใด การท่ีจะมีคณุ ภาพเสียงท่ีดี หรอื ไม่นนั้ ขนึ้ อยกู่ บั การฝึกซอ้ มในการบรรเลง อยา่ งสม่าเสมอ

จงั หวะดนตร(ี rhythm) การจดั เรยี งของเสยี งหรอื ความเงียบ ซง่ึ ไดม้ าจากความสนั้ – ยาวของเสียง (duration) ของโนต้ ดนตรแี บบตา่ ง ๆ และ ความเงียบของเสียง (rest) ท่ีแตกตา่ ง กนั มาจดั เรยี งกนั อย่าง เป็นระบบ มีองคป์ ระกอบดงั นี้

จังหวะขัด (syncopation) จงั หวะท่ีมีการเนน้ จงั หวะเบา หรอื ใหค้ วามสาคญั กบั จงั หวะเบามากกวา่ จงั หวะหนกั เป็นเทคนิค หน่งึ ในการสรา้ งรสชาติใหก้ บั บทเพลง รูปแบบของจงั หวะ (rhythm pattern) หมายถึง ลกั ษณะของกลมุ่ จงั หวะ ท่ีมีลกั ษณะตา่ ง ๆ กนั ซง่ึ อาจเป็นลกั ษณะ ท่ีมีความสม่าเสมอหรอื ไมส่ ม่าเสมอกไ็ ด้

ทานองเพลง (melody) ทว่ งทานองของการบรรเลงเครอ่ื งดนตรี โนต้ ดนตรตี า่ ง ๆ ท่ีเรยี ง จดั ระบบความยาว–สนั้ โนต้ ตามจงั หวะดนตรี

เสยี งประสาน (harmony) ระดบั เสยี งตงั้ แต่ 2 เสียงขนึ้ ไปท่ีรอ้ งหรอื บรรเลงไปพรอ้ ม ๆ กนั โดยการจดั แนวการบรรเลง ใหแ้ กร่ ะดบั เสียงตา่ ง ๆ พรอ้ ม กบั แนวทานองหลกั เพ่ือช่วยปรุงแตง่ ใหท้ านองเพลง มีความ ไพเราะน่าฟัง การประสานเสยี งแบง่ เป็น 2 วธิ ี ไดแ้ ก่ การใช้ ขนั้ คเู่ สยี ง (interval) และการใชก้ ลมุ่ คอรด์ (chord)

พืน้ ผิวของดนตรี (texture) ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเสยี งประสานซง่ึ เป็น ความสมั พนั ธใ์ นแนวตงั้ และทานอง เป็น ความสมั พนั ธใ์ นแนวนอน และเกิดพืน้ ผวิ ทางดนตรี ขนึ้ ดงั นี้

monophony ลกั ษณะของดนตรที ่ีมีทานองเดียว ไม่มีเสยี ง ประสาน polyphony ลกั ษณะของดนตรที ่ีมีทานองหลายแนวทานองเขา้ ดว้ ยกนั นามา รอ้ งหรอื บรรเลงพรอ้ มกนั เพ่ือใหเ้ กิดเสยี งประสานของแนวทานองเพ่ิมความ ไพเราะ ใหก้ บั บทเพลงยิ่งขนึ้ homophony ลกั ษณะของทานองเพลงท่ีมีการประสานเสยี งหรอื คลอ ทานองโดยการใชค้ อรด์ heterophony ลกั ษณะของดนตรที ่ีมีการผสมผสานหลากหลาย แนว ทานอง แตล่ ะเครอ่ื งดนตรสี ามารถแปรทานองไดอ้ ยา่ งอสิ ระ โดยยดึ ทานอง หลกั เขา้ ดว้ ยกนั

สสี ันของเสยี ง (tone color) เสียงของมนุษย์ ไดแ้ ก่ เสียงผหู้ ญิง เสียงผชู้ าย และเสียงเดก็ คณุ สมบตั ิของเสยี งท่ีเกิดจากเครอ่ื งดนตรหี รอื เสียงของเครื่องดนตรี หมายถงึ เสียงรอ้ งซง่ึ มีความแตกตา่ งกนั ออกไป เม่ือ เสยี งของเครอ่ื งดนตรแี ตล่ ะชนิด ซง่ึ จะ นามารอ้ งหรอื บรรเลงรว่ มกนั จะทาใหส้ สี นั ของ มีลกั ษณะ เฉพาะและตา่ งกนั ออกไป เสยี งในภาพรวมมี ความแตกตา่ งกนั ออกไป เสยี งโดยรวมจากการผสมวง สามารถ ไดแ้ ก่ ทาใหด้ นตรมี ีสสี นั มากขนึ้ และเกิดความ ไพเราะท่ีหลากหลาย

รูปแบบของเพลงหรอื คีตลกั ษณ์ (musical form) ลกั ษณะการจดั โครงสรา้ งของดนตรหี รอื เพลงท่ีมีการแบง่ เป็นกลมุ่ เสยี ง วลี ประโยค และทอ่ น เพลง เช่น • เพลง 2 ทอ่ น หมายความวา่ เพลงนีแ้ บง่ ทานองเพลงออกเป็น 2 ท่อน แตล่ ะท่อนจะมี ทานองท่ีแตกตา่ งกนั • เพลง 3 ท่อน หมายความวา่ เพลงดงั กลา่ วจะแบง่ ออกเป็น 3 ทอ่ น ท่อนท่ี 1 กบั ท่อนท่ี 2 จะมีทานองเหมือนกนั หรอื ทานองเดียวกนั สว่ นทอ่ นท่ี 3 จะมีทานองเพลงท่ีแตกตา่ งกนั ออกไป เป็นตน้

รูปแบบของเพลงหรือคตี ลักษณม์ หี ลายรูปแบบ เช่น ไบนารี (binary form) ลกั ษณะของการประพนั ธเ์ พลงท่ีมี 2 ทอ่ น รูปแบบเป็นการถามและตอบซ้ าไปมาหลายเที่ยวก็ได้ เช่น A:B, AABB, ABAB เทอรน์ ารี (ternary form) ลกั ษณะของการประพนั ธเ์ พลง ท่ีมี 3 ทอ่ น หรอื ทานองหลกั 3 ลกั ษณะ โดยมีสว่ นกลางท่ีแตกตา่ งไปจาก สว่ นตน้ และสว่ นทา้ ย เช่น ABA, AABA


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook