1. ช่อื เรื่องวจิ ัย ยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาวิทยาการคำนวณสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรยี นบ้านหลกุ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ดว้ ยเทคนิควธิ กี ารสอนแบบห้องเรียนกลบั ด้าน 2. ผวู้ จิ ยั ชอื่ นายภัทร นามสกลุ ตนั๋ แกว้ รหัสนักศกึ ษา 60181550113 สาขาวิชา คอมพวิ เตอร์ คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏลำปาง 3. ระยะเวลาทีท่ ำวจิ ัย ภาคเรยี นที1่ ปีการศึกษา2564 4. ความเปน็ มาและเหตผุ ลของปญั หา การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ประเด็นสำคัญของครูยุคใหม่ ต้องไม่เน้นที่ “การสอน แต่ทำหน้าที่สร้างแรงบนั ดาลใจใหเ้ กิดขนึ้ ในตวั ของผเู้ รียน เน้นการออกแบบกระบวนการเรยี นรู้เป็น ผู้ ชี้แนะ การเรียนรู้ (Coaching) ในด้านเนื้อหาสาระสำคัญที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้สำหรับ ศตวรรษที่ 21 จะยึดหลัก 3Rs ประกอบด้วย การอ่าน การเขียน และมีความรอบรู้ในด้าน คณิตศาสตร์ (Reading , Writing and Arithmetic) และหลัก 4Cs ประกอบด้วย การคิดและ วิเคราะห์และการแก้ปัญหาการติดต่อสื่อสาร ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity and Innovation , Critical Thinking and Problem Solving , Communication and Collaboration) ความคิด สร้างสรรค์เป็นสิ่งที่สังคมต้องการนำมาใช้สร้างสัมพันธ์กันในระหว่างสิ่งต่างๆ และใช้ในการ แก้ปัญหาที่ซับซ้อนของสภาพแวดล้อมของมนุษย์ ซึ่งในการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาประชากรให้มี คุณภาพนั้น ความคิดสร้างสรรคน์ ับเป็น จุดหมายหลกั ของหลักสตู รการเรียนการสอนทุกระดับ ซ่ึง ในยุคท่ีมกี ารเปลยี่ นแปลงของสังคมโลกทัง้ ดา้ นเศรษฐกจิ และสังคมตลอดจนความก้าวหน้าทางด้าน เทคโนโลยีส่อื สารและกอ่ ให้เกดิ ข่าวสาร ข้อมูล ความรูใ้ หม่ๆ เกดิ ขึน้ มาอยา่ งมากมาย และ ต่อเน่ือง ทำให้บุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ให้เข้ากับยุค สมัยอยู่เสมอ ครูอาจารย์ไม่สามารถที่ถ่ายทอดความรู้ให้ผู้เรียนได้ทั้งหมด การเรียนการสอนใน ศตวรรษที่ 21 นั้นได้คำนึงถึงสถานการณ์โลกที่มีความแตกต่างจากศตวรรษที่ 20 และ 19 ระบบ การศกึ ษาต้องมีการพัฒนาเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะความเป็นจริงในประเทศสหรัฐอเมริกาแนวคิด เรื่อง \"ทักษะแห่งอนาคตใหม่ การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยภาคส่วนที่เกิดจาก วงการนอกการศึกษา ประกอบด้วย บริษัทเอกชนชั้นนําขนาดใหญ่ เช่น บริษัทแอปเป้ิล บริษัทไม โครซอฟ บริษัทวอล์ดิสนีย์ องค์กรวิชาชีพระดับประเทศ และสำนักงานด้านการศึกษาของรัฐ รวมตัว และ ก่อตั้งเป็นเครือข่ายองค์กรความร่วมมือเพื่อทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
(Partnership for 21* Century Skills) หรือเรียกย่อๆ ว่าเครือข่าย P21 (กระทรวงศึกษาธิการ, 2558) จากการท่ีไดไ้ ปฝกึ สอนในโรงเรยี นบ้านหลกุ 1 ภาคเรียนทำใหไ้ ด้ทราบถึงปญั หาในช้ันเรียน ที่ได้พบเจอ มีหลายปัญหาคือ 1. ผู้เรียนส่งงานช้า 2. ผู้เรียนไม่สนใจการเรียนสนใจในสื่อบันเทิง มากกว่า 3. ปัญหาผู้เรียนไม่เข้าเรียน และ 4. ปัญหาการเปิดปิดภาคเรียนไม่เป็นเวลาเนื่องจาก สถานการณ์โควิด 19 ในแต่ละช่วงทำให้โรงเรียนต้องปิดและผู้เรยี นเรียนได้ไม่อย่างเต็มท่ีทำให้การ เรยี นการสอนในโรงเรียนเกิดการเรียนที่ไม่ทันและทำให้ผเู้ รียนไม่เขา้ ใจเนื้อหาและเรยี นไม่ทันส่งผล ให้ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนต่ำ ดงั น้ันปัญหาที่สำคัญท่สี ำคัญทีส่ ุดคือ ปัญหาการเปิดปิด ภาคเรียนไม่เป็นเวลาเนื่องจากสถานการณ์โควิด 19 ในแต่ละช่วงทำให้โรงเรียนต้องปิดและผ้เู รียน เรียนได้ไม่อย่างเต็มที่ทำให้การเรียนการสอนในโรงเรียนเกิดการเรียนที่ไม่ทันและทำให้ ผู้เรียนไม่ เข้าใจเนื้อหาและเรียนไม่ทันส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนต่ำ เพราะการเปิดปิด โรงเรียนเนื่องจากการระบาดของโควิด 19 ทำให้เกิดการเรียนที่ไม่ทันตามเนื้อ จึงส่งผลให้ผล สมั ฤทธท์ิ างการเรียนร้ขู องผู้เรยี นตำ่ และไมเ่ ขา้ ใจในเน้อื หาอยา่ งครบถว้ นสมบรู ณ์ ปญั หาท่ีกลา่ วมา จึงทำใหผ้ วู้ ิจัยไดเ้ ล็งเห็นถึงปัญหาการเรียนการสอนที่ไม่ทันของนักเรียน จงึ ทำให้เกิดการแก้ปัญหา โดยการสร้างการเรียนรู้แบบ ห้องเรียนกลับด้านและสร้างสื่อนวัตกรรมนวัตกรรมที่มาช่วยทำให้ ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างทั่วถึงและเข้าใจในเนื้อหาได้อย่างถ่องแท้ ช่วยให้ทั้งครูและนักเรียน และจะทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผุ้เรียนสูงขึ้นมากกว่าเดิมโดย (กรวรรณ สืบสม และ นพรัตน์ หมีพลดั , 2560 ) ไดท้ ำการศึกษาเรื่องการพฒั นาการจดั กิจกรรมการเรียนรู้แบบห้องเรียน กลบั ดา้ น (Flipped classroom) ดว้ ยการบูรณาการการเรยี นการสอนรายวิชาเทคโนโลยีมัลติมีเดีย ผ่าน Google Classroom การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบห้องเรียนกลับด้าน (Flipped classroom) ผ่านห้องเรียนออนไลน์Google classroom 2) เพื่อหาประสิทธิภาพของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน 3) เพ่ือ เปรียบเทยี บผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนของผู้เรยี นท่เี รียนจากการจัดกิจกรรมการเรียนรแู้ บบห้องเรียน กลับด้านผ่าน Google classroom และ 4) เพื่อประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการจัด กิจกรรมห้องเรียนกลับด้าน โดยกลุ่มตวั อย่างในครั้งนี้คือ นักศึกษาสาขาวิชาคอมพิวเตอรศ์ กึ ษาช้ัน ปีที่ 4 คณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรธี รรมราช จำนวน 36 คน โดยใช้การสุ่มอย่างง่าย แบบวิธีการจับสลากจากนักศึกษาจำนวน 72 คน และเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน รายวิชาเทคโนโลยีมัลติมีเดีย แบบทดสอบเพื่อวัด ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ แบบประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้แบบห้องเรียนกลบั ดา้ น และห้องเรียนออนไลน์ Google classroom และผลการวิจัยในครั้ง
นี้พบว่า ผลการหาประสิทธิภาพของสื่อที่พัฒนาจากแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบห้องเรียน กลับด้านมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .90 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่มีความเชื่อมั่นสูง และจากการวิเคราะห์ ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นของผเู้ รียนระหวา่ งเรยี นและหลังเรียนแตกต่างกนั อย่างมนี ัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ 0.05 และผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้านใน ระดับมาก เพราะผู้เรียนสามารถรังสรรค์ชิ้นงานผ่านวิธีการเรียนรู้แบบโครงการ รวมทั้งสามารถ พูดคุยหรือสอบถามครูผู้สอนไดเ้ มื่อมีปัญหาในการเรียน (นางสาวพราวเพ็ญธรรม เรืองศร , 2560) ได้ทำการศึกษาเรือ่ งการพฒั นากจิ กรรมการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลบั ดา้ นผา่ นส่ือออนไลน์ท่ี ส่งผลต่อการนำตนเอง ของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย วิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยีการ วิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนแบบห้องเรยี นกลับด้านผา่ น สื่อออนไลน์ที่ส่งผลต่อการนำตนเอง ของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย วิชาการงานอาชีพและ เทคโนโลยี 2) เพื่อศึกษาผลการเรียนรู้ของนักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนการสอนแบบ ห้องเรียนกลับด้านผ่านสื่อออนไลน์ ที่ส่งผลต่อการนำตนเอง 3) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถใน การเรียนรู้แบบนำตนเองก่อนเรียนและ หลังเรียน ของนักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนการ สอนแบบห้องเรียนกลับด้านผ่านสื่อออนไลน์ 4) เพื่อศึกษาความคิดเห็น ของนักเรียนที่เรียนด้วย กิจกรรมการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านผ่านสื่อออนไลน์ที่ส่งผลต่อการนำตนเอง กลุ่ม ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคร้ังน้ี เปน็ นกั เรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรยี นยอแซฟอุปถัมภ์สามพราน 1 ห้องเรียน จำนวน 34 คน ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 ได้มาจากการสมุ่ อยา่ งงา่ ย (Simple random sampling) เครื่องมอื ทใี่ ช้ในการวิจัยประกอบดว้ ย 1) แบบสัมภาษณ์ แบบมโี ครงสร้างสำหรับผเู้ ชี่ยวชาญ 2)แผนการจดั การเรียนการสอนแบบห้องเรยี นกลับด้านผ่านส่ือ ออนไลน์เรื่องการอาชีพ 3) สื่อออนไลน์สำหรับใช้ในการจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้านท่ี ส่งผลต่อการนำตนเองเรื่องการอาชีพ 4) แบบวัดความสามารถในการเรียนรู้แบบนำตนเอง 5) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 6) แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการ เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านผ่านสื่อออนไลน์การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบค่าที(t-test) dependentผลการวิจัย พบว่า 1) ผลการพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับดา้ นผา่ นสือ่ ออนไลน์ที่ส่งผล ต่อการนำตนเองของนักเรียนมธั ยมศึกษาตอนปลายวชิ าการงานอาชีพและเทคโนโลยีพบว่า ผลการ ประเมินอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.43 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.46 2) ผลการศึกษาการเรียนรู้ของนักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรม การเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับ ด้านผ่านสื่อออนไลน์ที่ส่งผลต่อการนำตนเองมีคะแนนผล สัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยเฉลี่ยอยู่ใน ระดับดีมาก ร้อยละ 88.65 3) ผลการศึกษาความสามารถในการเรียนรูแ้ บบนำตนเองของนกั เรียน
ทเ่ี รียนด้วยกิจกรรมการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านผ่านส่ือออนไลนห์ ลังเรยี นสูงกว่าก่อน เรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05 4) ผลการศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่เรียนด้วย กิจกรรมการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านผ่านสื่อออนไลน์ที่ส่งผลต่อการนำตนเองของ นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายวิชาการ งานอาชีพ และเทคโนโลยีอยู่ในระดับ ดีมาก มีค่าเฉลี่ย เทา่ กบั 4.5 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากบั 0.6 ดังนั้นผู้วิจัยต้องการศึกษาว่า การจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้านจะช่วย ยกระดับ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาวิทยาการคำนวณ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้าน หลกุ ให้สูงขึ้น 5. แนวทางการแก้ไข ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เกิดการเรยี นรู้ที่ดี จึงทำให้เกิดการเรยี นการสอนที่หลากหลายเพื่อให้ผูเ้ รยี นเข้าใจและสนใจในการเรียนการสอนมาก ยิง่ ขน้ึ โดยผู้วจิ ัยไดใ้ ห้ผเู้ รียนไปศึกษาเน้ือหามาก่อนในช่วงที่ปิดการเรยี นการสอนโดยใหผ้ ู้เรียนศึกษา ด้วยตนเองตามเว็บไซต์ หรือสื่อ Social media ต่างๆ โดยมีผู้ปกครองและผู้วิจัยคอยติดตามและ ให้คำชี้แนะในการเรียนรู้ และเมื่อเปิดการเรียนการสอนในโรงเรียนปกติก็ทำการเสริมความรู้และ สอนนักเรียนใหเ้ ข้าใจในเนื้อหาท่ีเรยี นได้อยา่ งถ่องแท้เพือ่ ลดเวลาในการเรียนการสอนท่ีไมท่ ันและ ยงั ชว่ ยให้ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนของผ้เู รยี นสูงขึ้นได้อีกด้วย 6. วตั ถุประสงค์ของการวิจยั 1. เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนกั เรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรยี นบา้ นหลุก ดว้ ยเทคนิควธิ กี ารเรียนการสอนแบบหอ้ งเรยี นกลับด้าน 7. วิธกี ารดำเนนิ การวจิ ยั 1. ขอบเขต ตวั แปรต้น ไดแ้ ก่ เทคนคิ วิธกี ารสอนแบบหอ้ งเรยี นกลับดา้ น ตวั แปรตาม ได้แก่ 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาวิทยาการคำนวณ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรยี นบ้านหลุก 2. ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง 1.1 ประชากร ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านหลุก จำนวน 17 คน ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
1.2 ระยะเวลาทใ่ี ชใ้ นการทำวิจัย 1 ภาคเรียน ปีการศกึ ษา 2564 3. เครอื่ งมือในการทำวจิ ยั 1. แผนการจดั การเรยี นรู้ สำหรับนกั เรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 จำนวน 2 แผนการเรยี นรู้ 2. แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์หิ ลังเรียน 4. การเกบ็ รวบรวมข้อมูล 1. ผวู้ ิจัยได้ทำความเขา้ ใจกบั นกั เรยี นเกีย่ วกับการเรยี นการสอน 2. ผู้วจิ ยั ใหผ้ ู้เรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรียนจำนวน 20 ขอ้ เวลา 30 นาที 3. ผวู้ จิ ัยดำเนินกจิ กรรมการเรยี นการสอน 4. เมื่อเสร็จส้ินกจิ กรรมผูว้ จิ ัยให้ผู้เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี นจำนวน 20 ข้อ 5. นำคะแนนที่ได้จากการทำแบบทดสอบก่อนเรียนและลังเรียนมาวิเคราะห์หาค่าและแปร ผลพร้อมบรรยายสรุปผล 5. การวเิ คราะห์ข้อมูล การประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนหลังจากการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้า น โดยเทยี บผลจากการทำแบบทดสอบหลังเรียนเมอ่ื เทียบกบั ก่อนเรยี น การวิเคราะห์ข้อมูลในการวจิ ัย การวิเคราะห์ขอ้ มูลการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกอ่ น เรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีการเรียนการสอนแบบห้องเรียน กลบั ด้าน แลว้ นำมาวเิ คราะห์หาข้อมูลสถิติพ้นื ฐานคอื ค่าเฉลี่ย (x̅) และร้อยละ (percentage) โดยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา (Content Analysis) แล้วนำมาเสนอแบบความเรียงละพรรณนา วิเคราะห์ 8. ผลการวจิ ัย ตารางที่ 1 ผลการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นก่อนเรียนและหลังเรยี นท่ีเรียนแบบห้อเรยี น กลับดา้ น ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 6 โรงเรยี นบา้ นหลุก คนท่ี คะแนนกอ่ นเรยี น คะแนนหลงั เรียน หมายเหตุ (10 คะแนน) (10 คะแนน) 14 8 25 9 36 9
ตาราง(ต่อ) คะแนนกอ่ นเรียน คะแนนหลงั เรียน หมายเหตุ (10 คะแนน) (10 คะแนน) คนท่ี 4 8 6 10 4 5 9 5 4 8 6 4 8 7 7 10 8 5 8 9 3 8 10 5 8 11 3 9 12 5 8 13 6 9 14 4 8 15 4 8 16 4.73 8.52 17 47.33 85.29 คา่ เฉลย่ี รอ้ ยละ ตารางที่ 1 พบว่า นักเรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 ที่เรียนแบบห้องเรียนกลับด้านคะแนนก่อนเรียน ของผู้เรยี นมคี ่าเฉลยี่ เท่ากับ 4.73 คดิ เป็นร้อยละ 47.33 และคะแนนหลงั เรยี นของผูเ้ รยี นมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 8.52 คิดเป็นร้อยละ 85.29 แสดงว่าผู้เรียนมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อน เรียน 9. สรุปและสะท้อนความคิดเชงิ วิชาชีพ งานวิจัยเรื่อง ยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาวิทยาการคำนวณสำหรับนักเรียน ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรยี นบา้ นหลุก อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ดว้ ยเทคนิควิธีการสอนแบบห้องเรียน กลับด้าน มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านหลุก ด้วยเทคนิควิธีการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับดา้ น กลุ่มเป้าหมายคือนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 17 คน ซึ่งทำการวิจัย 1 ภาคเรียน ปีการศึกษา 2564 เครื่องมือที่ใช้ ประกอบไปด้าย 1) แผนการจัดการเรียนรู้ 2)แบบทดสอบวัด
ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนรู้ก่อนเรียนและหลังเรียน แบบปรนัย 4 ตัวเลอื ก จำนวน 20 ขอ้ โดยผู้วิจัย ได้ทำการทดสอบผู้เรยี นก่อนและหลังจากน้ันให้ผ้เู รียนไปศกึ ษาความรู้ตาม Social media และส่ือ ต่างๆ แล้วครูมาสอนอีกครั้งในห้องเรียนเมื่อผู้เรียนได้เรียนจนครบตามเนื้อหาแล้ว ผู้เรียนทำการ ทดสอบแบบทดสอบหลังเรียน จากการศึกษาและการใชเ้ ทคนคิ วิธกี ารเรยี นการสอนแบบห้องเรียนกลบั ด้าน ปรากฏผลได้ ดังนี้ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนด้วยเทคนิควิธีการสอนแบบห้องเรียนกลับด้าน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนเพราะผู้ วิจัยได้สร้างการเรียนรู้โดยเน้นให้ ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองโดยมีครูคอยเป็นที่ปรึกษาหรือคนที่คอยให้คำชี้แนะให้ถูกต้องเพื่อให้ นักเรียนได้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ได้มากที่สุดซึ่งงานวิจัยนี้สอดคล้องกับงานวิจัยของ (นางสาวพราวเพ็ญธรรม เรืองศร, 2560) ได้ทำการศกึ ษาเรอื่ งการพัฒนากจิ กรรมการเรยี นการสอน แบบห้องเรียนกลับด้านผ่านสื่อออนไลน์ที่ส่งผลต่อการนำตนเอง ของนักเรียนมัธยมศึกษาตอน ปลาย วิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยีการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนากิจกรรม การเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านผ่านสื่อออนไลน์ที่ส่งผลต่อการนำตนเอง ของนักเรียน มัธยมศึกษาตอนปลาย วิชาการงานอาชีพและ เทคโนโลยี 2) เพอื่ ศกึ ษาผลการเรียนร้ขู องนักเรียนที่ เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านผ่านสื่อออนไลน์ ที่ส่งผลต่อการน ำ ตนเอง 3) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการเรียนรู้แบบนำตนเองก่อนเรียนและ หลังเรียน ของนักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านผ่านสื่อออนไลน์ 4) เพื่อศึกษาความคิดเห็น ของนักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับ ด้านผ่านสื่อออนไลน์ที่ส่งผลต่อการนำตนเอง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้น มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 โรงเรียนยอแซฟอปุ ถมั ภ์สามพราน 1 หอ้ งเรียน จำนวน 34 คน ท่กี ำลังศึกษาอยู่ ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 ได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย (Simple random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างสำหรับผู้เชี่ยวชาญ 2) แผนการจัดการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านผ่านสื่อออนไลน์เรื่องการอาชีพ 3) สื่อออนไลน์สำหรับใช้ในการจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้านที่ส่งผลต่อการนำตนเองเรื่อง การอาชีพ 4) แบบวัดความสามารถในการเรียนรู้แบบนำตนเอง 5) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียน 6) แบบสอบถามความคดิ เหน็ ของนักเรียนท่ีมีต่อ การเรยี นด้วยกิจกรรมการเรียนการ สอนแบบหอ้ งเรียนกลบั ด้านผ่านส่ือออนไลน์การวิเคราะห์ขอ้ มูลใช้ค่าเฉลย่ี ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบค่าที(t-test) dependentผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการพัฒนากิจกรรมการ เรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านผ่านสื่อออนไลน์ที่ส่งผลต่อการนำตนเองของนักเรียน มัธยมศึกษาตอนปลายวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยีพบว่า ผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก
มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.43 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.46 2) ผลการศึกษาการเรียนรู้ของ นักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรม การเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านผ่านสื่อออนไลน์ที่ส่งผลตอ่ การนำตนเองมีคะแนนผล สัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับดีมาก ร้อยละ 88.65 3) ผลการศึกษาความสามารถในการเรียนรู้แบบนำตนเองของนักเรียน ที่เรียนด้วยกิจกรรมการ เรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านผ่านสื่อออนไลน์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส ำคัญ ทางสถิติที่ระดับ.05 4) ผลการศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่เรียนด้วย กิจกรรมการเรียน การสอนแบบห้องเรียนกลับด้านผ่านสื่อออนไลน์ที่ส่งผลต่อการนำตนเองของนักเรียนมัธยมศึกษา ตอนปลายวิชาการ งานอาชีพและเทคโนโลยีอยู่ในระดับ ดีมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.5 และส่วน เบย่ี งเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.6
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: