ชุดที่ 1 แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนเตรียมสอบ NT กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 3 ส่วนที่ 1 : แบบปรนยั 4 ตวั เลือก แตล่ ะขอ้ มีคำตอบท่ีถูกตอ้ งท่ีสุดเพยี งคำตอบเดียวจำนวน 30 ขอ้ ขอ้ ละ 1 คะแนน รวม 30 คะแนน ตวั ชี้วดั เปรียบเทียบควำมแตกตำ่ งระหวำ่ งสิ่งมีชีวติ กบั ส่ิงไม่มีชีวติ (ว 1.1 ป.1/1) 1. ขอ้ ใดแสดงวำ่ สิ่งมีชีวติ สำมำรถสืบพนั ธุ์ได้ 1 ตน้ ถวั่ มีใบสีเขียว 2 สิงโตวงิ่ ล่ำมำ้ ลำย 3 กบกระโดดลงบ่อน้ำ 4 แมวท่ีเล้ียงไวอ้ อกลูก 5 ตวั ตัวชี้วดั สังเกตและอธิบำยลกั ษณะและหนำ้ ท่ีของโครงสร้ำงภำยนอกของพืชและสัตว์ (ว 1.1 ป.1/2) 2. ตาราง ลกั ษณะกำรเคลื่อนที่และอวยั วะท่ีใชใ้ นกำรเคล่ือนที่ของสตั วบ์ ำงชนิด ชนิดของสัตว์ อวยั วะทใ่ี ช้ในการเคลอ่ื นที่ ลกั ษณะการเคลอื่ นที่ A ขำ เดิน วง่ิ ไส้เดือนดิน เล้ือย นกกระจำบ กลำ้ มเน้ือ บิน โลมำสีชมพู ปี ก วำ่ ยน้ำ มงั กรโคโมโด B เดิน ขำ จำกตำรำง A และ B ไดแ้ ก่ขอ้ ใด B A หำง ครีบ 1 จิงโจ้ ขำ 2 นกกระจอกเทศ กลำ้ มเน้ือ 3 อ่ึงอ่ำง 4 ไก่แจ้
ตวั ชี้วดั สงั เกตและอธิบำยลกั ษณะ หนำ้ ที่และควำมสำคญั ของอวยั วะภำยนอก ของมนุษย์ ตลอดจนกำรดูแลรักษำสุขภำพ (ว 1.1 ป.1/3) 3. วธิ ีกำรในขอ้ ใดเป็นกำรป้ องกนั และดูแลรักษำอวยั วะภำยนอกของร่ำงกำยที่ถูกตอ้ ง 1 เม่ือยำสระผมหมด ใหใ้ ชผ้ งซกั ฟอกสระผมแทนได้ 2 เดินย่ำถนนท่ีมีน้ำท่วมขงั เพื่อทำควำมสะอำดขำและเทำ้ 3 ลำ้ งมือก่อนรับประทำนอำหำรและหลงั เขำ้ หอ้ งน้ำทุกคร้ัง 4 เมื่ออยใู่ นที่ที่มีฝ่ นุ ละออง ให้หลบั ตำเดิน และหำยใจเขำ้ -ออกชำ้ ๆ ตวั ชี้วดั ทดลองและอธิบำย น้ำ แสง เป็นปัจจยั ที่จำเป็ นต่อกำรดำรงชีวติ ของพืช (ว 1.1 ป.2/1) อธิบำยอำหำร น้ำ อำกำศ เป็ นปัจจยั ท่ีจำเป็ นต่อกำรดำรงชีวติ และกำรเจริญเติบโตของพชื และสตั ว์ และนำควำมรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (ว 1.1 ป.2/2) 4. ถำ้ ตอ้ งกำรเพำะเมลด็ ถวั่ เขียวใหง้ อกเร็ว มีวธิ ีกำรตำมขอ้ ใด 1 นำเมล็ดถว่ั เขียวทอดกบั น้ำมนั 2 นำเมลด็ ถว่ั เขียวเขำ้ ตอู้ บ 3 นำเมล็ดถว่ั เขียวแช่น้ำ 4 นำเมลด็ ถวั่ เขียวไปตม้ ตวั ชี้วดั สำรวจและอธิบำยพืชและสัตวส์ ำมำรถตอบสนองต่อแสง อุณหภูมิ และกำรสมั ผสั (ว 1.1 ป.2/3) 5. ดอกคุณนำยต่ืนสำยจะบำนเม่ือไดร้ ับแสงแดดในตอนสำย จำกขอ้ ควำมขำ้ งตน้ พืชในขอ้ ใดมีกำรตอบสนองต่อสิ่งเร้ำสิ่งเดียวกบั ดอกคุณนำยต่ืนสำย 1 ตน้ สกั สลดั ใบออกในฤดูร้อน 2 ดอกทำนตะวนั หนั ดอกไปทำงท่ีมีดวงอำทิตย์ 3 ดอกวำสนำออกดอกในช่วงท่ีมีอำกำศหนำวเยน็ 4 ตน้ กำบหอยแครงหุบ เม่ือมีแมลงมำสัมผสั ในเวลำเชำ้
ตวั ชี้วดั ทดลองและอธิบำยร่ำงกำยของมนุษยส์ ำมำรถตอบสนองตอ่ แสง อุณหภูมิ และกำรสมั ผสั (ว 1.1 ป.2/4) 6. เม่ือโดนบำนหนำ้ ต่ำงหนีบนิ้วมือ แลว้ รีบดึงมือออก เป็นกำรตอบสนองต่อสิ่งเร้ำในขอ้ ใด 1 กลิ่น 2 แสง 3 เสียง 4 กำรสมั ผสั ตวั ชี้วดั อธิบำยปัจจยั ที่จำเป็นต่อกำรดำรงชีวิตและกำรเจริญเติบโตของมนุษย์ (ว 1.1 ป.2/5) 7. กำรปฏิบตั ิตนตำมขอ้ ใดช่วยใหร้ ่ำงกำยเจริญเติบโต แขง็ แรง 1 เขำ้ นอนดึกเป็ นประจำ 2 อำศยั อยใู่ นบำ้ นหลงั ใหญโ่ ต 3 รับประทำนอำหำรใหค้ รบ 5 หมู่ และออกกำลงั กำยเป็นประจำ 4 รับประทำนอำหำรและขนมหวำนในปริมำณที่มำก และมีไขมนั สูง ตวั ชี้วดั ระบุลกั ษณะของส่ิงมีชีวติ ในทอ้ งถ่ินและนำมำจดั จำแนกโดยใชล้ กั ษณะภำยนอกเป็นเกณฑ์ (ว 1.2 ป.1/1) 8. สตั วใ์ นขอ้ ใดอำศยั อยใู่ นน้ำท้งั หมด 1 2 3 4
ตวั ชี้วดั อธิบำยประโยชนข์ องพืชและสัตวใ์ นทอ้ งถ่ิน (ว 1.2 ป.2/1) 9. ตาราง ประโยชน์ของสตั วบ์ ำงชนิด ประโยชน์ของสัตว์ ใชเ้ ป็นอำหำร ชนิดของสัตว์ ใชแ้ รงงำน ววั ใชเ้ ป็นเคร่ืองนุ่งห่ม A นำพิษมำทำเซรุ่ม B งูเห่ำ จำกตำรำง A และ B ไดแ้ ก่ขอ้ ใด 1 มำ้ แมว 2 แพะ ชำ้ ง 3 กวำง กบ 4 ควำย แกะ ตวั ชี้วดั อภิปรำยลกั ษณะต่ำง ๆ ของส่ิงมีชีวติ ใกลต้ วั (ว 1.2 ป.3/1) เปรียบเทียบและระบุลกั ษณะท่ีคลำ้ ยคลึงกนั ของพอ่ แมก่ บั ลูก (ว 1.2 ป.3/2) อธิบำยลกั ษณะท่ีคลำ้ ยคลึงกนั ของพอ่ แมก่ บั ลูกวำ่ เป็นกำรถ่ำยทอดลกั ษณะทำงพนั ธุกรรม และนำควำมรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (ว 1.2 ป.3/3) 10. ขอ้ ใดไม่เป็นลกั ษณะทำงพนั ธุกรรมท่ีสำมำรถถ่ำยทอดจำกพอ่ แม่มำสู่ลูก 1 นอ้ งสำวมีผมตรง ผวิ ขำว 2 นอ้ งชำยมีลกั ยมิ้ หนงั ตำสองช้นั 3 พ่ชี ำยมีแผลเป็นที่หวั คิว้ ดำ้ นขวำ ผมส้นั 4 พีส่ ำวมีจมกู โด่ง ไม่มีต่ิงหู ห่อลิ้นได้ ตวั สูง ตวั ชี้วดั สืบคน้ ขอ้ มลู และอภิปรำยเก่ียวกบั สิ่งมีชีวติ บำงชนิดที่สูญพนั ธุ์ไปแลว้ และที่ดำรงพนั ธุ์ มำจนถึงปัจจุบนั (ว 1.2 ป.3/4) 11. วธิ ีกำรในขอ้ ใดเป็นกำรอนุรักษป์ ลำในแม่น้ำที่กำลงั จะสูญพนั ธุ์ 1 เลิกจบั ปลำในแมน่ ้ำ 2 ซ้ือหรือเพำะลูกปลำเพ่อื นำมำปล่อยทดแทน 3 ช่วยประชำสมั พนั ธ์ใหเ้ พอื่ น ๆ เลิกกินปลำในแม่น้ำ 4 สร้ำงอวนลอ้ มบริเวณท่ีอยขู่ องปลำ แลว้ ขำยอำหำรปลำใหน้ กั ทอ่ งเท่ียว
ตวั ชี้วดั สำรวจสิ่งแวดลอ้ มในทอ้ งถิ่นของตนและอธิบำยควำมสมั พนั ธ์ของส่ิงมีชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม (ว 2.1 ป.3/1) 12. ตาราง ควำมสมั พนั ธ์ระหวำ่ งสิ่งมีชีวติ กบั สิ่งมีชีวติ ส่ิงมชี ีวติ ความสัมพนั ธ์ระหว่างส่ิงมชี ีวติ กบั ส่ิงมชี ีวติ สิงโตกบั กวำง ภำวะล่ำเหยอื่ กลว้ ยไมก้ บั ตน้ ไมใ้ หญ่ ภำวะอิงอำศยั ผ้งึ กบั ดอกเขม็ ภำวะกำรไดป้ ระโยชนร์ ่วมกนั นกเอ้ียงกบั ควำย ภำวะกำรไดป้ ระโยชนร์ ่วมกนั ส่ิงมีชีวติ ในขอ้ ใดมีควำมสัมพนั ธ์เหมือนสิงโตกบั กวำง 1 ฉลำมกบั เหำฉลำม 2 กำฝำกกบั ตน้ ไม้ 3 จิง้ จกกบั แมลง 4 รำกบั สำหร่ำย ตัวชี้วดั สำรวจทรัพยำกรธรรมชำติ และอภิปรำยกำรใชท้ รัพยำกรธรรมชำติในทอ้ งถ่ิน (ว 2.2 ป.3/1) 13. ขอ้ ใดจดั ประเภทของทรัพยำกรธรรมชำติไม่ถูกตอ้ ง ทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติ ประเภทหมุนเวยี น ประเภทสูญสิ้น ดิน อำกำศ สตั วป์ ่ ำ น้ำ น้ำมนั ถ่ำนหิน 1 ถ่ำนหิน 2 อำกำศ 3 ดิน 4 น้ำ
ตัวชี้วดั ระบุกำรใชท้ รัพยำกรธรรมชำติที่ก่อใหเ้ กิดปัญหำส่ิงแวดลอ้ มในทอ้ งถิ่น (ว 2.2 ป.3/2) 14. พฤติกรรมในขอ้ ใดทำใหเ้ กิดอำกำศเสียในชุมชน 1 เปิ ดพดั ลมระบำยอำกำศในวนั ที่มีอำกำศร้อน 2 เผำใบไมแ้ หง้ บริเวณหนำ้ บำ้ นวนั เวน้ วนั 3 ตดั กิ่งไมข้ นำดใหญ่ที่พนั กบั เสำไฟฟ้ ำ 4 ถีบรถจกั รยำนไปซ้ือของในตลำดสด ตัวชี้วดั อภิปรำยและนำเสนอกำรใชท้ รัพยำกรธรรมชำติอยำ่ งประหยดั คุม้ ค่ำ และมีส่วนร่วม ในกำรปฏิบตั ิ (ว 2.2 ป.3/3) 15. กำรรณรงคใ์ หป้ ระชำชนช่วยกนั ประหยดั น้ำจะทำใหเ้ กิดผลดีในดำ้ นใดมำกท่ีสุด 1 กำรคมนำคมทำงน้ำสะดวกข้ึน 2 ป้ องกนั ไมใ่ หน้ ้ำทว่ มขงั 3 มีแหล่งน้ำไวใ้ ชไ้ ดน้ ำน 4 เพม่ิ ปริมำณสตั วน์ ้ำ ตวั ชี้วดั สังเกตและระบุลกั ษณะท่ีปรำกฏหรือสมบตั ิของวสั ดุท่ีใชท้ ำของเล่น ของใชใ้ นชีวติ ประจำวนั (ว 3.1 ป.1/1) จำแนกวสั ดุท่ีใชท้ ำของเล่น ของใชใ้ นชีวติ ประจำวนั รวมท้งั ระบุเกณฑท์ ่ีใชจ้ ำแนก (ว 3.1 ป.1/2) 16. ของเล่น ของใชใ้ นขอ้ ใดท่ีทำจำกผำ้ ของเล่น ของใช้ ถุงเทำ้ 1 ตุก๊ ตำหมี ยำงลบ 2 ลูกโป่ ง ปลอกหมอน 3 ผำ้ เช็ดตวั ตะกร้ำ 4 รถจกั รยำน
ตัวชี้วดั ระบุชนิดและเปรียบเทียบสมบตั ิของวสั ดุที่นำมำทำของเล่น ของใชใ้ นชีวติ ประจำวนั (ว 3.1 ป.2/1) เลือกใชว้ สั ดุและสิ่งของตำ่ ง ๆ ไดอ้ ยำ่ งเหมำะสมและปลอดภยั (ว 3.1 ป.2/2) 17. สมบตั ิในขอ้ ใดของยำงพำรำท่ีเหมำะในกำรนำมำทำยำงรถยนต์ 1 มีควำมแขง็ แต่เหนียว ไม่นำไฟฟ้ ำ 2 มีควำมอ่อนนุ่ม น้ำหนกั มำก 3 มีพ้นื ผวิ เรียบ น้ำหนกั เบำ 4 มีควำมคงทน ยดื หยนุ่ ไดด้ ี ตัวชี้วดั จำแนกชนิดและสมบตั ิของวสั ดุที่เป็นส่วนประกอบของของเล่น ของใช้ (ว 3.1 ป.3/1) อธิบำยกำรใชป้ ระโยชน์ของวสั ดุแต่ละชนิด (ว 3.1 ป.3/2) 18. เส้ือกนั ฝนนิยมทำมำจำกวสั ดุในขอ้ ใด เพรำะเหตุใด 1 พลำสติก เพรำะน้ำหนกั เบำ กนั น้ำไดด้ ี 2 ผำ้ เพรำะรำคำถูก ทำควำมสะอำดง่ำย 3 โลหะ เพรำะแขง็ แรง น้ำซึมผำ่ นไม่ได้ 4 ยำง เพรำะน้ำหนกั เบำ ไม่นำไฟฟ้ ำ ตัวชี้วดั ทดลองและอธิบำยผลของกำรเปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึนกบั วสั ดุเมื่อถูกแรงกระทำ หรือทำให้ ร้อนข้ึนหรือทำให้เยน็ ลง (ว 3.2 ป.3/1) 19. วตั ถุในขอ้ ใดเม่ือไดร้ ับควำมร้อนแลว้ สมบตั ิของวสั ดุจะเปล่ียนแปลงไปท้งั หมด 1 น้ำแขง็ เทียนไข ข้ีผ้งึ 2 สบู่ ทองคำ ไอศกรีม 3 น้ำ กระดำษ ชอ้ นโลหะ 4 ธูป ไขไ่ ก่ เมลด็ ขำ้ วโพด
ตัวชี้วดั อภิปรำยประโยชนแ์ ละอนั ตรำยที่อำจเกิดข้ึน เนื่องจำกกำรเปลี่ยนแปลงของวสั ดุ (ว 3.2 ป.3/2) 20. ขอ้ ใดไม่ใช่กำรเปล่ียนแปลงของวสั ดุท่ีอำจทำใหเ้ กิดอนั ตรำย 1 เผำขยะกล่องโฟมในถงั โลหะ 2 ป้ันและอบแป้ งเพ่ือทำขนมปัง 3 จุดดอกไมไ้ ฟในป๊ัมน้ำมนั 4 เล่นหุ่นยนตท์ ี่เป็นสนิม ตวั ชี้วดั ทดลองและอธิบำยแรงไฟฟ้ ำท่ีเกิดจำกกำรถูวตั ถุบำงชนิด (ว 4.1 ป.2/3) 21. ไฟฟ้ ำสถิตเกิดจำกขอ้ ใด 1 กำรเกิดปฏิกิริยำเคมี 2 พลงั งำนแสงอำทิตย์ 3 แรงแม่เหล็ก 4 กำรขดั ถู ตวั ชี้วดั ทดลองกำรตกของวตั ถุสู่พ้ืนโลกและอธิบำยแรงท่ีโลกดึงดูดวตั ถุ (ว 4.1 ป.3/2) 22. แรงดึงดูดของโลกดึงดูดวตั ถุไปในทิศทำงใด 1 ออกจำกศนู ยก์ ลำงของโลก 2 เขำ้ สู่ศนู ยก์ ลำงของโลก 3 ออกไปทุกทิศทุกทำง 4 แนวเหนือ-ใต้
ตวั ชี้วดั ทดลองและอธิบำยไดว้ ำ่ ไฟฟ้ ำเป็นพลงั งำน (ว 5.1 ป.2/1) สำรวจและยกตวั อยำ่ งเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ ำในบำ้ นที่เปล่ียนพลงั งำนไฟฟ้ ำเป็นพลงั งำนอื่น (ว 5.1 ป.2/2) 23. เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ ำในภำพมีประโยชน์และมีกำรเปลี่ยนรูปพลงั งำนตำมขอ้ ใด ประโยชน์ การเปลย่ี นรูปพลงั งาน ไฟฟ้ ำ → กล 1 ใชป้ ่ันเพอื่ ทำน้ำผลไม้ ไฟฟ้ ำ → เสียง 2 ใชท้ ำควำมเยน็ ไฟฟ้ ำ → แสง 3 ใชท้ ำน้ำอุ่น ไฟฟ้ ำ → ควำมร้อน 4 ใชห้ ุงขำ้ ว ตวั ชี้วดั บอกแหล่งพลงั งำนธรรมชำติท่ีใชผ้ ลิตไฟฟ้ ำ (ว 5.1 ป.3/1) 24. แหล่งพลงั งำนในขอ้ ใดท่ีประเทศไทยใชผ้ ลิตกระแสไฟฟ้ ำมำกที่สุด และเป็นแหล่งพลงั งำนประเภทใด 1 พลงั งำนลม - แหล่งพลงั งำนหมุนเวยี น 2 พลงั งำนถ่ำนหิน - แหล่งพลงั งำนที่มีจำกดั 3 พลงั งำนแสงอำทิตย์ - แหล่งพลงั งำนหมุนเวยี น 4 พลงั งำนแก๊สธรรมชำติ - แหล่งพลงั งำนที่มีจำกดั ตัวชี้วดั อธิบำยควำมสำคญั ของพลงั งำนไฟฟ้ ำ และเสนอวธิ ีกำรใชไ้ ฟฟ้ ำอยำ่ งประหยดั และปลอดภยั (ว 5.1 ป.3/2) 25. กำรเลือกซ้ือเครื่องใชไ้ ฟฟ้ ำในขณะท่ีประเทศกำลงั ประสบปัญหำวกิ ฤตพลงั งำน ควรคำนึงถึงขอ้ ใดเป็นสำคญั 1 รูปแบบหรูหรำ ขนำดใหญ่ 2 รำคำถูก วสั ดุประกอบเปลี่ยนง่ำย 3 มีกำรรับประกนั คุณภำพ ประหยดั ไฟฟ้ ำ 4 มีศนู ยร์ ับซ่อมนอ้ ย ระยะเวลำรับประกนั นำน
ตัวชี้วดั สำรวจและจำแนกประเภทของดินโดยใชส้ มบตั ิทำงกำยภำพเป็นเกณฑแ์ ละนำควำมรู้ไปใช้ ประโยชน์ (ว 6.1 ป.2/1) 26. ทดลองนำดินปริมำณเท่ำกนั 5 กระป๋ อง แลว้ เทน้ำปริมำตร 100 ลูกบำศกเ์ ซนติเมตร ลงในดินแตล่ ะชนิด สงั เกตกำรไหลของน้ำผำ่ นดิน ไดผ้ ลกำรทดลองดงั ตำรำง ตาราง ปริมำณน้ำที่ไหลผำ่ นดินชนิดตำ่ ง ๆ ชนิดของดนิ ปริมาณนา้ ทไี่ หลผ่านดนิ (ลกู บาศก์เซนตเิ มตร) A B 92 C 65 D 32 ดินร่วน 70 68 จำกตำรำง ดินในขอ้ ใดเป็นดินเหนียว และดินทรำย ดนิ เหนียว ดินทราย 1 ดิน B ดิน C 2 ดิน A ดิน B 3 ดิน C ดิน A 4 ดิน D ดิน C ตวั ชี้วดั สำรวจและอธิบำยสมบตั ิทำงกำยภำพของน้ำจำกแหล่งน้ำในทอ้ งถิ่นและนำควำมรู้ไปใช้ ประโยชน์ (ว 6.1 ป.3/1) 27. ป่ ำไมม้ ีบทบำทสำคญั ในวฏั จกั รของน้ำตำมขอ้ ใด 1 ควำมร้อนจำกป่ ำไมท้ ำใหน้ ้ำระเหยเป็นไอ 2 ป่ ำไมค้ ำยไอน้ำจำนวนมำกใหบ้ รรยำกำศ 3 ควำมเยน็ จำกป่ ำไมท้ ำใหไ้ อน้ำรวมกนั เป็ นเม 4 ป่ ำไมท้ ำใหไ้ อน้ำในบรรยำกำศเกิดกำรควบแน่น
ตัวชี้วดั สืบคน้ ขอ้ มูลและอภิปรำยส่วนประกอบของอำกำศและควำมสำคญั ของอำกำศ (ว 6.1 ป.3/2) ทดลอง อธิบำยกำรเคล่ือนท่ีของอำกำศท่ีมีผลจำกควำมแตกตำ่ งของอุณหภูมิ (ว 6.1 ป.3/3) 28. ขณะกวำดพ้นื หอ้ งเรียน ถำ้ สังเกตอำกำศบริเวณท่ีมีแสงส่องลอดผำ่ นเขำ้ มำ จะเห็นของแขง็ ขนำดเลก็ ฟ้ ุงกระจำยตำมลำแสง ส่ิงที่สงั เกต สรุปไดต้ ำมขอ้ ใด 1 ในอำกำศมีไอน้ำเป็นส่วนประกอบ 2 ในอำกำศมีฝ่ นุ ละอองเป็นส่วนประกอบ 3 ในอำกำศมีแกส๊ ออกซิเจนเป็ นส่วนประกอบ 4 ในอำกำศมีแก๊สคำร์บอนไดออกไซดเ์ ป็นส่วนประกอบ ตวั ชี้วดั ระบุวำ่ ในทอ้ งฟ้ ำมีดวงอำทิตย์ ดวงจนั ทร์ และดวงดำว (ว 7.1 ป.1/1) 29. ขณะยนื อยทู่ ่ีกรุงเทพมหำนครแลว้ มองเห็นทอ้ งฟ้ ำเป็นคร่ึงทรงกลม ถำ้ เพอ่ื นนกั เรียนท่ีอยบู่ ริเวณ ชำยทะเล สำมำรถมองเห็นทอ้ งฟ้ ำตำมขอ้ ใด 1 2 3 4
ตวั ชี้วดั สงั เกตและอธิบำยกำรข้ึน-ตก ของดวงอำทิตย์ ดวงจนั ทร์ กำรเกิดกลำงวนั กลำงคืน และกำรกำหนดทิศ (ว 7.1 ป.3/1) 30. EF HG จำกภำพ ถำ้ เวลำดงั กล่ำวเป็นเวลำเยน็ ตำแหน่งในขอ้ ใดคือทิศเหนือ 1 ตำแหน่ง E 2 ตำแหน่ง F 3 ตำแหน่ง G 4 ตำแหน่ง H
ส่วนท่ี 2 : แบบเลือกตอบจำกแต่ละกลุ่มที่สัมพนั ธ์กนั จำนวน 5 ขอ้ (ขอ้ 31-35) ขอ้ ละ 2 คะแนน รวม 10 คะแนน ตอบถูก 1 คำตอบ ได้ 1 คะแนน ตอบถูก 2 คำตอบ ได้ 2 คะแนน ตัวชี้วดั ทดลองและอธิบำยกำรดึงหรือกำรผลกั วตั ถุ (ว 4.1 ป.1/1) 31. กิจกรรมในขอ้ ใดใชแ้ รงผลกั 1 ชกั เยอ่ 2 เล่นวำ่ ว 3 เขน็ รถเขน็ 4 ตีลูกแบดมินตนั ตัวชี้วดั ทดลองและอธิบำยแรงท่ีเกิดจำกแม่เหล็ก (ว 4.1 ป.2/1) อธิบำยกำรนำแมเ่ หลก็ มำใชป้ ระโยชน์ (ว 4.1 ป.2/2) 32. ทดลองนำแม่เหลก็ 2 อนั วำงใกลก้ นั ไดผ้ ลกำรทดลองดงั ภำพ ขอ้ ใดกล่ำวถูกตอ้ ง 1 A และ D เป็นข้วั เหนือ 2 B และ D เป็นข้วั ใต้ 3 B และ C เป็นข้วั ใต้ 4 A และ C เป็นข้วั เหนือ
ตัวชี้วดั : ทดลองและอธิบำยผลของกำรออกแรงที่กระทำตอ่ วตั ถุ (ว 4.1 ป.3/1) 33. ลูกแกว้ 2 ลูก มีขนำดและน้ำหนกั เทำ่ กนั ถำ้ ออกแรงผลกั ลูกแกว้ ลูกหน่ึงแรงกวำ่ ลูกแกว้ อีกลูกหน่ึงในพ้นื ผวิ เดียวกนั และทิศทำงเดียวกนั ลูกแกว้ A ลูกแกว้ B ขอ้ ใดสรุปถูกตอ้ ง 1 ลูกแกว้ A เคล่ือนท่ีเร็วกวำ่ ลูกแกว้ B 2 ลูกแกว้ A และ B มีรูปร่ำงท่ีเปลี่ยนแปลงไป 3 ลูกแกว้ A และ B เคลื่อนท่ีไดร้ ะยะทำงเท่ำกนั 4 ลูกแกว้ B เคล่ือนที่ไดร้ ะยะทำงนอ้ ยกวำ่ ลูกแกว้ A ตวั ชี้วดั สำรวจ ทดลอง และอธิบำยองคป์ ระกอบและสมบตั ิทำงกำยภำพของดินในทอ้ งถิ่น (ว 6.1 ป.1/1) 34. ช่องวำ่ งในเน้ือดินจะมีสิ่งใดอยู่ 1 ถุงพลำสติก 2 อำกำศ 3 มด 4 น้ำ ตวั ชี้วดั สืบคน้ และอภิปรำยควำมสำคญั ของดวงอำทิตย์ (ว 7.1 ป.2/1) 35. ขอ้ ใดเป็นประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจำกพลงั งำนควำมร้อนของดวงอำทิตย์ 1 ใหค้ วำมอบอุ่นแก่สิ่งมีชีวติ 2 ช่วยในกำรสร้ำงอำหำรของพืช 3 ทำใหน้ ้ำในแหล่งน้ำเกิดกำรระเหย 4 ช่วยใหเ้ ซลลส์ ุริยะเปล่ียนพลงั งำนเป็นพลงั งำนไฟฟ้ ำ
ชุดที่ 1 เฉลยแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนเตรียมสอบ NT กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 3 ข้อ เฉลย เหตุผล 1 4 แมวท่ีเล้ียงไวอ้ อกลูก 5 ตวั แสดงวำ่ ส่ิงมีชีวติ มีกำรสืบพนั ธุ์และมีลูกได้ 2 2 นกกระจอกเทศมีปี กแต่บินไมไ่ ดจ้ ึงใชข้ ำในกำรเคลื่อนท่ี โลมำสีชมพเู ป็นสัตวเ์ ล้ียงลูกดว้ ยน้ำนมท่ีอำศยั อยใู่ นน้ำจึงมคี รีบใชใ้ นกำรเคล่ือนท่ี 3 3 กำรลำ้ งมือก่อนรับประทำนอำหำรและหลงั เขำ้ ห้องน้ำทุกคร้ังเป็นกำรป้ องกนั และดูแลรักษำอวยั วะภำยนอกของร่ำงกำยใหส้ ะอำด ปรำศจำกเช้ือโรค 4 3 น้ำทำใหเ้ ปลือกหุม้ เมลด็ ของถวั่ เขียวมีควำมอ่อนนุ่มลง ทำใหร้ ำกสำมำรถงอกได้ 5 2 ดอกคุณนำยต่ืนสำยจะบำนเมื่อไดร้ ับแสงแดดในตอนสำย มีส่ิงเร้ำคือ แสง เช่นเดียวกบั ดอกทำนตะวนั จะหนั ดอกไปทำงท่ีมีดวงอำทิตย์ 6 4 เม่ือโดนบำนหนำ้ ต่ำงหนีบนิ้วมือ แลว้ รีบดึงมือออกเป็นกำรตอบสนองต่อส่ิงเร้ำ คือ กำรสมั ผสั 7 3 มนุษยต์ อ้ งกำรอำหำร น้ำ อำกำศ เพ่อื กำรดำรงชีวติ และกำรเจริญเติบโต ดงั น้นั กำรรับประทำนอำหำรในแตล่ ะม้ือให้ครบ 5 หมู่ และออกกำลงั กำย เป็นประจำ ช่วยใหร้ ่ำงกำยเจริญเติบโต แขง็ แรง 8 1 ปลำ กงุ้ และหมึก เป็นสัตวน์ ้ำ อำศยั อยใู่ นน้ำ 9 4 ควำยเล้ียงไวเ้ พื่อไถนำเป็ นกำรใชแ้ รงงำน และแกะเล้ียงไวเ้ พื่อนำขนมำทำเครื่องนุ่งห่ม 10 3 พอ่ แมส่ ำมำรถถ่ำยทอดลกั ษณะทำงพนั ธุกรรมสู่ลูกไดโ้ ดยผมตรง ผวิ ขำว มีลกั ยมิ้ หนงั ตำสองช้นั จมูกโด่ง ไม่มีต่ิงหู ห่อลิ้นได้ และตวั สูง เป็นลกั ษณะทำงพนั ธุกรรม ส่วนแผลเป็น และผมส้ัน ไมเ่ ป็นลกั ษณะทำงพนั ธุกรรม 11 2 กำรอนุรักษท์ รัพยำกร หมำยถึง กำรรู้จกั ใชท้ รัพยำกรที่ไดจ้ ำกธรรมชำติอยำ่ งประหยดั และใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ตอ่ มวลชนมำกท่ีสุด ใหเ้ กิดกำรสูญเปล่ำนอ้ ยที่สุด ดงั น้นั กำรซ้ือหรือเพำะลูกปลำเพ่ือนำมำปล่อยทดแทนปลำในแม่น้ำ ท่ีกำลงั จะสูญพนั ธุ์จึงเป็นวธิ ีกำรอนุรักษป์ ลำ 12 3 จิง้ จกกบั แมลง มีควำมสัมพนั ธ์แบบภำวะล่ำเหยอื่ เหมือนสิงโตกบั กวำง โดยจิง้ จกเป็นผลู้ ่ำ เป็นผทู้ ่ีไดป้ ระโยชน์ ส่วนแมลงเป็นเหยอ่ื เป็นผทู้ ี่เสียประโยชน์ ส่วนฉลำมกบั เหำฉลำม มีควำมสัมพนั ธ์แบบภำวะอิงอำศยั กำฝำกกบั ตน้ ไมใ้ หญ่ มีควำมสัมพนั ธ์แบบภำวะปรสิต และรำกบั สำหร่ำย มีควำมสมั พนั ธ์แบบภำวะพ่งึ พำกนั
ข้อ เฉลย เหตุผล 13 4 ทรัพยำกรธรรมชำติแบ่งเป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ 1. ทรัพยำกรธรรมชำติประเภทหมุนเวยี น ไดแ้ ก่ ดิน น้ำ สตั วป์ ่ ำ ป่ ำไม้ อำกำศ 2. ทรัพยำกรธรรมชำติประเภทสูญสิ้น ไดแ้ ก่ แร่ น้ำมนั ถ่ำนหิน หินน้ำมนั 14 2 กำรเผำใบไมแ้ หง้ ทำใหส้ ่วนประกอบของอำกำศเปลี่ยนแปลง ทำใหป้ ริมำณแก๊สคำร์บอนไดออกไซดใ์ นอำกำศบริเวณชุมชนเพมิ่ มำกข้ึน ทำใหใ้ นชุมชนเกิดอำกำศเสีย 15 3 กำรช่วยกนั ประหยดั น้ำทำให้มีแหล่งน้ำไวใ้ ชไ้ ดน้ ำน 16 1 ตุก๊ ตำหมี และถุงเทำ้ ทำมำจำกผำ้ ส่วนผำ้ เช็ดตวั และปลอกหมอน ทำมำจำกผำ้ แต่ผำ้ เช็ดตวั เป็นของใช้ ลูกโป่ ง และยำงลบ ทำมำจำกยำง รถจกั รยำน ทำมำจำกโลหะ พลำสติก และยำง ตะกร้ำ ทำมำจำกพลำสติก 17 4 ยำงพำรำมีสมบตั ิในดำ้ นควำมเหนียว คงทน และยดื หยนุ่ ไดด้ ี เหมำะสำหรับนำมำทำยำงรถยนต์ สำยยำง ถุงมือยำง ลูกโป่ ง 18 1 เส้ือกนั ฝนนิยมทำมำจำกพลำสติก เนื่องจำกพลำสติกมีสมบตั ิ คือ น้ำหนกั เบำ และกนั น้ำไดด้ ี 19 4 ธูป ไข่ไก่ และขำ้ วโพด เม่ือไดร้ ับควำมร้อนแลว้ จะทำให้สมบตั ิของวสั ดุ เกิดกำรเปลี่ยนแปลงหรือไดส้ ำรใหมเ่ กิดข้ึน ดงั น้ี ธูป ไดร้ ับควำมร้อน ข้ีเถำ้ ไดร้ ับควำมร้อน ไข่ไก่ โดยกำรทอด ไขด่ ำว ขำ้ วโพด ไดร้ ับควำมร้อน ขำ้ วโพดคว่ั 20 2 กำรใชแ้ รงในกำรป้ันและให้ควำมร้อนในกำรอบแป้ งเพื่อทำขนมปัง เป็นกำรเปลี่ยนแปลงของวสั ดุที่ทำใหเ้ กิดประโยชน์ 21 4 แรงไฟฟ้ ำเกิดข้ึนเม่ือนำวตั ถุ 2 ชนิดที่แหง้ ขดั ถูกนั เรียกแรงไฟฟ้ ำที่เกิดข้ึนวำ่ ไฟฟ้ ำสถิต 22 2 แรงดึงดูดของโลกจะดึงดูดวตั ถุเขำ้ สู่ศนู ยก์ ลำงของโลกเสมอ 23 1 เคร่ืองป่ันน้ำผลไมใ้ ชป้ ่ันเพื่อทำน้ำผลไม้ มีกำรเปลี่ยนรูปพลงั งำนไฟฟ้ ำเป็นพลงั งำนกล 24 4 ประเทศไทยใชพ้ ลงั งำนจำกแก๊สธรรมชำติ เป็ นแหล่งพลงั งำนท่ีมีจำกดั ในกำรผลิตกระแสไฟฟ้ ำประมำณ 70% พลงั งำนถ่ำนหิน 20% รองลงมำคือ พลงั งำนน้ำ พลงั งำนลม และพลงั งำนแสงอำทิตย์
ข้อ เฉลย เหตุผล 25 3 ขอ้ ควรคำนึงถึงมำกท่ีสุดในกำรเลือกซ้ือเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ ำ คือ มีกำรรับประกนั - คุณภำพ และประหยดั ไฟฟ้ ำ เพ่ือใหส้ ำมำรถใชเ้ ครื่องใชไ้ ฟฟ้ ำท่ีไดม้ ำตรฐำน และช่วยประเทศชำติประหยดั พลงั งำน 26 3 สมบตั ิของดินเหนียว คือ เน้ือดินละเอียด น้ำและอำกำศซึมผำ่ นไดย้ ำก อุม้ น้ำไดด้ ีมำก สมบตั ิของดินทรำย คือ เน้ือดินหยำบ น้ำและอำกำศซึมผำ่ นไดเ้ ร็ว ไมอ่ ุม้ น้ำ ดงั น้นั ดินเหนียว คือ ดิน C และดินทรำย คือ ดิน A 27 2 ป่ ำไมจ้ ะคำยไอน้ำจำนวนมำกใหบ้ รรยำกำศ ไอน้ำเม่ือกระทบควำมเยน็ จะควบแน่น และกลำยเป็นละอองน้ำเล็ก ๆ รวมกนั เป็นเม และเม่ือละอองน้ำในเม - มีขนำดใหญ่ข้ึน จะตกลงมำเป็นฝนลงสู่พ้ืนดินหรือแหล่งน้ำอีกคร้ัง 28 2 ฝ่ นุ ละอองในอำกำศมีลกั ษณะเป็นของแขง็ ขนำดเลก็ ฟ้ ุงกระจำยอยใู่ นอำกำศ 29 4 โลกของเรำมีลกั ษณะเป็ นทรงกลมท่ีมีบรรยำกำศห่อหุม้ อยู่ ดงั น้นั ไม่วำ่ เรำจะอยทู่ ่ีใด ในโลก เรำจะมองเห็นทอ้ งฟ้ ำเป็นรูปคร่ึงทรงกลม 30 2 ดวงอำทิตยข์ ้ึนทำงทิศตะวนั ออกในเวลำเชำ้ และตกทำงทิศตะวนั ตกในเวลำเยน็ ดงั น้นั ตำแหน่ง E = ทิศตะวนั ตก ตำแหน่ง G = ทิศตะวนั ออก ตำแหน่ง F = ทิศเหนือ ตำแหน่ง H = ทิศใต้ 31 3 เขน็ รถเขน็ ตีลูกแบดมินตนั เป็นกำรออกแรงผลกั 4 ส่วนชกั เยอ่ เล่นวำ่ ว เป็นกำรออกแรงดึง 32 1 แม่เหล็กจะมีแรงดูดต่อกนั เมื่อข้วั ต่ำงกนั เขำ้ ใกลก้ นั 3 และมีแรงผลกั ต่อกนั เมื่อข้วั เหมือนกนั เขำ้ ใกลก้ นั ดงั น้นั ถำ้ A เป็นข้วั เหนือ B เป็นข้วั ใต้ จะเกิดแรงดูดก็ต่อเม่ือ C เป็นข้วั ใต้ และ D เป็นข้วั เหนือ 33 1 ถำ้ ออกแรงผลกั วตั ถุ A แรงกวำ่ วตั ถุ B ในทิศทำงเดียวกนั บนพ้ืนผวิ เดียวกนั 4 โดยวตั ถุท้งั สองมีขนำดและน้ำหนกั ที่เท่ำกนั สรุปไดว้ ำ่ วตั ถุ A เคลื่อนที่เร็วกวำ่ วตั ถุ B และวตั ถุ B เคลื่อนท่ีไดร้ ะยะทำงนอ้ ยกวำ่ วตั ถุ A 34 2 ดินเกิดจำกหินและแร่คลุกเคลำ้ ผสมกบั ซำกพชื ซำกสัตว์ 4 โดยมีน้ำและอำกำศแทรกอยใู่ นช่องวำ่ งในเน้ือดิน 35 1 ดวงอำทิตยใ์ หพ้ ลงั งำนแสงและพลงั งำนควำมร้อน โดยพลงั งำนควำมร้อนจำก 3 ดวงอำทิตยท์ ำใหน้ ้ำในแหล่งน้ำเกิดกำรระเหย และใหค้ วำมอบอุ่นแก่สิ่งมีชีวติ ส่วนพลงั งำนแสงจำกดวงอำทิตยช์ ่วยในกำรสร้ำงอำหำรของพืช และใชใ้ นกำร ผลิตกระแสไฟฟ้ ำ โดยผำ่ นเซลลส์ ุริยะ
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: