Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การเปิดหลักสูตร ราชกิจจา

การเปิดหลักสูตร ราชกิจจา

Published by nattaponpechtong, 2021-08-09 07:10:53

Description: การเปิดหลักสูตร ราชกิจจา

Search

Read the Text Version

เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๕๖ ง หน้า ๑๒ ๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ราชกจิ จานเุ บกษา ประกาศกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เรอื่ ง มาตรฐานคณุ วฒุ ริ ะดบั ปรญิ ญาตรี สาขาครศุ าสตรแ์ ละสาขาศกึ ษาศาสตร์ (หลักสตู รสีป่ ี) พ.ศ. 2562 ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ กาหนดให้จัดทามาตรฐานคุณวฒุ ิสาขาหรือสาขาวิชาเพื่อใหส้ ถาบันอุดมศกึ ษานาไปจัดทา หลักสตู รหรอื ปรับปรงุ หลักสตู รและจัดการเรียนการสอนเพื่อใหค้ ุณภาพของบัณฑติ ในสาขาหรอื สาขาวิชา ของแต่ละระดับคุณวุฒิมีมาตรฐานใกล้เคียงกัน จึงจาเป็นต้องกาหนดมาตรฐานคุณวุฒริ ะดับปรญิ ญาตรี สาขาครุศาสตร์และสาขาศึกษาศาสตร์ (หลักสูตรส่ีปี) ให้สอดคล้องกับกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดบั อดุ มศกึ ษาดงั กลา่ ว อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๘ และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ บรหิ ารราชการกระทรวงศกึ ษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร โดยคาแนะนาของ คณะกรรมการการอดุ มศึกษา ในการประชมุ ครัง้ ท่ี 2/๒๕6๒ เม่อื วันที่ 13 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕6๒ จงึ ออกประกาศไว้ ดงั ต่อไปน้ี ขอ้ ๑ การจัดการศึกษาหลักสูตรระดับปริญญาตรี สาขาครุศาสตร์และสาขาศึกษาศาสตร์ (หลักสูตรสี่ปี) ต้องมีมาตรฐานไม่ต่ากว่า “มาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรี สาขาครุศาสตร์และ สาขาศกึ ษาศาสตร์ (หลักสตู รสป่ี )ี พ.ศ. 2562” ข้อ ๒ การจัดทาหลักสูตรหรือปรับปรุงหลักสูตรระดับปริญญาตรี สาขาครุศาสตร์และ สาขาศึกษาศาสตร์ (หลักสูตรสี่ปี) ต้องมุ่งให้เกิดมาตรฐานผลการเรียนรู้ของบัณฑิต โดยมีหลักสูตร การจดั การเรยี นการสอนและองคป์ ระกอบอื่น ๆ ตามมาตรฐานคณุ วฒุ ริ ะดับปรญิ ญาตรี สาขาครุศาสตร์ และสาขาศกึ ษาศาสตร์ (หลกั สตู รส่ปี )ี พ.ศ. 2562 ท่แี นบทา้ ยประกาศน้ี ข้อ ๓ ในกรณีท่ีไม่สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ข้างต้นได้ หรือมีความจาเป็นต้องปฏิบัติ นอกเหนือจากทกี่ าหนดไวใ้ นประกาศน้ี ใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินจิ ของคณะกรรมการการอุดมศกึ ษาท่จี ะพิจารณา และให้ถอื คาวนิ จิ ฉยั ของคณะกรรมการการอดุ มศึกษานัน้ เป็นทสี่ ุด ประกาศ ณ วนั ที่ 26 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๖2 ธรี ะเกยี รติ เจรญิ เศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร

มาตรฐานคณุ วฒุ ิระดับปรญิ ญาตรี สาขาครศุ าสตร์และสาขาศกึ ษาศาสตร์ (หลักสตู รสีป่ ี) พ.ศ. ๒๕๖๒ เอกสารแนบท้าย ประกาศกระทรวงศึกษาธกิ าร เร่อื ง มาตรฐานคุณวฒุ ิระดับปริญญาตรี สาขาครุศาสตร์และสาขาศึกษาศาสตร์ (หลกั สตู รสป่ี ี) พ.ศ. ๒๕๖๒

มคอ.๑ มาตรฐานคณุ วฒุ ริ ะดับปริญญาตรี สาขาครศุ าสตร์และสาขาศกึ ษาศาสตร์ (หลกั สูตรส่ีป)ี ๑. ชื่อสาขา สาขาครศุ าสตรแ์ ละสาขาศกึ ษาศาสตร์ สาขาครุศาสตร์และสาขาศึกษาศาสตร์ มีหลายกลุ่มสาขาวิชา ซึ่งแต่ละกลุ่มสาขาวิชายังมีสาขาวิชา (วิชาเอก วิชาโท) อกี หลายสาขาวิชามากน้อยเป็นไปตามขอบข่ายของศาสตรแ์ ต่ละกลุ่มสาขาวิชาและหลักสูตร การศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับการศึกษาอาชีวศึกษารวมถึงการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย ซึ่งสถาบันการศึกษาสามารถจัดทารายละเอียดหลักสูตรและมาตรฐานผลการเรียนรู้ ตลอดจน จัดการศึกษาเป็นสาขาวิชา (วิชาเอก วิชาโท) ได้อย่างอิสระ สอดคล้องกับมาตรฐานผลการเรียนรู้ท่ีกาหนดไว้ ใน มคอ.๑ ตามบรบิ ทและศกั ยภาพของสถาบนั กลุ่มสาขาวชิ าต่างๆ มีดงั ตอ่ ไปนี้ ๑.๑ กลุ่มสาขาวิชาการศึกษาปฐมวยั ๑.๒ กลุ่มสาขาวชิ าการประถมศกึ ษา ๑.๓ กลมุ่ สาขาวชิ าภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ ๑.๔ กลุ่มสาขาวิชาคณิตศาสตร์ ๑.๕ กลุ่มสาขาวชิ าวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๑.๖ กลมุ่ สาขาวชิ าสังคมศกึ ษา ๑.๗ กลุ่มสาขาวชิ าสุขศกึ ษา พลศกึ ษา และนนั ทนาการ ๑.๘ กลมุ่ สาขาวชิ าศิลปศกึ ษา ดนตรีศกึ ษาและนาฏศลิ ป์ศกึ ษา ๑.๙ กล่มุ สาขาวชิ าจิตวิทยาการศึกษาและการแนะแนว ๑.๑๐ กลุ่มสาขาวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศกึ ษา ๑.๑๑ กล่มุ สาขาวชิ าการวัดและประเมนิ ทางการศึกษา ๑.๑๒ กล่มุ สาขาวิชาการศึกษาพเิ ศษ ๑.๑๓ กลุ่มสาขาวชิ าการศึกษาตลอดชีวติ และการศกึ ษาเพ่ือชุมชน ๑.๑๔ กลมุ่ สาขาวิชาบรรณารกั ษศาสตร์และสารสนเทศศกึ ษา ๑.๑๕ กล่มุ สาขาวชิ าวิทยาการอาชพี ๑.๑๖ กล่มุ สาขาวิชาทางการศกึ ษาอื่นๆ ที่อาจมีการจดั ทามาตรฐานคุณวุฒิวิชาเอกอนื่ ๆ เพิม่ เติมในอนาคต รายละเอียด กลุ่มสาขาวิชา ตวั อย่างสาขาวิชาและตวั อย่าง/ขอ้ เสนอสาระความรู้สาขาวชิ า ดูทเ่ี อกสารแนบท้าย มคอ.๑ สาขาครศุ าสตรแ์ ละสาขาศึกษาศาสตร์ ๒. ช่ือปรญิ ญาและวชิ าเอก การระบุช่ือปริญญาให้เป็นไปตาม \"ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง หลักเกณฑ์การกาหนดช่ือปริญญา พ.ศ. ๒๕๕๙ ข้อ ๓ สถาบันอุดมศึกษาท่ีมีการตราพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อ สาหรับสาขาวิชาไว้แล้ว ให้ใช้ชื่อปริญญาตามที่กาหนดในพระราชกฤษฎีกาน้ัน ในกรณีที่ปริญญาใดยังมิได้ กาหนดช่ือไว้ในพระราชกฤษฎีกาหรือสถาบันอุดมศึกษาใดไม่มีการตราพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญา ในสาขาวิชาและอกั ษรยอ่ สาหรบั สาขาวชิ าให้ใชช้ อื่ ปริญญาตามหลักเกณฑก์ ารกาหนดช่อื ปรญิ ญา พ.ศ. ๒๕๕๙ ๑

มคอ.๑ ๓. ลกั ษณะของสาขา สาขาครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยการเตรียมความพร้อมและพัฒนาครูและบุคลากร ทางการศึกษาก่อนประจาการและส่งเสริมการพัฒนาครูประจาการและนอกประจาการให้มีความรู้และมี สมรรถนะทางวชิ าชีพ เป็นผู้ยึดมั่นในค่านิยม อดุ มการณ์ มีจิตวิญญาณความเป็นครู และสมรรถนะทางวิชาชีพครู ประกอบกบั รัฐได้กาหนดยทุ ธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี โดยเน้นเป้าหมายการสร้างกาลังคนท่ีมีคุณภาพ เป็นคนเก่ง และคนดี มีขีดความสามารถในการแข่งขันและความสามารถในการสร้างนวัตกรรม การปรับปรุงพัฒนา หลักสูตรสาขาครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ ในเอกสารฉบับน้ี จึงมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพการผลิ ตบัณฑิตครู ให้เป็นวิชาชีพช้ันสูงมีบทบาทในการสร้างครูท่ีมีคุณภาพท่ีนาไปสู่การสร้างกาลังคนท่ีมีคุณภาพและตอบสนอง ยทุ ธศาสตร์ชาติ ด้วยการเปล่ียนแปลงของโลกที่เป็นพลวัต และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัลซ่ึงกระทบ ต่อการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ ของมนุษย์ ตลอดจนพัฒนาการของวทิ ยาการใหม่ท่ีเป็นศาสตร์บูรณาการ และ ข้ามวัฒนธรรม เป้าหมายของการปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์คร้ังนี้จึงมุ่งเน้นท่ีการสร้าง หลกั สูตรให้มคี วามทันสมยั ตอบสนองยทุ ธศาสตร์การพัฒนาประเทศ และการเรียนรใู้ นโลกดิจิทัล ลักษณะของ หลักสูตรครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ (มคอ. ๑) ฉบับน้ี จึงจัดทาข้ึนโดยอิงงานวิจัยในอดีตท่ีพบว่ามีความซ้าซ้อน ของโครงสร้างรายวิชา รวมท้ังอิงงานวิจัยจากบทเรียนการผลิตครูของประเทศต่างๆ ในสากลท่ีมีความก้าวหน้า ในการผลิตบัณฑิตวิชาชีพครู ตลอดจนการระดมความคิดและประสบการณ์ของผู้เก่ียวข้องในการพัฒนา คุณภาพการศึกษาของประเทศ การจัดทาหลักสูตรวิชาชีพครู (มคอ. ๑) น้ีอยู่ภายใต้หลักการสาคัญหลายประการ ได้แก่ ๑) แนวคิดของการจัดทาหลักสูตรวิชาชีพครูเป็นหลักสูตรบูรณาการ และเป็นหลักสูตรอิงสมรรถนะ มากกว่าหลักสูตรอิงเน้ือหา เน้นสมรรถนะการเรียนรู้ด้วยตนเอง และการวิจัยเพื่อพัฒนานวัตกรรมการพัฒนา ผู้เรียน ๒) การกาหนดโครงสร้างหลักสูตรมีความยืดหยุ่น และตอบสนองความต้องการของการใช้ครูในโลก ปัจจุบันและอนาคต รวมท้ังความต้องการของผู้เรียน ๓) การกาหนดโครงสร้างหลักสูตร ได้ให้สถาบันผลิตครู มีอิสระในการสร้างหลักสูตรผลิตครูที่เหมาะสมกับอัตลักษณ์และสภาพบริบทเชิงพ้ืนที่ของสถานศึกษา โดยยึดผลลัพธ์การเรียนรู้ซ่ึงกาหนดข้ึนสาหรับแต่ละกลุ่มสาขาเป็นเป้าหมายร่วม ตลอดจนกาหนดโครงสร้าง หลักสูตรให้มีความยืดหยุ่นและสะท้อนอัตลักษณ์ของผู้เรียน ๔) การส่งเสริมการจัดทาหลักสูตรรายวิชา ที่ทันสมัยตามสากล มีการจัดการเรียนการสอนที่ใช้ส่ือเทคโนโลยีซึ่งสอดคล้องกับการเรียนรู้ในโลกดิจิทัล ๕) การส่งเสริมการบริหารจัดการหลักสูตร การเรียนการสอน การปฏิบัติการสอนท่ีทาให้ผู้เรียนมีสมรรถนะ ทางวชิ าชีพครู มจี ิตวิญญาณและอุดมการณ์ความเป็นครู และคุณสมบัตทิ ี่สอดคล้องกับมาตรฐานวิชาชพี ครู และ ๖) การส่งเสริมการวางระบบการประกันคุณภาพหลักสูตรที่เข้มข้นเพื่อให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะตามเป้าหมาย ของหลักสตู ร ๔. คณุ ลกั ษณะบณั ฑิตทพี่ ึงประสงค์ ๔.๑ มีค่านิยมร่วม ตระหนักและยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการทางานของครู การพัฒนาความรู้สึก ถงึ ตวั ตนความเปน็ ครูและมีเจตคติตอ่ วชิ าชีพครูท่เี ข้มแขง็ มีจิตบริการตอ่ วชิ าชพี ครูและชมุ ชน ๔.๒ เป็นคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม ยึดมั่นในวิชาชีพครู มีจิตวิญญาณครูและยึดมั่นใน จรรยาบรรณของวิชาชีพครู ปฏิบัติหน้าที่ตามอุดมการณ์ความเป็นครูด้วยความรัก ศรัทธา ซื่อสัตย์สุจริต รับผิดชอบต่อวิชาชีพ อุทิศตนและทุ่มเทในการเอาใจใส่ สรา้ งแรงบันดาลใจ พัฒนาการเรียนรู้และผลประโยชน์ สูงสดุ แกผ่ เู้ รยี น มคี วามพอเพยี งและประพฤตติ นเปน็ แบบอย่างที่ดที ้ังทางด้านวชิ าการและวิชาชพี ๒

มคอ.๑ ๔.๓ เปน็ ผู้เรยี นรู้และฉลาดรู้ และมปี ัญญา เปน็ ผู้มีความรู้ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ การคิดขน้ั สูง มีความรอบรู้ด้านการเงิน สุขภาพ สุนทรียภาพ วัฒนธรรม รู้เท่าทันการเปล่ียนแปลงของสังคมและของโลก การสร้างสัมมาชพี และความมั่นคงในคุณภาพชีวติ ของตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม มีความเพียร มุ่งมั่น มานะ บากบ่ัน ใฝ่เรียนรู้ มีทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต และพัฒนาตนเองให้เป็นบุคคลที่เรียนรูแ้ ละรอบรู้ ทันสมัย ทนั ตอ่ การเปล่ียนแปลงตลอดเวลา ๔.๔ เป็นผู้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรม เป็นผู้มีทักษะศตวรรษที่ ๒๑ มีความสามารถคิดวิเคราะห์ การคิดข้ันสูง มีความฉลาดดิจิทัล ทักษะการทางานเป็นทีม มีทักษะข้ามวัฒนธรรม รู้เท่าทันสื่อ เทคโนโลยี สารสนเทศสมัยใหม่ การเปลี่ยนแปลงของสังคมและของโลก มีส่วนร่วมในการพัฒนาความก้าวหน้าให้กับวิชาชีพครู สามารถแสวงหาความรู้ พัฒนาความรู้ งานวิจยั และสร้างนวตั กรรม เพ่ือพัฒนา ตนเองผู้เรียนให้เต็มตามศักยภาพ ตามความแตกต่างระหว่างบคุ คล ๔.๕ เป็นผู้มีความสามารถสูงในการจัดการเรียนรู้ เป็นผู้มีความสามารถในการจัดเนื้อหาสาระ ออกแบบกิจกรรม วางแผนและจัดการเรียนรู้ ถ่ายทอดความรู้ สร้างแรงบันดาลใจและส่งเสริมให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้และมีความสุขในการเรียน โดยใช้ศาสตร์การสอน รวมถึงวิธีการใช้เทคนิค วิธีการจัดการเรียนรู้ กจิ กรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย ส่ือ แหลง่ เรยี นรู้ ชุมชน ภูมิปัญญาในชุมชนที่เหมาะสมกับสาระวิชาและผู้เรียน ท่ีมีความแตกต่างกัน สามารถบูรณาการความรู้ข้ามศาสตร์ ข้ามวฒั นธรรม และการวิจัย สามารถนามาประยุกต์ใช้ ในการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการศาสตร์การสอน ความรู้ เน้ือหาสาระ และเทคโนโลยี (TPCK) เพ่ือพัฒนา การเรียนรู้ของผู้เรยี น ตลอดจนนาไปใชใ้ นการ แกไ้ ขปญั หา พฒั นาตนเอง ผู้เรยี นและสงั คม ๔.๖ เป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง และใส่ใจสังคม มีความรักชาติ รักท้องถ่ิน มีจิตสานึกไทยและจิตสานึก สากล รูค้ ุณค่าและมสี ่วนร่วมในการพัฒนา อนุรกั ษส์ ิ่งแวดล้อม วฒั นธรรมและภูมิปัญญาไทยและทอ้ งถ่ิน มีจิตอาสา และดาเนนิ ชีวิตตามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย มีความยตุ ธิ รรมและมคี วามกลา้ หาญทางจรยิ ธรรม ยึดมนั่ ในความถูกต้อง รู้ถูก รู้ผิด รู้ชอบ ชั่ว ดี กล้าปฏิเสธและต่อต้านการกระทาท่ีไม่ถูกต้อง เคารพสิทธิ เสรีภาพ และศักด์ิศรี ความเปน็ มนุษย์ มจี ติ สานึกเปน็ พลเมืองไทยและพลเมืองโลก รวมทั้งมคี ุณลักษณะเป็นไปตามมาตรฐานวชิ าชีพครูตามท่คี ุรุสภากาหนด ๕. มาตรฐานผลการเรยี นรู้ ๕.๑ ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม ๕.๑.๑ รัก ศรัทธาและภูมิใจในวิชาชีพครู มีจิตวิญญาณและอุดมการณ์ความเป็นครู และปฏิบัติ ตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพครู ๕.๑.๒ มีจิตอาสา จิตสาธารณะ อดทนอดกลั้น มีความเสียสละ รับผิดชอบและซื่อสัตย์ ต่องานท่ีได้รับมอบหมายทั้งด้านวิชาการและวิชาชีพ และสามารถพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ประพฤติตน เป็นแบบอย่างทด่ี ีแก่ศษิ ย์ ครอบครัว สงั คมและประเทศชาติ และเสริมสรา้ งการพัฒนาทยี่ ่ังยนื ๕.๑.๓ มีค่านิยมและคุณลักษณะเป็นประชาธิปไตย คือ การเคารพสิทธิ และให้เกียรติคนอ่ืน มคี วามสามัคคแี ละทางานรว่ มกับผู้อื่นได้ ใช้เหตุผลและปัญญาในการดาเนนิ ชีวติ และการตัดสินใจ ๕.๑.๔ มีความกล้าหาญและแสดงออกทางคุณธรรมจริยธรรม สามารถวินิจฉัย จัดการและ คิดแก้ปัญหาทางคุณธรรมจริยธรรมด้วยความถูกต้องเหมาะสมกับสังคม การทางานและสภาพแวดล้อม โดยอาศยั หลกั การ เหตผุ ลและใช้ดลุ ยพินจิ ทางค่านิยม บรรทดั ฐานทางสังคม ความรสู้ กึ ของผ้อู ื่นและประโยชน์ ของสังคมส่วนรวม มีจิตสานึกในการธารงความโปร่งใสของสังคมและประเทศชาติ ต่อต้านการทุจริตคอรปั ช่ัน และความไมถ่ ูกตอ้ ง ไมใ่ ช้ขอ้ มูลบดิ เบือน หรอื การลอกเลยี นผลงาน ๓

มคอ.๑ ๕.๒ ด้านความรู้ ๕.๒.๑ มีความรอบรู้ในหลักการ แนวคิด ทฤษฎี เน้ือหาสาระด้านวิชาชีพของครู อาทิ คา่ นิยม ของครู คุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณ จิตวิญญาณครู ปรัชญาความเป็นครู จิตวิทยาสาหรับครู จิตวิทยา พัฒนาการ จิตวิทยาการเรียนรู้เพ่ือจัดการเรียนรู้และช่วยเหลือ แก้ไขปัญหา ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน หลักสูตรและวิทยาการการจัดการเรียนรู้ นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารการศึกษา และการเรียนรู้ การวัดประเมินการศึกษาและการเรียนรู้ การวิจัยและการพัฒนานวัตกรรมเพ่ือพัฒนาผู้เรียน และภาษาเพ่ือการสื่อสารสาหรับครู ทักษะการนิเทศและการสอนงาน ทักษะเทคโนโลยีและดิจิทัล ทักษะ การทางานวิจัยและวัดประเมิน ทักษะการร่วมมือสร้างสรรค์ และทักษะศตวรรษท่ี ๒๑ มีความรู้ ความเข้าใจ ในการบูรณาการความรู้กับการปฏิบัติจริงและการบูรณาการข้ามศาสตร์ อาทิ การบูรณาการการสอน (Technological Pedagogical Content Knowledge: TPCK) การสอนแบบบูรณาการความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี กระบวนการทางวิศวกรรมและคณิตศาสตร์ (Science Technology Engineering and Mathematics Education: STEM Education) ชุมชนแห่งการเรยี นรู้ (Professional Learning Community: PLC) และมี ความรู้ในการประยุกตใ์ ช้ ๕.๒.๒ มีความรอบรู้ในหลักการ แนวคิด ทฤษฎี เน้ือหาวิชาที่สอน สามารถวิเคราะห์ความรู้ และเน้ือหาวิชาท่ีสอนอย่างลึกซ้ึง สามารถติดตามความก้าวหน้าด้านวิทยาการและนาไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนา ผู้เรียน โดยมีผลลัพธ์การเรียนรู้และเน้ือหาสาระด้านมาตรฐานผลการเรียนรู้ด้านความรู้ของแต่ละสาขาวิชา ตามเอกสารแนบทา้ ย ๕.๒.๓ มีความรู้ เข้าใจชีวิต เข้าใจชุมชน เข้าใจโลกและการอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานความแตกต่าง ทางวัฒนธรรม สามารถเผชิญและเท่าทันกับการเปล่ียนแปลงของสังคม และสามารถนาแนวคิดปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใชใ้ นการดาเนินชวี ติ และพฒั นาตน พฒั นางานและพัฒนาผูเ้ รยี น ๕.๒.๔ มีความรู้และความสามารถในการใช้ภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพ่ือการสื่อสาร ตามมาตรฐาน ๕.๒.๕ ตระหนักรู้ เห็นคุณค่าและความสาคัญของศาสตร์พระราชาเพ่ือการพัฒนาท่ียง่ั ยนื และ นามาประยกุ ตใ์ ช้ในการพฒั นาตน พฒั นาผเู้ รยี น พัฒนางานและพฒั นาชมุ ชน ๕.๓ ด้านทกั ษะทางปัญญา ๕.๓.๑ คิด ค้นหา วิเคราะห์ข้อเท็จจริง และประเมินข้อมูล ส่ือ สารสนเทศจากแหล่งข้อมูล ที่หลากหลายอย่างรู้เท่าทัน เป็นพลเมืองตื่นรู้ มีสานึกสากล สามารถเผชิญและก้าวทันกับการเปล่ียนแปลง ในโลกยุคดิจิทัล เทคโนโลยีข้ามแพลทฟอร์ม (Platform) และโลกอนาคต นาไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงาน และวินจิ ฉัยแกป้ ัญหาและพฒั นางานได้อย่างสร้างสรรค์ โดยคานึงถึงความรู้ หลักการทางทฤษฎี ประสบการณ์ ภาคปฏบิ ัติ ค่านยิ ม แนวคิด นโยบายและยทุ ธศาสตรช์ าติ บรรทดั ฐานทางสังคมและผลกระทบทีอ่ าจเกิดข้ึน ๕.๓.๒ สามารถคิดริเรม่ิ และพฒั นางานอย่างสร้างสรรค์ ๕.๓.๓ สร้างและประยุกต์ใช้ความรู้จากการทาวิจัยและสร้างหรือร่วมสร้างนวัตกรรมเพื่อพัฒนา การเรียนรู้ของผู้เรียนและพัฒนาผู้เรียนให้เป็นผู้สร้างหรือร่วมสร้างนวัตกรรม รวมท้ังการถ่ายทอดความรู้ แกช่ ุมชนและสงั คม ๔

มคอ.๑ ๕.๔ ด้านทักษะความสมั พันธ์ระหวา่ งบุคคลและความรบั ผิดชอบ ๕.๔.๑ เข้าใจและใส่ใจอารมณ์ความรู้สึกของผู้อ่ืน มีความคิดเชิงบวก มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ และทางสังคม ๕.๔.๒ ทางานร่วมกับผู้อ่ืน ทางานเป็นทีม เป็นผู้นาและผู้ตามที่ดี มีสัมพันธภาพท่ีดีกับผู้เรียน ผู้รว่ มงาน ผปู้ กครองและคนในชุมชน มีความรบั ผิดชอบต่อสว่ นรวมท้งั ด้านเศรษฐกิจ สงั คมและสิง่ แวดลอ้ ม ๕.๔.๓ มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ต่อตนเอง ต่อผู้เรียน ต่อผู้ร่วมงาน และต่อส่วนรวม สามารถชว่ ยเหลอื และแกป้ ญั หาตนเอง กลุ่มและระหวา่ งกลุ่มไดอ้ ย่างสรา้ งสรรค์ ๕.๔.๔ มีภาวะผู้นาทางวิชาการและวิชาชีพ มีความเข้มแข็งและกล้าหาญทางจริยธรรม สามารถชน้ี าและถ่ายทอดความรู้แก่ผ้เู รียน สถานศึกษา ชมุ ชนและสังคมอย่างสร้างสรรค์ ๕.๕ ดา้ นทกั ษะการวิเคราะห์เชิงตวั เลข การส่อื สารและการใช้เทคโนโลยี ๕.๕.๑ มีทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติ การสังเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เพื่อเขา้ ใจองคค์ วามรู้ หรือประเด็นปญั หาทางการศกึ ษาไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ และถกู ต้อง ๕.๕.๒ สือ่ สารกับผเู้ รียน พ่อแม่ผู้ปกครอง บุคคลในชมุ ชนและสังคม และผู้เกยี่ วขอ้ งกลมุ่ ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยสามารถเลือกใช้การสื่อสารทางวาจา การเขียน หรอื การนาเสนอด้วยรปู แบบต่างๆ โดยใชเ้ ทคโนโลยีการสอ่ื สารหรอื นวัตกรรมตา่ งๆ ทเ่ี หมาะสม ๕.๕.๓ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการสืบค้นข้อมูลหรือความรู้จากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ สามารถใช้โปรแกรมสาเร็จรปู ท่จี าเป็นสาหรับการเรียนรู้ การจดั การเรียนรู้ การทางาน การประชุม การจัดการและสืบค้นข้อมูลและสารสนเทศ รับและส่งข้อมูลและสารสนเทศโดยใช้ดุลยพินิจท่ีดี ในการตรวจสอบความนา่ เชอ่ื ถอื ของข้อมูลและสารสนเทศ อกี ทงั้ ตระหนักถงึ การละเมิดลขิ สทิ ธิแ์ ละการลอกเลยี นผลงาน ๕.๖ ดา้ นวธิ วี ิทยาการจัดการเรียนรู้ ๕.๖.๑ สามารถเลือกใช้ปรัชญาตามความเช่ือในการสร้างหลักสูตรรายวิชา การออกแบบ เน้ือหาสาระ กิจกรรมการเรียนการสอน สื่อและเทคโนโลยีการสื่อสาร การวัดและประเมินผู้เรียน การบริหาร จัดการช้ันเรียน การจัดการเรียนโดยใช้แหล่งการเรียนรู้ในโรงเรียนและนอกโรงเรียน แหล่งการเรียนรู้แบบเปิด ได้อยา่ งเหมาะสมกบั สภาพบริบททต่ี ่างกันของผู้เรียนและพน้ื ท่ี ๕.๖.๒ สามารถในการนาความรู้ทางจิตวิทยาไปใช้ในการวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล ออกแบบกิจกรรม การจัดเนื้อหาสาระ การบริหารจัดการ และกลไกการช่วยเหลือ แก้ไขและส่งเสริมพัฒนา ผู้เรียนที่ตอบสนองความต้องการ ความสนใจ ความถนัด และศักยภาพของผู้เรียนท่ีมีความแตกต่างระหว่าง บคุ คล ทงั้ ผเู้ รียนปกตแิ ละผู้เรียนท่มี คี วามตอ้ งการจาเปน็ พิเศษ หรือผเู้ รียนท่ีมขี อ้ จากดั ทางกาย ๕.๖.๓ จัดกจิ กรรมและออกแบบการจดั การเรียนรู้ใหผ้ ู้เรียนได้เรยี นรูจ้ ากประสบการณ์ เรยี นรู้ ผ่านการลงมือปฏิบัติและการทางานในสถานการณ์จริง ส่งเสริมการพัฒนาการคิด การทางาน การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ ฝึกการปฏิบัติให้ทาได้ คิดเป็น ทาเป็น โดยบูรณาการการทางานกับการเรียนรู้และ คณุ ธรรมจริยธรรม สามารถประยุกต์ความรมู้ าใช้เพื่อป้องกัน แก้ไขปัญหา และพัฒนา ด้วยความความซ่ีอสัตย์ สจุ ริต มวี นิ ัยและรบั ผดิ ชอบตอ่ ผเู้ รียนโดยยดึ ผ้เู รยี นสาคัญทีส่ ุด ๕.๖.๔ สร้างบรรยากาศ และจัดสภาพแวดล้อม สื่อการเรียน แหล่งวิทยาการ เทคโนโลยี วัฒนธรรมและภูมิปัญญาทั้งในและนอกสถานศึกษาเพื่อการเรียนรู้ มีความสามารถในการประสานงานและ ๕

มคอ.๑ สร้างความร่วมมือกับบิดามารดา ผู้ปกครอง และบุคคลในชุมชนทุกฝ่าย เพื่ออานวยความสะดวกและร่วมมือ กนั พัฒนาผู้เรียนใหม้ ีความรอบรู้ มปี ญั ญารคู้ ิดและเกดิ การใฝร่ อู้ ยา่ งต่อเน่ืองใหเ้ ต็มตามศกั ยภาพ ๕.๖.๕ สามารถจดั การเรียนการสอนให้นักเรียนมีทักษะศตวรรษท่ี ๒๑ เช่น ทักษะการเรียนรู้ ทักษะการรู้เรื่อง ทักษะการคิด ทักษะชีวิต ทักษะการทางานแบบร่วมมือ ทักษะการใช้ภาษาเพื่อการส่ือสาร ทักษะเทคโนโลยี และการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และสามารถนาทักษะเหล่าน้ี มาใช้ในการจดั การเรยี นรู้เพอื่ พัฒนาผู้เรียน และการพฒั นาตนเอง ๖. องคก์ รวิชาชพี ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง ครุ สุ ภา ๗. โครงสรา้ งหลกั สูตร โครงสร้างของหลักสูตร ประกอบด้วยหมวดวิชาศึกษาท่ัวไป หมวดวิชาเฉพาะด้าน (วิชาชีพครูและ วชิ าเอก) และหมวดวชิ าเลือกเสรี มีจานวนหน่วยกติ แต่ละหมวดและหนว่ ยกิตรวมทง้ั หลกั สตู ร ดงั น้ี ๑. หมวดวชิ าศกึ ษาท่ัวไป ใหเ้ รียนไมน่ ้อยกว่า ๓๐ หน่วยกิต ๒. หมวดวิชาเฉพาะด้าน ประกอบดว้ ย ๒ สว่ นคือ ๒.๑ วิชาชีพครู ไม่นอ้ ยกวา่ ๓๔ หน่วยกิต ๒.๑.๑ เรยี นทง้ั ภาค ทฤษฎแี ละภาคปฏิบตั ิ ไมน่ ้อยกวา่ ๒๒ หน่วยกติ ๒.๑.๒ การปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๑ ปี โดยมีจานวนหน่วยกิต ไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๒ หนว่ ยกิต ๒.๒ วชิ าเอก และวชิ าเอก – โท มีดังนี้ ๒.๒.๑ วิชาเอก แบ่งเป็น ๒ แบบ ดังน้ี ๑) วิชาเอกเด่ียว ให้เรียนไม่น้อยกว่า ๔๐ หน่วยกิต และให้ผู้เรียนเลือกเรียน ในรายวิชาที่เสริมสร้างสมรรถนะและศักยภาพความลุ่มลึกในวิชาเอกอีก ไม่น้อยกวา่ ๒๐ หน่วยกติ รวมกนั ไมน่ อ้ ยกว่า ๖๐ หน่วยกติ ๒) วิชาเอกคู่ ให้เรียนไม่น้อยกว่าวิชาเอกละ ๔๐ หน่วยกิต (รวมแล้วไม่น้อยกว่า ๘๐ หน่วยกิต) ๒.๒.๒ วชิ าเอก-โท กาหนดจานวนหน่วยกิตใหเ้ รยี น ดังนี้ ๑) วิชาเอก ใหเ้ รยี นไมน่ อ้ ยกวา่ ๔๐ หน่วยกิต ๒) วชิ าโท ใหเ้ รยี นไมน่ ้อยกวา่ ๓๐ หน่วยกติ ๓. หมวดวชิ าเลือกเสรี ใหเ้ ลือกเรยี นไมน่ อ้ ยกว่า ๖ หนว่ ยกติ หน่วยกติ รวมตลอดหลักสูตรโปรแกรมวิชาเอกเด่ียว วชิ าเอกค่แู ละวชิ าเอก-โท มีดงั น้ี ๑. โปรแกรมวชิ าเอกเด่ยี ว หนว่ ยกิตรวมตลอดหลักสตู ร ไมน่ อ้ ยกว่า ๑๓๐ หน่วยกิต ๒. โปรแกรมวิชาเอกคู่ หน่วยกติ รวมตลอดหลกั สูตร ไมน่ อ้ ยกว่า ๑๕๐ หน่วยกิต ๓. โปรแกรมวิชาเอก-โท หน่วยกิตรวมตลอดหลกั สูตร ไมน่ อ้ ยกว่า ๑๔๐ หน่วยกิต หมายเหตุ : การจัดการเรียนการสอนวิชาเอกเดี่ยวที่เตรียมผู้จะไปเป็นครูระดับมัธยมศึกษาต้องเรียนวิชาเอก จากคณะท่ีเปิดสอนสาขาวิชาน้ัน หรือสอนโดยคณาจารย์ในคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ที่มีคุณวุฒิปริญญาเอก หรืออย่างน้อยดารงตาแหน่งรองศาสตราจารย์ และมีผลงานทางวิชาการในสาขาวิชาน้ัน เพ่ือสร้างความ เข้มแข็งเชงิ เน้ือหาสาระวิชาแก่นิสติ /นักศกึ ษา และสามารถศกึ ษาตอ่ ในสาขาวชิ าเอกเพ่ือเพ่ิมพนู คณุ วฒุ ิต่อไป ๖

มคอ.๑ ๘. เนือ้ หาสาระสาคัญของสาขาวิชา การกาหนดเน้ือหาสาระสาคัญของสาขาวิชาครุศาสตร์และสาขาศึกษาศาสตร์ต้องให้ความสาคัญ กับการออกแบบหลักสูตรซึ่งประกอบด้วยกลุ่มวิชาครู วิชาในสาขาวิชาเอก/โท และมีการออกแบบหลั กสูตร ที่เน้นภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ผู้รับผิดชอบในการออกแบบสาระของหลักสูตรต้องมีการศึกษาการจัดการศึกษา เพ่ือพัฒนาครูจากบทเรียนที่ผ่านมาของประเทศและบทเรียนจากประเทศท่ีมีความก้าวหน้าในการผลิตครู หลักสูตรผลิตครูต้องมีจุดเน้นที่การพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ในวิชาเอก/โทที่ทันสมัย และมีทักษะการเรียนรู้ ด้วยตนเองเพ่ือให้ก้าวทันวิทยาการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมท้ังมีทักษะการสะท้อนคิด (reflection skills) ที่เป็นสมรรถนะสาคัญในการสร้างประสิทธิผลของการทางานโดยใช้ชุมชนทางวิชาชีพครูในโลกการทางานจริง นอกจากการหลอ่ หลอมจิตวญิ ญาณความเปน็ ครู แนวคิดสาคญั ในการออกแบบการจัดการเรียนรู้ทท่ี าใหผ้ ู้เรียน มีความยืดหยุ่น ปรับตัว สามารถทางานได้ในทุกสภาพบริบทของผู้เรียนและพืน้ ท่ี การบริหารจดั การเรียนการสอน ในรายวิชาต่างๆ จึงต้องอิงการทางานแบบร่วมมือและความรับผิดชอบร่วมกันของผู้รับผิดชอบหลักสูตรและ ผูส้ อนให้มมี เี อกภาพ และมเี ป้าหมายร่วม ๘.๑ กลุ่มวิชาแกนหรือวิชาชีพครบู งั คบั ผลลพั ธ์ของการเรียนรู้ ผ้เู รียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจในแนวคิดปรัชญาศึกษา จติ วทิ ยาการศกึ ษา ศาสตร์การสอน ความรู้ ตามกรอบ TPCK แนวคิด STEM ความรอบรู้ด้านดิจิทัล ทักษะวิจัย สามารถบูรณาการศาสตร์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง กับวิชาชีพครูมาใช้ในการออกแบบหลักสูตรรายวิชา กิจกรรมการเรียนการสอน สื่อเทคโนโลยี การวัดและ ประเมินการเรยี นการสอนไดเ้ หมาะสมกับลกั ษณะธรรมชาติและสภาพบรบิ ทของผเู้ รยี นท่ีแตกตา่ งกัน กลมุ่ วชิ าแกนหรอื วชิ าชพี ครบู ังคับมสี าระสาคัญดงั ต่อไปนี้ ๑) คา่ นยิ ม อุดมการณ์ และจิตวิญญาณความเป็นครู คุณธรรม จรยิ ธรรม จรรยาบรรณวชิ าชีพครู ๒) ปรชั ญาการศกึ ษา ๓) จิตวิทยาสาหรบั ครเู พื่อจัดการเรียนรู้และชว่ ยเหลือ แกไ้ ขปญั หา ส่งเสรมิ และพฒั นาผู้เรียน ๔) หลักสูตรและวทิ ยาการการจดั การเรียนรู้ ๕) นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารการศกึ ษาและการเรียนรู้ ๖) การวดั และประเมินการศกึ ษาและการเรยี นรู้ ๗) การวจิ ัยและการพัฒนานวัตกรรมเพอื่ พัฒนาผู้เรยี น ๘) ภาษาเพ่ือการส่อื สารสาหรบั ครู ๘.๒ การปฏิบตั กิ ารสอนในสถานศึกษา การปฏบิ ตั กิ ารสอนในสถานศกึ ษา เป็นเวลาไม่น้อยกวา่ ๑ ปี ๘.๓ กิจกรรมเสริมความเป็นครู ให้สถาบันการศึกษากาหนดกิจกรรมเสริมความเป็นครูในแต่ละปี โดยอาจจัดกิจกรรม/ โครงการ เป็นการเฉพาะหรืออาจบริหารจัดการให้บูรณาการกับการเรียนการสอนในรายวิชาต่างๆ เพ่ือเสริมสร้าง คณุ ลกั ษณะความเป็นครูและเสริมสรา้ งความเปน็ พลเมอื งทเี่ ข้มแข็ง ปีละไม่น้อยกว่าสองกจิ กรรม อาทิ ๑) กจิ กรรมเสริมสรา้ งความศรัทธา ความมุ่งม่ันและรักในอาชพี ครู ๒) กจิ กรรมจติ อาสาและ/หรือจิตสาธารณะ/การบาเพญ็ ประโยชน์แก่ชุมชนและสงั คม ๗

มคอ.๑ ๓) กิจกรรมสง่ เสรมิ ความรักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ และความเปน็ ไทย ๔) กจิ กรรมตามแนวทางปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงและ/หรือศาสตร์พระราชา ๕) กิจกรรมลูกเสือ/เนตรนารี/ยุวกาชาด ๖) กิจกรรมสร้างเสริมสขุ ภาวะ การป้องกันโรค และเพศศึกษา ๗) กิจกรรมสง่ เสริมวถิ ชี วี ิตประชาธปิ ไตย รวมถงึ การเลือกตัง้ ๘) กิจกรรมส่งเสรมิ วัฒนธรรม ศิลปะ ดนตรี นาฏศิลป์ ๙) กิจกรรมสง่ เสริมสขุ ภาพ กฬี าและนันทนาการ ๑๐) กจิ กรรมทางวชิ าการ ๑๑) กิจกรรมอ่นื ๆ ท่ีสถานศกึ ษาเห็นสมควร ๘.๔ สาขาวชิ าเฉพาะ สาขาวิชาครุศาสตร์และสาขาศึกษาศาสตร์ มีหลายกลุ่มสาขาวิชา ซ่ึงแต่ละกลุ่มสาขาวิชายังมี สาขาวิชา (วิชาเอก วิชาโท) อีกหลายสาขาวิชามากน้อยเป็นไปตามขอบข่ายของศาสตร์แต่ละกลุ่มสาขาวิชา และหลักสตู รการศึกษาระดับการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน ระดับการศึกษาอาชีวศึกษารวมถึงการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย ซึ่งสถาบันการศึกษาสามารถจัดทารายละเอียดหลักสูตรและมาตรฐานผลการเรียนรู้ ตลอดจนจัดการศึกษาเป็นสาขาวิชา (วิชาเอก วิชาโท )ได้อย่างอิสระ สอดคล้องกับมาตรฐานผลการเรียนรู้ ท่ีกาหนดไว้ใน มคอ.๑ ตามบริบทและศักยภาพของสถาบัน รายละเอียดสาขาวิชา ตัวอย่างสาขาวิชาและ ตัวอย่าง/ข้อเสนอสาระความรู้สาขาวิชา ดูที่เอกสารแนบท้าย มคอ.๑ สาขาครุศาสตร์และสาขาศึกษาศาสตร์ (หลักสูตรสีป่ ี) ๘.๕ หมวดวิชาศกึ ษาทวั่ ไป หมวดวิชาศึกษาทั่วไป หมายถึง หมวดวิชาที่เสริมสร้างความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ให้มีความรอบรู้ อย่างกว้างขวาง เข้าใจ และเห็นคุณค่าของตนเอง ผู้อ่ืน สังคม ศิลปวัฒนธรรม และธรรมชาติ ใส่ใจต่อ ความเปลี่ยนแปลงของสรรพส่ิง พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ดาเนินชีวิตอย่างมีคุณธรรม พร้อมให้ความช่วยเหลือ เพ่อื นมนษุ ย์ และเปน็ พลเมอื งที่มคี ณุ ค่าของสงั คมไทยและสังคมโลก ในการจัดการศึกษาหมวดวิชาศึกษาท่ัวไปให้ดาเนินการตามป ระกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรอ่ื ง เกณฑ์มาตรฐานหลกั สตู รระดับปริญญาตรี พ.ศ. ๒๕๕๘ ขอ้ ๙.๑ ทงั้ นี้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของหมวดวิชา ศกึ ษาทวั่ ไป โดยให้มจี านวนหนว่ ยกติ รวมไม่นอ้ ยกวา่ ๓๐ หนว่ ยกิต ๙. กลยทุ ธ์การสอนและการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๙.๑ กลยุทธ์การสอน เป็นกลยุทธ์การจัดการเรียนรู้ การถ่ายทอดความรู้ การสร้างแรงบันดาลใจ และสง่ เสริมให้ผ้เู รียนมีความสขุ ในการเรยี นรู้ โดยใช้ศาสตรก์ ารสอน รวมถึงการใช้เทคนิค วิธกี ารจัดการเรียนรู้ และส่ือเทคโนโลยี และรูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้อย่างหลากหลาย เหมาะสมกับสาระวิชาและผู้เรียนที่มี ความแตกต่างกันโดยเน้นผเู้ รยี นเป็นสาคัญ บูรณาการความรูข้ ้ามศาสตร์ ข้ามวัฒนธรรม และนามาประยุกต์ใช้ ในการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการศาสตร์การสอน ความรู้ เนื้อหาสาระ และเทคโนโลยี ไปใช้ในการจัดการ เรียนรู้เพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้เกิดผลการเรียนรู้ตามมาตรฐานคุณวุฒิท้ัง ๖ ด้านคือ ๑) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ๒) ด้านความรู้ ๓) ด้านทักษะทางปัญญา ๔) ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ ๕) ด้านทกั ษะการวเิ คราะหเ์ ชงิ ตวั เลข การส่ือสาร และการใชเ้ ทคโนโลยี และ ๖) ดา้ นวิธวี ทิ ยาการจดั การเรียนรู้ อาทิ ๘

มคอ.๑ (๑) การเรยี นรจู้ ากกรณศี กึ ษา (๒) การเรยี นรู้จากกระบวนการกระจ่างค่านิยม (๓) การเรียนรโู้ ดยบรู ณาการการปฏิบัตงิ านจริงในสถานศกึ ษา (๔) การบรรยายเชิงปฏิสมั พนั ธ์ (๕) การเรียนรู้แบบร่วมมือ (๖) การเรยี นรู้โดยใชก้ ารสืบสอบ (๗) การเรียนรตู้ ามแนวทฤษฎีสรรสรา้ งนยิ ม (Constructivism) (๘) การเรยี นรูแ้ บบผสมผสาน โดยบูรณาการเทคโนโลยดี จิ ทิ ัล (๙) การเรยี นรแู้ บบหอ้ งเรยี นกลบั ด้าน (๑๐) การเรียนรู้โดยใช้สถานการณ์/ปรากฏการณ/์ ฉากทัศน์เปน็ พื้นฐาน (๑๑) การเรียนรโู้ ดยใชโ้ ครงงานเป็นฐาน (๑๒) การเรียนรโู้ ดยใช้การวิจัยเป็นฐาน (๑๓) การเรยี นรู้โดยใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน (๑๕) การเรยี นรเู้ ชงิ ผลิตภาพ (๑๖) การเรยี นรดู้ ว้ ยการนาตนเอง (๑๗) การเรียนรู้โดยวิธโี สเครตสิ (๑๘) Team-based Learning (๑๙) Workplace-based Learning (๒๐) MOOC (Massive Open Online Course) ๙.๒ กลยทุ ธ์การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ กลยุทธ์การประเมินผลการเรียนรู้ การออกแบบวิธีการวัดและประเมินโดยใช้แนวคิดการประเมิน ตามสภาพจริง วิธีการที่หลากหลาย สอดคล้องกับเนื้อหา กิจกรรม และบรบิ ทรายวิชา มีเป้าหมายของการวัด และประเมินเพ่ือใช้ในการปรับปรุงพัฒนาผู้เรียน การเรียนการสอน และการตัดสินผลการเรียน ใช้การวัดและ ประเมินเป็นกลไกหรือเครื่องมือที่ทาให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองเป็น ทาให้ผู้เรียนรู้จักตนเอง และมีข้อมูล สารสนเทศในการปรับปรุงพัฒนาตนเองทั้งด้านวิชาการและวิชาชีพ และทาให้ผู้เกี่ยวข้องในหลักสูตรมีข้อมูล สารสนเทศในการเตรียมความพร้อมและส่งเสริมพัฒนาให้ผู้เรียนในการประกอบอาชีพเม่ือสาเร็จการศึกษา โดยมีกลยุทธ์การประเมินผลการเรียนรู้ตามมาตรฐานคุณวุฒิทั้ง ๖ ด้านคือ ๑) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ๒) ด้านความรู้ ๓) ด้านทักษะทางปัญญา ๔) ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ ๕) ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การส่ือสาร และการใช้เทคโนโลยี และ ๖) ด้านวิธีวิทยาการ จัดการเรียนรู้ อาทิ (๑) การสังเกต เช่น พฤติกรรมการเรียน การทางานตามสภาพจริง การปฏิบัติตามสภาพจริง หรือหรือในห้องปฏิบัติการ การปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา การเข้าร่วมกิจกรรมเสริม ความเปน็ ครู ฯลฯ (๒) การประเมนิ โดยเพื่อน พ่อแมผ่ ปู้ กครอง (๓) การประเมนิ กรณศี กึ ษา (๔) การใช้แบบวัดทางจิตวิทยา เช่น แบบวัดคุณธรรมจรยิ ธรรม ค่านิยม อุดมการณ์ จิตวิญญาณ ความเป็นครู ทกั ษะการเรียนรู้ ความรอบรู้ดา้ นตา่ งๆ ทกั ษะดิจิทัล ฯลฯ ๙

มคอ.๑ (๕) การทดสอบความรู้ เช่น การทดสอบความรู้ในเนอ้ื หารายวชิ าทเ่ี น้นทฤษฎี (๖) การวดั ผลภาคปฏิบตั /ิ ทกั ษะการปฏิบัติ เชน่ การนาเสนองาน โครงงาน รายงานการศกึ ษา คน้ ควา้ การวจิ ัยในชัน้ เรียน การปฏิบัตกิ ารสอนในสถานศึกษา ฯลฯ (๗) การวิเคราะหแ์ บบวิภาษวธิ ี ๑๐. การทวนสอบมาตรฐานผลการเรยี นรู้ ให้มีการทวนสอบผลการเรยี นรตู้ ามท่ีกาหนดไว้ในหลักสูตรและรายวิชา ๑๐.๑ มคี ณะกรรมการตรวจสอบรายละเอียดของรายวชิ า รายละเอียดของประสบการณ์ภาคสนาม และกจิ กรรมเสรมิ ความเป็นครูตลอดหลักสูตร รวมทัง้ การกากับใหส้ อดคลอ้ งกับมาตรฐานผลการเรียนรขู้ องหลักสูตร ๑๐.๒ มกี ารทวนสอบผลการเรียนรู้ของรายวชิ า ๑๐.๓ สถานศึกษาท่ีรับนิสิต/นักศึกษาไปปฏิบัติการสอนในสาขาวิชาเฉพาะด้านหรือวิชาเอก มีการประเมินนิสิต/นักศึกษาตามมาตรฐานผลการเรียนรู้ และสถาบันควรมีการทวนสอบการประเมินผลการปฏิบัติ การสอนของแตล่ ะสถานศกึ ษาตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเง่อื นไขตามที่ครุ สุ ภากาหนด ๑๑. คณุ สมบัตผิ ู้เข้าศกึ ษา การเทียบโอนผลการเรียนรู้ ระบบและกลไกการผลติ ๑๑.๑ ผู้เข้าศึกษาต้องสาเร็จการศึกษาไม่ต่ากว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า มีค่านิยมเจตคติ ทด่ี ีและคุณลักษณะท่ีเหมาะสมกับวิชาชีพครู สอบผ่านข้อสอบวัดคุณลักษณะความเป็นครู และผ่านเกณฑ์ของ สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาและ/หรือเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับการคัดเลือกซึ่งสถาบันอุดมศึกษา เปน็ ผู้กาหนด ๑๑.๒ การเทยี บโอนผลการเรียนรู้ การเทียบโอนผลการเรียนรู้ในสาขาวิชาในสถาบันและระหว่างสถาบันสามารถกระทาได้ โดยให้ เป็นไปตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ และข้อแนะนาเก่ียวกับแนวปฏิบัติท่ีดีในการเทียบโอนผลการเรียน ระดบั ปริญญาตามประกาศ/ข้อบังคับ/ระเบียบที่เกีย่ วขอ้ งของกระทรวงศึกษาธิการหรอื ตามข้อบงั คับของแต่ละ สถาบันอุดมศึกษา ๑๑.๓ มีกลไกและระบบการผลิต คัดกรองและพัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพครูให้ได้ผู้มีจิตวิญญาณของ ความเปน็ ครู มคี วามร้คู วามสามารถอย่างแทจ้ รงิ ๑๒. คณาจารยแ์ ละบคุ ลากรสนบั สนนุ การเรียนการสอน ๑๒.๑ คุณวุฒิของคณาจารย์ คณุ วฒุ ิของอาจารยผ์ ู้สอน อาจารยป์ ระจาหลักสูตร อาจารย์ผ้รู ับผิดชอบ หลักสูตร และอาจารย์พิเศษให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงศึกษาธกิ าร เร่ือง เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับ ปริญญาตรีท่มี ผี ลใชบ้ ังคบั ในปจั จุบัน นอกจากนอี้ าจารย์ผสู้ อนรายวชิ าชพี ครูยังจะต้องมีคณุ สมบตั ิเพิ่มเตมิ ดังตอ่ ไปน้ี ๑) ได้รบั ปริญญาหรือประกาศนียบัตรบัณฑิตทางการศกึ ษาอย่างน้อยระดับใดระดับหนึ่ง คือ ปริญญาตรี ประกาศนียบัตรบัณฑิต ปริญญาโท ปริญญาเอก หรือต้องผ่านการอบรมและผ่านการประเมินศาสตร์ วิชาชีพครูตามที่กาหนด ได้แก่ คุณธรรม จรรยาบรรณวิชาชีพครู ความรู้และทักษะด้านหลักสูตรและการจัด การเรียนรู้ จิตวิทยาพัฒนาการและการแนะแนว ส่ือเทคโนโลยีและการวัดและประเมินเพ่ือการจัดการเรียนรู้ ความรู้ตามกรอบ TPCK แนวคิด STEM กระบวนการ PLC ทักษะการนิเทศและการสอนงาน ทักษะทางเทคโนโลยี และส่ือดิจิทัล ทักษะการทางานวิจัยและวัดประเมิน ทักษะการร่วมมือสร้างสรรค์ รวมแล้วไม่น้อยกว่า ๖๐ ชวั่ โมง และ ๑๐

มคอ.๑ ๒) มีประสบการณ์การสอนระดับอุดมศึกษาไม่น้อยกว่า ๑ ปี และกรณีท่ีผู้สอนมีประสบการณ์ น้อยกว่า ๑ ปี ให้มีช่ัวโมงสอนไม่เกินร้อยละ ๕๐ ของรายวิชาโดยมีการสอนร่วมกับผู้สอนท่ีมีประสบการณ์ การสอนตั้งแต่ ๓ ปีขน้ึ ไป และ ๓) ผู้สอนที่รับผิดชอบรายวิชา จะต้องมีคุณวุฒิตรงหรือสัมพันธ์กับรายวิชาที่สอนและมี ผลงานทางวิชาการท่ีเก่ียวข้องโดยตรงหรือสัมพันธ์กับรายวิชาที่สอน เช่น ตารา หนังสือ งานวิจัย นวัตกรรม ผลงานสรา้ งสรรค์ อยา่ งน้อย ๑ ชน้ิ งาน ท่ีมีการเผยแพร่ลักษณะใดลักษณะหน่ึง กรณีบทความอย่างนอ้ ย ๓ บทความ ภายใน ๕ ปยี ้อนหลัง และ ๔) มีประสบการณ์การสอนในระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานและ/หรืออาชีวศึกษาอย่างน้อย ๑ ปี กรณีที่ยังไม่มีประสบการณ์การสอนในระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานและ/หรืออาชีวศึกษาจะต้องมีประสบการณ์ การสอนอย่างน้อย ๑ ปี ในระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐานและ/หรืออาชีวศึกษาภายใน ๓ ปีการศึกษา ทั้งนี้ให้นับรวม การปฏบิ ตั ิการสอนในสถานศึกษาในระหวา่ งการศึกษาด้วย หมายเหตุ กรณผี ู้สอนวิชาชพี ครูที่ปฏบิ ตั ิการสอนมาก่อน มคอ. ๑ นี้ใชบ้ ังคับ ให้ยกเว้นเกณฑ์ คุณสมบตั ผิ ู้สอนวิชาชพี ครูข้อ ๒ – ๔ ๑๒.๒ บุคลากรสนับสนุน สถาบันควรมีบุคลากรสนับสนุนท่ีมีคุณวุฒิและมีความรู้ความสามารถ ทักษะด้านต่างๆ ทีเ่ หมาะสมกับความจาเปน็ และความตอ้ งการของการจัดการเรยี นการสอนอย่างเพยี งพอ ๑๓. แนวทางการพัฒนาคณาจารย์ ๑๓.๑ คณาจารย์ใหม่ ๑) การปฐมนิเทศ ๒) การฝึกอบรมคณาจารย์ใหม่ที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูด้านศาสตร์วิชาชีพครู การจดั การเรียนการสอน กลยุทธ์การสอนและการประเมนิ ผล ๓) การพัฒนาด้านการวิจัย ควรมีการจัดเงินทุนสาหรับนักวิจัยหน้าใหม่เพ่ือผลิตผลงานวิจัย ที่เกีย่ วข้องกับวิชาชีพ หรอื การเข้าร่วมเป็นคณะผวู้ จิ ัยรว่ มกบั นักวจิ ัยอาวโุ ส ๔) การจัดให้เป็นผู้สอนร่วมกับอาจารย์ท่ีมีประสบการณ์ในรายวิชาที่ตรงหรือสัมพันธ์กับ คณุ วุฒแิ ละการแตง่ ตงั้ อาจารย์พ่เี ล้ยี งเพ่ือให้คาแนะนาและใหค้ าปรึกษาในการปฏบิ ตั ิงานทางวชิ าการ ๑๓.๒ คณาจารย์ประจาการ ๑) การพัฒนาด้านการเรียนการสอน เช่น การอบรมความรู้จากหน่วยงานภายในและ หน่วยงานภายนอก รวมทั้งการประชุมสัมมนาวิชาการต่างๆ ศึกษาดูงานทั้งใน ประเทศและต่างประเทศ ส่งเสรมิ ให้มสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมชมุ ชน ๒) การพัฒนาด้านวิชาการ ส่งเสริมการจัดทาผลงานเพื่อพัฒนาเข้าสู่ตาแหน่งทางวิชาการ ส่งเสรมิ ให้คณาจารย์ไปศกึ ษาตอ่ ๓) การพัฒนาด้านการวิจัยและสร้างนวัตกรรม การจัดเงินทุนเพ่ือผลิตผลงานวิจัย ทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั วชิ าชีพเพือ่ ให้มีผลงานตีพิมพ์ในระดับชาติและนานาชาติ ๔) การพัฒนาทกั ษะทางภาษาไทย ภาษาองั กฤษ/ภาษาตา่ งประเทศ ๑๑

มคอ.๑ ๑๔. สถาบันผลติ และพฒั นาครู ทรพั ยากรการเรียนการสอนและการจดั การ ๑๔.๑ สถาบันผลิตและพัฒนาครูหรือหน่วยงานที่เรยี กชื่ออย่างอ่ืนท่ีมบี ทบาทหน้าที่หลักในการผลิตครู ตอ้ งมีความพร้อมและมีความเชย่ี วชาญในการผลิตครู ๑๔.๒ หน่วยงานที่เป็นสถาบันการผลิตและพัฒนาครูต้องกาหนดปรัชญา วิสัยทัศน์ พันธกิจ มีแผนกลยุทธ์และมบี ทบาท หนา้ ทโ่ี ดยตรงในการผลิตและพฒั นาครเู ป็นภารกจิ หลกั ๑๔.๓ กรณีมีหน่วยงานอื่นท่ีไม่ได้ทาหน้าท่ีโดยตรงในการผลิตและพัฒนาครูเป็นภารกิจหลัก เปิดสอน หลักสูตรสาขาวิชาครุศาสตร์และสาขาศึกษาศาสตร์ในสถาบันอุดมศึกษาก่อนที่ มคอ.๑ ฉบับน้ีประกาศใช้ให้ สามารถดาเนินการต่อไปได้ โดยให้สถาบันผลิตและพัฒนาครูที่มีหน้าที่โดยตรงในการผลิตและพัฒนาครู เปน็ ภารกิจหลกั เป็นผ้รู บั ผดิ ชอบหลกั ในการบรหิ ารหลักสตู รและการจัดการเรยี นการสอนรายวิชาชพี ครู ๑๔.๔ สถาบันผลิตและพัฒนาครูต้องมีทรัพยากรเพยี งพอและทนั สมยั เพอ่ื ใหก้ ารจัดการเรยี นการสอน มีประสิทธิภาพ บรรลุผลตามมาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรี สาขาวิชาครุศาสตร์และศึกษาศาสตร์และ ตามวัตถปุ ระสงคข์ องหลกั สตู ร ดงั นี้ ๑) ห้องเรียนท่ีมีสื่อการเรียนการสอนเหมาะสม ทันสมัย ได้แก่ คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ ในการนาเสนอหน้าช้นั เรยี น ๒) หอ้ งปฏบิ ตั ิการ อาทิ ห้องปฏบิ ัติการสอนจุลภาค (Micro-Teaching) ห้องปฏิบตั กิ ารผลิต สื่อการสอน ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ห้องปฏิบัติการภาษา ห้องปฏิบัติการดนตรีและนาฏศิลป์ ห้องปฏิบัติการศิลปะ ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ รวมทั้งห้องปฏิบัติการอื่นๆ ที่จาเป็นตามหลักสูตรวิชาเอก ทเ่ี ปิดสอน ๓) การเรยี นการสอนและการนเิ ทศแบบออนไลน์และออฟไลน์ ๔) ห้องสมุด ที่ประกอบไปด้วยสื่อต่างๆ เช่น ตาราเรียน หนังสือ วารสาร โสตทัศนวัสดุ ส่ืออิเลก็ ทรอนกิ ส์ วิทยานพิ นธ์ ฐานข้อมูลข่าวการศึกษา ฐานข้อมูลวารสารทางการศกึ ษา เปน็ ตน้ โดยสอ่ื ต่างๆ มคี วามทันสมัย มจี านวนเพยี งพอตามวิชาเอกท่เี ปดิ สอน ๕) มีความร่วมมอื อย่างใกลช้ ิดและเป็นระบบระหว่างหน่วยงานทีเ่ ปน็ สถาบันผลิตและพฒั นา ครูกับสถานศึกษาที่เป็นแหล่งฝึกประสบการณ์วชิ าชีพและปฏิบัติการสอนโดยมีอาจารย์นิเทศก์ ครูพี่เล้ียงและ/หรือ ผู้สอนงานที่มีคุณภาพ เป็นสถานศึกษาที่มีมาตรฐานและมีคุณภาพในการฝึกประสบการณ์วิชาชีพและปฏิบัติ การสอนให้เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพครูโดยร่วมมือกันบูรณาการความรู้และเน้ือหาสาระกับประสบการณ์ การทางานในสถานศึกษา (Work Integrated Learning: WIL) อย่างหลากหลาย ๖) มีและจัดแหลง่ เรยี นรูใ้ นชมุ ชน ธรรมชาติ สิ่งแวดลอ้ ม และปราชญช์ าวบา้ น ๗) ทรพั ยากรอ่นื ๆ ทจี่ าเป็นสาหรับการจัดการเรยี นรู้ท่มี ีคุณภาพ ๑๔.๕ สถาบันผลิตและพัฒนาครูมีกลไก ระบบการผลิต การคัดกรองและพัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพ ครู/อาจารย์ให้ได้ผู้มีจิตวิญญาณของความเป็นครู และมีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานอย่างแท้จริง รวมทงั้ มกี ลไกสรา้ งระบบคุณธรรมในการบรหิ ารงานบุคคลของ ผปู้ ระกอบวิชาชีพครู/อาจารย์ ๑๕. การประกนั คณุ ภาพและการประเมินคุณภาพหลักสตู รและการจัดการเรยี นการสอน การประกันคุณภาพการศึกษาให้เป็นหน้าท่ีของสถาบันการศึกษา ต้องกาหนดมาตรฐานการศึกษา ที่สอดคล้องกับกฏกระทรวงและประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ ที่มรี ะบบการประกันคุณภาพ ๓ ระดับ คือ ระดับสถาบันการศึกษา ระดับหน่วยงาน และระดับหลักสูตร ให้สอดคล้องกับมาตรฐานการอุดมศึกษาและ มาตรฐานวิชาชีพครู โดยให้ความสาคัญกับการประกันคุณภาพหลักสูตร การประกันผลลัพธ์ด้านผู้เรียน ๑๒

มคอ.๑ การประกันคุณภาพอาจารย์ การประกันคุณภาพการจัดการเรียนรู้ ส่ือ ทรัพยากร และการประกันคุณภาพ สถานศึกษาท่เี ปน็ หน่วยปฏบิ ตั กิ ารสอนของผู้เรยี น ท้งั น้ี ให้แต่ละหลักสูตรมีอิสระในการกาหนดตัวบ่งชี้ผลการดาเนินงานตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิท่ีใช้ ในการตดิ ตาม ประเมินและรายงานคุณภาพของหลักสูตรในแต่ละปีซึ่งระบไุ ว้ในหมวด ๑-๖ ของแต่ละหลักสตู ร ตามบริบทและวัตถุประสงค์ในการผลิตบัณฑติ โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาสถาบนั หรอื อาจใช้ตัวบ่งชี้ ผลการดาเนนิ งานตามที่สานกั งานคณะกรรมการการอุดมศกึ ษากาหนดเปน็ ตวั อยา่ ง สถาบันสามารถกาหนดตัวบ่งช้ีเพิ่มเติมตามจุดเน้นได้ และมีการประเมินผลการดาเนินงานตามกรอบ มาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ ต้องมีผลการดาเนินการบรรลุตามเป้าหมายตัวบ่งชี้ท้ังหมดอยู่ใน เกณฑด์ ีตอ่ เน่ือง ๒ ปีการศกึ ษาเพ่ือติดตามการดาเนินการตามกรอบมาตรฐานคณุ วุฒิระดับอดุ มศกึ ษาแห่งชาติต่อไป เพือ่ ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษแก่ผู้เรยี น ให้สถาบันกาหนดเกณฑ์ ข้นั ต่าของทักษะภาษาอังกฤษที่เหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละกลุ่มสาขาวิชา และบริบทของสถาบัน รวมทั้งสอดคล้อง กับความต้องการของการใชค้ รขู องประเทศ ให้สถาบันจัดทาแผนระยะส้ันและระยะยาวในการยกระดับคุณภาพภาษาอังกฤษของผู้เรียนให้ผ่าน เกณฑ์ขั้นต่าตามท่ีสถาบันกาหนด และกาหนดอัตราส่วนร้อยละของผู้เรียนท่ีสาเร็จการศึกษาซึ่งมีทักษะ ภาษาอังกฤษผ่านเกณฑ์ข้ันต่าตามที่แต่ละหลักสูตรกาหนด เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล หากผล การประเมนิ ความสามารถทางภาษาอังกฤษของผ้เู รยี นพบว่าอัตราส่วนร้อยละของผู้เรียนมที ักษะภาษาอังกฤษ ต่ากว่าเกณฑ์ข้ันต่าท่ีสถาบันกาหนด ให้สถาบันรายงานกระบวนการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของผู้เรียน ตามแนวทางท่เี หมาะสม ในปีที่ ๕ ของวงรอบการใช้หลักสูตร ให้สถาบัน/หลักสูตรทบทวนการปรับเกณฑ์ข้ันต่าของภาษาอังกฤษ ให้สูงข้ึนกว่าเดิม และควรเป็นเกณฑ์มาตรฐานขั้นต่าตามนโยบายของรัฐบาล รวมท้ังกาหนดอัตราส่วนร้อยละ ของผู้เรียนที่สาเร็จการศึกษาซึ่งมีทักษะภาษาอังกฤษผ่านเกณฑ์มาตรฐานข้ันต่าตามท่ีหลกั สูตรกาหนด เพื่อใช้ ในการกากบั ติดตาม และสง่ เสริมให้บัณฑิตท่ีประกอบวชิ าชีพครูมีความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ในการปฏบิ ัติงานจริง ให้สถาบันกาหนดเป้าหมายระยะยาว โดยระบุระยะเวลา (จานวนปี) ที่ผู้สาเร็จการศึกษาทุกคน มีทักษะภาษาองั กฤษผ่านเกณฑม์ าตรฐานขน้ั ตา่ ตามนโยบายของรฐั บาล ๑๖. การนามาตรฐานคณุ วุฒสิ าขาสกู่ ารปฏิบตั ิ การจัดการศึกษาให้ผู้เรียนท่ีผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ควรให้ความสาคัญกับการกาหนดปรชั ญาการศึกษา ที่เป็นฐานการจัดการเรียนรู้ เช่น ปรัชญาการศึกษาแบบพิพัฒนาการนิยม (progressivism) แบบปฏิรูปนิยม (re-constructionism) และอัตถิภาวนิยม (existentialism) ซึ่งต้องเหมาะสมกับคุณลักษณะท่ีต้องการพัฒนา ตัวอย่างแนวคิดปรชั ญาสาหัรบการจัดการศกึ ษา มดี ังน้ี ๑๖.๑ การจัดทารายละเอียดของหลกั สตู ร (Program Specifications) ๑) สถาบันอุดมศึกษาแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาหลักสูตร อย่างน้อย ๕ คน ซ่ึงประกอบด้วย คณาจารย์ผ้รู ับผดิ ชอบหลักสูตรอย่างนอ้ ย ๒ คน ผูท้ รงคุณวุฒิหรือผเู้ ชย่ี วชาญในสาขาครุศาสตร์/ ศกึ ษาศาสตร์ ซ่ึงเป็นบุคคลภายนอกอย่างน้อย ๒ คน ผู้แทนองค์กรวิชาชีพร่วมเป็นกรรมการด้วยอย่างน้อย ๑ คน เพ่ือดาเนินการ พัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับมาตรฐานคุณวุฒิ โดยมีหัวข้อของหลักสูตรอย่างน้อยตามท่ีกาหนดไว้ใน แบบ มคอ. ๒ (รายละเอยี ดของหลกั สูตร) ๑๓

มคอ.๑ ๒) การพฒั นาหลักสูตร ตามขอ้ ๑) น้ัน ในหัวข้อผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวัง นอกจากมาตรฐาน ผลการเรยี นรู้ท่ีกาหนดไว้ในมาตรฐานคณุ วุฒิ นั้นแล้ว สถาบันฯ อาจเพ่ิมเติมผลการเรียนรู้ซง่ึ สถาบันฯ ต้องการ ให้บัณฑิตสาขาครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ มีคุณลักษณะเด่นหรือพิเศษกว่าบัณฑิตระดับคุณวุฒิเดียวกันของ สถาบันฯ อ่ืนๆ เพ่ือให้เป็นไปตามปรัชญาและปณิธานของสถาบันฯ และเป็นท่ีสนใจของบุคคลท่ีจะเลือกเรียน หลักสูตรของสถาบันฯ หรือผู้ใช้บัณฑิตสนใจที่จะรับบัณฑิตเข้าทางานเมื่อสาเร็จการศึกษา โดยให้แสดงแผนที่ การกระจายความรับผิดชอบต่อผลการเรียนรู้จากหลักสูตรสู่รายวิชา (Curriculum Mapping) เพ่ือให้เห็นว่า แต่ละรายวิชาในหลักสูตรมีความรับผิดชอบหลักหรือความรับผิดชอบรองต่อมาตรฐานผลการเรียนรู้ด้านใด ทงั้ นี้ ตอ้ งจดั ให้มกี ารวิพากษห์ ลกั สูตรโดยผูท้ รงคุณวุฒิ ๑๖.๒ การจัดทารายละเอียดของรายวิชา (Course Specification) และรายละเอียดของ ประสบการณ์ ภาคสนาม (Field Experience Specification) สถาบันอุดมศึกษาต้องมอบหมายให้คณาจารย์ผู้สอนรบั ผิดชอบในการจัดทารายละเอียดของ รายวิชาทุกรายวิชาในหลักสูตร และรายละเอียดของประสบการณ์ภาคสนาม โดยมีหัวข้ออย่างน้อยตาม มคอ.๓ รายละเอียดของรายวิชา และ มคอ.๔ รายละเอยี ดของประสบการณภ์ าคสนาม ๑๖.๓ การขออนุมัติหลักสูตรต่อสภาสถาบันอุดมศกึ ษา สถาบันอุดมศึกษาต้องเสนอสภาสถาบันอุดมศึกษาอนุมัติหลักสูตร ซึ่งได้จัดทาอย่างถูกต้อง สมบูรณ์แล้วกอ่ นเปิดสอน โดยสภาสถาบันฯ ควรกาหนดระบบและกลไกของการจัดทาและอนุมัตริ ายละเอียด ของหลักสูตร รายละเอียดของรายวชิ าและรายละเอียดประสบการณภ์ าคสนามหรอื ฝึกงานใหช้ ดั เจน ๑๖.๔ การเสนอหลักสตู รตอ่ สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สถาบันอุดมศึกษาต้องเสนอหลักสูตรซึ่งสภาสถาบันอุดมศึกษาอนุมัติให้เปิดสอนแล้ว ใหส้ านกั งานคณะกรรมการการอดุ มศึกษารบั ทราบภายใน ๓๐ วนั นับแต่สภาสถาบันฯ อนุมัติ ๑๖.๕ การบริหารหลกั สตู รและการจัดการเรยี นการสอน ๑) สถาบันอุดมศึกษาต้องพัฒนาอาจารย์ท้ังด้านวิชาการ ทักษะภาษาทั้งภาษาไทยและ ภาษาอังกฤษ และวธิ ีการสอนที่มุ่งเน้นการพฒั นามาตรฐานผลการเรียนรู้ของบัณฑิตอย่างนอ้ ยตามที่กรอบมาตรฐาน คุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติกาหนดอย่างต่อเน่ือง โดยมีการประกาศหลักเกณฑ์การพัฒนาอาจารย์ อยา่ งชดั เจน ๒) สถาบันอุดมศึกษาต้องจัดสรรทรัพยากรเพ่ือการเรียนการสอนและการวิจัยให้เพียงพอ ที่จะจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพ รวมท้ังอาจประสานกับสถาบันอุดมศึกษาและ/หรือหน่วยงานอื่นเพ่ือใช้ ทรพั ยากรรว่ มกนั ในการพฒั นาการจดั การเรียนการสอนให้มคี ุณภาพ ๓) สถาบันอุดมศึกษาต้องจัดให้มีการประเมินผลการเรียนรู้ของนิสิต/นักศึกษาท่ีครอบคลุม มาตรฐานผลการเรยี นรูใ้ นทุกๆ ด้านตามทีก่ าหนดไว้ในรายละเอยี ดของหลักสูตรนน้ั ๆ ๔) สถาบันอุดมศึกษาต้องจัดทาแผนระยะส้ันและระยะยาวในการส่งเสริมพัฒนาทักษะ ภาษาไทยและอังกฤษของผู้สอนและผู้เรียนที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และเพ่ือใช้ในการกากับ ติดตาม ประเมิน และส่งเสริมอาจารย์และนิสิต/นักศึกษาให้สามารถส่ือสารได้ในโลก ปัจจบุ ันและอนาคต ๕) สาหรับการจัดการเรียนการสอนในวิชาเอกเดย่ี ว ให้หลักสูตรจัดทารายวชิ าบังคับสาหรับ กล่มุ วิชาเอกจานวน ๔๐ หนว่ ยกติ และจัดทากล่มุ รายวชิ าใหผ้ ู้เรียนเลือกเรยี นหรือให้ผเู้ รียนสามารถเลอื กเรยี น ได้อย่างอิสระท้ังจากในหน่วยงาน ในสถาบันหรือนอกสถาบันตามความสนใจ อีกจานวนไม่น้อยกว่า ๒๐ หน่วยกิต ๑๔

มคอ.๑ ทั้งน้ี การเลือกเรียนรายวิชาเลือกต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารหลักสูตร เพื่อให้รายวิชา ทเี่ ลือกเรยี นช่วยเสริมสร้างสมรรถนะและศักยภาพความลุ่มลึกในวชิ าเอกอย่างแท้จริง ๖) ในการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู สถาบันอุดมศึกษาควรให้นิสิต/นักศึกษา ได้มีโอกาส ฝึกประสบการณ์วิชาชีพเป็นประจาทุกปี ตั้งแต่ระยะแรกๆท่ีเข้ามาศึกษาเพ่ือให้รู้จักวิชาชีพ และสร้างทัศนคติ ท่ีดีต่อวิชาชีพครู และเพ่ิมระดับความเข้มข้นของการฝึกประสบการณ์วิชาชีพให้มากขึ้นตามลาดับจนถึงปีสุดท้าย ควรจัดประสบการณ์ฝึกปฏิบัติงานในหน้าที่ครูในสถานศึกษาตลอดภาคการศึกษา ไม่เฉพาะแต่ประสบการณ์ ด้านการสอนเท่านั้น ท้ังน้ี สถาบันควรมีความร่วมมือกับสถานศึกษาที่เป็นหน่วยปฏิบัติการสอนทาแผน การปฏิบัติการสอนของนิสิต/นักศึกษา เพ่ือท่ีบัณฑิตครูจะสามารถทาหน้าท่ีครูได้ทันทีเมื่อเข้าไปประกอบอาชีพครู ในสถานศกึ ษา ๑๖.๖ การจัดทารายงานผลการดาเนินการของรายวิชา (Course Report) รายงานผลการดาเนินการ ของประสบการณ์ภาคสนาม (Field Experience Report) และรายงานผลการดาเนินการของหลักสูตร (Program Report) ๑) เมอ่ื ส้ินสุดการจดั การเรียนการสอนของแตล่ ะภาคการศึกษา/ปีการศึกษา และประสบการณ์ ภาคสนามในแต่ละภาคการศึกษา ให้ผู้สอนแต่ละรายวิชาจัดทารายงานผลการดาเนินการของรายวิชาท่ีสอน การประเมินผล และการทวนสอบผลการเรียนูร้ในรายวิชาท่ีตนรบั ผิดชอบพร้อมปัญหา/อุปสรรคและข้อเสนอแนะ ให้อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรประมวล/วิเคราะห์ ประสิทธิภาพและประสิทธิผลการดาเนินงานและจัดทารายงาน ประจาภาคการศึกษาของแต่ละภาคการศึกษา โดยมีหัวข้ออย่างน้อยตาม มคอ.๕ (รายงานผลการดาเนินการ ของรายวิชา) และรายงานผลการดาเนินการของประสบการณ์ภาคสนามตาม มคอ.๖ และเม่ือส้ินสุดปีการศึกษา ให้จัดทารายงานในภาพรวมประจาปีการศึกษา เพื่อใช้ในการปรับปรุงและพัฒนากลยุทธ์การสอน กลยุทธ์ การประเมินผลและแกไ้ ขปญั หาอุปสรรคท่ีเกิดขึน้ และหากจาเป็นจะต้องปรบั ปรุงหลักสูตรหรือการจดั การเรียน การสอนก็สามารถกระทาได้ โดยมหี วั ข้ออยา่ งนอ้ ยตาม มคอ.๗ (รายงานผลการดาเนินการของหลกั สูตร) ๒) การพัฒนาหลักสูตร ให้ทุกหลักสูตรพัฒนาหลักสูตรให้ทันสมัย โดยมีการประเมินและ รายงานผลการดาเนินการของหลักสูตรทุกปีการศกึ ษา เพื่อนาขอ้ มูลที่ได้ไปปรบั ปรุงพัฒนาหลักสูตรเป็นระยะๆ อย่างน้อยตามรอบระยะเวลาของหลกั สตู ร ๑๗. การเผยแพร่หลักสูตรท่ีมีคุณภาพและมาตรฐานตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ ซงึ่ บันทึกในฐานขอ้ มูลหลักสตู รเพ่อื การเผยแพร่ (Thai Qualifications Register : TQR) การเผยแพร่หลักสูตรที่มีคุณภาพและมาตรฐานตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ ใหเ้ ปน็ ไปตามการกาหนดของสานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และท่แี กไ้ ขเพิ่มเตมิ ๑๕

เอกสารแนบทา้ ย มคอ.๑ เอกสารแนบทา้ ย มคอ.๑ สาขาครุศาสตร์และสาขาศกึ ษาศาสตร์ (หลกั สูตรส่ีปี) กลมุ่ สาขาวิชา ตวั อย่างสาขาวชิ าและตัวอย่าง/ข้อเสนอสาระความรู้สาขาวิชา สาขาวิชาครุศาสตร์และสาขาศึกษาศาสตร์ มีหลายกลุ่มสาขาวิชา ซ่ึงแต่ละกลุ่มสาขาวิชายังมีสาขาวิชา (วิชาเอก วิชาโท)อีกหลายสาขาวิชามากน้อยเป็นไปตามขอบข่ายของศาสตร์แต่ละกลุ่มสาขาวชิ าและหลักสูตร การศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับการศึกษาอาชีวศึกษารวมถึงการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย ซ่ึงสถาบันการศึกษาสามารถจัดทารายละเอียดหลักสูตรและมาตรฐานผลการเรียนรู้ ตลอดจน จัดการศึกษาเป็นสาขาวิชา(วิชาเอก วิชาโท)ได้อย่างอิสระ สอดคล้องกับมาตรฐานผลการเรียนรู้ท่ีกาหนดไว้ ใน มคอ.๑ ตามบริบทและศักยภาพของสถาบนั กลุม่ สาขาวชิ าตา่ งๆ มีดังตอ่ ไปนี้ กลุ่มสาขาวิชาต่างๆ มดี งั น้ี ๑. กลุ่มสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย ๒. กลุ่มสาขาวิชาการประถมศึกษา ๓. กลมุ่ สาขาวชิ าภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ ๔. กลมุ่ สาขาวิชาคณติ ศาสตร์ ๕. กลุ่มสาขาวชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๖. กลมุ่ สาขาวชิ าสงั คมศึกษา ๗. กลมุ่ สาขาวชิ าสขุ ศกึ ษา พลศึกษา และนันทนาการ ๘. กลุ่มสาขาวิชาศลิ ปศกึ ษา ดนตรศี กึ ษาและนาฏศิลปศ์ กึ ษา ๙. กลุ่มสาขาวชิ าจิตวิทยาการศกึ ษาและการแนะแนว ๑๐. กลุ่มสาขาวชิ าเทคโนโลยแี ละสือ่ สารการศึกษา ๑๑. กลุ่มสาขาวชิ าการวดั และประเมินทางการศกึ ษา ๑๒. กลมุ่ สาขาวิชาการศกึ ษาพเิ ศษ ๑๓. กลุ่มสาขาวิชาการศึกษาตลอดชวี ติ และการศกึ ษาเพื่อชุมชน ๑๔. กลุ่มสาขาวิชาบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศึกษา ๑๕. กลุ่มสาขาวชิ าวิทยาการอาชีพ ๑๖. กลมุ่ สาขาวชิ าอ่นื ๆ ทีอ่ าจเกิดขน้ึ ภายหลงั ตวั อยา่ งสาขาวิชาและตวั อย่าง/ข้อเสนอสาระความรู้สาขาวชิ า ดังน้ี ๑. ผลลัพธ์การเรยี นรู้และตวั อย่างสาขาวชิ า/ขอ้ เสนอสาระความรู้กลุม่ สาขาวิชาการศกึ ษาปฐมวัย ผลลพั ธ์การเรียนรู้ ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจในแนวคิด ปรัชญาการศึกษาและจิตวิทยาเพื่อพัฒนาเด็กเล็ก การจัด ประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนท้ังด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา การวิจัยและ พฒั นานวัตกรรม รวมทั้งสื่อเทคโนโลยีและการวัดประเมินผลเพือ่ การเรียนรสู้ าหรบั เดก็ ปฐมวัย โภชนาการและ การจัดโภชนาการสาหรบั เด็ก ความร่วมมือกับครอบครัว ชมุ ชนและผู้ปกครอง เพื่อใหผ้ ู้เรียนมีพัฒนาการรอบด้าน และสมดลุ สนใจเรียนรูแ้ ละกากบั ตวั เองใหท้ าส่งิ ตา่ งๆ ท่เี หมาะสมตามช่วงวยั ไดส้ าเรจ็ ๑๖

เอกสารแนบท้าย มคอ.๑ ตัวอยา่ งสาขาวิชา  สาขาวิชาการศึกษาปฐมวยั ตัวอย่าง/ข้อเสนอสาระความรู้ อาทิ ๑) ปรัชญา ทฤษฎี หลกั การการศกึ ษาปฐมวยั ๒) จติ วทิ ยาเด็กปฐมวยั จติ วทิ ยาพฒั นาการ จติ วทิ ยาการเรียนรู้เดก็ ปฐมวยั ๓) การพัฒนาหลกั สตู รและวทิ ยาการการจัดการเรียนรูเ้ พอื่ พัฒนาเด็กเล็ก ๔) การพัฒนาความคดิ สาหรบั เดก็ ปฐมวยั ๕) การจัดประสบการณ์การเรียนรูเ้ พ่ือพฒั นาร่างกาย อารมณ์และสังคม การจดั ระบบนิเวศน์ของ การเรยี นรูท้ ีเ่ อือ้ ต่อการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย ๖) โภชนาการและการจดั โภชนาการสาหรบั เด็ก ๗) การจดั การศึกษาสาหรับเด็กกล่มุ เปา้ หมายเฉพาะ การศึกษาพเิ ศษสาหรับเด็กปฐมวยั ๘) เทคโนโลยีและการวัดและประเมินผลสาหรับเด็กปฐมวยั และเทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดการศึกษา ปฐมวัย ๙) งานวิจยั และนวัตกรรมทางเพอ่ื พัฒนาเดก็ ปฐมวัย ๑๐) ความร่วมมือกบั ครอบครวั ชมุ ชน และสังคมในการพัฒนาเดก็ ปฐมวัย ๑๑) การบรหิ าร การนิเทศและการประกันคุณภาพการศกึ ษาการศึกษาปฐมวัย ๒. ผลลพั ธ์การเรยี นรู้และตัวอย่างสาขาวิชา/ขอ้ เสนอสาระความรู้กลมุ่ สาขาวิชาการประถมศึกษา ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจในปรัชญา แนวคิด ทฤษฎีการประถมศึกษา พัฒนาการเรียนรู้ของเด็กวัย ประถมศึกษา มีความรู้พ้ืนฐานสาหรับการสอนเด็กวัยประถมศึกษาและสามารถบูรณาการการจัดการเรียนรู้ และการประเมินผลการเรียนรู้ระดับประถมศึกษา เพ่ือส่งเสริมให้นักเรียนประถมศึกษาค้นพบศักยภาพของ ตนเองและเกิดการเรียนรู้อย่างเต็มตามศักยภาพ รวมท้ังการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียน ระดับประถมศึกษาให้รักและรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ การทางานร่วมกับผู้อ่ืน มีทักษะสมรรถนะทางภาษา การคานวณ เทคโนโลยีดิจิตัล ความคิดสร้างสรรค์ ภาษาอังกฤษและการส่ือสาร เป็นผู้มีเหตุผล มีนิสัยและ สุขภาพที่ดี แยกแยะผิดถูก ปฏิบัติตนตามสทิ ธิและหน้าท่ีของตนโดยไม่ละเมิดสิทธิของผ้อู ่ืน เป็นสมาชิกทดี่ ีของกลุ่ม มีจิตอาสา รักท้องถ่ินและประเทศ มีสุทรียภาพในความงามรอบตัว มีความสามารถในการทาวิจัยเพ่ือพัฒนา การเรยี นรู้และแกป้ ัญหาผู้เรยี นระดับประถมศึกษา รวมท้ังทาวจิ ัยและพัฒนานวตั กรรมเพือ่ พัฒนาผู้เรียนระดับ ประถมศกึ ษาให้สามารถเปน็ ผ้รู ่วมสร้างนวัตกรรม ตัวอยา่ งสาขาวิชา  สาขาวิชาการประถมศกึ ษา ตัวอย่าง/ข้อเสนอสาระความรู้ อาทิ ๑) ปรัชญา หลกั การ แนวคดิ ทฤษฎี การประถมศกึ ษา และการศึกษาเด็ก ๒) พัฒนาการและการเรยี นรขู้ องเด็กวัยประถมศึกษาและการวิเคราะห์ผเู้ รียน ๓) ภาษาไทยสาหรับครู ๔) ภาษาองั กฤษเพื่อการส่อื สารสาหรับครู ๕) คณติ ศาสตร์สาหรับครูประถมศกึ ษา ๑๗

เอกสารแนบท้าย มคอ.๑ ๖) วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีสาหรบั ครปู ระถมศกึ ษา ๗) สังคมศกึ ษา ประวัติศาสตร์ และภูมปิ ัญญาไทยสาหรับครปู ระถมศึกษา ๘) ศลิ ปะ ดนตรี กีฬา และกจิ กรรมเข้าจังหวะสาหรบั ครปู ระถมศกึ ษา ๙) การศกึ ษาพเิ ศษสาหรับเด็ก ๑๐) หลกั สูตรและวิทยาการการจัดการเรยี นรเู้ พื่อพัฒนาเด็กระดับประถมศึกษา ๑๑) การจัดประสบการณ์การเรยี นรู้เพื่อพัฒนาค่านิยมและคุณธรรม จรยิ ธรรม ๑๒) การจัดประสบการณ์เพือ่ พัฒนาการรหู้ นังสือสาหรับผเู้ รม่ิ เรยี น ๑๓) การจัดประสบการณ์การเรียนรเู้ พ่ือพฒั นาทักษะทางภาษา (การฟงั พูด อ่านและเขยี น) ๑๔ การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการและสเต็มศึกษา (การจัดประสบการณ์การเรียนรู้เพ่ือพัฒนา ด้านตัวเลข คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี) ๑๕) การจัดประสบการณ์การเรยี นรู้เพ่ือพัฒนาทักษะสังคมและประสบการณ์ชวี ติ ๑๖) การจดั ประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อพฒั นาสุขภาพ ร่างกาย ดนตรี กีฬาและศลิ ปะ และวฒั นธรรม ๑๗) ละคร วรรณกรรมและการสร้างสรรคว์ รรณกรรมสาหรบั เดก็ ๑๘) สื่อ เทคโนโลยี แหลง่ เรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ๑๙) การสรา้ งความสมั พันธก์ บั ชมุ ชนและการมสี ว่ นร่วมกบั ผู้ปกครองในการพัฒนาเด็ก ๓. ผลลัพธ์การเรียนรู้และตัวอย่างสาขาวิชา/ข้อเสนอสาระความรู้กลุ่มสาขาวิชาวิชาภาษาไทยและ ภาษาตา่ งประเทศ ตัวอย่างสาขาวิชา  สาขาวชิ าภาษาไทย ผลลัพธ์การเรียนรู้ ผ้เู รียนมีความรแู้ ละทักษะทางภาษาไทย สามารถออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ความรู้ความเข้าใจ โครงสร้างภาษาไทยและเลือกใช้วิธี/รูปแบบการสอนภาษาแบบต่างๆ ท่ีเน้นทักษะสัมพันธ์และวรรณคดี/ วรรณกรรมเป็นฐาน เพื่อพัฒนาการรู้หนังสือและวิจารณญาณในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารของนักเรียนได้ การผลิตและใช้ส่ือเทคโนโลยีที่ทันสมัย การจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ การวิจัยเพื่อแก้ปัญหาพัฒนาผู้เรียน และการประเมินผลการเรียนรู้ภาษาไทย สามารถทาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ภาษาไทย และพัฒนาผ้เู รยี นให้สามารถเป็นผู้รว่ มสรา้ งนวัตกรรมทางภาษาไทย ตวั อย่าง/ข้อเสนอสาระความรู้ อาทิ ๑) หลกั ภาษา (๑.๑) ลักษณะและโครงสร้างของภาษาไทยตามแนวภาษาศาสตร์ (๑.๒) ระบบเสียง ระบบคา ประโยค (๑.๓) อรรถศาสตร์ (๑.๔) ฉนั ทลักษณ์ (๑.๕) ลักษณะโครงสร้างของภาษาต่างประเทศ ท่ีเก่ียวข้องกับภาษาไทย เช่น ภาษาบาลี สนั สกฤต เขมร ฯลฯ (๑.๖) วิวัฒนาการภาษาไทย ๑๘

เอกสารแนบทา้ ย มคอ.๑ ๒) วรรณคดี วรรณกรรมและวฒั นธรรมไทย (๒.๑) วรรณคดไี ทยสมัยต่างๆ วรรณกรรมปัจจุบัน วรรณกรรมท้องถิ่น วรรณกรรมทางการศึกษา วรรณกรรมทางศาสนา บทละครไทยฯลฯ (๒.๒) วิถีชีวิตไทย คุณธรรม จริยธรรม ความเช่ือ ภูมิปัญญาไทย วัฒนธรรมกับภาษา และ วรรณคดี ๓) ทักษะการใชภ้ าษา (๓.๑) หลกั เกณฑ์และลักษณะการใช้ภาษาไทย ปญั หา และการแกป้ ญั หาการใช้ภาษาไทย (๓.๒) ทกั ษะ ศลิ ปะและวฒั นธรรมในการใช้ภาษาในชีวติ ประจาวัน (๓.๓) พลังภาษา (ศิลปะการใช้ภาษาในสถานการณ์ต่างๆ) เช่น การพูดในโอกาสต่างๆ การใช้ภาษาโนม้ นา้ วจงู ใจ การพูดเชงิ วิเคราะห์วิจารณ์ ฯลฯ (๓.๔) ร้อยแก้วและรอ้ ยกรองเพ่อื สรา้ งสุนทีรยภาพทางภาษา (๓.๕) การเขียนเรียงความ บทความ ย่อความ การแต่งคาประพันธ์ การเขียนเชิงสร้างสรรค์ การเขียนเชงิ วชิ าการ การเขียนหนงั สือราชการ (๓.๖) ทักษะการคิดและการใช้ภาษาอย่างมีวิจารณญาณ การใช้ภาษาในชีวิตประจาวันและ ทักษะการใช้ภาษาผ่านสื่ออิเลก็ ทรอนิกส์ (๓.๗) การใช้ภาษาเพ่ือวชิ าการและวิชาชพี ๔) ทกั ษะการจดั การเรียนรู้ภาษาไทย (๔.๑) การจดั การเรยี นรหู้ ลักภาษาไทย (๔.๒) การจดั การเรียนรทู้ ักษะการใช้ภาษาไทย (๔.๓) การจัดการเรียนรู้วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทย  สาขาวชิ าภาษาต่างประเทศ ผลลัพธ์การเรยี นรู้ ผู้เรียนมีความรู้พ้ืนฐานทางภาษาศาสตร์ มีทักษะทางภาษา วัฒนธรรม วรรณคดี การแปลภาษา ต่างประเทศสามารถออกแบบและจัดการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ โดยใช้ความรู้ความเข้าใจโครงสร้าง ภาษาต่างประเทศและเลือกใช้วิธี/รูปแบบการสอนภาษาแบบต่าง ๆ ที่เน้นทักษะสัมพันธ์ เพื่อพัฒนาการรู้ หนังสือและวิจารณญาณในการใช้ภาษาเพื่อการส่ือสารของนักเรียนได้ การผลิตและใช้ส่ือเทคโนโลยีท่ีทันสมัย การจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ การวิจัยเพื่อแก้ปัญหาพัฒนาผู้เรียนและการประเมินผลการเรียนรู้ภาษา ต่างประเทศ สามารถทาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศและพัฒนาผู้เรียน ใหส้ ามารถเปน็ ผ้รู ว่ มสรา้ งนวัตกรรมทางภาษาต่างประเทศ ตวั อยา่ ง/ข้อเสนอสาระความรู้ อาทิ ๑) ทกั ษะการจดั การเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ (๑.๑) การจดั การเรยี นรูห้ ลักภาษาต่างประเทศ (๑.๒) การจดั การเรยี นรู้ทกั ษะการใชภ้ าษาตา่ งประเทศ (๑.๓) การจดั การเรยี นรวู้ รรณคดแี ละวรรณกรรมตา่ งประเทศ ๑๙

เอกสารแนบทา้ ย มคอ.๑ ๒) ภาษาศาสตรเ์ พอ่ื การสอนภาษาต่างประเทศ (๒.๑) แนวคิดพื้นฐานทางภาษาศาสตร์ ได้แก่ ความรู้เบื้องต้นเก่ียวกับภาษา (Language) โดยเฉพาะคุณสมบัติของภาษา วัจนะภาษา ระบบหน่วยเสียง (Phonological System) ระบบหน่วยคา (Morphological System) วากยสัมพันธ์และอรรถศาสตร์ (Syntactic and Semantic System) (๒.๒) แนวคดิ พนื้ ฐานทางภาษาศาสตรป์ ระยกุ ต์ (๒.๓) พื้นฐานการศึกษาภาษาตา่ งประเทศด้วยวธิ ีการทางภาษาศาสตร์ ๓) วัฒนธรรม (๓.๑) วัฒนธรรมของภาษาเป้าหมาย (Target Culture) (๓.๒) วัฒนธรรมไทย (Thai Culture) (๓.๓) วัฒนธรรมนานาชาติ (International Culture) ๔) วรรณคดี (๔.๑) วรรณคดภี าษาต่างประเทศเบอื้ งตน้ ในยคุ สมยั ต่างๆ จนถงึ รว่ มสมัย (๔.๒) องค์ประกอบของวรรณศิลป์ รอ้ ยแก้ว รอ้ ยกรองภาษาต่างประเทศ ๕) การแปลภาษาต่างประเทศ ๔. ผลลพั ธ์การเรียนรู้และตัวอยา่ งสาขาวชิ า/ข้อเสนอสาระความร้กู ลุ่มสาขาวชิ าคณิตศาสตร์ ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ ผู้เรียนมีความรู้เก่ียวกับหลักการ แนวคิด ทฤษฎี เนื้อหาสาระคณิตศาสตร์และโครงสร้างนามธรรม ทถี่ กู กาหนดขึ้นผา่ นทางกลุ่มของสัจพจน์ซึ่งมกี ารใหเ้ หตผุ ลท่ีแนน่ อนโดยใช้ตรรกศาสตร์สัญลักษณ์และสญั กรณ์ คณิตศาสตร์ รูปแบบและโครงสร้าง การเปล่ียนแปลงและปริภูมิมีองค์ความรู้ท่ีเป็นสากลเทียบเท่านานาชาติ สามารถเช่ือมโยงองค์ความรู้ทางคณิตศาสตร์กับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้าด้วยกันอีกทั้งเชื่อมโยงความรู้ และกระบวนการเรียนรู้โดยให้เรียนรูผ้ ่านการปฏิบัติท่ีส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาความคิด สามารถออกแบบและ จัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ การผลิตและใช้ส่ือเทคโนโลยีที่ทันสมัย การจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ การวิจัย เพ่ือแก้ปัญหาพัฒนาผู้เรียนและการประเมินผลการเรียนรู้คณิคศาสตร์ สามารถทาวิจัยและพัฒนานวัตกรรม เพอื่ พฒั นาการเรียนรคู้ ณติ ศาสตรแ์ ละพัฒนาผเู้ รยี นให้สามารถเปน็ ผูร้ ว่ มสร้างนวตั กรรมทางคณิตศาสตร์ ตวั อย่างสาขาวชิ า (วชิ าเอก)  สาขาวชิ าคณิตศาสตร์ ตัวอย่าง/ขอ้ เสนอสาระความรู้ อาทิ ๑) จานวนและการดาเนินการ ๒) การวัด ๓) เรขาคณติ ๔) พีชคณติ ๕) สถติ แิ ละความน่าจะเป็น ๖) แคลคูลัส ๗) ความสมั พันธแ์ ละความเช่อื มโยงของเนอ้ื หาคณิตศาสตร์ ๒๐

เอกสารแนบทา้ ย มคอ.๑ ๕. ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้และตัวอยา่ งสาขาวชิ า/ข้อเสนอสาระความรู้กลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผลลพั ธ์การเรียนรู้ ผู้เรียนมีความรู้เก่ียวกับหลักการ แนวคิด ทฤษฎี เนื้อหาสาระวิทยาศาสตร์ อันได้แก่ วิทยาศาสตร์ทั่วไป ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา และเทคโนโลยี ผู้เรียนมีองค์ความรู้ท่ีเป็นสากลเทียบเท่านานาชาติ สามารถติดตามและ ร้เู ท่าทันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี สามารถเชื่อมโยงองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับเทคโนโลยีและศาสตร์ อื่นเข้าด้วยกัน อีกทั้งเชื่อมโยงความรู้และกระบวนการเรียนรู้โดยให้เรียนรู้ผ่านการปฏิบัติที่ส่งเสริมให้ผู้เรียน พฒั นาความคิด สามารถออกแบบและจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สามารถบูรณาการข้ามศาสตร์ การผลิตและ ใช้สื่อเทคโนโลยีท่ีทันสมัย การจัดสภาพแวดล้อมเพื่อพัฒนาการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ การวิจัยเพื่อแก้ปัญหา พัฒนาผู้เรียนและการประเมินผลการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สามารถทาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพ่ือพัฒนา การเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ และพัฒนาผเู้ รียนให้สามารถเป็นผู้รว่ มสรา้ งนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ ตวั อย่างสาขาวิชา  สาขาวชิ าวิทยาศาสตร์ทวั่ ไป ตัวอย่าง/ข้อเสนอสาระความรู้ อาทิ ๑) วิทยาศาสตร์และคณติ ศาสตร์พนื้ ฐาน (๑.๑) คณิตศาสตร์ (๑.๒) ฟิสิกส์ (๑.๓) เคมี (๑.๔) ชีววิทยา ๒) วิทยาศาสตร์ทั่วไป (๒.๑) วิทยาศาสตร์โลก (๒.๒) วทิ ยาศาสตร์ส่งิ แวดล้อม (๒.๓) ดาราศาสตร์ (๒.๔) ไฟฟา้ และพลงั งาน (๒.๕) วทิ ยาการสมยั ใหมเ่ กย่ี วกบั วิทยาศาสตรท์ ่ัวไป  สาขาวชิ าฟิสกิ ส์ ตัวอย่าง/ขอ้ เสนอสาระความรู้ อาทิ ๑) วทิ ยาศาสตร์และคณติ ศาสตรพ์ ืน้ ฐาน ๒) ความรูเ้ ฉพาะสาขาฟสิ ิกส์ (๒.๑) คณิตศาสตร์ท่จี าเป็นสาหรับฟิสิกส์ (๒.๒) กลศาสตร์ (๒.๓) อณุ หพลศาสตร์ (๒.๔) คลน่ื (๒.๕) พลงั งาน (๒.๖) ไฟฟา้ แมเ่ หล็ก อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (๒.๗) ฟสิ ิกสย์ ุคใหม่ (๒.๘) วทิ ยาการสมยั ใหมเ่ ก่ยี วกับฟสิ กิ ส์ ๒๑

เอกสารแนบท้าย มคอ.๑  สาขาวชิ าเคมี ตวั อย่าง/ข้อเสนอสาระความรู้ อาทิ ๑) วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์พ้นื ฐาน ๒) ความร้เู ฉพาะสาขาเคมี (๒.๑) เคมีอนิ ทรยี ์ (๒.๒) เคมอี นนิ ทรยี ์ (๒.๓) เคมวี ิเคราะห์ (๒.๔) วิทยาการสมัยใหม่เกย่ี วกับเคมี  สาขาวชิ าชวี วทิ ยา ตวั อย่าง/ขอ้ เสนอสาระความรู้ อาทิ ๑) วทิ ยาศาสตร์และคณิตศาสตรพ์ น้ื ฐาน ๒) ความรู้เฉพาะสาขาชีววทิ ยา (๒.๑) พฤษศาสตร์ (๒.๒) พันธุศาสตร์ (๒.๓) จลุ ชวี วิทยา (๒.๔) สัตววิทยา (๒.๕) นเิ วศวทิ ยา (๒.๖) วทิ ยาการสมัยใหม่เกย่ี วกบั ชีววิทยา  สาขาวชิ าเทคโนโลยี ตวั อยา่ ง/ข้อเสนอสาระความรู้ อาทิ ๑) วิทยาศาสตร์และคณติ ศาสตรพ์ น้ื ฐาน ๒) ความรูเ้ ฉพาะสาขาเทคโนโลยี (๒.๑) พื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยดี จิ ิทลั (๒.๒) หลกั การคิดเชงิ คานวณ การแก้ปญั หาโดยใชแ้ นวคิดเชิงคานวณ ฟังชั่น (๒.๓) การออกแบบ เทคโนโลยี การวางแผน และการดาเนินการ และการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศอย่างปลอดภยั (๒.๔) การใช้อนิ เทอร์เนต็ ซอฟต์แวรแ์ ละการพัฒนาแอปพลิเคชัน การเขียนโปรแกรม (๒.๕) เครอ่ื งมอื ทางฮารด์ แวร์ การใชง้ านโปรแกรมไมโครคอนโทรเลอร์ และสมองกล (๒.๖) การสืบค้น การรวบรวม การวิเคราะห์ การประมวลผล การเลือกใช้แหล่งข้อมูล ประเมนิ และนาเสนอข้อมลู สารสนเทศ (๒.๗) ออกแบบ พัฒนาระบบสารสนเทศ การออกแบบและพฒั นานวตั กรรม การพฒั นาโครงงาน (๒.๘) การนาแนวคิดเชิงคานวณไปพัฒนาโครงงานทเี่ ก่ยี วกบั ชวี ิตประจาวัน ธรุ กิจและบรกิ าร (๒.๙) การเพ่ิมมลู คา่ ใหบ้ รกิ ารหรือผลิตภัณฑ์ (๒.๑๐) วิทยาการสมยั ใหม่เกยี่ วกับเทคโนโลยี การรู้เท่าทัน (๒.๑๑) กฎหมายคอมพวิ เตอร์และการใชล้ ขิ สิทธข์ิ องผู้อนื่ โดยชอบธรรม ๒๒

เอกสารแนบทา้ ย มคอ.๑ ๖. ผลลพั ธ์การเรียนรู้และตวั อยา่ งสาขาวิชา/ขอ้ เสนอสาระความรู้กลมุ่ สาขาวิชาสังคมศกึ ษา ผลลพั ธ์การเรียนรู้ ผู้เรียนมีความรู้เกี่ยวกับหลักการ แนวคิด ทฤษฎี เนื้อหาสาระสังคมศึกษา ความรู้ ความเข้าใจ ในการดารงชีวติ ทั้งในฐานะปัจเจกบคุ คลและการอยู่รว่ มกนั ในสังคม เข้าใจถึงการพัฒนาและการเปล่ียนแปลง ตามยุคสมัย กาลเวลา ตามเหตุปัจจัยต่างๆ ทาให้เกิดความเข้าใจในตนเองและผู้อ่ืน มีความอดทน อดกล้ัน ยอมรับในความแตกต่าง รู้จักการสร้างสมานฉันท์ มีจิตสานึกร่วมที่ดีและมีทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับชาติ บ้านเมือง มีคุณธรรม จริยธรรม การปฏิบัติตนตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนับถือ การปรับตัวตามสภาพแวดล้อม การจัดการทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่างจากัด และเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถออกแบบและจัดการเรียนรู้สังคมศึกษา สามารถบูรณาการการจัดการเรียนรู้ การผลิตและใช้สื่อเทคโนโลยีท่ีทันสมัย การจัดสภาพแวดล้อมเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ การวิจัยเพื่อแก้ปัญหา พัฒนาผู้เรียนและการประเมินผลการเรียนรู้ สามารถทาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ และ พัฒนาผู้เรียนให้สามารถเป็นผู้ร่วมสร้างนวัตกรรมทางสังคมศึกษา สามารถนาความรู้ไปปรับใช้ในการดาเนิน ชีวิตอย่างมีคุณภาพและร่วมสร้างสังคมที่มั่งคั่งและยั่งยืนอย่างสร้างสรรค์ ตลอดจนเป็นพลเมืองดีของ ประเทศชาติและสังคมโลก ตัวอย่างสาขาวิชา  สาขาวิชาสงั คมศึกษา ตัวอย่าง/ข้อเสนอสาระความความรู้ อาทิ ๑) ปรัชญา ความเชอื่ และศาสนา (๑.๑) ประวัตขิ องพระพุทธเจา้ และศาสดาแห่งศาสนาอืน่ ๆ (๑.๒) หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาและศาสนาอ่ืนๆ (๑.๓) การเผยแพรพ่ ระพุทธศาสนาและศาสนาอน่ื ๆ (๑.๔) พุทธจริยศาสตรแ์ ละจริยศาสตรแ์ ห่งศาสนาอ่นื ๆ (๑.๕) ศาสนาเปรยี บเทียบหรือศาสนาสากล ๒) ประวตั ศิ าสตร์ (๒.๑) ประวัตศิ าสตรไ์ ทย (๒.๒) ประวัติศาสตร์ทอ้ งถ่ิน (๒.๓) ประวตั ิศาสตร์สากล (๒.๔) วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ ๓) ภูมิศาสตร์ ส่งิ แวดลอ้ ม และประชากร (๓.๑) ภมู ิศาสตร์ประเทศไทย (๓.๒) ภูมิศาสตร์กายภาพ (๓.๓) ระบบสารสนเทศภูมศิ าสตร์/แผนท่ี (๓.๔) ส่งิ แวดล้อมและประชากร ๔) รฐั ศาสตร์และนติ ิศาสตร์ (๔.๑) ความรพู้ ื้นฐานทางรัฐศาสตร์ (๔.๒) ความรู้พน้ื ฐานทางกฎหมายทั่วไป (๔.๓) การเมืองการปกครองไทย ๒๓

เอกสารแนบทา้ ย มคอ.๑ ๕) สงั คมวิทยาและมานุษยวทิ ยา (๕.๑) ความรูพ้ ืน้ ฐานทางสงั คมวิทยา (๕.๒) การเปลย่ี นแปลงทางสงั คมและวฒั นธรรมในยุคดจิ ิทัล (๕.๓) พัฒนาการของสังคมสมยั ใหม/่ ยุคดิจิทลั ๖) เศรษฐศาสตร์ (๖.๑) ความรู้พน้ื ฐานทางเศรษฐศาสตร์ (๖.๒) เศรษฐกจิ ไทยและเศรษฐกจิ โลก ๗. ผลลัพธ์การเรียนรู้และตัวอย่างสาขาวิชา/ข้อเสนอสาระความรู้กลุ่มสาขาวิชาสุขศึกษา พลศึกษา และนนั ทนาการ ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ ผู้เรียนมคี วามรู้เกี่ยวกับหลักการ แนวคิด ทฤษฎี เน้ือหาสาระวิชาสุขศึกษา พลศึกษาและนันทนาการ มีพัฒนาการทางกายและทางจิต มีความรู ทักษะ เจตคติ คุณธรรม คานิยม และการปฏิบัติและพฤติกรรม เก่ียวกับสุขภาพ การสร้างเสริมสุขภาพองค์รวม การออกกาลังกายและปฏิบัติกิจกรรมในเวลาว่างเพ่ือการเสริมสร้าง สุขภาพ สามารถออกแบบและจัดการเรียนรู้ สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียน ให้เป็นผู้ที่มี สุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดี มีคุณภาพ เหมาะสม สอดคล้องและตอบสนองความสนใจและความแตกต่างของผู้เรียน โดยการประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยี ตลอดจนข้อมูลสารสนเทศได้อย่างเหมาะสมกับผเู้ รียนทุกช่วงวัย ผู้เรียนมีความ ตระหนักรู้ มีเจตคติท่ีดีต่อการดูแลสุขภาพ มีทักษะปฏิบัติดานสุขภาพจนเปน กิจนิสัย มีสุขภาวะที่ดี ท้งั ด้านรา่ งกายและจติ ใจ แขง็ แรง สมบรู ณ์ ตวั อยา่ งสาขาวชิ า  สาขาวชิ าสขุ ศกึ ษา ตวั อยา่ ง/ขอ้ เสนอสาระความรู้ ๑) การเจริญเตบิ โตและพฒั นาการของมนุษย (๑.๑) ปจจัยท่ีมผี ลตอการเจรญิ เติบโต (๑.๒) การทางานของระบบตางๆของรางกายและความสัมพันธเชอ่ื มโยงกนั (๑.๓) การปฏบิ ตั ติ นเพื่อใหเจรญิ เติบโตและมพี ัฒนาการท่สี มวัย (๑.๔) การปรบั ตัวตอการเปลีย่ นแปลงทางรางกาย จติ ใจ ๒) เพศศึกษา (๒.๑) อารมณความรูสึกทางเพศ (๒.๒) สุขปฏบิ ตั ทิ างเพศ (๒.๓) การสรางและการรักษาสมั พันธภาพกับผอู้ น่ื (๒.๔) การตั้งครรภ์และการป้องกนั ๓) โรค โรคตดิ ตอ่ และการปองกนั โรค ๔) อาหาร ยาและการบรกิ ารสขุ ภาพ (๔.๑) ยารักษาโรค (๔.๒) สารเสพตดิ (๔.๓) ความรนุ แรง อนั ตรายจากการใชยาและสารเสพติด (๔.๔) ผลิตภัณฑและบรกิ ารสขุ ภาพและการเลือกบรโิ ภค ๒๔

เอกสารแนบทา้ ย มคอ.๑ ๕) สวสั ดศิ ึกษา (๕.๑) อุบตั ิเหตุ (๕.๒) ความปลอดภัยในชีวติ และการสร้างเสรมิ ทกั ษะความปลอดภยั ในชีวติ (๕.๓) การปฐมพยาบาล (๕.๔) การปองกนั ตนเองจากพฤตกิ รรมเสีย่ งตางๆ (๕.๕) ความปลอดภยั และการดูแลความปลอดภยั ในสถานศกึ ษาและชมุ ชน ๖) การดแู ลสขุ ภาพตนเอง ครอบครวั และชมุ ชน (๖.๑) การเตรยี มพร้อมเพอื่ เขา้ สูส่ ังคมสงู วยั และการดูแล ๗) โครงการสุขศกึ ษาและโครงการสขุ ภาพในโรงเรยี นและชมุ ชน  สาขาวชิ าพลศึกษา เป็นการศึกษาเพื่อพัฒนากาย ใจ อารมณ์ สังคมและสติปัญญา ความมีน้าใจนักกีฬา โดยใช้กีฬา และออกกาลงั การเป็นเคร่ืองมือในการพัฒนา ตวั อยา่ ง/ขอ้ เสนอสาระความรู้ อาทิ ๑) ประวตั ิ ปรัชญา หลักการ การเล่นกฬี าและออกกาลงั กาย ๒) การออกแบบโปรแกรม การฝกึ กีฬา ไทยและ/หรือกฬี าสากล ๓) ระบบการทางานของรา่ งกายทเ่ี ก่ียวข้องกับการเคล่ือนไหวร่างกาย ๔) วิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวร่างกาย และการพัฒนาประสิทธิภาพการเคลื่อนไหวร่างกาย การออกกาลงั กาย การเลนเกม และการเลนกีฬา ๕) การเสริมสรา้ งสมรรถภาพทางกายและทักษะการเล่นกีฬา ๖) การเขารวมกิจกรรมกีฬา การปฏิบัติตามกฎ กติกา ระเบียบ และขอตกลงในการเข้าร่วมและ การประยกุ ต์ใช้ ๗) ความปลอดภัยและอุบตั ิเหตุจากการเลน่ กีฬาและการการปองกันและหลกี เลี่ยง ๘) การสง่ เสริมการออกกาลงั กายและการเสริมสรา้ งศักยภาพการเล่นกฬี า (๘.๑) การเปน็ ผฝู้ กึ สอนกฬี าสาหรับผ้เู รยี น (๘.๒) การจดั โครงการแข่งขนั กีฬาภายในและระหว่างโรงเรียน (๘.๓) การจัดโครงการ กิจกรรมส่งเสริมการออกกาลังกายและการเล่นกีฬาแก่ผู้เรียน ทง้ั ที่ปกติและมคี วามบกพร่องทางด้านรา่ งกาย (๘.๔) โครงการเสรมิ สร้างและทดสอบสมรรถภาพทางกาย  สาขาวิชานันทนาการศึกษา ตวั อย่าง/ขอ้ เสนอสาระความรู้ อาทิ ๑) แนวคดิ ทฤษฎีและหลกั การ ทางนนั ทนาการและการประยุกตใ์ ชใ้ นการจดั การศึกษา ๒) การทางานของระบบตางๆของรางกายและความสัมพนั ธเช่อื มโยงกนั ๓) การเลน่ การพกั ผอ่ นหย่อนใจ เวลาว่างและการใช้เวลาว่างให้เปน็ ประโยซน์ ๔) กิจกรรมนันทนาการประเภทต่างๆ สาหรับคนวัยต่างๆ และการประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง และการทางาน ๕) ผู้นานนั ทนาการและการบริหาร จัดการนันทนาการ ๖) นนั ทนาการกับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ๒๕

เอกสารแนบทา้ ย มคอ.๑ ๗) สุขภาพกายและสุขภาพจิต และนันทนาการเพ่อื สขุ ภาพ ๘) นันทนาการในชุมชน ภูมิปัญญา วัฒนธรรม บริบทชุมชน ความเป็นไทย และการอนุรักษ์ แหลง่ นนั ทนาการในชมุ ชนอย่างยั่งยนื ๙) ความปลอดภัยในการเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการ ๑๐) นนั ทนาการในโรงเรียน (๑๐.๑) การออกแบบกิจกรรมนันทนาการในหลักสูตร เสริมหลักสูตร นอกหลักสูต ร เพอื่ พฒั นาผเู้ รยี น (๑๐.๒) โครงการและกิจกรรมนนั ทนาการในโรงเรยี น ๘. ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้และตัวอย่างสาขาวชิ า/ข้อเสนอสาระความรู้กลุ่มสาขาวิชาวิชาศลิ ปศึกษา ดนตรีศกึ ษา และนาฏศิลป์ศึกษา ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ ผู้เรียนความรอบรู้ในหลักการ แนวคิด ทฤษฎี เนื้อหาวิชาชีพทางด้าน ศิลปะ ดนตรี นาฏศิลป์ มีสุนทรียภาพ สามารถวิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์งาน ออกแบบและสร้างสรรค์และแสดงผลงานศิลปะ ดนตรี นาฏศิลป์ สามารถออกแบบและจัดการเรียนรู้ โดยบูรณาการการจัดการเรียนรู้ในกลุ่มสาขาและบูรณาการ ขา้ มศาสตร์ข้ามวัฒนธรรม การผลิตและใช้สื่อเทคโนโลยีทที่ ันสมัย การจดั สภาพแวดล้อมเพอื่ พัฒนาการเรียนรู้ ดา้ นศลิ ปะ ดนตรี นาฏศิลป์ มีความเขา้ ใจเก่ียวกบั งานวิจยั งานสรา้ งสรรค์ และงานนวัตกรรม สนู่ วตั ศิลป์ การวจิ ัย เพ่ือแก้ปัญหาพัฒนาผู้เรียนและการประเมินผลการเรียนรู้ สามารถทาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อพัฒนา การเรียนร้แู ละพฒั นาผเู้ รยี นให้สามารถเป็นผู้ร่วมสรา้ งนวัตกรรม ตลอดจนติดตามความก้าวหนา้ ทางด้านศลิ ปะ ดนตรี นาฏศิลป์ สามารถวิเคราะห์ความรู้ เนื้อหาวิชาที่สอนอย่างลึกซึ้ง สามารถนาไปประยุกต์ใช้ในการพฒั นา ผู้เรยี น และการปฏิบตั ิงานวิชาชีพอย่างลกึ ซง้ึ ตัวอยา่ งสาขาวิชา  สาขาวิชาศลิ ปะ ตวั อย่าง/ขอ้ เสนอสาระความรู้ อาทิ ๑) ทฤษฎีและวิธวี ิทยาทางศลิ ปวัฒนธรรม ๒) ประวัติศาสตร์ศิลปะ ความสมั พนั ธข์ องทัศนศิลป์ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ๓) หลักการ รปู แบบ องคป์ ระกอบศลิ ป์ ทัศนธาตุ ๔) ศิลปวฒั นธรรมอาเซี่ยน ๕) ศิลปะไทย ศลิ ปะรว่ มสมยั และเทคโนโลยี ๖) จิตรกรรม ๗) ประตมิ ากรรม ๘) ภาพพิมพ์ ๙) ส่ือวัสดุศิลปะและกลวิธสี รา้ งสรรค์ทางจิตรกรรม ๑๐) การออกแบบและการเขยี นแบบ ๑๑) คอมพิวเตอร์อาร์ต จติ รกรรมรว่ มสมยั กับส่ือดิจทิ ลั ๑๒) ปฏิบัติการสร้างสรรค์ศิลปะจินตทัศน์ ทักษะพื้นฐาน ทักษะศิลปะ ท่ีเป็นแบบแผนพ้ืนบ้าน พน้ื เมืองและสากลนิยม ๑๓) สร้างและนาเสนอผลงานทางทศั นศลิ ป์ ๒๖

เอกสารแนบท้าย มคอ.๑ ๑๔) การใช้เครอื่ งมอื อุปกรณ์ เทคนคิ วธิ กี ารของศลิ ปนิ ในการสรา้ งงานทศั นศลิ ป์ ๑๕) หลกั การวจิ ารณ์ วิเคราะห์ วิพากษ์งานศลิ ปะ กฎเกณฑด์ ้านศิลปะ ๑๖) ทศั นศิลป์ นพิ นธ์  สาขาวิชาดนตรี ตัวอยา่ ง/ข้อเสนอสาระความรู้ อาทิ ๑) สุนทรยี ศาสตร์กบั ดนตรศี กึ ษา ๒) ทฤษฎีดนตรี ๓) ประวตั ิ ปรชั ญา ดนตรี (๓.๑) ดนตรใี นยุคต่างๆ (๓.๒) ความสมั พันธข์ องดนตรี ประวตั ิศาสตร์และวฒั นธรรม ๔) ดนตรรี ะดับประถมศกึ ษา มธั ยมศกึ ษา อาชวี ศึกษา ๕) การจัดการเรยี นรู้ดนตรี ๖) จิตวิทยาการจดั เรียนรดู้ นตรี ๗) เทคโนโลยใี นดนตรีศกึ ษา ๘) ทักษะดนตรี (๘.๑) การอา่ นออกเสยี งโนต้ และพัฒนาโสตประสาท (๘.๒) การขบั รอ้ งและการขับรอ้ งประสานเสยี ง (๘.๓) การบรรเลงและการแสดงและการถ่ายทอดความรู้สึกทางดนตรี ๙) หลกั การวิจารณ์ วเิ คราะห์ วิพากษ์ กฎเกณฑด์ ้านดนตรี ๑๐) การซ่อมแซมและบารงุ รกั ษาเครอื่ งดนตรี  สาขาวิชานาฏศิลป์ศกึ ษา ตัวอยา่ ง/ข้อเสนอสาระความรู้ อาทิ ๑) ประวัติ แนวคิด ทฤษฎีการสอนนาฏศิลปะ ๒) พื้นฐานการเคลือ่ นไหวทางนาฏศิลป์ ๓) นาฏศิลปไ์ ทยสาหรับครู ๔) นาฎศลิ ปไ์ ทยพ้นื บา้ นสาหรบั ครู ๕) นาฏศลิ ปร์ ่วมสมัย ๖) ดนตรีสาหรับครนู าฏศลิ ป์ ๗) ทฤษฎี หลักการและการจดั การเรียนร้นู าฏศลิ ป์ ๘) การจดั การเรยี นรนู้ าฏศิลปส์ าหรับเด็กท่มี ีความตอ้ งการพิเศษเฉพาะ ๙) สือ่ และนวตั กรรมการสอนศิลปะการแสดงสาหรับครู ๑๐) นาฏศิลปอ์ าเซยี น ๑๑) การสร้างผลงานนาฏศลิ ป์ ๑๒) การเขียนบทละครเบือ้ งต้น ๑๓) การออกแบบเพอ่ื ศลิ ปะการแสดง ภมู ิปัญญาไทยกับศลิ ปะการแสดง ๑๔) การสรา้ งสรรค์งานนาฏศลิ ป์ ๑๕) สุนทรียและการวิจารณง์ านศลิ ปะการแสดง ๑๖) การวจิ ัยทางการสอนนาฏศิลปไ์ ทย ๒๗

เอกสารแนบทา้ ย มคอ.๑ ๙. ผลลัพธ์การเรียนรู้และตัวอย่างสาขาวิชา/ข้อเสนอสาระความรู้กลุ่มสาขาวิชาจิตวิทยาการศึกษา และการแนะแนว ผลลัพธ์การเรยี นรู้ ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าในด้านจิตวิทยาการศึกษาและการแนะแนว เนื้อหาวิชาธรรมชาติของผู้เรียน และความแตกต่างของบุคคล เป็นผู้มีวุฒิภาวะทางอารมณ์และสังคม มีมนุษยสมั พันธ์ สามารถวิเคราะหผ์ ู้เรียน และมีความพร้อมในการช่วยเหลอื แก้ปัญหาและพัฒนาผเู้ รียนเปน็ รายบุคคลด้วยความเต็มใจ สามารถบริหารและ จัดบริการแนะแนวและกิจกรรมแนะแนวในสถานศึกษา การให้บริการด้านการปรึกษาเชิงจิตวิทยาอย่างเป็นระบบ โดยใช้เครื่องมอื ทางจติ วิทยาเพอื่ พัฒนาผู้เรยี นใหม้ ีความสุขและประสบความสาเร็จในการเรียนรู้และการดารงชีวิต สามารถออกแบบและจัดการเรียนรู้ การผลิตและใช้สื่อเทคโนโลยีท่ีทันสมัย การจัดสภาพแวดล้อมเพ่ือพัฒนา การเรียนรู้ การประเมินผลการเรียนรู้ สามารถทาวจิ ัยและพฒั นานวตั กรรมเพอื่ ช่วยเหลือ แกป้ ัญหาและพัฒนา ผู้เรียน และพัฒนาผู้เรยี นให้สามารถเป็นผู้รว่ มสร้างนวตั กรรม ตัวอยา่ งสาขาวิชา  สาขาวิชาจิตวิทยาการศึกษาและการแนะแนว ตวั อย่าง/ข้อเสนอสาระความรู้ อาทิ ๑) จติ วิทยา (๑.๑) จติ วิทยาทัว่ ไป (๑.๒) จติ วทิ ยาครอบครวั (๑.๓) จติ วิทยาพัฒนาการ (๑.๔) จิตวทิ ยาสงั คม ๒) จิตวทิ ยาการศกึ ษา (๒.๑) จติ วทิ ยาการเรียนรู้ (๒.๒) การปรบั พฤตกิ รรมเบอ้ื งต้น ๓) การแนะแนว (๓.๑) หลกั การแนะแนวเบ้อื งต้นการ (๓.๒) การแนะแนวการศกึ ษา การแนะแนวอาชพี การแนะแนวส่วนบคุ คล (๓.๓) การจัดบริการแนะแนว (๓.๔) การจัดกิจกรรมแนะแนว และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในสถานศึกษาโดยบูรณาการ หลกั การด้านจติ วทิ ยาแบบองคร์ วม (๓.๕) การเก็บข้อมูลเป็นรายบคุ คล (๓.๖) การจัดบริการสนเทศ (๓.๗) การจดั บรกิ ารวางตวั บุคคล (๓.๘) กระบวนการกลมุ่ (๓.๙) อาชีพศึกษาและพฒั นาการทางอาชีพ ๔) จิตวิทยาการให้การปรึกษา (๔.๑) ทฤษฎี หลักการการให้การปรกึ ษา (๔.๒) คุณสมบัตผิ ู้ใหก้ ารปรกึ ษา ๒๘

เอกสารแนบทา้ ย มคอ.๑ (๔.๓) การให้คาปรกึ ษาเบื้องต้น เป้าหมายของการให้การปรกึ ษา กระบวนการให้การปรึกษา เทคนคิ การให้การปรกึ ษา ฝึกปฏบิ ัติการใหก้ ารปรกึ ษา ๕) การติดตามและประเมนิ ผลการให้บริการทางจิตวทิ ยา การแนะแนวและให้คาปรึกษา ๑๐. ผลลัพธ์การเรียนรู้และตัวอย่างสาขาวิชา/ข้อเสนอสาระความรู้กลุ่มสาขาวิชาเทคโนโลยีและสื่อสาร การศกึ ษา ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ ผู้เรียนมีความรอบรู้ในแนวคิด หลักการ พัฒนาการ ทฤษฎี และวิทยวิธีด้านเทคโนโลยีและสื่อสาร การศึกษา สามารถวิเคราะห์ สังเคราะห์และประเมินความรู้ด้านเทคโนโลยีและส่ือสารการศึกษา อย่างลึกซึ้ง สามารถติดตามความก้าวหน้าด้านวิทยาการเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา รู้เท่าทันและนาไปประยุกต์ใช้ ในการพัฒนาผู้เรียน สามารถจัดระบบ วิเคราะห์และกาหนดพฤติกรรมครูและผู้เรียน ออกแบบวิธีการและ เทคนิคการศึกษา การสื่อสาร การจัดสภาพแวดล้อม การบริหารและการจัดการ และการประเมินเทคโนโลยี และส่ือสารการศึกษา เพื่อออกแบบและจัดการเรียนรู้ การผลิตและใช้เทคโนโลยีทันสมัย พัฒนาการเรียนรู้ การประเมินผลการเรียนรู้ สามารถทาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ และพัฒนาผู้เรียนให้สามารถเป็น ผู้ร่วมสรา้ งนวตั กรรม ตัวอยา่ งสาขาวชิ า  สาขาวชิ าเทคโนโลยแี ละสือ่ สารการศึกษา ตวั อยา่ ง/ข้อเสนอสาระความรู้ อาทิ ๑) การจัดระบบการศึกษา (Systems Approach in Education) (๑.๑) ระบบและการจัดระบบการศกึ ษา (๑.๒) วิธีการจัดระบบ และการออกแบบระบบการเรยี นการสอนใหม่ (๑.๓) การประยกุ ต์ระบบการเรยี นการสอนในสถานศกึ ษา (๑.๔) การออกแบบระบบการสอน และการออกแบบการสอนใหส้ อดคล้องกบั บริบทไทย (๑.๕) การศกึ ษาค้นคว้าวิจยั ด้านระบบและการจัดระบบ (๑.๖) การออกแบบระบบการสอนประจาตัวครู (Teacher’s Personal Instructional System-TPIS) การกาหนดองคป์ ระกอบ ขั้นตอน และแบบจาลองระบบ ประจาตัวครู (ไม่ใชแ่ ผนการสอน) ๒) การวเิ คราะหแ์ ละกาหนดพฤติกรรม (Behavioral Performance Analytics) (๒.๑) การประยุกต์หลกั การทฤษฎจี ติ วทิ ยาในการเรยี นการสอน (๒.๒) การวเิ คราะหแ์ ละปรบั เปลีย่ นพฤติกรรมครอู าจารย์และผเู้ รียน (๒.๓) การพฒั นาโมเดลพฤตกิ รรมสาหรบั ครูอาจารยแ์ ละผ้เู รียน (๒.๔) การศกึ ษาคน้ คว้าวจิ ยั นวตั กรรมโมเดลพฤติกรรมใหม่สาหรบั ครูอาจารย์ในสถานศกึ ษา ๓) วทิ ยวธิ แี ละเทคนคิ (Methods and Techniques) (๓.๑) วิธกี ารและเทคนิคสาหรบั การศึกษา การเผยแพรแ่ ละฝกึ อบรม (๓.๒) การศึกษานวัตกรรมดา้ นวิธีการและเทคนิคใหม่ (๓.๓) การสารวจและการใช้วธิ กี ารสอนแบบดั้งเดมิ และวธิ ีการสอนใหม่ (๓.๔) วิธีการสอนแบบเผชิญหนา้ (๓.๕) วธิ ีการเรยี นทางอเิ ลก็ ทรอนกิ สใ์ นรปู แบบตา่ งๆ ๒๙

เอกสารแนบทา้ ย มคอ.๑ (๓.๖) การศกึ ษาวิจัยและการประยุกตว์ ธิ กี ารสอนแบบใหม่ (๓.๗) ระบบการสอนสมัยใหม่ (๓.๘) ระบบการสอนแบบองิ ประสบการณ์ (๓.๙) ระบบการสอนแบบอิงสมรรถนะ (๓.๑๐) ระบบการสอนแบบศูนยก์ ารเรียน (๓.๑๑) การสอนแบบมีส่วนร่วม ๔) การส่ือสารการศกึ ษา (Educational Communications) (๔.๑) การสอ่ื สารพ้นื ฐานเพือ่ การศึกษา (Basic Educational Communication) หรอื ส่อื การศึกษา (Educational Media) - ส่ือโสตทัศน์ (Audio-visual Media) - ภาพชุด ภาพเคลอื่ นไหว (Stills and Moving Images) - สไลด์คอมพวิ เตอร์ (Computer Slides: PowerPoint presentation) - โปสเตอร์ และปา้ ยโฆษณา (Posters and Billboards) - นิทรรศการ (Exhibitions and Expositions) - การจัดแสดง (Event Organizing) (๔.๒) ส่ือสารมวลชนเพ่ือการศกึ ษา (Educational Mass Communication) อาจประกอบดว้ ยสาระวิชาดังน้ี - ส่ือพิมพ์การศึกษา - วทิ ยกุ ระจายเสียงการศกึ ษา - วิทยุโทรทัศน์การศกึ ษา - ภาพยนตร์การศึกษา (๔.๓) คอมพวิ เตอรศ์ ึกษา - การสอนคอมพวิ เตอร์ - บทเรยี นคอมพิวเตอรศ์ กึ ษา - บทเรียนดิจิทัลออนไลนแ์ ละออฟไลนผ์ า่ น OER, MOOC - การศกึ ษาบนฝา่ มือ (On Palm Education : OPE Model) - ระบบสอนเสริมอัจฉรยิ ะ (AI-Tutorial System) (๔.๔) เทคโนโลยีสารสนเทศการศึกษา - การจดั ระบบข้อมลู และสารสนเทศ - การพฒั นาระบบจัดการจดั หา จดั เก็บและใหบ้ รกิ ารสืบคน้ ข้อมูล เครอื ข่ายบรกิ ารศนู ย์ความรูอ้ จั ฉรยิ ะสาหรับศนู ย์ความรู้ (๔.๕) เทคโนโลยีการศกึ ษาภควันภาพ (Ubiquitous Educational Technology) - การเรียนทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์ (E-Learning) - การเรยี นทางคอมพวิ เตอรพ์ กพา (Mobile Learning) - เทคโนโลยกี ารศึกษาทางไกล (Distance Educational Technology) ๓๐

เอกสารแนบทา้ ย มคอ.๑ (๔.๖) สื่อสารพ้นื บ้านเพอื่ การศึกษา เพอื่ ถ่ายทอดความรู้ ประวตั ศิ าสตร์ วัฒนธรรม และขนบธรรมเนยี มประเพณี ดังนี้ - นาฏศลิ ป์เพอื่ การศกึ ษา - การแสดงละคร ลเิ ก หมอลาเพือ่ การศกึ ษา - ดนตรพี นื้ เมอื ง และเพลงเพื่อการศึกษา - การศกึ ษาคน้ ควา้ วจิ ัยพฒั นาสื่อสารพ้นื บ้านเพื่อการศกึ ษา - การใชน้ วัตกรรมการส่อื สารการศกึ ษาพื้นบ้านท่ีเหมาะสมกับครูอาจารยแ์ ละผู้เรียน ในบรบิ ทไทยและวิถีไทย ๕) การจดั สภาพแวดลอ้ มการศึกษา (Educational Environment) (๕.๑) การจัดสภาพแวดลอ้ มทางกายภาพ - การจดั สภาพแวดลอ้ มห้องเรยี นและหอ้ งปฏบิ ัตกิ าร - อุทยานการศึกษา - พิพิธภัณฑ์การศึกษา พิพิธภัณฑ์โรงเรียน พิพิธภัณฑ์ในชุมชน พิพิธภัณฑ์ชีวิต (Life Museum) ของครอู าจารยแ์ ละผเู้ รยี น (๕.๒) การจัดสภาพแวดลอ้ มทางจติ ภาพ - การพฒั นาบรรยากาศการเรยี นการสอน - การพฒั นาแบบจาลองการพฒั นาจิตวญิ ญาณครู - การจัดสภาพแวดล้อมทางสงั คมภาพ - มนษุ ยสมั พันธก์ ารอยรู่ ่วมกันในสังคมเทคโนโลยกี ารสอ่ื สาร - การพัฒนาสภาพแวดล้อมการศึกษาตามวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณี วิถี ศาสนาและความเชอื่ (๕.๓) การจัดสภาพแวดลอ้ มเสมือนจรงิ (Virtual Learning Environment) - การจัดการเรยี นการสอนเสมอื นจริงผา่ นอเิ ลก็ ทรอนกิ สแ์ บบออนไลน์ผ่านไวไฟ - และออฟไลน์ผา่ นคอมพวิ เตอร์พกพา แทบ็ เล็ต และมอื ถอื อจั ฉรยิ ะ - การจัดโรงเรยี นอัจฉรินะ ห้องเรยี นอจั รยิ ะ และอปุ กรณอ์ ัจฉรยิ ะ อาทิ กระดานอจั ฉรยิ ะและโตะ๊ อัจฉริยะ - การพัฒนาสถานจาลองเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน และการฝึกทักษะการสอน แบบจุลภาค - การจัดงานนิทรรศการการประชุมวิชาการ (Academic Conferences) - การจัดสัมมนาและการจัดแสดงทางการศึกษา (Educational Meeting, Incentives, Conferencing and Exhibitions: MICE) - การศึกษาค้นควา้ วิจัยและพัฒนานวตั กรรมดา้ นการจดั สภาพแวดล้อมการศกึ ษา ๖) การบริหารและการจัดการเทคโนโลยีและส่ือสารการศึกษา (Administration and Management of Educational Technology and Communication) - การบริหารและการจัดการเทคโนโลยีและส่ือสารการศึกษา รูปแบบการบรหิ ารและการจัดการ เทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษาแนวด้ังเดิม และการบริหารจัดการแนววิทยาศาสตร์ แบบพหผุ ู้นา ๓๑

เอกสารแนบทา้ ย มคอ.๑ - แบบจาลองการบริหารและการจัดการแบบไทยและแบบสากลอาทิ POSCoRB Model, POSDCARE Model, CASPERLA Model เน้นการประยุกต์ - ภาวะผู้นาด้านเทคโนโลยีและสอ่ื สารการศึกษา - การวจิ ัยและพฒั นานวัตกรรมการบรหิ ารและการจัดการเทคโนโลยีและสอื่ สารการศึกษา ๗) การประเมินเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา (Assessment of Educational Technology and Communication) - การวัดและการประเมินประสทิ ธภิ าพการเรียนการสอน - การประเมนิ และทดสอบประสิทธิภาพเคร่อื งมอื และวิธีการเทคโนโลยีและสอื่ สารการศึกษา (บทเรยี น ชดุ การสอน สอ่ื การสอน และบทเรยี นส่ือประสม) - การพฒั นาเครือ่ งมอื วดั และประเมินโครงการการศึกษาและการประเมินโครงการเทคโนโลยี และสือ่ สารการศึกษา - ภาวะผูน้ าดา้ นการพัฒนานวัตกรรมการประเมนิ การศกึ ษา - การวจิ ยั พัฒนาและใช้นวัตกรรมด้านการประเมนิ เทคโนโลยแี ละส่อื สาร ๑๑. ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้และตัวอย่างสาขาวชิ า/ข้อเสนอสาระความร้กู ล่มุ สาขาวิชาการวัดและประเมินทาง การศึกษา ผลลัพธ์การเรยี นรู้ ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจในแนวคิดหลักการวัดและประเมินสาหรับการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ เข้าใจและรู้จักใช้การวัดและประเมินเพื่อเป้าหมายที่หลากหลาย เช่น การประเมินผลของการเรียนรู้ การประเมินเพื่อการเรียนรู้ การประเมินในฐานะการเรียนรู้ การประเมินเพื่อการพัฒนา การประเมินเพ่ือสรุป ผลการเรียนรู้ การประเมินเพื่อวินิจฉัย การวัดแบบอิงเกณฑ์ อิงกลุ่ม และอิงตนเอง สามารถออกแบบ สร้าง และเลือกใช้วิธกี ารและเคร่ืองมือวัดและประเมินทั้งที่เป็นเคร่ืองมือแบบดงั้ เดิม/แอนะล็อก และเคร่ืองมือดจิ ิทัล หรือแอปพลิเคชันด้านการวัดและประเมินแบบต่างๆ ที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ การเรียนรู้ ส่ิงที่ต้องการประเมิน สามารถวิเคราะห์คุณภาพของเครื่องมือวัดและประเมินตามทฤษฎีการทดสอบ แบบดั้งเดิม และทฤษฎีการทดสอบแนวใหม่ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากการวัดและประเมินเพื่อให้ข้อมูล ป้อนกลับท่ีเป็นประโยชน์ และใช้เป็นประเด็นวิจัยในการทาวิจัยปฏิบัติการในช้ันเรียนได้ ออกแบบและเลือก วิธีการวัดและประเมินได้เหมาะสมกับการจัดการเรียนรู้ทั้งในชั้นเรียน นอกชั้นเรียน หรือการศึกษาทางไกล มีสมรรถนะในการวจิ ัยในบรบิ ทการศึกษาที่เปน็ สังคมยุคดิจิทัล ตัวอยา่ งสาขาวิชา  สาขาวิชาการวัดและประเมินทางการศกึ ษา ตัวอยา่ ง/ขอ้ เสนอสาระความรู้ อาทิ ๑) หลกั การและเทคนิคการวัดและประเมินผลการศึกษา ๒) เป้าหมายของการประเมินผลการเรียนรู้ (เช่น การประเมินผลของการเรียนรู้ (assessment of learning) การประเมินเพ่ือการเรียนรู้ (assessment for learning) การประเมินในฐานะ การเรียนรู้ (assessment as learning) การประเมินเพ่ือการพัฒนา (formative assessment) การประเมินเพื่อสรุปผลการเรียนรู้ (summative assessment) การประเมินเพ่ือวินิจฉัย (diagnostic assessment) การวัดแบบอิงเกณฑ์ อิงกลุ่ม และอิงตนเอง (criterion-, norm-, self-referenced assessment) ฯลฯ ๓๒

เอกสารแนบท้าย มคอ.๑ ๓) ประเภทของเคร่ืองมือวัดผล การประเมินพุทธิพิสัย การประเมินจิตพิสัย การประเมินภาคปฏิบัติ การประเมินตามสภาพจริง และการประเมินจากแฟม้ สะสมงาน ๔) การสร้างและการใช้เคร่ืองมือวัดและประเมินผลการเรียนการสอนแบบดั้งเดิม/แอนะล็อก (เช่น paper-based test) และเคร่ืองมือดิจิทัล เช่น computer-based assessment, e-portfolio, ClassDojo, Kahoot!, Plicker หรือแอปพลิเคชันด้านการวดั และประเมินอน่ื ๆ) ๕) การตรวจสอบคณุ ภาพของเคร่ืองมือรายขอ้ (ความยาก-อานาจจาแนก) ๖) ทฤษฎีการทดสอบเเบบดงั้ เดมิ และการตรวจสอบคุณภาพของเครอื่ งมือทั้งฉบบั (ความตรง) ๗) การตรวจสอบคณุ ภาพของเคร่อื งมือทัง้ ฉบับ (ความเท่ียง) ๘) คลงั ขอ้ สอบ ๙) การตัดสินผลการเรียนรู้ การรายงานผลการเรียนรู้ การให้ข้อมูลป้อนกลับที่เป็นประโยชน์ (productive feedback)  สาขาวิชาการประเมนิ และประกันคณุ ภาพทางการศกึ ษา ตวั อยา่ ง/ข้อเสนอสาระความรู้ อาทิ ๑) แนวคิดและทฤษฎีพื้นฐานเก่ียวกับการประเมินทางการศึกษา การประกันคุณภาพการศึกษา การประเมินหลักสูตรและการประเมินโครงการทางการศึกษาและการประยุกต์ใช้ระเบียบ วธิ ีวิจัยเพอ่ื พฒั นาชุมชนการเรียนรู้วิชาชพี ๒) การประเมินประกนั ทางการศกึ ษาระดบั ภายในหนว่ ยงาน ระดบั ชาติ และระดับนานาชาติ ๓) นโยบายเก่ยี วกับการประเมินทางการศึกษา การประเมินเพ่ือการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของ องคก์ ารหรอื สถาบนั การศึกษา  สาขาวิชาการวจิ ัยทางการศกึ ษา ตัวอย่าง/ขอ้ เสนอสาระความรู้ อาทิ ๑) แนวคิดและทฤษฎีพ้ืนฐานเกี่ยวกับการวจิ ัยทางการศึกษา ประเภทของการวิจัย การออกแบบ การวิจยั สถติ ิเพื่อการวจิ ยั ทางการศกึ ษา ๒) เทคโนโลยใี นการวิจยั ทางการศึกษา ๓) สมรรถนะการวจิ ยั ในบรบิ ทการศกึ ษาสมัยใหมใ่ นโลกยคุ ดจิ ลั ๔) แนวโน้มและนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยทางการศึกษา การวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ แก้ปัญหา และพัฒนาผู้เรยี นและการจัดการเรยี นรู้ของครู คุณภาพการศึกษาขององค์การหรือ สถาบนั การศึกษา ๕) มีความรู้ ความเข้าใจในการบูรณาการความรู้การวิจัย การเรียนการสอนกับเทคโนโลยี สมัยใหม่และการบรู ณาการขา้ มศาสตร์ ๖) การวิเคราะห์และใช้ข้อมูลสถิติสารสนเทศเพ่ือการพัฒนาการเรียนการสอน/การพัฒนาโรงเรียน การวิจัยปฏบิ ตั กิ ารในชน้ั เรียน การวิจยั วจิ ยั สถาบัน ๓๓

เอกสารแนบท้าย มคอ.๑ ๑๒. ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้และตวั อยา่ งสาขาวิชา/ข้อเสนอสาระความรู้กลมุ่ สาขาวิชาการศกึ ษาพเิ ศษ ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ ผู้เรียนมีความรู้ในหลักการ แนวคิด ทฤษฎีการศึกษาพิเศษ เน้ือหาวิชาธรรมชาติของผู้เรียนและ ความแตกต่างของผเู้ รยี นทีม่ ีความต้องการจาเปน็ พิเศษ เปน็ ผู้มีวุฒิภาวะทางอารมณ์และสงั คม มีมนษุ ยสมั พนั ธ์ มีความเมตตา กรุณา มีความสามารถวิเคราะห์และคัดกรองผู้เรียน มีความพร้อมในการช่วยเหลือ แก้ปัญหา และพัฒนาผู้เรียนเป็นรายบุคคลด้วยความเต็มใจและเห็นอกเห็นใจ สามารถบริหารและจัดการการศึกษาและ ให้การบริการทางการศึกษษพิเศษ โดยใช้เคร่ืองมือทางการศึกษาพิเศษเพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้มีความสุขและ ประสบความสาเร็จในการเรียนรู้และการดารงชีวิต สามารถออกแบบและจัดการเรียนรู้ การผลิตและใช้ส่ือ เทคโนโลยีที่ทันสมัย การจัดสภาพแวดล้อมเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ การประเมินผลการเรียนรู้ สามารถทาวิจัย และพัฒนานวัตกรรมเพื่อช่วยเหลือ แก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียนที่มีความต้องการจาเป็นพิเศษ และพัฒนา ผูเ้ รยี นให้สามารถเปน็ ผู้รว่ มสรา้ งนวตั กรรม ตวั อย่างสาขาวชิ า  สาขาวิชาการศึกษาพเิ ศษ ตวั อยา่ ง/ขอ้ เสนอสาระความรู้ ๑) ความรู้พืน้ ฐาน (๑.๑) มโนทัศน์เก่ียวกับการศึกษาพิเศษ ปรัชญา ทฤษฎพี ้ืนฐาน กฎหมาย นโยบาย หลักการ การศึกษาพิเศษ การจัดการศึกษาเรียนรวม การให้การช่วยเหลือระยะแรกเริ่ม (Early Intervention) (๑.๒) จิตวทิ ยาประยกุ ต์สาหรบั ผู้เรยี นที่มีความตอ้ งการจาเป็นพิเศษ (๑.๓) บทบาทครอบครัว องค์กรและหน่วยงานต่างๆ ชุมชน ค่านิยมและวัฒนธรรม การมีสว่ นรว่ มและรับผดิ ชอบร่วม ๒) ประเภทและลกั ษณะของผูเ้ รียนที่มีความจาเปน็ พิเศษ (๒.๑) พัฒนาการปกติและพัฒนาการลา่ ช้าในเด็ก (๒.๒) ความเหมือนและความแตกต่างของบุคคลและผลกระทบตอ่ การจัดการศกึ ษา (๒.๓) ประเภท ลกั ษณะ สาเหตุความพิการ และการช่วยเหลือทางการศึกษา (๒.๔) ระบบครอบครัวและบทบาทของครอบครัวร่วมกับครูและนักสหวิชาชีพในการส่งเสริม พัฒนาการ ๓) หลกั สตู ร การสอน และการเรยี นรู้ (๓.๑) การคดั กรอง ประเมนิ เทคนคิ วิธีการ และการนาไปใช้ในการจดั ทา แผนการให้บริการช่วยเหลอื เฉพาะครอบครัว (Individualize Family Service Plan : IFSP) แผนการจดั การศกึ ษาเฉพาะบุคคล (Individualize Education Program : IEP) แผนการสอนเฉพาะบุคคล (Individualize Implementation Plan : IIP) และแผนการเปลย่ี นผา่ น (Individualize Transition Plan : ITP) (๓.๒) การพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนท่ีใช้การวิจัยเป็นฐานหรือวิทยาการ วิจยั ทางการศกึ ษาพิเศษ (๓.๓) การสร้าง/การพัฒนาหลักสูตรอิงหลักสูตรแกนกลางและหลักสูตรเพ่ือการดารงชีวิต (Expanded or Functional Curriculum) ๓๔

เอกสารแนบทา้ ย มคอ.๑ (๓.๔) การวางแผนและบริหารจดั การการเรยี นการสอนเป็นรายบคุ คลเชิงบรู ณาการ (๓.๕) การสอน เทคนิคการสอน การอานวยความสะดวก การประเมินและเลือกใชเ้ ทคโนโลยี ส่ิงอานวยความสะดวก สื่อ บริการ และความช่วยเหลืออ่ืนใดทางการศึกษาตามหลักการ การออกแบบการเรียนรเู้ พื่อคนทง้ั มวล (Universal Design : UD) (๓.๖) การสง่ เสริมปฏสิ มั พันธ์ทางสงั คม การจดั การพฤติกรรม และการเสรมิ แรง (๓.๗) การจัดส่ิงแวดลอ้ มในการเรยี นรู้ให้เหมาะสม การจัดการชัน้ เรียน และการปรับตัว (๓.๘) เจตคติ บุคลกิ ภาพและทกั ษะทางสังคมของครู (๓.๙) การเตรยี มพร้อมในวกิ ฤตการณฉ์ ุกเฉนิ ๔) การสอ่ื สาร (๔.๑) การส่ือสารทมี่ ผี ลตอ่ การจดั การเรยี นการสอนและพัฒนาการ (๔.๒) ยทุ ธวธิ ตี า่ งๆ ในการชว่ ยเหลือในการสอ่ื สาร ๕) ความร่วมมือ ประกอบด้วย รูปแบบและยุทธศาสตร์ในการให้คาปรึกษาและสร้างความรว่ มมือ ระหว่างโรงเรียน ครอบครัว ชุมชน และนักสหวิชาชีพ เพื่อการจัดการศึกษา และการพื้นฟู สมรรถภาพคนพิการโดยชมุ ชน (Community-based Rehabilitation: CBR) ๖) ความรบั ผิดชอบในวิชาชพี ครูการศึกษาพิเศษ (๖.๑) ทฤษฎเี กย่ี วกบั การพัฒนาบคุ คลและสงั คมเชงิ จรยิ ธรรม (๖.๒) วฒั นธรรมส่วนบุคคล ความลาเอียง และความแตกต่างทางแนวคิดท่ีมผี ลต่อการทางาน (๖.๓) ตน้ แบบครทู ่ีดี และแนวทางในการพัฒนาจรยิ ธรรมและความเช่ือของครูการศกึ ษาพิเศษ ๑๓. ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้และตวั อยา่ งสาขาวิชา/ขอ้ เสนอสาระความรู้กล่มุ สาขาวิชาการศกึ ษาตลอดชีวติ และการศึกษาเพ่ือชุมชน ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ ผู้เรียนมีความรอบรู้ในหลักการ แนวคิด ทฤษฎี เน้ือหาสาระเกี่ยวกับการศึกษาในระบบ การศึกษา นอกระบบ การศึกษาตามอธั ยาศยั และการศึกษาเพื่อชุมชน การพฒั นาทรพั ยากรมนุษย์ การจดั การความรทู้ ้องถ่ิน แบบมีส่วนร่วม การจัดการเรียนรู้สาหรับคนทุกช่วงวัย จริยธรรมและค่านิยมของคนในชุมชน สามารถบูรณาการ ขอบข่ายสาระความรู้ การรู้เท่าทันและใช้สื่อเทคโนโลยีส่ือสารสังคม สามารถออกแบบการจัดการเรียนรู้และ การบูรณาการการเรียนรู้กับการทางานของเด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ วัยทางานและผู้สูงอายุ สามารถจัดกิจกรรม เพื่อเสริมสร้างศักยภาพตนเองของคนทุกช่วงวัยเพื่อให้เป็นพลเมืองท่ีเข้มแข็งในสังคม การจัดสภาพแวดล้อม เพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ การผลิตและใช้ส่ือเทคโนโลยีท่ีทันสมัย การประเมินผลการเรียนรู้ สามารถทาวิจัยและ พฒั นานวัตกรรมเพอ่ื พัฒนาชุมชนและผู้เรียนทกุ ชว่ งวัย และพัฒนาผเู้ รียนให้สามารถเรยี นรู้และเปน็ ผู้รว่ มสร้าง นวัตกรรม ตวั อย่างสาขาวชิ า  สาขาวิชาการศึกษาตลอดชีวติ ตัวอยา่ ง/ขอ้ เสนอสาระความรู้ ๑) การศึกษานอกระบบ การศกึ ษาตามอธั ยาศยั และการศึกษาตลอดชีวิต ๒) หน่วยงานและองค์กรการศึกษา และการบริหาร การบริการการศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอธั ยาศัยและการศกึ ษาตลอดชีวติ ของรัฐ เอกชน ๓) การศกึ ษาและจิตวิทยาการเรยี นรู้ผ้ใู หญ่ ๓๕

เอกสารแนบทา้ ย มคอ.๑ ๔) การศึกษาและการเรียนรสู้ าหรับผู้สงู อายุ ๕) การวิจยั การศกึ ษาผูใ้ หญ่ การศกึ ษานอกระบบ การศึกษาตามอธั ยาศยั ๖) สอื่ และเทคโนโลยกี ารเรยี นรสู้ าหรับผู้สงู อายุ ๗) การวดั และการประเมนิ การเรียนรู้ ๘) ภาษาองั กฤษเพือ่ การศึกษาตลอดชีวิต ๙) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การฝกึ อบรม นนั ทนาการในการฝึกอบรม ๑๐) การศกึ ษานอกระบบสาหรับกลุ่มเปา้ หมายพเิ ศษ ๑๑) การจัดการความร้ทู อ้ งถิ่นอย่างมสี ว่ นร่วม ๑๒) การพัฒนาแหลง่ เรียนรู้จดั การทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ มแบบอยา่ งยั่งยืน ๑๓) การจดั กิจกรรมการเรยี นรเู้ พ่ือการศกึ ษาตลอดชีวิต  สาขาวชิ าการศึกษาเพื่อชมุ ชน ตัวอย่าง/ข้อเสนอสาระความรู้ ๑) การจดั การศกึ ษา เพือ่ พฒั นาชมุ ชน ๒) จริยธรรมและคา่ นยิ มของคนในชมุ ชน ๓) การจดั การศกึ ษาระหวา่ งวฒั นธรรม สงั คม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมอาเซยี น ๔) แหลง่ เรียนรู้ ภูมปิ ญั ญาในชมุ ชน ๕) การจัดการทรัพยากรการศึกษาเพ่ือพัฒนาชุมชน การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ จัดกิจกรรมและ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อมเพอื่ การจดั การเรยี นรแู้ ละการพัฒนาอย่างยง่ั ยืน ๖) การพฒั นาหนงั สืออิเลก็ ทรอนิกสเ์ พอ่ื การเรยี นรู้ ๗) เกษตรทฤษฎีใหม่ การจัดการพืน้ ทเี่ พอ่ื การเกษตร ๘) ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงและปรัชญารว่ มสมยั ๙) สื่อและเทคโนโลยสี ารสนเทศเพือ่ พฒั นาชุมชน ๑๐) การวจิ ัยเพ่อื พฒั นาชุมชน ๑๑) การถอดบทเรยี นชุมชน ๑๒) ชมุ ชนแห่งการเรยี นรู้ การจดั การความร้ทู ้องถ่ินอยา่ งมีส่วนรว่ ม ๑๔. ผลลัพธ์การเรียนรู้และตัวอย่างสาขาวิชา/ข้อเสนอสาระความรกู้ ลุ่มสาขาวชิ าบรรณารักษศาสตรแ์ ละ สารสนเทศศึกษา ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ ผู้เรยี นมีความรอบรู้ในหลกั การ แนวคิด ทฤษฎี เนอื้ หา แนวโนม้ ของวิชาชีพครูบรรณารกั ษศาสตรแ์ ละ สารสนเทศศาสตร์ แนวคิดพ้ืนฐานเก่ียวข้องกับห้องสมุดและศูนย์สารสนเทศ นโยบายสารสนเทศแห่งชาติ ระบบสารสนเทศ บทบาทของสารสนเทศที่มีต่อสังคม องค์กรที่เกี่ยวข้องกับห้องสมุดและศูนย์สารสนเทศ มีความรู้ความเข้าใจเนื้อหาวิชาสาขาวิชาบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ มีความรู้ความสามารถ ในการบริหารและการบริการห้องสมุดโรงเรียนในสภาพแวดล้อมการเรียนรู้สมัยใหม่ สามารถออกแบบและ จดั การเรียนรู้ การผลิตและใช้ส่อื เทคโนโลยีท่ีทันสมัย การจัดสภาพแวดล้อมเพ่ือพัฒนาการเรยี นรู้ การประเมินผล การเรียนรู้ สามารถทาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อช่วยเหลือ แก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรยี น และพัฒนาผู้เรียน ใหส้ ามารถเปน็ ผู้รว่ มสรา้ งนวตั กรรม ๓๖

เอกสารแนบทา้ ย มคอ.๑ ตวั อย่างสาขาวชิ า  สาขาวชิ าบรรณารกั ษศาสตร์และสารสนเทศศกึ ษา ตวั อย่าง/ข้อเสนอสาระความรู้ ๑) การบริหารห้องสมุดโรงเรียนสมัยใหม่ การกาหนดกลยุทธ์การบริหารห้องสมุดโรงเรียน ให้สอดคล้องกับแผนและนโยบายการพัฒนาการศึกษาของชาติและของโรงเรียน รวมท้ังแนวโน้ม และทิศทางการพฒั นาสมรรถนะของนักเรียนในระดับการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน ๒) การกาหนดผลลัพธ์การเรียนรู้ และการออกแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาที่เช่ือมโยง กับบทบาทของห้องสมดุ ในการสง่ เสริมและพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียน ๓) การวิเคราะห์ความต้องการของนักเรียนและครู ในการใช้ห้องสมุดเพื่อการศึกษาค้นคว้า และ การพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียน รวมถึงการวิจัยเพ่ือพัฒนาการดาเนินงานและการบริการ ของห้องสมุด ๔) การรวบรวม จัดหา จัดระบบ และจัดบริการทรัพยากรสารสนเทศทั้งภายในและภายนอก ห้องสมุด ที่ตรงกับความต้องการของครูและนักเรียน และสร้างกลไกการเข้าถึ งและ ใช้ประโยชน์จากระบบได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและ เทคโนโลยีดจิ ิทัล ๕) การจัดสภาพแวดล้อมภายในห้องสมุด ให้เป็นแหล่งส่งเสริมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกัน ของนักเรียน ท้ังท่ีเป็นส่วนหนง่ึ ของการจดั การเรียนการสอนรายวชิ าตามหลักสูตร และการส่งเสริม การเรียนรดู้ ้วยตนเองของนกั เรียน ๖) การสอนและการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะการรู้สารสนเทศและทักษะการเรียนรู้ รวมทั้ง การร่วมมือกับครูผู้สอนในการบูรณาการการพัฒนาทักษะการรู้สารสนเทศในการจัดการเรียน การสอนรายวิชาต่างๆ ๗) ความร่วมมือและการสร้างเครือข่ายภายในและชุมชน การจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านและ ถ่ายทอดองคค์ วามรู้ ส่งเสริมการใช้ห้องสมดุ แกผ่ เู้ รียน ครู อาจารย์ ในโรงเรยี นและชมุ ชน ๘) วิจัย ออกแบบการวิจัยทางบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ การวิจัยพัฒนานวัตกรรม ส่ือการเรียนรู้และบทเรียนออนไลน์ การทบทวนวรรณกรรม การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ พรรณนา สถิติ การเขียนอา้ งอิง และเขยี นรายงานการวิจยั ๑๕. ผลลัพธ์การเรยี นรู้และตวั อย่างสาขาวิชา/ข้อเสนอสาระความรู้กลุ่มสาขาวชิ าวทิ ยาการอาชีพ ตวั อยา่ งสาขาวชิ า  สาขาวชิ าเกษตรกรรมศึกษา ผลลพั ธ์การเรียนรู้ ผู้เรยี นมีความรอบรูใ้ นหลักการ แนวคดิ ทฤษฎี เนือ้ หาเกษตรกรรมศึกษา ครอบคลุมท้ังทฤษฎีและ ปฏิบตั ิ ทั้งด้านพชื สัตว์ อุตสาหกรรมเกษตร การเพาะเลี้ยง และการแปรรูป การบรหิ ารจดั การและการบริการ ทางการเกษตร การใช้เครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับงานเกษตรกรรม การออกแบบ การพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือ นวัตกรรมต่างๆ การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อให้ทันกับเหตุการณ์และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงจากแหล่ง สารสนเทศต่างๆ การพัฒนาผู้เรียนให้เกิดความรักในอาชีพเกษตรกรรม มีกิจนิสัยในการทางาน และจรรยาบรรณ ในอาชีพ สามารถออกแบบและจัดการเรียนรู้เกษตรกรรมศึกษา การผลิตและใช้สื่อเทคโนโลยีเกษตรกรรม ศึกษา ท่ีทันสมัย การจัดสภาพแวดล้อมเพ่ือพัฒนาการเรียนรู้เกษตรกรรมศึกษา การประเมินผลการเรียนรู้ สามารถทาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านเกษตรกรรมศึกษา และพัฒนาผู้เรียนให้สามารถเป็นผู้ร่วมสร้าง นวัตกรรมเกษตรกรรมศกึ ษา ๓๗

เอกสารแนบท้าย มคอ.๑ ตวั อยา่ ง/ขอ้ เสนอสาระความรู้ อาทิ ๑) แนวคิด ทฤษฎีและทักษะการปฏบิ ัตงิ านทเี่ ก่ยี วข้องเกษตรกรรม ท้งั ดา้ นพชื สัตว์ ๒) อุตสาหกรรมเกษตร การเพาะเลี้ยง และการแปรรูป ๓) การบรหิ ารจดั การและการบรกิ ารทางการเกษตร ๔) การใช้เครอ่ื งมอื ที่เก่ียวข้องกับงานเกษตรกรรม การออกแบบ ๕) การพฒั นาผลิตภัณฑห์ รอื นวตั กรรมทางการเกษตร  สาขาวชิ าคหกรรมศาสตรศกึ ษา ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ ผู้เรียนมีความรอบรู้ในหลักการ แนวคิด ทฤษฎี เนื้อหาคหกรรมศาสตร์ครอบคลุมทั้งทฤษฎีและ ปฏิบัติ ท้ังดา้ นกับคหกรรม การใชเ้ ครือ่ งมือท่เี กี่ยวข้องกับงานคหกรรม การออกแบบ การพฒั นาผลติ ภัณฑ์หรือ นวัตกรรมต่างๆ การบริหารจัดการและการบริการทางคหกรรม การพัฒนาอาชีพและเสริมสร้างคุณภาพชีวิต หลักการงานอาชีพ อาชีพทางคหกรรมศาสตร์ การตลาด การเป็นผู้ประกอบการ สามารถออกแบบการจัดการเรียนรู้ โดยบูรณาการศาสตร์การสอนในการจัดการเรียนรู้ มีจรรยาบรรณในวชิ าชีพ ความมั่นคงของสถาบันครอบครัว และสังคม การบูรณาการการจัดการเรียนรู้ร่วมกับวิชาชีพอื่นท่ีเกี่ยวข้องกับ คหกรรม สามารถออกแบบและ จัดการเรียนรู้คหกรรมศาสตรศึกษา การผลิตและใช้สื่อเทคโนโลยีคหกรรมศาสตรศึกษาท่ีทันสมัย การจัด สภาพแวดล้อมเพ่ือพัฒนาการเรียนรู้คหกรรมศาสตรศึกษา การประเมินผลการเรียนรู้ และพัฒนาผู้เรียน ให้มีความรู้และทักษะการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยทันกับเหตุการณ์ มีกิจนิสัยในการทางาน เกิดความรักในอาชีพคหกรรม มีจรรยาบรรณในอาชีพ และร่วมมือกับสถานศึกษาหรอื สถานประกอบการหรือ หน่วยงาน หรือองค์กรภายนอกในการพัฒนาหลักสูตรและจัดการศึกษาแบบร่วมมือกัน สามารถทาวิจัยและพัฒนา นวัตกรรมด้านคหกรรมศาสตรศึกษา และพัฒนาผู้เรยี นให้สามารถเป็นผู้รว่ มสร้างนวัตกรรมคหกรรมศาสตรศึกษา สามารถพัฒนาตนเองให้มีคณุ ลักษณะของผู้ใฝ่รู้ ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดความรักในอาชีพคหกรรมศาสตร์ และมีทักษะ ทีจ่ าเปน็ ในการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ ตัวอย่าง/ขอ้ เสนอสาระความรู้ ๑) ปรชั ญา แนวคิด และหลกั การทางดา้ นคหกรรมศาสตร์ ๒) ขอบเขตและแนวคิดสาคัญของวชิ าคหกรรมศาสตร์ ๓) บทบาทและความสาคญั ของคหกรรมศาสตร์ในการพัฒนาคณุ ภาพชีวติ ๔) หลกั การงานอาชีพการวเิ คราะห์งานอาชีพ แนวโน้มของงานอาชีพคหกรรมศาสตร์ ๕) การตลาด การจัดการและการเปน็ ผปู้ ระกอบการ จรรยาบรรณวิชาชพี คหกรรมศาสตร์  สาขาวชิ าพาณิชยศาสตรศกึ ษาและธรุ กิจศกึ ษา ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ ผู้เรียนมีความรอบรู้ในหลักการ แนวคิด ทฤษฎี เนื้อหา พาณิชยศาสตรศึกษาและธุรกิจศึกษา ครอบคลุมทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ เนื้อหาสาระครอบคลุมท้ังทฤษฎีและปฏิบัติ ด้านการควบคุม การตรวจสอบ การบริหารจัดการ การบริการ การตลาด การเป็นผู้ประกอบการ และการบัญชี การใช้เคร่ืองมือท่ีเกี่ยวข้อง สามารถออกแบบและจัดการเรียนรู้ พาณิชยศาสตรศึกษาและธุรกิจศึกษา การผลิตและใช้สื่อเทคโนโลยี พาณิชยศาสตรศึกษาและธุรกิจศึกษาท่ีทันสมัย การจัดสภาพแวดล้อมเพื่อพัฒนาการเรียนรู้พาณิชยศาสตรศึกษา และธุรกิจศึกษา การประเมินผลการเรียนรู้ และพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้และทักษะการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง ใช้เทคโนโลยที ี่ทนั สมัยทันกับเหตกุ ารณ์ มีกิจนสิ ัยในการทางาน เกิดความรกั ในอาชีพพาณิชยศาสตรศกึ ษาและ ๓๘

เอกสารแนบทา้ ย มคอ.๑ ธุรกิจศึกษา มีจรรยาบรรณในอาชีพ และร่วมมือกบั สถานศึกษาหรอื สถานประกอบการหรือหน่วยงาน หรือองค์กร ภายนอกในการพัฒนาหลักสูตรและจัดการศึกษาแบบร่วมมือกัน สามารถทาวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ด้านพาณิชยศาสตรศึกษาและธุรกิจศึกษา และพัฒนาผู้เรียนให้สามารถเป็นผู้ร่วมสร้างนวัตกรรม พาณชิ ยศาสตรศกึ ษาและธุรกิจศกึ ษา ตวั อย่าง/ข้อเสนอสาระความรู้ ๑) หลกั การ แนวคิด ทฤษฎี เน้ือหาวชิ าทางดา้ นพาณิชยศาสตรศึกษาและธุรกจิ ศึกษา ๒) ธรุ กิจการเงินและการบญั ชี ๓) เศรษฐศาสตร์ ๔) การขายและการตลาด ๕) การจัดการและการเปน็ ผู้ประกอบการ ๖) การอาชวี ศกึ ษาและการงานอาชพี  สาขาวิชาอาชวี ศึกษาและการงานอาชีพพน้ื ฐานอาชีพ ผลลพั ธ์การเรียนรู้ ผู้เรียนมีความรอบรู้ในหลักการ แนวคิดทฤษฎีเน้ือหากับอาชีวศึกษาและการงานพื้นฐานอาชีพ โดยมีเนื้อหาท่ีเก่ียวกับการดารงชีวิตและครอบครัว ทักษะพ้ืนฐานที่จาเป็นต่อการดารงชีวิต การรู้เท่าทัน การเปลี่ยนแปลง การนาความรู้เกี่ยวกับการดารงชีวิต อาชีพ มาใช้ประโยชน์ในการทางานอย่างสร้างสรรค์ และทักษะท่ีจาเป็นต่อการประกอบอาชีพ สามารถออกแบบการเรียนรู้โดยบูรณาการศาสตร์การสอนในการจัด การเรยี นรู้ มีจรรยาบรรณในวิชาชีพ ความม่ันคงของสถาบันครอบครัวและสังคม การบูรณาการการจัดการเรียนรู้ ร่วมกับวิชาชีพอื่นท่ีเกี่ยวข้องกับอาชีวศึกษาและการงานพ้ืนฐานอาชีพ สามารถออกแบบและจัดการเรียนรู้ อาชีวศึกษาและการงานพื้นฐานอาชีพ การผลิตและใช้ส่ือเทคโนโลยีเกี่ยวกับอาชีวศึกษาและการงานพ้ืนฐาน อาชีพที่ทันสมัย การจัดสภาพแวดล้อมเพ่ือพัฒนาการเรยี นรู้อาชีวศึกษาและการงานพ้ืนฐานอาชีพ การประเมนิ ผล การเรียนรู้และพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้และทักษะการปฏิบัติงานท่ีเกี่ยวข้องใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยทันกับ เหตุการณ์ มีกิจนิสัยการทางาน เกิดความรักในอาชีพทางด้านอาชีวศึกษาและการงานพ้ืนฐานอาชีพ มีจรรยาบรรณ ในอาชีพและร่วมมือกับสถานศึกษาหรือสถานประกอบการหรือหน่วยงานห รือองค์กรภายนอกในการพัฒนา หลักสูตรและจัดการศึกษาแบบร่วมมือกัน สามารถทาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านอาชีวศึกษาและการงาน พ้นื ฐานอาชพี และพัฒนาผู้เรยี นให้สามารถเป็นผ้รู ่วมสร้างนวตั กรรมด้านอาชวี ศึกษาและการงานพื้นฐานอาชีพ สามารถพฒั นาตนเองใหม้ คี ุณลักษณะของผู้ใฝ่รู้ ส่งเสริมให้ผู้เรยี นเกิดความรกั ในอาชีพทางดา้ นอาชีวศึกษาและ การงานพ้นื ฐานอาชีพและมที ักษะที่จาเปน็ ในการเรยี นร้ใู นศตวรรษท่ี ๒๑ ตัวอยา่ ง/ขอ้ เสนอแนะสาระความรู้ ๑) หลกั การอาชีวศกึ ษาและการงานพื้นฐานอาชีพ ๒) งานช่างสาหรับครู อาทิ งานไม้ งานไฟฟ้า งานโลหะ งานเคร่ืองยนต์ และงานอุตสาหกรรม ประดิษฐ์ เปน็ ต้น ๓) บทบาทและความสาคญั ของอาชวี ศึกษาและการงานพ้ืนฐานอาชพี ในการพัฒนาคุณภาพชีวติ ๔) แนวโนม้ ของงานอาชพี ทางด้านอาชวี ศึกษาและการงานพืน้ ฐานอาชีพ ๕) จรรยาบรรณวชิ าชพี ทางดา้ นอาชวี ศกึ ษาและการงานพ้นื ฐานอาชพี ๑๖. กลมุ่ สาขาวชิ าอ่ืนๆ ทอี่ าจเกิดขนึ้ ภายหลัง *************************************** ๓๙


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook